Contenu connexe
Similaire à หนังสือธรรมะใกล้ตัว
Similaire à หนังสือธรรมะใกล้ตัว (20)
Plus de หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง
Plus de หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง (20)
หนังสือธรรมะใกล้ตัว
- 1. ไมใกล
แตกไมไกล
็
พระอธิการจันดี กนฺตสาโร
วัดปาอัมพวัน
ตําบลหนองรี อําเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
- 2. คําปรารภ
“ไมใกล แตกไมไกล” เปนหนังสือที่ศิษยานุศิษย ไดพยายามถอดเสียงมาจากการบันทึก เนื่อง
็
ในโอกาสที่ผูแสดงธรรมไดไปเยียมสาขาและหมูคณะสงฆในยุโรป โดยเฉพาะที่วดปาจิตตวิเวก และวัด
่ ั
อมราวดี ซึ่งถือไดวาเปนวัดที่พุทธบริษัทในทวีปยุโรป ใหความสนใจและไปปฏิบัตธรรมไมเคยวางเวน
ิ
ธรรมะ “ไมใกล แตก็ไมไกล” ในสมัยกอน การเดินทางไปมาหาสูกันคอนขางลําบาก แม
ระยะทางจะใกลแตก็เหมือนไกล เพราะยานพาหนะไมเอื้ออํานวยเหมือนสมัยปจจุบัน จึงเกิดความรูสึก
วา “ใกลก็เหมือนไกล” แตเดี๋ยวนี้ โลกทั้งใบยกมาไวเฉพาะหนาไดหมด ใครอยูทไหน ทําอะไร รูหมด
ี่
การไปมาหาสูกัน แมอยูกันคนละมุมโลก ใชเวลาไมกี่ชวโมง จึงเกิดความรูสึกวา “ไกลก็เหมือนใกล”
ั่
ธรรมะจะอยูไมไกลสําหรับผูที่เปยมดวยศรัทธา แตทวาไกลสุดขอบฟา สําหรับผูหาปญญาไม
ตองขอขอบพระคุณ ทานอาจารยญาณธมฺโม ที่เมตตาเอื้อเฟอในการสื่อภาษาจากไทยสูอังกฤษ
จนสัมฤทธิ์ผลตลอดการเดินทาง
และขอขอบพระคุณ พระครูสันติธรรมวิเทศ (ปรีชา ชุตินฺธโร) ผูชวยเจาอาวาสวัดสันตจิตตา
ราม ประเทศอิตาลี ที่คอยเปนธุระใหความสะดวกในทุกๆ เรื่อง ขณะทีพักอยูที่อิตาลี ตลอดทั้งพระ เณร
่
ทุกทานและญาติโยมทุกๆ คน ที่ไมสามารถเอยนามได ก็ขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ดวย และทานโมเช ที่
ทําหนาที่ปจฉาสมณะไดอยางนาอนุโมทนา ทิต นพรัตน(ไซ) ซึ่งเปนอุบาสกเพียงคนเดียวที่รวมเดินทาง
เพื่ออุปฏฐากครูบาอาจารย ตั้งแตวนไปจนถึงวันกลับ ก็นับไดวาทําหนาที่ในฐานะอุบาสกที่ดีตลอดการ
ั
เดินทาง และขอขอบคุณอนุโมทนา ศิษยานุศิษยทุกๆ คน ที่มีสวนรวมในการจัดทําหนังสือนี้
พระอธิการจันดี กนฺตสาโร
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑
- 3. คําอนุโมทนา
ในเรื่องที่ลูกศิษยวัดปาอัมพวัน จะจัดทําหนังสือเพื่อเปนอาจาริยบูชาในวันคลายวันเกิด ทาน
อาจารยจันดี กนฺตสาโร เปนธรรมเทศนาที่ทานไดแสดง ในชวงทีเ่ ดินทางไปตางประเทศ เดือนมิถุนายน
๒๕๕๑ นั้น ทานแสดงธรรมเทศนากัณฑ “ไมใกล แตก็ไมไกล” ณ วัดปาจิตตวิเวก ประเทศอังกฤษ ใน
วันคลายวันเกิดของพระเดชพระคุณพระโพธิญาณเถร (วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ ) อาตมาเปนผู
แปลเปนภาษาอังกฤษให พระ เณร แมชี และศรัทธาญาติโยมทั้งหลายไดฟง พระสงฆขอใหทานอาจารย
จันดีพดถึงหลวงพอชาในชวงที่ทานเขามาเกี่ยวของและปฎิบัติธรรมในวัดหนองปาพงใหมๆ เพราะคิด
ู
วา สิ่งนี้จะเปนประโยชนอยางยิ่งตอหมูคณะที่อยูตางประเทศ ที่จะไดรูระเบียบ ขอวัตรปฏิบัติของวัด
หนองปาพง
หลังจากทานไดแสดงธรรมจบแลว ทางเจาอาวาสวัดปาจิตตวิเวก ทานอาจารยสุจิตโตและหมู
คณะไดแสดงความประทับใจและซาบซึ้งใจในธรรมะของทานอาจารยที่ทานไดแสดงมานั้น
อาตมาในนามคณะสงฆตางชาติ ขออนุโมทนาบุญ ที่ศรัทธาญาติโยมวัดปาอัมพวันทังหลาย มี ้
ความตั้งใจทีจะเผยแผธรรมะกัณฑนี้ ดวยวาจะเปนประโยชนตอคนไทยเชนกัน
่
พระอาจารย ฟลลิป ญาณธมฺโม
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑
- 4. คํานํา
หนังสือเลมนี้ ไดจัดทําขึนเพือเปนอาจาริยบูชาแดพระอาจารย จันดี ซึ่งครบรอบอายุ ๕๕ ป ใน
้ ่
วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๑ นี้
พระอาจารยจนดี ทานไดฝากตัวเปนลูกศิษยหลวงพอชา สุภัทโท แหงวัดหนองปาพง มาเปน
ั
ระยะเวลากวา ๓๕ พรรษา พระอาจารยจนดี ทานไดอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาว
ั
ตางประเทศ เพื่อที่จะใหไดรูจักการประพฤติปฏิบัติธรรม ในการทีจะมองเห็นทุกข รูทุกข และบรรเทา
่
ดวยการละวางความทุกขนนๆ ั้
คณะศิษยจึงไดทําการถอดเทปพระธรรมเทศนา ในระหวางที่พระอาจารยทาน ไดถายทอด
ประสบการณในอดีต และประสบการณในการปฏิบัตธรรม ใหกับคณะสงฆ และญาติโยม ในประเทศ
ิ
อังกฤษ ระหวางการเดินทางในชวง ๖ มิถุนายน ถึง ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ และทําการเรียบเรียงและ
จัดพิมพขึ้นเพือเปนธรรมทาน ทั้งนี้ คณะศิษยขอกราบระลึกถึงพระคุณที่ทานไดเมตตาอบรมสั่งสอน
่
และชี้ทางประพฤติปฎิบัติในสิ่งที่ถูกที่ควรมาโดยตลอดและกราบขอขมาโทษสําหรับความผิดพลาดอัน
ใด ที่เกิดจากการจัดพิมพหนังสือเลมนี้
ขออนุโมทนาในบุญกุศลตอคณะลูกศิษยและญาติโยม ที่มีกุศลเจตนา และศรัทธาที่ใหการ
สนับสนุนการจัดพิมพหนังสือครั้งนี้
คณะศิษยานุศษย
ิ
วัดปาอัมพวัน ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี
- 5. ๑.
