SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  26
Télécharger pour lire hors ligne
ระบบสมการเชิงเส้ นและเมทริกซ์

                                           a11          a13 
   มิติ i  j
                                                  a12
                           เช่น A =       a                      เมทริกซ์ A มีมิติ 23
                                           21    a 22   a 23 
                                                              
                             a13 คือ สมาชิกของเมทริ กซ์ A                         13
         แถว หลัก
                           หมายถึง สมาชิกของเมทริกซ์ A                              1            3

                                           x a  1 3 
        A=B                เช่น    ถ้ า    y b    2 4
                                                      
ต้ องมี  มิติ เท่ ากัน
                                   จะได้ x = 1 , y = 2 , a = 3 และ b = 4
 สมาชิกในตําแหน่ ง                                        x a  1 
   เดียวกันเท่ ากัน                                แต่     y b    2
                                                                 


        A+B                เช่น   1 3 5 7  1  5 3  7  6 10
                                  2 4  6 8   2  6 4  8  8 12
ต้ องมี                                                         

 ดําเนินการกับสมาชิก             1 3  5 7   1  5 3  7    4  4 
                                  2 4  6 8   2  6 4  8   4  4
ในตําแหน่ งเดียวกัน                                                 


                           เช่น              Aab  Bbc  AB c
      AB
                                                             a

                                             ถ้ า A  B แล้ ว AB  BA
ใช้  แถว  หลัก                        7 
                              1 3 5    (1  7)  (3  8)  (5  9)   76 
 นําผลคูณมาบวกกัน            2 4 6  8   (2  7)  (4  8)  (6  9)  100
                                    9                                   
        ต้ องมี                          
                                                                  มิติ
    แถวของตัวคูณ                                                                         
                                  23         31                                         2 1
(2)

             t                     เช่น      ถ้ า A = a
                                                      
                                                            b c
                                                                        เมทริกซ์ A มีมิติ 23
         A                                               x y z

                                                         a    x
สลับ แถว กับ หลัก                                   t
                                            แล้ ว A =    b    y        เมทริกซ์ At มีมิติ 32
                                                               
                                                         c
                                                              z
                                                                


AA-1 = A-1A = In                                 ถ้า AB = In แล้ ว B = A-1

 A       a         ij    1 1                              det( A )  a ij

                                                ad – bc  0 ได้         det( A )  ad  bc
        a b
    A                                                              1  d b
        c d                                และ        A1 
                                                                    adbc c a
                                                                              

                                                 a x p a x
                                   det(A)  b y q b y
     a x p
 A  b y q
                                                 c z r c z
                                             (ayr)  (xqc)  ( pbz)  (cyp)  (zqa)  (rbx)
     c z r 
           
                                          คูณทแยงลงมีค่าเป็ นบวก คูณ                         ค่าเป็ นลบ

                                                    det( A )       a   ij    C ij ( A )
                                          ผลบวกของผลคูณระหว่างสมาชิกกับค่าโคเฟกเตอร์
A       a     ij        mm


         m>2                                                           1
                                                และ      A1                adj ( A)
                                                                    det ( A)
                                                                    det(A)  0

                                    det(A) = det(At)                     det(kA) = kmdet(A)
 A      a     ij        m m
                                    det(AB) = det(A) det(B)  det(A-1) =                        1
                                                                                                det( A)
(3)
     เมทริกซ์ เอกฐาน                               ถ้ าเมทริกซ์ A มี det(A) = 0
      (Sigolar Matrix)                      แล้ ว A จะเป็ นเมทริกซ์เอกฐาน (ไม่มี A-1)
  เมทริกซ์ ไม่ เอกฐาน                             ถ้ าเมทริกซ์ A มี det(A)  0
 (Non-Sigolar Matrix)                       แล้ ว A จะเป็ นเมทริกซ์ไม่เอกฐาน(มี A-1)

                                                        det( A )        a  C ( A)
                                                                                ij         ij

                                                                         C ( A ) 
                                                                                                t
    1        1                                            adj ( A )
         
                                                                                     ij
A                   adj ( A)
                                                                             i j
           det ( A)                                    C ij ( A)  (1)               M ij ( A)
            det(A)  0                    และ          M ij ( A)  det( Aij )

                                        det( Aij )     เป็ นค่าดีเทอร์
                                                     i             j

                                         1 2 6 1 2
         1 2 6               det( A)  3 5 7 3 5
     A  3 5 7
                                       4 8 9 4 8
         4 8 9
                                             (1  5  9)  (2  7  4)  (6  3  8)
                                                 (4  5  6)  (8  7  1)  (9  3  2)
                1                              45  56  144  120  56  54  15
det(A) = 1C11(A)                                         5   7      3     7              3       5
                                                                                                        t

                                                                                      
        + 2C12(A)                        
                                          
                                                           8
                                                           2
                                                               9
                                                               6
                                                                      4
                                                                      1
                                                                            9
                                                                            6
                                                                                        
                                                                                        
                                                                                            4
                                                                                            1
                                                                                                    8
                                                                                                    2
                               adj ( A)                                               
        + 6C13(A)                                        8   9      4     9              4       8
                                                          2   6      1     6              1       2
= 1M11(A)                                                5   7
                                                                    
                                                                      3     7              3       5
                                                                                       
  + 2(-1)M12(A)                                 11  1                  4
                                                                              t
                                                                                  11 30  16
                                                30  15
                                                                            1  15     11 
  + 6M13(A)                                                              0                  
                                                16
                                                     11                 1
                                                                                 4
                                                                                       0 1  
= -11 + (21) + (64)                                                            11       16 
                                                                                 15  2  
= -11 + 2 + 24                                11 30                   16
                                                                                
                                                                                           15
                                   1      1                                  1 1     11 
                               A               1  15                   11                  
= 15                                      15                                    15       15 
                                              4
                                                    0                  1     4     0  
                                                                                            1
                                                                                 15
                                                                                          15 
                                                                                              
(4)
 การแก้ ระบบสมการ        เช่น                     x – 3z = -2
                                                3x + y – 2z = 5
ใช้ ตัวผกผันการคูณ
A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์                     2x + 2y + z = 4
X เป็ นเมทริกซ์ ตัวแปร
B                                       1  0  3  x            2
                                        3  1  2  y          5
         AX = B                                               
                                        2
                                           2   1 z
                                                               4
                                                                  
          X = A-1B          ใช้ ตัวผกผันการคูณ
                                                                   1
                                        x      1 0  3   2
                                        y   3   1  2  5 
                                                         
                                       z
                                               2
                                                   2   1  4
                                                            
                                    1      0  3
                         ให้        3
                                A         1  2  det( A)  7
                                                  
                                    2
                                           2   1
                                                                                       t
                                         1     2      3     2          3    1   
                                                                                 
                                         2      1      2      1          2    2   
                                         0     3      1     3          1    0   
                         adj ( A)                                              
                                         2      1      2      1          2    2   
                                         0     3      1     3          1    0   
                                                                                 
                                         1     2      3     2          3    1   
                                    5 7                        5 6
                                                        t
                                               4                               3
                                    6
                                         7  2               7 7          7
                                                                                
                                    3 7
                                              1
                                                                4 2
                                                                               1
                                       5 6      3
                                    1 
                          A 1
                                      7   7  7
                                   7
                                       4 2
                                                 1
                                                   
                             x         5 6     3            2
                           
                             y   1  7
                                             7  7 
                                                                5
                                                                
                                     7
                            z
                                       4 2
                                                  1          4
                                                                
                                 x     4
                                 y    3
                                       
                                z
                                       2
                                         
                                              ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 )
(5)

A        a 
             ij     m m                ถ้ า det(A)  0 แล้ ว det(adj(A)) = det(A)m-1

 การแก้ ระบบสมการ               เช่น                      x – 3z = -2
                                                        3x + y – 2z = 5
ใช้ กฎของคราเมอร์
                                                        2x + 2y + z = 4
          det(A)  0
A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์                 จากระ
Ax                                              1      0  3    x     2
                                                3      1  2    y   5 
                      1 ของ                                          
เมทริกซ์ A                                      2
                                                       2   1
                                                                z
                                                                       4
                                                                         
Ay                    เกิดจาก
                                ใช้ กฎของคราเมอร์
                      2 ของ
เมทริกซ์ A                                 1         0  3
Az                              ให้    A  3
                                                     1  2  det( A)  7
                                                           
                      3 ของ                2
                                                     2   1
                                                           
เมทริกซ์ A
                                             2   0  3
                                      Ax   5    1  2  det( Ax )  28
                  det( Ax )                              
     X   
                   det( A)                   4
                                                  2   1
                  det( Ay )                    28
     y                                x            4
                   det( A)                     7
                  det( Az )
     z                                     1  2  3 
                  det( A)
                                      Ay  3
                                                 5  2  det( Ay )  21
                                                       
                                            2
                                                 4   1
                                                       
                                               21
                                       y           3
                                               7

                                              1       0  2
                                       Az    3
                                                      1   5   det( Az )  14
                                                             
                                              2
                                                      2   4
                                                    14
                                       z                2
                                                   7

                                                       ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 )
(6)

 การแก้ ระบบสมการ             เช่น               x – 3z = -2
ใช้ เมทริกซ์ แต่ งเติม                        3x + y – 2z = 5
A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์                    2x + 2y + z = 4
X เป็ นเมทริกซ์ คาตอบ
                    ํ                 จากระบบสมการเขียน
B                                            1     0  3    x     2
                                             3     1  2    y   5 
In เป็ นเมทริกซ์ เอกลักษณ์                                       
                                             2
                                                   2   1
                                                            z
                                                                   4
                                                                     
