Contenu connexe
Similaire à อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
Similaire à อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ (20)
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
- 2. สแกนเนอร์ (Scanner)
สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของแอ
นาลอกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิต
ออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ
สามารถใช้สแกนเนอร์ทางานต่างๆได้ดังนี้
- ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
- บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
- แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
- เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่างๆ
โดยพื้นฐานการทางานของสแกนเนอร์, ชนิดของสแกนเนอร์ และความสามารถใน
การทางานของสแกนเนอร์แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
- 3. ชนิดของเครื่องสแกนเนอร์
สแกนเนอร์สามารถจัดแบ่งตามลักษณะทั่วๆ ไป ได้ 2 ชนิด คือ
Flatbed scanners, ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์
ต่าง ๆสแกนเนอร์ ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัวสแกน
เช่น ScanMaker III Transparency and slide scanners,
ซึ่งถูกใช้สแกนโลหะโปร่ง เช่น ฟิล์มและ สไลด์
สิ่งที่จาเป็นสาหรับการสแกนภาพมีดังนี้
- สแกนเนอร์
- สาย SCSI สาหรับต่อจากสแกนเนอร์ไปยังเครื่อง
คอมพิวเตอร์
- ซอฟต์แวร์สาหรับการสแกนภาพ ซึ่งทาหน้าที่ควบคุมการ
ทางานของสแกนเนอร์ให้ สแกนภาพตามที่กาหนด
- สแกนเอกสารเก็บไว้เป็นไฟล์ที่นากลับมาแก้ไขได้อาจต้องมี
ซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนด้าน OCR
- จอภาพที่เหมาะสมสาหรับการแสดงภาพที่สแกนมาจาก
สแกนเนอร์
- เครื่องมือสาหรับแสดงพิมพ์ภาพที่สแกน เช่น เครื่องพิมพ์แบบ
เลเซอร์หรือสไลด์โปรเจคเตอร์
- 4. ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้
1. ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล น้อยที่สุดและ นามาใช้
ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูล
น้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกนภาพน้อยที่สุด Single-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ
- Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดา ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากกา
รสเก็ต
- Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท
Single-bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ
2. ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดา โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลาดับขั้น ทาให้เห็น
รายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิมภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจ
ประกอบด้วยจานวนบิตมากกว่า
ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
3. ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจานวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถ
ในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร
4. ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารโดยไม่ต้อง พิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของ
เวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์สแกนเอกสาร ดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอก จากนี้ด้วย
เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุน OCR (Optical Characters Reconize) มาแปลงแฟ้ม
ภาพเป็น เอกสารดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้
- 5. เครื่องพิมพ์ (อังกฤษ: Computer printer) เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จะผลิตข้อความและ/หรือกราฟิกของ
เอกสารที่เก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในสื่อทางกายภาพเช่นกระดาษหรือแผ่นใส
เครื่องพิมพ์ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงทั่วไปและเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิลเครื่องพิมพ์หรือในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะ
เป็นสายยูเอสบีเครื่องพิมพ์บางชนิดที่เรียกกันว่าเครื่องพิมพ์เครือข่าย(Network Printer) อินเตอร์เฟซที่ใช้
มักจะเป็นแลนไร้สายและ/หรืออีเทอร์เน็ต
เครื่องพิมพ์เลเซอร์(Laser printer หรือ Toner-based printers) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ
เครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมี
คุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทางานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบ
พ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทาออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมากๆ
- 6. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต (Inkjet Printer) เป็น
เครื่องพิมพ์ที่ทางานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อ
ต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทาการพ่นหมึกออกตามแต่ละ
จุดในตาแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยา ตามความต้องการของเรา ซึ่ง
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่า[เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์] โดยรูปที่มี
ความซับซ้อนมาก ๆ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจนและ
คมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์
- 8. เว็บแคม (Webcam) หรือ ชื่อเรียกเต็มๆว่า Web Camera แต่ในบางครั้งก็มีคนเรียกว่า Video
Camera หรือ Video Conference ก็แล้วแค่ความเข้าใจแต่ละคน เว็บแคมเป็นอุปกรณ์อินพุตที่ สามารถจับ
ภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อให้คน
อีกฟากหนึ่งสามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหว ได้เหมือนอยู่ต่อหน้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อีกตัวหนึ่ง และเริ่มมี
ความจาเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ประเภทของเว็บแคม
อุปกรณ์อย่างกล้องเว็บแคมไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกตัว แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่าง
กันไปตามแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นและออกแบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร ซึ่งสามารถแบบประเภทของเว็บแคมได้
ดังนี้
แบ่งตามรูปทรงของกล้อง
โดยปกติกล้องเว็บแคมส่วนใหญ่จะเป็นทรงกลม เนื่องจากเป็นรูปทรงต้นแบบที่ทากันมานานและก็ทาให้รู้ได้ทันทีว่านี้
คืออุปกรณ์ เว็บแคม แต่ไม่จาเป็นที่กล้องเว็บแคมต้องเป็นทรงกลมเสมอไป
เพราะบางครั้ง กล้องเว็บแคม ก็จาเป็นต้องมีรูปทรงอื่นๆ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานในบางลักษณะ ดังนั้น การเลือก
รูปทรงให้เหมาะสมนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเรามากกว่า
- 9. แบ่งตามชนิดของเซ็นเซอร์
สาหรับเซ็นเซอร์ที่กล้องเว็บแคมใช้นั้นจะมีหลักๆอยู่ 2 ชนิด คือ CCD และ CMOS แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ
CMOS เนื่องจากเหตุผลหลายๆประการและตัวเซ็นเซอร์ แบบ CMOS เองก็สามารถแบบออกได้ถึง 2 ชนิดด้วยกันคือ
CLF Color CMOS Censor ที่มีความละเอียดของพิกเซลแค่ 110,000 พิกเซล ( 367 x 291 ) เท่านั้น ในขณะที่ VGA Color
CMOS Censor ให้ความละเอียดที่สูงกว่าที่ 350,000พิกเซล ( 655 x 493 ) ดังนั้น เวลาเลือกซื้อกล้องเว็บแคมก็ดูได้ทั้งความ
ละเอียดที่ระบุไว้ หรือชนิดของ CMOS สาหรับเซ็นเซอร์แบบ CCD จะเป็นเซ็นเซอร์ที่นิยมใช้ในกล้องดิจิตอล เพราะให้ความ
ละเอียดที่สูงกว่าและก็มี noise ไม่มากเหมือนกับเซ็นเซอร์แบบ CMOS
แบ่งตามรูปแบบการเชื่อมต่อ
สาหรับการเชื่อมต่อของกล้องเว็บแคมในปัจจุบันส่วนใหญ่ จะเป็นอินเทอร์เฟซแบบ USB แทบทั้งสิ้นโดย USB ที่ใช้ก็จะเป็น
เวอร์ชัน 1.1 เสียส่วนมาก แต่ก็จะมีเวอร์ชัน 2.0 ในบางรุ่นกล้องเว็บแคมแบบไร้สายจะใช้การเชื่อมต่อในแบบ WiFi หรือ
Wireless lan นั่นเองทาให้สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องคานึงถึงสายให้วุ่นวาย แต่เว็บแคมที่เป็น Wireless ตอนนี้
ก็ยังมีราคาค่อนข้างแพงอยู่
การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม
ขั้นตอนแรกเราต้องรู้ว่าจะนากล้องเว็บแคม มาใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กก็ต้องเป็นกล้องเว็บแคม
ขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถติดตั้งบนจอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กได้ แต่ถ้าใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปก็ แนะนารุ่นที่มี
ขาตั้งที่มั่นคงสามารถวางบนจอมอนิเตอร์
เมื่อเลือกรูปแบบของกล้องได้แล้ว ก็มาเลือกตามคุณสมบัติภายในของกล้องเว็บแคมโดยเลือกจากชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้กับภาพ
โดยจะมีให้เลือกเป็น CMOS ในแบบ CIF และ VGA ซึ่งแนะนาว่าเป็นแบบ VGA จะให้ความละเอียดที่สูงกว่า หรือถ้าต้องการ
ความละเอียดที่มากกว่านี้ ก็เลือกเซ็นเซอร์แบบ CCD จะดีกว่าแต่ทั้งนี้ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตามชนิดของเซ็นเซอร์ และ
ความละเอียดของตัวกล้องเว็บแคม