Contenu connexe
Similaire à บทที่ 3 สารละลาย
Similaire à บทที่ 3 สารละลาย (18)
Plus de Nang Ka Nangnarak
Plus de Nang Ka Nangnarak (20)
บทที่ 3 สารละลาย
- 4. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. น้้าเชื่อม 1% โดยมวลต่อปริมาตร 1 cm3
2. น้้าเกลือ 1% โดยมวลต่อปริมาตร 1 cm3
3. น้้าอัดลม 1 cm 3
4. จานหลุมโลหะ 1 ใบ
5. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กั้นลม
และตะแกรงลวด 1 ชุด
- 5. การเตรียมตัวล่วงหน้า
เตรียมสารละลายต่าง ๆ ดังนี้
1. น้้าเชื่อม 1% โดยมวลต่อปริมาตร น้าน้้าตาลทราย
1 g มาละลายในน้้าให้มีปริมาตรเป็น 100 cm3
2. น้้าเกลือ 1% โดยมวลต่อปริมาตร น้าเกลือแกง
1 g มาละลายในน้้าให้มีปริมาตรเป็น 100 cm3
3. น้้าอัดลมให้ใช้น้าอัดลมชนิดที่ไม่ผสมสี ที่มีจ้าหน่าย
ในท้องตลาดและเวลาจะใช้จึงเปิดขวดน้้าอัดลม
- 6. ข้อเสนอแนะ
1. การต้ ม ของเหลวในจานหลุ ม โลหะ ให้ สั ง เกตการ
เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มต้นของเหลว ต้องคอยระวังอย่า
ให้ ข องเหลวเดื อ ดแรงเกิ น ไป เพราะของเหลวจะ
กระเด็นหรือรวมกับของเหลวในจานหลุมอื่นได้
2. การใช้ ตะเกียงแอลกอฮอล์ให้ ใส่แอลกอฮอล์ ประมาณ
2/3 ของตะเกียง ไม่ควรดึงไส้ตะเกียงขึ้นมาสูงเกินไป
เมื่อจะจุดตะเกียงให้จุดด้วยไม้ขีดไฟ ห้ามยกตะเกียงจุด
ต่อกัน เมื่อจะดับตะเกียงให้ใช้ปิดด้วยฝาครอบตะเกียง
- 9. ผลการทดลอง
ของเหลว ผลที่สงเกตได้กอนให้
ั ่ ผลที่สงเกตได้เมือให้ความร้อนจนแห้ง
ั ่
ความร้อน
น้้าเชื่อม ของเหลวใส ไม่มีสี หรือ มีตะกอนสีน้าตาลอ่อนหรือสีน้าตาลเข้มอยู่ก้นจาน
สีน้าตาลอ่อน หลุม (ขึ้นอยู่กับความร้อน ถ้าความร้อนสูงจะได้สี
(ขึ้นอยู่กับสีน้าตาลที่ใช้) น้้าตาลเข้ม)
น้้าเกลือ ของเหลวใส ไม่มีสี มีตะกอนละเอียดสีขาว อยู่ก้นจานหลุม
น้้าอัดลม ของเหลวใส ไม่มีสี มีตะกอนละเอียดสีขาวหรือสีน้าตาลอ่อนอยู่ก้นจาน
(อาจเห็นฟองแก๊ส) หลุม
- 10. สรุปผลการทดลอง
- ลักษณะของเหลวที่สังเกตได้ก่อนให้ความร้อน น้้าเชื่อม
น้้าเกลือ น้้าอัดลม เป็นของเหลวใสเนื้อเดียว ไม่มีสี เมื่อน้า
ของเหลวไปให้ ความร้ อนจนแห้ง ทั้งน้้าเชื่อม น้้าเกลือ และ
น้้ า อั ด ลม มี ส ารที่ เ ป็ น ของแข็ ง เหลื อ อยู่ แสดงว่ า น้้ า เชื่ อ ม
น้้ า เกลื อ น้้ า อั ด ลม มี อ งค์ ป ระกอบมากกว่ า หนึ่ ง ชนิ ด
