Contenu connexe
Similaire à ไม่เหนื่อยไม่ท้อ ไม่เครียด เมื่อรู้จักตนเอง
Similaire à ไม่เหนื่อยไม่ท้อ ไม่เครียด เมื่อรู้จักตนเอง (20)
ไม่เหนื่อยไม่ท้อ ไม่เครียด เมื่อรู้จักตนเอง
- 1. อ่านอย่างไรให้ประสบผลสาเร็จ 1
ไม่เหนื่อยไม่ท้อ ไม่เครียด เมื่อรู้จักตนเอง
สวัสดีค่ะ....ลูกๆ ที่น่ารักทุกคน
<<<<<< เขียนโดยครูแป๋ว >>>>>
นักเรียนที่รักทุกคน ทุกท่านที่กาลังอ่านอยู่ ................และยังไม่รู้เป้าหมายของตนเอง....
ยังมีคาถามมากมายหลายเรื่องวนเวียนมา ในตอนนี้ ซึ่งเป็นทางแยกที่เราต้องตัดสินใจให้ดีว่า
เราเหมาะสม หรืออยากเป็นอะไรกันแน่ ..................... * ๐ >
เรื่องที่ครูรู้สึกอยากเล่า เพราะหลังจากเป็นครูแนะแนวมากว่า 3 ปี ทั้งตลอดเวลา
ที่ทางานนักเรียนแต่ละรุ่น ได้ฟังเรื่องกังวลใจของนักเรียนๆ มาก็หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ได้ยิน
บ่อยคือ
"ครูครับ ผมเรียนเยอะมากเลย วิชาที่ต้องอ่านก็เยอะ จะทาไงครับไม่ทันแน่ๆ "
"ครูค่ะ เหนื่อยมากอ่ะค่ะ เรียนกันเช้ายันเย็นเลย"
"ไหนจะต้องเรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้วยังต้องสังคม อีก เบลออาๆๆ"
"ผมว่าผมถนัดหลายอย่าง แต่ยังไม่รู้แนวที่ผมชอบครับ"
และอีกมากมาย ทีนักเรียน ๆ รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องยากและเยอะเหลือเกิน
่
ครูจึงลองนึกไปถึงสมัยของตัวเองค่ะ ครูเรียนที่โรงเรียนพะทายพิทยาคม สายวิทย์
คณิต และ เรียนที่ ม.มหาสารคาม สาขาชีววิทยาค่ะ
.......สมัยนั้นครูอยู่ ม.6/2 การเรียนก็ใช้ได้พอสมควร (คิดเข้าข้างตัวเอง ...555 )
สมัยนั้นใครเป็นครูแนะแนว ครูไม่รู้จักเลย....และก็ไม่รู้ว่ามีไปทาไม ????? แต่ครูรู้อย่าง
เดียวว่าใน 8 วิชาหลักเนี่ย ครูจะชอบอ่านๆๆๆๆ วิชาชีววิทยา (Biology) ก่อนวิชาอื่นๆ
และให้ความสัมคัญมากกว่าวิชาอื่นๆ ค่ะ
.....การสอบสมัยนั้น ยังไม่มี GAT/PAT เหมือนพวกเราจะเป็น
Entrane ซึ่งมีปีละ 2 ครั้ง 1/ตุลาคม และ 2/ มีนาคม .....รับตรงจะ
- 2. อ่านอย่างไรให้ประสบผลสาเร็จ 2
เลือกได้ 1 สาขา 1 คณะ และ 1 มหาวิทยาลัย เท่านั้น...... (ไม่มีให้เลือกหลายมหาลัย หลาย
สาขา แบบนี้ ^_^ )
.... แต่ครูเรียนพิเศษน้อยมาก เรียนเพียงวิชาเดียวคือวิชาฟิสิกส์ 1 ครั้ง (ได้
แนวข้อสอบ 3 ข้อ แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ยังไง 5555 )
ครูท่านหนึ่งได้ให้แนวทาง การเรียน ที่เป็นกุญแจสาคัญ สู่ทุกการเรียนของครู
นับแต่ ม.ปลายจน มหาลัยเชียวค่ะ
อยากรู้ไหมครับ ทาอย่างไรเรียนไม่เหนื่อย เรียนไม่เครียด แถมสอบติดด้วยนะ
ค่ะ ^ ^b
เคล็ดไม่ลับ 3 ข้อนี้ ผ่านเรื่องเล่าของครูอาจจะยาวหน่อย แต่มาลองดูกันเลยครับ
1. รู้จักตนเอง และรู้จักเป้าหมายของเรา
อ.ของครู กล่าวกันว่า
บนโลกนี้มีเพียง 2 อย่างคือ "ไม่ถึง" กับ "ถึง" ไม่มีเกือบถึง เพราะเกือบถึงก็คือไม่ถึง
สมัยนั้น พี่ต้องการจะสอบเข้า คือที่ ชีววิทยา คณะ วิทยาศาสตร์ การสอบต้องการ 7 วิชาs
หลัก ๆ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา สังคม ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และอังกฤษ วิชาละ 100
คะแนน รวม 700 คะแนน ค่ะ
จาก 7 วิชาหลักครูจะเน้นจุดเด่นค่ะ เมื่อเราทาได้ดี ก็จัดหนัก ไปเรียนอ่านชีววิทยา
เคมี ภาษาไทย สังคม เป็นหลักค่ะ
นักเรียนๆ สังเกตอะไรไหมค่ะ ครูอ่าน 4 วิชาใน 12 เดือน ทาไมจะอ่านไม่ทันล่ะค่ะ
ตัวเองถนัดอะไรไม่ถนัดอะไร ตัวไหนสาคัญ ต่อคณะที่เราจะเข้าจึงวางแผนผ่อนแรงได้
แล้วน้องๆล่ะค่ะ รู้ข้อมูลพวกนี้ สาหรับคณะของนักเรียนๆหรือยัง ค่ะ ^ ^b
2.เตรียมตัวให้พร้อม และทาให้ถึง
"เธอไม่สงสัยหรอ คนสอบต่อปีเป็นแสน คนติดมันก็เท่าเดิมทุกปี คนไม่ติดก็ไม่ติดเหมือนเดิม
- 3. อ่านอย่างไรให้ประสบผลสาเร็จ 3
ทาไมล่ะ?"
