M4
- 2. 2
1. แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ การอาชีพ เล่มนี้จัดทาขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้ครูใช้ประกอบการ
จัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 46 ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วยการเรียนรู้ 5
หน่วย สาหรับจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้ควบคู่กับสื่อการเรียนรู้ การอาชีพ
สมบูรณ์แบบ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 46 และหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน การอาชีพชั้นมัธยมศึกษาปีที่
46 ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้ ดังนี้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เปิดโลกอาชีพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เส้นทางสู่งานอาชีพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยีเพื่อการทางานอาชีพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ประสบการณ์วิชาชีพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการทางาน
แผนการจัดการเรียนรู้นี้ได้นาเสนอรายละเอียดไว้ครบถ้วนตามแนวทางการจัดทาแผนการจัดการ
เรียนรู้ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนให้
นักเรียนได้พัฒนาองค์ความรู้ สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้อย่างครบถ้วนตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งครูควรศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้นี้
ให้ละเอียด เพื่อปรับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม สถานการณ์ และสภาพของนักเรียน
ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะแบ่งแผนการจัดการเรียนรู้ออกเป็นรายชั่วโมง ซึ่งมีจานวนชั่วโมง
มากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหาสาระ และในแต่ละหน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบ
ดังนี้
1. ผังมโนทัศน์เป้าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน แสดงขอบข่ายเนื้อหาการจัดการเรียนรู้ที่
ครอบคลุมความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และภาระงาน/ชิ้นงาน
2. กรอบแนวคิดการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ BwD (Template Backward Design) เป็นผัง
แสดงแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ขั้น ได้แก่
ขั้นที่ 1 ผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
ขั้นที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมีผลการ
เรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริง
ขั้นที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้จะระบุว่าในหน่วยการเรียนรู้นี้แบ่งเป็นแผนการจัดการเรียนรู้กี่
แผน และแต่ละแผนใช้เวลาในการจัดกิจกรรมกี่ชั่วโมง
3. แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดการออกแบบการ
จัดการเรียนรู้แบบ BwDประกอบด้วย
3.1 ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยลาดับที่ของแผน ชื่อแผน และเวลาเรียน เช่น
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง อาชีพรับจ้าง เวลา 2 ชั่วโมง
- 3. 3
3.2 สาระสาคัญ เป็นความคิดรวบยอดของเนื้อหาที่นามาจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้
3.3 ตัวชี้วัดช่วงชั้น เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ตรวจสอบนักเรียนหลังจากเรียนจบเนื้อหาที่นาเสนอใน
แต่ละแผนการจัดการเรียนรู้นั้น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร
3.4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นส่วนที่บอกจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนภาย
หลังจากการเรียนจบในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ทั้งในด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และ
ค่านิยม(A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ซึ่งสอดคล้องสัมพันธ์กับตัวชี้วัดชั้นปีและเนื้อหาในแผนการ
จัดการเรียนรู้นั้น ๆ
3.5 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นการตรวจสอบผลการจัดการเรียนรู้ว่าหลังจากจัดการ
เรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว นักเรียนมีพัฒนาการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตามเป้าหมายที่
คาดหวังไว้หรือไม่ และมีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา ปรับปรุง หรือส่งเสริมในด้านใดบ้าง ดังนั้น ในแต่
ละแผนการจัดการเรียนรู้จึงได้ออกแบบวิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านต่าง
ๆ ของนักเรียนไว้อย่างหลากหลาย เช่น การทาแบบทดสอบ การตอบคาถามสั้น ๆ การตรวจผลงาน การ
สังเกตพฤติกรรมทั้งที่เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม เป็นต้นโดยเน้นการปฏิบัติให้
สอดคล้องและเหมาะสมกับตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้
วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้เหล่านี้ครูสามารถนาไปใช้ประเมิน
นักเรียนได้ทั้งในระหว่างการจัดการเรียนรู้และการทากิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน
3.6 สาระการเรียนรู้เป็นหัวข้อย่อยที่นามาจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่ง
สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้แกนกลาง
3.7 แนวทางบูรณาการเป็นการเสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในเรื่องที่
เรียนรู้ของแต่ละแผนให้เชื่อมโยงสัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และภาษาต่าง-
ประเทศ เพื่อให้การเรียนรู้สอดคล้องและครอบคลุมสถานการณ์จริง
3.8 กระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในเนื้อหา