  A  B   In  X         ใช้ เมทริกซ์ แต่ งเติม
                                             1     0  3   2
                                             3     1 2     5
                                                              
                                             2
                                                   2   1    4
                                                               

                                             1     0  3   2
                                            0
                                                   1   7  11 R2  3R1
                                                                
                                             0
                                                   2   7    8  R3  2 R1
                                                                

                                             1     0 3   2
                                            0
                                                   1   7  11 
                                             0
                                                   0  7   14 R3  2 R2
                                                                

                                             1     0  3   2
                                            0
                                                   1   7  11
                                             0
                                                   0   1    2  1 R
                                                                      3
                                                                   7
                                             1     0  0    4  R1  3R3
                                            0
                                                   1  0   3 R2  7 R3
                                                               
                                             0
                                                   0  1    2

                                                               1 ได้ x = 4
                                                              2 ได้ y = -3
                                                               3 ได้ z = 2
                                                   ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 )

  A  In   In  A-1             ใช้ เมทริกซ์แต่งเติม ดําเนินการตามแถวหา A-1
(7)
          แนวข้ อสอบปลายภาค
           x  y       5      2      x  3
1. ถ้ า     5              2 y  7 14      4. เมทริกซ์ในข้ อใดเป็ นตัวผกผันการคูณ
                     x  y                
                                                                       2  6
   แล้ ว ค่าของ 2x – 3y เท่ากับข้ อใด               ของเมทริกซ์        1
                                                                             4
                                                                               
         ก. -2              ข. 0                                 1     3
                                                           ก.    1      
         ค. 2               ง. 34                                
                                                                 2
                                                                        2
                                                                         
                                                                  2    3
                         2 5
2. กําหนดให้        A                                   ข.    1      
                         4  1                                       1
                                                                 2      
                         4  3                                   2  3
           และ      B  
                         1 2                           ค.     1        
                                                                        1
   แล้ ว ค่าของ 2A – Bt เท่ากับข้ อใด                             2        
                                                                    1  3
           ก.    5        8                             ง.     1        
                 11       4                                           2
                                                                2        
                 8      11 
           ข.    5        4                              x2       4             4      8
                                               5. ถ้ า                 =
                                                            x        1             2      3
                 8        5
           ค.    11
                          4
                                                   แล้ ว ค่าของ x เท่ากับข้ อใด
                 11       8                            ก. 0
           ง.    4
                           5
                             
                                                          ข. -2
                        2  1    4
3. กําหนดให้        A                                   ค. 2
                        3   0    5
                                   
                         1    0                         ง. 4
            และ          1
                    B        2
                                
                         4  3
                                                                        2  1  3
                                                 6. กําหนดให้             1
                                                                     A      0   2
                                                                                   
                                                                          3 2
                                                                                 5
                                                                                   
                          19  14
           ก.    AB                              แล้ ว C ( A)  M              ( A)   เท่ากับข้ อใด
                          23 15                              23           32



           ข.    BA  
                          19  23                       ก. 6
                          14   15 
                                                         ข. 7
                             19   23
           ค.   ( AB) t                                ค. 8
                            14  15
           ง.   ( AB) t     BA                           ง. 14
(8)

                                                                1   1      2
                           3 4                               3
7. กําหนดให้         A                     9. ถ้ า   A            1    3
                                                                              
                          2 5                                 0   2      4
                                                                             
                          4  1
               และ   B                          แล้ ว det(A) มีค่าเท่ากับข้ อใด
                          0    3
                                                       ก. -125
          ก. det( A  B)  2                           ข. -29
          ข. det( AB)   276                          ค. -5
          ค. det( A  B)t  2                          ง. 25
                                   7
          ง.    det( A  B) 1               10. จากระบบสมการ
                                   2
                                                             x  3z   2
               0 1                   2
8. ถ้ า   A   3 0                   3                   3x  y  2 z  5
                                       
               0 2                   4                   2x  2 y  z  4
                                       
   แล้ ว det(A) มีค่าเท่ากับข้ อใด                 ค่าของ x + y + z เท่ากับข้ อใด
        ก. 0                                          ก. 7
        ข. 12                                         ข. 5
        ค. 24                                         ค. 4
        ง. -24                                        ง. 3
(9)
                                          เฉลย
          แนวข้ อสอบปลายภาค

           x  y     5      2      x  3
1. ถ้ า     5            2 y  7 14      แล้ ว ค่าของ 2x – 3y เท่ากับข้ อใด
                   x  y                
แนวคิด
                      x + y = 2 และ   5=x–3
                                      x=5+3 = 8
             แทนค่า x = 8 ใน x + y = 2
                              8+y=2
                                 y = 2 – 8 = -6
                       2x – 3y = 2(8) – 3(-6) = 16 + 18 = 34
                                                                ตอบ ง. 34
              (หรื ออาจจะหาค่า x และ y จาก -5 = 2y+7 และ x – y = 14)

                2 5                    4         3
2. ให้     A               และ    B                  แล้ ว 2A – Bt มีค่าเท่าใด
                4  1                   1        2
                                                      
แนวคิด              1) หาค่า 2A   จาก A   2
                                            4
                                                       5
                                                                 ได้    2A  
                                                                               4 10
                                                      1
                                                         
                                                                                     
                                                                               8  2
                                                                            4  1
                    2) หาค่า Bt   จาก B   4
                                             1
                                                        3
                                                                 ได้   Bt  
                                                       2                 3    2
                                                                                   
                    3) หาค่า 2A – Bt
                                  2A – Bt =  4
                                            
                                                     10 4  1
                                                         – 
                                              8  2  3       2
                                                                 
                                              4  4 10  1
                                         =    8  3  2  2
                                                             
                                              8 11
                                         =    5  4
                                                      
                                                                                 8 11 
                                                                       ตอบ ข.    5  4
                                                                                       
(10)

                                        1   0
             2  1              4     1
3. ให้   A                  และ B        2                            ถูกต้ อง
             3  0               5
                                  
                                              
                                        4  3
                                             
                             19  14
แนวคิด            ก.   AB          
                             23 15 
                         A มีมิติ 23
                         B มีมิติ 32
                  ฉะ     AB มีมิติ 22
               2  1  (1)(1)  4  4 2  0  (1)2  4(3) 
         AB  
               3  1  0(1)  5  4      3  0  0  2  5(3)
                                                                
               2  1  16 0  (2)  (12)
            
              3  0  20    0  0  (15) 
                                           
              19  14
                    
              23  15
         ก. ผิด
                             19  23
                  ข.   BA  
                             14 15 
                                     
                         B มีมิติ 32
                         A มีมิติ 23
                  ฉะ BA มีมิติ 33
                  แต่ ข. มีมิติ 22           ข. ผิด
                           19    23
                  ค. ( AB)
                           t
                                    
                           14  15
         เพราะว่า AB  19  14
                       23  15                 ( AB) t
                                                              19
                                                            
                                                                     23
                                                                       
                                                            14  15
         ค. ถูกต้ อง
               ง. ( AB)      t
                                   BA

         เพราะว่า ( AB)  t
                                  BA        ง. ผิด
                                                                            19    23
                                                      ตอบ ค.   ( AB) t             
                                                                            14  15
(11)
                                                                      2  6
4. เมทริกซ์ในข้ อใดเป็ นตัวผกผันการคูณของเมทริ กซ์                    1
                                                                          4
                                                                            
แนวคิด
                                                 ad – bc  0 ได้             det( A )  ad  bc
                     a b
                 A                                                  1  d b
                     c d                   และ       A1 
                                                                     adbc c a
                                                                               

                                                  2  6                    1        4 (6)
      น ตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์                 1            คือ     24(6)(1 (1
                                                                                    ) ) 2 
                                                      4
                                                                                             
                1       3                                                1 4 6
          ก.  1                                                    =    86 1 2
                        2                                                    
                2        
                2       3                                                  1 4   6
          ข.    1                                                  =       2 1   2
                        1                                                         
                2        
                2  3                                                      2     3
           ค.  1 1                                                =       1      
                                                                                    1
                                                                           2
                                                                                    
                2     
               1  3                                                                            2   3
          ง.  1 2                                                                     ตอบ ข.   1    
                                                                                                    1
               2                                                                                2    


            x2       4            4   8
5. ถ้ า                  =                  แล้ ว ค่าของ x เท่ากับข้ อใด
            x        1            2   3
แนวคิด
                         x2   4
                                      =   x 2 1  x  4   =   x 2  4x
                         x    1
                         4    8
                                      =   43  8 2   =    12  16      =    4
                         2    3
           x2    4            4       8
แต่                      =                           x 2  4x    =     4
           x     1            2       3
                                                x 2  4x +4 = 0
                                               (x – 2)(x – 2) = 0
                                                            x=2                             ตอบ ค. 2
(12)

                    2  1  3
6. กําหนดให้        1
               A      0   2              แล้ ว C        ( A)  M 32 ( A)   เท่ากับข้ อใด
                                                     23

                    3 2
                           5
                             

แนวคิด         C 23 ( A)  (1) 23 M 23 ( A)

                                     2  1
                          (1)
                                     3 2

                          (1)[2(2)  3  1]

                        = (–1)( –4 – 3)
                        = (–1)( –7)
                        =    7
                                2 3
           M 32 ( A) 
                               1  2

