1. ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม
(Exponential Function and Logarithm Function)
ข้อกาหนด เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มบวก
บทนิยาม
a
n
a a a ... a ( n ตัว) เมื่อ a เป็นจานวนจริงใด ๆ
n เป็นจานวนเต็มบวก
เรียก a ว่า ฐาน (base)
เรียก n ว่า เลขชี้กาลัง ( exponent)
เรียก a n ว่า เลขยกกาลัง (power)
ทฤษฎีบท (Theorem)
ถ้า a , b เป็นจานวนจริงที่ไม่เป็น 0 และ m , n เป็นจานวนเต็ม จะได้
(1) a m a n a m n
(2) ( a m ) n a mn
(3) ( ab ) a b n n n
n n
a a
(4) n
b b
m
(5) a
n
a
mn
1
nm
a a
0
(6) a 1
1
(7) a n n
; n เป็นจานวนเต็มบวก
a
0
0
ไม่นิยาม
ตัวอย่างที่ 2
1
(1) 103.10-4 = 103+(-4) = 10-1 =
10
4 5 4+5 9
(2) X X = X = X
(3) ถ้า X 0 แล้ว X.X-1 = X1+(-1) = X0 = 1
3. รากที่ n ในระบบจานวนจริง และจานวนจริงในรูปกรณฑ์
บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และถ้า a, x เป็นจานวนจริงซึ่งสอดคล้องกับ
สมการ xn = a แล้วเราเรียก x ว่าเป็นรากที่ n ของ a
ตัวอย่างที่ 1 (1) รากที่ 2 ของ 4 คือ 2 และ -2 เพราะว่า (2)2 = 4 และ (-2)2 = 4
(2) รากที่ 3 ของ -8 คือ -2 เพราะว่า (-2)3 = -8
(3) รากที่ 6 ของ 64 มีสองจานวนคือ 2 หรือ -2
(4) รากที่ 6 ของ -64 ที่เป็นจานวนจริงไม่มีเลย
(5) รากที่ 3 ของ 64 มีจานวนเดียวคือ 4
(6) รากที่ 3 ของ -64 มีจานวนเดียวคือ -4
ข้อสังเกต
(1) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่แล้ว จานวนบวกแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็น
จานวนจริงสองจานวน รากหนึ่งจะเป็นจานวนบวก และอีกรากหนึ่งเป็น
จานวนลบ
(2) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคู่ แล้วจานวนลบแต่ละจานวนจะไม่มีรากที่ n ที่เป็น
จานวนจริง
(3) ถ้า n เป็นจานวนเต็มคี่ แล้ว จานวนจริงแต่ละจานวนจะมีรากที่ n เป็นจานวน
จริงเพียงจานวนเดียว รากที่ n ของจานวนบวกเป็นจานวนบวกและรากที่ n
ของจานวนลบก็เป็นจานวนลบ
บทนิยาม ถ้า n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่า 1 และ a เป็นจานวนจริง ( ยกเว้นกรณีที่ n เป็น
จานวนคู่ และ a เป็นจานวนลบ ) แล้วเรากาหนดความหมายของ n a ดังนี้
1
n
a = a n
สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง
(ก) เครื่องหมาย n เรียกว่า เครื่องหมาย กรณฑ์ ( Radical) และเรียก n ว่าเป็นอันดับ
ของกรณฑ์ ( อันดับของ กรณฑ์)
(ข) n a อ่านว่า กรณฑ์อันดับที่ n ของ a หรือรากที่ n ของ a
(ค) 2 a นิยมเขียนแทนด้วย a
4. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับรากที่ n ของจานวนจริง
ถ้า a และ b เป็นจานวนจริง และ m ; n เป็นจานวนเต็มบวกที่มีค่ามากกว่า 1 โดยที่ n a
และ n b หาค่าได้แล้ว
1. n a
n
=a
2. n ab = n a n b
a n a
3. n = ; b0
b nb
n n a ; nเปนจำนวน คู่
็
4. a =
a ; nเปนจำนวน คี่
็
5. m n a = mn a
n m
6. kn
a
km
= a ; k เป็นจานวนเต็มบวก
m
1
m
7. n
a
m
= a
n
= a n
8. n 0 = 0
9. n 1 = 1
การบวกและการลบของจานวนที่ติดกรณฑ์
ข้อตกลง
จะนาจานวนที่ติดกรณฑ์ มาบวกหรือลบกันได้ต่อเมื่อจานวนนั้น ๆ ต้องมีคุณสมบัติครบ 2
ประการ คือ
1. อันดับของกรณฑ์ต้องเท่ากัน
2. จานวนที่อยู่ภายใต้กรณฑ์ต้องเท่ากัน
และเวลาบวกหรือลบกันให้นา " สัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวกหรือลบ " เท่านั้น
ตัวอย่างที่ 3 จงหาค่าของ 5 3 3 3 2 3
แนวคิด นาสัมประสิทธิ์หน้ากรณฑ์มาบวก ลบ กัน
5 3 3 3 2 3 = 5 3 2 3
= 6 3
8. การหารากที่สองของจานวนที่อยู่ในรูป x 2 y
นักเรียนพิจารณาการกระจายต่อไปนี้
2 2 2 2 2
( a b ) a 2 ab b ( a b ) 2 ab
2 2 2
( a b ) ( a ) 2 a . b ( b ) ( a b ) 2 ab
ดังนั้น
2
( a b ) 2 ab ( a b) a b
ถ้า a , b R ซึ่ง x = a + b และ y = ab ;
1. ( a b ) 2 ab = a b
a b เมือa b
่
2. ( a b ) 2 ab = a b =
b a เมือb 0
่
3. รากที่สองของ ( a b ) 2 ab ( a b )
4. รากที่สองของ ( a b ) 2 ab ( a b )
2
5. ( a b ) 2 ab ( a b)
ตัวอย่างที่ 1 จงหารากที่สองของ 10 96
แนวคิด 1. พยายามแยกตัวประกอบ(Facter)ตัวที่อยู่ในกรณฑ์
2. หน้ากรณฑ์สัมประสิทธิ์ต้องเป็น 2
จะได้ 10 96 = 10 4 . 24
= 10 2 24
= ( 6 4 ) 2 6 .4
2
= ( 6 4)
2
= ( 6 2)
ดังนั้น รากที่สองของ 10 96 = 10 2 24
2
= ( 6 2)
= ( 6 2)
12. กราฟของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
นิยาม ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล คือ ฟังก์ชันที่อยู่ในรูป
f x , y R R y a , a 0 , a 1
x
จากสมการ y = ax จะเรียก a ว่า ฐาน ( base) ซึ่งแบ่งการพิจารณาค่าของ a ออกได้ 2 ช่วง
เมื่อนามาเขียนกราฟได้ดังนี้
กรณี 0 < a < 1 กรณี a > 1
y y
(0,1) (0,1)
x x
0 0
ข้อสังเกตจากกราฟ
1. กราฟของฟังก์ชัน y =ax , a > 0 , a 1 จะผ่านจุด (0,1)
2. ถ้า 0 < a < 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะลดลง
เรียก y = ax เป็นฟังก์ชันลด ( Decreasing Function)
3. ถ้า a > 1 โดเมนเพิ่มขึ้น เรนจ์จะเพิ่มขึ้น
เรียก y = ax เป็นฟังก์ชันเพิ่ม ( Increasing Function)
4. ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 จาก R ไปทั่วถึง R+ (one to one onto)
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล เป็นฟังก์ชัน 1 - 1 หมายความว่า ถ้า ax = ay แล้ว x = y
R R+
11
f : R R
ทัวถึง
่