SlideShare a Scribd company logo
1 of 31
Download to read offline
การประยุกตของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
1. ทบทวนการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว

        ความหมายของสมการ

        สมการ เปนประโยคที่แสดงการเทากันของจํานวน โดยมีสัญลักษณ = บอกการเทากัน

       สมการอาจมีตัวแปรหรือไมมีตัวแปรก็ได เชน 4x – 2 = 15 เปนสมการที่มี x เปนตัวแปร
และ 12 – 25 = – 13   เปนสมการที่ไมมีตัวแปร




                                     det ทย
          สมการซึ่งมี x เปนตัวแปรและมีรูปทั่วไปเปน ax + b = 0 เมื่อ a, b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0
เรียกวา “สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว”
                                  ica ้อยไ
                                        .org
        ตอไปนี้เปนตัวอยางของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
                              .tha ายร
                                   1
        1.) 4x = 0              2.) x – 4 = 0           3.) –1.5y + 1.5 = 0         4.) 2 – 3x = 0
                                    3
                           www ซต์น


        * สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวบอกอะไรแกเรา ?
ตอบ     จริง ๆ แลว เราใชอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก เชน a, b, c, ..., x, y, z แทนตัวแปร แตที่เราพบเห็นอยูเสมอ ๆ คือ
                    ไ



        ตัวแปร x และ y เพราะสามารถเขียนกราฟของสมการในระบบพิกดฉาก XY ได   ั
               เว็บ




ตัวอยางเชน    1. 4x = 0
                   นํา 4 มาหารทั้งสองขางของสมการ             พิจารณาสมการ x = 0 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด
                    4x 0                                      จะไดคา x = 0 เสมอ
                       =
                    4 4                                       เชน ..., (0, -2), (0, -1), (0, 0), (0, 1), (0, 2), ...
                   x =0                                       เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                                                                                Y

                                                                                    X=0
                                                                                    3
                                                                                    2
                                                                                    1
                                                                                                     X
                                                                                    -1
                                                                                    -2
                                                                                    -3



                                                              จะเห็นวา สมการ x = 0 ก็คือแกน Y นั่นเอง
                                                              เพราะทุกพิกัดบนแกน Y มีคา x = 0
1
               2.      x–4=0
                    3
                    นํา 4 มาบวกทั้งสองขางของสมการ          พิจารณาสมการ x = 12 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด
                    1                                       จะไดคา x = 12 เสมอ
                       x–4+4 = 0+4
                    3                                       เชน ..., (12, -2), (12, -1), (12, 0), (12, 1), (12, 2), ...
                    1
                       x       =0                           เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                    3                                                  Y
                    นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ
                                 ้
                                                                                                   x = 12
                    1
                       x (3) = 4 (3)                                                                  X
                    3                                            -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
                    x          = 12

                                                            จะเห็นวา สมการ x = 12 ขนานแกน Y




                                   det ทย
               3. –1.5y + 1.5 = 0
                                ica ้อยไ
                  นํา 1.5 มาลบทั้งสองขางของสมการ



                                      .org
                  –1.5y + 1.5 – 1.5 = 0 – 1.5                   พิจารณาสมการ y = 1 จะเห็นวาไมวาคา x จะเปนเทาใด
                            .tha ายร
                  –1.5y                = –1.5                   จะไดคา y = 1 เสมอ
                  นํา –1.5 มาหารทั้งสองขางของสมการ             เชน ..., (-2, 1), (-1, 1), (0, 1), (1, 1), (2, 1), ...
                                                                เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                         www ซต์น

                  ( −1.5) y       ( −1.5)
                               =
                    ( −1.5)       ( −1.5)
                       y       =1                                                    4
                  ไ


                                                                                     3
             เว็บ



                                                                                     2
                                                                                     1     y=1

                                                                                     -1
                                                                                     -2
                                                                                     -3



                                                                จะเห็นวา สมการ y = 12 ขนานแกน X

       จากทั้งสามตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นวา
                                                                −1
• สมการ x = จํานวนจริงใด ๆ             เชน x = 2, x = 5, x =              เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน Y
                                                                4
   และสมการ x = 0 คือแกน Y นั่นเอง
                                                                −1
• สมการ y = จํานวนจริงใด ๆ             เชน y = 2, y = 5, y =              เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน X
                                                                4
   และสมการ y = 0 คือแกน X นั่นเอง

       “มองภาพไดงายขึ้นแลวใชไหมครับ การที่เราสามารถมองภาพรวมของสมการ และรูวิธีแกสมการที่ถูกวิธี ทําใหเราหา
                     
คําตอบไดอยางรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการคิดไดมากทีเดียว” ☺
คําตอบของสมการ คือ จํานวนที่แทนตัวแปรในสมการแลว ทําใหสมการเปนจริง
ซึ่งการแกสมการ คือ การหาคําตอบของสมการนั่นเอง

         สามารถใชสมบัติของการเทากัน ไดแก สมบัติสมมาตร สมบัติถายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ
เพื่อหาคําตอบของสมการได

        สมบัติของการเทากัน มีดังนี้

1. สมบัติสมมาตร                  ถา a = b       แลว b = a
                         เชน    68 = 4x
                         ∴       4x = 68

2. สมบัติถายทอด                 ถา a = b     และ b = c แลว a = c



                                      det ทย
                         เชน    ถา x = 6 – 4 และ 6 – 4 = 2 แลว x = 2
                                           4        4
                                   ica ้อยไ
                                 ถา y = x และ x = 7 แลว y = 7
                                           5        5


                                         .org
                               .tha ายร
3. สมบัติการบวก                  ถา a = b     แลว a + c = b + c
                         เชน    ถา a = 5     แลว a + 7 = 5 + 7
                            www ซต์น


                                 ถา 2 – b = 4 แลว 2 – b – 2 = 4 – 2

4. สมบัติการคูณ                  ถา a = b       แลว ac = bc
                   ไ
              เว็บ



                         เชน    ถา 3 + n = 4m แลว 4 (3 + n) = 4(4m)
                                 ถา 8n – 2 = 12 แลว 2 (4n – 1) = 2 (6)          การแยกตัวประกอบ
                                                                                  ซึ่งเปนบทกลับของสมบัติการคูณ

         แตที่กลาวมาขางตนนั้นมันแคหลักการครับ เวลาแกสมการจริง ๆ แลว วิธีคิด “ใหไว” และ “ไดผล” ดังตอไปนี้ครับ
1. จัดรูปสมการไมใหติดเศษสวนหรือทศนิยม
2. จัดรูปสมการในขอ 1. ใหเปนรูปอยางงาย
4. ยายขางตัวเลขอยูสวนตัวเลข ตัวแปรอยูสวนตัวแปร โดยอาศัยหลักการเครื่องหมายตรงขาม ดังนี้
                                            
         ยายขาง + ใหเปน –
         ยายขาง – ใหเปน +        จํางายไหมครับ เครื่องหมายตรงขามนั่นเอง
         ยายขาง × ใหเปน ÷        ลองดูตัวอยางตอไปนี้ครับ
         ยายขาง ÷ ใหเปน ×
1    2 1
ตัวอยางที่ 1   จงแกสมการ − y + =
                                 2    3 2
วิธีทํา         วิธีตามหนังสือ                        วิธีของเรา
                    1     2        1                      1      2      1
                − y+             =                    − y+           =
                    2     3        2                      2      3      2
                      2                                       2
                นํา มาลบทั้งสองขางของสมการ           ยาย + จากบวกเปนลบ (ยายตัวเลขใหอยูฝงเดียวกัน)
                                                                                           
                      3                                       3
                          1      2 2 1 2                           1    1 2           1
                จะได − y + – = –                               − y = –           = −
                          2      3 3 2 3                           2    2 3           6
                                   1        1         ยาย – 2 จากหารเปนคูณ
                                 − y = −
                                   2        6                             1         1
                นํา –2 มาคูณทั้งสองขางของสมการ                y     = − (– 2) =
                                                                          6         3
                            1                1
                จะได ⎛ − y ⎞ (– 2) = − (– 2)
                        ⎜      ⎟



                                    det ทย
                        ⎝ 2 ⎠                6         ขอนี้มันสั้นครับ ดูขอตอไปจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจน
                                          1
                                 y     =
                                 ica ้อยไ 3



                                       .org
                             .tha ายร
                               1
ตัวอยางที่ 2   จงแกสมการ        (p – 5) = 2p – 1
                               3
                          www ซต์น


วิธีทํา         วิธีตามหนังสือ                        วิธีของเรา
                1                                     1
                    (p – 5)       = 2p – 1                (p – 5)        = 2p – 1
                3                                     3
                     ไ



                นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ
                                ้                               p–5      = 3 (2p – 1) = 6p – 3 (ยาย 3 จากหารเปนคูณ)
                เว็บ



                         1                                      –5 + 3   = 6p – p (ยายเลขมาฝงเลข ตัวแปรมาฝงตัวแปร)
                จะได (p – 5) (3) = 3 (2p – 1)
                         3                                      –2       = 5p
                                  p – 5 = 6p – 3                5p       = –2        (สมบัติสมมาตร)
                นํา –6 มาบวกทั้งสองขางของสมการ                             −2
                จะได –6p + p – 5 = 6p – 3 – 6p                p         =           (ยาย 5 จากคูณเปนหาร)
                                                                             5
                          –5p – 3          = –3
                                                                   6 บรรทัด สั้นและเร็วกวาไหมครับ?
                นํา 5 มาบวกทั้งสองขางของสมการ
                จะได –5p – 5 + 5          = –3 + 5
                                  –5p = 2
                นํา –5 มาหารทั้งสองขางของสมการ
                         − 5p          2
                จะได             =
                          −5          −5
                                      −2
                          p       =
                                       5
                    13 บรรทัด ซึ่งยาวนะครับ.
8   6
ตัวอยางที่ 3   จงแกสมการ x = x + 22
                           3   5
                                                             8
วิธีทํา         จากโจทยจะเห็นวา เรายาย 5 จากหารไปคูณกับ x ไมได เพราะ 5 ไมใชตัวหารของเลขทั้งหมด
                                                             3
                ตองยายชุดตัวแปรมาฝงเดียวกัน
                          8 6
                จะได x – x              =      22
                          3 5
                              8 6
                         x⎛ − ⎞ =
                            ⎜       ⎟           22                  (ดึง x ที่เปนตัวประกอบรวมออกมา)
                            ⎝3 5⎠
                              40 − 18 ⎞
                         x⎛ ⎜         ⎟ =       22                  (หา ค.ร.น. ของ 3 และ 5 เพื่อลบเศษสวน)
                            ⎝ 15 ⎠
                                                     15
                                  x      =      22 ×                (ยายขางหารเปนคูณ; คูณเปนหาร)
                                                     22




                                    det ทย
                                  x      =      15
                ขอนี้เราทํา 5 บรรทัดครับ แตหนังสือทํา 11 บรรทัด
                                 ica ้อยไ                                                                  ตอบ




                                       .org
                             .tha ายร
ตัวอยางที่ 4   จงแกสมการ 3 (y – 6) – 2 (5 + 3y) = 5
วิธีทํา         คูณตัวประกอบรวมเขาไปใหไดเอกนามแตละตัว แลวจับตัวเลขคูตัวเลข ตัวแปรคูตวแปร
                                                                                            ั
                          www ซต์น

                3y – 18 – 10 – 6y – 5 = 0                             (ยาย 5 มาดวย เปน –5)
                        –3y – 33        =0                            บางคนเกงแลวทําอยางนีไดเลย ยาย –3y เปน 3y
                                                                                              ้
                จะได            0      = –3y – 33                             –33 = 3y
                     ไ



                                                                                − 33
                เว็บ



                                 3y     = –33                                          =y
                                                                                 3
                                           − 33
                                 y      =             = –11                    y       = –11                  ตอบ
                                             3


                             x 2(x − 1) 4 − 5x
ตัวอยางที่ 5   จงแกสมการ      −         =
                             9       3         6
วิธีทํา         แกปญหาเศษสวนกอนเลยครับ หา ค.ร.น. ของ 9, 3 และ 6 ได 18
                นํา 18 มาคูณทั้งสองขางของสมการ
                     x (18)2(x − 1)               (4 − 5x)
                (18) –                 =     (18)
                     9         3                      6
                       2x – 12x + 12 =       12 – 15x
                       2x – 12x + 15x =      12 – 12          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                5x     =     0
                                x      =     0                                                               ตอบ
a+7                 a −5
ตัวอยางที่ 6   จงแกสมการ           − (2 − a ) =
                                 3                   6
วิธีทํา         กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 3 และ 6 ทั้งสองขางของสมการ
                      a+7⎞                            a −5 ⎞
                (6) ⎛
                    ⎜       ⎟ – 6 (2 – a) =       6⎛⎜       ⎟
                    ⎝ 3 ⎠                           ⎝ 6 ⎠
                2a + 14 – 12 + 6a         =       a–5
                         2a + 6a – a      =       –5 – 14 + 12          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                 7a       =       –7
                                                   −7
                                 a        =                    = –1                                              ตอบ
                                                    7

