Contenu connexe
Similaire à โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด (20)
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
- 2. ก
เรื่อง : เปลือกไข่ไล่มด
ครูที่ปรึกษา : นายทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม
ผู้จัดทา : นายปกรณ์ บุญญะฐี เลขที่ 1
นางสาวบวรรัตน์ จิตรบวรวงศ์ เลขที่ 13
นางสาวรุ่งนภา คาตา เลขที่ 26
นางสาวศิริมาส ปั้นหลวง เลขที่ 27
นางสาวพรนารี เหมหงษา เลขที่ 32
สถานศึกษา : โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
บทคัดย่อ
มดเป็นสัตว์ที่ไม่มีที่อยู่แน่นอนมันสามารถอยู่ได้ทุกๆที่ ทาให้มดเป็นปัญหาเล็กๆที่ทาให้มนุษย์เกิด
ความราคาญ จึงทาให้คนคิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ โดยสารเคมีในการกาจัดมดแมลงซึ่งมีอันตรายและ
ก่อให้เกิดโรคตามมาในภายหลัง
กลุ่มของข้าพเจ้าจึงลองศึกษาข้อมูลต่อไปว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนามาทดแทนสารเคมีในชอล์กไล่
มดได้บ้าง พวกเราจึงค้นพบว่าเปลือกไข่มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับชอล์ก เพราะเปลือกไข่มี CaCo3 เป็น
องค์ซึ่ง CaCo3 มีความเป็นด่าง สามารถไล่มดได้
- 3. ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความเมตตาช่วยเหลืออย่างดียิ่ง
ของคณะอาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอน ได้ให้คาแนะนาและข้อคิดเห็นต่างๆของการทางานมาโดยตลอด
จึงขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้สนับสนุนการทางาน และให้กาลังใจแก่ผู้จัดทาเสมอมา กระทั่ง
การศึกษาค้นคว้าโครงงานครั้งนี้สาเร็จลุล่วงด้วยดี และความดีอันเกิดจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้จัดทาขอ
มอบแด่บิดา มารดา ครู อาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่าน
ผู้จัดทามีความซาบซึ้งในความกรุณาอันดียิ่งจากทุกท่านที่กล่าวนามมา และขอขอบพระคุณ
มา ณ โอกาสนี้
คณะผู้จัดทา
- 4. ค
สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญภาพ ง
สารบัญตาราง จ
บทที่ 1 บทนา 1-2
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3-8
บทที่ 3 วิธีการดาเนินการ 9-11
บทที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้า 12
บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผล 13
เอกสารอ้างอิง 14
บทที่ 6 ภาคผนวก 15-18
- 5. ง
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
2.1 ชอล์กไล่มด 3
2.2 เปลือกไข่ไก่ 4
2.3 ปูนปลาสเตอร์ 5
2.4 ดินสอพอง 6
6.1 เตรียมวัสดุอุปกรณ์ 15
6.2-6.3 ตาเปลือกไข่ให้ละเอียด 15
6.4-6.5 ตาดินสอพองให้ละเอียด 16
6.6 วัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด 16
6.7 ปริมาณดินสอพองที่ใช้ 17
6.8 ปริมาณปูนปลาสเตอร์ที่ใช้ 17
6.9 ปริมาณผงเปลือกไข่ที่ใช้ 17
