SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  25
Télécharger pour lire hors ligne
เครื่องใช้ ไฟฟา
              ้
 เครื่องใช้ ไฟฟ้ า คือ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานรู ปอื่น เพื่อ
 นาไปใช้ในชีวตประจาวัน ได้แก่
                  ิ
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ แสงสว่ าง
                   ่

    อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้ า หลอดฟลูออ
เรสเซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสน (Thomas Alva Edison) นัก
                                                    ั
                   ั
ฟิ สิ กส์ชาวอเมริ กน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้ า ขึ้นเป็ นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้
คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็ นไส้หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็ นหลอดไฟฟ้ าที่ใช้
ในปัจจุบน  ั
1.หลอดไฟฟ้ า
หลอดไฟฟ้ า มีส่วนประกอบดังนี้
  •ไส้หลอด ครั้งแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึ่งมีปัญหาคือ ไส้หลอด
                            ั
  ขาดง่ายเมื่อได้รับความร้อน ปั จจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึ่งเป็ นโลหะที่หาง่าย ราคา
                                    ั
  ไม่แพง มี ความต้านทานสูง มีจุดหลอดเหลวสูงมาก เมื่อได้รับความร้อนจึงไม่ขาดง่าย
                                                                  ่ ั
  ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริ ง มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของ
  หลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าต่าไส้หลอดจะใหญ่ ความต้านทานน้อย ส่ วน
  หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก
   •หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้ว
  บรรจุแก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สที่บรรจุไว้น้ ีจะช่วยให้
  ทังสเตนที่ได้รับความร้อนไม่ระเหิดไปจับที่ผวในของหลอดไฟฟ้ า ซึ่ งจะทาให้หลอด
                                             ิ
  ไฟฟ้ าดา
   •ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด
1.หลอดไฟฟ้ า
    หลอดไฟฟ้ า มีส่วนประกอบดังนี้
•ไส้หลอด ครั้งแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึ่งมีปัญหาคือ ไส้หลอด
                          ั
ขาดง่ายเมื่อได้รับความร้อน ปั จจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึ่งเป็ นโลหะที่หาง่าย ราคา
                                  ั
ไม่แพง มี ความต้านทานสูง มีจุดหลอดเหลวสู งมาก เมื่อได้รับความร้อนจึงไม่ขาดง่าย
                                                                ่ ั
ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริ ง มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของ
หลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าต่าไส้หลอดจะใหญ่ ความต้านทานน้อย ส่ วน
หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก
•หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้ว
บรรจุแก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สที่บรรจุไว้น้ ี จะช่วยให้
ทังสเตนที่ได้รับความร้อนไม่ระเหิ ดไปจับที่ผวในของหลอดไฟฟ้ า ซึ่งจะทาให้หลอด
                                           ิ
ไฟฟ้ าดา
 •ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด
หลักการทางานของหลอดไฟฟา     ้
   การที่หลอด ไฟฟ้ าให้แสงสว่างได้เป็ นไปตามหลักการดังนี้ เมื่อ
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไส้หลอด ซึ่ งมีความต้านทานสูง พลังงาน
ไฟฟ้ าจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้อน ทาให้ไส้หลอดร้อนจัดจน
เปล่งแสง ออกมาได้ ซึ่งมีการเปลี่ยนรู ปพลังงานดังนี้
      พลังงานไฟฟ้ า ----> พลังงานความร้อน ----> พลังงานแสง
2.หลอดฟลูออเรสเซนต์
     หลอดฟลูออเรสเซนต์ (fluorescent) หรื อหลอดเรื องแสง เป็ นอุปกรณ์
                                               ั
ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นแสงสว่างที่นิยมใช้กนมาก มีรูปร่ างหลายแบบเช่น
ทรงกระบอกสั้น ยาว ครึ่ งวงกลม หรื อวงกลม หลอดฟลูออเรสเซนต์ มี
ส่ วนประกอบดังนี้
 • ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าของหลอดฟลูออเรสเซนต์
                                    ่
 • ไส้หลอด ทาด้วยโลหะทังสเตนอยูที่ปลายหลอดทั้งสองข้าง
 • หลอดแก้ว ภายในหลอดสูบอากาศออกจนหมด แล้วใส่ ไอปรอทไว้เล็กน้อย ผิว
หลอดแก้วด้านใน ฉาบด้วยสารวาวแสง (fluorescent coating) ชนิด
ต่าง ๆ ซึ่งจะให้สีต่าง ๆ กันออกไป
อุปกรณ์ ทต้องใช้ ประกอบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีดงนี้
                     ี่                                    ั




 สตาร์ตเตอร์ (starter) ทาหน้าที่เป็ นสวิตซ์อตโนมัติในขณะหลอดฟลูออเรสเซนต์ยง
                                             ั                                       ั
ไม่ติด และหยุดทางานเมื่อหลอดติดแล้ว
 แบลลัสต์ (ballast) ทาหน้าที่เพิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดฟลูออเรสเซนต์ติดใน
                                    ่
ตอนแรก และทาให้กระแสไฟฟ้ าที่ผานหลอดไฟลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว พร้อมทั้งควบคุม
ให้กระแสไฟฟ้ าคงตัว
การใช้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ทุกชนิดต้ องต่ อวงจรเข้ ากับสตาร์ ตเตอร์ และแบลลัสต์ แล้ วจึง
ต่ อเข้ ากับสายไฟฟ้ าในบ้ าน ดังรูป
หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์




   เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอทซึ่งจะทาให้อะตอมของไอ
          ่
ปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคายพลังงานออกมา
                          ้
เพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรู ปของรังสี อลตราไวโอเลต ซึ่งมองไม่เห็น เมื่อรังสี ชนิดนี้ไป
                                               ั
กระทบกับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ที่ผวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้
                                ิ
โดยให้แสงสี ต่างๆตามชนิดของสารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนั้น เช่น แคดเมียมบอเรท
(Cadmium borate) ให้ แสงสี ชมพู แคดเมียมซิ ลิเคท (Cadmium silicate)
ให้แสงสี ชมพูอ่อน แมกนีเซียมทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสี ขาวอม
ฟ้ า แคลเซียมทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสี น้ าเงิน ซิงค์ซิลิเคท (Zinc
silicate) ให้แสงสี เขียว ซิงค์เบริ ลเลียมซิ ลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้
แสงสี เหลืองนวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้แสงสี ผสมที่แตกต่างกัน
                            ั
ออกไปได้อีกด้วย
ข้ อเปรียบเทียบระหว่ างหลอดไฟฟากับหลอดฟลูออเรสเซนต์
                                        ้