                               2x x + 6 3
ตัวอยางที่ 7   จงแกสมการ        +      = (x + 15)
                               15 12 10



                                    det ทย
วิธีทํา         กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 15, 12 และ 10 นั่นคือ 60 ทั้งสองขางของสมการ
                      2x       (x + 6)
                                 ica ้อยไ            3
                (60) + 60              =       (60) (x + 15)
                      15         12                 10


                                       .org
                         8x + 5x + 30 =        18x + 270
                             .tha ายร
                         8x + 5x – 18x =       270 – 30
                                   –5x =       240
                          www ซต์น

                                                240
                                     x =                       = –48                                             ตอบ
                                                −5
                     ไ



ตัวอยางที่ 8   จงแกสมการ 4.5 (2 – 3x) + 0.8x = 2.3 (x + 30)
                เว็บ



วิธีทํา         คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว
                (4.5) (2) – (4.5) (3x) + 0.8x   =       2.3x + (2.3) (30)
                         9 – 13.5x + 0.8x       =      2.3x + 69
                         –13.5x + 0.8x – 2.3x =         69 – 9            ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                           –15x =       60
                                                          60
                                           x    =                = –4                                              ตอบ
                                                         − 15

ตัวอยางที่ 9   จงแกสมการ 0.12y – 1.6 (y – 2) = 6.8 – 1.28y
วิธีทํา         คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว
                0.12y – 1.6y + 3.2      =       6.8 – 1.28y
                0.12y – 1.6y + 1.28y =          6.8 – 3.2               ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                 –0.2y =        3.6
                                                  3.6
                                 y      =                = –18                                                   ตอบ
                                                 − 0.2
2x − 5 5 + 3x 2x − 1 5x − 2
ตัวอยางที่ 10 จงแกสมการ            −         =        −
                                  2       4         2        8
วิธีทํา          กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 2, 4 และ 8 นั่นคือ 8 ทั้งสองขางของสมการ
                 8(2x − 5) 8(5 + 3x)             8(2x − 1) 8(5x − 2)
                             −          =                  −
                       2           4                 2           8
                 8x – 20 – 10 – 6x      =       8x – 4 – 5x + 2
                 8x – 6x – 8x + 5x      =       –4 + 2 + 20 + 10          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                  –x    =       28
                                                 28
                                  x     =                        = –28                                            ตอบ
                                                 −1


2. การนําไปใช



                                     det ทย
          ขั้นตอนการแกสมการจากประโยคสัญลักษณเปนดังนี้
                                  ica ้อยไ                                                                          ไมจริง




                                        .org
                                                                    วิเคราะหเงื่อนไขในโจทย
เริ่มตน → อานและวิเคราะหโจทย → กําหนดตัวแปร →                                            → แกสมการ
                                                                         และเขียนสมการ
                              .tha ายร
                           www ซต์น


                                                                                                 ตรวจคําตอบของสมการ
                                                                 จบ ← แสดงคําตอบ ←
                                                                                                   ตามเงื่อนไขโจทย
                    ไ
               เว็บ



          2.1 ปญหาเกี่ยวกับจํานวน

ตัวอยางที่ 11 ผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาอีกจํานวนหนึ่งอยู 40 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา        ให x แทนจํานวนเต็มจํานวนหนึ่ง
               อีกจํานวนหนึงนอยกวาจํานวนแรกอยู 40 แทนดวย x – 40
                            ่
               เนื่องจากผลบวกของทั้งสองจํานวน คือ 14
               จะไดสมการเปน          x + (x – 40) =         14
                                       x + x – 40     =       14
                                                2x    =       14 + 40          = 54
                                                               54
                                                x     =                        = 27
                                                                2
               ดังนั้น จํานวนเต็มตัวแรก คือ 27 และจํานวนเต็มตัวที่สอง คือ 27 – 40 = –13
               ตรวจคําตอบ โจทยกําหนดใหผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14
                              แทนคา 27 + (–13)       =       27 – 13          = 14         จริง
                              ดังนั้น จํานวนเต็มทั้งสองจํานวน คือ 27 และ –13                              ตอบ
ตัวอยางที่ 12 ผลบวกของจํานวนคูสี่จํานวนเรียงติดกันเทากับ 212 จงหาจํานวนทั้งสี่
วิธีทํา        พิจารณาจํานวนคูเรียงติดกัน     เชน            2, 4, 6, ...
               เราจะเขียนแทนจํานวนเหลานี้ไดวา               2, 2+2, 2+4, ...
               นั่นคือ ถาสมมติใหจํานวนแรกเปน x จะได        x, x+2, x+4, ...
               ดังนั้น แปลงโจทยเปนประโยคสัญลักษณได x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6)         = 212
                                                               x+x+2+x+4+x+6                   = 212
                                                                                4x + 12        = 212
                                                                                        4x     = 212 – 12     = 200
                                                                                                  200
                                                                                       x       =              = 50
                                                                                                   4
               ดังนั้น จํานวนคูที่เรียงติดกัน   x, x + 2, x + 4 และ x + 6
                                          คือ    50, 52, 54 และ 56                                            ตอบ




                                    det ทย
                                 ica ้อยไ
                                       .org
                                                                     อยางที่พี่เคยบอกวา
                             .tha ายร
                                                                     การจะประสบความสําเร็จในการสอบได
                                                                     ตองตะลุยทําโจทยใหมาก ๆ
                          www ซต์น

                                                                     งั้น...เรามาตะลุยทําโจทยกนดีกวาครับ.
                                                                                               ั
                   ไ
              เว็บ




1. จงหาจํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –255
วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน คือ   x, x + 1, x + 2
        เขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 1) + (x + 2) =         –255
                               x+x+1+x+2             =       –255
                                       3x + 3        =       –255
                                       3x            =       –255 – 3 = –258
                                                              − 258
                                       x             =                = –86
                                                                3
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 1, x + 2
                               คือ –86, –86 + 1, –86 + 2 หรือ –86, –85, –84                                   ตอบ
2. จงหาจํานวนคี่สามจํานวนที่เรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –87
วิธีทํา สมมติใหจํานวนคี่ตวแรก คือ x
                           ั
        ดังนั้น จํานวนคี่สามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 2, x + 4
        จากโจทยเขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 2) + (x + 4) =                    –87
                                        x+x+2+x+4                =              –87
                                                 3x + 6          =              –87
                                                 3x              =              –87 – 6          = –93
                                                                                 − 93
                                                     x                 =                         = –31
                                                                                  3
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 2, x + 4
                               คือ –31, –31 + 2, –31 + 4 หรือ                   –31, –29, –27                               ตอบ




                                       det ทย
        จะเห็นวา แนวคิดของขอ 1 และ ขอ 2 นั้นเหมือนกัน ถาจํานวนเต็มเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2. ...
ถาจํานวนเต็มคู หรือจํานวนเต็มคี่เรียงติดกัน คือ x, x+2, x+4, ... เพราะจํานวนคูหรือจํานวนคี่ที่เรียงติดกัน จะมีคาหางกัน 2 หนวย
                                    ica ้อยไ
                                          .org
                                .tha ายร
3. ผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเปน –61 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึงอยู 17 จงหาจํานวนสองจํานวนนัน
                                                                                      ่                             ้
วิธีทํา กําหนดใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x,        ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ –61 – x
                             www ซต์น

        เพราะ จํานวนสองจํานวนบวกกัน             =         –61
        หมายถึง x + (–61 – x) = x – 61 – x =              –61 จริง
        กําหนดใหจํานวนที่มากกวา คือ x และจํานวนทีนอยกวา คือ –61 – x
                                                       ่
                    ไ
               เว็บ



        ดังนั้น เขียน “จํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึ่งอยู 17” เปนประโยคสัญลักษณได 3x – (–61–x) = 17
        จาก 3x – (–61 – x) =           17
                3x + 61 + x =          17
                         4x    =       17 – 61            = –44
                         x     =       –11
        ถาจํานวนแรกคือ –11 อีกจํานวนหนึง คือ –61 – x
                                            ่                    หรือ –61 – (–11) = –61 + 11 = –50             ตอบ

ขอสังเกต        ถาเรากําหนดให –61 – x เปนจํานวนทีมากกวา
                                                     ่         และ x เปนจํานวนทีนอยกวา
                                                                                 ่
                 ลองคํานวณแบบนี้ดูนะครับ ; 3 (–61 – x) – x     =       17
                                                 –183 – 3x – x =       17
                                                         –4x   =       17 + 183       = 200
                                                                        200
                                                       x       =                      = –50
                                                                        −4
                 เมื่อ x = –50 ดังนั้น –61 – x คือ –61 – (–50) =       –61 + 50       = –11 เชนกัน
Hint : คําถามลักษณะใครมากกวาใคร ใครนอยกวาใคร มากหรือมากนอยกวาอยูเทาไร ... นากลัวมาก!!!
       เพราะนอง ๆ ตีความกันไมเปน
       คนทั่วไปตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท ตีความเปน พี่ > ฉัน = 3 บาท
                                    ซึ่งประโยคสัญลักษณ พี่ > ฉัน = 3 บาท นั้น มันใชแกปญหาไมไดครับ
                                    เพราะมีทั้งเครืองหมาย > และ = อยูในประโยคเดียวกัน
                                                    ่
       คนคิดเกงตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท แปลวา เงินพี่ลบเงินฉันเทากับ 3 บาท
                                    เขียนเปนประโยคสัญลักษณได พี่ – ฉัน = 3 บาท
                                    อยางนี้จึงจะเรียกไดวา “คิดได” และ “คิดเปน” ครับ



4. จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน เมื่อนํา 6 มาลบออกจากจํานวนที่มากกวา แลวคูณดวย 3 จะไดผลลัพธเทากับเมื่อนํา 4 มาบวก
     กับจํานวนที่นอยกวา แลวคูณดวย 7 จงหาจํานวนคูสองจํานวนนั้น
                  



                                    det ทย
วิธีทํา จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน ใหจํานวนแรก คือ x ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่งคือ x + 2
         ใหจํานวนที่มากกวา คือ x + 2 จํานวนที่นอยกวา คือ x
                                 ica ้อยไ
         จากประโยคภาษาขางตน เขียนเปนประโยคสัญลักษณไดดังนี้


                                       .org
                 [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7
                             .tha ายร
         แกสมการคา x ไดดังนี้
         จาก [(x + 2) – 6] × 3             =        [4 + x] × 7
                          www ซต์น


                          (x – 4) (3)      =        (x + 4) 7 ;      [4 + x = x + 4]
                          3x – 12          =        7x + 28
                          –12 – 28         =        7x – 3x
                   ไ
              เว็บ



                                   4x      =        –40
                                                     − 40
                                   x       =                         = –10
                                                       4
         ถาจํานวนแรก คือ x = –10          ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ x + 2 = –10 + 2 = –8                        ตอบ



5. ถาผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเทากับ 20 และผลตางของสองจํานวนนั้นเทากับ 2 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มอีกตัวหนึ่ง คือ 20 – x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x – (20 – x) =                2
                                                x – 20 + x      =         2
                                                        2x      =         2 + 20 = 22
                                                                           22
                                                        x       =                = 11
                                                                            2
        ถาจํานวนแรก คือ 11 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 20 – x = 20 – 11 = 9                           ตอบ
6. จํานวนเต็มสองจํานวน จํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 ถาคูณจํานวนแรกดวย 3 และบวกดวยสองเทาของจํานวนที่สอง
     จะไดผลลัพธเปน 80 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา โจทยกําหนดใหจํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 สมมติใหจํานวนแรก คือ x จํานวนที่สอง คือ 15 + x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได 3x + 2 (15 + x)           =      80
        แกสมการได                          3x + 2 (15) + 2x         =      80
                                                      5x              =      80 – 30       = 50
                                                                              50
                                                      x               =                    = 10
                                                                               5
        ถาจํานวนแรก คือ 10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 15 + x = 15 + 10 = 25                               ตอบ



7. นตท.ผานฟา สอบแขงขันคณิตศาสตรสองครั้ง แตละครั้งคะแนนเต็ม 100 คะแนน ครั้งแรกเขาสอบได 75 คะแนน




                                   det ทย
     เขาตองสอบครั้งที่สองใหไดคะแนนเทาใด จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน
                                                        คะแนนสอบครั้งแรก + คะแนนสอบครั้งที่สอง
วิธีทํา คะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้ง =
                                ica ้อยไ                                   2



                                      .org
                                                        75+ คะแนนสอบครั้งที่สอง
                         แทนคาได      80      =
                            .tha ายร
                                                                    2
         ดังนั้น คะแนนสอบครั้งที่สอง            =      80 (2) – 75    = 85
         ∴ เขาตองทําคะแนนสอบครั้งที่สองใหได 85 คะแนน
                         www ซต์น


