Contenu connexe
Similaire à ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 6 (20)
Plus de ชโลธร กีรติศักดิ์กุล (20)
ศูนย์ที่ 2 ชุดที่ 6
- 2. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 12
บัตรคาสั่งศูนย์ ที่ 2
หน้ าที่ของนัยน์ ตา
โปรดอ่านบัตรคาสั่งให้ เข้ าใจ แล้วปฏิบัติตามลาดับขั้นตอนด้ วยความตั้งใจ
1. หัวหน้ ากลุ่มแจกบัตรทั้งหมดให้ สมาชิ ก ยกเว้ นบัตรเฉลย
2. หัวหน้ ากลุ่มให้ สมาชิ กอ่ านบัตรคาสั่ ง พร้ อมกับปฏิบัตตามคาสั่ ง
ิ
3. สมาชิกศึกษาบัตรเนือหา ใช้ เวลา 15 นาที
้
4. สมาชิกอ่านบัตรคาถาม แล้วตอบคาถามลงในแบบบันทึกการปฏิบัติกจกรรม ิ
5. หัวหน้ าอ่านบัตรเฉลย
6. เวลาทากิจกรรม ประมาณ 20 นาที เมื่อปฏิบัติกจกรรมเรียบร้ อยแล้ว
ิ
ขอให้ ทุกคนเก็บบัตรทุกใบใส่ ในซองให้ เรี ยบร้ อยและถูกต้ อง
ยกเว้นแบบบันทึกการปฏิบัติกจกรรม ิ
- 3. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 13
บัตรเนือหาศูนย์ ที่ 2
้
หน้ าที่ของนัยน์ ตา
นักเรียนคิดว่ าม่ านตาเทียบได้ กบส่ วนใด
ั
ของกล้ องถ่ ายรู ปหรือกล้ องจุลทรรศน์
ภาพจาลองแสดงเซลล์ รูปแท่ งและเซลล์ รูปกรวย
ทีมา : mulinet6.li.mahidol.ac.th/.../rod_cell.jpg 224 x 157 - 32k ( 10 เมษายน 2550 )
่
จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถบอกหน้ าทีของนัยน์ ตาได้
่
- 4. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 14
นัยน์ ตาและการมองเห็น
นัยน์ ตาของมนุษย์ มีรูปร่ างค่ อนข้ างกลม อยู่ในเบ้ าตา มีส่วนประกอบ 3 ส่ วน ดังนี้
1. เยือชั้นนอก เรียกว่า สเคอรา (sclera) มีลษณะหนาและเหนียว เพือต้ านแรงดันของ
่ ั ่
ของเหลวในลูกตาให้ คงรู ป สเคอราจะเจริญเปลียนแปลงเป็ น กระจกตา (cornea) ซึ่งเป็ นส่ วน
่
หน้ าสุ ดผิวโค้ งสม่าเสมอ โปร่ งแสง ไม่ มีเส้ นเลือดมาหล่ อเลียง บางทีเรียกว่ า ตาดา กระจกตาช่ วย
้
ในการหักเหแสงทาหน้ าทีเ่ ป็ นเลนส์ อกอันหนึ่ง หากเป็ นฝ้ าทึบจะมองไม่ เห็นปัจจุบันสามารถ
ี
เปลียนกระจกตาได้ และ ตาขาว เป็ นส่ วนทีอยู่รอบ ๆ ตาดา มีสีขาวขุ่นแสงผ่ านไม่ ได้
่ ่
2. เยือชั้นคอรอยด์ (horoids) เป็ นผนังชั้นในถัดจากสเคอราเข้ าไป ภายในประกอบด้ วย
่
เส้ นเลือดฝอย มีรงควัตถุสีดา คือ เมลานินจานวนมาก ประกอบด้ วย
- กล้ามเนือม่ านตา (Iris) เป็ นส่ วนทีมีรงควัตถุทาให้ นัยน์ ตามีสีดา สี ฟา นาตาล
้ ่ ้ ้
ตรงกลางม่ านตามีช่อง ปิ วปิ ล (pupil) ยอมให้ แสงผ่ านเข้ าไปยังเลนส์ ม่ านตาควบคุมการปิ ดเปิ ด
ของปิ วปิ ล หากมีแสงสว่างมากปิ วปิ ลจะแคบ และมีแสงน้ อยปิ วปิ ลจะเปิ ดกว้าง ม่ านตาเปรียบ
เหมือนไดอะแฟรม (diaphragm) ช่ วยปรับแสงให้ พอเหมาะทาให้ เราสามารถมองเห็นภาพได้
- เลนส์ รับภาพ (lens) หรือแก้วตา มีลษณะใสยึดติดกับเอนยึดเลนส์
ั
- กล้ามเนือยึดเลนส์ ( Cillary muscle) ควบคุมการเปลี่ยนรู ปร่ างและความ
้
โค้ งนูนของเลนส์ ทาให้ มองเห็นภาพทีอยู่ใกล้ หรือไกลได้ ชัดเจน
่
ภาพแสดงโครงสร้ างของนัยน์ ตา
ทีมา : www.topcharoen.co.th/.../image009.jpg 508 x 377 - 41k ( 10 เมษายน 2550 )
่
- 5. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 15