ประกอบด้วยตัวท้าละลายซึงเป็นน้าระเหยไป และตัวละลายเป็น
่ ้
ของแข็งอย่างน้อยหนึ่งชนิด
- 11. สรุปผลการทดลอง
สรุปได้ว่าสารละลายเป็นสารผสมประกอบด้วย 2 ส่วน
คือ ตัวท้าละลายที่มีปริมาณมากที่สุดในของผสมและตัวละลาย
ที่อาจมีสถานะเป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ได้ การให้
ความร้อนแก่สารละลายจนของเหลวระเหยกลายเป็นไอแห้ง
หมด ใช้ตรวจสอบองค์ประกอบของสารละลายได้ เป็นวิธีแยก
สารโดยให้ความร้อน เรียกว่า การระเหยแห้ง เป็นวิธีที่ใช้
ตรวจสอบได้ดีกับตัวละลายที่เป็นของแข็งระเหยยาก
- 12. ? สิ่งที่เหลืออยู่บนจานหลุมโลหะแต่ละหลุม
เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
- ต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของของเหลวตัวอย่าง ดังนี้
- น้้าหวานจะมีตะกอนสีน้าตาลอ่อน ซึ่งเป็นน้้าตาล ถ้า
ความร้อนสูงอาจได้สีน้าตาลเข้มหรือน้้าตาลไหม้
- น้้าเกลือ จะมีตะกอนละเอียดสีขาว ซึ่งเป็นเกลือ
- น้้าอัดลม จะมีตะกอนละเอียดสีขาว อาจเป็นน้้าตาล
แต่มีปริมาณไม่มากนัก
- 15. ? น้้าหวานและน้้าอัดลมเป็นสารละลายมี
องค์ประกอบเพียง 2 ชนิด หรือไม่ เพราะเหตุใด
- น้้าเชื่อมและน้้าอัดลมบอกได้ว่ามีองค์ประกอบอย่างน้อย
2 ชนิด เพราะจากการทดลอง น้้าเชื่อมจะมีตะกอนสี
น้้าตาลอ่อนเหลื ออยู่ และน้้าอัดลมมมีตะกอนละเอียดสี
ขาวเหลื ออยู่ แต่ยังไม่ตรวจสอบว่าตัวละลายหรือน้้าที่
ระเหยไปมี อ ะไรปนอยู่ ด้ วยหรื อ ไม่ หรื อ ตะกอนที่ เ หลื อ
อาจจะมีสารมากกว่า 1 ชนิด
- 22. จุดประสงค์
ทดลองและอธิ บ ายการละลาย
ของตั ว ละลายชนิ ด เดี ย วกั น ในตั ว ท้ า
ละลายต่ างชนิด และการละลายของตัว
ละลายต่ า งชนิ ด ในตั ว ท้ า ละลายชนิ ด
เดียวกัน
- 23. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. เอทานอล 6 cm3
2. น้้ากลั่น 30 cm3
3. น้้าตาลทราย 2 ช้อนเบอร์ 1
4. หลอดทดลองขนาดกลาง 2 หลอด
5. กระบอกตวงขนาด 10 cm3 1 อัน
6. ที่ตั้งหลอดทดลอง 1 ชุด
- 24. ข้อเสนอแนะ
1. ปริมาณสารที่ ใช้ ถ้าเป็ นของเหลว อาจใช้ หลอดหยด
จ้านวน 20 หยดแทน 1 cm3
2. การตวงสารโดยใช้กระบอกตวงให้วัดปริมาตรสารที่
ระดับสายตาและระดับของเหลวอยู่ส่วนโค้งต่้าสุดตาม
ปริมาตรที่ต้องการ
3. การตวงสารโดยใช้ช้อนตักสาร ให้ตวงสารเต็มช้อน
แล้วปาดด้วยด้ามช้อนตวงอีกอันหนึ่งให้พอดีขอบช้อน
ตามขนาดช้อนตวงที่ต้องการ
- 25. 4.