                 จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน                                     ตอบ
                  ไ
             เว็บ



8. นักเรียนหองหนึ่งมีจํานวนนักเรียนหญิงเปนสองเทาของจํานวนนักเรียนชาย ถามีนักเรียนชายยายมาเพิ่ม 6 คน
     และนักเรียนหญิงยายออก 5 คน แลวนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงจะมีจํานวนเทากัน จงหาจํานวนนักเรียนในหองนี้
วิธีทํา กําหนดใหมีจานวนนักเรียนชาย x คน
                        ํ
         ดังนั้น มีจํานวนนักเรียนหญิง 2x คน
         นักเรียนชายเพิม 6 คน หมายถึง
                          ่                            x+6
         นักเรียนหญิงลด 5 คน หมายถึง                   2x – 5
                  โจทยกําหนดให         x+6 =         2x – 5
                  แกสมการได            6+5 =         2x – x
                                         x       =     11
         ดังนั้น นักเรียนในหองนี้มีจานวน x + 2x =
                                     ํ                 11 + 2 (11)     = 11 + 22 = 33 คน                     ตอบ
9. ลวดหนามขดหนึ่งยาว 36 เมตร นําไปลอมรั้วรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผาที่มีดานกวางสั้นกวาดานยาว 4 เมตร ไดพอดี
                                                                             
    จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผานี้
วิธีทํา                x+4

               x                    x

                       x+4

       ถาสมมติใหความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว   x      เมตร
       ดังนั้น ใหความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว     x+4    เมตร
       จากรูปและโจทย      x + x + (x + 4) + (x + 4)   =      36      เมตร
                              x+x+x+4+x+4              =      36
                                          4x + 8       =      36



                                    det ทย
                                                               36 − 8          28
                                                x      =                     =                 = 7 เมตร
                                                                 4             4
                                 ica ้อยไ
       ดังนั้น สี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้ กวาง 7 เมตร     ยาว 7 + 4 หรือ 11 เมตร                                  ตอบ


                                       .org
                             .tha ายร
                                          2
10. แมแบงทีนาใหลกสองคน คนแรกไดรับ ของที่มีอยู คนที่สองไดนอยกวาคนแรก 5 ไร ปรากฏวาแมยงเหลือทีนาอยูอก 15 ไร
              ่     ู                                                                       ั       ่      ี
                          www ซต์น


                                          5
     จงหาวาเดิมแมมีที่นากี่ไร
วิธีทํา ถาที่นาถูกแบงใหลูกสองคน
                   ไ



                                                      2                             2
              เว็บ



        สมมติใหที่นาทั้งหมดมี x ไร ลูกคนแรกไดรับ x ไร             คนที่สองไดรับ x – 5 ไร
                                                      5                              5
                                                              2 ⎛2
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x        =           x + ⎜ x −5 ⎞ + 15
                                                                             ⎟
                                                              5 ⎝5           ⎠
                                                              2 2
                                               x     =           x + x – 5 + 15
                                                              5 5
                                         2 2
                                    x– x– x          =       –5 + 15 = 10
                                         5 5
                                          2 2
                                  x ⎛1 − − ⎞
                                    ⎜         ⎟      =       10
                                    ⎝ 5 5⎠
                                                1
                                                  x =        10
                                                5
                                               x     =       10 (5)          = 50
        ดังนั้น เดิมแมมีที่นารวม 50 ไร                                                                      ตอบ
11. สามปที่แลวบุตรมีอายุเทากับหนึ่งในหาของอายุปจจุบันของบิดา อีกหาปขางหนาบิดาจะมีอายุมากกวาอายุของบุตร 25 ป
     จงหาอายุปจจุบันของบิดาและบุตร
               
                                                                                    x
วิธีทํา กําหนดใหปจจุบันบิดาอายุ         x         ป ทําใหสามปที่แลวบุตรมีอายุ        ป
                                                                                     5
                                           x
        ดังนั้น ปจจุบันบุตรอายุ             + 3 ป
                                           5
                                                                        x                   x
        ทําใหอีกหาปขางหนาบิดาอายุ x + 5 ป และบุตรอายุ ⎛ + 3 ⎞ + 5 =
                                                                      ⎜       ⎟               + 8 ป
                                                                      ⎝5 ⎠                  5
                                                                         x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณไดวา              (x + 5) – ⎛ + 8 ⎞
                                                                       ⎜       ⎟    =      25
                                                                       ⎝5 ⎠
                                                                     x
                                                            x+5– –8                 =      25
                                                                     5
                                                                          x
                                                                     x–             =      25 – 5 + 8     = 28



                                      det ทย
                                                                          5
                                                                      4
                                   ica ้อยไ                             x           =      28
                                                                      5
                                                                                                 5


                                         .org
                                                                     x              =      28 ×           = 35 ป
                                                                                                 4
                               .tha ายร
                                                             x             35
        ถาปจจุบันบิดาอายุ 35 ป         ดังนั้น บุตรอายุ + 3 =              +3 =         10      ป             ตอบ
                                                             5              5
                            www ซต์น


12. ทอประปาทอหนึ่งวัดเสนผานศูนยกลางภายในได 6 เซนติเมตร ถาทอประปาทอนี้จุน้ําได 1,386 ลูกบาศกเซนติเมตร
                   ไ



    จะมีความยาวเทาใด (ใชสูตร V = πr2ℓ เมื่อ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก
              เว็บ



                                                                                         r แทนรัศมีของฐานของทรงกระบอก
                                                                                                           22
                                                ℓ แทนความยาวของทรงกระบอก                 และกําหนดให π = )
                                                                                                            7
วิธีทํา จากสูตร         V       =       πr2ℓ
                                        D                    6
        จากโจทย        r       =                       =                 = 3 cm
                                        2                    2
                                                                 22
        แทนคา          V       =       1,386 cm3,      π=          ,      r = 3 และเราตองหาคา ℓ
                                                                  7
        จาก             V       =         πr2ℓ
                                           V        1,386               1,386 × 7
        ดังนั้น            ℓ       =             = 22            =                = 49 cm
                                          πr 2        × 32                22 × 9
                                                    7
        ดั้งนั้น ทอน้ํานี้มีความยาว 49 เซนติเมตร                                                                 ตอบ
2.2 ปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละ

       นอง ๆ เคยแกโจทยปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละมาแลว แตในกรณีที่โจทยมความซับซอนยุงยาก ถาใชสมการ
                                                                                  ี
ชวยอาจทําไดรวดเร็วและงายกวา ดังตัวอยางตอไปนี้

ตัวอยางที่ 13 พอคาซื้อแปงสองชนิดมาผสมกันใหได 50 กิโลกรัม เขาซื้อแปงชนิดแรกกิโลกรัมละ 15 บาท ซื้อแปงชนิดที่สอง
               กิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อนํามาผสมกันแลวเขาขายไปไดกําไร 25% คิดเปนเงินทั้งหมด 1,312.50 บาท
               อยากทราบวาพอคาซื้อแปงมาแตละชนิดอยางละกีกิโลกรัม
                                                              ่
วิธีทํา        ถาซื้อแปงชนิดแรก        x     กิโลกรัม
               ตองซื้อแปงชนิดที่สอง 50 – x กิโลกรัม
               แปงชนิดแรกราคากิโลกรัมละ 15            บาท คิดเปนเงิน         15x              บาท
               แปงชนิดที่สองราคากิโลกรัมละ 25         บาท คิดเปนเงิน         25 (50 – x)      บาท



                                    det ทย
               เขาขายไปไดกาไรํ          25% คิดเปนเงินรวมทั้งหมด             1,312.50         บาท
               แสดงวา          ไดเงิน        125 บาท จากทุน                  100              บาท
                                 ica ้อยไ                                 1,312.50 ×100


                                       .org
                                ไดเงิน     1,312.50 บาท จากทุน                              = 1,050 บาท
                                                                               125
                             .tha ายร
                                ทุน            1,050 บาท ก็คือทุน              15x + 25 (50 – x)     บาท
                                เขียนเปนสมการได      1,050           =       15x + 25 (50 – x)
                          www ซต์น


                                                 15x + 1,250 – 25x =           1,050
                                                       –10x            =       1,050 – 1,250
                                                       –10x            =       –200
                   ไ
              เว็บ



                                                                                − 200
                                                       x               =                  = 20
                                                                                 − 10
               ดังนั้น เขาซื้อแปงชนิดแรกมา 20 กิโลกรัม
                 และ เขาซื้อแปงชนิดที่สองมา 50 – x = 50 – 20 = 30 กิโลกรัม                                  ตอบ



ตัวอยางที่ 14 มีน้ําเกลืออยูสองชนิด ชนิด A มีเกลือ 20% ชนิด B มีเกลือ 35% ตองการน้ําเกลือสองชนิดมาผสมกันใหได
               น้ําเกลือผสม 20 ลิตร และมีเกลือ 25% จงหาวาตองใชนาเกลือชนิด A และชนิด B อยางละเทาใด
                                                                  ้ํ



                                        20 – x
                         x ลิตร
                                         ลิตร
                        ชนิด A          ชนิด B
วิธีทํา น้ําเกลือชนิด A ; น้ําเกลือ 20% คือ         มีน้ําเกลือ 100 ลิตร     คิดเปนเกลือ 20 ลิตร
                                                                                          20x
                                           ดังนั้น มีน้ําเกลือ x ลิตร คิดเปนเกลือ             = 0.2x ลิตร
                                                                                          100
        น้ําเกลือชนิด B ; น้ําเกลือ 35% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 35 ลิตร
                                                                                          35( 20 − x )       7
                                           ดังนั้น มีน้ําเกลือ 20 – x ลิตร คิดเปนเกลือ                 =      (20 – x) ลิตร
                                                                                              100           20
                                                                      25
        น้ําเกลือผสม 20 ลิตร มีเกลือ 25%           ดังนั้น มีเกลือ       × 20         =      5         ลิตร
                                                                     100
                                           7
        จะไดสมการเปน            0.2x + (20 – x)            =       5
                                          20
                                               7
                                  0.2x + 7 – x               =       5
                                              20
                                  0.2x – 0.35x               =       5–7




                                      det ทย
                                           – 0.15x           =       –2
                                                                       −2
                                   ica ้อยไx                 =                        = 13.33
                                                                      − 0.15



                                         .org
        ดังนั้น น้ําเกลือชนิด A มี         13.33 ลิตร
                 น้ําเกลือชนิด B มี        20 – 13.33        =       6.66 ลิตร                                         ตอบ
                               .tha ายร
                            www ซต์น


        ทีนี้...พี่จะทําแบบฝกหัดใหดูเปนตัวอยางนะครับ
                    ไ



1. โรงเรียนเตรียมทหารมีจานวนนักเรียนในระดับชั้นตาง ๆ ดังนี้ ชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด ชั้นปที่ 2 คิดเปน
                        ํ
               เว็บ



   80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 และที่เหลืออีก 118 คน เปนนักเรียนชั้นปที่ 3 จงหาจํานวนนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนี้

วิธีทํา ใหโรงเรียนเตรียมทหารมีนกเรียนทั้งหมด
                                ั                            x                   คน
                                                                                    50
        นักเรียนชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด นันคือ่                      x            = 0.5x คน
                                                                                  100
                                                                                    80 50
        นักเรียนชั้นปที่ 2 คิดเปน 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 นันคือ
                                                                   ่                    × x = 0.4x คน
                                                                                  100 100
        นักเรียนชั้นปที่ 3 คิดเปน                          118                 คน
        เขียนเปนสมการไดวา นักเรียนทั้งหมด =               ชั้นปที่ 3 + ชั้นปที่ 1 + ชั้นปที่ 2
                                            x     =          118 + 0.5x + 0.4x
                                            x     =          118 + 0.9x
                                     x – 0.9x     =          118
                                         0.1x     =          118
                                                             118
                                            x     =                              = 1,180             คน
                                                              0.1
        ดังนั้น นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเตรียมทหารมี 1,180 คน                                                       ตอบ
2. แมคานําลูกชื้นเนื้อและลูกชิ้นหมูมาขายรวม 60 กิโลกรัม ลูกชื้นเนื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ลูกชิ้นหมูกิโลกรัมละ 50 บาท
     ปรากฏวาอัตราสวนของจํานวนเงินที่ซื้อลูกชื้นเนื้อตอจํานวนเงินที่ซื้อลูกชิ้นหมูเปน 6 : 7 จงหาวาแมคาซื้อลูกชิ้นแตละชนิด
     มาอยางละกีกโลกรัม
                  ่ิ
วิธีทํา กําหนดใหลกชิ้นเนื้อ เปนลูกชิ้น A
                       ู
        กําหนดใหลกชิ้นหมู เปนลูกชิ้น B
                         ู
        ซื้อลูกชิ้นทั้งสองชนิดรวมกัน 60 กิโลกรัม ถาซื้อชนิด A มา x กิโลกรัม จะซื้อชนิด B มา 60 – x กิโลกรัม
                  ลูกชิ้น A ;        จํานวน 1 กิโลกรัม      ราคา 60           บาท
                           ดังนั้น จํานวน x กิโลกรัม        ราคา 60x บาท
                  ลูกชิ้น B ;        จํานวน 1 กิโลกรัม      ราคา 50           บาท
                                     จํานวน 60 – x กิโลกรัม ราคา 50 (60 – x)           บาท
                  ดังนั้น เขาตองจายเงินซื้อลูกชิ้นตามอัตราสวนดังนั้น
                           คาลูกชิ้นA                6                   60x
                                             =              =



