ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

ระบบเครือข่ายเบื้องต้น ( Basic
Network)

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ
อุปกรณ์เครือข่าย

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร
 การเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการ
โอนถ่ายข้อมูลและสามารถสื่อสารระหว่างกันได้

 อินเตอร์เน็ต
 อินเตอร์เน็ตเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่
เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ และมีการ
ให้บริการในหลายรูปแบบ เช่น ไปรษณีย์อิเล็ค
โทรนิค (E-mail), การสนทนาทางเครือข่าย
(MSN, ICQ), เว็บ, การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล
(FTP), การเล่นเกมส์ออนไลน์ (Ragnarok) ,
การเข้าชมเว็บไซต์ (Web)

 คำาศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่าย
 Bit (บิต) หน่วยทางไฟฟ้า มีค่าเท่ากับ 0 หรือ 1
 Bandwidth (แบนด์วิทช์) คือ ความเร็วในการ
ส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย มีหน่วยเป็น bps
(บิตต่อวินาที)

 Router
• ใช้ในการเชื่อมต่อ
ระบบเครือข่ายที่มีการ
เชื่อมต่อภายในแตก
ต่างกัน หรือเชื่อม
ระหว่าง LAN และ
WAN

 Switch
• ใช้ในการเชื่อมต่อกับ
เครื่องคอมพิวเตอร์เข้า
เป็นระบบเครือข่าย
เดียวกัน หรือต่างกันก็ได้
• Bandwidth 10/100/1000 Mbps
• แต่ละพอร์ตไม่มีการใช้
งานร่วมกัน

 Hub
เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็น
ระบบเครือข่ายเดียวกัน
• แต่ละพอร์ตใช้งานร่วม
กัน(เชื่อมกันหมด)

 ความแตกต่างระหว่าง Hub และ Switch
 Hub จะส่งข้อมูลที่เข้ามาไปยังทุกๆ พอร์ตของ
Hub ยกเว้นพอร์ตที่ข้อมูลดังกล่าวเข้ามายัง
Hub ในขณะที่ Switch จะทำาการเรียนรู้
อุปกรณ์ที่ต่อกับพอร์ตต่างๆ ทำาให้ Switch ส่ง
ข้อมูลไปยังพอร์ตที่มีเครื่องปลายทางอยู่เท่านั้น
ไม่ส่งไปทุกๆ พอร์ตเหมือนกับ Hub ซึ่งส่งผลให้
ปริมาณข้อมูลภายในระบบเครือข่ายไม่มากเกิน
ความจำาเป็น
 Hub เป็นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมูล

 Ethernet Card
• ติดตั้งบนเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อให้
สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ
ระบบเครือข่ายผ่านทาง
Switch หรือ Hub

 ไฟสถานะของEthernet Card

 ไฟสถานะ
ของEthernet Card
 LINK ถ้าสว่างแสดงว่า
มีการเสียบสายแลน
เข้ากับการ์ด และ
สามารถใช้งานได้
 10 ถ้าสว่างแสดงว่า อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อด้วยความเร็ว 10 MB/s
เช่นเดียวกับไฟ 100 ถ้าสว่างแสดงว่าเชื่อมด้วยความเร็ว 100
MB/s
 ACT (Activity) ถ้ากระพริบแสดงว่ามีการส่งข้อมูลเข้า-ออกการ์ด
(เนื่องมาจากกิจกรรมการใช้เครือข่ายต่างๆ เช่น การใช้
อินเตอร์เน็ต, การแชร์ไฟล์ ฯลฯ ถ้ามีการส่งข้อมูลจำานวนมากจะ
เปลี่ยนจากกระพริบมาเป็นสว่างค้างตลอดเวลา

 Modem
Internal Modem
External Modem
• ใช้ในการเชื่อมต่อระบบ
เครือข่ายผ่านทางสาย
โทรศัพท์
• Bandwidth 56 Kbps

 Access Point
เครื่องคอมพิวเตอร์กับ
ระบบเครือข่ายแบบไร้
สาย (wireless)
• Bandwidth 11/54 Mbps

 Wireless Card
PCMCIA
PCI for PCUSB
• ติดตั้งบนเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อ
กับระบบเครือข่ายแบบไร้
สาย
• Bandwidth 11/54 Mbps

 สาย UTP (Unshielded Twisted Pair)
• ใช้ในการเชื่อมระหว่าง
เครื่องคอมพิวเตอร์และ
Ethernet Switch หรือ Hub
• ความเร็วในการเชื่อมต่อ
ขึ้นอยู่กับการเข้าหัวสาย
และอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
เชื่อมต่อ
•ระยะทางในการเชื่อมต่อ
< 100m