6.10 ปริมาณน้าที่ใช้ 17
6.11 ผสมวัสดุต่างๆเข้าด้วยกันแล้วเทใส่แม่แบบ 17
6.12 รอให้ชอล์กแห้ง 17
6.13 ผลิตภัณฑ์ชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่ 18
- 8. 2
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้ทราบว่าเปลือกไข่ไก่ไล่มดได้
2. สามารถนาเปลือกไข่ไก่มาทายากันมดไว้ใช้เองและเผยแพร่ในชุมชน
3. สามารถกาจัดมดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจานวนมาก
4. ได้ชอล์กไล่มดที่ปราศจากสารเคมีที่ทาให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์สัตว์และสิ่งแวดล้อม
สมมติฐาน
1. ชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่ไก่สามารถไล่มดได้
2. ชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่ไก่มีประสิทธิภาพในการไล่มดเท่ากับชอล์กตามท้องตลาด
ตัวแปรต่างๆ
ตัวแปรต้น : ชอล์กแปรรูปไข่, ชอล์กตามท้องตลาด
ตัวแปรตาม : ปฏิกิริยาของมดหลังจากที่อยู่ในพื้นที่ตามระยะเวลาที่กาหนด
ตัวแปรควบคุม : ปริมาณมด, ขนาดของพื้นที่ทดลอง, เวลาในการทดลอง
ขอบเขตของโครงงาน
การศึกษาการทาชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่ครั้งนี้ศึกษาเฉพาะการนาเปลือกไข่มาไล่มดที่อยู่ใน
บริเวณบ้านเท่านั้นการทาเปลือกไข่ไล่มดนี้ กาหนดเวลาที่ใช้ในการศึกษาระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
ข้อตกลงเบื้องต้น
ใช้เปลือกไข่ไก่
ดินสอพอง
ใช้หลอดชาไข่มุกในการทาแท่งชอล์ก
- 10. 4
บทที่ 2
เอกสารละงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.1 เอกสาร
รูปที่ 2.1 ชอล์กไล่มด
2.1.1 ชอล์กไล่มด
ชอล์กไล่มดตามท้องตลาด เป็นยามฆ่าแมลง(Insecticide) ที่นิยมใช้กันมากในครัวเรือน ออกฤทธิ์
กาจัด มด แมลงสาบ และปลวก โดยใช้ขัดตามมุมห้อง รอบขาตู้อาหาร และรอบถังขยะ เป็นต้น สาระสาคัญที่
ออกฤทธิ์ฆ่าแมลง คือ deltamethrinยาฆ่าแมลงชนิดนี้นอกจากจะเป็นส่วนประกอบสาคัญในชอล์กขีดกาจัด
แมลงคลานแล้วยังพบว่าในบางประเทศได้นามาพัฒนาใช้เป็นยาสาหรับฆ่าแมลงชนิดอ่อน เช่น Anopheles
albimanusและ Leishmaniainfantumเป็นต้นdeltamethin จัดเป็นยาฆ่าแมลงในกลุ่ม pyrethroidsที่จะถูก
สังเคราะห์ขึ้นด้วยปฏิกิริยาเคมี ซึ่งเป็นพิษต่อเนื้อเยื้อประสาท (4eurotoxic) และเป็นพิษต่อภูมิคุ้มกัน
(immunotoxic) ในที่นี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของวิธีใช้ วิธีเก็บรักษา ข้อควรระวัง และวิธีแก้พิษเบื้องต้นของ
deltamethin ในชอล์กขีดกาจัดแมลงคลาน ข้อมูลทางเคมี ความเป็นพิษ การเก็บรักษา การปฐมพยาบาล และ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของdeltamethinรวมทั้งงานวิจัยเกี่ยวกับการนาdeltamethinไปใช้ประโยชน์ในแง่
อื่นๆ
2.1.1.1กระบวนการทาชอล์กไล่มดตามท้องตลาด
ไม่มีการระบุกระบวนการทาจากบริษัทผลิตชอล์ก
- 11. 5
รูปที่ 2.2 เปลือกไข่ไก่