                                      det ทย
                            คาลูกชิ้นB               7               50(60 − x)
                           จะไดสมการ 6 × 50 (60 – x) =
                                   ica ้อยไ                         7 (60x)
                                             18,000 – 300x =        420x


                                         .org
                                                     18,000 =       420x + 300x = 720x
                               .tha ายร
                                                     720x =         18,000
                                                                      18,000
                                                     x      =                          = 25
                            www ซต์น


                                                                        720
                  ดังนั้น พอคาซื้อลูกชื้นเนื้อมา 25       กิโลกรัม
                           พอคาซื้อลูกชิ้นหมูมา 60 – x = 60 – 25 = 35 กิโลกรัม                                ตอบ
                    ไ
               เว็บ




3. ดารุณเี ปดรานขายกระเปาและรองเทา เธอติดราคาขายกระเปาไวโดยคิดกําไร 25% แตเมื่อมีเพื่อนมาซื้อ ดารุณีจงลดราคาให 10%
                                                                                                            ึ
     และขายไปในราคา 900 บาท อยากทราบวาตนทุนของกระเปาใบนี้เปนเทาใด
วิธีทํา สมมติใหกระเปาใบนี้มีตนทุน x           บาท
        ขายของคิดกําไร 25% หมายความวา ซื้อมา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 125 บาท
                                                                                            125x
                                 แสดงวา         ซื้อมา x บาท ตองการขายใหไดเงิน                  =         1.25x บาท
                                                                                             100
        แตพอเพื่อนมาซื้อ ลดให 10% หมายความวา ของราคา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 90 บาท
                                                                                                       (90 )
                                      แสดงวา ของราคา 1.25x บาท ตองการขายใหไดเงิน (1.25x) ×                 = 1.125x บาท
                                                                                                        100
        และเมื่ออานโจทยแลวทําใหทราบวา       1.125x บาท ก็คือ 900 บาท
                                      จะได      1.125x =       900
                                                                  900
                                                 x      =                      =            800 บาท
                                                                 1.125
        แสดงวาตนทุนของกระเปาใบนี้คือ          800 บาท                                                              ตอบ
4. สนามหญารูปสี่เหลี่ยมผืนผาแหงหนึงมีอัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ถาเพิ่มความยาวแตละดานอีก 20%
                                          ่
     ของความยาวเดิม จะทําใหความยาวรอบสนามเทากับ 268.8 เมตร จงหาวาเดิมแตละดานของสนามยาวกี่เมตร
วิธีทํา เขียนรูปสี่เหลียมผืนผาสมมติ ที่อัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3
                       ่
                         5

                                3

                                                                120
       ถาความยาวเพิม 20% จะไดความยาวใหม 120% ก็คอ
                    ่                              ื                ×5 = 6
                                                                100
                                                                120
       ถาความกวางเพิ่ม 20% จะไดความกวางใหม 120% ก็คือ          × 3 = 3. 6
                                                                100
       อัตราสวนความยาวตอความกวางใหมจะเปน           6 : 3.6
       จากสนามสมมติ กับอัตราสวนความยาวใหม ความยาวรอบรูปสมมติจะได 6 + 6 + 3.6 + 3.6 = 19.2




                                    det ทย
       ให x เปนจํานวนเทาที่เปนตัวคูณกับความยาวสมมติ แลวไดความยาวจริง
                                 ica ้อยไ       (19.2)x         =       268.8
                                                                         268.8



                                       .org
                                                        x       =                    = 14
                                                                         19.2
                             .tha ายร
       ดังนั้น สนามจริง ๆ มิติใหมมีความกวาง 3.6 × 14          =       50.4 เมตร
                                   มีความยาว 6 × 14             =       84.0 เมตร
                          www ซต์น

               เปรียบเทียบเปนเปอรเซ็นต ความกวาง 120% คือ 50.4 เมตร
                                                                        50.4 ×100
                                   ดังนั้น ความกวาง 100% คือ                        = 42  เมตร
                                                                            120
                   ไ



                                           ความยาว      120% คือ 84             เมตร
              เว็บ



                                                                        84×100
                                   ดังนั้น ความยาว      100% คือ                     = 70  เมตร
                                                                           120
               แสดงวา แตเดิมสนามกวาง 42 เมตร และยาว 70 เมตร                                  ตอบ



5. นตท.อิศระ ซอมวิ่งมาราธอนวันแรกวิงไป 20% ของระยะทางทั้งหมด วันที่สองวิ่งไปอีก 64 กิโลเมตร วันที่สามวิ่งตอไป
                                         ่
     อีก 50% ของระยะทางที่เหลือ ปรากฏวาเขาวิ่งสามวันรวมกันไดระยะทาง 200 กิโลเมตร ระยะทางชวงสุดทายจะวิ่งในวันที่สี่
     จงหาวาระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดยาวกีกิโลเมตร
                                                     ่
วิธีทํา สมมติใหเขาตองวิ่งระยะทางทั้งหมด        x            กิโลเมตร
                                            20
         วันแรกเขาจึงวิงไปไดระยะทาง
                         ่                     x =       0.2x กิโลเมตร
                                           100
         วันที่สองเขาวิงไปไดระยะทาง
                       ่                         64           กิโลเมตร
         * แปลวาสองวันแรกเขาวิ่งไปไดระยะทาง 0.2x + 64 กิโลเมตร
         * เหลือระยะทางเทากับ x – 0.2x – 64 = 0.8x – 64      กิโลเมตร
50
        วันที่สามเขาวิงไปไดระยะทาง 50% ของระยะทางที่เหลือ คือ
                      ่                                                            (0.8x − 64)       กิโลเมตร
                                                                             100
                                                                  =          0.5 (0.8x − 64)         กิโลเมตร
                                                                  =          0.4x – 32        กิโลเมตร
        ระยะทางที่วิ่งรวมสามวัน คือ        0.2 + 64 + (0.4x – 32) =          200              กิโลเมตร
        แกสมการหาคา x จะได              0.2 + 64 + 0.4x – 32 =            200              กิโลเมตร
                                                   0.6x + 32      =          200              กิโลเมตร
                                                         0.6x     =          200 – 32         กิโลเมตร
                                                                             168
                                                            x       =                         กิโลเมตร
                                                                              0.6
                                                         x          =        280              กิโลเมตร
        ดังนั้น ระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดเทากับ         280      กิโลเมตร                                   ตอบ




                                      det ทย
                                   ica ้อยไ
6. ถาตองการผสมน้ําเชื่อมใหมีน้ําตาล 40% โดยการผสมน้ําเชื่อมสองขวด ขวดแรกเปนน้ําเชื่อมที่มีน้ําตาล 90% และมีน้ําเชือม       ่



                                         .org
     อยูในขวด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร น้ําเชื่อมขวดที่สองเปนน้าเชื่อมที่มีน้ําตาล 20% จะตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองปริมาณเทาใด
                                                                   ํ
วิธีทํา ตองการน้ําเชือมผสมที่มีน้ําตาล 40% หมายความวา
                          ่
                               .tha ายร
                    น้ําเชื่อมผสมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                        40      cm3
                                                                                    40x
                            www ซต์น

          ดังนั้น น้ําเชื่อมผสมปริมาณ            x        cm3 จะมีน้ําตาล                  =         0.4x cm3
                                                                                    100
                                                    3
          น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x                 cm เกิดจากการผสมน้ําเชื่อมสองขวด
          พิจารณาน้ําเชือมขวดแรก
                            ่                   มีน้ําตาล        90% หมายความวา
                    ไ
               เว็บ



                                โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                  90       cm3
                                                                                                      90× 250
                                                น้ําเชื่อมปริมาณ 250 cm3 จะมีน้ําตาล                               = 225 cm3
                                                                                                        100
          พิจารณาน้ําเชือมขวดที่สอง
                              ่                 น้ําเชื่อมผสม =          น้ําเชื่อมขวดแรก + น้ําเชื่อมขวดที่สอง
                                                          x      =       250 + น้ําเชื่อมขวดที่สอง
                                        ดังนั้น น้ําเชื่อมขวดทีสองมีปริมาณ = x – 250
                                                               ่                                     cm3
                                โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                  20       cm3
                                                                                                      20(x − 250)
                                                น้ําเชื่อมปริมาณ x – 250 cm3 จะมีน้ําตาล
                                                                                                          100
                                                                                           =         0.2 (x – 250)
                                                                                           =         0.2x - 50     cm3
          มองภาพรวมแลว                 น้ําตาลผสม =             น้ําตาลขวดแรก + น้ําตาลขวดที่สอง
                                                          =      225 + 0.2x – 50           =         0.2x + 175    cm3
ซึ่งน้ําตาลผสมเปนปริมาณ              40%        ของน้ําเชื่อมผสม
                          น้ําตาลผสม           40                  สวน จากน้ําเชื่อม   100 สวน
                                                                                        100
                            น้ําตาลผสม         0.2x + 175         สวน จากน้ําเชื่อม          (0.2x + 175)
                                                                                         40
                                                                                 =      2.5 (0.2x + 175)
                                                                                 =      0.5x + 437.5 สวน

                            ซึ่งน้ําเชื่อม       100
                                                   สวน (หรือ 100%)      ก็คือน้ําเชื่อมปริมาณ        x      cm3
                            จะไดสมการ x           =      0.5x + 437.5
                                          x – 0.5x =      437.5
                                              0.5x =      437.5
                                                           437.5
                                           x       =                     =         875



                                         det ทย
                                                             0.5
         แสดงวา น้ําเชื่อมผสมมีปริมาณ x
                                      ica ้อยไ     cm3 หรือ 875 cm3
                 ตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองเทากับ     x – 250 = 875 – 250 = 625 cm3                            ตอบ



                                            .org
                                  .tha ายร
         2.3 ปญหาเกี่ยวกับอัตราเร็ว
                               www ซต์น


         โจทยปญหาเกียวกับระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา เปนอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถหาคําตอบได โดยใชความรูเรื่องสมการ
                      ่
ความเกียวของกันของปริมาณทั้งสามเปนดังนี้
       ่
                     ไ
                เว็บ




                            ระยะทาง            =          อัตราเร็ว × เวลา



ซึ่งอัตราเร็วที่กลาวถึงขางตนนั้น คือ อัตราเร็วเฉลี่ย

         ถาทราบแลว...ลองมาทําแบบฝกหัดตอไปนีนะครับ
                                               ้
1. ตอและติ๊กนัดพบกับเพือนที่หนาโรงเรียนนายเรือ ซึ่งอยูกึ่งกลางของระยะทางระหวางบานของตอและติ๊กพอดี ตอขี่จักรยานยนต
                           ่
     สวนติ๊กขับอีแตน ซึ่งอัตราเร็วของรถจักรยานยนตของตอมากกวาอัตราเร็วของรถอีแตนของติ๊ก 24 กิโลเมตรตอชั่วโมง
     ตอใชเวลาเดินทาง 12 นาที และติ๊กใชเวลาเดินทาง 20 นาที จงหา
         1.) อัตราเร็วของรถทั้งสองคัน                     2.) ระยะทางระหวางบานของทั้งสองคน
วิธีทํา 1.)       มาทําความเขาใจสูตรกอนนะครับ
                                                                                            1
                                  ระยะทาง         =       อัตราเร็ว × เวลา ;     12 นาที = ชั่วโมง
                                                                                            5
                                                            ระยะทาง                         1
                         ดังนั้น อัตราเร็ว        =                              20 นาที = ชั่วโมง
                                                              เวลา                          3
                ถาระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ              =    ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ
                โจทยกําหนดใหอัตราเร็วของตอมากกวาอัตราเร็วของติ๊ก    24       กิโลเมตร / ชั่วโมง
                        นั่นคือ อัตราเร็ว (ตอ) – อัตราเร็ว (ติก) =
                                                               ๊        24       km / hr




                                     det ทย
                        ทําให                    อัตราเร็ว (ติ๊ก) =    อัตราเร็ว (ตอ) – 24
                        ถาให    ica ้อยไ        อัตราเร็ว (ตอ) =     x        km / hr
                                                  อัตราเร็ว (ติ๊ก) =    x – 24 km / hr


                                        .org
                พิจารณาการเดินทางของตอ           ระยะทาง          =    อัตราเร็ว (ตอ) × เวลา
                              .tha ายร
                                                                            1
                                                                =       x⎛ ⎞
                                                                           ⎜ ⎟            ----------①
                                                                           ⎝5⎠
                           www ซต์น