    • หลอดไฟฟ้ าสว่างน้อยกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อมีจานวนวัตต์เท่ากัน
    • หลอดไฟฟ้ ามีอายุการใช้งานสั้นกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
    • ขณะใช้งานอุณหภูมิของหลอดไฟฟ้ าสูงกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
    • หลอดไฟฟ้ าเสี ยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้อยกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ เพราะหลอด
ฟลูออเรสเซนต์ต่อวงจร เข้ากับแบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์เสมอ
3.หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
     หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรื อที่เรี ยกกันทัวไปว่าหลอดตะเกียบ หลอดคอมแพค
                                                ่
ฟลูออเรสเซนต์มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีแบลลัสต์ภายใน สามารถใช้แทนหลอดไฟฟ้ าแบบมี
                                                          ่
เขี้ยวและแบบเกลียวได้ อีกชนิดหนึ่งเป็ นแบบที่มีแบลลัสต์อยูภายนอกจะมีขาเสี ยบ เพื่อ
ต่อเข้ากับแบลลัสต์ สมบัติที่สาคัญของหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ คือ ช่วยประหยัด
พลังงานไฟฟ้ า และมีอายุการใช้งาน ที่ยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
4.หลอดไฟโฆษณา
     หลอดไฟโฆษณา เป็ นหลอดแก้วขนาดเล็กที่ถูกลนไฟดัดให้เป็ นรู ปภาพหรื อตัวอักษรต่าง
ๆ ไม่มีไส้หลอดไฟ แต่ที่ปลายทั้ง 2 ข้างจะมีข้วไฟฟ้ าทาด้วยโลหะต่อกับแหล่ง กาเนิดไฟฟ้ า
                                              ั
ที่มีความต่างศักย์สูงประมาณ 10,000 โวลต์ ภายในหลอดชนิดนี้จะสู บอากาศออกจนเป็ น
สูญญากาศ แล้วบรรจุแก๊สบางชนิดที่จะให้แสงสี ต่าง ๆ เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน เช่น
แก๊สนีออน จะให้แสงสี แดง หรื อส้ม แก๊สฮีเลียมให้แสงสี ชมพู แก๊สอาร์กอนให้แสงสี ขาวอม
น้ าเงิน แก๊สคริ ปตอนให้แสงสี ม่วงอ่อน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้แสงสี ขาว แก๊สซี นอน
ให้แสงสี ฟ้า แก๊สไนโตรเจนให้แสงสี ม่วงแก่ นอกจากนี้ถาใช้แก๊สต่าง ๆ ผสมกันก็จะได้แสง
                                                        ้
สี ต่าง ๆ กันออกไปอีกด้วย จากความต่างศักย์ที่ สูงมาก ๆ นี้จะทาให้แก๊สที่บรรจุอยูภายใน
                                                                                ่
หลอดเกิดการแตกตัวเป็ นไอออนและนาไฟฟ้ าได้ ซึ่ งจะร้อนและติดไฟให้แสงสี ต่าง ๆ ได้
เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน
     ตัวเลขที่ปรากฏบนหลอดไฟฟ้ า และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึ่ งบอกกาลังไฟฟ้ าเป็ นวัตต์
(W) เป็ นการบอกถึงปริ มาณพลังงานไฟฟ้ าที่ใช้ไปใน 1 วินาที เช่น 18 W หมายถึงหลอด
ไฟฟ้ าชนิดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้ าไป 18 จูล ใน 1 วินาที ดังนั้นหลอดไฟฟ้ าและหลอดฟลูออ
เรสเซนต์ที่ใช้กาลังไฟฟ้ ามากเมื่อใช้งานจะสิ้ นเปลืองพลังงานไฟฟ้ ามาก
ข้ อแนะนาเกียวกับเครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ แสงสว่ าง
                                      ่                       ่
     หลอดฟลูออเรสเซนต์รุ่นใหม่ซ่ ึ งเป็ นหลอดที่มีประสิ ทธิ ภาพสู ง ( หลอดผอม ) ให้ความสว่างสู ง เท่ากับ
 หลอดฟลูออเรสเซนต์ธรรมดา แต่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ าน้อยกว่า มีประสิ ทธิ ภาพสู งกว่า ตัวหลอดจะเล็ก
กว่าหลอดธรรมดา มีขนาด 18 วัตต์ ใช้แทนขนาด 20 วัตต์ และขนาด 36 วัตต์ ใช้แทนขนาด 40 วัตต์ สามารถ
 นาไปสวมเข้ากับขั้วและขาหลอดเดิมได้ทนทีโดยไม่ตองเปลี่ยน แบลลัสต์ และสตาร์ตเตอร์ หลอดไฟชนิด
                                          ั          ้
                        ดังกล่าวจะประหยัดพลังงานไฟฟ้ าได้ประมาณร้อยละ 10
    หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ เป็ นหลอดไฟชนิดใหม่ มีลกษณะเป็ นหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนาดเล็ก ที่
                                                              ั
ได้พฒนาเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน โดยใช้แทนหลอดไฟฟ้ าได้ มีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไฟฟ้ า
      ั
 ถึง 8 เท่า ใช้พลังงานไฟฟ้ าน้อยกว่าหลอดไฟฟ้ า 4 เท่า เป็ นหลอดที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้ าได้ถึงร้อยละ 75
                                                                       ่
 ปั จจุบนมี 2 ประเภทคือ ประเภทที่มีแบลลัสต์ และสตาร์ตเตอร์รวมอยูภายในหลอด สามารถนาไปใช้แทน
        ั
            หลอดไฟฟ้ าชนิดเกลียวได้ทนทีโดยไม่ตองเพิ่มอุปกรณ์อ่ืน มีหลายขนาดให้เลือกใช้คือ
                                      ั           ้
                        • ขนาด 9 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 40 วัตต์
                        • ขนาด 13 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 60 วัตต์
                        • ขนาด 18 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 75 วัตต์
                        • ขนาด 25 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 100 วัตต์
่
 จะเห็นได้วาหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ มีคุณสมบัติดีกว่า ช่วยประหยัดค่า
ไฟฟ้ า หากใช้ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ ชนิดที่มีแบลลัสต์ภายใน ขนาด 13
วัตต์ 1 หลอด แทนหลอดไฟฟ้ าขนาด 60 วัตต์ จานวน 1 หลอด จะประหยัดค่า
ไฟฟ้ าได้ ประมาณปี ละ 142 บาท หลอดคอม - แพคฟลูออเรสเซนต์อีกชนิดหนึ่ง
เป็ นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์แบลลัสต์ภายนอก ซึ่ งมีหลักการเดียวกับหลอด
คอมแพคฟลูออเรสเซนต์แบลลัสต์ภายใน แต่หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
แบลลัสต์ ภายนอก สามารถเปลี่ยนหลอดได้ง่ายเมื่อหลอดชารุ ด ตัวหลอดมีลกษณะ ั
                                                           ่
งอโค้งเป็ นรู ปตัวยู ภายในขั้วของหลอดจะมีสตาร์ตเตอร์อยูภายใน และมีแบลลัสต์
    ่                                               ั
อยูภายนอก การติดตั้งใช้งานต้องมีขาเสี ยบ เพื่อใช้กบแบลลัสต์ที่แยกออกมา มี
ขนาดให้เลือกใช้ต้งแต่ 5 วัตต์ 7 วัตต์ 9 วัตต์ และ 11 วัตต์
                    ั
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานความร้ อน
                   ่
เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เป็ นเครื่ องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น
พลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดตัวนาที่มี
ความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนานั้นจะร้อนจนสามารถนาความร้อนออกไปใช้ประโยชน์
ได้ เนื่องจากเป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ า
มากเมื่อเปรี ยบกับการใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าประเภทอื่นๆ เมื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน ฉะนั้น
ขณะใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ดวยความระมัดระวัง ตัวอย่าง
                                                           ้
เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารี ด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้ า กาต้มน้ า
เครื่ องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้ า ฯลฯ
ส่ วนประกอบในเครื่องใช้ ไฟฟ้ าที่ให้ พลังงานความร้ อน มีดงนี้
                                                           ั
1. ขดลวดความร้อน หรื อแผ่นความร้อน มักทาจากโลหะผสมระหว่างนิ เกิลกับโครเมียม เรี ยกว่า
นิโครม ซึ่ งมีสมบัติคือมีจุดหลอมเหลวสู งมากจึงทนความร้อนได้สูงเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นมากๆจึง
ไม่ขาด และมีความต้านทานสู งมาก
2. เทอร์โมสตาร์ท หรื อสวิตซ์ความร้อนอัตโนมัติ ทาหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป มี
ส่ วนประกอบเป็ นโลหะต่างชนิดกัน 2 แผ่นมาประกบกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวได้ไม่
                                                                                ่ ้
เท่ากัน เช่น เหล็กกับทองเหลือง โดยให้แผ่นโลหะที่ขยายตัวได้นอย(เหล็ก)อยูดานบน ส่ วนโลหะ
                                                                 ้
                                      ่ ้
ที่จะขยายตัวได้มาก(ทองเหลือง)อยูดานล่าง เมื่อกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านแผ่นโลหะทั้งสองมากขึ้น
จะทาให้มีอุณหภูมิสูงจนแผ่นโลหะทั้งสองซึ่ งขยายตัวได้ต่างกันโลหะที่ขยายตัวได้มากจะขยายตัว
โค้งงอ เป็ นเหตุให้จุดสัมผัสแยกออกจากกัน เกิดเป็ นวงจรเปิ ด กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่านไม่ได้ และ
เมื่อแผ่นโลหะทั้งสองเย็นลงก็จะสัมผัสกันเหมือนเดิม เกิดเป็ นวงจรปิ ด กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่าน
ได้อีกครั้งหนึ่ง
3. แผ่นไมกา หรื อ แผ่นใยหิ น ซึ่ งเป็ นฉนวนไฟฟ้ า ในเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงาน ความร้อน
บางชนิด เช่นเตารี ด หม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้ า จะมีแผ่นไมกา หรื อใยหิ น เพื่อป้ องกันไม่ให้ขดลวด
หลอมละลาย และป้ องกันไฟฟ้ ารั่วขณะใช้งาน
1.เตารีดไฟฟ้ า
 เตารี ดไฟฟ้ าในปั จจุบนมี 3 ประเภท คือ
                         ั
                                    ั
- เตารี ดไฟฟ้ าแบบธรรมดา ใช้กนโดยทัวไป        ่
                                                                                        ั
- เตารี ดไฟฟ้ าแบบไอน้ า ราคาสู งกว่าธรรมดา ให้ความสะดวกเพราะไม่ตองพรมน้ าให้กบผ้าก่อนรี ด
                                                                        ้
- เตารี ดไฟฟ้ าแบบกดทับ ราคาสู งมาก เหมาะกับการใช้งานในร้านซักรี ดที่มีการรี ดผ้าครั้งละมากๆ
การเลือกใช้เตารี ดไฟฟ้ า
- ควรเลือกให้มีขนาดเหมาะสมกับปริ มาณผ้า เช่น หากมีปริ มาณผ้ามาก แต่ใช้เตารี ดขนาดเล็ก (750 วัตต์) จะ
ใช้เวลารี ดผ้ามาก เมื่อเปรี ยบเทียบกับการใช้เตารี ด ขนาดใหญ่ข้ ึนจะใช้เวลาน้อยกว่าซึ่ งคิดเป็ นค่าไฟฟ้ าจะ
ใกล้เคียงกัน การใช้งานที่ถกวิธี- รี ดผ้าบางก่อนผ้าหนา เพื่อการปรับอุณหภูมิจากร้อนน้อยไปร้อนมาก
                               ู
- พรมน้ าให้ผาก่อนรี ด แต่ตองไม่มากเกินไป
                  ้              ้
- ควรรี ดผ้าครั้งละมากพอควร ไม่ควรรี ด ทีละชุด
- ควรดึงปลักก่อนรี ดเสร็ จ ประมาณ 3-4 นาที เพราะความร้อนที่เหลือยังเพียงพอ
                ๊
                    ั
- เต้าเสี ยบที่ใช้กบเตารี ดควรมีสายดิน
- น้ าที่ใช้เติมเตารี ดไอน้ าควรเป็ นน้ ากลันหรื อน้ าอ่อน (ไม่กระด้าง)
                                            ่
2.กาต้ มนา    ้
- ใส่ น้ าให้ปริ มาณพอเหมาะกับความต้องการ
- ถ้าต้มน้ าต่อเนื่อง ต้องมีน้ าบรรจุไว้อยูเ่ สมอ
- ถอดปลักทันทีที่น้ าเดือด
            ๊
- ไม่ควรวางใกล้วสดุติดไฟ
                      ั
- อย่าใส่ น้ าให้ปริ มาณมากเกินไป เพราะเวลาน้ าเดือดจะเกิดน้ าล้นและทาให้ไฟฟ้ า
ลัดวงจรได้
- เมื่อไม่ใช้งานเป็ นเวลานานควรเทน้ าทิ้งและทาให้แห้ง
- หม้อต้มน้ าร้อนต้องต่อสายดินเพื่อป้ องกันไฟรั่ว
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานกล
                   ่

    เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกลได้ ต้องใช้มอเตอร์เป็ นอุปกรณ์
ในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกล เช่น เครื่ องซักผ้า เครื่ องสูบน้ า พัดลม จักรเย็บ
ผ้า ตูเ้ ย็น เครื่ องปรับอากาศ เป็ นต้น
ส่ วนประกอบและหลักการทางานของมอเตอร์
                                          ่
       มอเตอร์ประกอบด้วยขดลวดตัวนาอยูในสนามแม่เหล็กทางานได้โดยอาศัยหลักการ
     ่
ที่วา เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าเข้าไปในขดลวดตัวนาที่พนรอบแกนเหล็กในสนามแม่เหล็กจะ
                                                    ั
เกิดอานาจ แม่เหล็ก ผลักกับสนามแม่เหล็ก ทาให้ขดลวดหมุนได้
       การควบคุมให้มอเตอร์หมุนช้าหรื อเร็ ว ทาได้โดยการเพิ่มหรื อลดความต้านทานไฟฟ้ า
ถ้าความต้านทานไฟฟ้ ามาก มอเตอร์จะหมุนช้า ถ้าลดความต้านทานไฟฟ้ าลง มอเตอร์จะ
หมุนเร็วขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้มอเตอร์หรื อเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่มีมอเตอร์เป็ นส่ วนประกอบ คือ ถ้า
ไฟตก มอเตอร์จะไม่หมุน แต่ยงมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านขดลวดตัวนาอยู่ ซึ่ งอาจทาให้
                               ั
ขดลวดร้อนและไหม้ได้ ดังนั้นจึงต้องถอดเต้าเสี ยบออกจากเต้ารับทุกครั้งที่ไฟตก และ
เมื่อเลิกใช้งาน
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานเสี ยง
                   ่

  เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสี ยง เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น
พลังงานเสี ยง เช่น เครื่ องรับวิทยุ เครื่ องบันทึกเสี ยง เครื่ องขยายเสี ยง
1.เครื่องรับวิทยุ
    เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสี ยง โดยเครื่ องรับวิทยุอาศัยการรับ
คลื่นวิทยุจากสถานีส่ง แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสี ยงที่อยูในรู ปของ
                                                                              ่
สัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นจนเพียงพอที่ทาให้ลาโพงเสี ยงสันสะเทือนเป็ นเสี ยงให้เราได้
                                                          ่
ยิน ดังแผนผัง




สถานีวทยุกระจายเสี ยงแต่ละสถานีจะส่ งคลื่นวิทยุดวยความถี่ที่แตกต่างกัน
        ิ                                         ้
ซึ่งเราสามารถเลือกสถานีเพื่อรับฟังได้โดยหมุนปุ่ มเลือกสถานี
2.เครื่องขยายเสี ยง
     เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสี ยง โดยการใช้ไมโครโฟนเปลี่ยน
เสี ยงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนทาให้
ลาโพงสันสะเทือนเป็ นเสี ยง
            ่
     เครื่ องขยายเสี ยงมีส่วนประกอบดังนี้
                 • ไมโครโฟน เปลี่ยนพลังงานเสี ยงให้เป็ นสัญญาณไฟฟ้ า
                 • เครื่ องขยายสัญญาณไฟฟ้ า ขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น
                 • ลาโพง เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ าให้เป็ นพลังงานเสี ยง

   เครื่ องใช้ไฟฟ้ าหลายชนิด สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอื่นๆ หลายรู ปได้พร้อม
กัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง และพลังงานเสี ยงในเวลา
เดียวกัน
Thank you!

Contenu connexe

Tendances

ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305Jiraporn
 
เครื่องใช..
เครื่องใช..เครื่องใช..
เครื่องใช..Boyz Bill
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วjaturong2012
 
ไฟฟ้า
ไฟฟ้าไฟฟ้า
ไฟฟ้าpatarapan
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า33
เครื่องใช้ไฟฟ้า33เครื่องใช้ไฟฟ้า33
เครื่องใช้ไฟฟ้า33cororosang2010
 
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้างานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้าSarun Boonwong
 
งาน Sideshare
งาน Sideshareงาน Sideshare
งาน SideshareThananop
 
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าI'am Jeed
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอwantnan
 

Tendances (9)

ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
 
เครื่องใช..
เครื่องใช..เครื่องใช..
เครื่องใช..
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
ไฟฟ้า
ไฟฟ้าไฟฟ้า
ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า33
เครื่องใช้ไฟฟ้า33เครื่องใช้ไฟฟ้า33
เครื่องใช้ไฟฟ้า33
 
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้างานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
 
งาน Sideshare
งาน Sideshareงาน Sideshare
งาน Sideshare
 
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอ
 

En vedette

งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1chindekthai01
 
สุนทรภู่กวีเอกไทย302
สุนทรภู่กวีเอกไทย302สุนทรภู่กวีเอกไทย302
สุนทรภู่กวีเอกไทย302chindekthai01
 
สุนทรภู่
สุนทรภู่สุนทรภู่
สุนทรภู่Ppt Itwc
 
วรรคทองในวรรณคดี
วรรคทองในวรรณคดีวรรคทองในวรรณคดี
วรรคทองในวรรณคดีkingkarn somchit
 
ประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดีประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดีRuangrat Watthanasaowalak
 

En vedette (6)

สุนทรภู่
สุนทรภู่สุนทรภู่
สุนทรภู่
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
สุนทรภู่กวีเอกไทย302
สุนทรภู่กวีเอกไทย302สุนทรภู่กวีเอกไทย302
สุนทรภู่กวีเอกไทย302
 
สุนทรภู่
สุนทรภู่สุนทรภู่
สุนทรภู่
 
วรรคทองในวรรณคดี
วรรคทองในวรรณคดีวรรคทองในวรรณคดี
วรรคทองในวรรณคดี
 
ประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดีประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดี
 

Similaire à เครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าSiwush Pormchai
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0887946598532
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0286983445
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0887946598532
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วjaturong20155
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1boom500937
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1boom500937
 
Sideshare เรื่องการใช้ไฟฟ้า
Sideshare  เรื่องการใช้ไฟฟ้าSideshare  เรื่องการใช้ไฟฟ้า
Sideshare เรื่องการใช้ไฟฟ้าหัว' เห็ด.
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305คณากรณ์ อุปปิง
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305คณากรณ์ อุปปิง
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าRattanapron Tacomdee
 
งานวิทย์ 1
งานวิทย์ 1งานวิทย์ 1
งานวิทย์ 1thanawan302
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 

Similaire à เครื่องใช้ไฟฟ้า (20)

เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
กลุ่มที่ 1
กลุ่มที่ 1กลุ่มที่ 1
กลุ่มที่ 1
 
Sideshare เรื่องการใช้ไฟฟ้า
Sideshare  เรื่องการใช้ไฟฟ้าSideshare  เรื่องการใช้ไฟฟ้า
Sideshare เรื่องการใช้ไฟฟ้า
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
 
กลุ่ม2
กลุ่ม2กลุ่ม2
กลุ่ม2
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
งานวิทย์ 1
งานวิทย์ 1งานวิทย์ 1
งานวิทย์ 1
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
ประเภทพลังงานไฟฟ้า
ประเภทพลังงานไฟฟ้าประเภทพลังงานไฟฟ้า
ประเภทพลังงานไฟฟ้า
 
