SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  21
การรักษาดุลยภาพของน้ำในพืช “ พืช”  เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น  การนำน้ำมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง  ดังนั้นพืชจึงต้องมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของน้ำ ซึ่งได้แก่ ... 1.  การดูดน้ำของรากพืช  ( Root Absorption ) 2.  การคายน้ำของพืช  ( Transpiration )
การดูดน้ำของรากพืช  ( Root Absorption ) -  น้ำที่เข้าสู่พืชมาจากน้ำที่แทรกระหว่างเม็ดดิน ซึ่ง พืชจะใช้เซลล์ขนราก  ( Root hair cell )  ดูดน้ำจากแหล่งนั้นเข้ามา   -   หลักการสำคัญ คือ  สารละลายในดินจะต้องมีความเข้มข้นน้อยกว่าสารละลายภายในเซลล์ขนราก  น้ำจึงจะออสโมซิสจากดินเข้าเซลล์ขนรากมากกว่าน้ำที่ออสโมซิสจากเซลล์ขนรากออกสู่ดิน
การคายน้ำของพืช  ( Transpiration ) -  น้ำส่วนมากจะออกจากพืชด้วย กระบวนการคายน้ำที่รูปากใบในรูปของไอน้ำ  โดยการเปิดรูปากใบจะต้องอาศัย การสะสมของโพแทสเซียมไอออน  ( K + )  ในเซลล์คุมที่ปากใบ  และ การได้รับแสงสีน้ำเงิน -  อัตราการคายน้ำของพืชจะ แปรผกผันกับความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ  แต่จะ แปรผันตรงกับอุณหภูมิที่ระดับหนึ่งเท่านั้น
-  หากพืชอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น  ดินมีปริมาณน้ำมากกว่าน้ำในรากเล็กน้อย ,  ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำพอสมควร และอุณหภูมิสูงพอเหมาะ ก็จะทำให้ พืชสามารถลำเลียงน้ำได้โดยไม่ขาดสาย -  เว้นแต่ ภายในเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำ  ( Xylem )  ในพืชมีฟองอากาศอยู่
การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆในร่างกายมนุษย์ “ มนุษย์”  เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น  การนำน้ำไปใช้ในปฏิกิริยาการย่อยสารอาหารประเภทต่างๆ  ฯลฯ ซึ่งในแต่ละวันมนุษย์จะได้รับน้ำเหล่านี้ การรับประทานอาหาร ,  การดื่มน้ำ รวมทั้งการสลายสารอาหารเพื่อให้พลังงานแบบใช้ก๊าซออกซิเจน แต่น้ำก็ มีการสูญเสียจากร่างกายผ่านการขับถ่ายอุจจาระ ,  ปัสสาวะ ,  เหงื่อ และการหายใจออกในปริมาณที่เท่ากับน้ำที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน  ดังนั้นมนุษย์จึงต้องมีการรักษาดุลยภาพของน้ำให้เป็นเช่นนี้อยู่ตลอด
 