2.1.2 เปลือกไข่ไก่
เปลือกไข่ คือ มีสีน้าตาลหรือสีขาว ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์แม่ไก่ สีไข่ไม่มีผลต่อคุณค่าทาง
โภชนาการของไข่ ส่วนประกอบสาคัญของเปลือกไข่คือ แคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นแท่งๆมาต่อ
กันในการสร้างเปลือกไข่แต่ละฟองนั้นจะใช้แคลเซียมประมาณ 2 กรัม มีคอลลาเจนสานเป็นตัวตาข่าย และ
มีหินปูน(แคลเซียมคาร์บอเนต)ทาให้เปลือกไข่แข็ง มีสารเคลือบที่สามารถป้ องกันเชื้อแบคทีเรียไม่ให้เข้า
ไปในตัวไข่ได้ความแข็งแรงของเปลือกไข่ขึ้นอยู่กับอายุและการกินอาหารของแม่ไก่ เปลือกไข่จะมีรูขนาด
เล็กมาก มองเห็นด้วยตาเปล่าไม่เห็น เมื่อไข่ออกจากแม่ไก่มาใหม่จะมีเมือกเคลือบที่ผิวของเปลือกไข่ เพื่อ
ป้ องกันไม่ให้อากาศและน้าผ่านเข้าไปได้เมื่อเก็บไว้นานๆเมือกเหล่านั้นจะแห้งไป อากาศและความชื่น
สามารถแทรกผ่านรูเล็กของเปลือกไข่ได้ทาให้ไข่เสื่อมคุณภาพ การเปลี่ยนแปลงของไข่ขาว และการ
เปลี่ยนของกลิ่นรสตลอดเวลา เนื่องจากการสูญเสียอากาศ เปลือกไข่มีการป้ องกันการเน่าเสียจากจุลินทรีย์
เมื่อไม่มีเปลือกไข่จะเกิดการเสื่อมอย่างรวดเร็ว จึงมักเก็บไข่ทั้งเปลือก การเก็บไว้ในที่มีอากาศเหม็น ไข่ก็
อาจดูดกลิ่นสิ่งที่เหม็นอยู่รอบๆเข้าไปสู่รูของเปลือก
2.1.2.1 กระบวนการทาเปลือกไข่
เปลือกไข่ได้มาจากไก่ที่ออกไข่อยู่เป็นประจาทุกวัน
- 12. 6
รูปที่ 2.3 ปูนปลาสเตอร์
2.1.3 ปูนปลาสเตอร์
ปูนปลาสเตอร์คือ ทามาจากแร่ยิปซัม ซึ่งมีชื่อเรียกทางเคมีว่า แคลเซียมซัลเฟตไดไฮเดรตใน
โครงสร้างผลึกจะมี 2 หน่วยต่อแคลเซียมซัลเฟต1 หน่วย เมื่อนายิปซัมมาเผาแคลไซน์น้าบางส่วนจะ
ระเหยออกไปกลายเป็นปูนปลาสเตอร์ซึ่งมีชื่อเรียกทางเคมีว่า แคลเซียมเฮมิไฮเดรตในโครงผลึกจะมีน้า
เพียง 1 หน่วยต่อแคลเซียมซัลเฟต2 หน่วย เป็นปฏิกิริยากับผันกลับได้เมื่อเราเติมน้าให้กลับปูนปลาสเตอร์
ปูนปลาสเตอร์ ปูนปลาสเตอร์จะทาปฏิกิริยากับน้าเกิดเป็นผลึกรูปเข็มของยิปซัมและกลายเป็นก้อนแข็งอีก
ครั้ง
2.1.3.1 กระบวนการทาปูนปลาสเตอร์
ไม่มีการระบุกระบวนการทาจากบริษัทผลิตปูนปลาสเตอร์
- 13. 7
รูปที่ 2.4 ดินสอพอง
2.1.4 ดินสอพอง
ดินสอพอง คือ หินปูนเนื้อมาร์คที่เป็นดินที่เนื้อเป็นสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วน
ใหญ่ เมื่อเอามะนาวบีบใส่ น้ามะนาวมีกรดซึ่งเมื่อทาปฏิกิริยากับแคลเซียมเป็นฟองฟูขึ้นดูเผินๆก็เห็นว่า
ดินนั้นพองตัวขึ้นจึงเรียกดินสอพอง ใช้ในการทาธูป ทาปูนซีเมนต์
2.1.4.1 กระบวนการทาปูนปลาสเตอร์
ไม่มีการระบุกระบวนการทาจากบริษัทผลิตดินสอพอง
- 14. 8
2.2 งานวิจัย
2.2.1 งานวิจัยเกี่ยวกับเปลือกไข่
KuhและKim ได้ศึกษาการดูดซับโลหะหนักแคดเมี่ยมด้วยเปลือกไข่โดยศึกษาผลของความเข้มข้น
เริ่มต้นของสารละลาย (25-100 มิลลิกรัมต่อลิตร) ค่า pH ของสารละลายเริ่มต้น (3-11) อุณหภูมิ (25-55