งาน Sideshare
งาน Sideshareงาน Sideshare
งาน Sideshare
 

เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • 1.
  • 2.
  • 3. เครื่องใช้ ไฟฟา ้ เครื่องใช้ ไฟฟ้ า คือ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานรู ปอื่น เพื่อ นาไปใช้ในชีวตประจาวัน ได้แก่ ิ
  • 4. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ แสงสว่ าง ่ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้ า หลอดฟลูออ เรสเซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสน (Thomas Alva Edison) นัก ั ั ฟิ สิ กส์ชาวอเมริ กน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้ า ขึ้นเป็ นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้ คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็ นไส้หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็ นหลอดไฟฟ้ าที่ใช้ ในปัจจุบน ั
  • 5. 1.หลอดไฟฟ้ า หลอดไฟฟ้ า มีส่วนประกอบดังนี้ •ไส้หลอด ครั้งแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึ่งมีปัญหาคือ ไส้หลอด ั ขาดง่ายเมื่อได้รับความร้อน ปั จจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึ่งเป็ นโลหะที่หาง่าย ราคา ั ไม่แพง มี ความต้านทานสูง มีจุดหลอดเหลวสูงมาก เมื่อได้รับความร้อนจึงไม่ขาดง่าย ่ ั ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริ ง มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของ หลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าต่าไส้หลอดจะใหญ่ ความต้านทานน้อย ส่ วน หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก •หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้ว บรรจุแก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สที่บรรจุไว้น้ ีจะช่วยให้ ทังสเตนที่ได้รับความร้อนไม่ระเหิดไปจับที่ผวในของหลอดไฟฟ้ า ซึ่ งจะทาให้หลอด ิ ไฟฟ้ าดา •ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด
  • 6. 1.หลอดไฟฟ้ า หลอดไฟฟ้ า มีส่วนประกอบดังนี้ •ไส้หลอด ครั้งแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึ่งมีปัญหาคือ ไส้หลอด ั ขาดง่ายเมื่อได้รับความร้อน ปั จจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึ่งเป็ นโลหะที่หาง่าย ราคา ั ไม่แพง มี ความต้านทานสูง มีจุดหลอดเหลวสู งมาก เมื่อได้รับความร้อนจึงไม่ขาดง่าย ่ ั ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริ ง มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของ หลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าต่าไส้หลอดจะใหญ่ ความต้านทานน้อย ส่ วน หลอดที่มีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก •หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้ว บรรจุแก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สที่บรรจุไว้น้ ี จะช่วยให้ ทังสเตนที่ได้รับความร้อนไม่ระเหิ ดไปจับที่ผวในของหลอดไฟฟ้ า ซึ่งจะทาให้หลอด ิ ไฟฟ้ าดา •ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด
  • 7. หลักการทางานของหลอดไฟฟา ้ การที่หลอด ไฟฟ้ าให้แสงสว่างได้เป็ นไปตามหลักการดังนี้ เมื่อ กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไส้หลอด ซึ่ งมีความต้านทานสูง พลังงาน ไฟฟ้ าจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้อน ทาให้ไส้หลอดร้อนจัดจน เปล่งแสง ออกมาได้ ซึ่งมีการเปลี่ยนรู ปพลังงานดังนี้ พลังงานไฟฟ้ า ----> พลังงานความร้อน ----> พลังงานแสง
  • 8. 2.หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ (fluorescent) หรื อหลอดเรื องแสง เป็ นอุปกรณ์ ั ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นแสงสว่างที่นิยมใช้กนมาก มีรูปร่ างหลายแบบเช่น ทรงกระบอกสั้น ยาว ครึ่ งวงกลม หรื อวงกลม หลอดฟลูออเรสเซนต์ มี ส่ วนประกอบดังนี้ • ขั้วต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ่ • ไส้หลอด ทาด้วยโลหะทังสเตนอยูที่ปลายหลอดทั้งสองข้าง • หลอดแก้ว ภายในหลอดสูบอากาศออกจนหมด แล้วใส่ ไอปรอทไว้เล็กน้อย ผิว หลอดแก้วด้านใน ฉาบด้วยสารวาวแสง (fluorescent coating) ชนิด ต่าง ๆ ซึ่งจะให้สีต่าง ๆ กันออกไป
  • 9. อุปกรณ์ ทต้องใช้ ประกอบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีดงนี้ ี่ ั สตาร์ตเตอร์ (starter) ทาหน้าที่เป็ นสวิตซ์อตโนมัติในขณะหลอดฟลูออเรสเซนต์ยง ั ั ไม่ติด และหยุดทางานเมื่อหลอดติดแล้ว แบลลัสต์ (ballast) ทาหน้าที่เพิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดฟลูออเรสเซนต์ติดใน ่ ตอนแรก และทาให้กระแสไฟฟ้ าที่ผานหลอดไฟลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว พร้อมทั้งควบคุม ให้กระแสไฟฟ้ าคงตัว การใช้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ทุกชนิดต้ องต่ อวงจรเข้ ากับสตาร์ ตเตอร์ และแบลลัสต์ แล้ วจึง ต่ อเข้ ากับสายไฟฟ้ าในบ้ าน ดังรูป
  • 10. หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอทซึ่งจะทาให้อะตอมของไอ ่ ปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคายพลังงานออกมา ้ เพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรู ปของรังสี อลตราไวโอเลต ซึ่งมองไม่เห็น เมื่อรังสี ชนิดนี้ไป ั กระทบกับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ที่ผวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ ิ โดยให้แสงสี ต่างๆตามชนิดของสารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนั้น เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium borate) ให้ แสงสี ชมพู แคดเมียมซิ ลิเคท (Cadmium silicate) ให้แสงสี ชมพูอ่อน แมกนีเซียมทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสี ขาวอม ฟ้ า แคลเซียมทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสี น้ าเงิน ซิงค์ซิลิเคท (Zinc silicate) ให้แสงสี เขียว ซิงค์เบริ ลเลียมซิ ลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้ แสงสี เหลืองนวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้แสงสี ผสมที่แตกต่างกัน ั ออกไปได้อีกด้วย
