10. Chain of Triangles เป็นการคำนวณหาความยาวของด้านต่างๆที่ไม่ใช่เส้นฐาน จากความยาวของเส้นฐาน โดยต้องคำนวณตามลำดับเท่านั้น เช่น จากเส้นฐาน AB หา BC แล้วจึงไปหา CD แล้วโยงไปหาด้าน DE แล้วจึงต่อไปคำนวณด้าน EF E F C D B A เส้นฐาน
11. Chain of Polygons เป็นข่ายสามเหลี่ยมที่เกิดจากรูปหลายเหลี่ยมซึ่งประกอบขึ้นจากกลุ่มของสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกัน ผลบวกของมุมภายในสามเหลี่ยมแต่ละรูป ต้องเท่ากับ 180o ผลบวกของมุมรอบจุดศูนย์กลางต้องเท่ากับ 360o ข่ายสามเหลี่ยมระบบนี้จะสามารถทำการคำนวณความยาวของด้านได้ 2 แนวทางและค่าที่ได้จากสองแนวทางนี้ต้องสอดคล้องกัน L G C M J F N H A O K D E I B
12. Chain of Quadrilaterals ข่ายสามเหลี่ยมที่โยงยัดกันเป็นลูกโซ่โดยประกอบด้วยแบบลูกโซ่ของสามเหลี่ยมเดี่ยว 2 ลูกโซ่ซ้อนกันอยู่ ผลรวมของมุมราบรอบจุดๆหนึ่งรวมเท่ากับ 360o ในสามเหลี่ยมใดๆมุมทั้งสามรวมกันต้องเป็น 180o C E A D F B
13. Equal Shift สำหรับ Quadrilateral Station Adjustment ผลรวมของมุมรอบจุดแต่ละสถานีเป็น 360o Figure Adjustment ผลรวมของมุมที่ประกอบกันเป็นรูปเหลี่ยมต้องเป็น 360o ผลรวมของคู่มุมที่ตรงข้ามกันที่เกิดจากการตัดกันของเส้นทแยงมุมต้องมีผลบวกเท่ากัน (1+2 = 5+6 และ 3+4=8+7) ผลบวก Log Sine มุมทางซ้าย = ผลบวก Log Sine มุมทางขวา C 4 5 B 3 2 6 7 1 8 D A
15. ตัวอย่างการคำนวณปรับแก้ด้วยวิธี Equal Shift C 4 5 ผลรวมของมุมที่ประกอบกันเป็นรูปเหลี่ยมต้องเป็น 360o ผลรวมของคู่มุมที่ตรงข้ามกันที่เกิดจากการตัดกันของเส้นทแยงมุมต้องมีผลบวกเท่ากัน (1+2 = 5+6 และ 3+4=8+7) B 3 2 6 7 1 8 D A
16. ตัวอย่างการคำนวณปรับแก้ด้วยวิธี Equal Shift (ต่อ) เงื่อนไขทางด้าน (Side Condition) เป็นการปรับแก้ตามเงื่อนไขทางตรีโกณมิติโดยให้ความยาวที่คำนวณได้จากแต่ละเส้นทางมีค่าเท่ากัน - ผลบวก Log Sine มุมทางซ้าย = ผลบวก Log Sine มุมทางขวา
17. ความยึดเหนี่ยวของรูป (Strength of Figure) การคำนวณความด้านจากเส้นฐาน คำนวณได้หลายเส้นทาง ทำให้ได้ความยาวหลายค่า กล่าวคือ จากรูป Quadrilateral ความยาวเส้น CD ที่คำนวณจากเส้นฐาน AB นั้นคำนวณได้จาก 4 เส้นทาง ดังนั้น จึงมีค่า CD ด้วยกัน 4 ค่า จึงต้องเลือกค่าที่คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด สิ่งซึ่งจะเป็นเครื่องชี้ว่าควรจะเลือกคำนวณจากเส้นทางใด เรียกว่า ความยึดเหนี่ยวของรูป (Strength of Figure) 1 2 3 4 C 4 5 B 3 2 6 7 1 8 D A
18. ความยึดเหนี่ยวของรูป (Strength of Figure) ใช้สัญลักษณ์ R เส้นทางใดมีค่า R น้อยที่สุด แสดงว่า ความยาวที่คำนวณจากเส้นทางนั้นมีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด เส้นทางนั้นมีความยึดเหนี่ยวของรูปดีที่สุด ความยึดเหนี่ยวของรูปจะเกี่ยวข้องกับ รูปร่างของสามเหลี่ยมในทางเรขาคณิต จำนวนมุมสถานีที่ทำการรังวัดมุมหรือทิศทาง จำนวนสภาวะทางมุมและสภาวะทางด้านที่ใช้ในการปรับแก้โครงข่าย
19. ความยึดเหนี่ยวของรูป (Strength of Figure) สูตรที่ใช้ในการคำนวณความยึดเหนี่ยวของรูป คือ R = ความยึดเหนี่ยวของรูป D = จำนวนทิศทางที่ทำการวัดทั้งสองทิศทาง ไม่รวมเส้นฐานที่รูปความยาว C = จำนวนสภาวะของรูปโครง คือ จำนวนเงื่อนไขทางเรขาคณิตและทางตรีโกณมิติ = Na+Ns = (n’-s’+1)+(n-2s+3) Na = จำนวนเงื่อนไขทางเรขาคณิต (เงื่อนไขทางมุม) =n’-s’+1 Ns = จำนวนเงื่อนไขทางตรีโกณมิติ (เงื่อนไขทางด้าน) = (n-2s+3) dA, dB = ค่าต่างของ log sine ที่มุมระยะเพิ่มขึ้น 1” ใช้ตัวเลขในทิศนิยมตำแหน่งที่ 6 A = มุมระยะที่อยู่ตรงข้ามด้านที่ต้องการหาความยาวด้าน B = มุมระยะที่อยู่ตรงข้ามด้านที่ทราบความยาวด้าน
29. การเล็งสกัด (Intersection) สถานี B และ D เป็นสถานีที่ค่าพิกัด และ ต้องการทราบค่าพิกัดสถานี C ข้อมูลรังวัด วัดมุมที่สถานี B คือ α วัดมุมที่สถานี D คือ β