“ไมใกล แตก็ไมไกล”
แสดงที่ วัดปาจิตตวิเวก ประเทศอังกฤษ
วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นะมัสสามิ
ผมหรืออาตมาขอโอกาสพระอาจารยสุจิตฺโต อาจารยญาณธมฺโม และคณะสงฆ ตลอดสามเณร
และทสสีรจาริณี แมชี และญาติโยมทุกๆ ทาน วันนี้ถือวาเปนโอกาสดีสําหรับผม ที่ไดมาเยี่ยมวัดปาจิตต
วิเวก ซึ่งเปนครั้งแรกตั้งแตวดปาจิตตวิเวกไดกอตั้งมา ทีผมจําไดก็ ๓๐ กวาป เพราะวาไดตดตามมาอยู
ั ่ ิ
ตลอด แมวาไมไดมาแตก็ทราบความตลอด เพราะวาตั้งแตหลวงพอชา ทานเริ่มมาที่อังกฤษครั้งแรก เมื่อ
ป ๒๕๒๐ ปนั้น ผมหรืออาตมาก็ไดตดตามมาสงทาน ซึ่งตอนนั้นผมหรืออาตมาเปนพระใหมพรรษายัง
ิ
ไมมาก แตก็เปนโชคดีททานใหตดตามมากิจนิมนตที่จังหวัดลพบุรี ทานก็ใหตามมาสงถึงสนามบิน
ี่ ิ
ไดมาพักอยูทสาขาที่ ๒๐ ก็คือวัดบึงลัฎฐิวันจังหวัดอยุธยาก็ถือวาเปนโชคดี ตอนนั้นไดมาสงทานเปน
ี่
ครั้งแรก และก็ไดมาติดตามผลงานที่ทานไดมาเผยแพรพระพุทธศาสนา ทางตะวันตกดวยดีตลอดมา
และมีตอนหนึงที่หลวงพอชา กอนที่ทานจะเดินทางมาที่อังกฤษ ทานบอกลูกศิษยวา “คอยกัน
่
กอนนะ ตอนนี้ผมไปเบิกทางกอน และโอกาสตอไปพวกทานก็จะไดมา” ผมหรืออาตมาก็รับฟงไว
เฉยๆ ก็ไมไดหวังวาจะไดมาอะไร แตคํานีก็ยังอยูในใจ ก็จะเรียกวา คอยอยู ๓๐ ป ก็ไมไดมีความหวังวา
้
จะไดมาอะไรหรอกนะ จนกระทั่งมาจนถึงวันนี้ ก็ไดมาเห็นวัดปาจิตตวิเวก ก็มีความเจริญแลว หลวงพอ
สุโมเธ ทานก็เคยนิมนตอยูทกครั้งเวลาเจอทาน แตก็ยังไมประจวบเหมาะที่จะไดมา ก็ไมไดมาสักที เมื่อ
ุ
ตอนที่จัดงานปดทองผูกพัทธสีมา ฝงลูกนิมิตร ทานก็นิมนตเหมือนกัน แตวาสุขภาพตอนนั้นไมสูจะดี
ผมหรืออาตมาชวงหลังสุขภาพไมดีเอาซะเลย ไปไหนมาไหนลําบาก ก็เลยไมไดมารวมกับทานในงานที่
ผานมา แตวาก็อนุโมทนาอยูทางเมืองไทย จนกระทังมาปนี้ ทานอาจารยญาณธมฺโมมีโอกาสจะมาที่
่
อังกฤษ ทานก็เลยชวนผมหรืออาตมา มาดวย ก็ไมไดคิดวาจะมา ทานก็แยมๆ ตอนแรกก็ลังเล เอ…จะ
ไปไหวหรือเปลา ทานก็ลุนใหมา ทานวาไปได สุดทายก็เอา ไปก็ไป ตัดสินใจ จึงไดมาปรากฏตัวอยูที่นี่
และวันนี้ ก็ถอวาเปนโชคดีที่ทานอาจารยสุจิตฺโต ทานไดปรารภถึงหลวงพอชา เนื่องในวัน
ื
คลายวันเกิดของหลวงพอ ก็คือวันที่ ๑๖ –๑๗ มิถุนายน ซึ่งโดยปกติผมหรืออาตมาก็จะไปที่หนองปา
- 6. พงอยูทุกปไมเคยขาด และก็วันนี้ เปนวันแหงความทรงจําพิเศษของผมหรืออาตมา เดียวคอยเลาใหฟงวา
๋
วันนี้มีความทรงจําอยางไร แลวก็ทานบอกวา เนื่องจากวันนีเ้ ปนวันคลายวันเกิดของหลวงพอชาดังกลาว
ทานบอกวาอยากใหผมหรืออาตมา เลาเรื่องเกาๆ ตั้งแตเขามาสูวัดหนองปาพงใหฟง เพื่อเปนกําลังใจ
ของผูใหมบาง ผมก็ยังนึกไมออกวา จะเลาอยางไร เมื่อกีอาจารยญาณธมฺโม แยมใหบอกวา เลาตั้งแตเปน
้
เด็ก ที่โยมพอพาเขามาวัดหนองปาพง ก็เคยเลาไปหลายครั้งอยูเหมือนกัน แตวาอาจจะตางวาระ อาจจะ
ไมเหมือนกันเทาไหร สาเหตุที่ทานอยากใหเลาอันนี้เพราะวา โยมพอเพิ่งเสียไปเมื่อปที่แลว และก็ทานก็
ไดไปรวมงานฌาปนกิจศพ เพราะวาจัดอยูที่หนองปาพง และก็มครูบาอาจารยซึ่งก็ไมไดนิมนตทาน
ี
ทานก็ไดมารวมงาน ทําโดยเรียบงายไมมีอะไร ไมมีสวดอภิธรรม มีแตไหวพระ สวดมนต และก็มี
บังสกุลสั้นๆ ทุกวัน แลวก็มีการแสดงธรรมทุกวัน ครูบาอาจารยก็ไปรวมทําฌาปนกิจศพ ก็เพิงผานมา ่
ทานอาจารยญาณธมฺโม อาจคงจะคิดวาไหนๆ มีความเกียวพันกับวัดหนองปาพงตั้งแตโยมพอแลว ให
่
เลาใหรุนหลังๆ พวกเราไดฟงบาง เปนการประกอบความรู หรือเปนสิ่งที่ทําใหคิด เปนกําลังใจ หรือได
เห็นปฏิปทาของหลวงพอชาก็จะเลาสูกันฟง
ก็ขอโอกาสเลาตั้งแตตอนเปนเด็ก คงไมใชเอาประวัติมาเลาเพื่อจะอวดดี อวดเดนอะไรนะ แต
วาจะไดรวาเหตุที่เขามาสูวัดหนองปาพงนันเปนอยางไร ก็เลยมีความสัมพันธกันมาตามอุปนิสัย ตอน
ู ้
เปนเด็กมีอุปนิสัยมาทางนี้อยูแลว เพราะวาตอนเขาเรียนหนังสือใหมๆ พอแมก็ไปฝากไวทในวัด เรียน
ี่
หนังสือก็เรียนอยูในศาลาวัด เพราะวาสมัยโนนไมมีโรงเรียน มันทุรกันดาร เพราะวา ผมนั้นเกิดอยูใน
ชนบทโรงเรียนมันก็อยูไกล ก็เลยใชศาลาวัด แลวอาศัยพระมาสอนบางเปนบางครั้งบางคราว ครูที่สอน
ก็ครูจบชั้นประถมปที่ ๔ เปนครูใหญ ก็มาสอน แตความดีของคนสมัยกอนมีอยูอยางหนึ่งคือ ทานจะ
เนนการสอนในหลักศีลธรรม อาจจะเปนเพราะวา มีการเกี่ยวพันกับวัดอยูตลอด ไมมสิ่งยั่วยุหรือยัวยวน
ี ่
เหมือนสมัยปจจุบันนี้ เมื่อไมมีสิ่งยั่วยุเหลานี้ มันอยูเ กี่ยวของกับวัดวาอาราม ก็เลยมีความถนัดทางดาน