ข้อเสนอแนะนั้น ให้เขย่า
การเขย่าขวดทดลองเพื่อให้สารผสมกัน
โดยเคาะหลอดที่บรรจุสารกับฝ่ามือจะช่วยให้สารผสม
กันได้ง่ายขึ้น โดยเขย่าแต่ละครั้งนานประมาณ 1 นาที
อย่าเขย่าแรงเกินไปเพราะสารอาจกระเด็นออกนอก
หลอดทดลอง หรือเขย่าเบาเกินไป สารจะไม่ผสมกันหรือ
ผสมกันได้ช้ามาก และเขย่าแต่ละหลอดให้เหมือนกัน
- 28. ผลการทดลองตอนที่ 1
ตัวละลาย ผลทีสงเกตได้เมือละลายในตัวท้าละลาย
่ ั ่
น้้า เอทานอล
(หลอดที่ 1) (หลอดที่ 2)
น้้าตาลทราย น้้าตาลทรายหายไปเป็นของเหลว น้้าตาลทราย ไม่ละลาย
ใส ไม่มีสี เนื้อเดียวกัน
- 29. สรุปผลตอนที่ 1
น้้าตาลทรายละลายได้ดีในน้้า น้้าเป็นตัวท้า
ละลาย และน้้ าตาลทรายเป็ น ตั ว ละลาย แต่ ไ ม่
ละลายในเอทานอล แสดงว่ า ตั ว ละลายชนิ ด
เดียวกันละลายได้ไม่เท่ากันในตัวท้าละลายต่าง
ชนิดกัน
- 30. ผลการทดลองตอนที่ 2
ตัวท้า ผลทีสงเกตได้เมือเติมตัวละลาย
่ ั ่
ละลาย เอทานอล น้้ามันพืช น้้าตาล ดินเหนียว คอปเปอร์
ทราย บดละเอียด ซัลเฟต
น้้า
- 31. ผลการทดลองตอนที่ 2
ตัวท้า ผลทีสงเกตได้เมือเติมตัวละลาย
่ ั ่
ละลาย เอทานอล น้้ามันพืช น้้าตาล ดินเหนียว คอปเปอร์
ทราย บดละเอียด ซัลเฟต
น้้า ละลายได้ ไม่ละลาย ละลายได้ ไม่ละลาย ละลายได้
ของเหลวใส แยกชั้น ของเหลว สารมี ของเหลว
เป็นเนื้อเดียว ใสเป็นเนื้อ ลักษณะขุ่น ใส สีฟ้า
เดียว ขาว มี เป็นเนื้อ
ตะกอนอยู่ที่ เดียว
ก้นหลอด
- 32. สรุปผลตอนที่ 2
น้้าตาลทรายละลายได้ดีในน้้า น้้าเป็นตัวท้า
ละลาย และน้้ าตาลทรายเป็ น ตั ว ละลาย แต่ ไ ม่
ละลายในเอทานอล แสดงว่ า ตั ว ละลายชนิ ด
เดียวกันละลายได้ไม่เท่ากันในตัวท้าละลายต่าง
ชนิดกัน
- 38. ? ตาราง 2.3 มีสารใดบ้าง
มี ส ถานะเป็ น ของแข็ ง ที่ อุ ณ หภู มิ
25 ๐C
- โซเดียม
- 46. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. ด่างทับทิม ช้อนเบอร์ 1
2. น้้ากลั่น 250 cm 3
3. บีกเกอร์ขนาด 250 cm3 1 ใบ
4. เทอร์มอมิเตอร์ 2 อัน
5. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กั้นลม
และตะแกรงลวด 1 ชุด
6. ขาตั้งและที่จับหลอดทดลอง 2 ชุด
- 48. ผลการทดลอง
เวลา อุณหภูมของน้า (๐ อุณหภูมของน้า
ิ ้ ิ ้ การเปลียนแปลงทีสงเกตได้
่ ่ ั
(วินาที) C) ที่กนบีกเกอร์ (๐C) ที่ผิวน้า
้ ้
0 30 28 เกล็ดด่างทับทิมจมลงที่ก้นบีกเกอร์
30 32 29 เกล็ดด่างทับทิมละลายสารละลายมีสีม่วง
60 35 31 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้น
90 38 35 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้นเป็นทางยาว
120 40 38 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้นถึงผิวบนแล้ววนลงมา
