คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
- 2. คูมือปฏิบัติสมถวิปสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย พุทโธ อานาปานสติ ยุบหนอ พองหนอ รูปนาม สัมมาอรหัง จัดพิมพโดย วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีDhammaintrend ร่วมเผยแพร่และแบ่งปันเป็ นธรรมทาน
- 3. คมอปฏิบติ สมถวิปสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย ู ื ั ISBN : 978-974-401-963-9จำนวน ๖๔๘ หนาพิมพครังที่ ๑ : พฤษภาคม ๒๕๕๓ ้จำนวน ๓,๐๐๐ เลมจัดพิมพโดย : วัดหลวงพอสดธรรมกายารามอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ๗๐๑๓๐โทรศัพท ๐-๓๒๒๕-๓๖๓๒ กดตอ ๒๒๐/๑๙๑,๐๘-๓๐๓๒-๘๙๐๗ โทรสาร ๐-๓๒๒๕-๔๙๕๔www.dhammakaya.orgจัดทำรูปเลม/เรียงพิมพ :กองงานสือสิงพิมพ วัดหลวงพอสดฯ ่ ่ภัคกร เมืองนิล เพชรเกษมการพิมพพิมพที่ : บริษท เพชรเกษม พรินติง กรป จำกัด ั ้ ้ ุ๑๘/๔๙ ถ.ทรงพล ต.ลำพยา อ.เมือง จ.นครปฐม ๗๓๐๐๐โทร.๐-๓๔๒๕-๙๗๕๘, ๐-๓๔๒๕-๙๗๕๙ โทรสาร ๐-๓๔๒๕-๓๔๖๕โทรสายดวน ๐-๓๔๒๕-๙๑๑๑ สายดวนมือถือ ๐-๑๘๕๒-๗๕๕๕www.pkprinting.com
- 8. สั ม โมทนี ย กถา ตามทีคณะกรรมการบริหาร ศูนยประสานงานสำนักปฏิบตธรรมประจำจังหวัดแหง ่ ั ิประเทศไทย (ศปท.) โดย ทานเจาคุณพระราชญาณวิสฐ ประธานคณะกรรมการบริหาร ได ิมีมติใหจดทำ “หนังสือคมอการปฏิบตธรรม (สมถวิปสสนากัมมัฏฐานตามแนวสติปฏฐาน ๔)” ั ู ื ั ิ ของสำนักปฏิบตธรรมใหญ ๕ สำนัก คือ สำนักพุทโธ สำนักอานาปานสติ สำนักยุบพอง ั ิสำนักรูปนาม และสำนักสัมมาอรหัง โดยใหรวบรวมขอมูลจากสำนักปฏิบตธรรมทัง ๕ นัน ั ิ ้ ้มาเรียบเรียงขึ้น เพื่อเปนแนวทางการศึกษาสัมมาปฏิบัติพระสัทธรรมของพระพุทธเจาตามแบบที่สำนักใหญ ๕ สำนัก ตางเลือกถือธรรมเปนอารมณสมถวิปสสนากัมมัฏฐานตามจริตอัธยาศัยของตน เปนแนวทางปฏิบตภาวนาและสอนศิษยานุศษยสบตอๆ กันมานัน ั ิ ิ ื ้ บัดนี้ ศปท. ไดจดทำหนังสือคมอดังกลาวเสร็จเรียบรอย และไดผานการพิจารณาของ ั ูื คณะกรรมการทีปรึกษาและคณะกรรมการบริหาร ศปท. เพือขอคำแนะนำในการปรับปรุงแกไข ่ ่แลว ศปท. จักไดนำเสนอตอมหาเถรสมาคม เพือขอประทานเมตตาพิจารณา “รับทราบ” แลวจัก ่ไดจดพิมพ ออกเผยแพรใหเปนประโยชนแกการศึกษาสัมมาปฏิบตของพุทธบริษทผสนใจในธรรม ั ัิ ั ูตอไป ขาพเจาเห็นวา หนังสือคูมือการปฏิบัติธรรม (สมถวิปสสนากัมมัฏฐานตามแนวสติปฏฐาน ๔) ของสำนักปฏิบตธรรมใหญ ๕ สำนัก ที่ ศปท. ไดรวบรวมขอมูลจาก ๕ สำนัก ัิใหญมาเรียบเรียงขึนเพือจัดพิมพเปนเลมเพือนำออกเผยแพรนน มีคณประโยชนแกการศึกษา- ้ ่ ่ ั้ ุสัมมาปฏิบัติพระสัทธรรมของพระพุทธเจาเปนอยางยิ่ง และประการสำคัญที่สุด คื อใหผสนใจศึกษาสัมมาปฏิบตไดมโอกาสเลือกวิธปฏิบติ (สมถวิปสสนากัมมัฏฐาน) ตามจริตอัธยาศัย ู ัิ ี ี ั ของตน ประการ ๑ และยังมีหนังสือ “คมอการศึกษาสัมมาปฏิบตไตรสิกขาตามแนวสติปฏฐาน ๔” ูื ัิ ที่ ศปท. ไดตงคณะอนุกรรมการรวบรวมขอมูลและเรียบเรียงขึนตามแนวอรรถาธิบายในคัมภีร ั้ ้ปกรณวเศษ “วิสทธิมรรค” ไวเปนคมอการศึกษาสัมมาปฏิบติ เพือใหเปนทีเขาใจหลักและ ิ ุ ู ื ั ่ ่วิธการปฏิบตสมถวิปสสนากัมมัฏฐาน ตลอดถึงผลของการปฏิบติ ทีเปนมาตรฐานเดียวกัน ี ั ิ ั ่ใหผสนใจในการศึกษาสัมมาปฏิบตไดอาศัยหนังสือคมอดังกลาว เปนแนวทางปฏิบตใหตรง ู ั ิ ู ื ั ิ(อุชปฏิปนฺโน) ตามพระสัทธรรมของพระพุทธเจา โดยไมหลงทาง และใหสามารถปฏิบตได ุ ั ิ