                          2  2  (1)(3)
                        =          4–3
                        =             1
                C 23 ( A)  M 32   ( A) = 7 + 1 = 8
                                                                                       ตอบ ค. 8
(13)

               3 4                     4  1
7. ให้   A                และ     B                             ไม่ถกต้ อง
                                                                         ู
              2 5                       0  3
แนวคิด           ก. det( A  B)  2
                          3  4            4  (1)   1 3
                  A B                                2 8
                          20                53           
                 det( A  B)          1 8  3  2  8  6  2
         ก. det( A  B)  2 ถูกต้ อง
                 ข. det( AB)   276
           3 4
     A          det( A)  (3)  5  4  2   15  8   23
          2 5
         4  1
     B           det( B)  4  3  (1)0  12  0  12
         0    3
                
         เพราะว่า       det(AB) = det(A) det(B)
                                = –23 12 = –276
          ข. det( AB)   276 ถูกต้ อง
                ค. det( A  B)t  2
         เพราะว่า det(A) = det(At)            det(A+B) = det(A+B)t
             จาก ก. det( A  B)  2            det( A  B) t  2
           . det( A  B)t  2 ถูกต้ อง
                                         7
                 ง.   det( A  B) 1 
                                         2
         เพราะว่า         det(A-1) =       1
                                         det( A)
              จาก ก. det( A  B)  2
                                              1
                          det( A  B) 1 
                                              2
                                 7
          .   det( A  B) 1        ไม่ถกต้ อง
                                         ู
                                 2
                                                                                        7
                                                            ตอบ ง.   det( A  B) 1 
                                                                                        2
(14)

               0 1       2
8. ถ้ า   A   3
                  0       3
                                    แล้ ว     det(A)   มีค่าเท่ากับข้ อใด
               0 2
                          4
                            
                            0        1        2   0     1
แนวคิด        det(A)   =   3         0        3 3           0
                            0     2           4   0     2

= [004]+[(-1)30]+[2(-3)(-2)]–[002]–[(-2)30]–[4(-3)(-1)]
= 0 +           0 + 12             – 0 –            0 – 12
= 0
                       1                  0 , -3 , 0
           det(A) = 0 C ( A) + (-3)  C ( A) + 0 C ( A)
                                11                       21             31


                  = 0         + (-3)  C ( A) + 0        21


                  = (1) M ( A)  2 1
                                          21

                                     1 2
                       =   (1)
                                     2 4
                       = (1)[(2)  4  2  (2)]
                       = (-1)[(-8) + 8]
                       = (-1) 0
                       = 0
                                                                             ตอบ ก. 0
(15)

                   1       1         2
9. ถ้ า   A       3        1        3   แล้ ว    det(adj( A))    มีค่าเท่ากับข้ อใด
                                       
                   0
                           2         4
                                        
แนวคิด
                                                A  aij     m m

                       ถ้ า det(A)  0 แล้ ว det(adj(A)) = det(A)m-1

                        1    1        2    1    1
          det(A)   =    3        1    3    3       1
                        0    2        4    0    2

= [114]+[(-1)(-3)0]+[23(-2)]–[012]–[(-2)(-3)1]–[43(-1)]
= 1 +            0      + (-12) – 0 – 6                – (-12)
= -5
     det(adj( A)) = det(A) 3-1
                   = (-5) 3-1
                   = (-5)2
                   = 25
                                                          ตอบ ง. 25
(16)

10. จากระบบสมการ ค่าของ x + y + z เท่ากับข้ อใด
                    x  3z   2
                   3x  y  2 z  5
                   2x  2 y  z  4

แนวคิด
                              1      0  3    x     2
                              3      1  2    y   5 
                                                   
                              2
                                     2   1
                                              z
                                                     4
                                                       

ใช้ กฎของคราเมอร์
           1        0  3
ให้    A  3
                    1  2  det( A)  7
                          
           2
                    2   1
                          

             2   0  3
      Ax   5    1  2  det( Ax )  28
                         
             4
                  2   1
               28
       x            4
               7

            1  2  3 
      Ay  3
                 5  2  det( Ay )  21
                       
            2
                 4   1
                       
               21
       y           3
               7

              1       0  2
       Az    3
                      1   5   det( Az )  14
                             
              2
                      2   4
                    14
       z                2
                   7

            x + y + z = 4 + (-3) + 2 = 3
                                                               ตอบ ง. 3
(17)
                         ตัวอย่ างข้ อสอบ Entrant

                           1  1
1)   กําหนดให้          A 3      
                               2
                           2      
                           1 2
     และ                B      
                           1 1 
     แล้ ว det [5(A-1 + Bt)] มีค่าเท่ากับเท่าใด
                                                               (Ent. 45 คณิต 2)
2)   ให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก
                                   1  x 1 
     และ A เป็ นเมตริกซ์         A        
                                    1 1  x
     ถ้ า     det [ 1 A2] = 16
                   2
     แล้ ว det [8A + 2At] มีค่า
                   -1

            1. 40        2. 72              3. 80     4. 82
                                                               (Ent. 46 คณิต 2)
                            x  1
3)   กําหนดเมตริกซ์      A      
                           1  x 
     ถ้ า a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3 det(A-1) = 45
     โดย a > b แล้ ว 2a – b มีค่าเท่ากับเท่าใด
                                                                (Ent. 47 คณิต 2)
               3 a 2 
4)   ถ้ า   A        
               a 1 
              4  1
            B
              0   3
                    
     และ det (ABt) = -132
     แล้ ว det (A + B) มีค่าเท่ากับเท่าใด
                                                               (Ent. 47 คณิต 2)
(18)

5)   กําหนดให้ x เป็ นจํานวนเต็ม
                x  1    2 
     และ      A
                 9    2 x  3
                              
                2  x    3x 
              B             
                  2 5  3x
     ถ้ า det (A – B) = 44
     แล้ ว det( A B) เท่ากับเท่าใด
                    1



                                                                (Ent. 47 คณิต 2)

6)   ถ้ า x และ y เป็ นจํานวนจริง

               9 8   3x   5 
               6 4   y   3 
                    2   
     แล้ ว   y2 – 2x
             1. 5          2. 6          3. 7            4. 8
                                                                (Ent. 48 คณิต 2)

7)   ถ้ า A เป็ น 22 เมตริกซ์
           2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0
     และ det (A) เป็ นจํา
              1. det (A)  10                   2. 10  det (A)  20
              3. 20  det (A)  30              4. det (A)  30
                                                              (Ent. 48 คณิต 2)

                    x 2 1
8)   กําหนดให้ A          
                    1 x
                x 1  x 
     และ     B
                x       x  1
                              
     ถ้ า det (2A) = 28 แล้ ว det (AB-1) เท่ากับเท่าใด
                                                                (Ent. 48 คณิต 2)
(19)
                                    เฉลย
                          ตัวอย่ างข้ อสอบ Entrant

                    1         1             1    2
  1) กําหนดให้   A 3               และ   B
                             2              1   1
                                                      
                    2           
     แล้ ว det [5(A-1 + Bt)] มีค่าเท่ากับเท่าใด                 (Ent. 45 คณิต 2)

แนวคิด
                  1          1
     จาก       A 3            
                            2
                  2            
                       1 2 1
     ได้    A 1          3 
                         3  1
                                     …….. 
                     2 2 
                         2
                     1  2 1
                       3 
                     1  1
                        2 
                     2
                       2 1
                    2 3 
                       2 1
                        
                     4 2
                    3 2
                      
                  1 2
     และ      B       
                  1 1 
                 1 1
      ได้   Bt                    …….. 
                 2 1
                                         41 21    5   1
+                         A 1 B t             5
                                         3 2 21       3
                                                            
                                         25 5 
                          5(A 1 B t)       
                                         25 15
                 det [5(A-1 + Bt)] = 2515 – 255 = 375 – 125 = 250
                                                               ตอบ 250
(20)

                                                           1  x 1 
  2) ให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก และ A เป็ นเมตริกซ์        A        
                                                            1 1  x
      ถ้ า det [ 1 A2] = 16 แล้ ว det [8A-1 + 2At]
               2
      (Ent. 46 คณิต 2) 1. 40              2. 72        3. 80          4. 82

                      1  x 1 
แนวคิด        จาก   A        
                       1 1  x
              det(A) = (1+x) (1+x) – 11 = 1 + 2x + x2 – 1 = x2 + 2x
เพราะว่า det[ 1 A2] = ( 1 )2det(A2) = [ 1 det(A)]2
              2               2             2
                                      = [ 1 (x2 + 2x)]2
                                            2
แต่โจทย์กําหนดให้ det[ 1 A2] = 16    =4   2
                                                    [ 1 (x2 + 2x)]   = 4
                          2                           2
             1 2
               (x + 2x)   =4         หรื อ 1 (x2 + 2x) = -4
             2                                2
                 x2 + 2x = 8        หรื อ     x2 + 2x = -8
             x2 + 2x – 8 = 0        หรื อ x2 + 2x + 8 = 0 เป็ นไปไม่ได้
          (x – 2)(x + 4) = 0 ได้ x = 2 , -4
แต่โจทย์กําหนดให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก         x คือ 2
           1  x   1          1  2 1  3 1
       A              A   1 1  2  1 3
            1 1  x                       
                1  3 1  1  3 1
       A1       1 3  8 1 3
              91                
                  1  3 1      3 1
       8A1  8           1 3
                  8 1 3            
           3  1               6  2
   At             2 A   2
                            t