แต่ละเรื่อง โดยใช้แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้ครูนาไปใช้
ประโยชน์ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนรู้
ประกอบด้วย 5 ขั้น ได้แก่
ขั้นที่ 1 ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน
ขั้นที่ 2 ขั้นสอน
ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป
ขั้นที่ 4 ขั้นฝึกฝนนักเรียน
ขั้นที่ 5 ขั้นนาไปใช้
3.9 กิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติมสาหรับกลุ่มสนใจพิเศษและฝึกทักษะเพิ่มเติม เป็นกิจกรรม
เสนอแนะให้นักเรียนได้พัฒนาเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ นอกเหนือจากที่ได้จัดการเรียนรู้มาแล้วในชั่วโมง
- 4. 4
เรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2 ลักษณะ คือ กิจกรรมสาหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษและต้องการศึกษา
ค้นคว้าในเนื้อหานั้นๆ ให้ลึกซึ้งกว้างขวางยิ่งขึ้น และกิจกรรมสาหรับการเรียนรู้ให้ครบตามเป้าหมาย ซึ่งมี
ลักษณะเป็นการซ่อมเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน
3.10 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ เป็นรายชื่อสื่อการเรียนรู้ทุกประเภทที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
ซึ่งมีทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีและสื่อบุคคลเช่น หนังสือเอกสารความรู้ รูปภาพ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต วีดิทัศน์ ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นต้น
3.11 บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้เป็นส่วนที่ให้ครูบันทึกผลการจัดการเรียนรู้ว่าประสบ
ความสาเร็จหรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง ได้แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นอย่างไร และ
ข้อเสนอแนะสาหรับการจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป
นอกจากนี้ยังอานวยความสะดวกให้ครูโดยจัดทาแบบทดสอบแบบประเมินผลงาน แบบประเมิน
พฤติกรรมด้านต่างๆ ของนักเรียน และความรู้เสริมสาหรับครูบันทึกลงในซีดี (CD) ประกอบด้วย
1. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบทดสอบเพื่อใช้วัดและประเมินผลนักเรียน
ก่อนการจัดการเรียนรู้และหลังการจัดการเรียนรู้
2. แบบทดสอบปลายปี เป็นแบบทดสอบเพื่อใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ปลายปี
ซึ่งประเมินผล 3 ด้าน ได้แก่
1) ด้านความรู้ มีแบบทดสอบทั้งที่เป็นแบบปรนัยและอัตนัย
2) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม เป็นตารางการประเมิน
3) ด้านทักษะ/กระบวนการ เป็นตารางการประเมิน
3. แบบประเมินผลการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น แบบสารวจ แบบประเมินผลงาน
แบบบันทึกความรู้
4. ความรู้เสริมสาหรับครู เป็นการนาเสนอความรู้ในเรื่องต่างๆ แก่ครู เช่น
1) หลักการจัดทาแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) และวิธีการคัดเลือกผลงานเพื่อเก็บใน แฟ้ม
สะสมผลงาน
2) ความรู้เรื่องโครงงาน
5. แบบฟอร์มโครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ
Backward Design ครูควรศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมสอนอย่างมีประสิทธิภาพ จัดกิจกรรม
ให้นักเรียนได้พัฒนาครบทุกสมรรถนะสาคัญที่กาหนดไว้ในหลักสูตร กล่าวคือสมรรถนะในการสื่อสาร
การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตาม
หลักสูตรและกิจกรรมเสนอแนะเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมให้เต็มตามศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน ซึ่ง
ได้กาหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้นี้แล้ว
นอกจากนี้ ครูสามารถปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพความพร้อมของ
นักเรียนและสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ ซึ่งจะใช้เป็นผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะได้ แผนการจัดการเรียนรู้นี้
ได้อานวยความสะดวกให้ครูโดยได้พิมพ์โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบการจัดการเรียนรู้
แบบ Backward Design ให้ครูเพิ่มเติมเฉพาะส่วนที่ครูปรับปรุงเองไว้ด้วยแล้ว
- 5. 5
2. สัญลักษณ์ลักษณะกิจกรรมการเรียนรู้
สัญลักษณ์ลักษณะกิจกรรมการเรียนรู้เป็นเครื่องหมายที่ปรากฏอยู่ในสื่อการเรียนรู้ การอาชีพ
สมบูรณ์แบบ และแบบฝึกทักษะ รายวิชาพื้นฐาน การอาชีพทุกเล่ม โดยกาหนดสัญลักษณ์กากับกิจกรรม
การเรียนรู้ไว้ทุกกิจกรรม เพื่อช่วยให้ครูและนักเรียนทราบลักษณะที่ต้องการเน้นของกิจกรรมนั้น ๆ
เพื่อที่จะจัดกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมายสัญลักษณ์ลักษณะกิจกรรมการเรียนรู้มีดังนี้
1. สัญลักษณ์หลักของกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
โครงงาน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาการคิด การวางแผน และการแก้ปัญหา
การพัฒนากระบวนการคิด เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนได้ใช้กระบวนการคิด
เพื่อเพิ่มพูนทักษะการคิดด้านต่าง ๆ ของตนเอง
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนนาความรู้
และทักษะไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์จริงในชีวิตประจาวัน
การปฏิบัติจริง/ฝึกทักษะ เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติเพื่อให้
เกิดทักษะซึ่งจะช่วยให้การเรียนรู้เป็นไปตามเป้าหมายและเกิดความเข้าใจที่คงทน
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ความคิดริเริ่ม ความคล่องในการคิด ความยืดหยุ่นในการคิด
และความคิดละเอียดลออ
2. สัญลักษณ์เสริมของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
การทาประโยชน์ให้สังคม เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนนาความรู้ไปปฏิบัติ
ในการทาประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อให้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
การศึกษาค้นคว้า/สืบค้น เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหรือ
สืบค้นข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
การสารวจ เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้ผู้เรียนสารวจรวบรวมข้อมูลเพื่อนามาศึกษา
วิเคราะห์หาเหตุ หาผล และสรุปข้อมูล เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ด้วยตนเอง
06
01
02
03
04
05
19
07
- 6. 6
การสังเกต เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนรู้จักสังเกตสิ่งที่ต้องการเรียนรู้จน
สามารถสร้างองค์ความรู้ได้อย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
ทักษะการพูด เป็นกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะการพูดประเภทต่าง ๆ
กิจกรรมสาหรับกลุ่มพิเศษ เป็นกิจกรรมสาหรับให้นักเรียนใช้พัฒนาการเรียนรู้
เพื่อเติมเต็มศักยภาพการเรียนรู้ของตนเอง
กิจกรรมสาหรับซ่อมเสริม เป็นกิจกรรมสาหรับให้นักเรียนใช้เรียนซ่อมเสริม
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดชั้นปี
3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design(BwD)
การจัดการเรียนรู้หรือการสอนเป็นงานที่ครูทุกคนต้องใช้กลวิธีต่าง ๆ มากมายเพื่อให้นักเรียน
สนใจที่จะเรียนรู้และเกิดผลตามที่ครูคาดหวัง การจัดการเรียนรู้จัดเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความรู้
ความสามารถ ตลอดจนประสบการณ์อย่างมาก ครูบางคนอาจจะละเลยเรื่องของการออกแบบการจัดการ
เรียนรู้หรือการออกแบบการสอน ซึ่งเป็นงานที่ครูจะต้องทาก่อนการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
การออกแบบการจัดการเรียนรู้ทาอย่างไร ทาไมจึงต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้
ครูทุกคนผ่านการศึกษาและได้เรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบการจัดการเรียนรู้มาแล้ว ในอดีตการ
ออกแบบการจัดการเรียนรู้จะเริ่มต้นจากการกาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ การวางแผนการจัดการเรียนรู้
การดาเนินการจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบันการเรียนรู้ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ไปตามสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เข้า
มามีบทบาทต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากสื่อและแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่
รอบตัว ดังนั้นการออกแบบการจัดการเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการสาคัญที่ครูจาเป็น
ต้องดาเนินการให้เหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียนแต่ละบุคคล
วิกกินส์และแม็คไท นักการศึกษาชาวอเมริกันได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบการจัดการ
เรียนรู้ ซึ่งเขาเรียกว่า Backward Design ซึ่งเป็นการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ครูจะต้องกาหนดผลลัพธ์
ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนก่อนโดยเขาทั้งสองให้ชื่อว่า ความเข้าใจที่คงทน (Enduring
Understandings) เมื่อกาหนดความเข้าใจที่คงทนได้แล้ว ครูจะต้องบอกให้ได้ว่าความเข้าใจที่คงทนของ
นักเรียนนี้เกิดจากอะไร นักเรียนจะต้องมีหรือแสดงพฤติกรรมอะไรบ้าง ครูมีหรือใช้วิธีการวัดอะไรบ้างที่
จะบอกว่านักเรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นแล้ว จากนั้นครูจึงนึกถึงวิธีการจัดการเรียนรู้ที่จะทาให้
นักเรียนเกิดความเข้าใจที่คงทนต่อไป
12
17
18
09
- 7. 7
แนวคิดของแนวคิดของ BBaacckkwwaarrdd DDeessiiggnn
Backward Design เป็นการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ผลลัพธ์ปลายทางเป็นหลัก ซึ่งผลลัพธ์
ปลายทางนี้จะเกิดขึ้นกับนักเรียนก็ต่อเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ทั้งนี้ครูจะต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้
โดยใช้กรอบความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลมีความสัมพันธ์กัน จากนั้นจึงจะลงมือเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
ขยายรายละเอียดเพิ่มเติมให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป
กรอบความคิดหลักของการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design มีขั้นตอนหลักที่
สาคัญ 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 กาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
ขั้นที่ 2 กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมีผล
การเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริง
ขั้นที่ 3 วางแผนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ขั้นที่ 11 กาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนกาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
ก่อนที่จะกาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนนั้น ครูควรตอบคาถามสาคัญ
ต่อไปนี้
นักเรียนควรจะมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถทาสิ่งใดได้บ้าง
เนื้อหาสาระใดบ้างที่มีความสาคัญต่อการสร้างความเข้าใจของนักเรียน และความเข้าใจ ที่
คงทน (Enduring Understandings) ที่ครูต้องการจัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนมีอะไรบ้าง
เมื่อจะตอบคาถามสาคัญดังกล่าวข้างต้น ให้ครูนึกถึงเป้าหมายของการศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้
ด้านเนื้อหาระดับชาติที่ปรากฏอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551รวมทั้งมาตรฐาน
การเรียนรู้ระดับเขตพื้นที่การศึกษาหรือท้องถิ่น
การทบทวนความคาดหวังของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เนื่องจากมาตรฐานแต่ละระดับจะมี