150 43 40 สีม่วงเคลื่อนที่วนลงมาแล้วขึ้นไปคล้ายวงกลม
และกระจายสารละลายเป็นสีชมพู
- 49. ผลการทดลอง
เวลา อุณหภูมของน้า (๐ อุณหภูมของน้า
ิ ้ ิ ้ การเปลียนแปลงทีสงเกตได้
่ ่ ั
(วินาที) C) ที่กนบีกเกอร์ (๐C) ที่ผิวน้า
้ ้
180 45 43 สีชมพูเคลื่อนที่ลักษณะเดียวกับสีม่วง
เคลื่อนไปที่ผิวน้้าและวนลงมาด้านล่าง
210 46 44 สีชมพูกระจายในสารละลายบางส่วน
240 49 48 สีชมพูกระจายในสารละลายเพิ่มขึ้น
270 50 49 สีชมพูกระจายในสารละลายส่วนใหญ่
300 51 51 สารละลายสีชมพูกระจายทั่วบีกเกอร์
- 50. สรุปผลการทดลอง
การกระจายสีของด่างทับทิมในน้้ามีการเปลี่ยนแปลง สี
ของด่ า งทั บ ทิ ม จะเคลื่ อ นที่ จ ะเคลื่ อ นที่ จ ากก้ น บี ก เกอร์
ลอยตั ว สู ง ขึ้ น แล้ ววนกลั บมาที่ ก้ น บี กเกอร์ อี ก เพราะ
อนุภาคน้้าที่พาสีของด่างทับทิมด้านล่างจะพาความร้อน
มาด้ ว ย ท้ า ให้ อ นุ ภาคน้้ า ที่ อ ยู่ ร อบๆ มี ความหนาแน่ น
มากกว่า เข้าแทนที่อุณหภูมิของเทอร์มอมิเตอร์อันบนจึง
สูงขึ้น และสีของด่างทับทิมจะกระจายทั่วบีกเกอร์
- 52. จุดประสงค์
1. ทดลองการถ่ า ยโอนความร้ อ นของ
โลหะ
2. อธิบายการน้าความร้อนของโลหะ
3. ยกตัวอย่างการน้าความรู้เรื่องการน้า
ความร้อนไปใช้ประโยชน์
- 58. ? อะลูมิเนียม ทองแดง เหล็ก
แก้ว วัสดุใดมีความสามารถในการน้า
ความร้อนได้ดีกว่ากัน มีวิธีการตรวจสอบ
เพื่อหาค้าตอบได้อย่างไร
- มากไปน้ อ ย คื อ ทองแดง อะลู มิ เ นี ย ม
เหล็ก แก้ว
- 59. ฉนวนความร้อน คือ วัตถุที่น้าความ
ร้อนได้น้อยมาก เช่น ไม้ พลาสติก
อากาศ
ตัวกลาง คือ อนุภาคทีเป็นตัวส่งผ่าน
่
- 62. จุดประสงค์
1. ทดลองสีของวัตถุกับการรับพลังงานความร้อน
2. ทดลองการถ่ายโอนความร้อนโดยการแผ่รังสี
3. อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการแผ่รังสี
4. ยกตัวอย่างการแผ่รังสีไปใช้ประโยชน์
- 66. สรุปผลการทดลอง
ความร้อนจากหลอดไฟเป็นความร้อนจากรังสีอิน
ฟาเรด เป็ น คลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า โลหะทั้ ง สองสี มี
ความสามารถในการดูดซับความร้อนจากรังอิน ฟาเรด
ได้ แตกต่ างกัน โลหะสีด้าจะดูดซับความร้ อนได้ดีกว่า
โลหะสีขาว
การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่มีตัวกลาง เรียกว่า
การแผ่รังสี
- 67. ? วิธีใดเปรียบได้กับการถ่ายโอนความร้อน
แบบการน้า การพา และการแผ่รงสี ั
- แบบที่ 1 การน้าความร้อน เพราะสิ่งของที่ส่งไปนั้น
ผู้ส่งไม่เคลื่อนที่
- แบบที่ 2 การพาความร้อน เพราะสิ่งของที่ส่งมี
ผู้น้าไปส่งท้าให้เคลื่อนที่ไป