                พิจารณาการเดินทางของติ๊ก        ระยะทาง         =       อัตราเร็ว (ติ๊ก) × เวลา
                                                                                    1
                                                                =       (x – 24) ⎛ ⎞ - - - - - - - - - - ②
                                                                                 ⎜ ⎟
                                                                                 ⎝3⎠
                   ไ
              เว็บ



                เนื่องจากทั้งสองเดินทางดวยระยะทางที่เทากัน    ดังนั้น ① =               ②
                                                                         1                1
                                                                           x =               (x – 24)
                                                                         5                 3
                                                                        3x       =        5 (x – 24)
                                                                        3x       =        5x – 120
                                                                        120 =             5x – 3x
                                                                        2x       =        120
                                                                        x        =        60 km / hr        ตอบ 1.)
                แสดงวา อัตราเร็วของตอ คือ 60 km / hr
                    และ อัตราเร็วของตอ คือ x – 24 = 60 – 24 = 36 km / hr
        2.)     ตอไปหาระยะทางระหวางบานของทั้งสอง
                        =        ระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ + ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ
                        =        [ความเร็ว (ตอ) × เวลา] + [ความเร็ว (ติ๊ก) × เวลา]
                        =        ⎛ 60 × 1 ⎞ + ⎛ 36 × 1 ⎞
                                 ⎜        ⎟ ⎜          ⎟
                                 ⎝ 5⎠ ⎝ 3⎠
                        =        12 + 12          =       24      km
                ดังนั้น ระยะทางระหวางบานของคนทั้งสอง            =         24      กิโลเมตร              ตอบ 2.)
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

More Related Content

What's hot

แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันphaephae
 
การแก้อสมการ
การแก้อสมการการแก้อสมการ
การแก้อสมการAon Narinchoti
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นkruthanapornkodnara
 
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นแบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นทับทิม เจริญตา
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการnarong2508
 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว Somporn Amornwech
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์Beer Aksornsart
 
เฉลยอินทิเกรต
เฉลยอินทิเกรตเฉลยอินทิเกรต
เฉลยอินทิเกรตkrurutsamee
 
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์ทับทิม เจริญตา
 
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1คุณครูพี่อั๋น
 
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองRitthinarongron School
 
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นMc'Napat KhunKhoei
 
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2นายเค ครูกาย
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วนInmylove Nupad
 
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนามข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนามทับทิม เจริญตา
 
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียวSomporn Amornwech
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตAon Narinchoti
 

What's hot (20)

แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
 
การแก้อสมการ
การแก้อสมการการแก้อสมการ
การแก้อสมการ
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
 
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้นแบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
แบบทดสอบ เรื่องทฤษฎีจำนวนเบื้องต้น
 
อสมการ
อสมการอสมการ
อสมการ
 
51 ตรีโกณมิติ ตอนที่8_ฟังก์ชันตรีโกณมิติผกผัน
51 ตรีโกณมิติ ตอนที่8_ฟังก์ชันตรีโกณมิติผกผัน51 ตรีโกณมิติ ตอนที่8_ฟังก์ชันตรีโกณมิติผกผัน
51 ตรีโกณมิติ ตอนที่8_ฟังก์ชันตรีโกณมิติผกผัน
 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว 
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
 
เฉลยอินทิเกรต
เฉลยอินทิเกรตเฉลยอินทิเกรต
เฉลยอินทิเกรต
 
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์
แบบทดสอบ เรื่อง สัญกรณ์วิทยาสตร์
 
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1
ข้อสอบกลางภาค คณิต ม.5 เทอม 1 ฉบับที่ 1
 
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสอง
 
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็น
 
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
 
ข้อสอบปลายภาคม4เทอม1
ข้อสอบปลายภาคม4เทอม1ข้อสอบปลายภาคม4เทอม1
ข้อสอบปลายภาคม4เทอม1
 
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลังเลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
 
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนามข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
 
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซต
 

Viewers also liked

การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวการประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวkrusongkran
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวkroojaja
 
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวJirathorn Buenglee
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวDestiny Nooppynuchy
 
การแก้สมการ
การแก้สมการการแก้สมการ
การแก้สมการAon Narinchoti
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงRitthinarongron School
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวsontayath
 
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooannสมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooannkru_ann
 
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว sawed kodnara
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงDestiny Nooppynuchy
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยวแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยวว่าที่ ร.ต. ชัยเมธี ใจคุ้มเก่า
 
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรพัน พัน
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวsontayath
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวพัน พัน
 
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปรกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปรJiraprapa Suwannajak
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงyingsinee
 
การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิตการแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิตphunnika
 
ใบงานสมการ
ใบงานสมการใบงานสมการ
ใบงานสมการkanjana2536
 

Viewers also liked (20)

การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวการประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
การแก้สมการ
การแก้สมการการแก้สมการ
การแก้สมการ
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
 
ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้ง
ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้งชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้ง
ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้ง
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooannสมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
 
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยวแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
 
การแก้ระบบสมการ
การแก้ระบบสมการการแก้ระบบสมการ
การแก้ระบบสมการ
 
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
 
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
 
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปรกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
 
การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิตการแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิต
 
ใบงานสมการ
ใบงานสมการใบงานสมการ
ใบงานสมการ
 

Similar to การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

บทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการบทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการkrulerdboon
 
คณิตศาสตร์ม.31
คณิตศาสตร์ม.31คณิตศาสตร์ม.31
คณิตศาสตร์ม.31krookay2012
 
9789740331131
97897403311319789740331131
9789740331131CUPress
 
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Suwicha Tapiaseub
 
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Suwaraporn Chaiyajina
 
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Theyok Tanya
 
Pat1 53
Pat1  53Pat1  53
Pat1 53DearPR
 
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒ
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒPat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒ
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒMajolica-g
 
Exponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionExponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionThanuphong Ngoapm
 
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรงสมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรงทับทิม เจริญตา
 

Similar to การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว (20)

Mo 5
Mo 5Mo 5
Mo 5
 
บทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการบทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการ
 
Math9
Math9Math9
Math9
 
คณิตศาสตร์ม.31
คณิตศาสตร์ม.31คณิตศาสตร์ม.31
คณิตศาสตร์ม.31
 
9789740331131
97897403311319789740331131
9789740331131
 
Pat 1
Pat 1Pat 1
Pat 1
 
Graph
GraphGraph
Graph
 
Polynomial dpf
Polynomial dpfPolynomial dpf
Polynomial dpf
 
Domain and range2
Domain and range2Domain and range2
Domain and range2
 
Pat1
Pat1Pat1
Pat1
 
Pat1
Pat1Pat1
Pat1
 
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
ข้อสอบ PAT1 53 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
 
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
 
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
Pat1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
 
Pat1 53
Pat1  53Pat1  53
Pat1 53
 
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒ
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒPat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒ
Pat1 เธ„เธงเธฒเธกเธ–เธ™เธฑเธ”เธ—เธฒเธ‡เธ„เธ“เธดเธ•เธจเธฒเธชเธ•เธฃเนŒ
 
Pat1 53
Pat1 53Pat1 53
Pat1 53
 
Calculus1
Calculus1Calculus1
Calculus1
 
Exponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionExponential and logarithm function
Exponential and logarithm function
 
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรงสมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
 

การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

  • 1. การประยุกตของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว 1. ทบทวนการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ความหมายของสมการ สมการ เปนประโยคที่แสดงการเทากันของจํานวน โดยมีสัญลักษณ = บอกการเทากัน สมการอาจมีตัวแปรหรือไมมีตัวแปรก็ได เชน 4x – 2 = 15 เปนสมการที่มี x เปนตัวแปร และ 12 – 25 = – 13 เปนสมการที่ไมมีตัวแปร det ทย สมการซึ่งมี x เปนตัวแปรและมีรูปทั่วไปเปน ax + b = 0 เมื่อ a, b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0 เรียกวา “สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว” ica ้อยไ .org ตอไปนี้เปนตัวอยางของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว .tha ายร 1 1.) 4x = 0 2.) x – 4 = 0 3.) –1.5y + 1.5 = 0 4.) 2 – 3x = 0 3 www ซต์น * สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวบอกอะไรแกเรา ? ตอบ จริง ๆ แลว เราใชอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก เชน a, b, c, ..., x, y, z แทนตัวแปร แตที่เราพบเห็นอยูเสมอ ๆ คือ ไ ตัวแปร x และ y เพราะสามารถเขียนกราฟของสมการในระบบพิกดฉาก XY ได ั เว็บ ตัวอยางเชน 1. 4x = 0 นํา 4 มาหารทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 0 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 4x 0 จะไดคา x = 0 เสมอ = 4 4 เชน ..., (0, -2), (0, -1), (0, 0), (0, 1), (0, 2), ... x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ Y X=0 3 2 1 X -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ x = 0 ก็คือแกน Y นั่นเอง เพราะทุกพิกัดบนแกน Y มีคา x = 0
  • 2. 1 2. x–4=0 3 นํา 4 มาบวกทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 12 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 1 จะไดคา x = 12 เสมอ x–4+4 = 0+4 3 เชน ..., (12, -2), (12, -1), (12, 0), (12, 1), (12, 2), ... 1 x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ 3 Y นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ x = 12 1 x (3) = 4 (3) X 3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 x = 12 จะเห็นวา สมการ x = 12 ขนานแกน Y det ทย 3. –1.5y + 1.5 = 0 ica ้อยไ นํา 1.5 มาลบทั้งสองขางของสมการ .org –1.5y + 1.5 – 1.5 = 0 – 1.5 พิจารณาสมการ y = 1 จะเห็นวาไมวาคา x จะเปนเทาใด .tha ายร –1.5y = –1.5 จะไดคา y = 1 เสมอ นํา –1.5 มาหารทั้งสองขางของสมการ เชน ..., (-2, 1), (-1, 1), (0, 1), (1, 1), (2, 1), ... เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ www ซต์น ( −1.5) y ( −1.5) = ( −1.5) ( −1.5) y =1 4 ไ 3 เว็บ 2 1 y=1 -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ y = 12 ขนานแกน X จากทั้งสามตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นวา −1 • สมการ x = จํานวนจริงใด ๆ เชน x = 2, x = 5, x = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน Y 4 และสมการ x = 0 คือแกน Y นั่นเอง −1 • สมการ y = จํานวนจริงใด ๆ เชน y = 2, y = 5, y = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน X 4 และสมการ y = 0 คือแกน X นั่นเอง “มองภาพไดงายขึ้นแลวใชไหมครับ การที่เราสามารถมองภาพรวมของสมการ และรูวิธีแกสมการที่ถูกวิธี ทําใหเราหา  คําตอบไดอยางรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการคิดไดมากทีเดียว” ☺
  • 3. คําตอบของสมการ คือ จํานวนที่แทนตัวแปรในสมการแลว ทําใหสมการเปนจริง ซึ่งการแกสมการ คือ การหาคําตอบของสมการนั่นเอง สามารถใชสมบัติของการเทากัน ไดแก สมบัติสมมาตร สมบัติถายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ เพื่อหาคําตอบของสมการได สมบัติของการเทากัน มีดังนี้ 1. สมบัติสมมาตร ถา a = b แลว b = a เชน 68 = 4x ∴ 4x = 68 2. สมบัติถายทอด ถา a = b และ b = c แลว a = c det ทย เชน ถา x = 6 – 4 และ 6 – 4 = 2 แลว x = 2 4 4 ica ้อยไ ถา y = x และ x = 7 แลว y = 7 5 5 .org .tha ายร 3. สมบัติการบวก ถา a = b แลว a + c = b + c เชน ถา a = 5 แลว a + 7 = 5 + 7 www ซต์น ถา 2 – b = 4 แลว 2 – b – 2 = 4 – 2 4. สมบัติการคูณ ถา a = b แลว ac = bc ไ เว็บ เชน ถา 3 + n = 4m แลว 4 (3 + n) = 4(4m) ถา 8n – 2 = 12 แลว 2 (4n – 1) = 2 (6) การแยกตัวประกอบ ซึ่งเปนบทกลับของสมบัติการคูณ แตที่กลาวมาขางตนนั้นมันแคหลักการครับ เวลาแกสมการจริง ๆ แลว วิธีคิด “ใหไว” และ “ไดผล” ดังตอไปนี้ครับ 1. จัดรูปสมการไมใหติดเศษสวนหรือทศนิยม 2. จัดรูปสมการในขอ 1. ใหเปนรูปอยางงาย 4. ยายขางตัวเลขอยูสวนตัวเลข ตัวแปรอยูสวนตัวแปร โดยอาศัยหลักการเครื่องหมายตรงขาม ดังนี้  ยายขาง + ใหเปน – ยายขาง – ใหเปน + จํางายไหมครับ เครื่องหมายตรงขามนั่นเอง ยายขาง × ใหเปน ÷ ลองดูตัวอยางตอไปนี้ครับ ยายขาง ÷ ใหเปน ×
  • 4. 1 2 1 ตัวอยางที่ 1 จงแกสมการ − y + = 2 3 2 วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 2 1 1 2 1 − y+ = − y+ = 2 3 2 2 3 2 2 2 นํา มาลบทั้งสองขางของสมการ ยาย + จากบวกเปนลบ (ยายตัวเลขใหอยูฝงเดียวกัน)  3 3 1 2 2 1 2 1 1 2 1 จะได − y + – = – − y = – = − 2 3 3 2 3 2 2 3 6 1 1 ยาย – 2 จากหารเปนคูณ − y = − 2 6 1 1 นํา –2 มาคูณทั้งสองขางของสมการ y = − (– 2) = 6 3 1 1 จะได ⎛ − y ⎞ (– 2) = − (– 2) ⎜ ⎟ det ทย ⎝ 2 ⎠ 6 ขอนี้มันสั้นครับ ดูขอตอไปจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจน 1 y = ica ้อยไ 3 .org .tha ายร 1 ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ (p – 5) = 2p – 1 3 www ซต์น วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 1 (p – 5) = 2p – 1 (p – 5) = 2p – 1 3 3 ไ นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ p–5 = 3 (2p – 1) = 6p – 3 (ยาย 3 จากหารเปนคูณ) เว็บ 1 –5 + 3 = 6p – p (ยายเลขมาฝงเลข ตัวแปรมาฝงตัวแปร) จะได (p – 5) (3) = 3 (2p – 1) 3 –2 = 5p p – 5 = 6p – 3 5p = –2 (สมบัติสมมาตร) นํา –6 มาบวกทั้งสองขางของสมการ −2 จะได –6p + p – 5 = 6p – 3 – 6p p = (ยาย 5 จากคูณเปนหาร) 5 –5p – 3 = –3 6 บรรทัด สั้นและเร็วกวาไหมครับ? นํา 5 มาบวกทั้งสองขางของสมการ จะได –5p – 5 + 5 = –3 + 5 –5p = 2 นํา –5 มาหารทั้งสองขางของสมการ − 5p 2 จะได = −5 −5 −2 p = 5 13 บรรทัด ซึ่งยาวนะครับ.
  • 5. 8 6 ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x = x + 22 3 5 8 วิธีทํา จากโจทยจะเห็นวา เรายาย 5 จากหารไปคูณกับ x ไมได เพราะ 5 ไมใชตัวหารของเลขทั้งหมด 3 ตองยายชุดตัวแปรมาฝงเดียวกัน 8 6 จะได x – x = 22 3 5 8 6 x⎛ − ⎞ = ⎜ ⎟ 22 (ดึง x ที่เปนตัวประกอบรวมออกมา) ⎝3 5⎠ 40 − 18 ⎞ x⎛ ⎜ ⎟ = 22 (หา ค.ร.น. ของ 3 และ 5 เพื่อลบเศษสวน) ⎝ 15 ⎠ 15 x = 22 × (ยายขางหารเปนคูณ; คูณเปนหาร) 22 det ทย x = 15 ขอนี้เราทํา 5 บรรทัดครับ แตหนังสือทํา 11 บรรทัด ica ้อยไ ตอบ .org .tha ายร ตัวอยางที่ 4 จงแกสมการ 3 (y – 6) – 2 (5 + 3y) = 5 วิธีทํา คูณตัวประกอบรวมเขาไปใหไดเอกนามแตละตัว แลวจับตัวเลขคูตัวเลข ตัวแปรคูตวแปร ั www ซต์น 3y – 18 – 10 – 6y – 5 = 0 (ยาย 5 มาดวย เปน –5) –3y – 33 =0 บางคนเกงแลวทําอยางนีไดเลย ยาย –3y เปน 3y ้ จะได 0 = –3y – 33 –33 = 3y ไ − 33 เว็บ 3y = –33 =y 3 − 33 y = = –11 y = –11 ตอบ 3 x 2(x − 1) 4 − 5x ตัวอยางที่ 5 จงแกสมการ − = 9 3 6 วิธีทํา แกปญหาเศษสวนกอนเลยครับ หา ค.ร.น. ของ 9, 3 และ 6 ได 18 นํา 18 มาคูณทั้งสองขางของสมการ x (18)2(x − 1) (4 − 5x) (18) – = (18) 9 3 6 2x – 12x + 12 = 12 – 15x 2x – 12x + 15x = 12 – 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 5x = 0 x = 0 ตอบ
  • 6. a+7 a −5 ตัวอยางที่ 6 จงแกสมการ − (2 − a ) = 3 6 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 3 และ 6 ทั้งสองขางของสมการ a+7⎞ a −5 ⎞ (6) ⎛ ⎜ ⎟ – 6 (2 – a) = 6⎛⎜ ⎟ ⎝ 3 ⎠ ⎝ 6 ⎠ 2a + 14 – 12 + 6a = a–5 2a + 6a – a = –5 – 14 + 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 7a = –7 −7 a = = –1 ตอบ 7 2x x + 6 3 ตัวอยางที่ 7 จงแกสมการ + = (x + 15) 15 12 10 det ทย วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 15, 12 และ 10 นั่นคือ 60 ทั้งสองขางของสมการ 2x (x + 6) ica ้อยไ 3 (60) + 60 = (60) (x + 15) 15 12 10 .org 8x + 5x + 30 = 18x + 270 .tha ายร 8x + 5x – 18x = 270 – 30 –5x = 240 www ซต์น 240 x = = –48 ตอบ −5 ไ ตัวอยางที่ 8 จงแกสมการ 4.5 (2 – 3x) + 0.8x = 2.3 (x + 30) เว็บ วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว (4.5) (2) – (4.5) (3x) + 0.8x = 2.3x + (2.3) (30) 9 – 13.5x + 0.8x = 2.3x + 69 –13.5x + 0.8x – 2.3x = 69 – 9 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –15x = 60 60 x = = –4 ตอบ − 15 ตัวอยางที่ 9 จงแกสมการ 0.12y – 1.6 (y – 2) = 6.8 – 1.28y วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว 0.12y – 1.6y + 3.2 = 6.8 – 1.28y 0.12y – 1.6y + 1.28y = 6.8 – 3.2 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –0.2y = 3.6 3.6 y = = –18 ตอบ − 0.2
  • 7. 2x − 5 5 + 3x 2x − 1 5x − 2 ตัวอยางที่ 10 จงแกสมการ − = − 2 4 2 8 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 2, 4 และ 8 นั่นคือ 8 ทั้งสองขางของสมการ 8(2x − 5) 8(5 + 3x) 8(2x − 1) 8(5x − 2) − = − 2 4 2 8 8x – 20 – 10 – 6x = 8x – 4 – 5x + 2 8x – 6x – 8x + 5x = –4 + 2 + 20 + 10 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –x = 28 28 x = = –28 ตอบ −1 2. การนําไปใช det ทย ขั้นตอนการแกสมการจากประโยคสัญลักษณเปนดังนี้ ica ้อยไ ไมจริง .org วิเคราะหเงื่อนไขในโจทย เริ่มตน → อานและวิเคราะหโจทย → กําหนดตัวแปร → → แกสมการ และเขียนสมการ .tha ายร www ซต์น ตรวจคําตอบของสมการ จบ ← แสดงคําตอบ ← ตามเงื่อนไขโจทย ไ เว็บ 2.1 ปญหาเกี่ยวกับจํานวน ตัวอยางที่ 11 ผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาอีกจํานวนหนึ่งอยู 40 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา ให x แทนจํานวนเต็มจํานวนหนึ่ง อีกจํานวนหนึงนอยกวาจํานวนแรกอยู 40 แทนดวย x – 40 ่ เนื่องจากผลบวกของทั้งสองจํานวน คือ 14 จะไดสมการเปน x + (x – 40) = 14 x + x – 40 = 14 2x = 14 + 40 = 54 54 x = = 27 2 ดังนั้น จํานวนเต็มตัวแรก คือ 27 และจํานวนเต็มตัวที่สอง คือ 27 – 40 = –13 ตรวจคําตอบ โจทยกําหนดใหผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 แทนคา 27 + (–13) = 27 – 13 = 14 จริง ดังนั้น จํานวนเต็มทั้งสองจํานวน คือ 27 และ –13 ตอบ