  • 11. ข้ อเปรียบเทียบระหว่ างหลอดไฟฟากับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ้ • หลอดไฟฟ้ าสว่างน้อยกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อมีจานวนวัตต์เท่ากัน • หลอดไฟฟ้ ามีอายุการใช้งานสั้นกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ • ขณะใช้งานอุณหภูมิของหลอดไฟฟ้ าสูงกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ • หลอดไฟฟ้ าเสี ยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้อยกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ เพราะหลอด ฟลูออเรสเซนต์ต่อวงจร เข้ากับแบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์เสมอ
  • 12. 3.หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรื อที่เรี ยกกันทัวไปว่าหลอดตะเกียบ หลอดคอมแพค ่ ฟลูออเรสเซนต์มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีแบลลัสต์ภายใน สามารถใช้แทนหลอดไฟฟ้ าแบบมี ่ เขี้ยวและแบบเกลียวได้ อีกชนิดหนึ่งเป็ นแบบที่มีแบลลัสต์อยูภายนอกจะมีขาเสี ยบ เพื่อ ต่อเข้ากับแบลลัสต์ สมบัติที่สาคัญของหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ คือ ช่วยประหยัด พลังงานไฟฟ้ า และมีอายุการใช้งาน ที่ยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
  • 13. 4.หลอดไฟโฆษณา หลอดไฟโฆษณา เป็ นหลอดแก้วขนาดเล็กที่ถูกลนไฟดัดให้เป็ นรู ปภาพหรื อตัวอักษรต่าง ๆ ไม่มีไส้หลอดไฟ แต่ที่ปลายทั้ง 2 ข้างจะมีข้วไฟฟ้ าทาด้วยโลหะต่อกับแหล่ง กาเนิดไฟฟ้ า ั ที่มีความต่างศักย์สูงประมาณ 10,000 โวลต์ ภายในหลอดชนิดนี้จะสู บอากาศออกจนเป็ น สูญญากาศ แล้วบรรจุแก๊สบางชนิดที่จะให้แสงสี ต่าง ๆ เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน เช่น แก๊สนีออน จะให้แสงสี แดง หรื อส้ม แก๊สฮีเลียมให้แสงสี ชมพู แก๊สอาร์กอนให้แสงสี ขาวอม น้ าเงิน แก๊สคริ ปตอนให้แสงสี ม่วงอ่อน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้แสงสี ขาว แก๊สซี นอน ให้แสงสี ฟ้า แก๊สไนโตรเจนให้แสงสี ม่วงแก่ นอกจากนี้ถาใช้แก๊สต่าง ๆ ผสมกันก็จะได้แสง ้ สี ต่าง ๆ กันออกไปอีกด้วย จากความต่างศักย์ที่ สูงมาก ๆ นี้จะทาให้แก๊สที่บรรจุอยูภายใน ่ หลอดเกิดการแตกตัวเป็ นไอออนและนาไฟฟ้ าได้ ซึ่ งจะร้อนและติดไฟให้แสงสี ต่าง ๆ ได้ เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน ตัวเลขที่ปรากฏบนหลอดไฟฟ้ า และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึ่ งบอกกาลังไฟฟ้ าเป็ นวัตต์ (W) เป็ นการบอกถึงปริ มาณพลังงานไฟฟ้ าที่ใช้ไปใน 1 วินาที เช่น 18 W หมายถึงหลอด ไฟฟ้ าชนิดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้ าไป 18 จูล ใน 1 วินาที ดังนั้นหลอดไฟฟ้ าและหลอดฟลูออ เรสเซนต์ที่ใช้กาลังไฟฟ้ ามากเมื่อใช้งานจะสิ้ นเปลืองพลังงานไฟฟ้ ามาก
  • 14. ข้ อแนะนาเกียวกับเครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ แสงสว่ าง ่ ่ หลอดฟลูออเรสเซนต์รุ่นใหม่ซ่ ึ งเป็ นหลอดที่มีประสิ ทธิ ภาพสู ง ( หลอดผอม ) ให้ความสว่างสู ง เท่ากับ หลอดฟลูออเรสเซนต์ธรรมดา แต่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ าน้อยกว่า มีประสิ ทธิ ภาพสู งกว่า ตัวหลอดจะเล็ก กว่าหลอดธรรมดา มีขนาด 18 วัตต์ ใช้แทนขนาด 20 วัตต์ และขนาด 36 วัตต์ ใช้แทนขนาด 40 วัตต์ สามารถ นาไปสวมเข้ากับขั้วและขาหลอดเดิมได้ทนทีโดยไม่ตองเปลี่ยน แบลลัสต์ และสตาร์ตเตอร์ หลอดไฟชนิด ั ้ ดังกล่าวจะประหยัดพลังงานไฟฟ้ าได้ประมาณร้อยละ 10 หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ เป็ นหลอดไฟชนิดใหม่ มีลกษณะเป็ นหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนาดเล็ก ที่ ั ได้พฒนาเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน โดยใช้แทนหลอดไฟฟ้ าได้ มีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไฟฟ้ า ั ถึง 8 เท่า ใช้พลังงานไฟฟ้ าน้อยกว่าหลอดไฟฟ้ า 4 เท่า เป็ นหลอดที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้ าได้ถึงร้อยละ 75 ่ ปั จจุบนมี 2 ประเภทคือ ประเภทที่มีแบลลัสต์ และสตาร์ตเตอร์รวมอยูภายในหลอด สามารถนาไปใช้แทน ั หลอดไฟฟ้ าชนิดเกลียวได้ทนทีโดยไม่ตองเพิ่มอุปกรณ์อ่ืน มีหลายขนาดให้เลือกใช้คือ ั ้ • ขนาด 9 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 40 วัตต์ • ขนาด 13 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 60 วัตต์ • ขนาด 18 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 75 วัตต์ • ขนาด 25 วัตต์ ให้แสงสว่างเท่ากับหลอดไฟฟ้ า ขนาด 100 วัตต์
  • 15. ่ จะเห็นได้วาหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ มีคุณสมบัติดีกว่า ช่วยประหยัดค่า ไฟฟ้ า หากใช้ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ ชนิดที่มีแบลลัสต์ภายใน ขนาด 13 วัตต์ 1 หลอด แทนหลอดไฟฟ้ าขนาด 60 วัตต์ จานวน 1 หลอด จะประหยัดค่า ไฟฟ้ าได้ ประมาณปี ละ 142 บาท หลอดคอม - แพคฟลูออเรสเซนต์อีกชนิดหนึ่ง เป็ นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์แบลลัสต์ภายนอก ซึ่ งมีหลักการเดียวกับหลอด คอมแพคฟลูออเรสเซนต์แบลลัสต์ภายใน แต่หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ แบลลัสต์ ภายนอก สามารถเปลี่ยนหลอดได้ง่ายเมื่อหลอดชารุ ด ตัวหลอดมีลกษณะ ั ่ งอโค้งเป็ นรู ปตัวยู ภายในขั้วของหลอดจะมีสตาร์ตเตอร์อยูภายใน และมีแบลลัสต์ ่ ั อยูภายนอก การติดตั้งใช้งานต้องมีขาเสี ยบ เพื่อใช้กบแบลลัสต์ที่แยกออกมา มี ขนาดให้เลือกใช้ต้งแต่ 5 วัตต์ 7 วัตต์ 9 วัตต์ และ 11 วัตต์ ั
  • 16. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานความร้ อน ่ เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เป็ นเครื่ องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น พลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดตัวนาที่มี ความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนานั้นจะร้อนจนสามารถนาความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ ได้ เนื่องจากเป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ า มากเมื่อเปรี ยบกับการใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าประเภทอื่นๆ เมื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน ฉะนั้น ขณะใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ดวยความระมัดระวัง ตัวอย่าง ้ เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารี ด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้ า กาต้มน้ า เครื่ องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้ า ฯลฯ
