Contenu connexe
Similaire à งานนำเสนอ การจัดการฐานข้อมุล (20)
งานนำเสนอ การจัดการฐานข้อมุล
- 2. ฐานข้ อมูลและระบบจัดการฐานข้ อมูล
ในปั จจุบนการจัดโครงสร้างข้อมูลให้เป็ นแบบฐานข้อมูลกาลังเป็ นที่
ั
นิ ยม เกือบทุกหน่วยงานที่มีการใช้ระบบสารสนเทศจะจัดทาข้อมูลให้เป็ น
แบบฐานข้อมูล เนื่ องจากปริ มาณข้อมูลมีมากถ้าจัดข้อมูลเป็ นแบบ
แฟ้ มข้อมูลจะทาให้มีแฟ้ มข้อมูลเป็ นจานวนมาก ซึ่ งจะทาให้เกิดข้อมูลที่
ซ้ าซ้อนกันได้ ข้อมูลที่ซ้ าซ้อนนี้ จะก่อให้เกิดปั ญหามากมาย
- 3. 1. ความหมายของระบบฐานข้ อมูล
ฐานข้อมูล (database) หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้
โดยมีความสัมพันธ์ซ่ ึ งกันและกัน โดยไม่ได้บงคับว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ จะต้องเก็บไว้
ั
ในแฟ้ มข้อมูลเดียวกันหรื อแยกเก็บหลาย ๆ แฟ้ มข้อมูล นันก็คือการเก็บข้อมูลใน
่
ฐานข้อมูลนั้นเราอาจจะเก็บทั้งฐานข้อมูล โดยใช้แฟ้ มข้อมูลเพียงแฟ้ มข้อมูลเดียวกัน
ได้ หรื อจะเก็บไว้ในหลาย ๆ แฟ้ มข้อมูล ที่สาคัญคือจะต้องสร้างความสัมพันธ์
ระหว่างระเบียนและเรี ยกใช้ความสัมพันธ์น้ นได้ มีการกาจัดความซ้ าซ้อนของข้อมูล
ั
ออกและเก็บแฟ้ มข้อมูลเหล่านี้ ไว้ที่ศูนย์กลาง เพื่อที่จะนาข้อมูลเหล่านี้ มาใช้ร่วมกัน
- 4. 2. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล
การจัดข้อมูลให้เป็ นระบบฐานข้อมูลทาให้ขอมูลมีส่วนดีกว่าการ
้
เก็บข้อมูลในรู ปของแฟ้ มข้อมูล เพราะการจัดเก็บข้อมูลในระบบ
ฐานข้อมูล จะมีส่วนที่สาคัญกว่าการจัดเก็บข้อมูลในรู ปของแฟ้ มข้อมูล
ดังนี้
- 5. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
่
1. ลดการเก็บข้ อมูลที่ซ้าซ้ อน ข้อมูลบางชุดที่อยูในรู ปของแฟ้ มข้อมูลอาจมี
่
ปรากฏอยูหลาย ๆ แห่ ง เพราะมีผใช้ขอมูลชุดนี้ หลายคน เมื่อใช้ระบบฐานข้อมูลแล้ว
ู้ ้
่
จะช่วยให้ความซ้ าซ้อนของข้อมูลลดน้อยลง เช่น ข้อมูลอยูในแฟ้ มข้อมูลของผูใช้ ้
หลายคน ผูใช้แต่ละคนจะมีแฟ้ มข้อมูลเป็ นของตนเอง ระบบฐานข้อมูลจะลดการ
้
ซ้ าซ้อนของข้อมูลเหล่านี้ ให้มากที่สุด โดยจัดเก็บในฐานข้อมูลไว้ที่เดียวกัน ผูใช้ทุก
้
คนที่ตองการใช้ขอมูลชุดนี้ จะใช้โดยผ่านระบบฐานข้อมูล ทาให้ไม่เปลืองเนื้ อที่ใน
้ ้
การเก็บข้อมูลและลดความซ้ าซ้อนลงได้
- 6. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
2.รั กษาความถูกต้ องของข้ อมูล เนื่ องจากฐานข้อมูลมีเพียง
่
ฐานข้อมูลเดียว ในกรณี ท่ีมีขอมูลชุดเดียวกันปรากฏอยูหลายแห่ งใน
้
ฐานข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้จะต้องตรงกัน ถ้ามีการแก้ไขข้อมูลนี้ ทุก ๆ แห่ งที่
่
ข้อมูลปรากฏอยูจะแก้ไขให้ถูกต้องตามกันหมดโดยอัตโนมัติดวยระบบ ้
จัดการฐานข้อมูล
