SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  9
Télécharger pour lire hors ligne
บทที่ 2

                                       เอกสารที่เกี่ยวข้อง

         ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่องวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

         2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
         2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
         2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)


         ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อการดาเนินชีวิตของ
เรามากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่รู้สึกตัวว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยที่สาคัญต่อการดารงชีวิตในยุคข้อมูล
ข่าวสารมีความสาคัญ คนหันมาบริโภคข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
เปรียบเสมือนถนนสาหรับการเข้าไปถึงข้อมูลที่ต้องการ เรายังต้องการเครื่องมือที่จะสามารถสร้าง
เนื้อหาและข้อมูลต่างๆ ไว้รองรับการเข้าถึง นั่นก็คือเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่งเป็นตัวกลางคอยให้
ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงจาก
เดิมไปมาก
         ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต กาลังเป็นที่นิยมและมีผลกระทบในทุกๆ
ด้านในปัจจุบัน ทาให้ทุกคน ทุกสังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยน
เปลี่ยนแปลงในโลกของการสื่อสาร และการพัฒนาของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web;
WWW) จากยุคแรก คือ Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static Web คือมีการนาเสนอข้อมูลทางเดียว
(one-way communication) ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเราให้อยู่ในรูปของดิจิตอล
(Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือการโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถอ่านได้แต่
ไม่สามารถเข้าร่วมในการสร้างข้อมูลได้ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่ 2 ของเทคโนโลยีคือ WWW หรือ
Web 2.0 เป็นยุคที่ทาให้อินเทอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการ
สร้างสรรค์
         จุดกาเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยุค Web 3.0 ความนิยมขอ Social
Media มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและมีแนวโน้มของผู้ใช้บริการทั่วโลก ปัจจุบัน Social Network
Website ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนา และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์เชิง
สังคมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ การสร้างเว็บ Blog เพื่อเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบ
ต่างๆ
        ในเรื่องของเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับ การพัฒนาของคอมพิวเตอร์ นั้น เป็นความสนใจ
ส่วนตัวที่อยากจะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ การพัฒนาของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

       จากการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ เราแบ่งยุคของคอมพิวเตอร์จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โดยแบ่งคอมพิวเตอร์เป็น 4 ยุค ดังนี้

    1. ยุคที่ 1 ค.ศ. 1944 - 1958 เป็นยุคที่ใช้หลอดสูญญากาศ

    2. ยุคที่ 2 ค.ศ. 1659 - 1964 เป็นยุคที่ใช้ทรานซิสเตอร์

    3. ยุคที่ 3 ค.ศ. 1965 - 1970 เป็นยุคที่ใช้ระบบวงจร IC

    4. ยุคที่ 4 ค.ศ. 1970 - ปัจจุบัน ซึ่งใช้ระบบ Large Scale Intergrarion (LSI) วงจรกึ่งตัวนา

     คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยในยุดคอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ในปี
พ.ศ. 2507 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นาเข้ามาใช้ในการศึกษา ในระยะเวลาเดียวกันสานักงาน
สถิติแห่งชาติ
ก็นามาเพื่อใช้ในกรคานวณสามโนประชากร นับเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ในประเทศไทย
คอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์นี้
หน่วยเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้รับารพัฒนาไปมากจนทาให้ระบบการเก็บข้อมูลในจาน
แม่เหล็กมีความจุได้สูงขึ้นมาก




การแบ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ตามขนาดในการใช้งาน

    1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นเคร่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการคานวณด้วย
ความเร็วสูง ใช้ในการสารวจและ
วิจัยองค์การขนาดใหญ่ของรัฐบาล หรืองานระดับโลก เช่น งานสารวจอวกาศขององค์ารนาซาร์ ซึ่ง
จาเป็นต้องใช้ในระบบเครือข่าย
ขนาดใหญ่

         คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
เช่น องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกา
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการคานวณ และควบคุมยานอวกาศต่าง ๆ ในยุคแรก และมีพฒนาการ
                                                                            ั
ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

    2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)

       เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ คือ สามารถทางานได้รวดเร็ว
หลายสิบล้านคาสั่งต่อวินาที
จึงเหมาะกับการใช้งานในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับ
ข้อมูลจานวนมาก เช่น งานธนาคาร
หรืองานของสานักงานทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้




                                น

    3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)

      มินิคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าไมโครคอมพิเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีใช้ตาม
สถานศึษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง
มินิคอมพิวเตอร์จึงเหมาะกับงานหลายประเภท เช่น วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ นอกจากนี้ยัง
ใช้ในหน่วยงานราชการอีกด้วย

     4. ไมโครคอมพิวเตร์ (Microcomputer)

            ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและมีราคาค่อนข้างถูกคอมพิวเตอร์
ประเภทนี้ถูกเรียกว่า
"ไมโครคอมพิวเตอร์" ที่ใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่อง Macintosh และกลุ่ม
เครื่อง PC

        ดังนั้น ผู้จัดทาจึงได้มีความคิดที่จะนาเอารูปแบบของ WebBlog ด้วยเว็บไซต์ Wordpress
มาใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการพัฒนาของคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษา เผยแพร่ความรู้
ดังกล่าวสู่ผู้สนใจต่อไป


2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
        คือการที่ผู้คนสามารถทาความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็น
เว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่าง
ของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social
Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนามาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้
ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนา url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมา
ช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น
2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media

          ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวย
ความสะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิต
ได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและ
ให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิต
สามารถผลิตสินค้าได้เป็นจานวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการ
ติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสาร
กันได้ตลอดเวลา พัฒนาการของเทคโนโลยีทาห้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีต
โลกมีกาเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกา
เนินบนโลก

ประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์
ค่อยๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่าง
กันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ
5000 ปีที่แล้วกล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษา
พูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000
ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500
ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทาให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษา
เพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้
ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์
ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์
หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการ
พัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะ
เห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่
ตลอดเวลา



 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
                 (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา
(Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า
Post และทาการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือ
โปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็
ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มี
ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัด
เรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลก
ออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิด
ลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง

2) Twitter และ Microblog อืนๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง
                            ่
ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลัง
ทาอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่
ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหาร
ความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ
ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท
Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ
การนา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง

(3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ
เพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ
กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และ
อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน
ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย

นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการ
สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages
และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group
ขึ้นมาได้

เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท
แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ
Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และ
ข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น

(4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปัน
ให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่
จาเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ
ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก
ความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขาย
สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม
หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็นต้น
หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอ
รีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง

(5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน
อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชน
ช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking
นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่
ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา
Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอก
ต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ

(6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คน
เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ
การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง
การแนะนาสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ
บางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความ
เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ
เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์
เนื้อหาต่างๆ

2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
         2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
                 ความหมายของเว็บบล็อกคือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะ
เหมือนกับ เว็บบอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบันทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วนตัวเหมือนกับ
ไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบบทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ ก็
คือเป็นเว็บที่สามารถเชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น
2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

        1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อก
รุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผู้ให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่
ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง
แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของ
บล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยัง
นึกไม่ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทาบล็อกได้เป็นอย่างดี1.2
Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อก
อยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของ
บล็อกล้วน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog
เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด
อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตร
ประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก2.3
บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อก
การเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog)
พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่
วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชย หยุ่น2.7
                                                                                       ั
บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่อง
ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย
ในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติวเตอร์บล็อก
(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก

           www.wordpress.com
           www.google.com
           www.facebook.com

           2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Wordpress
           wordpress หลายคนรู้จักกันดีและบางคนก็อาจจะกาลังใช้งานอยู่ก็ได้แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า
wordpress มีประวัติความเป็นมายังไงเดี๋ยวจะได้รู้กันครับ
ความเป็นมาของ wordpres เริ่มจาก B2 หรือ cafelog คือผู้ที่ให้กาเนิดการทางานของเว็บบล๊อกที่ชื่อ
ว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ขึ้นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก wordpress
อยู่ประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กับ MySQL
โดยผู้เขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็นผู้ร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น wordpress ยัง
อยู่ใน B2evolution
wordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็นความพยายามของ Matt Mullenweg และ Mike little
ในปี 2004 ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทาให้มีผู้งาน wordpress จานวนมากขึ้น และเริ่มก่อเกิด
แบรนด์ wp หรือ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งานมากขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง
ปัจจุบัน
ในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศในเรื่องของ Packt open source CMS award

Contenu connexe

Tendances

Tendances (8)

01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบร่างเค้าโครงงาน
แบบร่างเค้าโครงงานแบบร่างเค้าโครงงาน
แบบร่างเค้าโครงงาน
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
2
22
2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
งาน
งานงาน
งาน
 