อ. ครูบอกว่า เพราะ "บางคนไม่เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ดูให้ดี และไม่ฝึกฝน"
"ทาให้ดีที่สุด"...ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ต้องเปลี่ยนเป็น "ทาให้ถึงให้ได้" ต่างหาก
หากนักเรียน ปักธงจะไปอเมริกา แต่เตรียมสเบียง(คะแนนสอบ) มาแค่พอเดินเรือถึง ญี่ปุ่น
แล้ว ก็บอกกับพระเจ้าว่า ท่านได้โปรด วาร์ปพาเรือข้าไป อเมริกา ด้วย แล้วจะบนด้วยหัว
หมู....หรอค่ะ
<<< นักเรียน ๆมากต่อมากค่ะ ทาแบบนี้ สอบแบบพยายามทาดีที่สุด คะแนน
ออกมาเฉี่ยวๆ ติดมิติดแหล่ >>>>
แล้วก็บนค่ะ สุดท้ายมากมาย แน่นอนครับว่าไม่ติด
>>>>> จริงๆแล้วนักเรียนควรลองทาข้อสอบดูก่อนครับ ข้อสอบเก่าๆโจทย์เก่าๆ แล้วจับ
เวลาทาเหมือนในห้องสอบจริงๆ แล้ววัดคะแนนดูเลยค่ะ
>> ตอนครูลองทาแล้ว หนแรกๆ ชีววิทยา ทาผิดบ้าง วิชาอื่นๆ ก็ยัง
ไม่ดีนัก ได้ราวๆ 50%
เอาตารางคะแนนสอบติดปีก่อนๆมาดู อืมมันก็มีนะชีววิทยาที่คะแนนเท่านี้สอบติด
<<< จะให้ชัวร์ต้องได้ 80% สิ อ้าวแล้วทาไงดี >>>
ครูก็เลือก ฝึกฝนสิค่ะ เพิ่มคะแนนชีววิทยา , เคมี และ สังคม ฯลฯ เพราะครูทาได้ดีเข้าใจ
และคาดหวังได้
นี่แหละค่ะที่มาของแผน การเรียนทีครูวางไว้ในข้อ 1 รู้ว่าต้องทาแค่ไหน
่
ถ้ารู้ว่าความสามารถเราตอนนี้ ถึงแค่นี้ ยังไม่พอก็ต้อง รีบเติมค่ะ
>>> เติมระยะที่ยังห่างอยู่ ถ้าในสนามทดลองเราสอบได้
ก็มีโอกาสกว่า 70%-80% ที่เราจะสอบได้ ในสนามจริงค่ะ
3.ไปแข่งวิ่งทุกวันต้องซ้อมวิ่ง
"ถ้าเธอจะต้องไปแข่งวิ่งมาราธอนสัปดาห์หน้า เธอจะไปฝึกวิ่งทุกเย็นไหมล่ะ?"
การสอบก็เช่นเดียวกันครับ เวลาน้อยนิดในห้องสอบ กับข้อสอบมหาศาล
คนที่เก่งๆ เขาทาแต่ละข้อด้วย"ความคุ้นเคยค่ะ"
- 4. อ่านอย่างไรให้ประสบผลสาเร็จ 4
โจทย์แบบนี้เจอมา 10 รอบแล้ว นี่ไง ใส่สูตรนี้ก่อน แล้วก็สูตรนี้ อ๊ะ แอบพลิกแพลงตรงนี้
หรอ
<<< นี่ไง ทาแบบนี้วิธีนี้แก้เป็น ฉับฉับ ได้คาตอบ >>>>
แบบนี้จริงๆค่ะ ไม่ใช่ท่องโจทย์ไปสอบนะค่ะ แต่เพราะทามาเยอะมากแล้ว
จึงเข้าใจแนวทางของโจทย์เป็นอย่างดี จากเข้าใจก็เป็นซึมซับ และแก้ได้ในทันทีค่ะ
<<< เคล็ดไม่ลับอีกอันคือ >>>
ซื้อหนังสือ ย้อนหลัง 15 ปีข้อสอบมาทา ทาวันละ 1 ชุดครับ และครูก็เจอว่า
เฮ้ย.....โจทย์นี้ ถามแบบนี้เลย เมื่อ 5 ปีที่แล้วก็ออกนิ สลับข้อแค่นั้นเอง
โจทย์เรื่องนี้ 2-3 ปีมาทีนึง ต้องไปอ่านรายละเอียดเพิ่มสินะ
อ๊ะ แหม ถามเหตุการณ์นี้อีกละ เบื่อแล้วนะ ถามบ๊อยบ่อย ^^
อย่าลืมนะครับ ต้องไปวิ่งอย่าลืมฝึกวิ่ง ต้องไปแข่งทาข้อสอบ อย่าลืมฝึกทาข้อสอบ ะ
ค่
ด้วยรัก....จากใจครูแนะแนว
ครูแป๋ว