โนน และผมเองก็อยูวดมาตังแตเด็กจริงๆ ไปชวยพระกรองน้ํา ตักน้ําใสตุมใสโอง ทําความสะอาดศาลา
ั ้
เก็บกวาด วันพระหยุดนะสมัยกอน ถึงวันพระมาตองหยุด หยุดเรียนหนังสือ เพราะโรงเรียนจะตองใช
เปนสถานที่บําเพ็ญกุศล ก็จะตองไปเก็บผนังที่กั้นๆ เปนหองๆ ไว เก็บออกกอน ก็ตอนเชา โยมมา
บําเพ็ญกุศล ก็จะมีสวดมนตตอนเชา และวันเสารก็จะมีการสวดมนต นักเรียนทุกคนจะตองสวดมนตไป
ถึงเที่ยง เที่ยงวันถึงเลิก นี่เปนกิจกรรมที่ทํามาโดยตลอด จนกระทั่งวา ออกจากโรงเรียน เรียกวา จบจาก
ชั้นประถมปที่ ๔ ก็ออกจากโรงเรียน เนื่องจากชวงนั้น มันทุรกันดารอยางที่วา ตั้งใจวาจะเรียนตอปกติ
แลวครูบาอาจารยก็รัก และเรื่องเรียนหนังสือก็จะดีหนอยหนึ่ง เพราะวาไดคะแนนนําเขาตลอด
จนกระทั่งวาครูสมัยกอนโนนเขาเลื่อนชั้นใหกอนอายุ เลื่อนชั้นก็ใหไปสอนรุนนอง ถาขึ้น ป.๒ ก็ไป
สอน ป.๑ ขั้น ป.๓ ก็ไปสอน ป.๒ ป.๔ มาสอน ป.๓ ก็ไดเรียน พอออกโรงเรียนมาพอแมกลําบาก ็
- 7. นิดนึงวา กําลังบุกเบิกพืนทีทํานา ก็เลยไดชวยพอแม พอแมก็ใหออกจากวัดชั่วคราวกอน เพราะวาปกติ
้ ่
จะอยูวัด ก็มาชวยพอแมระยะหนึ่ง จนกระทั่งชวงปนั้น หลวงพอชาก็มาอยูวัดหนองปาพงแลว กิตติศัพท
ของทานก็พึ่งจะรูไปตามบริเวณแถวๆ รอบวัดหนองปาพงนั้นวาทานเกง จึงเปนเหตุใหโยมพอมีความ
สนใจ ก็เลยชวนเพื่อนมาทีวดหนองปาพง สวนจะมาโดยวิธีไหนเดี๋ยวคอยเลาตอ
่ั
กอนจะเขาหนองปาพง ผมขอยอนไปเกี่ยวกับชีวิตผมนิดหนึ่งเพื่อประดับความรูวา ชีวตแตกอน
ิ
เปนมาอยางไรอีกนิดหนึ่ง ในชวงที่ออกจากโรงเรียนไปชวยบิดามารดา ผมก็เปนคนที่ใครตอการศึกษา
มากพอสมควร แตไมมีโอกาส ฉะนั้นเวลาผมไปเจออะไร กระดาษชิ้นไหนที่รวงตามถนน ผมจะเก็บ
หมดเหมือนกับคนบา เพราะวาเก็บเศษกระดาษ ดินสอสั้นๆ ก็จะเก็บหมด เก็บแลวก็จะมาเขียนมาอาน
แมกระทั่งภาษาอังกฤษอยูในเศษกระดาษ กลองสบู กลองยาสีฟน กลองอะไรก็แลวแตที่มันติดมา ผมจะ
เก็บๆ รวบรวมมา อานไมไดก็ดู ดูเอาไว เวลาเด็กที่เคาไปเรียนหนังสือในชั้นมัธยม ชั้นอุดมศึกษาหรือ
ชั้นไหนก็ตาม ผมจะขอยืมหนังสือเขาแลวมาอาน ในทุกๆ วิชา จะเปนภาษาอังกฤษก็ตาม อานประดับ
ความรู อานหนังสือสายวิทยาศาสตร ภูมิศาสตร อะไรนี่ ก็จะใชวิธีนี้เปนการศึกษา แลวก็มาหัดเขียน หัด
วาด หัดเขียนหนังสือ เขียนอยูในทุงนา นีจุดตะเกียง จุดเทียน จุดน้ํามันกาดสมัยกอน ก็นั่งอยูคนเดียว ไม
่
ชอบไปเที่ยวกับเพื่อนกับอะไร ไมชอบเทียว แตนอนอยูในกระทอมเล็กๆ แลวก็หดเขียน วาดรูป หัด
่ ั
เขียนหนังสืออะไรทํานองนี้ ก็ทําอยางนันมา จนกระทั่งอายุประมาณสิบสี่ สิบหาป ที่วาโยมพอไดเริ่ม
้
เขาสูหนองปาพง ในชวงนันก็สนใจธรรมะพอสมควร เพราะในฐานะเปนเด็กวัดเวลาเคามีความสนใจ
้
มาก ขออภัย เลี้ยงควายเนีย เคาจะมีวทยุเล็กๆ เปดฟง ก็จะมีรายการแขงขันตอบปญหาธรรมะระหวาง
่ ิ
เรียนสมัยกอนก็จะมีทกเสารอาทิตย ก็จะชอบฟงแลวก็ตอบอยูในใจ ตอบปญหาธรรมะกับเขาอยูคน
ุ
เดียวนีแหละ ฟงไปก็ตอบไป ก็มีความสุขเหมือนกัน พอเคาเสร็จแลวก็มาทําเปนการบานมาฝกหัด
่
ฉะนั้นเรื่องที่จะมาปฏิบัตินี้ก็เกิดความเขาใจตั้งแตตอนเด็กๆ มีความละอายมีความกลัวเรื่องเหลานี้
ฉะนั้น ใครจะชวนไปเทียวเตรกินเหลาเฮฮา กินเหลา เมายา อะไรเนียไมเอา ไมมีเลย ประวัติตวนี้มความ
่ ่ ั ี
บริสุทธิ์มากเลย เหลา บุหรีไมมี การเทียวเตรเฮฮา เที่ยวผูหญิงอะไรไมมีเลยเพราะวาจิตใจจะมาทางวัด
่ ่
ทางธรรม จนกระทั่งวา โยมพอเขามาสูหนองปาพง ผมจําไมไดวาปไหน ขนาดครูบาอาจารยไปงานศพ
ถามทาน ทานก็ยังไมรู รูแตวาเขามาก็เห็นโยมพอ ทานวา เขามาวัดปาหนองปาพง ไมรูวามาปไหน ถาม
องคทานไหนทานก็ไมรู อันนี้ก็เปนเหตุ ตอนแรกๆ โยมพอก็ไมไดตั้งใจจะมาหาธรรมะอะไรหรอก
สมัยกอนก็อยางวานะ หวังลาภลอยทั่วๆไป นั้นก็คือ ไดยินวาพระดี พระเกง พระกรรมฐาน ก็อยากไป
หา เพื่อขอของดี ของดีนนก็คือ ขอหวย ขอเบอร ขออะไรที่เปนของดี ที่เขาชอบ เครื่องรางของขลังก็
ั้
แลวแต โยมพอก็ไปกับเพื่อน ก็เปนเหตุใหไดเขาสูวัดหนองปาพงเปนครั้งแรก
- 8. ก็เปนโชคดีของผมอยางหนึ่ง ที่โยมพอเวลาไปวัดหนองปาพง ตอนแรกๆ แมจะมีความตั้งใจจะ
ไปขอหวย ขอเบอรก็ตาม ขอของดีตางๆ นี้ แตวาสิ่งที่ไดผสมผสานกันมา ก็คือธรรมะ ซึ่งถาเราได
สัมผัสกับครูบาอาจารยก็คงเขาใจ ทานไมไดใหหวยหรอก แตทานจะสอนธรรมะ เวลาโยมพอไป
