Contenu connexe
Similaire à หมอบรัดเลย์ (15)
Plus de SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
Plus de SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
หมอบรัดเลย์
- 3.
แดน บีช บรัดเลย์
หมอบรัดเลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ แพทยศาสตร
ดุษฎีบัณฑิต (อังกฤษ: Dan Beach
Bradley) หรือบางคนเขียนเป็น หมอบรัดเล หมอ
ปลัดเล หมอปรัดเล หรือ หมอปรัดเลย์ เป็น
นายแพทย์ชาวอเมริกันที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ใน
ประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 3 และยังเป็นผู้เริ่มต้นการ
พิมพ์อักษรไทยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และทาการ
ผ่าตัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
- 4.
แดน บีช บรัดเลย์ เป็นชาวเมืองมาร์เซลลัส (Marcellus)
เกิดเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตรคนที่ห้าของนายแดน
บรัดเลย์และนางยูนิช บีช บรัดเลย์ สาเร็จการแพทย์
จาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์กสมรสกับภรรยาคนแรก เอมิลี รอยส์
บรัดเลย์ และภรรยาคนที่สอง ซาราห์ แบลคลี บรัดเลย์
ประวัติ
- 6.
หมอบรัดเลย์หรือ แดน บีช แบรดลีย์(Dan Beach Bradley, M.D.) หรือบาง
คนเขียนเป็น หมอบรัดเลหมอปลัดเล หมอปรัดเล หรือ หมอปรัดเลย์เป็น
นายแพทย์ชาวอเมริกันที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยสมัย
รัชกาลที่ 3 และยังเป็นผู้เริ่มต้นการพิมพ์อักษรไทยในประเทศไทยเป็นครั้ง
แรก และทาการผ่าตัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกแดน บีช บรัดเลย์เป็น
ชาวเมืองมาร์เซลลัส (Marcellus) เกิดเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตรคนที่
ห้าของนายแดน บรัดเลย์และนางยูนิช บีช บรัดเลย์สาเร็จการแพทย์จาก
มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สมรสกับภรรยาคนแรก เอมิลี รอยส์ บรัดเลย์และ
ภรรยาคนที่สอง ซาราห์ แบลคลี บรัดเลย์
- 7.
คนไทยกับคนอเมริกันได้พบเห็นหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อในรัชกาลที่ ๓ ในครั้ง
นั้นประธานาธิบดีแย็กสัน (Andrew Jackson) ได้แต่งตั้งให้เอมินราบัดหรือ เอดมันด์ รอ
เบิต (Edmond Roberts) เป็นทูตขี่เรือกาปั่นเข้ามาทาหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีและ
การค้าขายเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ (ภายหลังประเทศอังกฤษ) และต่อจากนั้น ๓ ปี หมอบรัดเลย์ก็
นั่งเรือใบเข้ามา
หมอบรัดเลย์เป็นคนเมืองมาร์เซลลุส (Marcellus) ในมลรัฐนิวยอร์ก เป็นเมืองที่บิดา
มารดามาตั้งครอบครัวอยู่หลังจากอพยพมาจากนิวฮาเวน (New Haven) บิดาชื่อ แดน
บรัดเลย์มีอาชีพเป็นศาสนาจารย์, เกษตรกร, ผู้พิพากษา และบรรณาธิการวารสารทาง
เกษตรกรรม มารดาชื่อ ยูนิซ บีช บรัดเลย์(EuniceBeach Bradley) เมื่อนางให้กาเนิดหมอบ
รัดเลย์เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๔๗
- 8.