           1 3                     6
                 36 12         9 3
  8A1  2A t                        
                12 36         3 9
         det (8A-1 + 2At) = (99) – [(-3)(-3)] = 81 – 9 = 72
                                                                     ตอบ      2. 72
(21)

                           x  1
  3) กําหนดเมตริกซ์     A      
                          1  x 
     ถ้ า a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45
     โดย a > b แล้ ว 2a – b มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)

                          x  1                                           2
แนวคิด         จาก    A         ได้ det (A) = x(-x) – 1(-1) = -x + 1
                         1  x 
            x  1   x  1   x  x  (1)  1 x(1)  (1)( x)  x 2  1   0 
AA  A 2          1  x   1  x  ( x)  1 1(1)  ( x)( x)              
           1  x                                                   0    1 x2 
det (A2) = (x2 – 1)(-1 + x2) = -x2 + 1 + x4- x2 = x4– 2x2 + 1
เพราะว่า det (2A2) = 22det (A2) = 4(x4– 2x2 + 1) = 4x4– 8x2 + 4
                    1              1             1
และ det(A-1) =              =              =
                  det( A)        x2 1        1 x2
แทนค่าใน       det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45
                                           1
           (4x4– 8x2 + 4) + (1 – x2)3(           ) = 45
                                         1 x2
          (4x4– 8x2 + 4) + (1 – x2)2          = 45
          (4x4– 8x2 + 4) + (1 – 2x2+x4)        = 45
                         5x4– 10x2 + 5        = 45
                           x4– 2x2 + 1        =9
                           x4– 2x2 – 8        =0
                          (x2– 4)(x2+ 2) = 0
      แต่ (x2+ 2)  0                 (x2– 4) = 0
                               (x – 2)(x + 2) = 0  x = 2 , -2
แต่โจทย์กําหนดให้ a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45
               a>b             a คือ 2 และ b คือ -2
      แล้ ว 2a – b = 22 – (-2) = 4 + 2 = 6
                                                                           ตอบ 6
(22)

               3    a2           4  1
  4) ถ้ า   A             ,    B            และ det (ABt) = -132
               a     1            0  3
     แล้ ว det (A + B) มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)

แนวคิด
                    3          a2 
      จาก        A                
                    a           1 

      ได้ det (A) = -31 – aa2 = -3 – a3
                   4  1
      และ        B
                   0  3
      ได้ det (B) = 43 – 0(-1) = 12
      เพราะว่า det (ABt) = det (A) det (Bt)
      และ             det(Bt) = det (B)
                      ได้ det (ABt) = (-3 – a3) 12
      แต่โจทย์กําหนดให้ det (ABt) = -132
               (-3 – a3) 12 = -132
              (-3 – a3)       = -11
                 – a3         = -8
                          a3 = 8
                            a=2
             3 a 2            4  1
จาก A               และ B  
             a 1               0    3
                                        

ได้ A  B   3  4 a  1 = 1 a  1
                       2            2

                                     
             a  0 1 3     a     4 
                                        1 2 2  1       1 3 
แต่ a = 2            det (A + B) =                  =    2 4
                                        2    4              
                                                      = 14 – 23 = 4 – 6 = -2
                                                                        ตอบ -2
(23)

                                           x  1    2          2  x  3x 
  5) กําหนดให้ x เป็ นจํานวนเต็ม และ     A              , B    2 5  3x
                                            9    2 x  3                  
      ถ้ า det (A – B) = 44 แล้ ว      det( A 1 B )   เท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)

                           x  1    2                     2  x  3x 
แนวคิด        จาก        A                  และ         B
                            9    2 x  3
                                         
                                                                        
                                                              2 5  3x
           ได้ det (A) = (x+1)(2x+3)          ได้ det (B) = (2 – x)(5 – 3x)
                       = x2 + 5x + 3                      = 10 – 11x + 3x2
              x  1  2  x      2  3x              2 x  1 2  3 x 
       A B                                     =
               9  (2)     2 x  3  5  3x
                                             
                                                        11
                                                               5 x  2
      ได้ det (A – B) = (2x–1)(5x–2) – 11(2 – 3x)
                      = 10x2– 9x + 2 – 22 + 33x = 10x2+ 24x – 20
แต่โจทย์กําหนดให้ det (A – B) = 44            10x2+ 24x – 20 = 44
                                         10x2+ 24x – 20 – 44 = 0
                                         10x2+ 24x – 64      =0
                                          5x2+ 12x – 32      =0
                                          (5x – 8)(x + 4) = 0
                                                                                 8
                                                                      x = -4 ,   5
แต่โจทย์กําหนดให้ x                        x = -4
              det (A) = x2 + 5x + 3 = (-4)2 + 5(-4) + 3 = 16 – 20 + 3 = -1
      และ det (B) = 10 – 11x + 3x2
                      = 10 – 11(-4) + 3(-4)2 = 10 + 44 + 48 = 102
เพราะว่า det (A-1B) = det (A-1) det (B) และ det(A-1) =               1
                                                                   det( A)
แทนค่า หา det (A-1B) ได้ det (A-1B) =         1
                                                  102     = -102
                                              1
         det( A 1 B )    =     102   = 102
                                                                             ตอบ 102
(24)

  6) ถ้ า x และ y                                     บสมการ
                     9 8   3x   5 
                     6 4   y   3 
                          2   
     แล้ ว y2 – 2x                              (Ent. 48 คณิต 2)
         1. 5                        2. 6                 3. 7       4. 8

                        9       8   3x   5 
แนวคิด        จาก       6            
                                4   2y   3 
                                             
                      9  3 x    8 2   5 
                                       y

                                          
                      6  3      4 2y   3 
                             x



              ได้  93x + 82y = 5                    …….. 
                   63x + 42y = 3                    …….. 
             2, 123x + 82y = 6                    ……..
            –,          33x = 1
                                                1
                                        3x =    3
                                        3x = 3-1
                                         x = -1
                1                           1
แทนค่า 3x =     3
                      ใน  ได้ 6 3 + 42y = 3
                                            2 + 42y = 3
                                                42y = 1
                                                           1
                                                    2y =   4
                                         2y = 2-2
                                         y = -2
         y2 – 2x = (-2)2 – 2(-1) = 4 + 2 = 6
                                                                   ตอบ 2. 6
(25)

7) ถ้ า A เป็ น 22 เมตริกซ์      2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0
   และ det (A) เป็ นจํานวนเต็ม แล้ วข้ อใด            (Ent. 48 คณิต 2)
                 1. det (A)  10                  2. 10  det (A)  20
                 3. 20  det (A)  30             4. det (A)  30

แนวคิด
จาก 2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0
     (                 det(A) = det(At)            det( (A-1)t = det( (A-1) )
                                                             1             9
        det(3(A-1)t) = 32det( (A-1)t) = 9det(A-1) = 9  det( A) =        det( A)
                              9
        2det (A) + 3  det( A) – 55 = 0
                                        9
        2det (A) det (A) + 3  det( A) det (A) – 55 det (A) = 0det (A)
        2det2(A)              + 27                   – 55det (A)     =0
                                     2det2(A) – 55det (A) + 27       =0
                                      (2det(A) – 1)(det(A) – 27)     =0
                                                                          1
                                                  ได้    det(A)      =    2
                                                                              , 27
                                            แต่กําหนดให้ det (A) เป็ นจํานวนเต็ม
                                                   det(A) = 27
                                9
      แต่    det(3(A-1)t) =   det( A)
     แสดงว่า det (A)  0
              1. det (A)  10
     ตัวเลือก 2. 10  det (A)  20
 และ ตัวเลือก 4. det (A)  30               ผิด
                                                    ตอบ 3. 20  det (A)  30
(26)

                  x2    1                  x 1         x
9) กําหนดให้   A           และ         B
                  1     x                  x            x  1
                                                                
   ถ้ า det (2A) = 28 แล้ ว det (AB-1) เท่ากับเท่าใด                (Ent. 48 คณิต 2)

แนวคิด                                     det(kA) = kmdet(A)
                                           det(AB) = det(A) det(B)
                                                           1
                                           det(A-1) =    det( A)
จากกําหนดให้ det (2A) = 28                ได้ 22det (A) = 28
                                                det (A) = 7
                   x2       1
      แต่จาก    A                      ได้      det(A) = x3 – 1
                   1        x
                                                       x3 – 1 = 7
                                                           x3 = 8
                                                            x=2
                    x 1             x
      แต่จาก     B
                    x                x  1
                                           
      ได้ det(B) = (x-1)(x-1) – (-x2) = x2 – 2x + 1 + x2 = 2x2 – 2x + 1
      แทน x = 2 ใน det(B) = 2x2 – 2x + 1
                    ได้ det(B) = 2(2)2 – 2(2) + 1 = 8 – 4 + 1 = 5
เพราะว่า det (AB-1) = det (A) det (B-1)
                                          1
                    = det (A)           det( B )
                                  1
                    = 75
                         7                                                             7
                    =    5
                                                                                 ตอบ   5


         ……The End……

Contenu connexe

Tendances

เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์Beer Aksornsart
 
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1Wijitta DevilTeacher
 
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตโจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตKuntoonbut Wissanu
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวkroojaja
 
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยเอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยAun Wny
 
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์Srinakharinwirot University
 
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมล
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมลเอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมล
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมลChuanchen Malila
 