  • 8. ตัวอยางที่ 12 ผลบวกของจํานวนคูสี่จํานวนเรียงติดกันเทากับ 212 จงหาจํานวนทั้งสี่ วิธีทํา พิจารณาจํานวนคูเรียงติดกัน เชน 2, 4, 6, ... เราจะเขียนแทนจํานวนเหลานี้ไดวา 2, 2+2, 2+4, ... นั่นคือ ถาสมมติใหจํานวนแรกเปน x จะได x, x+2, x+4, ... ดังนั้น แปลงโจทยเปนประโยคสัญลักษณได x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) = 212 x+x+2+x+4+x+6 = 212 4x + 12 = 212 4x = 212 – 12 = 200 200 x = = 50 4 ดังนั้น จํานวนคูที่เรียงติดกัน x, x + 2, x + 4 และ x + 6 คือ 50, 52, 54 และ 56 ตอบ det ทย ica ้อยไ .org อยางที่พี่เคยบอกวา .tha ายร การจะประสบความสําเร็จในการสอบได ตองตะลุยทําโจทยใหมาก ๆ www ซต์น งั้น...เรามาตะลุยทําโจทยกนดีกวาครับ. ั ไ เว็บ 1. จงหาจํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –255 วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2 เขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 1) + (x + 2) = –255 x+x+1+x+2 = –255 3x + 3 = –255 3x = –255 – 3 = –258 − 258 x = = –86 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 1, x + 2 คือ –86, –86 + 1, –86 + 2 หรือ –86, –85, –84 ตอบ
  • 9. 2. จงหาจํานวนคี่สามจํานวนที่เรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –87 วิธีทํา สมมติใหจํานวนคี่ตวแรก คือ x ั ดังนั้น จํานวนคี่สามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 2, x + 4 จากโจทยเขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 2) + (x + 4) = –87 x+x+2+x+4 = –87 3x + 6 = –87 3x = –87 – 6 = –93 − 93 x = = –31 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 2, x + 4 คือ –31, –31 + 2, –31 + 4 หรือ –31, –29, –27 ตอบ det ทย จะเห็นวา แนวคิดของขอ 1 และ ขอ 2 นั้นเหมือนกัน ถาจํานวนเต็มเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2. ... ถาจํานวนเต็มคู หรือจํานวนเต็มคี่เรียงติดกัน คือ x, x+2, x+4, ... เพราะจํานวนคูหรือจํานวนคี่ที่เรียงติดกัน จะมีคาหางกัน 2 หนวย ica ้อยไ .org .tha ายร 3. ผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเปน –61 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึงอยู 17 จงหาจํานวนสองจํานวนนัน ่ ้ วิธีทํา กําหนดใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x, ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ –61 – x www ซต์น เพราะ จํานวนสองจํานวนบวกกัน = –61 หมายถึง x + (–61 – x) = x – 61 – x = –61 จริง กําหนดใหจํานวนที่มากกวา คือ x และจํานวนทีนอยกวา คือ –61 – x ่ ไ เว็บ ดังนั้น เขียน “จํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึ่งอยู 17” เปนประโยคสัญลักษณได 3x – (–61–x) = 17 จาก 3x – (–61 – x) = 17 3x + 61 + x = 17 4x = 17 – 61 = –44 x = –11 ถาจํานวนแรกคือ –11 อีกจํานวนหนึง คือ –61 – x ่ หรือ –61 – (–11) = –61 + 11 = –50 ตอบ ขอสังเกต ถาเรากําหนดให –61 – x เปนจํานวนทีมากกวา ่ และ x เปนจํานวนทีนอยกวา ่ ลองคํานวณแบบนี้ดูนะครับ ; 3 (–61 – x) – x = 17 –183 – 3x – x = 17 –4x = 17 + 183 = 200 200 x = = –50 −4 เมื่อ x = –50 ดังนั้น –61 – x คือ –61 – (–50) = –61 + 50 = –11 เชนกัน
  • 10. Hint : คําถามลักษณะใครมากกวาใคร ใครนอยกวาใคร มากหรือมากนอยกวาอยูเทาไร ... นากลัวมาก!!! เพราะนอง ๆ ตีความกันไมเปน คนทั่วไปตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท ตีความเปน พี่ > ฉัน = 3 บาท ซึ่งประโยคสัญลักษณ พี่ > ฉัน = 3 บาท นั้น มันใชแกปญหาไมไดครับ เพราะมีทั้งเครืองหมาย > และ = อยูในประโยคเดียวกัน ่ คนคิดเกงตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท แปลวา เงินพี่ลบเงินฉันเทากับ 3 บาท เขียนเปนประโยคสัญลักษณได พี่ – ฉัน = 3 บาท อยางนี้จึงจะเรียกไดวา “คิดได” และ “คิดเปน” ครับ 4. จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน เมื่อนํา 6 มาลบออกจากจํานวนที่มากกวา แลวคูณดวย 3 จะไดผลลัพธเทากับเมื่อนํา 4 มาบวก กับจํานวนที่นอยกวา แลวคูณดวย 7 จงหาจํานวนคูสองจํานวนนั้น  det ทย วิธีทํา จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน ใหจํานวนแรก คือ x ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่งคือ x + 2 ใหจํานวนที่มากกวา คือ x + 2 จํานวนที่นอยกวา คือ x ica ้อยไ จากประโยคภาษาขางตน เขียนเปนประโยคสัญลักษณไดดังนี้ .org [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 .tha ายร แกสมการคา x ไดดังนี้ จาก [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 www ซต์น (x – 4) (3) = (x + 4) 7 ; [4 + x = x + 4] 3x – 12 = 7x + 28 –12 – 28 = 7x – 3x ไ เว็บ 4x = –40 − 40 x = = –10 4 ถาจํานวนแรก คือ x = –10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ x + 2 = –10 + 2 = –8 ตอบ 5. ถาผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเทากับ 20 และผลตางของสองจํานวนนั้นเทากับ 2 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มอีกตัวหนึ่ง คือ 20 – x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x – (20 – x) = 2 x – 20 + x = 2 2x = 2 + 20 = 22 22 x = = 11 2 ถาจํานวนแรก คือ 11 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 20 – x = 20 – 11 = 9 ตอบ
  • 11. 6. จํานวนเต็มสองจํานวน จํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 ถาคูณจํานวนแรกดวย 3 และบวกดวยสองเทาของจํานวนที่สอง จะไดผลลัพธเปน 80 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา โจทยกําหนดใหจํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 สมมติใหจํานวนแรก คือ x จํานวนที่สอง คือ 15 + x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได 3x + 2 (15 + x) = 80 แกสมการได 3x + 2 (15) + 2x = 80 5x = 80 – 30 = 50 50 x = = 10 5 ถาจํานวนแรก คือ 10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 15 + x = 15 + 10 = 25 ตอบ 7. นตท.ผานฟา สอบแขงขันคณิตศาสตรสองครั้ง แตละครั้งคะแนนเต็ม 100 คะแนน ครั้งแรกเขาสอบได 75 คะแนน det ทย เขาตองสอบครั้งที่สองใหไดคะแนนเทาใด จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน คะแนนสอบครั้งแรก + คะแนนสอบครั้งที่สอง วิธีทํา คะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้ง = ica ้อยไ 2 .org 75+ คะแนนสอบครั้งที่สอง แทนคาได 80 = .tha ายร 2 ดังนั้น คะแนนสอบครั้งที่สอง = 80 (2) – 75 = 85 ∴ เขาตองทําคะแนนสอบครั้งที่สองใหได 85 คะแนน www ซต์น จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน ตอบ ไ เว็บ 8. นักเรียนหองหนึ่งมีจํานวนนักเรียนหญิงเปนสองเทาของจํานวนนักเรียนชาย ถามีนักเรียนชายยายมาเพิ่ม 6 คน และนักเรียนหญิงยายออก 5 คน แลวนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงจะมีจํานวนเทากัน จงหาจํานวนนักเรียนในหองนี้ วิธีทํา กําหนดใหมีจานวนนักเรียนชาย x คน ํ ดังนั้น มีจํานวนนักเรียนหญิง 2x คน นักเรียนชายเพิม 6 คน หมายถึง ่ x+6 นักเรียนหญิงลด 5 คน หมายถึง 2x – 5 โจทยกําหนดให x+6 = 2x – 5 แกสมการได 6+5 = 2x – x x = 11 ดังนั้น นักเรียนในหองนี้มีจานวน x + 2x = ํ 11 + 2 (11) = 11 + 22 = 33 คน ตอบ
  • 12. 9. ลวดหนามขดหนึ่งยาว 36 เมตร นําไปลอมรั้วรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผาที่มีดานกวางสั้นกวาดานยาว 4 เมตร ไดพอดี  จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผานี้ วิธีทํา x+4 x x x+4 ถาสมมติใหความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x เมตร ดังนั้น ใหความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x+4 เมตร จากรูปและโจทย x + x + (x + 4) + (x + 4) = 36 เมตร x+x+x+4+x+4 = 36 4x + 8 = 36 det ทย 36 − 8 28 x = = = 7 เมตร 4 4 ica ้อยไ ดังนั้น สี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้ กวาง 7 เมตร ยาว 7 + 4 หรือ 11 เมตร ตอบ .org .tha ายร 2 10. แมแบงทีนาใหลกสองคน คนแรกไดรับ ของที่มีอยู คนที่สองไดนอยกวาคนแรก 5 ไร ปรากฏวาแมยงเหลือทีนาอยูอก 15 ไร ่ ู  ั ่ ี www ซต์น 5 จงหาวาเดิมแมมีที่นากี่ไร วิธีทํา ถาที่นาถูกแบงใหลูกสองคน ไ 2 2 เว็บ สมมติใหที่นาทั้งหมดมี x ไร ลูกคนแรกไดรับ x ไร คนที่สองไดรับ x – 5 ไร 5 5 2 ⎛2 จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x = x + ⎜ x −5 ⎞ + 15 ⎟ 5 ⎝5 ⎠ 2 2 x = x + x – 5 + 15 5 5 2 2 x– x– x = –5 + 15 = 10 5 5 2 2 x ⎛1 − − ⎞ ⎜ ⎟ = 10 ⎝ 5 5⎠ 1 x = 10 5 x = 10 (5) = 50 ดังนั้น เดิมแมมีที่นารวม 50 ไร ตอบ
  • 13. 11. สามปที่แลวบุตรมีอายุเทากับหนึ่งในหาของอายุปจจุบันของบิดา อีกหาปขางหนาบิดาจะมีอายุมากกวาอายุของบุตร 25 ป จงหาอายุปจจุบันของบิดาและบุตร  x วิธีทํา กําหนดใหปจจุบันบิดาอายุ x ป ทําใหสามปที่แลวบุตรมีอายุ ป 5 x ดังนั้น ปจจุบันบุตรอายุ + 3 ป 5 x x ทําใหอีกหาปขางหนาบิดาอายุ x + 5 ป และบุตรอายุ ⎛ + 3 ⎞ + 5 = ⎜ ⎟ + 8 ป ⎝5 ⎠ 5 x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณไดวา  (x + 5) – ⎛ + 8 ⎞ ⎜ ⎟ = 25 ⎝5 ⎠ x x+5– –8 = 25 5 x x– = 25 – 5 + 8 = 28 det ทย 5 4 ica ้อยไ x = 28 5 5 .org x = 28 × = 35 ป 4 .tha ายร x 35 ถาปจจุบันบิดาอายุ 35 ป ดังนั้น บุตรอายุ + 3 = +3 = 10 ป ตอบ 5 5 www ซต์น 12. ทอประปาทอหนึ่งวัดเสนผานศูนยกลางภายในได 6 เซนติเมตร ถาทอประปาทอนี้จุน้ําได 1,386 ลูกบาศกเซนติเมตร ไ จะมีความยาวเทาใด (ใชสูตร V = πr2ℓ เมื่อ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก เว็บ r แทนรัศมีของฐานของทรงกระบอก 22 ℓ แทนความยาวของทรงกระบอก และกําหนดให π = ) 7 วิธีทํา จากสูตร V = πr2ℓ D 6 จากโจทย r = = = 3 cm 2 2 22 แทนคา V = 1,386 cm3, π= , r = 3 และเราตองหาคา ℓ 7 จาก V = πr2ℓ V 1,386 1,386 × 7 ดังนั้น ℓ = = 22 = = 49 cm πr 2 × 32 22 × 9 7 ดั้งนั้น ทอน้ํานี้มีความยาว 49 เซนติเมตร ตอบ
  • 14. 2.2 ปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละ นอง ๆ เคยแกโจทยปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละมาแลว แตในกรณีที่โจทยมความซับซอนยุงยาก ถาใชสมการ ี ชวยอาจทําไดรวดเร็วและงายกวา ดังตัวอยางตอไปนี้ ตัวอยางที่ 13 พอคาซื้อแปงสองชนิดมาผสมกันใหได 50 กิโลกรัม เขาซื้อแปงชนิดแรกกิโลกรัมละ 15 บาท ซื้อแปงชนิดที่สอง กิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อนํามาผสมกันแลวเขาขายไปไดกําไร 25% คิดเปนเงินทั้งหมด 1,312.50 บาท อยากทราบวาพอคาซื้อแปงมาแตละชนิดอยางละกีกิโลกรัม ่ วิธีทํา ถาซื้อแปงชนิดแรก x กิโลกรัม ตองซื้อแปงชนิดที่สอง 50 – x กิโลกรัม แปงชนิดแรกราคากิโลกรัมละ 15 บาท คิดเปนเงิน 15x บาท แปงชนิดที่สองราคากิโลกรัมละ 25 บาท คิดเปนเงิน 25 (50 – x) บาท det ทย เขาขายไปไดกาไรํ 25% คิดเปนเงินรวมทั้งหมด 1,312.50 บาท แสดงวา ไดเงิน 125 บาท จากทุน 100 บาท ica ้อยไ 1,312.50 ×100 .org ไดเงิน 1,312.50 บาท จากทุน = 1,050 บาท 125 .tha ายร ทุน 1,050 บาท ก็คือทุน 15x + 25 (50 – x) บาท เขียนเปนสมการได 1,050 = 15x + 25 (50 – x) www ซต์น 15x + 1,250 – 25x = 1,050 –10x = 1,050 – 1,250 –10x = –200 ไ เว็บ − 200 x = = 20 − 10 ดังนั้น เขาซื้อแปงชนิดแรกมา 20 กิโลกรัม และ เขาซื้อแปงชนิดที่สองมา 50 – x = 50 – 20 = 30 กิโลกรัม ตอบ ตัวอยางที่ 14 มีน้ําเกลืออยูสองชนิด ชนิด A มีเกลือ 20% ชนิด B มีเกลือ 35% ตองการน้ําเกลือสองชนิดมาผสมกันใหได น้ําเกลือผสม 20 ลิตร และมีเกลือ 25% จงหาวาตองใชนาเกลือชนิด A และชนิด B อยางละเทาใด ้ํ 20 – x x ลิตร ลิตร ชนิด A ชนิด B