กลับมาแตละครั้ง แมจะมีการซื้อหวยบางเล็กๆ นอยๆ แตสิ่งที่ขาดไมได คือนําเอาธรรมะที่หลวงพอชา
แสดงมาเลา เพราะชนบทบานนอกแตกอน ค่ําแลวไมไดไปไหน เพราะบานมันอยูใกลกัน ก็จะอยูกับ
ครอบครัว เวลาทานขาวรวมกันตอนเย็น โยมพอก็จะเลาเรื่องที่ไปวัดหนองปาพง วาหลวงพอชาทาน
เทศนอยางโนนอยางนี้ มาเลาใหฟงแทบทุกครั้ง ผมก็มีโอกาสไดฟงหลายป อาจจะเปนเหตุอันหนึงที่ทํา ่
ใหจิตใจฝกใฝสนใจในทางนี้ แลวก็เวลาโยมพอไปแตละครั้งตองคอยฟง เวลาตอนเย็นมาก็มาเลาใหฟง
ทุกครั้ง ก็เกิดความสนใจ อยากไปวัดหนองปาพงมากเลย แตยังไมมโอกาส เพราะวาวัดหนองปาพงกับ
ี
บาน ถาสมัยกอนถือวาไกลมาก ถาสมัยนี้ใกลนดเดียว เรียกวานั่งรถไมกี่นาทีก็ถง ถาสมัยกอนโนน
ิ ึ
ไมใชเรื่องงายเลยที่จะมาวัดหนองปาพงได เพราะวามันกันดาร โยมมาวัดหนองปาพง ถาฤดูฝนเหมือน
อยางนี้ ตองนังเรือขามทุงสาม สี่กิโล ขามทุงมา แลวก็ตองเดินตออีกสองกิโลครึ่ง กวาจะมาถึงวัดหนอง
่
ปาพง แตก็มีความอุตสาหะ เพราะโยมพอบอกวา มีความชอบใจธรรมะหลวงพอชา ที่ทานเทศนแตละ
ครั้ง ถึงใจ กินใจ ก็เลยเปนเหตุใหโยมพอไดมาประจําในชวงนัน ผมเองก็ไดรับการถายทอดธรรมะจาก
้
โยมพอ ไปแตละครั้งก็จะนํามาเลาใหฟง จนกระทั่งวา ทนไมไดอยากจะไปดู มีวันหนึ่งก็เลยชวนเพื่อน
เพราะวายังไงก็ตองไปดูใหได แลวขอโยมพอวาหยุดสักวันหนึ่ง หยุดทํางานวันหนึ่ง แลวก็ไปทําบุญ
ชวงวันพระ แลวก็ไปชมวัดในวันนั้น ก็เปนวันเริ่มตนทีใหไดสัมผัสกับวัดหนองปาพงเปนครั้งแรก
่
หลังจากนันก็ไมมีโอกาสไดไป ก็หลายปเหมือนกัน ไดรับโดยการถายทอดจากโยมพอ ซึ่งไป
้
ทุกวันพระ เพราะวาผมเปนลูกคนโตก็ตองเปนกําลังสําคัญในการชวยทํางานแตก็ตดตามอยูตลอด
ิ
อาจจะเหตุหนึง ก็เปนเพราะโยมพอมีอุปนิสัยทางดานนีดวย เพราะวาโยมพอตอนเปนหนุม หรือตอนมี
่ ้
ครอบครัว แมวาจะอยูกับเพือน โยมพอเปนผูใหญบานดวย เพื่อนฝูงก็เยอะอยู เวลาเพื่อนมาก็มีการเลี้ยง
่
เหลากัน เปนปกติคนทัวไป แตวาเหลาสมัยโนนเปนเหลาทํากันเอง เคาเรียกวาสาโท แตโยมพอมี
่
อุปนิสัยอยางหนึ่ง คือถากินกับเพื่อน ถามันเมาแลวจะมานอน จะกลับมานอนที่บาน ไมไปเทียวไมไป ่
อะไร แตเมา ไมไดเมาจนเสียสติสตังเทาไร แลวแตกอนก็จะมีสูบบุหรี่บาง กินหมากบาง พอเขามาหา
หลวงพอชานีแปลกมาก โยมพอเลิกหมดทุกอยางเลย เลิก ไมเอาทุกอยาง แลวก็เอาธรรมที่หลวงพอชา
่
ทานเทศนเขาไปสอนลูก เวลามีปญหาหรือเวลาจะอบรมลูกนี้ กินขาวเรียบรอยแลวก็บอกวา วันนีอยาไป ้
ไหนนะ นั่งฟงเทศนอยูที่บาน โยมพอก็เทศนใหฟง แลวจะใชลักษณะนี้ตลอด แลวตั้งแตนั้นมีหลายสิ่ง
หลายอยางที่เปลี่ยนไปนันก็คือ เวลากินขาวกินอะไรนี้ จัดระเบียบใหมหมดเลย โยมพอวาเวลากินขาวจะ
้
วางระเบียบ หามคุยกันเด็ดขาด เวลากินขาวอยูที่บานจะตองกินใหเสร็จกอนแลวถึงคุยกัน คุยกันไมได ดุ
- 9. เลย แลวก็ของกินของอะไร ปลารา อะไรที่ของดิบนี้ ตัดออกหมด ถาทําดิบๆ นี่ไมเอา ตองทําใหสุกให
หมดเลย เปลี่ยนวิถีชีวตใหมหมดเลย เปนอุปนิสัยของทานเพราะวาทานก็ไดบวชเรียนมา ๕ ป
ิ
เหมือนกัน บวชเรียนสมัยนันจบนักธรรมเอก ๕ ป แลวกําลังจะเรียนบาลี พอดีมีเหตุขัดของก็เลยไมได
้
เรียนหนังสือนั้นก็เก็บไว จนกระทั่งผมเขามาหนองปาพง ผมยังหอบมาดวยเลย วาจะมาเรียนบาลีดวย
แตก็ไมไดเรียนหรอก นั่นก็เปนเหตุการณที่เริ่มตนกอนที่จะเขามา แลวสิ่งที่ทําใหผมสนใจมากทีสุดก็คือ
่
ปพ.ศ.๒๕๑๑ ในปนั้น หลวงพอเจาคุณพระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต) ทานไปขอหลวงพอชาวา
จะขอเขียนประวัตหลวงปูชา ทานก็ทําสําเร็จ สมัยโนนใชเครื่องพิมพดีด เรียกวาไมไดทันสมัยเหมือน
ิ
เดี๋ยวนี้ พิมพเปนครั้งแรกประวัติชื่อวา “สุภัททานุสรณ” หนังสือเลมนั้นออกมา โห…คนฮือฮากัน
ใหญเลย ประวัติหลวงพอชาออกมาเปนครังแรก และโยมพอก็ไดไปกลับไปบาน ในวันพระวันนัน เย็น
้ ้
วันนันเรียกเพือนบานมา มาอานสูกันฟง อานจนเทียงคืน ผมก็เปนเด็ก เด็กหนุมดวยนะ ก็นั่งฟงอยูดวย
้ ่ ่
แปลกนะ มันไมงวงเลย ฟงอานกันสนุกสนานตื่นเตนกันมากเลย ฟงกันเพลิน …จน ๕ ทุม ๖ ทุม เปน
สาเหตุอยางนี้ ผมสนใจมากเรื่องนี้ เวลาอานเสร็จแลวผมก็เก็บหนังสือไว ผมก็เอาไวอาน อานประจํา แต
วายังไมมีโอกาสไดเขาไปจริงๆ วัดหนองปาพง เวลาไปทํางาน ไปตางอําเภอ ตางจังหวัดผมก็จะเอา
หนังสือเลมนีไปดวย เพราะสมัยโนนหนังสือหายาก เอาไวเปนกําลังใจ เพราะเวลาไกลบานนี้ คนอีสาน
้
แตกอนถาไกลบานไปไมคอยจะอยูไดนาน เพราะวาคิดถึงบาน คิดถึงพอ คิดถึงแม ผมรูดีวาเรื่องนี้ผมก็