 สาย UTP และหัว RJ-45
 สาย UTP ที่ใช้ใน Ethernet Lan จะเข้าหัว
แบบ RJ-45
 ภายในสาย UTP จะมีสายทองแดงย่อยอีก 8
เส้น โดยถูกจัดกลุ่มเป็นคู่ๆ ทั้งหมด 4 คู่
RJ-
45
UT

 การเข้าหัว RJ-45 มีได้ 2 แบบ คือ
 แบบ A (Standard 568A) มีการเรียงสายจาก
ซ้ายไปขวา ดังนี้

ขาว/เขียว

เขียว

ขาว/ส้ม

นำ้าเงิน

ขาว/นำ้าเงิน

ส้ม

ขาว/นำ้าตาล

นำ้าตาล

 แบบ B (Standard 568B) เป็นแบบที่นิยมใช้
กันมาก มีการเรียงสายจากซ้ายไปขวา ดังนี้

ขาว/ส้ม

ส้ม

ขาวเขียว

นำ้าเงิน

ขาว/นำ้าเงิน

เขียว

ขาว/นำ้าตาล

นำ้าตาล

 สาย UTP มี 2 แบบ ตามการเข้าหัว RJ-45
ดังนี้
 สายตรง (UTP Straight Cable) เป็นสายที่ใช้
ทั่วไป และพบมาก โดยใช้ในการเชื่อมเครื่อง
คอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์เครือข่ายจำาพวก
Hub และ Switch โดยการเข้าหัวทั้ง 2 ปลายจะ
เป็นแบบเดียวกัน (A หรือ B ก็ได้)
 สายครอส (UTP Cross-over Cable) ใช้ใน
การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง
โดยตรง ไม่ผ่านอุปกรณ์ประเภท Hub และ

 สายตรง (UTP Straight Cable)

 สายครอส (UTP Cross-over Cable)

 วิธีการเข้าหัวสาย UTP
 1. ปลอกที่หุ้มสายออกประมาณ 2-3 ซม.

 2. เรียงสายทั้ง 4 คู่ให้ถูกต้องตามรูปแบบที่
ต้องการ (A หรือ B) แล้วตัดให้สายทุกเส้นยาว
เท่ากัน โดยให้ยาวออกจากที่หุ้มสายประมาณ
1.7 ซม.

 3. สอดสายที่จัดเรียงเรียบร้อยแล้ว เข้าไปยังหัว
RJ-45 โดยใส่เข้าไปให้สุด และแน่นแล้วจึงใช้ที่
เข้าหัวสายหนีบ เพื่อดันให้เข้าที่

 สาย STP (Shielded Twisted Pair)
• คล้ายกับสาย UTP แต่มี
ชนวน และตัวนำาหุ้ม จึง
ป้องกันสัญญาณรบกวน
ได้ดี นิยมใช้แทนสาย
UTP ในที่ๆ มีสัญญาณ
รบกวนมาก เช่น โรงงาน
อุตสาหกรรม ฯลฯ
• มีราคาแพงกว่าสาย
UTP

 สาย Fiber Optic
• ใช้ในการเชื่อมต่อ
ระหว่างอุปกรณ์เครือข่าย
• Bandwidth
10/100/1000 Mbps
• ระยะทางในการเชื่อม
ต่อ500m – 2Km แล้วแต่
ชนิดของสาย

 รูปแบบการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย
Duplex หมายความถึง ความสามารถรับ
และส่งข้อมูลด้วยอุปกรณ์ชิ้นเดียวกัน ซึ่งแบ่ง
ย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ
 Half Duplex จะรับและส่งข้อมูลได้ แต่ไม่
สามารถทำาพร้อมกันได้ กล่าวคือ ถ้าฝ่ายหนึ่งส่ง
ข้อมูล อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่สามารถ
ส่งได้จนกว่าอีกฝ่ายจะเลิกส่งข้อมูล และเปลี่ยน
มาเป็นฝ่ายรับ เหมือนการใช้วิทยุสื่อสาร ได้แก่
Ethernet ประเภท 10BaseT (10Mbps)

ประเภทของระบบเครือข่าย

 ระบบเครือข่ายแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
 LAN (Local Area Network)
 WAN (Wide Area Network)
 MAN (Metropolitan Area Network)