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยวงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยJiraprapa Suwannajak
 
ปริมาณสารสัมพันธ์
ปริมาณสารสัมพันธ์ปริมาณสารสัมพันธ์
ปริมาณสารสัมพันธ์Arocha Chaichana
 
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์Jariya Jaiyot
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีSutisa Tantikulwijit
 
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6 กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6 Bom Anuchit
 
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมJariya Jaiyot
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยawirut
 
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่นKruNistha Akkho
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)Napadon Yingyongsakul
 

Tendances (20)

เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
 
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
 
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1
บทที่ 20 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แก้ไขครั้งที่ 1
 
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตโจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวยเอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
 
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ เรื่อง การทำนายรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์
 
ความคล้าย
ความคล้ายความคล้าย
ความคล้าย
 
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมล
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมลเอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมล
เอกสารประกอบการเรียน มวล มวลอะตอม โมลและปริมาณต่อโมล
 
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วยวงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วย
 
ปริมาณสารสัมพันธ์
ปริมาณสารสัมพันธ์ปริมาณสารสัมพันธ์
ปริมาณสารสัมพันธ์
 
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
 
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6 กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6
กาพย์เห่เรือ บทชมปลา ภาษาไทย ม.6
 
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
 
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น
1 แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสกส์ เรื่อง ความหนาแน่น
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
 

En vedette

เมทริกซ์ (Matrix)
เมทริกซ์ (Matrix)เมทริกซ์ (Matrix)
เมทริกซ์ (Matrix)K'Keng Hale's
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นRitthinarongron School
 
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์kruthanapornkodnara
 
เฉลยMetrix1
เฉลยMetrix1เฉลยMetrix1
เฉลยMetrix1Noir Black
 
ข้อสอบเมทริกซ์
ข้อสอบเมทริกซ์ข้อสอบเมทริกซ์
ข้อสอบเมทริกซ์K'Keng Hale's
 
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์ ตอนที่ 1
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์  ตอนที่ 1เฉลยข้อสอบเมทริกซ์  ตอนที่ 1
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์ ตอนที่ 1K'Keng Hale's
 
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456kanjana2536
 

En vedette (15)

เมทริกซ์ (Matrix)
เมทริกซ์ (Matrix)เมทริกซ์ (Matrix)
เมทริกซ์ (Matrix)
 
Matrix1
Matrix1Matrix1
Matrix1
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
 
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์
แบบทดสอบก่อนเรียนเมทริกซ์
 
เฉลยMetrix1
เฉลยMetrix1เฉลยMetrix1
เฉลยMetrix1
 
ข้อสอบเมทริกซ์
ข้อสอบเมทริกซ์ข้อสอบเมทริกซ์
ข้อสอบเมทริกซ์
 
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์ ตอนที่ 1
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์  ตอนที่ 1เฉลยข้อสอบเมทริกซ์  ตอนที่ 1
เฉลยข้อสอบเมทริกซ์ ตอนที่ 1
 
O-NET ม.6-ตรีโกณมิติ
O-NET ม.6-ตรีโกณมิติO-NET ม.6-ตรีโกณมิติ
O-NET ม.6-ตรีโกณมิติ
 
O-NET ม.6-ความน่าจะเป็น
O-NET ม.6-ความน่าจะเป็นO-NET ม.6-ความน่าจะเป็น
O-NET ม.6-ความน่าจะเป็น
 
O-NET ม.6-ลำดับและอนุกรม
O-NET ม.6-ลำดับและอนุกรมO-NET ม.6-ลำดับและอนุกรม
O-NET ม.6-ลำดับและอนุกรม
 
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม456
 
รวมข้อสอบโอเน็ต คณิต ม.6
รวมข้อสอบโอเน็ต คณิต ม.6รวมข้อสอบโอเน็ต คณิต ม.6
รวมข้อสอบโอเน็ต คณิต ม.6
 
O-NET ม.6-สถิติ
O-NET ม.6-สถิติO-NET ม.6-สถิติ
O-NET ม.6-สถิติ
 
O-NET ม.6- การให้เหตุผล
O-NET ม.6- การให้เหตุผลO-NET ม.6- การให้เหตุผล
O-NET ม.6- การให้เหตุผล
 
แยกเรื่อง 05-ฟังก์ชัน
แยกเรื่อง 05-ฟังก์ชันแยกเรื่อง 05-ฟังก์ชัน
แยกเรื่อง 05-ฟังก์ชัน
 

Similaire à ระบบสมการเชิงเส้นและเมทริกซ์

อัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติอัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติRitthinarongron School
 
ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02witthawat silad
 
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์wisita42
 
การคูณระหว่างเมทริกซ์
การคูณระหว่างเมทริกซ์การคูณระหว่างเมทริกซ์
การคูณระหว่างเมทริกซ์porntipa Thupmongkol
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการkrusongkran
 
ตรีโกณมิติ
ตรีโกณมิติตรีโกณมิติ
ตรีโกณมิติmou38
 
สรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตสรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตK'Keng Hale's
 
แนวข้อสอบ
แนวข้อสอบแนวข้อสอบ
แนวข้อสอบprapasun
 

Similaire à ระบบสมการเชิงเส้นและเมทริกซ์ (20)

Matrix2
Matrix2Matrix2
Matrix2
 
Matrix53
Matrix53Matrix53
Matrix53
 
อัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติอัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติ
 
Treekon
TreekonTreekon
Treekon
 
Number
NumberNumber
Number
 
ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02
 
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
 
1vectors
1vectors1vectors
1vectors
 
การคูณระหว่างเมทริกซ์
การคูณระหว่างเมทริกซ์การคูณระหว่างเมทริกซ์
การคูณระหว่างเมทริกซ์
 
Pat1
Pat1Pat1
Pat1
 
Pat1
Pat1Pat1
Pat1
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการ
 
ตรีโกณมิติ
ตรีโกณมิติตรีโกณมิติ
ตรีโกณมิติ
 
Matrix
MatrixMatrix
Matrix
 
สรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตสรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซต
 
Math3
Math3Math3
Math3
 
แนวข้อสอบ
แนวข้อสอบแนวข้อสอบ
แนวข้อสอบ
 
เวกเตอร์
เวกเตอร์เวกเตอร์
เวกเตอร์
 
01
0101
01
 
Addition matrix
Addition matrixAddition matrix
Addition matrix
 

Plus de ธีรวุฒิ อภิปรัชญาฐิติ?

Plus de ธีรวุฒิ อภิปรัชญาฐิติ? (17)

เวกเตอร์
เวกเตอร์เวกเตอร์
เวกเตอร์
 
ระบบจำนวนจริง
ระบบจำนวนจริงระบบจำนวนจริง
ระบบจำนวนจริง
 
ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
ฟังก์ชันตรีโกณมิติฟังก์ชันตรีโกณมิติ
ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
 
ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์
 
จำนวนเชิงซ้อน
จำนวนเชิงซ้อนจำนวนเชิงซ้อน
จำนวนเชิงซ้อน
 
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชันความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
 
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็น
 
เรขาคณิตวิเคราะห์
เรขาคณิตวิเคราะห์เรขาคณิตวิเคราะห์
เรขาคณิตวิเคราะห์
 
Set
SetSet
Set
 
Fibonacci
FibonacciFibonacci
Fibonacci
 
Fibonacci
FibonacciFibonacci
Fibonacci
 
ค33201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.6เทอม1
ค33201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.6เทอม1ค33201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.6เทอม1
ค33201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.6เทอม1
 
ค32202 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม2
ค32202  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม2ค32202  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม2
ค32202 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม2
 
ค32201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม1
ค32201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม1ค32201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม1
ค32201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.5เทอม1
 
ค31201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.4เทอม1
ค31201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.4เทอม1ค31201  คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.4เทอม1
ค31201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติมม.4เทอม1
 
คู่มื่อการสร้าง Blog โดย WordPress
คู่มื่อการสร้าง Blog โดย WordPressคู่มื่อการสร้าง Blog โดย WordPress
คู่มื่อการสร้าง Blog โดย WordPress
 