  • 17. ส่ วนประกอบในเครื่องใช้ ไฟฟ้ าที่ให้ พลังงานความร้ อน มีดงนี้ ั 1. ขดลวดความร้อน หรื อแผ่นความร้อน มักทาจากโลหะผสมระหว่างนิ เกิลกับโครเมียม เรี ยกว่า นิโครม ซึ่ งมีสมบัติคือมีจุดหลอมเหลวสู งมากจึงทนความร้อนได้สูงเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้นมากๆจึง ไม่ขาด และมีความต้านทานสู งมาก 2. เทอร์โมสตาร์ท หรื อสวิตซ์ความร้อนอัตโนมัติ ทาหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป มี ส่ วนประกอบเป็ นโลหะต่างชนิดกัน 2 แผ่นมาประกบกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวได้ไม่ ่ ้ เท่ากัน เช่น เหล็กกับทองเหลือง โดยให้แผ่นโลหะที่ขยายตัวได้นอย(เหล็ก)อยูดานบน ส่ วนโลหะ ้ ่ ้ ที่จะขยายตัวได้มาก(ทองเหลือง)อยูดานล่าง เมื่อกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านแผ่นโลหะทั้งสองมากขึ้น จะทาให้มีอุณหภูมิสูงจนแผ่นโลหะทั้งสองซึ่ งขยายตัวได้ต่างกันโลหะที่ขยายตัวได้มากจะขยายตัว โค้งงอ เป็ นเหตุให้จุดสัมผัสแยกออกจากกัน เกิดเป็ นวงจรเปิ ด กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่านไม่ได้ และ เมื่อแผ่นโลหะทั้งสองเย็นลงก็จะสัมผัสกันเหมือนเดิม เกิดเป็ นวงจรปิ ด กระแสไฟฟ้ าจึงไหลผ่าน ได้อีกครั้งหนึ่ง 3. แผ่นไมกา หรื อ แผ่นใยหิ น ซึ่ งเป็ นฉนวนไฟฟ้ า ในเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงาน ความร้อน บางชนิด เช่นเตารี ด หม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้ า จะมีแผ่นไมกา หรื อใยหิ น เพื่อป้ องกันไม่ให้ขดลวด หลอมละลาย และป้ องกันไฟฟ้ ารั่วขณะใช้งาน
  • 18. 1.เตารีดไฟฟ้ า เตารี ดไฟฟ้ าในปั จจุบนมี 3 ประเภท คือ ั ั - เตารี ดไฟฟ้ าแบบธรรมดา ใช้กนโดยทัวไป ่ ั - เตารี ดไฟฟ้ าแบบไอน้ า ราคาสู งกว่าธรรมดา ให้ความสะดวกเพราะไม่ตองพรมน้ าให้กบผ้าก่อนรี ด ้ - เตารี ดไฟฟ้ าแบบกดทับ ราคาสู งมาก เหมาะกับการใช้งานในร้านซักรี ดที่มีการรี ดผ้าครั้งละมากๆ การเลือกใช้เตารี ดไฟฟ้ า - ควรเลือกให้มีขนาดเหมาะสมกับปริ มาณผ้า เช่น หากมีปริ มาณผ้ามาก แต่ใช้เตารี ดขนาดเล็ก (750 วัตต์) จะ ใช้เวลารี ดผ้ามาก เมื่อเปรี ยบเทียบกับการใช้เตารี ด ขนาดใหญ่ข้ ึนจะใช้เวลาน้อยกว่าซึ่ งคิดเป็ นค่าไฟฟ้ าจะ ใกล้เคียงกัน การใช้งานที่ถกวิธี- รี ดผ้าบางก่อนผ้าหนา เพื่อการปรับอุณหภูมิจากร้อนน้อยไปร้อนมาก ู - พรมน้ าให้ผาก่อนรี ด แต่ตองไม่มากเกินไป ้ ้ - ควรรี ดผ้าครั้งละมากพอควร ไม่ควรรี ด ทีละชุด - ควรดึงปลักก่อนรี ดเสร็ จ ประมาณ 3-4 นาที เพราะความร้อนที่เหลือยังเพียงพอ ๊ ั - เต้าเสี ยบที่ใช้กบเตารี ดควรมีสายดิน - น้ าที่ใช้เติมเตารี ดไอน้ าควรเป็ นน้ ากลันหรื อน้ าอ่อน (ไม่กระด้าง) ่
  • 19. 2.กาต้ มนา ้ - ใส่ น้ าให้ปริ มาณพอเหมาะกับความต้องการ - ถ้าต้มน้ าต่อเนื่อง ต้องมีน้ าบรรจุไว้อยูเ่ สมอ - ถอดปลักทันทีที่น้ าเดือด ๊ - ไม่ควรวางใกล้วสดุติดไฟ ั - อย่าใส่ น้ าให้ปริ มาณมากเกินไป เพราะเวลาน้ าเดือดจะเกิดน้ าล้นและทาให้ไฟฟ้ า ลัดวงจรได้ - เมื่อไม่ใช้งานเป็ นเวลานานควรเทน้ าทิ้งและทาให้แห้ง - หม้อต้มน้ าร้อนต้องต่อสายดินเพื่อป้ องกันไฟรั่ว
  • 20. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานกล ่ เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกลได้ ต้องใช้มอเตอร์เป็ นอุปกรณ์ ในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกล เช่น เครื่ องซักผ้า เครื่ องสูบน้ า พัดลม จักรเย็บ ผ้า ตูเ้ ย็น เครื่ องปรับอากาศ เป็ นต้น
  • 21. ส่ วนประกอบและหลักการทางานของมอเตอร์ ่ มอเตอร์ประกอบด้วยขดลวดตัวนาอยูในสนามแม่เหล็กทางานได้โดยอาศัยหลักการ ่ ที่วา เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าเข้าไปในขดลวดตัวนาที่พนรอบแกนเหล็กในสนามแม่เหล็กจะ ั เกิดอานาจ แม่เหล็ก ผลักกับสนามแม่เหล็ก ทาให้ขดลวดหมุนได้ การควบคุมให้มอเตอร์หมุนช้าหรื อเร็ ว ทาได้โดยการเพิ่มหรื อลดความต้านทานไฟฟ้ า ถ้าความต้านทานไฟฟ้ ามาก มอเตอร์จะหมุนช้า ถ้าลดความต้านทานไฟฟ้ าลง มอเตอร์จะ หมุนเร็วขึ้น ข้อควรระวังในการใช้มอเตอร์หรื อเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่มีมอเตอร์เป็ นส่ วนประกอบ คือ ถ้า ไฟตก มอเตอร์จะไม่หมุน แต่ยงมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านขดลวดตัวนาอยู่ ซึ่ งอาจทาให้ ั ขดลวดร้อนและไหม้ได้ ดังนั้นจึงต้องถอดเต้าเสี ยบออกจากเต้ารับทุกครั้งที่ไฟตก และ เมื่อเลิกใช้งาน
  • 22. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานเสี ยง ่ เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสี ยง เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ น พลังงานเสี ยง เช่น เครื่ องรับวิทยุ เครื่ องบันทึกเสี ยง เครื่ องขยายเสี ยง
  • 23. 1.เครื่องรับวิทยุ เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสี ยง โดยเครื่ องรับวิทยุอาศัยการรับ คลื่นวิทยุจากสถานีส่ง แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสี ยงที่อยูในรู ปของ ่ สัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นจนเพียงพอที่ทาให้ลาโพงเสี ยงสันสะเทือนเป็ นเสี ยงให้เราได้ ่ ยิน ดังแผนผัง สถานีวทยุกระจายเสี ยงแต่ละสถานีจะส่ งคลื่นวิทยุดวยความถี่ที่แตกต่างกัน ิ ้ ซึ่งเราสามารถเลือกสถานีเพื่อรับฟังได้โดยหมุนปุ่ มเลือกสถานี
  • 24. 2.เครื่องขยายเสี ยง เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสี ยง โดยการใช้ไมโครโฟนเปลี่ยน เสี ยงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนทาให้ ลาโพงสันสะเทือนเป็ นเสี ยง ่ เครื่ องขยายเสี ยงมีส่วนประกอบดังนี้ • ไมโครโฟน เปลี่ยนพลังงานเสี ยงให้เป็ นสัญญาณไฟฟ้ า • เครื่ องขยายสัญญาณไฟฟ้ า ขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น • ลาโพง เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ าให้เป็ นพลังงานเสี ยง เครื่ องใช้ไฟฟ้ าหลายชนิด สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอื่นๆ หลายรู ปได้พร้อม กัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง และพลังงานเสี ยงในเวลา เดียวกัน