ความสัมพันธ์กับเนื้อหาสาระต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างลดหลั่นกันไป ด้วยเหตุนี้ขั้นที่ 1 ของ Backward
Designครูจึงต้องจัดลาดับความสาคัญและเลือกผลลัพธ์ปลายทางของนักเรียน ซึ่งเป็นผลการเรียนรู้ที่เกิด
จากความเข้าใจที่คงทนต่อไป
ความเข้าใจที่คงทนของนักเรียนความเข้าใจที่คงทนของนักเรียน
ความเข้าใจที่คงทนคืออะไร ความเข้าใจที่คงทนเป็นความรู้ที่ลึกซึ้ง ได้แก่ ความคิดรวบยอด
ความสัมพันธ์ และหลักการของเนื้อหาและวิชาที่นักเรียนเรียนรู้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นความรู้ที่อิง
เนื้อหาความรู้นี้เกิดจากการสะสมข้อมูลต่าง ๆและเป็นองค์ความรู้ที่นักเรียนสร้างขึ้นด้วยตนเอง
การเขียนความเข้าใจที่คงทนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
ถ้าความเข้าใจที่คงทนหมายถึงสาระสาคัญของสิ่งที่จะเรียนรู้แล้ว ครูควรจะรู้ว่าสาระสาคัญ
หมายถึงอะไร คาว่า สาระสาคัญ มาจากคาว่า Concept ซึ่งนักการศึกษาของไทยแปลเป็นภาษาไทยว่า
สาระสาคัญ ความคิดรวบยอด มโนทัศน์ มโนมติ และสังกัป ซึ่งการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้นิยมใช้คา
ว่า สาระสาคัญ
- 8. 8
สาระสาคัญเป็นข้อความที่แสดงแก่นหรือเป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อสรุป
รวมและข้อแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยอาจครอบคลุมข้อเท็จจริง กฎ ทฤษฎี ประเด็น และการ
สรุปสาระสาคัญและข้อความที่มีลักษณะรวบยอดอย่างอื่น
ประเภทของสาระสาคัญ
1. ระดับกว้าง (BroadConcept)
2. ระดับการนาไปใช้ (Operative Concept หรือFunctionalConcept)
ตัวอย่างสาระสาคัญระดับกว้าง
การประกอบอาชีพควรเลือกตามความชอบ ความสามารถ ความสนใจ ความสามารถ
และความถนัดของแต่ละบุคคล
การประกอบอาชีพแต่ละประเภทจะต้องมีการเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะทางาน
ตัวอย่างสาระสาคัญระดับนาไปใช้
การเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อการทางานมีความสาคัญ ได้แก่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน
ช่วยลดค่าใช้จ่ายหรืองบประมาณในการทางาน ทาให้งานมีความเรียบร้อยและสวยงาม ช่วยควบคุม
ปริมาณงาน ช่วยลดแรงงานในการทางานให้น้อยลงและช่วยให้เกิดความกระตือรือร้นในการทางาน
การจาลองอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระจะต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ เงิน-
ลงทุน วัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ วิธีการดาเนินการ และแหล่งจาหน่าย
แนวทางการเขียนสาระสาคัญ
1. ให้เขียนสาระสาคัญของทุกเรื่อง โดยแยกเป็นข้อ ๆ (จานวนข้อของสาระสาคัญจะเท่ากับ
จานวนเรื่อง)
2. การเขียนสาระสาคัญที่ดีควรเป็นสาระสาคัญระดับการนาไปใช้
3. สาระสาคัญต้องครอบคลุมประเด็นสาคัญครบถ้วน เพราะหากขาดส่วนใดไปแล้วจะทาให้
นักเรียนรับสาระสาคัญที่ผิดไปทันที
4. การเขียนสาระสาคัญให้ครอบคลุมประเด็นอีกวิธีหนึ่งคือ การเขียนแผนผังสาระสาคัญ
- 9. 9
ตัวอย่างการเขียนแผนผังสาระสาคัญ
สาระสาคัญของประเภทอาชีพ : อาชีพแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ อาชีพรับจ้างและอาชีพ
อิสระ
5. การเขียนสาระสาคัญเกี่ยวกับเรื่องใดควรเขียนลักษณะเด่นที่มองเห็นได้หรือนึกได้ออกมาเป็น
ข้อ ๆ แล้วจาแนกลักษณะเหล่านั้นเป็นลักษณะจาเพาะและลักษณะประกอบ
6. การเขียนข้อความที่เป็นสาระสาคัญ ควรใช้ภาษาที่มีการขัดเกลาอย่างดี เลี่ยงคาที่มีความหมาย
กากวมหรือฟุ่มเฟือย
ตัวอย่างการเขียนสาระสาคัญ เรื่อง สานักงานอัตโนมัติ
สานักงานอัตโนมัติ ลักษณะจาเพาะ ลักษณะประกอบ
ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย
เพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน
ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้
ถูกต้องและรวดเร็ว
หน่วยงานและสานักงานมีภาพลักษณ์ดี
สาระสาคัญของสานักงานอัตโนมัติ : สานักงานอัตโนมัติมีประโยชน์หลายอย่างได้แก่ ประหยัด
งบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
ทาให้หน่วยงานและสานักงานมีภาพลักษณ์ดี
ประเภทของอาชีพ
ธรรมในการ
ประกอบอาชีพ
อาชีพรับจ้าง
อาชีพอิสระ
ข้อดีและข้อเสียของอาชีพรับจ้าง
ความหมายของอาชีพรับจ้าง
ตัวอย่างอาชีพรับจ้าง
ความหมายของอาชีพอิสระ
ข้อดีและข้อเสียของอาชีพอิสระ
ตัวอย่างอาชีพรับอิสระ
- 10. 10
ขั้นที่ขั้นที่ 2 กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมี2 กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมี
ผลการเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริงผลการเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริง
เมื่อครูกาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนแล้ว ก่อนที่จะดาเนินการขั้นต่อไป
ขอให้ครูตอบคาถามสาคัญต่อไปนี้
นักเรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกในลักษณะใด จึงทาให้ครูทราบว่า นักเรียนบรรลุผลลัพธ์
ปลายทางตามที่กาหนดไว้แล้ว
ครูมีหลักฐานหรือใช้วิธีการใดที่สามารถระบุได้ว่านักเรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกตาม
ผลลัพธ์ปลายทางที่กาหนดไว้
การออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักการ Backward Design เน้นให้ครูรวบรวมหลักฐานการ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่จาเป็นและมีหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวได้ว่า การจัดการเรียนรู้ทาให้
นักเรียนเกิดผลสัมฤทธิ์แล้วไม่ใช่เรียนแค่ให้จบตามหลักสูตรหรือเรียนตามชุดของกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครู
กาหนดไว้เท่านั้น วิธีการของBackward Design ต้องการกระตุ้นให้ครูคิดล่วงหน้าว่า ครูควรจะกาหนด
และรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์อะไรบ้างก่อนที่จะออกแบบหน่วยการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลักฐานดังกล่าวควรจะเป็นหลักฐานที่สามารถใช้เป็นข้อมูลย้อนกลับ ที่มีประโยชน์สาหรับนักเรียนและ
ครูได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผู้สอนควรใช้วิธีการวัดและประเมินแบบต่อเนื่องอย่างไม่เป็นทางการและเป็น
ทางการตลอดระยะเวลาที่ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนเรียน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ต้องการ
ให้ครูทาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียกว่า สอนไปวัดผลไป
จึงกล่าวได้ว่า ขั้นนี้ครูควรนึกถึงพฤติกรรมหรือการแสดงออกของนักเรียนโดยพิจารณาจาก
ผลงานหรือชิ้นงานที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักเรียนเกิดผลลัพธ์ปลายทางตามเกณฑ์
ที่กาหนดไว้แล้ว และเกณฑ์ที่ใช้ประเมินควรเป็นเกณฑ์คุณภาพในรูปของมิติคุณภาพ (Rubrics)อย่างไรก็
ตาม ครูอาจจะมีหลักฐานหรือใช้วิธีการอื่นๆ เช่น การทดสอบก่อนและหลังเรียน การสัมภาษณ์ การศึกษา
ค้นคว้า การฝึกปฏิบัติขณะเรียนรู้ประกอบด้วยก็ได้
การกาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมีผลการกาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมีผล
การเรียนรู้ตามผการเรียนรู้ตามผลลัพธ์ปลายทางที่กาหนดไว้แล้วลลัพธ์ปลายทางที่กาหนดไว้แล้ว
หลังจากที่ครูได้กาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนแล้ว ครูควรกาหนด
ภาระงานและวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนมีผลการเรียนรู้ตามผลลัพธ์
ปลายทางที่กาหนดไว้แล้ว
ภาระงานหมายถึงงานหรือกิจกรรมที่กาหนดให้นักเรียนปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุตามจุดประสงค์
การเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี/มาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ ลักษณะสาคัญของงานจะต้องเป็นงานที่
สอดคล้องกับชีวิตจริงในชีวิตประจาวันเป็นเหตุการณ์จริงมากกว่ากิจกรรมที่จาลองขึ้นเพื่อใช้ในการ
ทดสอบ ซึ่งเรียกว่า งานที่ปฏิบัติเป็นงานที่มีความหมายต่อนักเรียน (Meaningful Task) นอกจากนี้งานและ
- 12. 12
ตัวอย่าง ภาระงาน/ผลงาน แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อการทางานอาชีพ
สาระที่ 4 การอาชีพ มาตรฐาน ง 4.1
จุดประสงค์
การเรียนรู้
สาระการ
เรียนรู้
กิจกรรมการ
เรียนรู้
ภาระงาน/ผลงาน การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้
วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์
อธิบาย
วิธีการใช้
เทคโนโลยี
เพื่อการทางาน
อาชีพ
เทคโนโลยีที่ใช้
เพื่อการทางาน
อาชีพ
– ศึกษาค้นคว้า
ข้อมูลเกี่ยวกับ
เทคโนโลยี
เครื่องใช้
สานักงานและ
สานักงาน
อัตโนมัติ
– บอกประโยชน์
ของเทคโนโลยี
ที่ใช้เพื่อการ
ทางานอาชีพ
‟ รายงาน 1 ฉบับ
‟ ออกแบบเทคโนโลยี
เพื่อการทางานอาชีพ 1
อย่าง
‟ สาธิตวิธีใช้
เทคโนโลยีเพื่อการ
ทางานอาชีพ
ซักถามความรู้
ตรวจผลงาน
ตรวจรายงาน
สังเกตการ
ทางานกลุ่ม
แบบบันทึกความรู้
แบบประเมินการนาเสนอ
ผลงาน
แบบสังเกตการทางานกลุ่ม
แบบประเมินพฤติกรรมการ
ปฏิบัติกิจกรรม
เกณฑ์คุณภาพ
4 ระดับ
1. บทความเกี่ยวกับเทคโนโลยี
เพื่อการทางานอาชีพ
2. แบบบันทึกข้อมูลการอภิปราย
จากประเด็นที่ศึกษา
3. แบบบันทึกความรู้
4. ใบกิจกรรมที่ 1 ศึกษาค้นคว้า
ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี
เครื่องใช้สานักงานและ
สานักงานอัตโนมัติ
5. ใบกิจกรรมที่ 2 ออกแบบ
เทคโนโลยีเพื่อการทางาน
อาชีพ
6. แบบทดสอบเกี่ยวกับเทคโนโลยี
เพื่อการทางานอาชีพ
- 13. 13
การสร้างความเข้าใจที่คงทน
ความเข้าใจที่คงทนจะเกิดขึ้นได้ นักเรียนจะต้องมีความสามารถ 6 ประการ ได้แก่
1. การอธิบาย ชี้แจง เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการอธิบายหรือชี้แจงในสิ่งที่
เรียนรู้ได้อย่างถูกต้อง สอดคล้อง มีเหตุมีผล และเป็นระบบ
2. การแปลความและตีความ เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการแปลความและ
ตีความได้อย่างมีความหมาย ตรงประเด็น กระจ่างชัด และทะลุปรุโปร่ง
3. การประยุกต์ ดัดแปลง และนาไปใช้ เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการนาสิ่งที่ได้
เรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และคล่องแคล่ว
4. การมีมุมมองที่หลากหลาย เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการมีมุมมองที่น่าเชื่อถือ
เป็นไปได้ มีความลึกซึ้ง แจ่มชัด และแปลกใหม่
5. การให้ความสาคัญใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการมี
ความละเอียดรอบคอบ เปิดเผยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ระมัดระวังที่จะไม่ให้เกิดความ
กระทบกระเทือนต่อผู้อื่น
6. การรู้จักตนเอง เป็นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนักรู้ สามารถ
ประมวลผลข้อมูลจากแหล่งที่หลากหลาย ปรับตัวได้รู้จักใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด
นอกจากนี้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กาหนดสมรรถนะ-
สาคัญของนักเรียนหลังจากสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรไว้ 5ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถของนักเรียนในการรับและส่งสาร การถ่ายทอด
ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกที่จะรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจน
การเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบต่อตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถของนักเรียนในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดเชิงคุณธรรม และการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อ
นาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคม ได้อย่าง
เหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถของนักเรียนในการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ
ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ใน
การป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อ
ตนเองสังคม และสิ่งแวดล้อม
- 14. 14
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถของนักเรียนในการนากระบวนการ
ต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริม
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้
ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่
ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถของนักเรียนในการเลือกและใช้
เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ทั้งด้านวัตถุแนวคิด วิธีการ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการ
พัฒนาตนเองและสังคมในด้านความรู้ การสื่อสาร การทางานการแก้ปัญหา และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
นอกจากสมรรถนะสาคัญของนักเรียนหลังจากสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรที่กล่าวข้างต้นแล้ว
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ยังได้กาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8
ประการ เพื่อให้นักเรียนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขทั้งในฐานะพลเมืองไทยและ
พลเมืองโลก ดังนี้
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มุ่งมั่นในการทางาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
ดังนั้นการกาหนดภาระงานให้ผู้เรียนปฏิบัติ รวมทั้งการเลือกวิธีการและเครื่องมือประเมินผล
การเรียนรู้นั้น ครูควรคานึงถึงความสามารถของนักเรียน 6 ประการ ตามแนวคิดของ Backward Design
สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียนหลังจากสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้
กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อให้ภาระงาน วิธีการ และเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีความ
ครอบคลุมสิ่งที่สะท้อนผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนอย่างแท้จริง
โดยสรุปการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward design ในขั้นที่ 2 นี้ ครู
จะต้องคานึงถึงภาระงาน วิธีการ เครื่องวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่มีความเที่ยงตรง ความเชื่อถือได้
มีประสิทธิภาพ ตรงกับสภาพจริง มีความยืดหยุ่น และให้ความสบายใจแก่นักเรียนเป็นสาคัญ
- 15. 15
ขั้นที่ 3 วางแผนการจัดการเรียนรู้ขั้นที่ 3 วางแผนการจัดการเรียนรู้
เมื่อครูมีความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกาหนดผลลัพธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับ
นักเรียนรวมทั้งกาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนเกิด
การเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริงแล้ว ขั้นต่อไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรู้
ต่าง ๆ ที่จะจัดให้แก่นักเรียน การที่นักเรียนจะนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดให้นักเรียนได้นั้น ครูควรตอบ
คาถามสาคัญต่อไปนี้
ถ้าครูต้องการจะจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอด
หลักการและทักษะกระบวนการต่าง ๆ ที่จาเป็นสาหรับนักเรียน ซึ่งจะทาให้นักเรียนเกิดผลลัพธ์
ปลายทางตามที่กาหนดไว้ รวมทั้งเกิดเป็นความเข้าใจที่คงทนต่อไปนั้น ครูสามารถจะใช้วิธีการง่าย ๆ
อะไรบ้าง
กิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยเป็นสื่อนาให้นักเรียนเกิดความรู้และทักษะที่จาเป็นมีอะไรบ้าง
สื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมและดีที่สุด ซึ่งจะทาให้นักเรียนบรรลุตามมาตรฐานของ
หลักสูตรมีอะไรบ้าง
กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่กาหนดไว้ควรจัดกิจกรรมใดก่อนและควรจัดกิจกรรมใน
ภายหลัง
กิจกรรมต่าง ๆ ออกแบบไว้เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนหรือไม่
เพราะเหตุใด
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดผลลัพธ์ปลายทางตามแนวคิดของ Backward
Design นั้น วิกกินส์และแม็คไทได้เสนอแนะให้ครูเขียนแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดของ
WHERE TO(ไปที่ไหน) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Wแทน กิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้นั้นจะต้องช่วยให้นักเรียนรู้ว่าหน่วยการเรียนรู้นี้จะดาเนินไป
ในทิศทางใด(Where) และสิ่งที่คาดหวังคืออะไร (What)มีอะไรบ้าง ช่วยให้ครูทราบว่านักเรียนมีความรู้
พื้นฐานและความสนใจอะไรบ้าง
H แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรดึงดูดความสนใจนักเรียนทุกคน (Hook)ทาให้นักเรียนเกิดความ
สนใจในสิ่งที่จะเรียนรู้ (Hold)และใช้สิ่งที่นักเรียนสนใจเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรส่งเสริมและจัดให้ (Equip) นักเรียนได้มีประสบการณ์
(Experience) ในแนวคิดหลัก/ความคิดรวบยอด และสารวจ รวมทั้งวินิจฉัย (Explore) ในประเด็น ต่าง ๆ
ที่น่าสนใจ
R แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิดทบทวน (Rethink) ปรับ (Revise)
ความเข้าใจในความรู้และงานที่ปฏิบัติ
- 16. 16
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ประเมิน (Evaluate) ผลงานและสิ่งที่
เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้
T แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรออกแบบ (Tailored) สาหรับผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้
สอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และความสามารถที่แตกต่างกันของนักเรียน