เปน ก็เลยเอาหนังสือเลมนีไปดวย เวลามันเหงา คิดถึงบาน ก็จะเอาหนังสือเลมนีมาอาน เพื่อใหเกิด
้ ้
กําลังใจก็จะใชวิธีนี้ตลอด จนกระทั่งวาถึงเวลาเขามาบวช ถึงไดเอาหนังสือเลมนั้นมาไวที่บาน แลวก็เขา
มาที่วัดหนองปาพง ตอนเขามาเปนอยางไรเดี๋ยวจะเลาตอไป
ตอนนั้นความสนใจของผมเริ่มมีมากขึ้น ความจริงก็ยังไมไดคิดตั้งใจวาจะบวชจริงๆ แตอยาก
เขามาฟงธรรม โดยเฉพาะวันพระอยากมาฟงธรรมะหลวงพอชา จริงๆ แลวโยมพอ อยากใหบวช แต
ตอนนั้นอายุไมถึง ๒๐ ป อาจจะคงคิดวาถาบวชไปตอนนี้ก็คงยังไมพรอมเทาไหร ก็เลยคอยไปจนอายุ
ครบบวชเปนพระกอน ถึงจะใหบวช ผมก็ไมไดคิดวาจะบวชหรอกตอนแรกๆ ก็เพียงแตวาสนใจธรรมะ
วันพระนี้อยากไปฟง เพราะวาเวลาโยมพอกลับไปแตละวันพระนี่ ไปเลาเรื่องหลวงพอชาเทศนแลวมัน
สนุกมากเลย ขออภัยใชคําวาสนุก คือมันฟงแลวรูสึกไดความรู กินใจ ก็เลยเปนเหตุใหสนใจเรื่องนี้มาก
จนกระทั่งวันพระ ก็อยากมาฟงธรรม และก็มาฟงเปนครั้งแรก กัณฑแรกที่หลวงพอชาทานเทศน แลวก็
ไดความรูเยอะมาก ในวันนั้นนะ ทานเทศนตั้งแตการใหทาน การรักษาศีล การอยูรวมกันในสังคมอะไร
ตางๆ นี้ ควรจะปฏิบัติตอกันอยางไร ทานเทศนไดกินใจหลายขอ ทีทําใหคิดตั้งแตวันนัน จนกระทั่งมี
่ ้
ความรูสึกวานาจะตองเขาไปศึกษาใหได ในวัดหนองปาพงนี้ ความคิดอยากจะมาศึกษาอยากมาบวช ก็
เริ่มมีตั้งแตวนนั้น
ั
- 10. “ธรรมะกินใจ” ขอยกตัวอยางเรื่องหนึ่งสันๆ ทานยกตัวอยางเรื่อง “การเสียสละ” ทานบอกวา
้
“มีใครสักคนไหมที่คิดอยางนี้” ถาสมมติวา อยางทางยุโรปนี่ก็อาจจะเอาแอปเปลก็ไดเนอะ มีแอปเปล
เราไดแอปเปลมา ๒ ลูก ลูกหนึ่งใหญสวยงามมาก ลูกหนึ่งลูกเล็กๆ ถาเกิดมีคนมาขอ ขอแอปเปลจากเรา
นี้ เราจะเสียสละ ลูกใหญๆ ใหเขาไดไหม ถาเราเสียสละลูกใหญๆ ไดนี่ ก็ไมใชธรรมดานะ อาจจะเปน
หนอ เปนเชื้อสายของพระโพธิสัตว แตโดยทั่วไปแลว คนเรานี้เทากับวาการเสียสละนี้ ของดี ของที่ตน
รักนี้ มันไมอยากจะเสียสละหรอกนะ เหมือนกับเรามีลูกมีแอปเปลสวยๆ ดีๆ กับลูกที่ไมดี เวลาจะให
ใครนี้ สวนมากจะใหสงที่ไมดี “ความโลภมันเปนลักษณะนี้นะ มันสละไดยาก” ทานวา แมแตความ
โลภนี่มันสละไดยากความเห็นแกตัวมันเยอะ ผมก็ไดฟงแคนี้ ก็เอามาคิดมากเลย คิดวาความอยากความ
โลภ นี่มันเปนลักษณะนันจริงๆ นั่นก็เปนเหตุใหศรัทธาตอหลวงพอชานะ และก็เรื่องกินเหลาเมายา
้
เรื่องสูบบุหรี่ ทานก็เลาไปเยอะมาก ชอบใจมากเลยตอนนั้นนะ ใจก็เลยคิดวา เออ ..นาจะตองเขามาให
ไดเนอะ พอชวงนั้นอายุครบ ๒๐ ปพอดี โยมพอก็บอกวาถางั้นใหเกณฑทหารกอน เกณฑทหารเสร็จ
แลวก็คอยเขามา พอเกณฑทหารเรียบรอยแลว ทานบอกวา เตรียมตัวไดแลวนะ ถาจะเขาไปบวชนี้ แตวา
ปนั้นยังไมไดเขามา พอบอกเตรียมตัวนี้ ผมก็เตรียมตัวจริงๆ นะ ผมก็หัดแยกวงกินขาวเลย เพราะคิดวา
พระปาตองฉันในภาชนะเดียวตักรวมๆ กัน ผมก็ทําอยางนั้นนะ ผมก็เทแกงเกิง อะไร ผมก็เท คนๆ รวม
ใหหมดเลย ก็ฝกทําอยางนั้นอยูตลอด แลวก็ไมกินขาวเย็น ฝกไวแตบานนะ เพราะวากลัววามาแลวมี
ปญหา เพราะวาถาเราไมฝกเอาไวจะมีปญหา ก็เลยฝกไวในลักษณะนัน จนกระทั่งถึงเวลาวันหนึงโยม
้ ่
พอก็บอกวา วันพระแลวนะวันนี้ ใหไปวัดไดหรือยัง สิ่งหนึ่งที่โบราณพูดนี่นาคิดมากนะ ก็ขอเอาเปน
คติเตือนใจมาเลาใหฟงเหมือนกัน ที่พระพุทธเจาพระองคตรัสวา “การที่จะไดบรรพชาอุปสมบทนี่ เปน
สิ่งที่ยากมากนะ มีศรัทธา แตก็เปนสิ่งที่ยากมาก” ก็เปนความจริงนะ เวลาเราตั้งใจจะมาทําความดี มัน
เหมือนมีมารมาคอยขัดขวาง เพื่อนฝูงรุมเรา ไมอยากใหเราออก ก็หาเรื่องจะใหเราตองลังเล รวนเร
ตัดสินใจไมถูก จะไปก็ไมไป จะอยูก็อยากจะไป อะไรทํานองนี้ ทานบอกวาเปนมาร เพื่อนผูหญิงเพื่อน
อะไรก็เริ่มมากอกวนชวนทําโนนทํานี่ เทียวโนนเที่ยวนี่ มันก็หวุดหวิดเหมือนกันนะ หวุดหวิดนะ ถาใจ
่
ไมเด็ดเดี่ยวไมเขมแข็งจะแยอยูเหมือนกัน แลวโยมพอเคาก็ไมบังคับนะ พอผานไปสักอาทิตยหนึ่งโยม
พอเคาก็บอกวา ไปวัดไดหรือยัง เราก็ยงลังเลอยู ใกลจะไปก็ยิ่งสนุก อะไรทํานองนี้ เคามาชวนใหสนุก
ั
อยางโนนอยางนี้ เอ…มันลังเล โยมพอก็ชวนไปเรื่อย เราก็ยังเดี๋ยวกอน ๆ สุดทายชวนบอยๆ เราก็
ละอายใจตัวเอง แหม..โยมพอเราก็ผลัดผอน ผลัดเพี้ยนอยูตลอดเวลา เลยเกรงใจโยมพอ วันหนึ่งไมได
เตรียมตัวเลย วันพระ ๘ ค่ํา โยมพอก็บอกวันนีไปวัดไดยัง เราก็บอกไปวา ก็ไป ตัดสินใจงายๆ เลยไมได
้