ไต  ( Kidney ) -  เป็นอวัยวะลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วแดงซึ่งสำคัญการรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆในร่างกายมนุษย์  โดยรักษาดุลยภาพจาก ความเข้มข้นของโลหิตภายในหลอดเลือดอาร์เทอรี่   ( นำโลหิตออกจากหัวใจ )
-  ไตแต่ละข้างของมนุษย์จะประกอบด้วย  “หน่วยไต”   ( Nephron )  มากมายเกือบราว  1  ล้านหน่วย  หน่วยไตแต่ละหน่วยจะประกอบด้วย  “หลอดเลือดของหน่วยไต”   ( สีแดงและสีน้ำเงินในภาพ )  และ  “ท่อของหน่วยไต”   ( สีเหลืองในภาพ )
-   โลหิตในหลอดเลือดอาร์เทอรี่ก็จะถูกลำเลียงเข้าสู่หลอดเลือดในหน่วยไต ที่บางบริเวณเป็นหลอดเลือดฝอยที่ผนังมีรูพรุนมาก เรียกว่า  “หลอดเลือดโกลเมอรูลัส”   ( Glomerulus )  ซึ่งจะเกิดการกรองสารจากโลหิตเข้าสู่ท่อของหน่วยไตขึ้น  -  แต่สารบางอย่าง เช่น  เซลล์เม็ดเลือด ,  โปรตีนขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น อัลบูมิน   จะไม่สามารถผ่านรูของผนังหลอดเลือดโกลเมอรูลัสได้
-  สารที่ผ่านการกรองจากหลอดเลือดโกลเมอรูลัสบางส่วนจะ ถูกดูดกลับคืน  เช่น  กลูโคส ,  กรดอะมิโน ,  แร่ธาตุบางส่วนที่มีปริมาณน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ -  แต่บางส่วนจะ ขับถ่ายทิ้ง  เช่น  ยูเรีย ,  สารพิษในร่างกาย ,  แร่ธาตุบางส่วนที่มีปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
-  น้ำที่ผ่านการกรองจากหลอดเลือดโกลเมอรูลัสที่ไหลอยู่ในท่อของหน่วยไต จะเปลี่ยนแปลงปริมาณได้ด้วยการดูดกลับออกจากท่อของหน่วยไต หรือการหลั่งเพิ่มเข้าไป -  สารที่ผ่านออกจากหน่วยไตทั้งหมด  เรียกว่า  “น้ำปัสสาวะ”   ( Urine )
กระเพาะปัสสาวะ  ( Urinary bladder ) -  เป็นอวัยวะลักษณะคล้ายกระเปาะที่รับเอาน้ำปัสสาวะจากไตมาเก็บไว้  จนกระทั่งมีปริมาตรของน้ำปัสสาวะอย่างน้อย  250  ลูกบาศก์เซนติเมตร จึง ขับปัสสาวะออกสู่ภายนอกร่างกาย
กลไกการควบคุมการรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆ -  เมื่อ ความเข้มข้นของสารละลายในโลหิตเพิ่มขึ้น ก็จะไปกระตุ้นให้  “สมองส่วนไฮโปทาลามัส”   ( Hypothalamus )  หลั่งสาร  “ ADH ”  ( Anti-Diuretic Hormone )
-  สาร  ADH  จะกระตุ้นให้ท่อของหน่วยไตเพิ่มอัตราการดูดน้ำกลับคืนสู่ร่างกาย  ( โลหิต ) -  สมองส่วนไฮโปทาลามัสยัง กระตุ้นให้เกิดอาการกระหายน้ำ  ทำให้ต้องดื่มน้ำเข้าไป ทั้งหมดนี้จะ ทำให้ความเข้มข้นของสารละลายในโลหิตลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ
การรักษาดุลยภาพของกรด - เบสในร่างกายมนุษย์ “ ภาวะความเป็นกรด - เบสของสารละลาย”  หมายถึง  ความเข้มข้นของ “โปรตอน” หรือไฮโดรเจนไอออน  ( H + )  ที่ละลายอยู่ในสารละลาย  โดยมี  “ค่า  pH ”   เป็นค่าแสดงถึงความเป็นกรด - เบสของสารละลายใดๆ -  ค่า  pH  จะมีค่า ตั้งแต่  0  จนถึง  14  โดยใช้ค่า  pH  ที่ระดับ  7  เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง  หากสารละลายใด มีค่า  pH  ต่ำกว่า  7  ถือเป็นสารละลายที่มีภาวะเป็นกรด  ส่วนสารละลายใด มีค่า  pH  สูงกว่า  7  ถือเป็นสารละลายที่มีภาวะเป็นเบส
-   ในร่างกายมนุษย์ถือว่า ภาวะความเป็นกรด - เบสของร่างกายจะสามารถเทียบเคียงได้จาก  “ภาวะความเป็นกรด - เบสในโลหิต” -   ภาวะความเป็นกรด - เบสของร่างกาย จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ  เช่น เอนไซม์อะไมเลส
-   ความเป็นกรดในโลหิตเกิดจาก การละลายของผลิตภัณฑ์ของการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานของเซลล์ต่างๆในร่างกาย คือ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ในโลหิต  ดังสมการ ... คาร์บอนไดออกไซด์   ( CO 2 ) + น้ำในโลหิต  ( H 2 O ) กรดคาร์บอนิก   ( H 2 CO 3 ) ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน   ( HCO 3 - ) + โปรตอน   ( H + )
-  หากเซลล์ต่างๆมีอัตราการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานที่สูง ก็จะทำให้โลหิตมีความเป็นกรดมากซึ่ง เป็นอันตรายต่อเซลล์และการทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย
-  ดังนั้นร่างกายมนุษย์จึงต้องลดความเป็นกรดของโลหิตลงโดย นำโลหิตที่มี “ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออนและโปรตอน” ละลายอยู่มากไปที่หลอดเลือดฝอยในปอด จากนั้นก็ทำปฏิกิริยาต่อกันจนกลายเป็น “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ”  ดังสมการ ... คาร์บอนไดออกไซด์   ( CO 2 ) + น้ำในโลหิต  ( H 2 O ) กรดคาร์บอนิก   ( H 2 CO 3 ) ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน   ( HCO 3 - ) + โปรตอน   ( H + )
-   ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จะ แพร่เข้าสู่ถุงลมในปอดและออกมาสู่ภายนอกร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก
-  นอกจากนี้ ไตก็สามารถที่ขับเอาโปรตอนที่มากเกินไปออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้ แล้วดูดกลับโซเดียมไอออนหรือไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน เพื่อให้ความเข้มข้นของสารละลายในร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลมากที่สุด

