Contenu connexe
Similaire à สารคดีจักรวาล (20)
สารคดีจักรวาล
- 1. จั ก รวาล
หากคุณไปศึกษาตำาราสมัยก่อนคุณจะพบกับคำาว่า “ระบบสุริยะ
จักรวาล” ซึ่งเป็นคำากล่าวที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันคำาว่า “ระบบ
สุริยะ” คือ ระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์เป็นบริวาร
โคจรอยู่โดยรอบ ส่วนคำาว่า “จักรวาล”นั้น มีความหมายที่ต่างออกไปคือ “จั
กรวาล” หรือ“เอกภพ” หมายถึง พื้นที่อันกว้างใหญ่มหาศาลสุดที่จะ
จินตนาการได้
นับตั้งแต่อริสโตเติลเสนอแนวคิดเรื่อง โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
โดยมีดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โคจรรอบโลก ซึ่งแนวคิดนี้เป็น
แนวคิดเดียวกับศาสนาคริสต์ มนุษย์ก็เชื่อแนวคิดนี้เรื่อยมา จนถึงสมัยกลาง
ของชาวยุโรป แต่ในปลายสมัยกลาง นิโคลัส โคเปอร์นิคัส นักดาราศาสตร์
ชาวโปแลนด์ได้เสนอแนวคิดเรื่องดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ
และแนวคิดนี้ก็เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือมากที่สุดในสมัยนั้น ต่อมา
โจฮันเนส เคปเลอร์ นักดาราศาสตร์ ชาวเยอรมัน ค้นพบว่าดาวเคราะห์
เคลื่อนที่เป็นรูปวงรีรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งเขาได้ตั้งเป็น “กฎการเคลื่อนที่ของ
ดาวเคราะห์”ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นกาลิเลโอ กาลิเลอี นักดาราศาสตร์
ชาวอิตาลี ได้ประดิษฐ์กล้องโทรทัศน์ขึ้นมา ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์
ที่มีความสำาคัญมากในการศึกษาวิชาดาราศาสตร์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมา จึง
มีการค้นพบว่า ระบบสุริยะอยู่ในกาแล็กซี่(ดาราจักร)ทางช้างเผือก และกา
แล็กซี่ทางช้างเผือกก็อยู่ในจักรวาล
แล้วจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร เริ่มต้นจากจุดไหน แล้วจะจบลง
อย่างไร? คงเป็นคำาถามที่ทุกคนสงสัย และอยากรู้คำาตอบ เช่นเดียวกับนัก
วิทยาศาสตร์หลายท่านที่พยายามหาคำาตอบอยู่ ในปัจจุบันมีทฤษฎีการ
กำาเนิดจักรวาลที่ยอมรับโดยทั่วไปอยู่สองทฤษฎีนั้นคือ ทฤษฎีการระเบิด
ครั้งยิ่งใหญ่หรือบิกแบง (big bang theory) และทฤษฎีสภาวะคงที่
(steady state theory)
ทฤษฎีการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่(มหากัมปนาท)หรือบิกแบง ถูกเสนอ
ครั้งแรกโดย Abbe George Lemaitre พระและนักดาราศาสตร์ชาว
เบลเยียม เมื่อปี ค.ศ.1927 เขาได้แนวคิดเรื่องกำาเนิดจักรวาลแบบ Big
Bang จากการค้นพบของ Edwin Hubble ว่า จักรวาลประกอบด้วยกาแล็กซี
ต่างๆ มากมาย และกาแล็กซีต่างๆ ก็กำาลังเคลื่อนที่หนีออกจากกัน Lemait
re จึงเสนอเป็นความคิดต่อว่า เป็นไปได้ที่บรรดากาแล็กซีต่างๆ ที่กำาลัง
เคลื่อนที่หนีออกจากกันนั้น จริงๆ แล้วบรรดากาแล็กซีเหล่านั้นกำาลัง
เคลื่อนที่ออกจากจุดกำาเนิดในอดีตซึ่งเป็นจุดเดียวกัน กล่าวคือ ถ้ามนุษย์
สามารถหมุนเวลาย้อนสู่อดีตได้ ก็เป็นไปได้ที่จะได้เห็นบรรดากาแล็กซี
ต่างๆ ซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่ในปัจจุบัน มีจุดกำาเนิดร่วมกันในอดีต เมื่อ
ประมาณ สองหมื่นล้านปีมาแล้ว (ตัวเลขอายุของจักรวาลในปัจจุบัน คือ
ประมาณหนึ่งหมืนสามพัน หรือหนึ่งหมืนสี่พันล้านปีในอดีต) หรือเราจะได้