องศาเซลเซียส) ขนาดอนุภาค (14-30, 35-60, 80-100 และ120-140 เมช) และปริมาณของเปลือกไข่ (10-70
กรัมต่อลิตร) พบว่าการดูดซับแคดเมี่ยมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง30 นาทีแรกและเข้าสู่สภาวะสมดุลย์
หลังจากเวลาผ่านไป 300 นาทีโดยผลจากการเพิ่มปริมาณเปลือกไข่ในสารละลายและการลดขนาดของ
เปลือกไข่ทาให้พื้นที่ผิวของการดูดซับเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพการดูดซับจึงสูงขึ้นตามไปด้วยและที่ความ
เข้มข้นเริ่มต้นของสารละลายแคดเมี่ยมต่า(25 มิลลิกรัมต่อลิตร) เปลือกไข่มีประสิทธิภาพในการลดแค
ดเมี่ยม (ร้อยละ 97) ได้ดีกว่าที่ความเข้มข้นเริ่มต้นสูงขึ้นเนื่องจากสัดส่วนของ active sites บนผิวเปลือกไข่
ต่อปริมาณตัวถูกดูดซับที่ความเข้มข้นเริ่มต้นต่ามีค่ามากกว่าที่ความเข้มข้นเริ่มต้นสูงและการดูดซับแค
ดเมี่ยมจะสูงขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นซึ่งแสดงว่าการดูดซับเป็นปฏิกริยาดูดความร้อนสามารถอธิบายการ
ดูดซับด้วยสมการของFruendlichสาหรับการศึกษาจลนพลศาสตร์พบว่าการดูดซับเป็นปฏิกิริยาอันดับที่1.1-
1.6 จากความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงค่าความเข้มข้นของแคดเมี่ยมในสารละลาย(logCt) กับอัตราการ
ดูดซับ (log rate) นอกจากนี้สารละลายที่มีค่า pH สูงบนผิวเปลือกไข่จะมีปริมาณโปรตอนลดลงกลุ่ม
ออกไซด์, ไฮดรอกไซด์และออกซี่ไฮดรอกไซด์บนผิวเปลือกไข่จึงจับตัวกับโลหะหนักได้มากขึ้นเกิดเป็น
metal carbonate ที่ไม่ละลายน้าในรูป CdCO3 ,
Cd(CO3 )2(OH)2
ดร.นาวิน วิริยะเอี่ยมพิกุล นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สานักงานพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า จากความสนใจส่วนตัวในเรื่องการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยา ทา
ให้ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทุ่มเทกับการศึกษาตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งตัวเร่ง
ปฏิกิริยาสาหรับผลิตไบโอดีเซล ตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงแสงสาหรับบาบัดสารพิษในน้า รวมถึงกระบวนการ
ผลิตที่ใช้ในการสังเคราะห์ตัวเร่งปฏิกิริยา หนึ่งในวัสดุที่สนใจศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาคือ
เปลือกไข่ ซึ่งมีความเป็นด่างสอดคล้องกับคุณสมบัติเบื้องต้นของตัวเร่งปฏิกิริยา และที่ผ่านมาอุตสาหกรรม
โรงฟักไก่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกาจัดเปลือกไข่เหลือใช้ด้วยการฝังกลบตันละกว่า 800 บาท ทั้งที่ตัว
เปลือกไข่เป็นแคลเซียมน่าจะนามาประยุกต์ใช้อย่างอื่นได้ นักวิจัยนาโนเทคศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพ
ของเปลือกไข่มาตั้งแต่ปี 2551 ด้วยสเกลขนาดเล็กในห้องแล็บ ด้วยการเก็บเปลือกไข่จากร้านขายอาหาร