LAN (Local Area Network)
 การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายที่เครื่อง
คอมพิวเตอร์อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เช่น การ
เชื่อมต่อในตึกเดียวกัน การเชื่อมต่อใน
มหาวิทยาลัย การเชื่อมต่อในหน่วยงานต่างๆ
โดยการเชื่อมต่อสามารถผ่านระบบ
Ethernet, Fast Ethernet, FDDI, Token
Ring

WAN (Wide Area Network)
 การเชื่อมต่อ Lan เข้าด้วยกันในกรณีที่ระยะ
ทางในการเชื่อมต่อระหว่างวง Lan ทั้งสอง
ห่างกันมาก โดยการเชื่อมต่อสามารถทำาได้
โดยการใช้ ATM, DSL, ISDN อื่นๆ แต่การ
เชื่อมต่อจะมีความเร็วในการเชื่อมต่อตำ่ากว่า
การเชื่อมต่อแบบ Lan

Man (Metropolitan Area Network)
 เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์บน
พื้นที่ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับ Wan แต่การ
เชื่อมต่อนั้น จะเป็นการเชื่อมต่อด้วยความเร็ว
สูง เช่นเดียวกับการเชื่อมต่อแบบ Lan

เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อเครือข่าย
 Ethernet/Fast Ethernet/Gigabit Ethernet
Lan
 Wireless Lan

Ethernet
 การเชื่อมต่อที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบ LAN
ในปัจจุบัน โดยมีอัตรารับส่งข้อมูลสูงสุดถึง
10Gbps โดยเชื่อมต่อผ่านสาย UTP หรือ
สาย Fiber optic

 รูปแบบการเชื่อมต่อแบบ Ethernet
ชนิด ระยะทางสูงสุด ชนิดของ
สาย
ความเร็ว
10BaseT 100 m UTP 10 Mbps
100BaseTX 100 m UTP 100 Mbps
100BaseFX 400 m (half duplex)
2000 m (full duplex)
Fiber Optic 100 Mbps
1000BaseSX 220 m Fiber Optic
(MMF)
1000 Mbps
1000BaseLX 3-10 Km Fiber Optic
(SMF)
1000 Mbps

 ตัวอย่างอุปกรณ์
Ethernet
UTP Ethernet Card Fiber Optic

Wireless Lan
รูปแบบการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่าน
คลื่นวิทยุ โดยใช้คลื่นความถี่ที่จัดไว้สำาหรับ
ระบบอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และการ
แพทย์ (ISM band)

 มาตรฐานการใช้งาน Wireless ใน
ประเทศไทย
 IEEE 802.11 b

Bandwidth 11 Mb/s

ระยะทางในที่โล่ง 100 m.
 IEEE 802.11 g

Bandwidth 54 Mb/s

ระยะทางในที่โล่ง 50 m.

 วิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย
 การเชื่อมต่อแบบแอดฮอค (Ad-Hoc)
คือ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์สอง
ตัวขึ้นไปโดยไม่จำาเป็นต้องใช้
Access Point

 การเชื่อมต่อแบบเป็นโครงสร้าง คือ การ
ติดต่อสื่อสารโดยมีสถานีฐาน (Access
Point) เป็นศูนย์กลาง โดยแต่ละเครื่อง
สามารถเชื่อมต่อสู่เครือข่ายภายนอกได้
ผ่านทาง Access Point

รูปแบบของระบบเครือข่าย

รูปแบบของระบบเครือข่าย
 Mesh
 Bus
 Star
 Tree
 Ring

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Mesh
(Full Mesh)

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Mesh
 ข้อดี

ในกรณีสายเคเบิ้ลบางสายชำารุด เครือข่าย
ทั้งหมดยังสามารถใช้ได้ ทำาให้ระบบมี
เสถียรภาพสูง นิยมใช้กับเครือข่ายที่ต้องการ
เสถียรภาพสูง และเครือข่ายที่มีความสำาคัญ
 ข้อเสีย

สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบิ้ลมากก
ว่าการต่อแบบอื่นๆ

ยากต่อการติดตั้ง เดินสาย เคลื่อนย้ายปรับ
เปลี่ยน และบำารุงรักษาระบบเครือข่าย

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Bus

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Bus
 ข้อดี

ง่ายต่อการนำาอุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือ
ข่าย

ใช้สายเคเบิลน้อยกว่าการต่อแบบ Star

ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถใช้การได้
ถ้าสายหลักชำารุด

จำาเป็นต้องมี Terminator ที่ปลายทั้ง 2 ข้าง
ของสายหลัก เพื่อป้องกันสัญญาณสะท้อนกลับ
ไปมาภายในสาย