คำอธิบายคณิตม.ปลาย
คำอธิบายคณิตม.ปลายคำอธิบายคณิตม.ปลาย
คำอธิบายคณิตม.ปลาย
 

ระบบสมการเชิงเส้นและเมทริกซ์

  • 1. ระบบสมการเชิงเส้ นและเมทริกซ์  a11 a13  มิติ i  j a12 เช่น A = a เมทริกซ์ A มีมิติ 23  21 a 22 a 23     a13 คือ สมาชิกของเมทริ กซ์ A 13 แถว หลัก หมายถึง สมาชิกของเมทริกซ์ A 1 3  x a  1 3  A=B เช่น ถ้ า  y b    2 4     ต้ องมี  มิติ เท่ ากัน จะได้ x = 1 , y = 2 , a = 3 และ b = 4  สมาชิกในตําแหน่ ง  x a  1  เดียวกันเท่ ากัน แต่  y b    2     A+B เช่น 1 3 5 7  1  5 3  7  6 10 2 4  6 8   2  6 4  8  8 12 ต้ องมี           ดําเนินการกับสมาชิก 1 3  5 7   1  5 3  7    4  4  2 4  6 8   2  6 4  8   4  4 ในตําแหน่ งเดียวกัน         เช่น Aab  Bbc  AB c AB a ถ้ า A  B แล้ ว AB  BA ใช้  แถว  หลัก 7  1 3 5    (1  7)  (3  8)  (5  9)   76   นําผลคูณมาบวกกัน 2 4 6  8   (2  7)  (4  8)  (6  9)  100   9      ต้ องมี   มิติ แถวของตัวคูณ    23 31 2 1
  • 2. (2) t เช่น ถ้ า A = a  b c  เมทริกซ์ A มีมิติ 23 A x y z a x สลับ แถว กับ หลัก t แล้ ว A = b y เมทริกซ์ At มีมิติ 32   c  z  AA-1 = A-1A = In ถ้า AB = In แล้ ว B = A-1 A  a  ij 1 1 det( A )  a ij ad – bc  0 ได้ det( A )  ad  bc a b A    1  d b c d และ A1  adbc c a   a x p a x det(A)  b y q b y a x p A  b y q c z r c z    (ayr)  (xqc)  ( pbz)  (cyp)  (zqa)  (rbx) c z r    คูณทแยงลงมีค่าเป็ นบวก คูณ ค่าเป็ นลบ det( A )  a ij  C ij ( A ) ผลบวกของผลคูณระหว่างสมาชิกกับค่าโคเฟกเตอร์ A  a  ij mm m>2 1 และ A1  adj ( A) det ( A) det(A)  0  det(A) = det(At)  det(kA) = kmdet(A) A  a  ij m m  det(AB) = det(A) det(B)  det(A-1) = 1 det( A)
  • 3. (3) เมทริกซ์ เอกฐาน ถ้ าเมทริกซ์ A มี det(A) = 0 (Sigolar Matrix) แล้ ว A จะเป็ นเมทริกซ์เอกฐาน (ไม่มี A-1) เมทริกซ์ ไม่ เอกฐาน ถ้ าเมทริกซ์ A มี det(A)  0 (Non-Sigolar Matrix) แล้ ว A จะเป็ นเมทริกซ์ไม่เอกฐาน(มี A-1)  det( A )   a  C ( A) ij ij   C ( A )  t 1 1 adj ( A )  ij A adj ( A) i j det ( A) C ij ( A)  (1)  M ij ( A) det(A)  0 และ M ij ( A)  det( Aij ) det( Aij ) เป็ นค่าดีเทอร์ i j 1 2 6 1 2 1 2 6 det( A)  3 5 7 3 5 A  3 5 7   4 8 9 4 8 4 8 9    (1  5  9)  (2  7  4)  (6  3  8)  (4  5  6)  (8  7  1)  (9  3  2) 1  45  56  144  120  56  54  15 det(A) = 1C11(A)  5 7 3 7  3 5 t    + 2C12(A)   8 2 9 6 4 1 9 6   4 1 8 2 adj ( A)      + 6C13(A)  8 9 4 9  4 8  2 6 1 6  1 2 = 1M11(A)  5 7  3 7  3 5   + 2(-1)M12(A)   11 1 4 t  11 30  16  30  15      1  15 11  + 6M13(A) 0    16  11  1   4  0 1   = -11 + (21) + (64)  11 16   15 2   = -11 + 2 + 24  11 30  16  15 1 1     1 1 11  A  1  15 11   = 15 15   15 15   4  0 1   4 0   1  15  15  
  • 4. (4) การแก้ ระบบสมการ เช่น x – 3z = -2 3x + y – 2z = 5 ใช้ ตัวผกผันการคูณ A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์ 2x + 2y + z = 4 X เป็ นเมทริกซ์ ตัวแปร B 1 0  3  x    2 3 1  2  y    5 AX = B      2  2 1 z    4   X = A-1B ใช้ ตัวผกผันการคูณ 1  x 1 0  3   2  y   3 1  2  5        z   2  2 1  4    1 0  3 ให้ 3 A   1  2  det( A)  7  2  2 1 t  1 2 3 2 3 1      2 1 2 1 2 2   0 3 1 3 1 0  adj ( A)       2 1 2 1 2 2   0 3 1 3 1 0      1 2 3 2 3 1   5 7  5 6 t 4 3  6   7  2   7 7  7     3 7  1   4 2  1  5 6 3 1  A 1   7 7  7 7  4 2  1   x  5 6 3   2     y   1  7  7  7   5   7 z    4 2  1  4    x  4  y    3     z    2   ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 )
  • 5. (5) A  a  ij m m ถ้ า det(A)  0 แล้ ว det(adj(A)) = det(A)m-1 การแก้ ระบบสมการ เช่น x – 3z = -2 3x + y – 2z = 5 ใช้ กฎของคราเมอร์ 2x + 2y + z = 4 det(A)  0 A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์ จากระ Ax 1 0  3  x   2 3 1  2  y   5  1 ของ       เมทริกซ์ A 2  2 1  z    4   Ay เกิดจาก ใช้ กฎของคราเมอร์ 2 ของ เมทริกซ์ A 1 0  3 Az ให้ A  3  1  2  det( A)  7  3 ของ 2  2 1  เมทริกซ์ A  2 0  3 Ax   5 1  2  det( Ax )  28 det( Ax )  X  det( A)  4  2 1 det( Ay )  28 y   x   4 det( A) 7 det( Az ) z  1  2  3  det( A) Ay  3  5  2  det( Ay )  21  2  4 1  21  y   3 7 1 0  2 Az  3  1 5   det( Az )  14  2  2 4  14  z   2 7 ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 )
  • 6. (6) การแก้ ระบบสมการ เช่น x – 3z = -2 ใช้ เมทริกซ์ แต่ งเติม 3x + y – 2z = 5 A เป็ นเมทริกซ์ สัมประสิทธ์ 2x + 2y + z = 4 X เป็ นเมทริกซ์ คาตอบ ํ จากระบบสมการเขียน B 1 0  3  x   2 3 1  2  y   5  In เป็ นเมทริกซ์ เอกลักษณ์       2  2 1  z    4   A  B   In  X ใช้ เมทริกซ์ แต่ งเติม 1 0  3   2 3 1 2  5   2  2 1  4  1 0  3   2  0  1 7  11 R2  3R1  0  2 7  8  R3  2 R1  1 0 3  2  0  1 7  11  0  0  7   14 R3  2 R2  1 0  3   2  0  1 7  11 0  0 1  2  1 R  3 7 1 0 0  4  R1  3R3  0  1 0   3 R2  7 R3  0  0 1  2 1 ได้ x = 4 2 ได้ y = -3 3 ได้ z = 2 ( x , y , z ) = ( 4 , -3 , 2 ) A  In   In  A-1 ใช้ เมทริกซ์แต่งเติม ดําเนินการตามแถวหา A-1
  • 7. (7) แนวข้ อสอบปลายภาค x  y 5   2 x  3 1. ถ้ า  5   2 y  7 14  4. เมทริกซ์ในข้ อใดเป็ นตัวผกผันการคูณ  x  y    2  6 แล้ ว ค่าของ 2x – 3y เท่ากับข้ อใด ของเมทริกซ์  1  4  ก. -2 ข. 0 1 3 ก. 1  ค. 2 ง. 34  2 2   2 3  2 5 2. กําหนดให้ A    ข. 1   4  1  1 2   4 3  2  3 และ B    1 2 ค.  1   1 แล้ ว ค่าของ 2A – Bt เท่ากับข้ อใด  2   1  3 ก.  5 8 ง.  1   11  4  2    2   8 11  ข.  5  4 x2 4 4 8   5. ถ้ า = x 1 2 3  8 5 ค.  11   4  แล้ ว ค่าของ x เท่ากับข้ อใด  11  8 ก. 0 ง.  4  5  ข. -2 2  1 4 3. กําหนดให้ A   ค. 2 3 0 5   1 0 ง. 4 และ  1 B   2   4  3    2 1  3 6. กําหนดให้  1 A   0 2   3 2  5   19  14 ก. AB    แล้ ว C ( A)  M ( A) เท่ากับข้ อใด  23 15  23 32 ข. BA    19  23 ก. 6  14 15   ข. 7  19 23 ค. ( AB) t    ค. 8  14  15 ง. ( AB) t  BA ง. 14
  • 8. (8) 1 1 2   3 4 3 7. กําหนดให้ A    9. ถ้ า A   1  3   2 5 0 2 4    4  1 และ B   แล้ ว det(A) มีค่าเท่ากับข้ อใด  0 3 ก. -125 ก. det( A  B)  2 ข. -29 ข. det( AB)   276 ค. -5 ค. det( A  B)t  2 ง. 25 7 ง. det( A  B) 1  10. จากระบบสมการ 2 x  3z   2  0 1 2 8. ถ้ า A   3 0 3 3x  y  2 z  5    0 2 4 2x  2 y  z  4   แล้ ว det(A) มีค่าเท่ากับข้ อใด ค่าของ x + y + z เท่ากับข้ อใด ก. 0 ก. 7 ข. 12 ข. 5 ค. 24 ค. 4 ง. -24 ง. 3