- 7. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
3.การป้ องกันและรั กษาความปลอดภัยให้ กับข้ อมูลทาได้ อย่ างสะดวก การ
ป้ องกันและรักษาความปลอดภัยกับข้อมูลระบบฐานข้อมูลจะให้เฉพาะผูที่เกี่ยวข้อง ้
เท่านั้นจึ งจะมีสิทธิ์ เข้าไปใช้ฐานข้อมูลได้เรี ยกว่ามีสิทธิ ส่วนบุคคล (privacy) ซึ่ ง
ก่อให้เกิดความปลอดภัย (security) ของข้อมูลด้วย ฉะนั้นผูใดจะมีสิทธิ์ ที่จะ
้
เข้าถึงข้อมูลได้จะต้องมีการกาหนดสิ ทธิ์ กันไว้ก่อนและเมื่อเข้าไปใช้ขอมูลนั้น ๆ
้
ผูใช้จะเห็นข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลในรู ปแบบที่ผใช้ออกแบบไว้
้ ู้
- 8. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
4.สามารถใช้ ข้อมูลร่ วมกันได้ เนื่ องจากในระบบฐานข้อมูลจะเป็ นที่เก็บ
รวบรวมข้อมูลทุกอย่างไว้ ผูใช้แต่ละคนจึ งสามารถที่จะใช้ขอมูลในระบบได้ทุก
้ ้
ข้อมูล ซึ่ งถ้าข้อมูลไม่ได้ถูกจัดให้เป็ นระบบฐานข้อมูลแล้ว ผูใช้ก็จะใช้ได้เพียงข้อมูล
้
ของตนเองเท่านั้น เช่น ดังภาพที่ 4.9 ข้อมูลของระบบเงินเดือน ข้อมูลของ
ระบบงานบุคคลถูกจัดไว้ในระบบแฟ้ มข้อมูลผูใช้ที่ใช้ขอมูลระบบเงินเดือน จะใช้
้ ้
ข้อมูลได้ระบบเดียว แต่ถาข้อมูลทั้ง 2 ถูกเก็บไว้เป็ นฐานข้อมูลซึ่ งถูกเก็บไว้ในที่ที่
้
เดียวกัน ผูใช้ท้ ง 2 ระบบก็จะสามารถเรี ยกใช้ฐานข้อมูลเดียวกันได้ ไม่เพียงแต่
้ ั
ข้อมูลเท่านั้นสาหรับโปรแกรมต่าง ๆ ถ้าเก็บไว้ในฐานข้อมูลก็จะสามารถใช้ร่วมกัน
ได้
- 9. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
5.มีความเป็ นอิสระของข้ อมูล เมื่อผูใช้ตองการเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรื อ
้ ้
นาข้อมูลมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับโปรแกรมที่เขียนขึ้นมา จะสามารถสร้าง
ข้อมูลนั้นขึ้นมาใช้ใหม่ได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อระบบฐานข้อมูล เพราะข้อมูลที่
ผูใช้นามาประยุกต์ใช้ใหม่น้ นจะไม่กระทบต่อโครงสร้างที่แท้จริ งของการจัดเก็บ
้ ั
ข้อมูล นันคือ การใช้ระบบฐานข้อมูลจะทาให้เกิดความเป็ นอิสระระหว่างการจัดเก็บ
่
ข้อมูลและการประยุกต์ใช้
- 10. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
6.สามารถขยายงานได้ ง่าย เมื่อต้องการจัดเพิ่มเติมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
จะสามารถเพิ่มได้อย่างง่ายไม่ซบซ้อน เนื่ องจากมีความเป็ นอิสระของ
ั
ข้อมูล จึงไม่มี ผลกระทบต่อข้อมูลเดิมที่มีอยู่
- 11. ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
7.ทาให้ ข้อมูลบูรณะกลับสู่ สภาพปกติได้ เร็ วและมีมาตรฐาน เนื่ องจากการ
จัดพิมพ์ขอมูลในระบบที่ไม่ได้ใช้ฐานข้อมูล ผูเ้ ขียนโปรแกรมแต่ละคนมีแฟ้ มข้อมูล
้
ของตนเองเฉพาะ ฉะนั้นแต่ละคนจึ งต่างก็สร้างระบบการบูรณะข้อมูลให้กลับสู่ สภาพ