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Star

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Star
 ข้อดี

ง่ายต่อการต่ออุปกรณ์และการเดินสาย

สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ หรือถอดอุปกรณ์ออกได้ง่าย
และไม่รบกวนส่วนอื่น

ง่ายต่อการตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา และการแยก
อุปกรณ์บางส่วนออกจากระบบ

เปลืองสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบ Bus

ถ้า hub หรือ switch ที่เชื่อมอยู่ตรงกลางมีปัญหา จะ
ทำาให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดมีปัญหาไปด้วย

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Tree
 เป็นการผสม
ผสานกันระหว่าง
การต่อแบบ Bus
และ Star หรือ
เป็นการต่อ Star
ซ้อนกันหลายชั้น

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Tree
 ข้อดี

ในแต่ละส่วนย่อยๆ จะต่อถึงกันแบบ Star
ทำาได้รับข้อดีของการต่อแบบ Star มาด้วย

ระยะทางในแต่ละส่วนย่อยๆ จะถูกจำากัดโดย
ชนิดของสาย

ถ้าสายหลักหรือ Hub ตัวกลางหลักเสีย ระบบ
เครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถใช้การได้

ยากต่อการติดตั้งและเดินสาย

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring

ระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
 ข้อดีของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring

การเพิ่มเติมขนาดของระบบเครือข่าย ส่งผล
ต่อประสิทธิภาพไม่มาก

ลดจำานวนตัวรับและส่งสัญญาณลงครึ่งนึง (ใน
กรณี Ring ทางเดียว)

ทุกๆ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะช่วยขยายสัญญาณ
ทำาให้สามารถต่อเป็นวงใหญ่ได้
 ข้อเสียของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring

ประสิทธิภาพตำ่ากว่าแบบอื่น เนื่องจากต้อง
ผ่านอุปกรณ์หลายตัว

วิธีการตั้งค่าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งาน
ระบบเครือข่ายอย่างปลอดภัย

 การตั้งค่า IP Address บนเครื่อง
 Automatic

ง่ายในการใช้งาน และสะดวกในการดูแล

จำาเป็นต้องมี DHCP Server ในระบบ
 Static

จำาเป็นต้องมีความรู้เรื่อง IP Address

ไม่จำาเป็นต้องติดตั้ง DHCP Server ในระบบ

 การตั้งค่า Windows Update
 ช่วยป้องกันการโจมตีจากไวรัสหรือเวิร์มต่างๆ
 ช่วย Update Driver สำาหรับอุปกรณ์ใหม่ๆ
 เพิ่มประสิทธิภาพการทำางานของ Windows

 การติดตั้งโปรแกรม Ad-aware
Ad-aware เป็นโปรแกรมที่ช่วยตรวจ
สอบว่ามีการติดตั้งโฆษณาที่ไม่ต้องการลงบน
เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราหรือไม่ หรือ
โปรแกรมที่ติดตั้ง Toolbar ที่มี link ไปยัง
เว็บไซต์ต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

การตรวจสอบระบบเครือข่ายเบื้องต้น

 การตรวจสอบการเชื่อมต่อกับระบบ
เครือข่าย
มีการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย

 การตรวจสอบ IP Address ของเครื่อง
คอมพิวเตอร์
1. ดับเบิลคลิ๊กที่ จะเกิดหน้าต่างดังรูป

 การตรวจสอบ IP Address ของเครื่อง
คอมพิวเตอร์
2. คลิ๊กที่ “Support”

 กรณีที่ไม่ได้ IP Address

 การตรวจสอบระบบเครือข่ายด้วยคำาสั่งต่างๆ
 Ping -> ใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ระหว่างโฮสต์
 Nslookup -> ใช้ในการตรวจสอบชื่อโดเมน
 Traceroute -> ใช้ในการตรวจสอบเส้นทางใน
การเชื่อมต่อ

 ขั้นตอนในการใช้คำาสั่ง
 Start Menu -> Run

 ขั้นตอนในการใช้
คำาสั่ง
 พิมพ์ cmd

 ขั้นตอนในการใช้คำาสั่ง

 Ping
 Ping IP address ที่ต้องการทดสอบ Ex
ping 158.108.1.1

 Traceroute
 Tracert IP Address ที่ต้องการ Ex
tracert 158.108.50.5

 Nslookup
 Nslookup ชื่อที่ต้องการตรวจสอบ Ex
nslookup www.google.com

การติดตั้ง Modem และการเชื่อมต่อ
Internet

Internet
 Modem
โมเด็มคือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ
ระบบเครือข่ายผ่านทางสายโทรศัพท์ โดยมี
ความเร็วสูงสุดในการใช้งาน 56 Kbps
Internal Modem External Modem