  • 9. (9) เฉลย แนวข้ อสอบปลายภาค x  y 5   2 x  3 1. ถ้ า  5   2 y  7 14  แล้ ว ค่าของ 2x – 3y เท่ากับข้ อใด  x  y   แนวคิด x + y = 2 และ 5=x–3 x=5+3 = 8 แทนค่า x = 8 ใน x + y = 2 8+y=2 y = 2 – 8 = -6 2x – 3y = 2(8) – 3(-6) = 16 + 18 = 34 ตอบ ง. 34 (หรื ออาจจะหาค่า x และ y จาก -5 = 2y+7 และ x – y = 14)  2 5  4 3 2. ให้ A    และ B   แล้ ว 2A – Bt มีค่าเท่าใด  4  1  1 2  แนวคิด 1) หาค่า 2A จาก A   2  4 5 ได้ 2A    4 10   1    8  2 4  1 2) หาค่า Bt จาก B   4  1 3 ได้ Bt    2 3 2  3) หาค่า 2A – Bt 2A – Bt =  4  10 4  1  –   8  2  3 2   4  4 10  1 =  8  3  2  2    8 11 =  5  4    8 11  ตอบ ข.  5  4  
  • 10. (10)  1 0 2  1 4  1 3. ให้ A   และ B   2 ถูกต้ อง 3 0 5    4  3    19  14 แนวคิด ก. AB     23 15  A มีมิติ 23 B มีมิติ 32 ฉะ AB มีมิติ 22  2  1  (1)(1)  4  4 2  0  (1)2  4(3)  AB    3  1  0(1)  5  4 3  0  0  2  5(3)   2  1  16 0  (2)  (12)  3  0  20 0  0  (15)   19  14   23  15 ก. ผิด  19  23 ข. BA    14 15   B มีมิติ 32 A มีมิติ 23 ฉะ BA มีมิติ 33 แต่ ข. มีมิติ 22 ข. ผิด  19 23 ค. ( AB)   t   14  15 เพราะว่า AB  19  14 23  15 ( AB) t  19   23     14  15 ค. ถูกต้ อง ง. ( AB) t  BA เพราะว่า ( AB) t  BA ง. ผิด  19 23 ตอบ ค. ( AB) t     14  15
  • 11. (11)  2  6 4. เมทริกซ์ในข้ อใดเป็ นตัวผกผันการคูณของเมทริ กซ์  1  4  แนวคิด ad – bc  0 ได้ det( A )  ad  bc a b A    1  d b c d และ A1  adbc c a    2  6 1  4 (6) น ตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์  1 คือ 24(6)(1 (1 ) ) 2   4   1 3 1 4 6 ก.  1  = 86 1 2  2   2  2 3 1 4 6 ข. 1  = 2 1 2  1   2   2  3 2 3 ค.  1 1  = 1  1   2    2   1  3 2 3 ง.  1 2  ตอบ ข. 1     1  2  2  x2 4 4 8 5. ถ้ า = แล้ ว ค่าของ x เท่ากับข้ อใด x 1 2 3 แนวคิด x2 4 = x 2 1  x  4 = x 2  4x x 1 4 8 = 43  8 2 = 12  16 = 4 2 3 x2 4 4 8 แต่ = x 2  4x = 4 x 1 2 3 x 2  4x +4 = 0 (x – 2)(x – 2) = 0 x=2 ตอบ ค. 2
  • 12. (12)  2 1  3 6. กําหนดให้  1 A   0 2 แล้ ว C ( A)  M 32 ( A) เท่ากับข้ อใด  23  3 2  5  แนวคิด C 23 ( A)  (1) 23 M 23 ( A) 2 1  (1) 3 2  (1)[2(2)  3  1] = (–1)( –4 – 3) = (–1)( –7) = 7 2 3 M 32 ( A)  1 2  2  2  (1)(3) = 4–3 = 1 C 23 ( A)  M 32 ( A) = 7 + 1 = 8 ตอบ ค. 8
  • 13. (13)   3 4  4  1 7. ให้ A    และ B   ไม่ถกต้ อง ู  2 5  0 3 แนวคิด ก. det( A  B)  2  3  4 4  (1) 1 3 A B      2 8  20 53    det( A  B)  1 8  3  2  8  6  2 ก. det( A  B)  2 ถูกต้ อง ข. det( AB)   276   3 4 A     det( A)  (3)  5  4  2   15  8   23  2 5 4  1 B    det( B)  4  3  (1)0  12  0  12 0 3  เพราะว่า det(AB) = det(A) det(B) = –23 12 = –276 ข. det( AB)   276 ถูกต้ อง ค. det( A  B)t  2 เพราะว่า det(A) = det(At) det(A+B) = det(A+B)t จาก ก. det( A  B)  2 det( A  B) t  2 . det( A  B)t  2 ถูกต้ อง 7 ง. det( A  B) 1  2 เพราะว่า det(A-1) = 1 det( A) จาก ก. det( A  B)  2 1 det( A  B) 1  2 7 . det( A  B) 1  ไม่ถกต้ อง ู 2 7 ตอบ ง. det( A  B) 1  2
  • 14. (14)  0 1 2 8. ถ้ า A   3  0 3  แล้ ว det(A) มีค่าเท่ากับข้ อใด  0 2  4  0 1 2 0 1 แนวคิด det(A) = 3 0 3 3 0 0 2 4 0 2 = [004]+[(-1)30]+[2(-3)(-2)]–[002]–[(-2)30]–[4(-3)(-1)] = 0 + 0 + 12 – 0 – 0 – 12 = 0 1 0 , -3 , 0 det(A) = 0 C ( A) + (-3)  C ( A) + 0 C ( A) 11 21 31 = 0 + (-3)  C ( A) + 0 21 = (1) M ( A) 2 1 21 1 2 = (1) 2 4 = (1)[(2)  4  2  (2)] = (-1)[(-8) + 8] = (-1) 0 = 0 ตอบ ก. 0
  • 15. (15) 1 1 2 9. ถ้ า A  3 1  3 แล้ ว det(adj( A)) มีค่าเท่ากับข้ อใด   0  2 4  แนวคิด A  aij   m m ถ้ า det(A)  0 แล้ ว det(adj(A)) = det(A)m-1 1 1 2 1 1 det(A) = 3 1 3 3 1 0 2 4 0 2 = [114]+[(-1)(-3)0]+[23(-2)]–[012]–[(-2)(-3)1]–[43(-1)] = 1 + 0 + (-12) – 0 – 6 – (-12) = -5 det(adj( A)) = det(A) 3-1 = (-5) 3-1 = (-5)2 = 25 ตอบ ง. 25
  • 16. (16) 10. จากระบบสมการ ค่าของ x + y + z เท่ากับข้ อใด x  3z   2 3x  y  2 z  5 2x  2 y  z  4 แนวคิด 1 0  3  x   2 3 1  2  y   5        2  2 1  z    4   ใช้ กฎของคราเมอร์ 1 0  3 ให้ A  3  1  2  det( A)  7  2  2 1   2 0  3 Ax   5 1  2  det( Ax )  28   4  2 1  28  x   4 7 1  2  3  Ay  3  5  2  det( Ay )  21  2  4 1  21  y   3 7 1 0  2 Az  3  1 5   det( Az )  14  2  2 4  14  z   2 7 x + y + z = 4 + (-3) + 2 = 3 ตอบ ง. 3
  • 17. (17) ตัวอย่ างข้ อสอบ Entrant  1  1 1) กําหนดให้ A 3   2  2   1 2 และ B   1 1  แล้ ว det [5(A-1 + Bt)] มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 45 คณิต 2) 2) ให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก 1  x 1  และ A เป็ นเมตริกซ์ A   1 1  x ถ้ า det [ 1 A2] = 16 2 แล้ ว det [8A + 2At] มีค่า -1 1. 40 2. 72 3. 80 4. 82 (Ent. 46 คณิต 2)  x  1 3) กําหนดเมตริกซ์ A  1  x  ถ้ า a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3 det(A-1) = 45 โดย a > b แล้ ว 2a – b มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)  3 a 2  4) ถ้ า A   a 1  4  1 B 0 3  และ det (ABt) = -132 แล้ ว det (A + B) มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)
  • 18. (18) 5) กําหนดให้ x เป็ นจํานวนเต็ม x  1 2  และ A  9 2 x  3  2  x 3x  B    2 5  3x ถ้ า det (A – B) = 44 แล้ ว det( A B) เท่ากับเท่าใด 1 (Ent. 47 คณิต 2) 6) ถ้ า x และ y เป็ นจํานวนจริง  9 8   3x   5   6 4   y   3    2    แล้ ว y2 – 2x 1. 5 2. 6 3. 7 4. 8 (Ent. 48 คณิต 2) 7) ถ้ า A เป็ น 22 เมตริกซ์ 2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0 และ det (A) เป็ นจํา 1. det (A)  10 2. 10  det (A)  20 3. 20  det (A)  30 4. det (A)  30 (Ent. 48 คณิต 2)  x 2 1 8) กําหนดให้ A   1 x  x 1  x  และ B  x x  1  ถ้ า det (2A) = 28 แล้ ว det (AB-1) เท่ากับเท่าใด (Ent. 48 คณิต 2)