นางก็สิ้นชีวิตในวันต่อมา หมอบรัดเลย์เป็นบุตรคนที่ ๕ ชื่อแรกมาจากชื่อของบิดาคือ
แดน และชื่อกลางมาจากชื่อสกุลมารดาคือ บีช รวมเป็นแดน บีชบรัดเลย์
ต่อมาบิดาของท่านได้แต่งงานใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ ท่านจึงได้รับการเลี้ยงดูจาก
มารดาเลี้ยง และมีน้องที่เกิดจากแม่คนใหม่อีก ๕ คน แม้กระนั้นก็ได้ให้ความรักความ
เมตตาแก่ท่านเป็นอย่างดี ทาให้ไม่รู้สึกว้าเหว่แต่อย่างใด
ท่านเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เป็นเด็ก จึงอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทาให้ท่าน
สนใจในการพิมพ์หนังสือในสมัยต่อมา และอยากให้คนไทยอ่านหนังสือกันมาก ๆเผอิญ
สิ่งแวดล้อมในอเมริกาครั้งนั้นเป็นผลดีแก่เมืองไทย ที่จะได้คนดีอย่างหมอบรัดเลย์เข้ามา
คือในสมัยนั้นทางฝ่ายเผยแผ่ศาสนาคริสต์มีความต้องการมิชชันนารีที่เป็นแพทย์จานวน
มาก หมอบรัดเลย์จึงได้ตัดสินใจเข้าศึกษาวิชาแพทย์แทนที่จะทางานทางศาสนา และ
เนื่องจากขณะนั้นสุขภาพไม่ค่อยดี ในระยะแรกท่านจึงศึกษากับนายแพทย์โอลิเวอร์ (Dr.
A.F. Oliver) ที่เมือง Penn Yan แบบตามสบายเพื่อรอให้สุขภาพดีขึ้น
- 9.
จะสอบเพื่อรับปริญญา ท่านเคยไปฟังบรรยายทางการแพทย์ที่ Harvard ในปี ค.ศ. ๑๘๓๐
และกลับไปฝึกปฏิบัติงานการแพทย์สลับกับการเป็นครูในหมู่บ้าน เมื่อสะสมเงินได้
เพียงพอ จึงไปที่เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านมีข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่งคือพูดติดอ่าง ซึ่งเป็น
อุปสรรคอย่างยิ่งในการเผยแผ่ศาสนาที่จะต้องพูดหรือบรรยายธรรม ฉะนั้นท่านจึงต้อง
รีบแก้ไขโดยการเข้ากลุ่มฝึกพูด ซึ่งก็เป็นผลดี
ในหนังสือ ๕๐ ปีโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน นายแพทย์คทาวุธ โลกาพัฒนา ได้
กล่าวถึงการเรียนวิชาแพทย์ของหมอบรัดเลย์ไว้ตอนหนึ่งว่า
"การศึกษาวิชาแพทย์ในสมัยนั้นเป็นการศึกษาแบบปฏิบัติกับแพทย์ที่ปฏิบัติงาน
อยู่ จนกระทั่งมีประสบการณ์เพียงพอจึงโรงเรียนแพทย์ในกรุงนิวยอร์กเพื่อเรียนและสอบ
ได้ปริญญาแพทย์ในเดือนเมษายนค.ศ. ๑๘๓๓
- 10.
ระหว่างอยู่ในนิวยอร์กยังได้ปฏิบัติงานหาความชานาญ และระหว่าง ๒ ปีนั้นอหิวาตกโรค
กาลังระบาดอยู่ในนิวยอร์ก โดยระบาดมาจากเมืองควิเบก ขณะศึกษาอยู่ในนิวยอร์กได้
สมัครเป็นแพทย์มิชชันนารีกับ ABCFM (American Board of Commissioners of Foreign
Missions) เพื่อทางานในอาเซีย
ที่นิวยอร์ก หมอบรัดเลย์ได้รู้จักกับบุคคลสองคนซึ่งมีผลต่อการดาเนินชีวิตในระยะต่อมา
คนแรกคือ Charles Grandison Finneyซึ่งเป็นนักเทศน์และอาจารย์จาก Oberlin College มี
ความเชื่อว่า มนุษย์ควรจะดารงชีวิตโดยไม่มีบาป คือดารงชีวิตของตนเช่นเดียวกับพระ
คริสตเจ้า ความเชื่อนี้มีผลต่อการปฏิบัติงานของหมอบรัดเลย์ในเมืองไทย คนที่สองคือ
Reverend Charles Eddy แห่งคณะ ABCFM ซึ่งแนะนาว่าการทางานมิชชันนารีในต่างแดน
ควรจะมีผู้ช่วย"
ในที่สุดหมอบรัดเลย์ได้เข้าศึกษาที่ College of Physicians ที่เมืองนิวยอร์ก และได้รับ
ปริญญา Doctor of Medicine เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. ๑๘๓๓ (พ.ศ. ๒๓๗๖) พร้อมที่จะเป็น
มิชชันนารีต่อไป
- 12.