Internet
 การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่าน Modem
 Start Menu -> Control Panel
 เลือก Network Connections
 เลือก Create a new Connection

Internet
 เลือก Next

Internet
 เลือก Connect to Internet แล้วคลิก
Next

Internet
 เลือก Setup my connection manually
แล้วคลิก Next

Internet
 เลือก Connect using dial-up modem แล้ว
คลิก Next

Internet
 ใส่ชื่อ ISP แล้วคลิก Next

Internet
 ใส่หมายเลขโทรศัพท์แล้วคลิก Next (ในกรณีที่
ต้องมีการกดหมายเลขเพื่อตัดก่อน ให้ใส่
หมายเลขแล้วตามด้วยเครื่องหมาย , )

Internet
 เลือก Add shortcut to this connection to
my desktop แล้วคลิก Finish

Internet
 ใส่ username กับ password แล้วคลิก Dial
เพื่อเชื่อมต่อ Internet

การใช้งาน และปรับแต่ง Internet
Explorer

การใช้งาน และปรับแต่ง Internet
Explorer
การยกเลิกการใช้ Proxy ใน IE
 บางครั้งการตั้งค่า Proxy ทำาให้การใช้งาน
อินเตอร์เน็ตช้า หรือไม่สามารถใช้ได้
 เลือกเมนู Tools > Internet Options…
1
2

การใช้งาน และปรับแต่ง
Internet Explorer
 เลือกแท็ป Connections > LAN Settings…
3
4

Internet Explorer
 ตรวจสอบว่า หน้า
Option “Use a
proxy server for
your LAN(…)” มี
เครื่องหมายถูก ให้
คลิกเอาออก แล้วกด
OK และ OK อีกครั้ง
5
6
7

Internet Explorer
การยกเลิกการทำางานของฟังก์ชั่น Work
Offline
 ฟังก์ชั่นนี้จะทำาให้สามารถดูเว็บที่เคยดูมาแล้วได้
อีก โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แต่ถ้าเรา
เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว ฟังก์ชั่นนี้อาจทำาให้
ไม่สามารถเข้าบางเว็บได้ หรือเห็นเว็บเพจบาง
เว็บไม่อัพเดท (เห็นหน้าตาหรือเนื้อหาของเว็บ
บางเว็บเป็นหน้าตาเดิมที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว
หรือเนื้อหาเก่า ไม่เป็นปัจจุบัน)

Internet Explorer
การยกเลิกฟังก์ชั่น Work Offline
 เลือกเมนู File > Work Offline ให้ตรวจสอบดู
ว่า มีเครื่องหมายถูกหน้า Option นี้หรือไม่ ถ้ามี
ให้คลิก 1 ครั้งเพื่อเอาออก
1
2

Internet Explorer
การจดบันทึกที่อยู่เว็บไซต์
 ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้เราจดเว็บที่เราสนใจ และ
ต้องการจะมาเยี่ยมชมอีกครั้งไว้ได้อย่างง่ายดาย
โดยไม่จำาเป็นต้องจำาที่อยู่ของเว็บไซต์ดังกล่าว
 สามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามต้องการได้

Internet Explorer
การจดบันทึกที่อยู่เว็บไซต์
 Favorites > Add to Favorites …
1 2

Internet Explorer
 ตั้งชื่อให้เว็บไซต์ใหม่เอง หรือใช้ชื่อเดิม แล้วกด
OK ถ้าต้องการบันทึกที่อยู่ของเว็บไซต์นี้ไว้ตาม
ปกติ
 ถ้าต้องการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่บันทึกไว้แล้วอีก
ครั้ง สามารถทำาได้โดย เลือกเมนู Favorites >
ชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการ
3
4
5
6

Internet Explorer
 ถ้าต้องการบันทึกที่อยู่เว็บไซต์ โดยเก็บไว้ใน
หมวดหมู่ที่ต้องการสามารถทำาได้ โดยขณะที่จะ
ทำาการบันทึกที่อยู่ของเว็บไซต์ใดๆ ให้คลิกที่
Create in >> เพื่อจัดประเภทเว็บไซต์ดังกล่าว
ลงหมวดหมู่ที่ต้องการ
3 4

Internet Explorer
 คลิกที่ประเภทที่ต้องการใส่ที่อยู่เว็บไซต์นี้ลงไป
แล้วกด OK
5
6