กระทั่งปัจจุบันมีการขยายสเกลการวิจัยที่ใหญ่ขึ้นระดับที่ต้องขอเปลือกไข่จากโรงฟักไก่ เพื่อดูศักยภาพใน
- 15. 9
การต่อยอดเชิงพาณิชย์ที่คุ้มค่า การศึกษาดังกล่าวพบว่าเปลือกไข่เมื่อนามาผ่านความร้อนจะเปลี่ยน
โครงสร้างตัวมันเองให้มีพื้นที่ผิวมีความเป็นด่าง สามารถที่จะนาไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งหนึ่ง
ในทางเลือกที่ศึกษาต่อ คือการนาไปใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตไบโอดีเซล จากการศึกษา
เปรียบเทียบระหว่างตัวเร่งปฏิกิริยาจากเปลือกไข่กับตัวเร่งปฏิกิริยาแบบของเหลวที่ใช้อยู่โดยทั่วไป เช่น
โซดาไฟ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ผลที่ได้พบว่าตัวเร่งปฏิกิริยาของแข็งที่ได้จากเปลือกไข่ ทาให้
กระบวนการผลิตไบโอดีเซลมีขั้นตอนการผลิตที่สั้นลง เดิมการผลิตไบโอดีเซลจะนาน้ามันพืชมาหมัก
ร่วมกับเมทานอลและตัวเร่งปฏิกิริยาในถังผลิตไบโอดีเซล จากนั้นแยกเอากลีเซอรีนออก พร้อมทาการ
ระเหยเมทานอลกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งไบโอดีเซลที่ได้จะยังไม่บริสุทธิ์เสียทีเดียวต้องผ่านกระบวนการล้างน้า
และทาระเหยเอาน้าออกทาให้เกิดน้าเสียจากกระบวนการผลิต นักวิจัย กล่าวต่อว่า การใช้เปลือกไข่เป็น
ตัวเร่งปฏิกิริยา ทาให้ได้กลีเซอรีนและไบโอดีเซลที่มีความบริสุทธิ์สูงจนไม่ต้องผ่านกระบวนการล้างน้า
และไม่มีน้าเสียเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ซึ่งน่าจะทาให้ต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลถูกลงกว่าการใช้
ตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็นของเหลวในการผลิต
2.2.2งานวิจัยเกี่ยวกับเปลือกไข่
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ (Ohio University) ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าเปลือกไข่
อาจใช้เป็นวัตถุดิบช่วยผลิตก๊าซไฮโดรเจนเพื่อไปผสมกับก๊าซออกซิเจนที่ใช้กาเนิดพลังงานไฟฟ้าของเซลล์
เชื้อเพลิง(Fuel Cell) ได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลงงานวิจัยระบุว่าเปลือกไข่มีบทบาทสาคัญที่จะทาให้ไฮโดรเจน
บริสุทธิ์สามารถแยกออกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยการเติมเปลือกไข่ลงไปในขั้นตอนการผลิตก๊าซ
ไฮโดรเจนแคลเซียมออกไซด์(Calcium oxide) ที่อยู่ในเปลือกไข่จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้
ทาให้กระบวนการผลิตสะอาดขึ้นและเมื่อนาเปลือกไข่ที่ใช้แล้วไปฝังดินก็จะเป็นการกาจัดก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นออกโดยไม่ปล่อยมันสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วยงานวิจัยสรุปด้วยว่าปริมาณขยะ
เปลือกไข่ที่คนอเมริกันทิ้งไว้ทั่วประเทศมีมากถึง 455,000ตันนั้นมากพอที่จะผลิตก๊าซไฮโดรเจนได้มากถึง
35 พันล้านลูกบาศก์ฟุตเมื่อเทียบเท่ากับก๊าซถ่านหินที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเชื่อว่าไฮโดรเจนอาจ