O แทน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เป็นระบบ (Organized) ตามลาดับการเรียนรู้ของ
นักเรียนและกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ตั้งแต่เริ่มแรกและตลอดไป ทั้งนี้เพื่อ
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า การวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีการกาหนดวิธีการจัดการเรียนรู้
การลาดับบทเรียนรวมทั้งสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงนั้นจะประสบผลสาเร็จได้ก็ต่อเมื่อ
ผู้สอนได้มีการกาหนดผลลัพธ์ปลายทาง หลักฐาน และวิธีการวัดและประเมินผลที่แสดงว่านักเรียนมีผล
การเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้อย่างแท้จริงแล้ว การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นเพียงสื่อที่จะนาไปสู่เป้าหมาย
ความสาเร็จที่ต้องการเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถ้าครูมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะช่วยทาให้การวางแผนการจัดการ
เรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สามารถทาให้นักเรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่กาหนดไว้ได้
โดยสรุปจึงกล่าวได้ว่า ขั้นนี้เป็นการค้นหาสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ที่
สอดคล้องเหมาะสมกับนักเรียน กิจกรรมที่กาหนดขึ้นควรเป็นกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้นักเรียนสามารถ
สร้างและสรุปเป็นความคิดรวบยอดและหลักการที่สาคัญของสาระที่เรียนรู้ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจที่
คงทน รวมทั้งความรู้สึกและค่านิยมที่ดีไปพร้อม ๆ กับทักษะความชานาญ
- 18. 18
รูปแบบแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงจากการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด
Backward Design เขียนโดยใช้รูปแบบของแผนการจัดการเรียนรู้แบบเรียงหัวข้อซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ชื่อแผน...(ระบุชื่อและลาดับที่ของแผนการจัดการเรียนรู้)
ชื่อเรื่อง...(ระบุชื่อเรื่องที่จะทาแผนการจัดการเรียนรู้)
สาระที่...(ระบุสาระที่ใช้จัดการเรียนรู้)
เวลา...(ระบุระยะเวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ต่อ 1 แผน)
ชั้น...(ระบุชั้นที่จัดการเรียนรู้)
หน่วยการเรียนรู้ที่...(ระบุชื่อและลาดับที่ของหน่วยการเรียนรู้)
สาระสาคัญ...(เขียนความคิดรวบยอดหรือมโนทัศน์ของหัวเรื่องที่จะจัดการเรียนรู้)
ตัวชี้วัดช่วงชั้น...(ระบุตัวชี้วัดช่วงชั้นที่ใช้เป็นเป้าหมายของแผนการจัดการเรียนรู้)
จุดประสงค์การเรียนรู้... (กาหนดให้สอดคล้องกับสมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะที่พึง-
ประสงค์ของนักเรียนหลังจากสาเร็จการศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551ซึ่งประกอบด้วย
ด้านความรู้ (Knowledge: K)
ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม(Affective: A)
ด้านทักษะกระบวนการ (Performance: P))
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้... (ระบุวิธีการและเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคล้อง
กับจุดประสงค์การเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน)
สาระการเรียนรู้...(ระบุสาระและเนื้อหาที่นามาจัดการเรียนรู้ อาจเขียนเฉพาะหัวเรื่องก็ได้)
แนวทางบูรณาการ...(เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระอื่นที่บูรณาการร่วมกัน)
กระบวนการจัดการเรียนรู้... (กาหนดให้สอดคล้องกับธรรมชาติของกลุ่มสาระและการ
บูรณาการข้ามกลุ่มสาระ)
กิจกรรมเสนอแนะ...(ระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่นักเรียนควรปฏิบัติเพิ่มเติม)
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้...(ระบุสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้)
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้...(ระบุรายละเอียดของผลการจัดการเรียนรู้ตามแผนที่กาหนดไว้
อาจนาเสนอข้อเด่นและข้อด้อยให้เป็นข้อมูลที่สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการทาวิจัยใน ชั้น
เรียนได้)
ในส่วนของการเขียนกิจกรรมการเรียนรู้นั้น ให้ครูนาขั้นตอนหลักของวิธีการจัดการเรียนรู้ ที่
เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเช่น การเรียนแบบแก้ปัญหา การศึกษาเป็นรายบุคคล การอภิปรายกลุ่มย่อย/กลุ่ม
ใหญ่ การฝึกปฏิบัติ การสืบค้นข้อมูล ฯลฯ มาเขียนในขั้นสอน โดยคานึงถึงธรรมชาติของกลุ่มสาระการ
เรียนรู้เป็นสาคัญ
- 19. 19
การใช้แนวคิดของการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design จะช่วยให้
ผู้สอนมีความมั่นใจในการจัดการเรียนรู้และใช้แผนการจัดการเรียนรู้ของ บริษัท สานักพิมพ์วัฒนาพานิช
จากัด ในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
4. เทคนิคและวิธีการจัดการเรียนรู้–การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 (2) และ (3) ได้ระบุแนวทางการจัดการ
เรียนรู้ โดยเน้นการฝึกทักษะกระบวนการคิด การฝึกทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้
ที่หลากหลาย การฝึกปฏิบัติจริง และการประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อการป้องกันและแก้ปัญหา ดังนั้น เพื่อให้
การจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวนี้ การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ใน คู่มือครู แผนการ
จัดการเรียนรู้ การอาชีพเล่มนี้ จึงยึดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ (Child-Centered)
เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และเน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ผสมผสานเชื่อมโยงสาระการเรียนรู้
ต่าง ๆ กับหัวข้อเรื่องหรือประเด็นที่สอดคล้องกับชีวิตจริง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาในองค์รวม เป็น