Internet Explorer
 ถ้าต้องการสร้างหมวดหมู่หรือประเภทใหม่
สามารถทำาได้โดยคลิกที่โฟลเดอร์ที่ต้องการสร้าง
หมวดหมู่ย่อย แล้วคลิกที่ New Folder… แทน
หลังจากนั้นใส่ชื่อหมวดหมู่ที่ต้องการสร้างลงไป
แล้วกด OK
5
6
7

Internet Explorer
 จะปรากฏหมวดหมู่ใหม่ที่เราสร้างขึ้นมา ถ้า
ต้องการบันทึกที่อยู่เว็บไซต์ในหมวดหมู่ใด ให้
คลิกที่หมวดหมู่นั้น แล้วคลิก OK
8
9

Internet Explorer
การจัดการบันทึกที่อยู่เว็บไซต์
 Favorites > Organize Favorites…
1
2

Internet Explorer
 สร้างหมวดหมู่ใหม่ สามารถทำาได้โดยเลือก
หมวดหมู่ที่ต้องการสร้างหมวดหมู่ย่อย แล้วคลิก
Create Folder จะเกิดหมวดหมู่ย่อยภายใน ให้
ทำาการตั้งชื่อ
3
4 5

Internet Explorer
 แต่ถ้าต้องการสร้างหมวดหมู่หลัก(ไม่อยู่ภายใน
หมวดหมู่อื่นๆ) ทำาได้โดยไม่ต้องคลิกเพื่อขยาย
หมวดหมู่ใด หรือคลิกที่บันทึกที่อยู่อื่นๆ ก็ได้ แล้ว
คลิกที่ Create Folder เลย
3
4
5

Internet Explorer
 ลบหมวดหมู่หรือบันทึกที่อยู่ได้โดย คลิกที่หมวด
หมู่หรือบันทึกที่อยู่ที่ต้องการลบ แล้วกดปุ่ม
Delete หรือกดแป้นพิมพ์ Del
1
2
3

การอ่านเมล์นนทรีด้วย Outlook
Express

Express
การตั้งค่าใน Outlook Express สำาหรับ
เมล์นนทรี
 Start Menu > All Programs > Outlook
Express
1
2

Express
 Tools > Accounts…
3
4

Express
 เลือก Tab Mail แล้วคลิกที่ปุ่ม Add > Mail…
5 6 7

Express
 กรอกชื่อที่ต้องการให้ผู้ที่รับเมล์เห็นเวลาอ่านเมล์ที่
เราส่งไปให้ แล้วเลือก Next
8
9

Express
 กรอกชื่อที่ต้องการให้ผู้ที่รับเมล์เห็นเวลาอ่านเมล์ที่
เราส่งไปให้ แล้วเลือก Next
1
0
1
1

Express
 เลือก mail server เป็นประเภท POP3 แล้วใส่
Incoming mail server และ Outgoing mail
server เป็น “mail.ku.ac.th”แล้วเลือก Next
1
3
1
2
1
4
1

Express
 ใส่ชื่ออีเมล์แอคเคานท์ ในกรณีต้องการให้จำารหัส
ผ่าน ให้คลิกเครื่องหมายถูกหน้า Remember
Password จะทำาให้ไม่ต้องกรอกรหัสผ่านทุกครั้งที่
ตรวจสอบอีเมล์
1
6
1
1
7

Express
 เสร็จสิ้นการติดตั้งอีเมล์นนทรี สำาหรับ Outlook
Express แล้วเลือก Finish
1

Express
 ถ้าท่านได้ทำาถูกต้องทุกขึ้นตอน จะพบแอคเคานท์
ของนนทรีปรากฏอยู่ เสร็จแล้วเลือก Close เพื่อสิ้น
สุดขั้นตอน
2
0
2
1

Express
การตรวจสอบอีเมล์ใหม่ และการอ่านอีเมล์
 คลิกที่ปุ่ม Send/Recv จะเป็นการตรวจสอบอีเมล์
ใหม่ทุกแอคเคานต์ที่มี
1
0
1
1
1

Express
 รอให้โปรแกรมทำาการดาวน์โหลดอีเมล์ทั้งหมดมาไว้
ที่เครื่องจนเสร็จ
1
0
1
1

Express
 เมื่อโปรแกรมทำาการดาวน์โหลดเสร็จแล้ว จะมีตัวเลข
บอกว่า มีอีเมล์ใหม่กี่ฉบับ คลิกที่ Inbox เพื่ออ่าน
อีเมล์ใหม่ดังกล่าว