  • 15. วิธีทํา น้ําเกลือชนิด A ; น้ําเกลือ 20% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 20 ลิตร 20x ดังนั้น มีน้ําเกลือ x ลิตร คิดเปนเกลือ = 0.2x ลิตร 100 น้ําเกลือชนิด B ; น้ําเกลือ 35% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 35 ลิตร 35( 20 − x ) 7 ดังนั้น มีน้ําเกลือ 20 – x ลิตร คิดเปนเกลือ = (20 – x) ลิตร 100 20 25 น้ําเกลือผสม 20 ลิตร มีเกลือ 25% ดังนั้น มีเกลือ × 20 = 5 ลิตร 100 7 จะไดสมการเปน 0.2x + (20 – x) = 5 20 7 0.2x + 7 – x = 5 20 0.2x – 0.35x = 5–7 det ทย – 0.15x = –2 −2 ica ้อยไx = = 13.33 − 0.15 .org ดังนั้น น้ําเกลือชนิด A มี 13.33 ลิตร น้ําเกลือชนิด B มี 20 – 13.33 = 6.66 ลิตร ตอบ .tha ายร www ซต์น ทีนี้...พี่จะทําแบบฝกหัดใหดูเปนตัวอยางนะครับ ไ 1. โรงเรียนเตรียมทหารมีจานวนนักเรียนในระดับชั้นตาง ๆ ดังนี้ ชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด ชั้นปที่ 2 คิดเปน ํ เว็บ 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 และที่เหลืออีก 118 คน เปนนักเรียนชั้นปที่ 3 จงหาจํานวนนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนี้ วิธีทํา ใหโรงเรียนเตรียมทหารมีนกเรียนทั้งหมด ั x คน 50 นักเรียนชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด นันคือ่ x = 0.5x คน 100 80 50 นักเรียนชั้นปที่ 2 คิดเปน 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 นันคือ ่ × x = 0.4x คน 100 100 นักเรียนชั้นปที่ 3 คิดเปน 118 คน เขียนเปนสมการไดวา นักเรียนทั้งหมด = ชั้นปที่ 3 + ชั้นปที่ 1 + ชั้นปที่ 2 x = 118 + 0.5x + 0.4x x = 118 + 0.9x x – 0.9x = 118 0.1x = 118 118 x = = 1,180 คน 0.1 ดังนั้น นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเตรียมทหารมี 1,180 คน ตอบ
  • 16. 2. แมคานําลูกชื้นเนื้อและลูกชิ้นหมูมาขายรวม 60 กิโลกรัม ลูกชื้นเนื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ลูกชิ้นหมูกิโลกรัมละ 50 บาท ปรากฏวาอัตราสวนของจํานวนเงินที่ซื้อลูกชื้นเนื้อตอจํานวนเงินที่ซื้อลูกชิ้นหมูเปน 6 : 7 จงหาวาแมคาซื้อลูกชิ้นแตละชนิด มาอยางละกีกโลกรัม ่ิ วิธีทํา กําหนดใหลกชิ้นเนื้อ เปนลูกชิ้น A ู กําหนดใหลกชิ้นหมู เปนลูกชิ้น B ู ซื้อลูกชิ้นทั้งสองชนิดรวมกัน 60 กิโลกรัม ถาซื้อชนิด A มา x กิโลกรัม จะซื้อชนิด B มา 60 – x กิโลกรัม ลูกชิ้น A ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 60 บาท ดังนั้น จํานวน x กิโลกรัม ราคา 60x บาท ลูกชิ้น B ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 50 บาท จํานวน 60 – x กิโลกรัม ราคา 50 (60 – x) บาท ดังนั้น เขาตองจายเงินซื้อลูกชิ้นตามอัตราสวนดังนั้น คาลูกชิ้นA 6 60x = = det ทย คาลูกชิ้นB 7 50(60 − x) จะไดสมการ 6 × 50 (60 – x) = ica ้อยไ 7 (60x) 18,000 – 300x = 420x .org 18,000 = 420x + 300x = 720x .tha ายร 720x = 18,000 18,000 x = = 25 www ซต์น 720 ดังนั้น พอคาซื้อลูกชื้นเนื้อมา 25 กิโลกรัม พอคาซื้อลูกชิ้นหมูมา 60 – x = 60 – 25 = 35 กิโลกรัม ตอบ ไ เว็บ 3. ดารุณเี ปดรานขายกระเปาและรองเทา เธอติดราคาขายกระเปาไวโดยคิดกําไร 25% แตเมื่อมีเพื่อนมาซื้อ ดารุณีจงลดราคาให 10% ึ และขายไปในราคา 900 บาท อยากทราบวาตนทุนของกระเปาใบนี้เปนเทาใด วิธีทํา สมมติใหกระเปาใบนี้มีตนทุน x บาท ขายของคิดกําไร 25% หมายความวา ซื้อมา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 125 บาท 125x แสดงวา ซื้อมา x บาท ตองการขายใหไดเงิน = 1.25x บาท 100 แตพอเพื่อนมาซื้อ ลดให 10% หมายความวา ของราคา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 90 บาท (90 ) แสดงวา ของราคา 1.25x บาท ตองการขายใหไดเงิน (1.25x) × = 1.125x บาท 100 และเมื่ออานโจทยแลวทําใหทราบวา 1.125x บาท ก็คือ 900 บาท จะได 1.125x = 900 900 x = = 800 บาท 1.125 แสดงวาตนทุนของกระเปาใบนี้คือ 800 บาท ตอบ
  • 17. 4. สนามหญารูปสี่เหลี่ยมผืนผาแหงหนึงมีอัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ถาเพิ่มความยาวแตละดานอีก 20% ่ ของความยาวเดิม จะทําใหความยาวรอบสนามเทากับ 268.8 เมตร จงหาวาเดิมแตละดานของสนามยาวกี่เมตร วิธีทํา เขียนรูปสี่เหลียมผืนผาสมมติ ที่อัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ่ 5 3 120 ถาความยาวเพิม 20% จะไดความยาวใหม 120% ก็คอ ่ ื ×5 = 6 100 120 ถาความกวางเพิ่ม 20% จะไดความกวางใหม 120% ก็คือ × 3 = 3. 6 100 อัตราสวนความยาวตอความกวางใหมจะเปน 6 : 3.6 จากสนามสมมติ กับอัตราสวนความยาวใหม ความยาวรอบรูปสมมติจะได 6 + 6 + 3.6 + 3.6 = 19.2 det ทย ให x เปนจํานวนเทาที่เปนตัวคูณกับความยาวสมมติ แลวไดความยาวจริง ica ้อยไ (19.2)x = 268.8 268.8 .org x = = 14 19.2 .tha ายร ดังนั้น สนามจริง ๆ มิติใหมมีความกวาง 3.6 × 14 = 50.4 เมตร มีความยาว 6 × 14 = 84.0 เมตร www ซต์น เปรียบเทียบเปนเปอรเซ็นต ความกวาง 120% คือ 50.4 เมตร 50.4 ×100 ดังนั้น ความกวาง 100% คือ = 42 เมตร 120 ไ ความยาว 120% คือ 84 เมตร เว็บ 84×100 ดังนั้น ความยาว 100% คือ = 70 เมตร 120 แสดงวา แตเดิมสนามกวาง 42 เมตร และยาว 70 เมตร ตอบ 5. นตท.อิศระ ซอมวิ่งมาราธอนวันแรกวิงไป 20% ของระยะทางทั้งหมด วันที่สองวิ่งไปอีก 64 กิโลเมตร วันที่สามวิ่งตอไป ่ อีก 50% ของระยะทางที่เหลือ ปรากฏวาเขาวิ่งสามวันรวมกันไดระยะทาง 200 กิโลเมตร ระยะทางชวงสุดทายจะวิ่งในวันที่สี่ จงหาวาระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดยาวกีกิโลเมตร ่ วิธีทํา สมมติใหเขาตองวิ่งระยะทางทั้งหมด x กิโลเมตร 20 วันแรกเขาจึงวิงไปไดระยะทาง ่ x = 0.2x กิโลเมตร 100 วันที่สองเขาวิงไปไดระยะทาง ่ 64 กิโลเมตร * แปลวาสองวันแรกเขาวิ่งไปไดระยะทาง 0.2x + 64 กิโลเมตร * เหลือระยะทางเทากับ x – 0.2x – 64 = 0.8x – 64 กิโลเมตร
  • 18. 50 วันที่สามเขาวิงไปไดระยะทาง 50% ของระยะทางที่เหลือ คือ ่ (0.8x − 64) กิโลเมตร 100 = 0.5 (0.8x − 64) กิโลเมตร = 0.4x – 32 กิโลเมตร ระยะทางที่วิ่งรวมสามวัน คือ 0.2 + 64 + (0.4x – 32) = 200 กิโลเมตร แกสมการหาคา x จะได 0.2 + 64 + 0.4x – 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x + 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x = 200 – 32 กิโลเมตร 168 x = กิโลเมตร 0.6 x = 280 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดเทากับ 280 กิโลเมตร ตอบ det ทย ica ้อยไ 6. ถาตองการผสมน้ําเชื่อมใหมีน้ําตาล 40% โดยการผสมน้ําเชื่อมสองขวด ขวดแรกเปนน้ําเชื่อมที่มีน้ําตาล 90% และมีน้ําเชือม ่ .org อยูในขวด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร น้ําเชื่อมขวดที่สองเปนน้าเชื่อมที่มีน้ําตาล 20% จะตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองปริมาณเทาใด ํ วิธีทํา ตองการน้ําเชือมผสมที่มีน้ําตาล 40% หมายความวา ่ .tha ายร น้ําเชื่อมผสมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 40 cm3 40x www ซต์น ดังนั้น น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm3 จะมีน้ําตาล = 0.4x cm3 100 3 น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm เกิดจากการผสมน้ําเชื่อมสองขวด พิจารณาน้ําเชือมขวดแรก ่ มีน้ําตาล 90% หมายความวา ไ เว็บ โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 90 cm3 90× 250 น้ําเชื่อมปริมาณ 250 cm3 จะมีน้ําตาล = 225 cm3 100 พิจารณาน้ําเชือมขวดที่สอง ่ น้ําเชื่อมผสม = น้ําเชื่อมขวดแรก + น้ําเชื่อมขวดที่สอง x = 250 + น้ําเชื่อมขวดที่สอง ดังนั้น น้ําเชื่อมขวดทีสองมีปริมาณ = x – 250 ่ cm3 โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 20 cm3 20(x − 250) น้ําเชื่อมปริมาณ x – 250 cm3 จะมีน้ําตาล 100 = 0.2 (x – 250) = 0.2x - 50 cm3 มองภาพรวมแลว น้ําตาลผสม = น้ําตาลขวดแรก + น้ําตาลขวดที่สอง = 225 + 0.2x – 50 = 0.2x + 175 cm3
  • 19. ซึ่งน้ําตาลผสมเปนปริมาณ 40% ของน้ําเชื่อมผสม น้ําตาลผสม 40 สวน จากน้ําเชื่อม 100 สวน 100 น้ําตาลผสม 0.2x + 175 สวน จากน้ําเชื่อม (0.2x + 175) 40 = 2.5 (0.2x + 175) = 0.5x + 437.5 สวน ซึ่งน้ําเชื่อม 100 สวน (หรือ 100%) ก็คือน้ําเชื่อมปริมาณ x cm3 จะไดสมการ x = 0.5x + 437.5 x – 0.5x = 437.5 0.5x = 437.5 437.5 x = = 875 det ทย 0.5 แสดงวา น้ําเชื่อมผสมมีปริมาณ x ica ้อยไ cm3 หรือ 875 cm3 ตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองเทากับ x – 250 = 875 – 250 = 625 cm3 ตอบ .org .tha ายร 2.3 ปญหาเกี่ยวกับอัตราเร็ว www ซต์น โจทยปญหาเกียวกับระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา เปนอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถหาคําตอบได โดยใชความรูเรื่องสมการ ่ ความเกียวของกันของปริมาณทั้งสามเปนดังนี้ ่ ไ เว็บ ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ซึ่งอัตราเร็วที่กลาวถึงขางตนนั้น คือ อัตราเร็วเฉลี่ย ถาทราบแลว...ลองมาทําแบบฝกหัดตอไปนีนะครับ ้
  • 20. 1. ตอและติ๊กนัดพบกับเพือนที่หนาโรงเรียนนายเรือ ซึ่งอยูกึ่งกลางของระยะทางระหวางบานของตอและติ๊กพอดี ตอขี่จักรยานยนต ่ สวนติ๊กขับอีแตน ซึ่งอัตราเร็วของรถจักรยานยนตของตอมากกวาอัตราเร็วของรถอีแตนของติ๊ก 24 กิโลเมตรตอชั่วโมง ตอใชเวลาเดินทาง 12 นาที และติ๊กใชเวลาเดินทาง 20 นาที จงหา 1.) อัตราเร็วของรถทั้งสองคัน 2.) ระยะทางระหวางบานของทั้งสองคน วิธีทํา 1.) มาทําความเขาใจสูตรกอนนะครับ 1 ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ; 12 นาที = ชั่วโมง 5 ระยะทาง 1 ดังนั้น อัตราเร็ว = 20 นาที = ชั่วโมง เวลา 3 ถาระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ = ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ โจทยกําหนดใหอัตราเร็วของตอมากกวาอัตราเร็วของติ๊ก 24 กิโลเมตร / ชั่วโมง นั่นคือ อัตราเร็ว (ตอ) – อัตราเร็ว (ติก) = ๊ 24 km / hr det ทย ทําให อัตราเร็ว (ติ๊ก) = อัตราเร็ว (ตอ) – 24 ถาให ica ้อยไ อัตราเร็ว (ตอ) = x km / hr อัตราเร็ว (ติ๊ก) = x – 24 km / hr .org พิจารณาการเดินทางของตอ ระยะทาง = อัตราเร็ว (ตอ) × เวลา .tha ายร 1 = x⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ----------① ⎝5⎠ www ซต์น พิจารณาการเดินทางของติ๊ก ระยะทาง = อัตราเร็ว (ติ๊ก) × เวลา 1 = (x – 24) ⎛ ⎞ - - - - - - - - - - ② ⎜ ⎟ ⎝3⎠ ไ เว็บ เนื่องจากทั้งสองเดินทางดวยระยะทางที่เทากัน ดังนั้น ① = ② 1 1 x = (x – 24) 5 3 3x = 5 (x – 24) 3x = 5x – 120 120 = 5x – 3x 2x = 120 x = 60 km / hr ตอบ 1.) แสดงวา อัตราเร็วของตอ คือ 60 km / hr และ อัตราเร็วของตอ คือ x – 24 = 60 – 24 = 36 km / hr 2.) ตอไปหาระยะทางระหวางบานของทั้งสอง = ระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ + ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ = [ความเร็ว (ตอ) × เวลา] + [ความเร็ว (ติ๊ก) × เวลา] = ⎛ 60 × 1 ⎞ + ⎛ 36 × 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎜ ⎟ ⎝ 5⎠ ⎝ 3⎠ = 12 + 12 = 24 km ดังนั้น ระยะทางระหวางบานของคนทั้งสอง = 24 กิโลเมตร ตอบ 2.)