่ ่
เห็นบรรดากาแล็กซีต่างๆ ถอยหลังวิ่งเข้าหาจุดเดียวกัน และจุดกำาเนิด
เดียวกันนั้น ก็คือ จุดกำาเนิดจักรวาลที่รุนแรงเป็นแบบ Big Bang ทฤษฎี
- 2. กำาเนิดจักรวาลแบบ Big Bang นี้ได้รับการปรับปรุงต่อๆ มา โดย George
Gamow และ
จากคำากล่าวเรื่องบิกแบงร้อนของ Stephen Hawking ในหนังสือ
The Universe in a Nutshell (จักรวาลในเปลือกนัท ฉบับภาษาไทยแปล
โดย ดร. ชัยวัฒน์ คุประตกุล) ว่า “ถ้าทฤษฎีสัมพันธภาพของ อัลเบิร์ต ไอน์ส
ไตน์ ถูกต้อง หลังจากเกิดบิกแบง จักรวาลเริ่มต้นด้วยอุณหภูมิและความหนา
แน่นสูงมาก ในขณะที่จักรวาลกำาลังขยายตัว อุณหภูมิของรังสีลดลง เวลา
ประมาณเศษหนึ่งส่วนร้อยของวินาที อุณหภูมิของจักรวาลคงจะอยู่สูงถึง
หนึ่งแสนล้านองศา ขณะนั้นจักรวาลจะประกอบด้วยโฟตอน อิเล็กตรอน
และนิวตริโน (อนุภาคที่เบามาก ๆ ) เป็นส่วนใหญ่ โดยมีโปรตอนและ
นิวตรอนอยู่บ้าง สามนาทีต่อจากนั้น ในขณะที่จักรวาลเย็นลง เป็นประมาณ
หนึ่งพันล้านองศา โปรตรอนและนิวตรอนก็เริ่มรวมกันเป็นนิวเคลียสของ
ฮีเลียม ไฮโดรเจน และธาตุเบาอื่น ๆ
หลายแสนปีต่อมาเมื่ออุณหภูมิลดลงเป็นไม่กี่พันองศา อิเล็กตรอนจะ
เคลื่อนที่ช้าลง จนกระทั่งถูกจับโดยนิวเคลียสของธาตุเบาเพื่อเป็นอะตอม
อย่างไรก็ตาม บรรดาธาตุหนัก ดังเช่น คาร์บอน และออกซิเจน ก็ยังไม่เกิด
จนกระทั่งอีกพันล้านปีต่อมา จากการเผาไหม้ของฮีเลียมในใจกลาง
ดาวฤกษ์
ภาพระยะแรกของจักรวาลที่หนาแน่นและร้อนนี้ ถูกเสนอโดยนัก
วิทยาศาสตร์ จอร์จ กามอฟ ในปี ค.ศ.1948 ในบทความวิชาการที่เขาเขียน
ร่วมกับ ราล์ฟ อัลเฟอร์ ซึ่งได้พยากรณ์อย่างน่าทึ่งว่า รังสีจากระยะแรกที่
ร้อนนี้ จะยังเหลืออยู่ถึงทุกวันนี้ การพยากรณ์ของพวกเขาได้รับการยืนยัน
ในปี ค.ศ.1965 เมื่อนักฟิสิกส์ อาร์โน เพนเซียส และโรเบิร์ต วิลสัน ตรวจพบ
รังสีไมโครเวฟฉากหลังคอสมิก”
จากคำากล่าวข้างต้นเป็นหนึ่งในหลายๆคำากล่าวที่สนับสนุนบิกแบง อีก
ทั้งนักดาราศาสตร์ยังพบหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจนได้รับการตั้ง
ชื่อว่า แบบจำาลองมาตรฐานโดยมีเหตุผลสำาคัญ คือ การขยายตัวของ
จักรวาล ที่ Edwin Hubble ได้ยืนยันในปี ค.ศ.1929 และการค้นพบ
พลังงานความร้อนระดับไมโครเวฟที่ 3 เคลวิน กระจายอยู่ทั่วไปในจักรวาล
คือ เป็นพลังงานที่หลงเหลือจาก Big Bang ในอดีตถึงปัจจุบัน
อีกทฤษฎีหนึ่งคือ “ทฤษฎีสภาวะคงที่ทฤษฎีนี้กล่าวโดย Fred Hoyle,
Hermann Bondi, Thomas Gold ความว่า จักรวาลไม่มีจุดกำาเนิดและไม่มี
วาระสุดท้าย ความเปลี่ยนแปลงภายในจักรวาลเกิดขึ้นได้ ดวงดาวมีการเกิด
และตายได้ แต่โดยภาพรวมแล้ว จักรวาลมีสภาพดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมา
นานแล้ว และจะมีสภาพเป็นดังนี้ตลอดไปชั่วนิรันดรมาถึงปัจจุบันนี้ แต่
ทฤษฎีนี้ก็ไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก
จักวาลเริ่มต้นจากความเป็นศูนย์ ไม่มีเวลา ไม่มีแม้แต่ความว่างเปล่า
หลังจาก Big Bang เอกภพก็เริ่มขยายตัวออก อนุภาคมูลฐาน อะตอม
โมเลกุล ต่าง ๆ ค่อย ๆ เกิดขึ้น หลังจากนั้นแก็สต่างๆก็เริ่มหมุนวนด้วย
ความเร็วจนเกิดแรงดึงดูดมหาศาล และปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น สุดท้าย
กลุ่มแก็สเหล่านั้นก็กำาเนิดเป็นดาวฤกษ์ และต่อมาดาวเคราะห์ก็ได้กำาเนิด