Express
 คลิกที่ Inbox > เลือกอีเมล์ที่ต้องการอ่าน แล้วอีเมล์
ฉบับนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ในครั้งแรก อีเมล์ที่มีภาพ
ภาพจะไม่ถูกแสดงให้คลิกข้อความหมายเลข 4
3
2
4

Express
 ภาพที่อยู่ในอีเมล์ก็จะถูกแสดงออกมา
1
0
1
1

Express
การเขียนอีเมล์
 คลิกที่ปุ่ม Create Mail เพื่อสร้างอีเมล์ใหม่
1

Express
 จะปรากฏหน้าต่างเขียนอีเมล์ขึ้นมา ให้กรอกข้อมูล
ดังต่อไปนี้
2
3
4
• ช่อง To: ให้กรอกอีเมล์ของ
ผู้รับที่เราต้องการส่งอีเมล์ไปถึง
สามารถกรอกมากกว่า 1 อีเมล์ได้
โดยใช้เครื่องหมาย , คั่น
• ช่อง Cc: จะคล้ายกับการ
สำาเนาอีเมล์ฉบับเดียวกันนี้มาส่ง
ให้ผู้รับในช่องนี้ โดยผู้รับจะไม่
ทราบว่าอีเมล์ฉบับนี้สำาเนาถึงใคร
บ้าง
• ช่อง Subject คือ ชื่อหัวข้อ
ของอีเมล์ เพื่อบอกถึงเนื้อความ
5
6
แล้วส่งโดยกด ปุ่ม Send

Express
 เมื่อการส่งอีเมล์เรียบร้อยแล้ว อีเมล์ฉบับดังกล่าวจะ
ไปปรากฏที่โฟลเดอร์ Sent Items ของผู้ส่ง แสดง
ว่าการส่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว
1
0
1
1

Express
การบล็อคอีเมล์จากผู้ส่งที่ไม่ต้องการรับ
 Tools > Message Rules > Blocked Sender
List…1
2
3

Express
 คลิกที่ Add… แล้วใส่เบอร์อีเมล หรือโดเมนของ
อีเมล์ (เช่น hotmail.com, sanook.com) ที่
ต้องการบล็อก แล้วกด OK และ OK อีกครั้ง
4
6
7
5

Express
 รายชื่ออีเมล์ที่ทำาการบล็อกจะปรากฏขึ้น โดย
สามารถทำาการแก้ไขได้โดยกดปุ่ม Modify… หรือ
ลบด้วยการกดปุ่ม Remove หลังจากนั้นกด OK
เป็นขั้นสุดท้าย
8
 ถ้าผู้ที่ถูก
บล็อกส่งอีเมล
ล์มาถึงเรา
Outlook จะ
นำาเมลล์ดัง
กล่าวไปใส่
ไว้ใน
โฟลเดอร์

Express
การกรอกและจัดหมวดหมู่อีเมล์ที่ได้รับ
 Tools > Message Rules > Mail…
1
2 3

Express
 หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าต่างขึ้นมาให้ตั้งเงื่อนไข
สำาหรับกรอกและจัดหมวด
4
 ส่วนที่ 1 จะเป็นการ
กำาหนดเงื่อนของที่
อีเมล์ในกลุ่มนี้จำาเป็น
ต้องมี (ถ้ามีคุณสมบัติ
ตรงตามเงื่อนไขก็จะ
ถูกกระทำาตามที่ตั้งไว้
ในส่วนที่ 2)
 ส่วนที่ 2 จะ
กำาหนดการกระทำาว่า
เมื่ออีเมล์มีคุณสมบัติ
ตามที่ตั้งไว้ จะจัดการ

Express
 ส่วนที่ 3 จะเป็นการ
กำาหนดรายละเอียด
ของเงื่อนไข และ
การกระทำาที่ต้องการ
ให้ทำา
 ส่วนที่ 4 เป็นการตั้ง
ชื่อของกฎการกรอง
และการจัดหมวดหมู่
ที่เราสร้างขึ้นนี้ เพื่อ
ให้จำาได้ว่าตั้ง

Express
 รายละเอียดของเงื่อนไขในส่วนที่ 1
 ถ้าต้องการใช้เงื่อนไขใดให้คลิกให้มีเครื่องหมาย
ถูกหน้าเงื่อนไขนั้นๆ
 สามารถเลือกใช้มากกว่า 1 เงื่อนไขได้ใน 1 กฎ
 การปรับแต่งรายละเอียดของเงื่อนไขที่เราเลือก
จะอยู่ในส่วนที่ 3