- แบบที่ 3 การแผ่รังสี เพราะสิ่งของที่ส่งนั้น ไม่ได้
อาศัยตัวกลางในการส่ง
- 71. • สารบริสุทธิ์ ( ธาตุ, สารประกอบ )
เป็นสารเพียงชนิดเดียวไม่มีสารอื่นเจือปน มีสมบัติ
เฉพาะตัวคงที่ และเมื่อสลายตัวให้สารใหม่มีสมบัติ
แตกต่างไปจากเดิม
• สารละลาย ( ของผสมเนื้อเดียว )
ประกอบด้วยตัวถูกละลาย และตัวท้าละลายปนกัน
กลมกลืน มีสมบัติเปลี่ยนแปลงตามอัตราส่วนของตัวถูก
ละลายและตัวท้าละลาย
- 72. • สารเนือผสม คือ สารที่มีเนื้อไม่กลมกลืนกันตลอด
้
(แต่อาจมองเห็นไม่ชัด)เกิดจากการผสมสารตั้งแต่
2 ชนิดขึ้นไปเข้าด้วยกัน ได้แก่
สารคอลลอยด์
เกิดจากอนุภาคของสารขนาดเล็กๆ เส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 10-7 ถึง
10-4 cm. กระจายปนอยู่ในตัวกลางได้โดยไม่ตกตะกอน สารทีมอนุภาคขนาด
่ ี
นี้สามารถผ่านกระดาษกรองได้ แต่ผ่านแผ่นเซลโลเฟนไม่ได้ เช่น นมสด วุ้น
เจลลี่ หมอก สเปรย์ เป็นต้น
สารแขวนลอย
คือ สารเนือผสมทีมอนุภาคองค์ประกอบขนาดใหญ่กว่า 10-4 cm. แขวนลอย
้ ่ ี
อยู่ในตัวกลาง เมื่อทิงไว้จะตกตะกอนได้เอง ไม่สามารถผ่านกระดาษกรอง
้
- 73. สมบัติทั่วไปของคอลลอยด์
1. เมื่อผ่านล้าแสงเกิดปรากฏการณ์ Tyndall effect
2. อนุภาคมีการเคลือนที่แบบบราวน์เนียน
่
3. อนุภาคคอลลอยด์มประจุไฟฟ้า อาจเป็นบวกหรือลบก็ได้
ี
ซึ่งสามารถถูกดูดด้วยขัวไฟฟ้าตรงกันข้ามในสนาม
้
4. อนุภาคโดยทัวจะไม่ตกตะกอน เพราะมีการเคลือนที่
่ ่
ตลอดเวลา
5. อาจกล่าวโดยสรุป คอลลอยด์จะมีสมบัตเกียวกับแสง
ิ ่
การเคลื่อนทีและสมบัตทางประจุไฟฟ้า
่ ิ
- 74. ชนิดของคอลลอยด์
คอลลอยด์มีหลายชนิด มีชื่อเรียกต่างๆกัน ขึ้นอยู่กับสถานะ
อนุภาคกับสถานะของตัวกลาง
1 .แอโรซอล เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะอนุภาคเป็นของแข็ง
หรือของเหลวในสถานะของตัวกลางที่เป็นก๊าซ ตัวอย่างเช่น
เมฆ หมอก ฝุ่นละอองในอากาศ
2.เจล เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะอนุภาคเป็นของแข็งในสถานะ
ตัวกลางที่เป็นของเหลวตัวอย่างเช่น เยลลี่ วุ้น ยาสีฟัน แยม
- 75. ชนิดของคอลลอยด์
3. โฟม เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะของอนุภาคเป็นก๊าซ ใน
สถานะตัวกลางที่เป็นทั้งของแข็งและของเหลว ตัวอย่างเช่น
ฟองสบู่ ครีมโกนหนวด
4. อิมัลชัน เป็นคอลลอยด์ที่มีอนุภาคเป็นของเหลวแขวนลอยอยู่ใน
่
ตัวกลางที่เป็นของเหลว ซึ่งไม่ละลายเข้าด้วยกัน จึงต้องอาศัยสารอีก
ชนิดหนึ่งมาเป็นตัวกลางเชื่อมประสานของเหลวนั้นจนละลาย เท่ากัน
เป็นคอลลอยด์ ตัวเชื่อมนี้เรียกว่า อิมัลซิฟาย-เออร์ ตัวอย่าง อิมัลชั่น