ปกติในกรณี ที่ขอมูลเสี ยหายด้วยตนเองและด้วยวิธีการของตนเอง จึงขาด
้
ประสิ ทธิ ภาพและมาตรฐาน แต่เมื่อมาเป็ นระบบฐานข้อมูลแล้ว การบูรณะข้อมูลให้
กลับคืนสู่ สภาพปกติจะมีโปรแกรมชุดเดียวและมีผดูแลเพียงคนเดียวที่ดูแลทั้งระบบ
ู้
ซึ่ งย่อมต้องมีประสิ ทธิ ภาพและเป็ นมาตรฐานเดียวกันแน่ นอน
- 12. 3.การบริหารฐานข้ อมูล
ในระบบฐานข้อมูลนอกจากจะมีระบบการจัดการฐานข้อมูล ซึ่ งเป็ น
ซอฟต์แวร์ ที่สร้างขึ้นเพื่อจัดการกับข้อมูลให้เป็ นระบบ จะได้นาไปเก็บรักษา เรี ยกใช้
หรื อนามาปรับปรุ งให้ทนสมัยได้ง่ายแล้ว ในระบบฐานข้อมูลยังต้องประกอบด้วย
ั
บุคคลที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลระบบฐานข้อมูล คือ ผูบริ หารฐานข้อมูล
้
เหตุผลสาหรับประการหนึ่ งของการจัดทาระบบจัดการฐานข้อมูล คือ การมี
ศูนย์กลางควบคุมทั้งข้อมูลและโปรแกรมที่เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น บุคคลที่มีอานาจ
หน้าที่ดูแลการควบคุมนี้ เรี ยกว่า ผูบริ หารฐานข้อมูล หรื อ DBA (database
้
administrator) คือ ผูมีหน้าที่ควบคุมการบริ หารงานของฐานข้อมูลทั้งหมด
้
- 13. 4. หน้ าทีของผู้บริหารฐานข้ อมูล
่
1. กาหนดโครงสร้ างหรื อรู ปแบบของฐานข้ อมูล โดยทาการวิเคราะห์
และตัดสิ นใจว่ าจะรวมข้ อมูลใดเข้ าไว้ ในระบบใดบ้ าง ควรจะจัดเก็บข้ อมูล
ด้ วยวิธีใด และใช้ เทคนิคใดในการเรี ยกใช้ ข้อมูลอย่ างไร
- 14. หน้ าทีของผู้บริหารฐานข้ อมูล(ต่ อ)
่
2. กาหนดโครงสร้ างของอุปกรณ์ เก็บข้ อมูลและวิธีการเข้ าถึงข้ อมูล
โดยกาหนดโครงสร้างของอุปกรณ์เก็บข้อมูลและวิธีการเข้าถึงข้อมูล
พร้อมทั้งกาหนดแผนการในการสร้างระบบข้อมูลสารองและการฟื้ น
สภาพ โดยการจัดเก็บข้อมูลสารองไว้ทุกระยะ และจะต้องเตรี ยมการไว้ว่า
ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้วจะทาการฟื้ นสภาพได้อย่างไร
- 15. หน้ าทีของผู้บริหารฐานข้ อมูล(ต่ อ)
่
3. มอบหมายขอบเขตอานาจหน้ าที่ของการเข้ าถึงข้ อมูลของผู้ใช้ โดย
การประสานงานกับผูใช้ ให้คาปรึ กษา ให้ความช่วยเหลือแก่ผใช้ และ
้ ู้
ตรวจตราความต้องการของผูใช้
้
- 17. หน้ าทีของระบบการจัดการฐานข้ อมูล
่
1.ระบบจัดการฐานข้ อมูลเป็ นซอฟต์ แวร์ ที่ทาหน้ าที่ดังต่ อไปนี้ ดูแลการใช้
ั ้
งานให้กบผูใช้ ในการติดต่อกับตัวจัดการระบบแฟ้ มข้อมูลได้ ในระบบฐานข้อมูลนี้
ข้อมูลจะมีขนาดใหญ่ ซึ่ งจะถูกจัดเก็บไว้ในหน่ วยความจาสารองเมื่อผูใช้ตองการจะ
้ ้
ใช้ฐานข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะทาหน้าที่ติดต่อกับระบบแฟ้ มข้อมูลซึ่ ง
เสมือนเป็ นผูจดการแฟ้ มข้อมูล (file manager) นาข้อมูลจากหน่ วยความจา
้ั
สารองเข้าสู่ หน่ วยความจาหลักเฉพาะส่ วนที่ตองการใช้งาน และทาหน้าที่ประสาน
้