  • 19. (19) เฉลย ตัวอย่ างข้ อสอบ Entrant  1  1  1 2 1) กําหนดให้ A 3  และ B  2  1 1   2  แล้ ว det [5(A-1 + Bt)] มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 45 คณิต 2) แนวคิด  1  1 จาก A 3   2  2  1 2 1 ได้ A 1  3  3  1 ……..  2 2  2 1 2 1  3  1  1 2  2 2 1  2 3  2 1   4 2  3 2    1 2 และ B   1 1  1 1 ได้ Bt    ……..  2 1 41 21 5 1 +  A 1 B t     5 3 2 21  3  25 5  5(A 1 B t)    25 15 det [5(A-1 + Bt)] = 2515 – 255 = 375 – 125 = 250 ตอบ 250
  • 20. (20) 1  x 1  2) ให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก และ A เป็ นเมตริกซ์ A   1 1  x ถ้ า det [ 1 A2] = 16 แล้ ว det [8A-1 + 2At] 2 (Ent. 46 คณิต 2) 1. 40 2. 72 3. 80 4. 82 1  x 1  แนวคิด จาก A   1 1  x det(A) = (1+x) (1+x) – 11 = 1 + 2x + x2 – 1 = x2 + 2x เพราะว่า det[ 1 A2] = ( 1 )2det(A2) = [ 1 det(A)]2 2 2 2 = [ 1 (x2 + 2x)]2 2 แต่โจทย์กําหนดให้ det[ 1 A2] = 16 =4 2 [ 1 (x2 + 2x)] = 4 2 2 1 2 (x + 2x) =4 หรื อ 1 (x2 + 2x) = -4 2 2 x2 + 2x = 8 หรื อ x2 + 2x = -8 x2 + 2x – 8 = 0 หรื อ x2 + 2x + 8 = 0 เป็ นไปไม่ได้ (x – 2)(x + 4) = 0 ได้ x = 2 , -4 แต่โจทย์กําหนดให้ x เป็ นจํานวนจริงบวก x คือ 2 1  x 1  1  2 1  3 1 A   A   1 1  2  1 3  1 1  x     1  3 1 1  3 1 A1  1 3  8 1 3 91     1  3 1  3 1 8A1  8    1 3 8 1 3    3  1  6  2 At     2 A   2 t  1 3   6  36 12  9 3 8A1  2A t       12 36 3 9 det (8A-1 + 2At) = (99) – [(-3)(-3)] = 81 – 9 = 72 ตอบ 2. 72
  • 21. (21)  x  1 3) กําหนดเมตริกซ์ A  1  x  ถ้ า a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45 โดย a > b แล้ ว 2a – b มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2)  x  1 2 แนวคิด จาก A  ได้ det (A) = x(-x) – 1(-1) = -x + 1 1  x   x  1   x  1   x  x  (1)  1 x(1)  (1)( x)  x 2  1 0  AA  A 2    1  x   1  x  ( x)  1 1(1)  ( x)( x)     1  x       0 1 x2  det (A2) = (x2 – 1)(-1 + x2) = -x2 + 1 + x4- x2 = x4– 2x2 + 1 เพราะว่า det (2A2) = 22det (A2) = 4(x4– 2x2 + 1) = 4x4– 8x2 + 4 1 1 1 และ det(A-1) = = = det( A)  x2 1 1 x2 แทนค่าใน det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45 1 (4x4– 8x2 + 4) + (1 – x2)3( ) = 45 1 x2 (4x4– 8x2 + 4) + (1 – x2)2 = 45 (4x4– 8x2 + 4) + (1 – 2x2+x4) = 45 5x4– 10x2 + 5 = 45 x4– 2x2 + 1 =9 x4– 2x2 – 8 =0 (x2– 4)(x2+ 2) = 0 แต่ (x2+ 2)  0 (x2– 4) = 0 (x – 2)(x + 2) = 0  x = 2 , -2 แต่โจทย์กําหนดให้ a, b เป็ นคําตอบของสมการ det (2A2) + (1 – x2)3det(A-1) = 45 a>b a คือ 2 และ b คือ -2 แล้ ว 2a – b = 22 – (-2) = 4 + 2 = 6 ตอบ 6
  • 22. (22)  3 a2  4  1 4) ถ้ า A  , B และ det (ABt) = -132  a 1  0 3 แล้ ว det (A + B) มีค่าเท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2) แนวคิด  3 a2  จาก A   a 1  ได้ det (A) = -31 – aa2 = -3 – a3 4  1 และ B 0 3 ได้ det (B) = 43 – 0(-1) = 12 เพราะว่า det (ABt) = det (A) det (Bt) และ det(Bt) = det (B) ได้ det (ABt) = (-3 – a3) 12 แต่โจทย์กําหนดให้ det (ABt) = -132 (-3 – a3) 12 = -132 (-3 – a3) = -11 – a3 = -8 a3 = 8 a=2  3 a 2  4  1 จาก A    และ B    a 1  0 3  ได้ A  B   3  4 a  1 = 1 a  1 2 2      a  0 1 3  a 4  1 2 2  1 1 3  แต่ a = 2 det (A + B) =   =  2 4 2 4    = 14 – 23 = 4 – 6 = -2 ตอบ -2
  • 23. (23) x  1 2  2  x 3x  5) กําหนดให้ x เป็ นจํานวนเต็ม และ A  , B    2 5  3x  9 2 x  3   ถ้ า det (A – B) = 44 แล้ ว det( A 1 B ) เท่ากับเท่าใด (Ent. 47 คณิต 2) x  1 2  2  x 3x  แนวคิด จาก A และ B  9 2 x  3     2 5  3x ได้ det (A) = (x+1)(2x+3) ได้ det (B) = (2 – x)(5 – 3x) = x2 + 5x + 3 = 10 – 11x + 3x2 x  1  2  x 2  3x  2 x  1 2  3 x  A B   =  9  (2) 2 x  3  5  3x   11  5 x  2 ได้ det (A – B) = (2x–1)(5x–2) – 11(2 – 3x) = 10x2– 9x + 2 – 22 + 33x = 10x2+ 24x – 20 แต่โจทย์กําหนดให้ det (A – B) = 44 10x2+ 24x – 20 = 44 10x2+ 24x – 20 – 44 = 0 10x2+ 24x – 64 =0 5x2+ 12x – 32 =0 (5x – 8)(x + 4) = 0 8 x = -4 , 5 แต่โจทย์กําหนดให้ x x = -4 det (A) = x2 + 5x + 3 = (-4)2 + 5(-4) + 3 = 16 – 20 + 3 = -1 และ det (B) = 10 – 11x + 3x2 = 10 – 11(-4) + 3(-4)2 = 10 + 44 + 48 = 102 เพราะว่า det (A-1B) = det (A-1) det (B) และ det(A-1) = 1 det( A) แทนค่า หา det (A-1B) ได้ det (A-1B) = 1  102 = -102 1 det( A 1 B ) =  102 = 102 ตอบ 102
  • 24. (24) 6) ถ้ า x และ y บสมการ  9 8   3x   5   6 4   y   3    2    แล้ ว y2 – 2x (Ent. 48 คณิต 2) 1. 5 2. 6 3. 7 4. 8 9 8   3x   5  แนวคิด จาก 6    4   2y   3     9  3 x  8 2   5  y     6  3  4 2y   3  x ได้ 93x + 82y = 5 ……..  63x + 42y = 3 ……..   2, 123x + 82y = 6 …….. –, 33x = 1 1 3x = 3 3x = 3-1 x = -1 1 1 แทนค่า 3x = 3 ใน  ได้ 6 3 + 42y = 3 2 + 42y = 3 42y = 1 1 2y = 4 2y = 2-2 y = -2 y2 – 2x = (-2)2 – 2(-1) = 4 + 2 = 6 ตอบ 2. 6
  • 25. (25) 7) ถ้ า A เป็ น 22 เมตริกซ์ 2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0 และ det (A) เป็ นจํานวนเต็ม แล้ วข้ อใด (Ent. 48 คณิต 2) 1. det (A)  10 2. 10  det (A)  20 3. 20  det (A)  30 4. det (A)  30 แนวคิด จาก 2det (A) + 3det(3(A-1)t) – 55 = 0 ( det(A) = det(At) det( (A-1)t = det( (A-1) ) 1 9 det(3(A-1)t) = 32det( (A-1)t) = 9det(A-1) = 9  det( A) = det( A) 9 2det (A) + 3  det( A) – 55 = 0 9 2det (A) det (A) + 3  det( A) det (A) – 55 det (A) = 0det (A) 2det2(A) + 27 – 55det (A) =0 2det2(A) – 55det (A) + 27 =0 (2det(A) – 1)(det(A) – 27) =0 1 ได้ det(A) = 2 , 27 แต่กําหนดให้ det (A) เป็ นจํานวนเต็ม det(A) = 27 9 แต่ det(3(A-1)t) = det( A) แสดงว่า det (A)  0 1. det (A)  10 ตัวเลือก 2. 10  det (A)  20 และ ตัวเลือก 4. det (A)  30 ผิด ตอบ 3. 20  det (A)  30
  • 26. (26)  x2 1  x 1 x 9) กําหนดให้ A  และ B  1 x  x x  1  ถ้ า det (2A) = 28 แล้ ว det (AB-1) เท่ากับเท่าใด (Ent. 48 คณิต 2) แนวคิด det(kA) = kmdet(A) det(AB) = det(A) det(B) 1 det(A-1) = det( A) จากกําหนดให้ det (2A) = 28 ได้ 22det (A) = 28 det (A) = 7  x2 1 แต่จาก A  ได้ det(A) = x3 – 1  1 x x3 – 1 = 7 x3 = 8 x=2  x 1 x แต่จาก B  x x  1  ได้ det(B) = (x-1)(x-1) – (-x2) = x2 – 2x + 1 + x2 = 2x2 – 2x + 1 แทน x = 2 ใน det(B) = 2x2 – 2x + 1 ได้ det(B) = 2(2)2 – 2(2) + 1 = 8 – 4 + 1 = 5 เพราะว่า det (AB-1) = det (A) det (B-1) 1 = det (A) det( B ) 1 = 75 7 7 = 5 ตอบ 5 ……The End……