กลายเป็นแหล่งพลังงานที่สาคัญในอนาคตแต่นักวิจัยจะต้องพัฒนาวิธีการที่เหมาะสมในการผลิตไฮโดรเจน
จานวนมากต่อไป
- 17. 11
3.3 วิธีการทดลอง
3.3.1 การเตรียมเปลือกไข่
3.3.1.1 นาเปลือกไข่ที่ทางร้านอาหารไม่ใช้ มาล้างทาความสะอาด
3.3.1.2 ดึงเนื้อเยื้อที่ติดเปลือกไข่ออกจนหมด
3.3.1.3 ล้างด้วยน้าสะอาดอีกหนึ่งครั้ง
3.3.1.4 ตากให้แห้งสนิท
3.3.1.5 นาเปลือกไข่มาบดจนละเอียด เพื่อเตรียมนาไปแปรรูปเป็นชอล์ก
3.3.2 การเตรียมดินสอพอง
3.3.2.1 หาซื้อดินสอพองที่วางขายตามท้องตลาด
3.3.2.2 นาดินสอพองมาบดละเอียด เพื่อเตรียมนาไปแปรรูปเป็นชอล์ก
3.3.3 การชั่งอัตราส่วนที่เหมาะสมในการแปรรูปชอล์ก
3.3.3.1 การชั่งอัตราส่วนวัตถุดิบในการแปรรูปชอล์กจากเปลือกไข่
3.3.3.1.2 ชั่งผงเปลือกไข่:ดินสอพอง: ปูนปลาสเตอร์
ในอัตราส่วน 2:1:3
3.3.4 การทาแท่งชอล์กจากเปลือกไข่
3.3.4.1 นาผงเปลือกไข่: ดินสอพอง: ปูนปลาสเตอร์ในอัตราส่วน 2:1:3 มาผสมกัน
3.3.4.2 นามาละลายน้าเพื่อจะหล่อเป็นแท่ง
3.3.4.3 เทส่วนผสมที่ละลายน้าลงในหลอดชาไข่มุก
3.3.4.5 รอให้ส่วนผสมที่อยู่ในหลอดชาไข่มุกแข็งตัว
- 18. 12
3.3.4.6 ตัดหลอดออกเพราะใช้เฉพาะตัวชอล์กจากเปลือกไข่ไก่
3.3.6 การทดลองชอล์กจากเปลือกไข่
3.3.6.1 นาชอล์กจากเปลือกไข่มาขีดบนพื้นที่ขนาด 10 ตารางเซนติเมตร
3.3.6.2 นามดที่อยู่ตามบ้านและห้องครัว จานวน 5 ตัวไปวางในพื้นที่ที่เตรียมไว้
3.3.6.3 สังเกตผล ตลอดระยะเวลา 5,10และ 20 นาที
3.3.6.4 บันทึกผล
3.3.7 การทดลองชอล์กจากท้องตลาด
3.3.6.1 นาชอล์กจากท้องตลาดมาขีดบนพื้นที่ขนาด 10 ตารางเซนติเมตร
3.3.6.2 นามดที่อยู่ตามบ้านและห้องครัว จานวน 5 ตัวไปวางในพื้นที่ที่เตรียมไว้
3.3.6.3 สังเกตผล ตลอดระยะเวลา 5,10และ 20 นาที
3.3.6.4 บันทึกผล
- 19. 13
บทที่ 4
ผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง
ตารางบันทึกผลการทดลอง
ชนิดของชอล์ก เวลา/นาที อาการของมด
ชอล์กจากเปลือกไข่ไก่
5 นาที มดพยายามเดินหาทางออกจากพื้นที่
10 นาที มดบางตัวเริ่มเดินช้าลง
20 นาที มดเดินช้าลง บางตัวหยุดนิ่ง
ชอล์กจากท้องตลาด
5 นาที มดพยายามเดินหาทางออกจากพื้นที่
10 นาที มดเริ่มเดินช้าลง
20 นาที มดเดินช้าลง บางตัวหยุดนิ่ง
ตารางที่ 4.1 ตารางบันทึกผลการทดลอง
ผลจากการทดลอง
ชอล์กจากเปลือกไข่ไก่ในเวลา 5 นาที มดพยายามเดินหาทางออกจากพื้นที่เช่นเดียวกับชอล์กจาก
ท้องตลาดชอล์กจากเปลือกไข่ไก่ในระยะเวลา 10 นาที มดบางตัวเริ่มเดินช้าลง ในขณะที่ชอล์กจากท้อง-
ตลาด มดทุกตัวเดินช้าลง และชอล์กไล่มดจากไข่ไก่ทิ้งมดไว้ระยะเวลา 20 นาที มดเดินช้าลง บางตัวหยุด
นิ่งเช่นเดียวกับชอล์กจากท้องตลาดสรุปผลได้ว่าการเปรียบเทียบชอล์กไล่มดจากเปลือกไข่และชอล์กไล่มด
จากท้องตลาด ผลออกมามีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
- 20. 14