ชั้นต้นกับคลินิกแพทย์คนหนึ่งที่ออเบิ์รน แต่ต้องพักการเรียนระยะหนึ่งเนื่องจากปัญหา
ด้านสุขภาพ ต่อมาเมื่อสุขภาพแข็งแรงแล้วก็คิดจะเรียนต่อทางด้านศาสนา เพื่อเป็นผู้สอน
ศาสนา แต่ก็ต้องประสบปัญหาทางด้านการเงินและอายุอีก จึงหันกลับมาเรียนต่อ ทางด้าน
การแพทย์อีกครั้ง โดยมุ่งหวังว่าจะทาให้สามารถทางานเผยแพร่ศาสนาได้ในที่สุด หมอบ
รัดเลย์ก็เรียนสาเร็จ ได้รับปริญญาทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ในปี 2376
เมื่อได้ปริญญาทางการแพทย์แล้วหมอบรัดเลย์จึงสมัครเป็นมิชชันนารี กับคณะ เอ บี ซี
เอฟ เอ็ม (American Board of Commissioner Foreign Mission) คือคณะมิชชันนารีเพื่อ
พันธกิจต่างชาติ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า "คณะอเมริกันบอร์ด" คณะอเมริกันบอร์ดอนุมัติให้
หมอบรัดเลย์เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาในเอเชียได้จุดหมายปลายทางคือ ประเทศสยาม ซึ่ง
กาลังเป็นที่รู้จัก ตามธรรมเนียมของการเดินทางมายังประเทศห่างไกลเช่นนี้ มิชชั่นนารี
จาเป็นต้องมีคู่แต่งงานเดินทางมาด้วย หมอบรัดเลย์จาเป็นต้องหาผู้หญิงที่พร้อมจะเป็น
คู่ชีวิตและยอมเป็นคู่ชีวิตและยอมเดินทาง
- 13.
1 กรกฎาคม 2377 หมอบรัดเลย์ออกเดินทางจากบอสตันมุ่งหน้าสู่สยาม โดย
เรือ "แคชเมียร์" ใช้เวลารอนแรมในทะเลเป็นเวลา 6 เดือน หมอบรัดเลย์ก็
มาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 12 มกราคม 2378 และแวะพักอยู่ที่สิงค์โปร์อีก 6 เดือน
ก่อนจะเดินทางเข้าสู่สยามในวันที่ 18 กรกฎาคม 2378 เป็นวันเกิดปีที่ 31 ปี
พอดี
เมื่อมาถึงสยามหมอบรัดเลย์ได้อาศัยพักรวมอยู่กับครอบครัวของศาสนา
จารย์สตีเฟน จอห์นสัน ที่ย่านวัดเกาะ โดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแผ่ศาสนากับ
ชุมชนชาวจีนก่อนเป็นลาดับแรก ที่บ้านพักย่านวัดเกาะนี้ หมอบรัดเลย์ได้เปิด
โอสถสถาน ขึ้น เพื่อทาการรักษา จ่ายยา และหนังสือเกี่ยวกับศาสนาให้กับ
คนไข้