Contenu connexe

Tendances

การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
การรักษาดุลยภาพในร่างกายการรักษาดุลยภาพในร่างกาย
การรักษาดุลยภาพในร่างกายNan Nam
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560Thitaree Samphao
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2Sukanya Nak-on
 
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ พัน พัน
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย Thitaree Samphao
 
ระบบขับถ่าย Excretory system
ระบบขับถ่าย Excretory systemระบบขับถ่าย Excretory system
ระบบขับถ่าย Excretory systemพัน พัน
 
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงานระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงานพัน พัน
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
ระบบของสัตว์
ระบบของสัตว์ระบบของสัตว์
ระบบของสัตว์พัน พัน
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemsupreechafkk
 
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุสำเร็จ นางสีคุณ
 
G biology bio9
G biology bio9G biology bio9
G biology bio9Bios Logos
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasissupreechafkk
 

Tendances (20)

การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
การรักษาดุลยภาพในร่างกายการรักษาดุลยภาพในร่างกาย
การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
 
Biobook
BiobookBiobook
Biobook
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2
 
Respiration m.5
Respiration m.5Respiration m.5
Respiration m.5
 
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ในร่างกายสัตว์
 
การดำรงชีพ
การดำรงชีพการดำรงชีพ
การดำรงชีพ
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
ระบบขับถ่าย Excretory system
ระบบขับถ่าย Excretory systemระบบขับถ่าย Excretory system
ระบบขับถ่าย Excretory system
 
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงานระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
 
ระบบของสัตว์
ระบบของสัตว์ระบบของสัตว์
ระบบของสัตว์
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
 
เซลล์
เซลล์เซลล์
เซลล์
 
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ
7แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ
 
Plan8.4
Plan8.4Plan8.4
Plan8.4
 
G biology bio9
G biology bio9G biology bio9
G biology bio9
 
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
 

Plus de Tatthep Deesukon

ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2Tatthep Deesukon
 
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1Tatthep Deesukon
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4Tatthep Deesukon
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3Tatthep Deesukon
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2Tatthep Deesukon
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1Tatthep Deesukon
 

Plus de Tatthep Deesukon (6)

ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2
 
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต1
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม3
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม1
 

ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต3

  • 1. การรักษาดุลยภาพของน้ำในพืช “ พืช” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น การนำน้ำมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ดังนั้นพืชจึงต้องมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของน้ำ ซึ่งได้แก่ ... 1. การดูดน้ำของรากพืช ( Root Absorption ) 2. การคายน้ำของพืช ( Transpiration )
  • 2. การดูดน้ำของรากพืช ( Root Absorption ) - น้ำที่เข้าสู่พืชมาจากน้ำที่แทรกระหว่างเม็ดดิน ซึ่ง พืชจะใช้เซลล์ขนราก ( Root hair cell ) ดูดน้ำจากแหล่งนั้นเข้ามา - หลักการสำคัญ คือ สารละลายในดินจะต้องมีความเข้มข้นน้อยกว่าสารละลายภายในเซลล์ขนราก น้ำจึงจะออสโมซิสจากดินเข้าเซลล์ขนรากมากกว่าน้ำที่ออสโมซิสจากเซลล์ขนรากออกสู่ดิน
  • 3. การคายน้ำของพืช ( Transpiration ) - น้ำส่วนมากจะออกจากพืชด้วย กระบวนการคายน้ำที่รูปากใบในรูปของไอน้ำ โดยการเปิดรูปากใบจะต้องอาศัย การสะสมของโพแทสเซียมไอออน ( K + ) ในเซลล์คุมที่ปากใบ และ การได้รับแสงสีน้ำเงิน - อัตราการคายน้ำของพืชจะ แปรผกผันกับความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ แต่จะ แปรผันตรงกับอุณหภูมิที่ระดับหนึ่งเท่านั้น
  • 4. - หากพืชอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ดินมีปริมาณน้ำมากกว่าน้ำในรากเล็กน้อย , ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำพอสมควร และอุณหภูมิสูงพอเหมาะ ก็จะทำให้ พืชสามารถลำเลียงน้ำได้โดยไม่ขาดสาย - เว้นแต่ ภายในเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำ ( Xylem ) ในพืชมีฟองอากาศอยู่
  • 5. การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆในร่างกายมนุษย์ “ มนุษย์” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น การนำน้ำไปใช้ในปฏิกิริยาการย่อยสารอาหารประเภทต่างๆ ฯลฯ ซึ่งในแต่ละวันมนุษย์จะได้รับน้ำเหล่านี้ การรับประทานอาหาร , การดื่มน้ำ รวมทั้งการสลายสารอาหารเพื่อให้พลังงานแบบใช้ก๊าซออกซิเจน แต่น้ำก็ มีการสูญเสียจากร่างกายผ่านการขับถ่ายอุจจาระ , ปัสสาวะ , เหงื่อ และการหายใจออกในปริมาณที่เท่ากับน้ำที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ดังนั้นมนุษย์จึงต้องมีการรักษาดุลยภาพของน้ำให้เป็นเช่นนี้อยู่ตลอด
  • 6.  
  • 7. ไต ( Kidney ) - เป็นอวัยวะลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วแดงซึ่งสำคัญการรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆในร่างกายมนุษย์ โดยรักษาดุลยภาพจาก ความเข้มข้นของโลหิตภายในหลอดเลือดอาร์เทอรี่ ( นำโลหิตออกจากหัวใจ )
  • 8. - ไตแต่ละข้างของมนุษย์จะประกอบด้วย “หน่วยไต” ( Nephron ) มากมายเกือบราว 1 ล้านหน่วย หน่วยไตแต่ละหน่วยจะประกอบด้วย “หลอดเลือดของหน่วยไต” ( สีแดงและสีน้ำเงินในภาพ ) และ “ท่อของหน่วยไต” ( สีเหลืองในภาพ )
  • 9. - โลหิตในหลอดเลือดอาร์เทอรี่ก็จะถูกลำเลียงเข้าสู่หลอดเลือดในหน่วยไต ที่บางบริเวณเป็นหลอดเลือดฝอยที่ผนังมีรูพรุนมาก เรียกว่า “หลอดเลือดโกลเมอรูลัส” ( Glomerulus ) ซึ่งจะเกิดการกรองสารจากโลหิตเข้าสู่ท่อของหน่วยไตขึ้น - แต่สารบางอย่าง เช่น เซลล์เม็ดเลือด , โปรตีนขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น อัลบูมิน จะไม่สามารถผ่านรูของผนังหลอดเลือดโกลเมอรูลัสได้
  • 10. - สารที่ผ่านการกรองจากหลอดเลือดโกลเมอรูลัสบางส่วนจะ ถูกดูดกลับคืน เช่น กลูโคส , กรดอะมิโน , แร่ธาตุบางส่วนที่มีปริมาณน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ - แต่บางส่วนจะ ขับถ่ายทิ้ง เช่น ยูเรีย , สารพิษในร่างกาย , แร่ธาตุบางส่วนที่มีปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