- 9. ถูกตองตรงทาง (ญายปฏิปนฺโน) เพือใหถงธรรมทีควรรู ไดแก สัมมาปฏิปทามรรค เปนตน และ ่ ึ ่เพือใหบรรลุธรรมทีควรบรรลุไดเปนอยางดี อีกประการ ๑ ่ ่ ขาพเจาจึงขออนุโมทนาสาธุการดวยเปนอยางยิง ทีศนยประสานงานสำนักปฏิบตธรรม ่ ่ ู ั ิประจำจังหวัดแหงประเทศไทย (ศปท.) โดย พระราชญาณวิสฐ ประธานคณะกรรมการบริหาร ิศูนยฯ เจาอาวาส และ เจาสำนักปฏิบตธรรมประจำจังหวัดราชบุรี แหงที่ ๑ (โดยมติมหาเถร ั ิสมาคม) วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี และคณะผจดทำหนังสือคมอ ูั ู ืการปฏิบตธรรมฯ ของสำนักปฏิบตธรรมใหญๆ ๕ สำนัก ดังกลาว และขออนุโมทนาสาธุการ ั ิ ั ิกับผรวมเปนเจาภาพอุปถัมภการจัดพิมพหนังสือดังกลาวนี้ ใหเปนประโยชนแกการศึกษาสัมมา- ูปฏิบตของสาธุชนพุทธบริษทใหกวางขวางออกไปยิงขึน ไดเปนประโยชนแกการสืบบวรพระพุทธ- ัิ ั ่ ้ศาสนาใหเจริญและมันคงสืบไป ่ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงไดโปรดดลบันดาลประทานพร ใหคณะผูจัดทำคณะกรรมการบริหาร และกรรมการทีปรึกษา ศปท. ผชวยพิจารณาใหขอแนะนำ อีกทังคณะเจาภาพอุปถัมภ ่ ู ้บำรุงการจัดพิมพหนังสือนี้ทุกทาน จงเจริญรุงเรืองในพระสัทธรรมของพระพุทธเจา ดวยการไดศกษาสัมมาปฏิบตธรรม ไดพนไปจากไตรวัฏฏะ (กิเลสวัฏฏะ กรรมวัฏฏะ และวิปากวัฏฏะ) และ ึ ั ิ ไดถงมรรค ผล นิพพาน ตามรอยบาทพระพุทธองค และขอจงเจริญดวยอายุ วรรณะ สุขะ ึพละ ปฏิภาณ ธรรมสาร/ธนสารสมบัติ ปรารถนาสิงใดโดยชอบ กอปรดวยเหตุปจจัยฝายบุญกุศล ่ ของจงสำเร็จสมมโนรถ ตามปรารถนาทุกประการ เทอญ (สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย) กรรมการมหาเถรสมาคม แมกองบาลีสนามหลวง เจาคณะใหญหนเหนือ อธิบดีสงฆ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ประธานคณะกรรมการทีปรึกษา ่ ศูนยประสานงานสำนักปฏิบตธรรมประจำจังหวัดแหงประเทศไทย (ศปท.) ัิ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
- 10. แบบถึงพระไตรสรณคมน และแบบวิธนงสมาธิภาวนาสายพุทโธ ี ั่ ของ หลวงปมน ภูรทตฺโต ู ั่ ิ โดยพระญาณวิสษฎสมิทธิวราจารย ิ ี (พระอาจารยสงห ขนฺตยาคโม) ิ วัดปาสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา 1-1
- 11. 1-2 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ คณะผรวบรวม ู ๑. พระมหาพิสฐเอก เสฏฐธมฺโม ป.ธ.๙ ิ ๒. พระมหาอธิโชค สุโชโต ป.ธ.๘ ๓. พระมหาชินณัฐพนธ วชิรวํโส ป.ธ.๗ ๔. พระมหาสมชาติ สุชาโต ป.ธ.๓ ๕. พระมหาพิพฒพงศ ฐิตธมฺโม ป.ธ.๖ ั1-2
- 14. คำนำ พระกัมมัฏฐานสายพุทโธ ก็คออานาปานัสสติกมมัฏฐานนันเอง แตพระเถราจารยของไทย ื ั ่ไดนำเอาพุทธคุณซึงเปนกัมมัฏฐานอยางหนึง ทีเรียกวา “พุทธานุสสติ” มาประกอบกับอานาปานัสสติ ่ ่ ่เพือใหจตเปนสมาธิงายขึน เมือปฏิบตเห็นผลดวยตนเองแลวจึงไดนำมาสอนศิษยานุศษยใหได ่ ิ ้ ่ ัิ ิผลดีเปนลำดับสืบมา และเปนทีนยมกันแพรหลายมาจนทุกวันนี้ ่ ิ แตเนืองจากการเจริญภาวนาสายพุทโธในประเทศไทยมีมากหลายสำนัก แตละสำนักอาจ ่จะเหมือนกันหรือแตกตางกันไปบางเล็กนอยในสวนเบืองตน คือขันสมถะ สวนในขันวิปสสนาก็ลวน ้ ้ ้ เปนอันเดียวกัน (แมกรรมฐานสายอืนก็เชนเดียวกัน) ดังนันจึงขอนำเอาเฉพาะพระกรรมฐาน ่ ้สายพุทโธ ทีมครูบาอาจารยผมชอเสียงและมีศษยานุศษยนยมนับถือและปฏิบตตามเปนจำนวนมาก ่ี ู ี ื่ ิ ิ ิ ัิมานำเสนอไวในทีน้ี คือสายของพระอาจารยมน ภูรทตฺโต เนืองดวยวาหากจะนำวิธของครูบาอาจารย ่ ั่ ิ ่ ีตางๆ ทีใชคำภาวนาวา “พุทโธ” มาลงไวทงหมด ก็เห็นวาเปนการเหลือวิสย ่ ั้ ั สำหรับขอมูลหลักปฏิบัติพระกัมมัฏฐานสายพุทโธ ของพระอาจารยมั่น