Similaire à 02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องWilaiporn Seehawong
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำWilaiporn Seehawong
 
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)ณัฐพล บัวพันธ์
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำApitsara Kaewkerd
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำApitsara Kaewkerd
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำAnutra Rit-in
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำSaranya Butte
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำApitsara Kaewkerd
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำSaranya Butte
 
บทที่ 2p
บทที่ 2pบทที่ 2p
บทที่ 2pshopper38
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องM'suKanya MinHyuk
 
01 บทที่ 1-บทนำ1
01 บทที่ 1-บทนำ101 บทที่ 1-บทนำ1
01 บทที่ 1-บทนำ1M'suKanya MinHyuk
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำTanyarad Chansawang
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1She's Ning
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1shopper38
 
บทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำบทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำBeeiiz Gubee
 
บทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำบทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำBeeiiz Gubee
 
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำบทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำTangkwa Tom
 

Similaire à 02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง (20)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 2p
บทที่ 2pบทที่ 2p
บทที่ 2p
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
01 บทที่ 1-บทนำ1
01 บทที่ 1-บทนำ101 บทที่ 1-บทนำ1
01 บทที่ 1-บทนำ1
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
1บท1
1บท11บท1
1บท1
 
บทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำบทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำ
 
บทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำบทที่ 1บทนำ
บทที่ 1บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำบทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำ
 

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่องวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อการดาเนินชีวิตของ เรามากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่รู้สึกตัวว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยที่สาคัญต่อการดารงชีวิตในยุคข้อมูล ข่าวสารมีความสาคัญ คนหันมาบริโภคข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนถนนสาหรับการเข้าไปถึงข้อมูลที่ต้องการ เรายังต้องการเครื่องมือที่จะสามารถสร้าง เนื้อหาและข้อมูลต่างๆ ไว้รองรับการเข้าถึง นั่นก็คือเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่งเป็นตัวกลางคอยให้ ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงจาก เดิมไปมาก ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต กาลังเป็นที่นิยมและมีผลกระทบในทุกๆ ด้านในปัจจุบัน ทาให้ทุกคน ทุกสังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงในโลกของการสื่อสาร และการพัฒนาของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web; WWW) จากยุคแรก คือ Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static Web คือมีการนาเสนอข้อมูลทางเดียว (one-way communication) ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเราให้อยู่ในรูปของดิจิตอล (Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือการโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถอ่านได้แต่ ไม่สามารถเข้าร่วมในการสร้างข้อมูลได้ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่ 2 ของเทคโนโลยีคือ WWW หรือ Web 2.0 เป็นยุคที่ทาให้อินเทอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการ สร้างสรรค์ จุดกาเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยุค Web 3.0 ความนิยมขอ Social
  • 2. Media มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและมีแนวโน้มของผู้ใช้บริการทั่วโลก ปัจจุบัน Social Network Website ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนา และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์เชิง สังคมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ การสร้างเว็บ Blog เพื่อเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบ ต่างๆ ในเรื่องของเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับ การพัฒนาของคอมพิวเตอร์ นั้น เป็นความสนใจ ส่วนตัวที่อยากจะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ การพัฒนาของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ จากการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ เราแบ่งยุคของคอมพิวเตอร์จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งคอมพิวเตอร์เป็น 4 ยุค ดังนี้ 1. ยุคที่ 1 ค.ศ. 1944 - 1958 เป็นยุคที่ใช้หลอดสูญญากาศ 2. ยุคที่ 2 ค.ศ. 1659 - 1964 เป็นยุคที่ใช้ทรานซิสเตอร์ 3. ยุคที่ 3 ค.ศ. 1965 - 1970 เป็นยุคที่ใช้ระบบวงจร IC 4. ยุคที่ 4 ค.ศ. 1970 - ปัจจุบัน ซึ่งใช้ระบบ Large Scale Intergrarion (LSI) วงจรกึ่งตัวนา คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยในยุดคอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ในปี พ.ศ. 2507 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นาเข้ามาใช้ในการศึกษา ในระยะเวลาเดียวกันสานักงาน สถิติแห่งชาติ ก็นามาเพื่อใช้ในกรคานวณสามโนประชากร นับเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ในประเทศไทย คอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์นี้ หน่วยเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้รับารพัฒนาไปมากจนทาให้ระบบการเก็บข้อมูลในจาน แม่เหล็กมีความจุได้สูงขึ้นมาก การแบ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ตามขนาดในการใช้งาน 1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
  • 3. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นเคร่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการคานวณด้วย ความเร็วสูง ใช้ในการสารวจและ วิจัยองค์การขนาดใหญ่ของรัฐบาล หรืองานระดับโลก เช่น งานสารวจอวกาศขององค์ารนาซาร์ ซึ่ง จาเป็นต้องใช้ในระบบเครือข่าย ขนาดใหญ่ คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เช่น องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการคานวณ และควบคุมยานอวกาศต่าง ๆ ในยุคแรก และมีพฒนาการ ั ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ คือ สามารถทางานได้รวดเร็ว หลายสิบล้านคาสั่งต่อวินาที จึงเหมาะกับการใช้งานในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับ ข้อมูลจานวนมาก เช่น งานธนาคาร หรืองานของสานักงานทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้ น 3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) มินิคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าไมโครคอมพิเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีใช้ตาม สถานศึษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง
  • 4. มินิคอมพิวเตอร์จึงเหมาะกับงานหลายประเภท เช่น วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ นอกจากนี้ยัง ใช้ในหน่วยงานราชการอีกด้วย 4. ไมโครคอมพิวเตร์ (Microcomputer) ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและมีราคาค่อนข้างถูกคอมพิวเตอร์ ประเภทนี้ถูกเรียกว่า "ไมโครคอมพิวเตอร์" ที่ใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่อง Macintosh และกลุ่ม เครื่อง PC ดังนั้น ผู้จัดทาจึงได้มีความคิดที่จะนาเอารูปแบบของ WebBlog ด้วยเว็บไซต์ Wordpress มาใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการพัฒนาของคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษา เผยแพร่ความรู้ ดังกล่าวสู่ผู้สนใจต่อไป 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต คือการที่ผู้คนสามารถทาความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็น เว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่าง ของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนามาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนา url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมา ช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวย ความสะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิต ได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและ ให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิต สามารถผลิตสินค้าได้เป็นจานวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการ ติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสาร กันได้ตลอดเวลา พัฒนาการของเทคโนโลยีทาห้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีต
  • 5. โลกมีกาเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกา เนินบนโลก ประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อยๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่าง กันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้วกล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษา พูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทาให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษา เพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการ พัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะ เห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ ตลอดเวลา 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือ โปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มี ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัด เรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลก
  • 6. ออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิด ลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง 2) Twitter และ Microblog อืนๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง ่ ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลัง ทาอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหาร ความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ การนา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ เพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และ อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการ สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ขึ้นมาได้ เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และ ข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น (4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปัน ให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่ จาเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก
  • 7. ความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขาย สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็นต้น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอ รีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง (5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชน ช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอก ต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ (6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คน เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง การแนะนาสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ บางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความ เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์ เนื้อหาต่างๆ 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) ความหมายของเว็บบล็อกคือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะ เหมือนกับ เว็บบอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบันทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วนตัวเหมือนกับ ไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบบทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ ก็ คือเป็นเว็บที่สามารถเชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น
  • 8. 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อก รุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผู้ให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของ บล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยัง นึกไม่ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทาบล็อกได้เป็นอย่างดี1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อก อยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของ บล็อกล้วน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตร ประจาวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อก การเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่ วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชย หยุ่น2.7 ั บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่อง ซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
  • 9. 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก www.wordpress.com www.google.com www.facebook.com 2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Wordpress wordpress หลายคนรู้จักกันดีและบางคนก็อาจจะกาลังใช้งานอยู่ก็ได้แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า wordpress มีประวัติความเป็นมายังไงเดี๋ยวจะได้รู้กันครับ ความเป็นมาของ wordpres เริ่มจาก B2 หรือ cafelog คือผู้ที่ให้กาเนิดการทางานของเว็บบล๊อกที่ชื่อ ว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ขึ้นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก wordpress อยู่ประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กับ MySQL โดยผู้เขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็นผู้ร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น wordpress ยัง อยู่ใน B2evolution wordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็นความพยายามของ Matt Mullenweg และ Mike little ในปี 2004 ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทาให้มีผู้งาน wordpress จานวนมากขึ้น และเริ่มก่อเกิด แบรนด์ wp หรือ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งานมากขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง ปัจจุบัน ในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศในเรื่องของ Packt open source CMS award