กับตัวจัดการระบบแฟ้ มข้อมูลในการจัดเก็บ เรี ยกใช้ และแก้ไขข้อมูล
- 18. หน้ าที่ของระบบการจัดการฐานข้ อมูล(ต่ อ)
2.ควบคุมระบบความปลอดภัยของข้ อมูลโดยป้ องกันไม่ให้ผที่ไม่ได้รับ
ู้
อนุ ญาตเข้ามาเรี ยกใช้หรื อแก้ไขข้อมูลในส่ วนป้ องกันเอาไว้ พร้อมทั้งสร้างฟั งก์ชน
ั
ในการจัดทาข้อมูลสารอง โดยเมื่อเกิดมีความขัดข้องของระบบแฟ้ มข้อมูลหรื อของ
เครื่ องคอมพิวเตอร์ เกิดการเสี ยหายนั้น ฟั งก์ชนนี้ จะสามารถทาการฟื้ นสภาพของ
ั
ระบบข้อมูลกลับเข้าสู่ สภาพที่ถูกต้องสมบูรณ์ได้
- 20. 6. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล
ระบบฐานข้อมูลส่ วนใหญ่ เป็ นระบบที่มีการนาคอมพิวเตอร์ เข้ามา
ช่วยในการจัดเก็บข้อมูล แบ่งออกเป็ น 5 ประเภท คือ
- 21. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล
1.ฮาร์ ดแวร์ (Hardware)
ในระบบฐานข้อมูลที่มีประสิ ทธิ ภาพควรมีฮาร์ ดแวร์ ต่าง ๆ ที่พร้อมจะ
อานวยความสะดวกในการบริ หารฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
- 22. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
2.โปรแกรม (Program)
ในการประมวลผลฐานข้อมูลนั้น ต้องใช้งานหลายรู ปแบบ จึ งจาเป็ นจะต้องมี
โปรแกรมที่ทาหน้าที่ต่าง ๆ ได้ เช่น ควบคุมดูแลฐานข้อมูล สร้างฐานข้อมูล สร้าง
รายงาน จัดการรายงาน เป็ นต้น เรี ยกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database
Management System : DBMS) โดยโปรแกรมเหล่านี้ ทาหน้าที่จดการ ั
ฐานข้อมูลและเป็ นสื่ อกลางระหว่างผูใช้และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
้
- 23. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
3.ข้ อมูล (Data)
ฐานข้อมูลเป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลให้เป็ นศูนย์กลางข้อมูลอย่างมี
ระบบ ซึ่ งข้อมูลเหล่านี้ สามารถเรี ยกใช้ร่วมกันได้
- 24. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
4.บุคลากร (People)
มีดงนี้
ั
• ผูใช้ทวไป (User)
้ ั่
• พนักงานปฏิบติการ (Operator)
ั
• นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst)
• ผูเ้ ขียนโปรแกรมประยุกต์ใช้งาน (Programmer)
• ผูบริ หารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA)
้
- 25. องค์ ประกอบของระบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
5.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Procedures)
ควรมีการจัดทาเอกสารที่ระบุข้ นตอนการทางานของหน้าที่งานต่าง ๆ ไว้ ซึ่ ง
ั
จะช่วยในการทางานและแก้ปัญหา
- 26. 7. ข้ อดี-ข้ อเสี ยของการประมวลผลแบบฐานข้ อมูล
ข้ อดีของการประมวลผลแบบฐานข้ อมูล
• หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูลได้ การจัดการฐานข้อมูลช่วยลดขั้นตอนและ