ภูริทตฺโต ที่มีหลักฐานเปนแบบแผนมาแตเดิมนั้น ไดรับความเอื้อเฟอจากวัดปาสาลวัน นำมามอบให ซึ่งหลวงพอพุธ ฐานิโย (ศิษยทมชอเสียงรูปหนึงของพระอาจารยมน) ไดสบทอดและแสดงเทศนาไว ี่ ี ื่ ่ ั่ ืเปนหลักปฏิบตทพระอาจารยเสารและพระอาจารยมน (อาจารยและศิษย) ไดปรึกษากันมอบหมาย ั ิ ี่ ั่ใหพระอาจารยสงห ขนฺตยาคโม และพระอาจารยมหาปน ปฺญาพโล ผเปนลูกศิษยรวมกันเขียน ิ ู ขึนไวเปนหลักในการปฏิบติ ทังแบบการถึงไตรสรณคมน และแบบวิธนงสมาธิภาวนา นับวาหาได ้ ั ้ ี ั่ไมงายนักในปจจุบน ทีจะไดพบตำรับตำราทีครูบาอาจารยชนตนๆ ทีเปนลูกศิษยของพระอาจารย ั ่ ่ ั้ ่มันไดเรียบเรียงไว ดังนันจึงนำมาลงไวทง ๒ แบบตามตนฉบับ เพือใหทานผทสนใจไดนำไป ่ ้ ั้ ่ ู ี่ศึกษาปฏิบัติสืบไป พระมหาพิสฏฐเอก เสฏฐธมฺโม ิ หัวหนาคณะผูรวบรวม 1-5
- 15. สารบัญ แบบถึงพระไตรสรณคมน ........................................................................................................ ๙ วิธีรักษาพระไตรสรณคมน .............................................................................................................๑๓ ตองไหวพระ นังสมาธิทกวัน .......................................................................................................... ๑๔ ่ ุ แผเมตตาตนและผูอื่น .................................................................................................................... ๑๔ วิธีบูชาดอกไมธูปเทียน .................................................................................................................. ๑๖ แบบวิธีนั่งสมาธิภาวนา ........................................................................................................ ๑๗ ที่มาแหงการภาวนา ...................................................................................................................... ๑๗ ประเภทแหงการภาวนา ................................................................................................................ ๑๘ สมถภาวนา ๓ อยาง ..................................................................................................................... ๑๘ สมถะคืออะไร ................................................................................................................................. ๑๘ ธรรมที่ตองเจริญอยูเปนนิตย ....................................................................................................... ๒๐ การฝกสมาธิภาวนา .............................................................................................................. ๒๑ วิธีนั่งสมาธิภาวนา......................................................................................................................... ๒๑ ตั้งสติลงตรงหนา ...........................................................................................................................๒๒ รวมจิต เขาตังไวในจิต ..................................................................................................................