บทที่ 5
สรุปผลการทดลองและข้อเสนอแนะ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด มีวัตถุประสงค์ในการทาโครงงานครั้งนี้คือเพื่อทดลอง
ทายากันมดจากวัสดุธรรมชาติซึ่งก็คือเปลือกไข่ไก่ แล้วบอกได้ว่าชอล์กจากเปลือกไข่กับชอล์กไล่มดตาม
ท้องตลาดมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันหรือไม่ หากผลใกล้เคียงกันก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่จะกาจัดมดได้โดยไม่
ต้องใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์,สัตว์และสิ่งแวดล้อม และเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้
สารเคมีกาจัดมด
5.1 จากการทดลองสรุปผลได้ว่า
เปลือกไข่ไก่สามารถไล่มดได้ดีและมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับชอล์กไล่มดตามท้องตลาด คือ มดที่จับเข้า
ไปไว้ในพื้นที่ ที่ขีดไว้ด้วยชอล์กจากเปลือกไข่ และ ชอล์กตามท้องตลาด ขนาด 10 ตารางเซนติเมตร หยุด
เดิน แล้วอยู่นิ่งทั้งคู่
5.2 ข้อเสนอแนะ
5.3.1นาเปลือกไข่มาละลายน้าแทนการทาเป็นชอล์กเพื่อจะได้ง่ายต่อการผลิตใช้เองในบ้าน
5.3.2ถ้ามีโอกาสควรทาการทดลองกับมดหรือแมลงชนิดต่างๆและเปลือกไข่ชนิดอื่นๆ
- 21. 15
เอกสารอ้างอิง
ภูมิปัญญาชาวบ้าน ประโยชน์จากเปลือกไข่ ทาชอล์กไล่มดปลอดสาร.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก:
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php (วันที่ค้นข้อมูล : 5 มกราคม 2557 )
Egg / ไข่ - Food Wiki | Food Network Solution.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก :
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1146/egg(วันที่ค้นข้อมูล : 5 มกราคม 2557 )
ดินสอพอง – วิกิพีเดีย.(ม.ป.ป). เข้าถึงได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/ดินสองพอง (วันที่ค้นหา
ข้อมูล :6 มกราคม 2557)
ปูนปลาสเตอร์ – วิกิพีเดีย.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/ปูนปลาสเตอร์ (วันที่
ค้นหาข้อมูล: 6 มกราคม 2557)
สารเคมีในชีวิตประจาวัน.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก : http://oldweb.pharm.su.ac.th/chemistry-in-
life/d027.html(วันที่ค้นหาข้อมูล : 19 มกราคม 2557 )
โครงงานเปลือกไข่ไล่มด –GotoKnow.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก : http://www.gotoknow.org/post/237545
(วันที่เข้าถึงข้อมูล :19 มกราคม 2557 )
การผลิตไบโอดีเซลจากเปลือกไข่เหลือทิ้ง.(ม.ป.ป).เข้าถึงได้จาก:http://www.nanotec.or.th/th/?p=2904
(วันที่เข้าถึงข้อมูล : 19 มกราคม 2557 )
- 24. 18
ภาพที่ 6.7 ปริมาณดินสอพองที่ใช้ ภาพที่ 6.8 ปริมาณปูนปลาสเตอร์ที่ใช้
ภาพที่ 6.9 ปริมาณผงเปลือกไข่ที่ใช้ ภาพที่ 6.10 ปริมาณน้าที่ใช้
ภาพที่ 6.11 ผสมวัสดุต่างๆเข้าด้วยกัน ภาพที่ 6.12 รอให้ชอล์กแห้ง
แล้วเทใส่แม่แบบ