เตรียมตัวอะไรเลย ไปก็ผา ๒ ชุด ก็เลยไปเลยเขาวัดไปเลย ตั้งแตวันนั้นเขาไปโยมพอก็ไปฝาก ไปฝาก
ตอนนั้นหลวงพอชาทานไมอยู ทานไปกิจนิมนต ก็มหลวงพอบุญชู ซึ่งเปนลูกศิษยอาวุโส ไปก็ไปฝาก
ี
- 11. หลวงพอบุญชูไวกอน เราก็เลยไดเขาไปในวัด พอเขาไปแลวขนาดเตรียมตัวเตรียมใจไวอยางดีนะ พอ
เขาไปแลวเห็นขอวัตรปฏิบัติถึงความเปนอยู เราไมเคยอยูอยางนันนะ แหม..มันลําบากอยูเหมือนกันนะ
้
ครูบาอาจารยเดินมาถามก็ไมพูด ปกติผมจะไมพูด ไมคุย ไมไดไปคุยกับใครทั้งสิ้น จะอยูเงียบๆ ใครไม
ถาม ก็ไมพูด เพื่อนไปอยูดวยกันไมถามก็ไมพูด มีวันหนึงหลวงพอบุญชู ทานเห็นคงสงสารมั้ง ทานก็
่
เลยมาบอกวา ผาขาวทนไหวมั้ย กินขาวมื้อเดียว ถาทนไมไหว เอาไวทานกอนเทียงก็ไดนะ คอยๆ ปรับ
่
นะ ทานก็คงจะสงสาร แตผมก็มีความตั้งใจ แลวก็ฝกมาแตบานอยูแลว หิวยังไงก็ชางมันเถอะ ก็จะกิน
มื้อเดียวนี่แหละ เลยทน ทนอยูตอไป จนหลวงพอชามา โยมพอก็มาฝากซ้ําอีกครั้งหนึ่ง ทานก็บอกวา
“เออ…เอาไวนั่นแหละ เอาไวตรงนัน”ทานวาอยางนี้
้
ก็เปนปกติของวัดหนองปาพง เวลาคนมาใหมๆ ทานจะใหพักในศาลา สมัยโนนศาลาเปนศาลา
เกา ถาใครไดดูในวีซีดี My Full way นี้ ก็เลยเห็นศาลาเกาๆ และในศาลาก็จะมีโครงกระดูกอยูสอง
โครงอยูซาย ขวา หลวงพอชาก็บอกวา “นาคไปนอนอยูที่โครงกระดูกนั้นนะ เอาโครงกระดูกไวหว ั
นอนนะ” ผมก็เชื่อทานซื่อๆ ไปนอน นอนทุกวัน ทานบอกวา “กอนนอนดูโครงกระดูกกอนนะ
คอยนอนนะ” ก็ทําตามอยางนั้นแหละ กอนจะพัก สวดมนตทําวัตรเสร็จ พระทานเลิกสวดมนตแลว
กอนจะพัก ก็ไปดูเหมือนกัน บอกวาดูเสร็จแลวคอยนอน มันก็แปลกนะเปนสิ่งหนึงที่การดูบอย ๆ ทาง
่
ภาษาพระ การเสพบอยๆ หมายถึงวาการคลุกคลีบอยๆ เนี่ย ดูเรื่อยๆ เนี่ย เวลานังกรรมฐานมันติดตา
่
เวลาเราบริกรรมอะไรนี้ มันไมนึก นึกไปที่อื่นมันก็ไมถนัดเหมือนสิงที่เราดูบอยๆ เหมือนกับญาติโยม
่
หรือพระเณรเราก็ตาม ถาสั่งสมอารมณไหนบอยๆ นี้ มันถนัดในอารมณนั้น ถาถนัดในอารมณไหน
เวลาเรามานั่ง อารมณนั้นก็มาหาเรากอนนัน การที่ทานใหอุบายแนะนําดูกระดูกนี้ ก็เพื่อที่จะใหเราไดรับ
้
อารมณสิ่งนี้ ใหมันคุนเคยกับอารมณนี้ จนกระทั่งนอน ฝนเห็นโครงกระดูกยังไมไดเห็นสมาธิอะไร
หรอก นอนไปมันฝนเห็นโครงกระดูก เกี่ยวของกับกระดูก เกียวของกับปาชาอยางนี้ ก็จะเกียวของอยู
่ ่
อยางนี้แลวก็อกอันหนึงที่ผมมีความเคารพตอขอวัตรของหลวงพอชา ก็คือตอนเขามาใหมๆ ตั้งใจ
ี ่
มาแลวนี้ ดวยความเครงแบบไมรูเรื่อง ก็ไมไดศึกษาขอวัตรรายละเอียดของทานมากอน เพียงแตวาทาน
เครงอยางโนน อยางนี้ ก็มาถือศีล ๘ พอถือศีล ๘ ก็ไปตีความเอาเองวา อะไรก็ตามนี้ ถาใสในมือในเทา
อะไรนี้ เปนเครื่องประดับทั้งหมด ถือวาผิดศีล ๘ คิดเอาเองนะ นาฬิกาเอามา ก็ไมไดใช นาฬิกาพวกนี้
เปนนาฬิกาของไซโก สมัยโนนไดมาเรือนหนึ่ง พอมาถึงวัดหนองปาพงแลวมาถือศีล ๘ ทานให
สมาทานศีล ๘ ก็เอาออกหมดเลย ไมใชเลย ไมใชนาฬิกา ผมขอพูดรวบรัดไปเลย เดี๋ยวมันจะยาว วา
ตั้งแตวนนั้นไมไดใชนาฬิกาอยู ๓ ป ไมใชมันเลยนาฬิกานี้ บอกวาอยูยงไง ๓ ป อาศัยธรรมชาติ อาศัยดู
ั ั
ดาว ถาฝนไมตก ไมครึ้มจะอาศัยดาวดูแลวก็ดเู ดือน พระจันทรนี้ สังเกตดูวามันขึ้นมาระยะไหนๆ แลวก็
ดูเงาไม สังเกตเสียงนก นกรอง ตุกแกรองอยูนี่ ไกมันขัน ไกปาเนีย ก็จะมาเปรียบเทียบกับเวลา ถาวัน
่
- 12. ไหนมันครึ้มมันสังเกตไมได ก็จะมาเดินจงกรมในศาลา เพราะวาในศาลาจะมีนาฬิกา อยูเรือนหนึ่งเกาๆ
ไวดู ก็เลยใชอยางนี้มาตลอด ตั้งแตเปนอนาคริกะนี้ เปนผาขาว แตวากอนที่จะไดบวชนี้ มันทอใจอยู
หลายครั้งเหมือนกัน เลาบอยอยูเหมือนกัน อาจจะเลาเสริมอีกหนอยหนึ่ง สาเหตุททอใจ คือมันเหนื่อย
ี่
มันสูไมไหว เพราะวาสมัยโนนทํางานหนัก เปนผาขาว แตวาน้ําปานะไมมี มันเหนื่อยมาก เลยทอใจ
ทานก็พาทําเหมือนลองใจ ขุดดิน ตัดไม ตัดอะไรเหมือนตัดฟนนี่แหละ แตมนไมมีน้ําปานะนี่ ไม
ั
สมบูรณเหมือนปจจุบันเหมือนเราอยูที่นี่ อาทิตยหนึ่งจะมีน้ําปานะใหแกวหนึ่งวันโกน วันโกนคือวันนี้
นี่ทํางานเสร็จแลวก็มใหองคละแกวเทานันนะ เพราะวามีพระ ๕๐ –๖๐ รูป สมัยเขามาใหมๆ ก็มีเทานี้
ี ้
แหละ เวลาตมนี่ตมรวมกัน ไมไดเอาตามใจ ตมรวมใสกาแลวก็ไมไดเอาตามปรารถนานะ ใครฝมอดีก็ ื
ทําดี ฝมือไมดก็ไมไดดี แลวก็ตวงแกวนี้เทากันคนละแกว ละแกว สมมติวามี ๒๐ รูปหรือ ๓๐ รูปก็ตวง
ี
ใหไดเทากันแหละ เศษเหลือสักแกว สองแกวเทานั้นแหละ ก็จบกัน อาทิตยหนึ่งจึงมีครั้งหนึ่ง โอย..