  • 11. - น้ำที่ผ่านการกรองจากหลอดเลือดโกลเมอรูลัสที่ไหลอยู่ในท่อของหน่วยไต จะเปลี่ยนแปลงปริมาณได้ด้วยการดูดกลับออกจากท่อของหน่วยไต หรือการหลั่งเพิ่มเข้าไป - สารที่ผ่านออกจากหน่วยไตทั้งหมด เรียกว่า “น้ำปัสสาวะ” ( Urine )
  • 12. กระเพาะปัสสาวะ ( Urinary bladder ) - เป็นอวัยวะลักษณะคล้ายกระเปาะที่รับเอาน้ำปัสสาวะจากไตมาเก็บไว้ จนกระทั่งมีปริมาตรของน้ำปัสสาวะอย่างน้อย 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร จึง ขับปัสสาวะออกสู่ภายนอกร่างกาย
  • 13. กลไกการควบคุมการรักษาดุลยภาพของน้ำและสารต่างๆ - เมื่อ ความเข้มข้นของสารละลายในโลหิตเพิ่มขึ้น ก็จะไปกระตุ้นให้ “สมองส่วนไฮโปทาลามัส” ( Hypothalamus ) หลั่งสาร “ ADH ” ( Anti-Diuretic Hormone )
  • 14. - สาร ADH จะกระตุ้นให้ท่อของหน่วยไตเพิ่มอัตราการดูดน้ำกลับคืนสู่ร่างกาย ( โลหิต ) - สมองส่วนไฮโปทาลามัสยัง กระตุ้นให้เกิดอาการกระหายน้ำ ทำให้ต้องดื่มน้ำเข้าไป ทั้งหมดนี้จะ ทำให้ความเข้มข้นของสารละลายในโลหิตลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ
  • 15. การรักษาดุลยภาพของกรด - เบสในร่างกายมนุษย์ “ ภาวะความเป็นกรด - เบสของสารละลาย” หมายถึง ความเข้มข้นของ “โปรตอน” หรือไฮโดรเจนไอออน ( H + ) ที่ละลายอยู่ในสารละลาย โดยมี “ค่า pH ” เป็นค่าแสดงถึงความเป็นกรด - เบสของสารละลายใดๆ - ค่า pH จะมีค่า ตั้งแต่ 0 จนถึง 14 โดยใช้ค่า pH ที่ระดับ 7 เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง หากสารละลายใด มีค่า pH ต่ำกว่า 7 ถือเป็นสารละลายที่มีภาวะเป็นกรด ส่วนสารละลายใด มีค่า pH สูงกว่า 7 ถือเป็นสารละลายที่มีภาวะเป็นเบส
  • 16. - ในร่างกายมนุษย์ถือว่า ภาวะความเป็นกรด - เบสของร่างกายจะสามารถเทียบเคียงได้จาก “ภาวะความเป็นกรด - เบสในโลหิต” - ภาวะความเป็นกรด - เบสของร่างกาย จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ เช่น เอนไซม์อะไมเลส
  • 17. - ความเป็นกรดในโลหิตเกิดจาก การละลายของผลิตภัณฑ์ของการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานของเซลล์ต่างๆในร่างกาย คือ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ในโลหิต ดังสมการ ... คาร์บอนไดออกไซด์ ( CO 2 ) + น้ำในโลหิต ( H 2 O ) กรดคาร์บอนิก ( H 2 CO 3 ) ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน ( HCO 3 - ) + โปรตอน ( H + )
  • 18. - หากเซลล์ต่างๆมีอัตราการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานที่สูง ก็จะทำให้โลหิตมีความเป็นกรดมากซึ่ง เป็นอันตรายต่อเซลล์และการทำงานของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย
  • 19. - ดังนั้นร่างกายมนุษย์จึงต้องลดความเป็นกรดของโลหิตลงโดย นำโลหิตที่มี “ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออนและโปรตอน” ละลายอยู่มากไปที่หลอดเลือดฝอยในปอด จากนั้นก็ทำปฏิกิริยาต่อกันจนกลายเป็น “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ” ดังสมการ ... คาร์บอนไดออกไซด์ ( CO 2 ) + น้ำในโลหิต ( H 2 O ) กรดคาร์บอนิก ( H 2 CO 3 ) ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน ( HCO 3 - ) + โปรตอน ( H + )
  • 20. - ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จะ แพร่เข้าสู่ถุงลมในปอดและออกมาสู่ภายนอกร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก
  • 21. - นอกจากนี้ ไตก็สามารถที่ขับเอาโปรตอนที่มากเกินไปออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้ แล้วดูดกลับโซเดียมไอออนหรือไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน เพื่อให้ความเข้มข้นของสารละลายในร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลมากที่สุด