3. เยือชั้นเรตินา ( retina ) ชั้ นในสุ ด มีเซลล์ รับแสง คือเซลล์ รูปแท่ ง (rod cell)
่
ทาหน้ าทีรับแสงสว่ างได้ ไวมาก และเซลล์ รูปกรวย (cone cell) ซึ่งรับแสงได้ ดี หากเปรียบกับ
่
กล้ องถ่ ายรู ป เรตินาเปรี ยบได้ กบฟิ ล์ มทีใช้ บันทึกภาพ ภายในเรตินา ประกอบด้ วย
ั ่
3.1 เซลล์ รูปแท่ ง ( rod cell ) เป็ นเซลล์ รูปร่ างยาวทาหน้ าทีเ่ ป็ นเซลล์ รับแสงได้ ไวมาก
แม้ ในทีสลัว ๆ หรือมีแสงสว่ างน้ อยก็ยงรับภาพได้ แต่ ไม่ สามารถบอกความแตกต่ างของสี ได้
่ ั
เรตินาข้ างหนึ่งมีเซลล์ รูปแท่ งประมาณ 125 ล้ านเซลล์ ภายในเซลล์ รูปแท่ งมีรงควัตถุ สี ม่วงแดง
เรียกว่า โรดอปซิน ( Rhodopsin ) ซึ่งไวต่ อแสงมาก เมื่อถูกแสงสว่ างสารนีจะเปลียนเป็ น ้ ่
เรตินีน( retinene ) และ ออปซิน ( Opsin ) พร้ อมกับมีพลังงานกระตุ้นให้ เกิดกระแสประสาท
ส่ งไปตามใยประสาทออปติกไปแปลผลทีสมองทาให้ มองเห็นภาพ เมื่อไม่ มีแสงเรตินีนและ
่
ออปซินจะรวมตัวกันกลายเป็ น โรดอปซินตามเดิม เรตินีนสั งเคราะห์ มาจากวิตามินเอ
ถ้ าขาดวิตามินเอจะทาให้ ตาพร่ าเพราะการสร้ าง โรดอปซินเกิดขึนได้ ช้าลง้
ภาพแสดงลักษณะของเซลล์ รูปแท่ ง
ทีมา : mulinet6.li.mahidol.ac.th/.../rod_cell.jpg 224 x 157 - 32k (10 เมษายน 2550)
่
- 6. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 16
3.2 เซลล์ รูปกรวย (cone cell) เป็ นเซลล์ทใช้ บอกความแตกต่ างของสี ได้ แต่ ต้องมีแสง
ี่
สว่ างมาก เซลล์ จึงทางานได้ ดี เซลล์ รูปกรวยในเรตินามีข้างละประมาณ 7 ล้ านเซลล์
ในเซลล์ รูปกรวยมีเซลล์ ทไวต่ อแสงสี แดง สี นาเงิน และสี เขียว
ี่ ้
เซลล์ รูปกรวยมีความหนาแน่ นมากทีสุดบริ เวณใจกลางเรตินา เรี ยกจุดนีว่า โฟเวีย
่ ้
(Fovea) เป็ นบริเวณที่รับภาพได้ ชัดเจนทีสุด ส่ วนใน เรตินา ทีไม่ มีเซลล์ รูปแท่ งและ
่ ่
เซลล์ รูปกรวยเลยจะมองไม่ เห็นภาพ เรี ยกว่ า จุดบอด (Blind spot)
ภาพจาลองแสดงเซลล์ รูปแท่ งและเซลล์ รูปกรวย
ทีมา : mulinet6.li.mahidol.ac.th/.../rod_cell.jpg 224 x 157 - 32k ( 10 เมษายน 2550 )
่
- 7. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรี ยนวิชาชีววิทยา ว42141 ชุดที่ 6 นัยน์ตาและการมองเห็น 17
บัตรคาถามศูนย์ ที่ 2
หน้ าที่ของนัยน์ ตา
คาชี้แจง ให้ นักเรียนเลือกคาตอบทีเ่ ห็นว่าถูกต้ องทีสุดเพียงข้ อเดียว
่
1. เซลล์ รูปแท่ งและเซลล์ รูปกรวยของเรตินาทาหน้ าทีใด
่
ก. กรองแสง
ข. ปรับโฟกัสแสง
ค. ขยายความเข้ มแสง
ง. เปลียนแปลงพลังงานแสง
่
2. ส่ วนใดทีทาหน้ าทีปองกันการสะท้ อนแสงในตาของสั ตว์ เลียงลูกด้ วยนานม
่ ่้ ้ ้
ก. เรตินา
ข. คอรอยด์
ค. สเคอรา
ง. กระจกตา
3. ชั้ นของนัยน์ ตาทีมีเส้ นเลือดและรงควัตถุกระจายอยู่เป็ นจานวนมากคือข้ อใด
่
ก. ม่ านตา
ข. เรตินา
ค. คอรอยด์
ง. สเคอรา
4. ข้ อใดต่ อไปนีคือ สารโรดอปซิน
้
ก. เรตินา + ออปซิน
ข. เรตินีน + ออปซิน
ค. เรตินีน + ดอปซิน
ง. วิตามินเอ + โรดอปซิน
5. การผ่าตัดเปลียนดวงตาในคน เป็ นการเปลียนส่ วนใด
่ ่
ก. ดวงตาทั้งดวง
ข. เรตินาและคอรอยด์
ค. เฉพาะเลนส์ รับภาพ
ง. เฉพาะกระจกตาเท่านั้น