ลําบาก เนียผมถึงบอกวา กวาจะบวชไดเนี่ยคิดจะกลับบานอยูหลายครั้ง คิดจะยอมแพมันมีเหตุทกที มี
่
เหตุใหอยูตั้งสองสามครั้งเลยนะ แตยาวนิดหนอยนะ เหตุนั้นคือผมทอเพราะเหนื่อย แลวก็ไมมีใครมาคุย
มาถาม เราก็อยูคนเดียวนี้ นึกถึงคําโบราณทานบอกวา “อยูคนเดียวใหระวังความคิด อยูกับมิตรใหระวัง
วาจา” มันก็เปนอยางนันนะ ถาคิดถาไมมีปญญาโดยแยบคายแลวก็แพความคิดตนเองนะ ก็ไปถาม
้
ความคิดนะ วันนันก็เกือบไปเหมือนกันนะ กําลังคิดจะบอกวาพรุงนีกลับบานดีกวา ถามีรถมาแลวจะ
้ ้
กลับทันทีนะ ตั้งใจแลว มันเหนื่อยมาก เพลียมาก ก็ไมมีใครมาคุยเลย ตอนเย็นมานังเหงาอยูศาลากอน
่
ทําวัตรนะ บังเอิญมีเณรอยูองคหนึ่งทานบวชมากอน ทานเห็นทานก็เดินมาหา ชื่อเณรสมควร พอมาหา
ทานก็ถามวา “นาคเปนไงบางสบายดีมั้ย”เราก็ไมอยากตอบ มันอยากกลับบาน ทานก็เลยอธิบายไปให
ฟงวา “มันเปนอยางนีแหละ ผมมาอยูใหมๆ ก็เหมือนกัน มาอยูตอนแรกผมรองไห ตั้งสามสี่ครั้งเลย”
้
ทานบอก น้ําตาไหล มันทนไมไดจะกลับบาน ทานก็ใหกําลังใจ บอกวาทนเอาหนอยเถอะ ทานไมทิ้ง
หรอก ใหกําลังใจ บอกถาทนเอาหนอยเดียวคอยปรับตัวไปเอง ก็ไดกําลังใจ สุดทายก็ทนตอไปอีก
๋
ความคิดอยางนี้มันมีอยางนอยๆ ก็สาม สี่ครั้งแลว คิดจะหนีจะกลับ เพราะวามันไมไหว แตมัน
ก็แปลกวาเวลาเราคิด จิตมันตกนี้มกจะมีเหตุใหเกิดกําลังใจทุกครั้ง ผมคงเลารวบรัดหนอย เดียวมันจะ
ั ๋
ยาวเกินไปวา ครั้งแรกที่ไปอยูใหมๆ ทานปลอยใหอยูอยางนั้นแหละก็อยูตามเรื่องตามราว ตอนนั้นก็คิด
เหมือนกันคิดจะหนี แลวมีเพื่อนมา ตามหลังมา มีแตคนเกง ๆ ทั้งนัน บอกวา “ผมเบื่อโลกแลวทาน
้
ตั้งใจจะบวชตลอด” เราก็วาทําไมเคาเกงแท นี่ขนาดเราตั้งใจขนาดนี้แลวยังไมคิดจะอยูนานขนาดนั้น
เลย แตคนพูดอยางนี้กแปลกนะ อยูไดไมถง ๒ วัน ๓ วัน หนีหมดเลย ทําใหเราไดคิด ทําไมมันเปน
็ ึ
อยางนี้ คือมันคิดเอาเองตามใจตัวเอง เราก็ทนอยูตอไป พอทนไปมันเปนอยางนันจริงๆ มันทนไมได เรา
้
ก็หวุดหวิดจะไปนะ แตมนมีเหตุ ก็มคนใหกําลังใจตอนจะนุงขาวเหมือนกันนะ ตอนนั้นก็จะหนี
ั ี
- 13. เหมือนกัน วันนั้นก็มหลวงพอองคหนึ่ง ชื่อหลวงพอคําปุน ทานบอกวา “นาคๆ หลวงพอชาสั่งใหไปนุง
ี
ขาว” รูสึกดีใจมากเลยวันนัน แปลกเปนเหตุการณที่มนแปลกมากเหมือนจะไดบวชจริงๆ นะ วันนั้นมี
้ ั
กําลังใจขึ้นมานะ มีปติมากเลย แคบอกใหไปนุงผาขาวเทานั้น มันเกิดปติ เพราะมันทนมานานแลว ก็คิด
วาทานคงบวชให แตพอเปนผาขาวแลวก็ปลอยทิ้งไวไมสนใจยาวเลย ใจมันก็ทอเหมือนกันนะ
ที่ผมพูดไปตอนแรกวา วันนี้เปนวันแหงความทรงจําของผมก็คือ อยูไปจนใกลเขาพรรษา
เหมือนเดือนมิถุนายนวันนีแหละ วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๗ วันนั้นทานเรียกประชุม แตกอนหลวงพอ
้
ทานจะเรียกลูกศิษยมาทั้งหมด มาประชุมในวันนี้ มาประชุมแลวทานก็เทศนใหฟง ใหกําลังใจแลวคอย
สงเขาไปตามสาขา สมัยโนนสาขามีไมมากประมาณ ๑๐ กวาแหง ทานก็จะสงออกไป ตอนแรกคิดวาได
ยินผาขาว เพือนอยูดวยกันก็บอกวาหลวงพอคงจะบวชกอนเขาพรรษา ก็คิดวาคงจะไดบวช ก็เตรียมผา
่
อะไรๆ เย็บผาอะไรกัน แตกอนเย็บผา เย็บผาขาว แตผมไมทําอะไรกับใครเลย เพราะวาญาติโยมเจาภาพ
พูดภาษาโลกวาไมมีเสนเลย แตวาตัดผาเปน แตวาไมมใครเอามาให ก็ไมรูวาจะไดบวชหรือไมไดบวช ก็
ี
เลยอยูเลยตามเลย แลวแตทานก็แลวกัน แตเพื่อนเคามีไตรไวหมดแลว ตัดเปนผาขาวไวหมดแลว วันนี้
ตอนเย็นมาทานก็ประชุมมาแลวก็เทศน หลวงพอเทศน เทศนจับใจมากที่สุด ก็คือคืนวันนี้ แตมัน ๓๐
กวาปมาแลว ผมนั่งฟงหลวงพอเทศนไป ทําไมมันนั่งไปตัวลอยไป เปนครั้งแรกทีไดฟงเทศนแบบถึงใจ
่
มากที่สุดเลยนี้ แตกอนก็ฟงอยูแตมันไมถึงใจเทาวันนี้ ฟงแลวนอมจิตไป รูสึกมันลอย เบามากเลย เพราะ
ทานเทศนเรื่อง “จิตตภาวนา”แตกอนนันฟงในฐานะเปนโยม แลวก็ฟงพื้นๆ ทั่วไป ทานก็จะเทศนเรื่อง
้
ทาน เรื่องศีล เรื่องอะไร เรื่องครอบครัวไปอยางงั้นแหละ แตก็นาฟงนะ แตพอมาฟงทานอบรมเรื่องจิต
ภาวนา แลวใจมันเบา มันซึ้ง ซึ้งมากเลย หลังจากทานเทศนเสร็จรูสึกมีความสุขมาก ทานก็อธิบายเรื่อง
การบวชใหฟง ทานบอกวา การบวชนี้ จริงๆ แลวไมใชเรื่องยากอะไรเลย เพราะการบวช ถาจะถือเอา
ภายนอกมันบวชไมยาก เปนลูกชาวบานอยูเมื่อวานนี้ โกนหัวเอาผาเหลืองหมมันก็เปนพระได แตการที่