ธรรมชาติ สอดคล้องกับสภาพและปัญหาที่เกิดในวิถีชีวิตของนักเรียน
แนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้เปลี่ยนแปลงบทบาทของครูจากการเป็น ผู้
ชี้นาหรือถ่ายทอดความรู้ ไปเป็นผู้ช่วยเหลือ อานวยความสะดวก และส่งเสริมสนับสนุนนักเรียนโดยใช้
วิธีการต่าง ๆ อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการสร้างสรรค์ความรู้และนาความรู้ไปใช้อย่างมี
ประสิทธิภาพ คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ การงานอาชีพเล่มนี้ จึงได้นาเสนอทฤษฎีและเทคนิควิธีการ
เรียนการสอนต่าง ๆ มาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ เช่น
การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain–Base Learning–BBL) ที่เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่
อิงผลการวิจัยทางประสาทวิทยา ซึ่งได้เสนอแนะไว้ว่า ตามธรรมชาตินั้นสมองเรียนรู้ได้อย่างไร โดยได้
กล่าวถึงโครงสร้างที่แท้จริงของสมองและการทางานของสมองมนุษย์ที่มีการแปรเปลี่ยนไปตามขั้นของ
การพัฒนา ซึ่งสามารถนามาใช้เป็นกรอบแนวคิดของการสร้างสรรค์การจัดการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–Based Learning–PBL) เป็นวิธีการจัดการ
เรียนรู้ที่ใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้โดยให้นักเรียน
ร่วมกันแก้ปัญหาภายใต้การแนะนาของครู ให้นักเรียนช่วยกันตั้งคาถามและช่วยกันค้นหาคาตอบ โดย
อาจใช้ความรู้เดิมมาแก้ปัญหา หรือศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมสาหรับการแก้ปัญหา นาข้อมูลที่ได้จากการ
ค้นคว้ามาสรุปเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหา แล้วช่วยกันประเมินการแก้ปัญหาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาครั้ง
ต่อไปสาหรับขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
- 20. 20
การจัดการเรียนรู้แบบพหุปัญญา (Multiple Intelligences) เป็นการพัฒนาองค์รวมของ
นักเรียน ทั้งสมองด้านซ้ายและสมองด้านขวา บนพื้นฐานความสามารถและสติปัญญาที่แตกต่างกัน
ของแต่ละบุคคล มุ่งหมายให้นักเรียนสามารถแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ภายใต้ความหลากหลาย
ของวัฒนธรรมหรือสภาพแวดล้อม
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เป็นการจัดสถานการณ์และบรรยากาศให้
นักเรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ฝึกให้นักเรียนที่มีลักษณะแตกต่างกันทั้งสติปัญญาและความถนัดร่วมกัน
ทางานเป็นกลุ่ม ร่วมกันศึกษาค้นคว้า
การจัดการเรียนรู้แบบใช้หมวกความคิด 6 ใบ (Six ThinkingHats) ให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามและ
ตอบคาถามที่ใช้ความคิดในลักษณะต่าง ๆโดยสามารถอธิบายเหตุผลประกอบหรือวิเคราะห์วิจารณ์ได้
การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นการฝึกให้นักเรียนเรียนรู้จาก
การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการทาความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดาเนินการแก้ปัญหาและ
ตรวจสอบหรือมองย้อนกลับ
การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Work) ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่
ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้หรือค้นคว้า
หาคาตอบในสิ่งที่ผู้เรียนอยากรู้หรือสงสัยด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างหลากหลาย
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติ (Active Learning) ให้นักเรียนได้ทดลองทาด้วยตนเอง เพื่อจะ
ได้เรียนรู้ขั้นตอนของงาน รู้จักวิธีแก้ปัญหาในการทางาน
การจัดการเรียนรู้แบบสร้างผังความคิด (Concept Mapping) เป็นการสอนด้วยวิธีการจัดกลุ่ม
ความคิดรวบยอดเพื่อให้เห็นความสัมพันธ์กันระหว่างความคิดหลักและความคิดรองลงไปโดยนาเสนอ
เป็นภาพหรือเป็นผัง
การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experience Learning) เป็นการจัดกิจกรรมหรือจัด
ประสบการณ์ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติ แล้วกระตุ้นให้นักเรียนพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เจต
คติใหม่ ๆ หรือวิธีการคิดใหม่ ๆ
การเรียนรู้โดยการแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้แสดง
บทบาทในสถานการณ์ที่สมมุติขึ้น โดยอาจกาหนดให้แสดงบทบาทสมมุติที่เป็นพฤติกรรมของบุคคลอื่น
หรือแสดงพฤติกรรมในบทบาทของตนเองในสถานการณ์ต่างๆ
การเรียนรู้จากเกมจาลองสถานการณ์ (Simulation Gaming) เป็นเทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่คล้ายกับ
การแสดงบทบาทสมมุติ แต่เป็นการให้เล่นเกมจาลองสถานการณ์โดยครูนาสถานการณ์จริงมาจาลองไว้
ในห้องเรียน โดยการกาหนดกฎกติกาเงื่อนไขสาหรับเกมนั้นๆ แล้วให้นักเรียนไปเล่นเกมหรือกิจกรรม
ในสถานการณ์จาลองนั้น
- 22. 22
ตารางวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดช่วงชั้น
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี การอาชีพ ชั้น ม. 46
มาตรฐานการเรียนรู้
/ตัวชี้วัดชั้นปี
หน่วยการเรียนรู้
สาระที่ 1 สาระที่ 2 สาระที่ 3 สาระที่ 4
สรุปผลการ
ประเมิน
มฐ ง 1.1 มฐ ง 2.1 มฐ ง 3.1 มฐ ง 4.1 ผ่าน
ไม่
ผ่าน
1 2 3 4 5 6 7 1 2 3 4 5 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 1 2 3 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เปิดโลกอาชีพ √
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เส้นทางสู่งานอาชีพ √
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยีเพื่อการ
ทางานอาชีพ
√
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ประสบการณ์
วิชาชีพ
√ √
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 คุณธรรม
จริยธรรม และค่านิยมในการทางาน
√