ความซับซ้อนของข้อมูลได้
• สามารถใช้ขอมูลร่ วมกันได้ การจัดการฐานข้อมูลเป็ นการเก็บข้อมูลรวมไว้
้
ด้วยกัน เพื่อผูใช้จะสามารถใช้ขอมูลที่ ต้องการได้
้ ้
• สามารถลดความซ้ าซ้อนของข้อมูล ข้อมูลประเภทเดียวกันจะถูกเก็บไว้ในแฟ้ ม
เดียวกัน ลดปั ญหาความซ้ าซ้อนของข้อมูล อีกยังลดปั ญหาการประมวลผลที่ชาได้
้
- 27. ข้ อดี-ข้ อเสี ยของการประมวลผลแบบฐานข้ อมูล(ต่ อ)
ข้ อเสี ยของการประมวลผลแบบฐานข้ อมูล
• มีตนทุนสู ง ต้องใช้ทุนด้านต่าง ๆ เช่น ซอฟต์แวร์ บุคลากร เป็ นต้น
้
• มีความซับซ้อน การเริ่ มใช้ระบบฐานข้อมูลอาจทาให้เกิดความสลับซับซ้อนได้
เช่น การจัดเก็บ การออกแบบ
• การเสี่ ยงต่อการหยุดชะงักของระบบ เนื่ องจากการเก็บข้อมูลเป็ นศูนย์กลาง เมื่อ
เกิดปั ญหาขึ้นทาให้ส่วนอีกกระทบไปด้วย
- 28. 8. ความสั มพันธ์
(RELATIONSHIP)
ฐานข้อมูลจะประกอบด้วยแฟ้ มข้อมูลหลาย ๆ แฟ้ มข้อมูล
ซึ่ งมีการเก็บข้อมูล ที่ต่างกัน จึงต้องมีการกาหนดความสัมพันธ์ระหว่าง
ข้อมูลต่าง ๆ
- 29. ความสั มพันธ์
(RELATIONSHIP)(ต่ อ)
1.ความสัมพันธ์แบบหนึ่ งต่อหนึ่ ง (One-to-One Relationship)
เป็ นความสัมพันธ์ที่มีระเบียนเพียง 1 ระเบียนในเอนทิต้ ี A และ B ที่มี
ความสัมพันธ์เพียง 1 ระเบียน
2.ความสัมพันธ์แบบหนึ่ งต่อกลุ่ม (One-to-Many Relationship)
เป็ นความสัมพันธ์ที่มีระเบียนหนึ่ งระเบียนในเอนทิต้ ี A ที่มีความสัมพันธ์หลาย
ระเบียนในเอนทิต้ ี B
- 30. ความสั มพันธ์
(RELATIONSHIP)(ต่ อ)
3.ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม (Many-to-Many Relationship)
เป็ นความสัมพันธ์ที่มีระเบียนในเอนทิต้ ี A และ B ที่มีความสัมพันธ์หลายระเบียน
4.ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อหนึ่ ง (Many-to-One Relationship)
เป็ นความสัมพันธ์ที่มีระเบียนหนึ่ งระเบียนในเอนทิต้ ี B ที่มีความสัมพันธ์หลาย
ระเบียนในเอนทิต้ ี A
- 31. 9. การออกแบบระบบฐานข้ อมูล
(DATABASE DESIGN)
การออกแบบฐานข้อมูล วัตถุประสงค์ของขั้นตอนการออกแบบฐานข้อมูล
เพื่อให้ได้ขอมูลและความสัมพันธ์ (Relationships) ของข้อมูลที่จะต้องมีใน
้
ระบบงาน หรื อตามที่ผูใช้กลุ่มต่าง ๆ ต้องการ การออกแบบข้อมูล (Data
้
Modeling) เพื่อให้ทราบถึงความหมายของข้อมูล สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3
ระดับคือ
- 32. การออกแบบระบบฐานข้ อมูล (DATABASE
DESIGN) (ต่ อ)
1.การออกแบบข้ อมูลในระดับแนวคิด (Conceptual Database Design)
เป็ น 2.การออกแบบโดยไม่คานึ งปั จจัยด้านกายภาพ (Physical) และ 3.ระบบ
จัดการฐานข้อมูล (DBMS) ที่เลือกใช้ ขั้นตอนนี้ เป็ นเพียงออกแบบถึงข้อมูลที่
ต้องการ และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลในฐานข้อมูลเท่านั้น กล่าวคือ ขั้นตอนนี้ ยง