๒๒ ้ สำรวจแลวนึก ............................................................................................................................... ๒๓ ภวังค ..................................................................................................................................... ๒๔ วิธีออกจากสมาธิ ......................................................................................................................... ๒๗ อริยมรรคสมังคี ..................................................................................................................... ๒๙ วิธีตกแตงอริยมรรค ......................................................................................................................๓๑ วิธีเดินจงกรมภาวนา ............................................................................................................ ๓๔ นิมิตสมาธิ ............................................................................................................................. ๓๖ วิธีแกนิมิตสมาธิ .............................................................................................................................๓๘ ญาตปริญญาวิธี .............................................................................................................................๓๙1-6
- 18. แบบถึงพระไตรสรณคมน พระพุทธเจาทรงพระมหากรุณา ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงในโลก ยอมทรงวางระเบียบแบบแผนไวครบบริบรณแลว แบบถึงพระไตรสรณคมนกมแลว แตขาดผนำ จึงไม ู ็ี ูไดถอเปนหลักปฏิบตสบมาจนถึงสมัยปจจุบนทุกวันนี้ เนืองดวยเหตุนี้ จึงจำเปนตองนำมา ื ัิื ั ่ลงไวเปนแบบปฏิบตสบไป ัิื พุทธบริษททัง ๔ คือ ั ้ ๑. พระภิกษุ และสามเณร ๒. พระภิกษุณี และสามเณรี ๓. อุบาสก ๔. อุบาสิกา ทัง ๔ จำพวก เมือนอมตนเขามานับถือพุทธศาสนานี้ ยอมประกาศปฏิญาณตนถึง ้ ่พระไตรสรณคมน ทุกคนตลอดไป ตามแบบทีพระองคไดทรงพระมหากรุณาโปรดพระเจาพิมพิสารกับทังบริวาร ๑๑ นหุต ่ ้และทรงโปรดสิงคาลมาณพนัน พระองคทรงตรัสเทศนาจบลงแลว พระเจาพิมพิสาร กับ ้ทังบริวาร ๑๐ นหุต ไดสำเร็จโสดาปตติผล อีกนหุตหนึงนันถึงพระไตรสรณคมน ้ ่ ้ สวนสิงคาลมาณพ เมื่อฟงธรรมเทศนาจบลง ก็ไดประกาศปฏิญาณตนถึงพระ-ไตรสรณคมนดงตอไปนี้ คือ เปลงวาจาวา ั “เอสาหํ ภนฺเต สุจรปรินพพตมฺป ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ิ ิ ฺ ุ ธมฺมฺจ ภิกขสงฺฆฺจ อุปาสกํ (อุปาสิก)ํ มํ สงฺโฆ ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ฺุ ปาณุเปตํ สรณํ คตํ ฯ ทุตยมฺป เอสาหํ ... ตติยมฺป เอสาหํ ... ิ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ” แปลความวา 1-9
- 19. 1 - 10 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ “ขาพเจา ขอถึงพระผมพระภาคเจา แมปรินพพานนานมาแลว กับ ูี ิ พระธรรมและพระอริยสงฆสาวก วาเปนทีพง ทีระลึก ทีนบถือ ของขาพเจา ่ ึ่ ่ ่ั ตลอดสินชีวต ขอสงฆจงจำไว ซึงขาพเจาวา เปนอุบาสก (อุบาสิกา) ้ ิ ่ ตังแตนเปนตนไปตราบเทาสินชีวต” ้ ี้ ้ ิ ตามแบบที่พระพุทธองคไดทรงตรัสแกพระอรหันตขีณาสพพุทธสาวก ๖๐ องค ณปาอิสปตนมฤคทายวัน ใกลเมืองพาราณสี ทีสงไปประกาศพระพุทธศาสนา เพือใหสำเร็จกิจ ิ ่ ่บรรพชาอุปสมบทแกกลบุตรทังปวง ดวยวิธใหถงพระไตรสรณคมนนี้ และในสมัยนีกไดถอเปน ุ ้ ี ึ ้็ ืแบบถึงพระไตรสรณคมน ทังอุบาสกอุบาสิกา และบรรพชาเปนสามเณร ้ พระอาจารยผูนำใหถึงพระไตรสรณคมนนี้ พึงแนะนำพร่ำสอนใหรักษาความสัตยความจริงในพระไตรสรณคมนอยางยิง ดังตอไปนี้ คือ ่ ๑. สอนใหนงคุกเขา กราบ ดวยเบญจางคประดิษฐ ๓ ครัง แลวเตือนใหรกษาความ ั่ ้ ัจริงวาเวลานีเปนเวลารักษาความสัตยความจริง คือรางกายทีนง คุกเขา ประนมมือ อยบดนี้ ้ ่ ั่ ู ัพึงทราบวาเปนรางกายทีจะประกาศตน ถึงพระไตรสรณคมนจริงๆ ่ ๒. วาจาทีกลาวถึงคุณ พระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ ในกาลบัดนี้ พึงทราบวา ่เปนวาจาทีไดประกาศตนถึงพระไตรสรณคมนจริง ่ ๓. น้ำใจทีนอมนึกถึงคุณพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ พึงทราบวาเปนน้ำใจจริง ่ ๔. พึงตังเปนความสัตยอธิษฐานไวในใจวาขาพเจานับถือเอา คุณพระพุทธเจา พระธรรม ้พระสงฆ ทัง ๓ เปนสรณะ ทีพง ทีระลึก ทีนบถือ ของขาพเจา ตังแตบดนีเปนตนไปตราบเทา ้ ่ ึ่ ่ ่ ั ้ ั ้สิ้นชีวิต เมือตังเปนความสัตยแลว พึงนำใหถงพระไตรสรณคมน ดังตอไปนี้ ่ ้ ึ อรหํ สมฺมาสมฺพทโธ ภควา พุทธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ ฯ (กราบลงครังหนึง) ุ ฺ ฺ ้ ่ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ธมฺมํ นมสฺสามิ ฯ (กราบลงครังหนึง) ้ ่ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สงฺฆํ นมามิ ฯ (กราบลงครังหนึง) ้ ่ นำวา นโม ๓ จบ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพทธสฺส ฯ ุ ฺ
- 20. 1 - 11 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ นำวา ถึงพระไตรสรณคมน พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ, ฺ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ, ทุตยมฺป พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ, ิ ฺ ทุตยมฺป ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, ิ ทุตยมฺป สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ, ิ ตติยมฺป พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ, ฺ ตติยมฺป ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, ตติยมฺป สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ, แปลความวา ขาพเจา ขอถึงพระพุทธเจา กับทังพระธรรม และพระอริยสงฆ สาวกวาเปนสรณะ ้ทีพง ทีระลึก ทีนบถือ ของขาพเจา ตังแตบดนีเปนตนไปตราบเทาสินชีวตของขาพเจานีแล ฯ ่ ึ่ ่ ่ ั ้ ั ้ ้ ิ ้ นำระลึกถึงพระพุทธคุณ อิตป โส ภควา อรหํ สมฺมา สมฺพทโธ วิชชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตตฺโร ิ ุ ฺ ฺปุรสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสสานํ พุทโธ ภควาติ ฯ ิ ฺ ฺ กราบลงหมอบนิงอยวา่ ู กาเยน วาจาย ว เจตสา วา พุทเธ กุกมฺมํ ปกตํ มยา ยํ ฺ พุทโธ ปฏิคคณฺหตุ อจฺจยนฺตํ ฺ ฺ กาลนฺตเร สํวริตุ ํ ว พุทเธ ฯ ฺ จบพระพุทธคุณแลว เงยขึน ้ นำระลึกถึงคุณพระธรรม สฺวากขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทฏฐโก อกาลิโก เอหิปสฺสโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ ิ ิ ิเวทิตพฺโพ วิหติ ฯ ฺ ู ี