จะเปนพระจริงๆ นั่นแหละ มันเปนสิ่งที่ยาก ทานก็บอกวา “คุณธรรมของพระสงฆ อะไรคือคุณธรรม
คือขอปฏิบัติ นั่นก็คือสุปฏิปณโน อุชุปฏิปณโน ญาญปฏิปณโน สามีจิปฏิปณโน” ทานอธิบายเรื่อง
“คุณของพระสงฆ”แลวมานั่งฟงมีความสุขเพลิดเพลินสรุปแลวทานก็บอกวา “การที่จะเปนพระสงฆ
จริงๆ นั้นมันอยูที่คุณธรรม คุณที่ทําใหเปนพระสงฆจริงๆ นั้นก็คือปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ การปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบ นั้นไมไดหมายความวาปฏิบัตไดเฉพาะพระเทานั้น เปนผาขาว เปนอนาคริกะ เปนญาติโยม
ิ
ก็ตาม ถาปฏิบัติดีก็เรียกวาสุปฏิปณโน ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควรแกธรรม มันเปนคุณสมบัติ ฉะนันถามี้
คุณธรรมอันนี้ก็เปนคุณของพระสงฆ” เรียกวา โยมก็ได ใครก็ไดถาปฏิบัติอยางนีขอใหปฏิบัติดเี ถอะ
้
ทานบอกวา “ก็คุณธรรมเกิดขึ้นในใจก็เปนพระสงฆ” ทานเทศนยาว วันนั้นเทศนหลายชั่วโมงอยู ก็นั่ง
มีความสุขมีความเขาใจในเรื่องนี้ เรื่องบวชเรื่องบวชอะไรก็เลยเฉยๆ ก็หายสงสัยในเรื่องการบวช เพราะ
- 14. การบวชจริงๆ นั้นก็คือการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แลวสุดทายทานก็บอกวา ผาขาวชุดนี้ผมยังไมบวชนะ
แตฟงเทศนแลวสบายใจแลวแหละ ไมไดเดือดรอนอะไร ทานบอกวาทหารกอนจะเขาสนามรบ ตองฝก
กอนอยางนอยๆ ก็ฝกหกเดือน ทานวางี้ กอนที่จะเขาสนามรบไปรบกับขาศึก เราในฐานะเปนทหารของ
พระพุทธเจา เปนลูกศิษยของพระพุทธเจา เราก็ตองฝกเหมือนกัน ฉะนันกอนที่เราจะบวชจริงๆ เราตอง
้
ฝกใหมีคณธรรมของพระสงฆเกิดขึ้นกอน จึงบวช จึงจะเปนพระสมบูรณ ทานก็เทศนในเรื่องนี้ ฉะนั้น
ุ
ผาขาวชุดนี้จะยังไมบวชให ไมบวชแลวแถมสงไปอีกตางหาก สงไปอยูสาขากันดารๆ เหมือนทหาร
แนวหนาเลยจริงๆ คลายๆ จะทดสอบกําลังใจเราดู เพราะวาสมัยกอนถาใครเขาไปวัดหนองปาพงแลวนี้
ถาตั้งใจจะอยูแลวเกิดความอบอุนมากเลย ถาอยูกับหลวงพอนี้ ไมมีใครอยากไปไหน เวลาทําผิดขอวัตร
อะไร พระเณรสวนมากจะกลัว กลัวหลวงพอสงไปที่อื่น เพราะวาวัดหนองปาพง เปนจุดศูนยรวมที่อยู
ใกลครูบาอาจารยเยอะแยะและก็มีความอบอุน และบางครั้งตั้งกติกาขึ้น ใครไมทันสวดมนตทาวัตร ํ
สงไปสาขาวางั้น นี่ก็เปนเสนตายสําหรับพระเณรทีไมอยากไปไหนก็ตองฝกขอวัตรใหดี และก็ไมขาด
่
หรอก ผมก็ไมเคยขาดสวดมนตทําวัตรอยูตลอดไมเคยขาดหรอก ทานบอกวาไปชวยบุกเบิกวัดใหม
สรางบารมีไปดวย ทานบอกวาไมบวช ก็เลยไมไดบวช ตั้งแตวันนันก็เลยถูกสงไปอยูสาขา ก็ไมได
้
เดือดรอนอะไร ก็ไดภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ แลวก็ไดอะไรเยอะมาก เพราะวาไดอะไรเยอะมาก
ในชวงนั้น เพราะวาใจมันหายวิตกกังวลในเรื่องการบวชแลว แลวก็เรื่องที่จะออกไปขางนอกนี่ก็
หมดแลว ไมวตก เพราะอยากจะตั้งใจปฏิบติตามที่ทานสอน ดังที่วา คืนวันนั้น วันทีทานเทศนอธิบายให
ิ ั ่
ฟงเกิดความเขาใจแลวอยากปฏิบัติ อยากเดินจงกรม อยากนั่งสมาธิ ไมอยากสนใจใคร ก็เลยเปนเหตุให
ปแรกเปนผาขาว ไมอยูทวัดหนองปาพง ก็เลยตองไปอยูสาขา ไปบุกเบิกสาขาใหม
ี่
นี่เปนความยากความลําบาก ของการที่จะเขามาสูรมผากาสาวพัตร ในสมัยที่หลวงปูชาทานยัง
แข็งแรง ทานจะเอาใหหายอยากกอน ทานไมเอาตามความอยาก และในขอที่ทานบอกวา “อยาอยูดวย
ความอยาก อยาทําตามความอยาก อยาปฏิบัติดวยความอยาก”ทําใหเราเกิดความเขาใจในขอนี้มากขึ้น
และหลังจากนันก็เกิดความสบายใจในการปฏิบัติ การบวชการอะไรก็หายสงสัย ทานบวชหรือไมได
้
บวช ก็ไมไดใสใจเลยตอนนี้ พอมันวางตรงความอยากนีได ทีนี้มันก็เหลือแตขอปฏิบัติอยางเดียว ปฏิบัติ
้
ก็ไมไดหวังเปนโนนเปนนี่ หวังบรรลุอะไร มีความเชื่อมั่นวาถาเราไดปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั้นเปนสิ่งที่
เราภูมิใจ อะไรที่ทานบอกวาดีทานแนะนํานั้น มีความเชือฟงทาน เคารพในทานศรัทธาในทาน ปฏิบัติ
่
ตามทานนั่นแหละ มันเปนมงคลแกชีวตจริงๆ ตอนนั้นก็ไดแตเอาหนังสือมาอาน สวดมนตทําวัตร
ิ
ปฏิบัติสบายๆ ไมสนใจการบวชเลย แลวสุดทายทานก็ไมทิ้งจริงๆ ถึงเวลาทานเรียกมาเอง มาบวช บวช
เปนสามเณร เหมือนที่เราทํานั่นแหละ บวชเปนผาขาวอยูปหนึ่ง ก็มาเปนเณรไมถึงปดี แลวพอดีชวงจะ
บวชพระ ชวงบวชเณรกําลังทองปาฏิโมกขจะจบอยูแลวนี้ พอดีบังเอิญชวงนั้นทานไดเปนอุปชฌายพอดี