Express
 เงื่อนไขที่น่าสนใจในส่วนนี้
 Where the From line contains people
เงื่อนไขนี้จะใช้เลือกอีเมล์จากอีเมล์ของผู้ส่ง เช่น
ต้องการแยกเมล์จาก boss@hotmail.com
ออกจากเมล์อื่นๆ
 Where the Subject line contains specific
words
เงื่อนไขนี้จะพิจารณาว่า หัวข้ออีเมล์ที่ได้รับมีคำาที่
เรากำาหนดอยู่หรือไม่ เช่น เราต้องการคัดแยก
อีเมล์ที่มีคำาว่า “ด่วน” ออกมาเป็นพิเศษ

Express
 Where the message size is more than
size
เงื่อนไขนี้ ช่วยให้เราแยกอีเมล์ที่มีขนาดเกินกว่า
ที่เรากำาหนดออกมาได้ เช่น เราต้องการแยกเมล์
ที่มีขนาดใหญ่กว่า 500 KB เพื่อที่จะได้รีบอ่าน
และรีบลบ
 Where the message has an attachment
เงื่อนไขนี้จะแยกอีเมล์ที่มีการแนบไฟล์มาด้วย
ออกจากอีเมล์อื่นๆ เช่น เราต้องการย้ายอีเมล์ที่มี
ไฟล์แนบมาด้วยไปไว้ในอีกโฟลเดอร์เฉพาะต่าง

Express
 รายละเอียดของการกระทำาในส่วนที่ 2
 จะมีผลต่ออีเมล์ทุกฉบับที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข
ที่กำาหนดไว้ในส่วนที่ 1
 สามารถเลือกใช้มากกว่า 1 การกระทำาต่อ 1 กฎ
 การปรับแต่งรายละเอียดของการกระทำาที่เรา
เลือก จะอยู่ในส่วนที่ 3 เช่นกัน

Express
 การกระทำาที่น่าสนใจในส่วนนี้
 Move/Copy it to specified folder
จะย้าย/คัดลอก อีเมล์ไปยังโฟลเดอร์ที่เรากำาหนด
 Delete it
จัดการลบทิ้ง
 Forward it to people
ส่งอีเมล์เหล่านี้ต่อไปให้แก่บุคคลที่เรากำาหนด
 Reply with message
ตอบกลับด้วยอีเมล์ที่เราเตรียมไว้ล่วงหน้า

Express
 Do not download from the server
Outlook จะไม่ทำาการดาวน์โหลดอีเมล์เหล่านี้
มายังเครื่องของท่าน (จะเก็บไว้ที่ server ต่อไป)
 Delete it from server
จัดการลบออกจาก server (ปกติแล้ว อีเมล์ที่ถูก
โหลดมาจาก server จะไม่ถูกลบ ด้วยเหตุผลที่
ว่า เพื่อให้ท่านสามารถกลับไปอ่านอีเมล์ที่ลบออก
จากเครื่องแล้ว แต่ยังคงอยู่ที่ server ได้ แต่การ
ลบอีเมล์ออกจาก server จะช่วยให้แอคเคานท์
ของท่านเหลือที่ว่างมากขึ้น)

Express
 การกำาหนดรายละเอียดของเงื่อนไขและการกระทำา
ในส่วนที่ 3
 เป็นการกำาหนดเงื่อนให้และการกระทำาให้
ละเอียด และเจาะจง เช่น ผู้ส่งมีชื่ออะไร, อีเมล์มี
ขนาดมากกว่ากี่ KB, ย้ายอีเมล์ไปยัง Folder ใด
ฯลฯ
 รายละเอียดที่ปรับแต่งได้จะถูกขีดเส้นใต้ เมื่อ
ต้องการกำาหนดรายละเอียด
 ถ้ากำาหนดรายละเอียดไม่ครบจะไม่สามารถใช้กฎ
ได้ เพราะกฎต้องมีความชัดเจน และสมบูรณ์

Express
 ตัวอย่างการกำาหนดรายละเอียด
กำาหนดขนาดสูงสุดของ
อีเมล์ได้ในหน่วย KB
กำาหนด
เงื่อนไขว่า
หัวข้อของ
อีเมล์ต้องมีคำา
ว่า “สำาคัญ”
หรือ “ด่วน”ระบุโฟลเดอร์ที่ต้องการย้าย
อีเมล์ไปเก็บไว้
ระบุอีเมล์ที่ต้องการใช้ตอบ
กลับ
เปลี่ยนเป็น Or
หรือ And ได้

จบ
ขอขอบพระคุณ
เจ้าของเนื้อหาในครั้งนี้

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Recommended

Recommended

More Related Content

What's hot

What's hot (20)

Similar to ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Similar to ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น (20)

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น