- 21. 1 - 12 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ กราบหมอบลงนิงอยวา ่ ู กาเยน วาจาย ว เจตสา วา ธมฺเม กุกมฺมํ ปกตํ มยา ยํ ธมฺโม ปฏิคคณฺหตุ อจฺจยนฺตํ ฺ กาลนฺตเร สํวริตุ ํ ว ธมฺเม ฯ จบพระธรรมคุณแลว เงยขึน ้ นำระลึกถึงคุณพระอริยสงฆสาวก สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ุ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ิ ยทิทํ จตฺตาริ ปุรสยุคานิ อฏฐ ปุรสปุคคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ ิ ิ ฺ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขเณยฺโย อฺชลีกรณีโย อนุตตรํ ปุญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ ฯ ิ ฺ ฺ กราบหมอบลงนิงอยวา ่ ู กาเยน วาจาย ว เจตสา วา สงฺเฆ กุกมฺมํ ปกตํ มยา ยํ สงฺโฆ ปฏิคคณฺหตุ อจฺจยนฺตํ ฺ กาลนฺตเร สํวริตุ ํ ว สงฺเฆ ฯ จบสังฆคุณแลว เงยขึน ้ กราบ ๓ หน นังพับเพียบประนมมือ ฟงคำสังสอนในระเบียบวิธรกษาและปฏิบตไตรสรณคมนตอไป ่ ่ ีั ัิ ผทไดปฏิญาณตน ถึงคุณพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ แลว ชือวาเปน “พุทธบริษท” ู ี่ ่ ัชายเปนอุบาสก หญิงเปนอุบาสิกา ในพระพุทธศาสนา มีหนาทีจะตองปฏิบตพระพุทธศาสนา ่ ัิสืบตอไป
- 22. 1 - 13 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธวิธรกษาพระไตรสรณคมน ีั วิธรกษาพระไตรสรณคมนไมใหขาดและไมใหเศราหมอง ดังนี้ ีั ๑. เปนผตงอยในความเคารพ ๖ ประการคือ ู ั้ ู เคารพในพระพุทธเจา ๑ เคารพในพระธรรม ๑ เคารพในพระอริยสงฆสาวก ๑ เคารพในความไมประมาท ๑ เคารพในไตรสิกขา ๓ คือ ศีล สมาธิ ปญญา ๑ เคารพในปฏิสนถาร การตอนรับ ๑ ั ตองเปนผูมีความเลื่อมใสนับถือพระรัตนตรัยเปนสรณะที่พึ่งที่ระลึกของตนจริงๆถาประมาทเมือไร ก็ขาดจากคุณพระรัตนตรัยเมือนัน ่ ่ ้ ๒. เวนจากการนับถือพระภูมตางๆ คือ ไมนบถือ ภูตผี ปศาจ พระภูมเจาที่ เทวบุตร ิ ั ิ ิเทวดา มนต กลคาถา วิชาตางๆ ตอไป ถานับถือเมือไร ก็ขาดจากคุณพระรัตนตรัยเมือนัน ่ ่ ้ ๓. ไมเขารีดเดียรถีย นิครนถ คือไมนบถือลัทธิวธี ศาสนาอืนภายนอกพระพุทธศาสนา ั ิ ่มาเปนสรณะที่พึ่งที่ระลึกของตน สืบตอไป ถานับถือเขารีดเดียรถียเมื่อไรก็ขาดจากพระรัตนตรัยเมือนัน ่ ้ ๔. ไมนับถือลัทธิศาสนาพราหมณ คือ ไมดูไมดูหมอ แตงแกแตงบูชา เสียเคราะหเสียเข็ญ เปนตน ถานับถือเมือไร ก็เศราหมองในคุณพระรัตนตรัยเมือนัน ่ ่ ้ ๕. เปนผเชือกรรม เชือผลของกรรม เชน เชือวาทำชัวไดชว ทำดีไดดี เปนตน ตลอด ู ่ ่ ่ ่ ั่จนความเชือความตรัสรของพระสัมมาสัมพุทธเจาเปนทีสด ไมเชือมงคลตืนขาว ่ ู ุ่ ่ ่ ตองเปนผมสมาธิเสมอ ถาขาดสมาธิเมือไรก็ขาดศรัทธาความเชือเมือนัน ูี ่ ่ ่ ้ ถาขาดศรัทธาความเชือเมือไร ก็เศราหมองในคุณพระรัตนตรัยเมือนัน ่ ่ ่ ้
- 23. 1 - 14 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธตองไหวพระ นังสมาธิทกวัน ่ ุ ทานสอนใหปฏิบตใจของตนเอง เพราะคุณพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ ทัง ๓ นี้ ัิ ้สำเร็จดวยใจ ลวนเปนคุณสมบัตของใจทังนัน ิ ้ ้ ทานจึงสอนใหปฏิบตใจของตนใหเปนคนหมันคนขยัน ไหวพระทุกวัน นังสมาธิทกวัน ัิ ่ ่ ุ “ปฐมํ ยามํ จงฺกมาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตตํ ปริโสเธติ” ฺ เวลากอนเขานอนตอนหัวค่ำใหเดินจงกรมแลวทำพิธี ไหวพระเจริญพรหมวิหาร นังสมาธิภาวนาทำใหจตสงบและตังมันเปนสมาธิกอนเขานอน ่ ิ ้ ่ “อฑฺฒรตฺตํ จงฺกมาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตตํ ปริโสเธติ” ฺ เวลาเทียงคืน นอนตืนขึนเปนเวลาทีสงบสงัดดี ่ ่ ้ ่ ใหเดินจงกรม ทำพิธไหวพระ เจริญพรหมวิหาร ี นังสมาธิภาวนา ทำจิตใหสงบ และตังมันเปนสมาธิแนวแน จึงนอนตอไปอีก ่ ้ ่ “ปจฺฉมํ ยามํ จงฺกมาย นิสชฺชํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตตํ ปริโสเธติ” ิ ฺ เวลาปจจุบนสมัย จวนใกลรง ใหลกขึนแตเชา ลางหนา เช็ดหนาเรียบรอย แลวทำ ั ุ ุ ้พิธีไหวพระเจริญพรหมวิหาร นั่งสมาธิ ภาวนาทำจิตใหสงบและตั้งมั่นเปนสมาธิแนวแนแลวเดินจงกรมตอไปอีกจนแจงเปนวันใหม จึงประกอบการงานตอไป ฯแผเมตตาตน อหํ สุขโต โหมิ ิ ขอเราจงเปนผมความสุขๆ เถิด ูี นิททกโข โหมิ ฺ ฺุ ขอเราจงเปนผปราศจากทุกขทงปวงเถิด ู ั้ อเวโร โหมิ ขอเราจงเปนผปราศจากเวรทังปวงเถิด ู ้ อพฺยาปชฺโฌ โหมิ ขอเราจงเปนผปราศจากความเบียดเบียนทังปวงเถิด ู ้ อนีโฆ โหมิ ขอเราจงปราศจากความลำบากยากเข็ญทังปวงเถิด ้ สุขี อตฺตานํ ปริหรามิ ขอเราจงเปนผมความสุขตลอดทุกเมือเถิด ูี ่
- 24. 1 - 15 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ เจริญเมตตาผอน ู ื่สพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้สุขตา โหนฺตุ ิ จงเปนสุขๆ เถิดสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้อเวรา โหนฺตุ จงอยาไดเปนผมเวรแกกนและกันเลย ูี ัสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ้ั ่ ่ ้ ้ ้อพฺยาปชฺฌา โหนฺตุ จงอยาไดเปนผเบียดเบียนแกกนและกันเลย ู ัสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้อนีฆา โหนฺตุ จงอยามีความลำบากยากแคนทังปวงเถิด ้สพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ จงเปนผมความสุข ตลอดทุกเมือเถิด ูี ่ เจริญกรุณาสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้สพฺพทุกขา ปมุจนฺตุ จงเปนผพนจากทุกขทงปวงเถิด ฺ ู ั้ เจริญมุทตา ิสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้ลทฺธสมฺปตฺตโต มา วิคจฺฉนฺตุ จงอยาไดปราศจากสมบัตอนตนไดเกิดแลวเถิด ิ ิั เจริญอุเบกขาสพฺเพ สตฺตา สัตวทงหลายทีเปนเพือนทุกข เกิดแกเจ็บตาย ดวยกันทังหมดทังสิน ั้ ่ ่ ้ ้ ้กมฺมสฺสกา เปนผมกรรมเปนของตน ูีกมฺมทายาทา มีกรรมเปนผใหผล ูกมฺมโยนี มีกรรมเปนแดนเกิดกมฺมพนฺธู มีกรรมเปนผตดตาม ูิกมฺมปฏิสรณา มีกรรมเปนทีพงอาศัย ่ ึ่ยํ กมฺมํ กริสสนฺติ ฺ จักทำกรรมอันใดไวกลฺยาณํ วา ปาปกํ วา จักทำกรรมทีเปนบุญ หรือเปนบาป ่ตสฺส ทายาทา ภวิสสนฺติ เราจักเปนผรบผลของกรรมนันๆ ฺ ูั ้
- 25. 1 - 16 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธวิธบชาดอกไมธปเทียน ี ู ู ยมหํ สมฺมาสมฺพทธํ ภควนฺตํ สรณํ คโต (ผหญิงใหเปลียน คโต เปน คตา) ุ ู ่ พระผมพระภาคเจา พระองคเปนผตรัสรแลวเองโดยชอบพระองคใด ขาพเจาถึงแลว ูี ู ูวาเปนทีพง กำจัดภัยไดจริง ่ ึ่ อิมนา สกฺกาเรน ตํ ภควนฺตํ อภิปชยามิ ฯ ิ ู ขาพเจาบูชาพระผมพระภาคเจาพระองคนน ดวยเครืองสักการะอันนี้ ูี ั้ ่ (กราบลงครังหนึง) ้ ่ ยมหํ สฺวากฺขาตํ ภควตา ธมฺมํ สรณํ คโต (ผหญิงใหเปลียน คโต เปน คตา) ู ่ พระธรรมที่พระผูมีพระภาคเจาตรัสเทศนาไวดีแลวเหลาใด ขาพเจาถึงแลววาเปนทีพง กำจัดภัยไดจริง ่ ึ่ อิมนา สกฺกาเรน ตํ ธมฺมํ อภิปชยามิ ฯ ิ ู ขาพเจาบูชาพระธรรมเหลานัน ดวยเครืองสักการะอันนี้ ้ ่ (กราบลงครังหนึง) ้ ่ ยมหํ สุปฏิปนฺนํ สงฺฆํ สรณํ คโต (ผหญิงใหเปลียน คโต เปน คตา) ู ่ พระสงฆสาวกของพระผมพระภาคเจา เปนผปฏิบตดแลวหมใด ขาพเจาถึงแลววา ูี ู ัิี ูเปนทีพง กำจัดภัยไดจริง ่ ึ่ อิมนา สกฺกาเรน ตํ ภควนฺตํ อภิปชยามิ ฯ ิ ู ขาพเจาบูชาพระสงฆหมนน ดวยเครืองสักการะอันนี้ ู ั้ ่ (กราบลงครังหนึง) ้ ่