ั
ไม่คานึ งถึงระบบจัดการฐานข้อมูล
- 33. ปัจจัยด้ านกายภาพอืน ๆ (PHYSICAL)
่
การออกแบบในระดับนี้ บางครั้งเรี ยกว่าการออกแบบในระดับสู ง (High-
Level Database Design) การออกแบบฐานข้อมูลในระดับนี้ สามารถใช้
แนวทางแบบ Data Oriented ซึ่ งสามารถออกแบบข้อมูลได้ 2 ลักษณะ คือ
- 34. ปัจจัยด้ านกายภาพอืน ๆ
่
(PHYSICAL)(ต่ อ)
1.แบบล่ างไปบน (Bottom-Up)
วิธีการนี้ เริ่ มต้นการพิจารณาจากรายละเอียดของข้อมูล หรื อแอททริ บิวต์
(Attribute) แล้วนามาจัดกลุ่มเป็ นเอนทิต้ ี (Entity) และความสัมพันธ์
(Relationship) วิธีน้ ี เหมาะสาหรับฐานข้อมูลที่มีรายละเอียดไม่มากและไม่
ซ้ าซ้อน
- 35. ปัจจัยด้ านกายภาพอืน ๆ
่
(PHYSICAL)(ต่ อ)
2.แบบบนมาล่ าง (Top-Down)
วิธีการนี้ เริ่ มต้นจากการกาหนดเอนทิต้ ีว่ามีเอนทิต้ ีอะไรบ้าง (Hint-level
Entity) แล้วทาการพิจารณารายละเอียดของข้อมูลที่แต่ละเอนทิต้ ีควรจะมี รวมถึง
ความสัมพันธ์ต่างๆ วิธีการนี้ เหมาะสาหรับองค์กรที่มีฐานข้อมูลซับซ้อน และมี
รายละเอียดของข้อมูลมาก
- 36. ปัจจัยด้ านกายภาพอืน ๆ
่
(PHYSICAL)(ต่ อ)
การออกแบบข้ อมูลในระดับตรรกะ (Logical Database Design)
เป็ นการนาผลจากการออกแบบในระดับแนวคิดมาวิเคราะห์และออกแบบ โดยใน
ขั้นตอนนี้ เป็ นการแปลงผลจากการออกแบบในระดับแนวคิด (Mapping) ให้อยู่
ในรู ปแบบของระบบจัดการฐานข้อมูลที่เลือกใช้ เช่น รู ปแบบเชิ งสัมพันธ์
(Relational Model)
- 37. ปัจจัยด้ านกายภาพอืน ๆ
่
(PHYSICAL)(ต่ อ)
การออกแบบฐานข้ อมูลในระดับกายภาพ (Physical Database Design)
ขั้นตอนนี้ เป็ นการนาข้อมูลที่ออกแบบในระดับตรรกะ มากาหนดโครงสร้างข้อมูลและการ
จัดเก็บวิธีการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการจัดการด้านระบบความปลอดภัยเพื่อในฐานข้อมูล
ทางานได้อย่างมีประสิ ทธิ ผลมาก
- 40. เฉลย
กลุ่มของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ โดยมีความสัมพันธ์ซ่ ึ ง
กันและกัน โดยไม่ได้บงคับว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ จะต้องเก็บไว้ใน
ั
แฟ้ มข้อมูลเดียวกัน
- 50. เฉลย
1.ผูใช้ทวไป (User)
้ ั่
2.พนักงานปฏิบติการ (Operator)
ั
3.นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst)
4.ผูเ้ ขียนโปรแกรมประยุกต์ใช้งาน (Programmer)
5.ผูบริ หารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA)
้
- 56. เฉลย
1.มีตนทุนสู ง ต้องใช้ทุนด้านต่างๆ เช่น ซอฟต์แวร์ บุคลากร
้
2. มีความซับซ้อน การเริ่ มใช้ระบบฐานข้อมูลอาจทาให้เกิดความ
สลับซับซ้อนได้ เช่น การจัดเก็บ การออกแบบ
3.การเสี่ ยงต่อการหยุดชะงักของระบบ เนื่ องจากการเก็บข้อมูล
เป็ นศูนย์กลาง เมื่อเกิดปั ญหาขึ้นทาให้ส่วนอีกกระทบไปด้วย