เช่น น้้ากับน้้ามัน โดยมีสบู่เป็นตัวเป็นตัวเชื่อม
- 76. ชนิดของคอลลอยด์
5. อิมัลซิฟายเออร์ คือ สารที่เติม
ลงไปเพื่อท้าหน้าที่เป็นตัวเชื่อม หรือประสาน
ของเหลวตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป ให้อนุภาค
กระจายไปทั่วได้ เช่น สบู่ ผงซักฟอกไข่
แดง เคซิน และน้้าดี
- 77. การเปรียบเทียบ สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ตัวอย่างสาร สารละลาย CuSO4 นมสด นมสดผสมกรด
ลักษณะเนื้อสาร เนื้อเดียว เนื้อเดียว เนื้อผสม
ขนาดเส้นผ่าน น้อยกว่า 10-7 cm 10-7 ถึง 10-4cm มากกว่า 10-4cm
ศูนย์กลางของอนุภาค
การลอดผ่าน ได้ ได้ ไม่ได้
กระดาษกรอง
การลอดผ่านถุงเซล ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
โลเฟน
ปรากฏการณ์ ไม่เกิด เกิด เกิด
ทินดอลล์
- 80. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. น้้าโคลนหรือน้้าแป้งดิบ 200 cm3
2. นมสดหรือน้้าแป้งสุก 200 cm3
3. น้้าหวานที่ใส่สี 200 cm 3
4. บีกเกอร์ขนาด 250 cm 3 6 ใบ
5. กระดาษกรองขนาด 11cm 3 แผ่น
6. กระดาษเซลโลเฟนขนาด 10x10cm 3 แผ่น
- 81. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
7. กรวยพลาสติก 1 อัน
8. ขวดรูปกรวยขนาด 250 1 อัน
9. แท่งแก้วคนสาร 1 อัน
10. ขาตั้งพร้อมที่จับ 1 ชุด
11. ยางรัดของ 3 เส้น
12. ช้อนตักสารเบอร์ 2 1 อัน
- 83. ผลการทดลอง
ผลที่สงเกต
ั
ลักษณะของเหลว
สารตัวอย่าง เมื่อกรองด้วย เมื่อผ่าน
ที่สังเกตได้
กระดาษกรอง ถุงเซลโลเฟน
น้้าแป้งดิบ
น้้าแป้งสุก
น้้าหวาน
- 84. ผลการทดลอง
ผลที่สงเกต
ั
ลักษณะของเหลว
สารตัวอย่าง เมื่อกรองด้วยกระดาษกรอง เมื่อผ่านถุงเซล
ที่สังเกตได้
โลเฟน
น้้าแป้งดิบ สีขาวขุ่น มีตะกอน มีตะกอนขาวติดอยู่บน น้้าในบีกเกอร์ไม่
กระดาษกรอง และได้ เปลี่ยนแปลง
ของเหลวใส
น้้าแป้งสุก ของเหลวขุ่น ไม่มีสารตกค้างบนกระดาษ น้้าในบีกเกอร์ไม่
เล็กน้อย ไม่มี กรอง และได้ของเหลวขุ่น เปลี่ยนแปลง
ตะกอน เล็กน้อย
น้้าหวาน ของเหลวใสมีสี ได้ของเหลวใสมีสีเดียวกับ น้้าในบีกเกอร์มีสี
น้้าหวาน เดียวกับน้้าหวาน
- 87. สาร เนื้อสารเป็นเกณฑ์
สารเนื้อเดียว คอลลอยด์ สารเนื้อผสม
สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารแขวนลอย
ธาตุ สารประกอบ
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ
- 88. สาร
ความบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์
สารบริสุทธิ์ สารผสม
ธาตุ สารประกอบ สารเนื้อเดียว คอลลอยด์ สารเนื้อผสม
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ สารละลาย สารแขวนลอย