- 26. 1 - 17 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ แบบวิธนงสมาธิภาวนา ี ั่ ภาวนา เปนชือแหงความเพียร ทีนกปฏิบตในพระพุทธศาสนาไดถอเปนขอปฏิบตดี ่ ่ ั ัิ ื ัิปฏิบตชอบอยางยิง ไมมขอปฏิบตอนดียงขึนไปกวา ัิ ่ ี ั ิ ื่ ิ่ ้ ที่มาแหงการภาวนา ภาวนานี้ มีมาใน สัมมัปปธาน ๔ ประการ คือ ๑. ปหานปธาน เพียรสละบาปอกุศล ใหขาดจากสันดาน ๒. สังวรปธาน เพียรสำรวมระวังรักษา ไมใหบาปเกิดขึนในสันดาน ้ ๓. ภาวนาปธาน เพียรภาวนา ใหบญกุศลเกิดขึนในสันดาน ุ ้ ๔. อนุรกขนาปธาน เพียรรักษาบุญกุศลทีเกิดขึนแลว ไมใหเสือมสูญอันตรธาน ั ่ ้ ่ ขอที่ ๓ แหงสัมมัปปธาน ความวา ภาวนาปธาน เพียรบำเพ็ญบุญกุศลใหเกิดในสันดานนี้ เปนขอปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนาอยางดียิ่ง ไมมีขอปฏิบัติอื่นดียิ่งขึ้นไปกวาพุทธบริษททัง ๔ จะเวนเสียมิได จำเปนตองบำเพ็ญภาวนาปธานทุกคนตลอดไป จึงเปนไป ั ้เพือพนจากทุกขในวัฏฏสงสาร สำเร็จพระอมตมหานครนฤพาน หรือสำเร็จมรรคผลธรรมวิเศษ ่บรรลุจตุปฏิสมภิทาญาณ แตกฉานในหองพระไตรปฎก ดวยการบำเพ็ญภาวนาปธานนีทงนัน ั ้ ั้ ้ถาไมไดบำเพ็ญภาวนาปธานนี้แลว ก็ไมเปนไปเพื่อพนจากทุกขในวัฏฏสงสาร คือไมสำเร็จพระนิพพานเลยเปนอันขาด อนึง ภาวนาปธาน นี้ เปนยอดแหงขอปฏิบตดปฏิบตชอบทังปวง คือ พุทธบริษท ่ ัิี ัิ ้ ัทัง ๔ เมือมีการบำเพ็ญทาน และรักษาศีลใหบริสทธิดแลว จำเปนตองมีการบำเพ็ญภาวนา ้ ่ ุ ์ีหรือเหลาพระภิกษุสามเณร เมื่อไดบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาแลว ตองบำเพ็ญสัมมัปปธานทัง ๔ ประการมี ภาวนาปธานเปนยอด คือ บำเพ็ญศีล สมาธิ ปญญา ใหถงพรอม ้ ึดวยความไมประมาท คำวา “ภาวนา” แปลวาทำใหเกิด ใหมี ใหเปน คือ ทำกาย วาจา ใจ ใหเปนศีล
- 27. 1 - 18 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธสมาธิ ปญญา หรือทำขันธสันดานของตนทีเปนปุถชน ใหเปนพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ่ ุหรือมิฉะนัน ก็กระทำขันธสันดานของตน ทีเปนพระโพธิสตวใหไดตรัสรพระอนุตตรสัมมา- ้ ่ ั ูสัมโพธิญาณ เปนพระสัมมาสัมพุทธเจาขึนในโลก ้ นับวากระทำใหเปนไปในธรรมวินย ทัง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธทเดียว ั ้ ีประเภทแหงการภาวนา พระอนุรทธาจารยเจา แยกประเภทภาวนาตามลำดับชันไวเปน ๒ ประการ ุ ้ ๑. สมถภาวนา ทำใจใหมสติสมปชัญญะ สงบจากกามารมณ ตังมันเปนสมาธิภาวนา ี ั ้ ่ ๒. วิปสสนาภาวนา ทำใจทีมสติสมปชัญญะ และสมาธิบริบรณแลว ใหเกิดมีปญญา ่ี ั ู ในเบืองตนนี้ จะกลาวสมถภาวนากอนแลว จึงจะกลาววิปสสนาภาวนา โดยลำดับ ้ เมือภายหลัง ่สมถภาวนา ๓ อยาง ในพระคัมภีร อภิธมมัตถสังคหะ พระอนุรทธาจารยเจา แยกประเภทแหงสมถภาวนา ั ุไวเปน ๓ ประการ คือ ๑. บริกรรมภาวนา เวลานังสมาธิภาวนา ใชบริกรรมบทใดบทหนึง ่ ่ ๒. อุปจารภาวนา จิตตังมันเปนอุปจารสมาธิ ้ ่ ๓. อัปปนาภาวนา จิตตังมันเปนอัปปนาสมาธิ ้ ่สมถะคืออะไร ในเรือง สมถภาวนาวิธี มีวธปฏิบตละเอียดมาก แตในบทเนือความยอนี้ จะกลาว ่ ิี ัิ ้เฉพาะใจความยอๆ พอใหทราบลวงหนาไววาสมถะคืออะไร พระสมถกรรมฐานทัง ๔๐ ประการ คือ อุบายภาวนาใหจตเปนสมาธิ ้ ิ เมือกลาวถึงเรืองทีจตเปนสมาธิ ดำเนินถูกในหนทางอริยมรรคอริยผลแลว ก็เปนอัน ่ ่ ่ิถูกตองแลวในพระสมถกรรมฐานทัง ๔๐ ประการ ้
- 28. 1 - 19 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ อีกประการหนึง พระสมถกรรมฐานทัง ๔๐ ประการเหลานี้ มีอาจารยบางจำพวก ่ ้สอนคณะศิษยานุศษยของตน ใหขนพระสมถกรรมฐานทัง ๔๐ ประการ เปนหองๆ ไป ครบ ิ ึ้ ้ทัง ๔๐ ประการ เปน ๔๐ หอง กระทำใหคณะสานุศษยเขาใจผิดและถือเปนถูก ้ ิ คือถือเอาวา พระกรรมฐานทัง ๔๐ หอง ใครไดขนหองไหนก็ไดแตหองนัน ไมไดครบ ้ ึ้ ้ทัง ๔๐ หอง ถาตองการใหครบทัง ๔๐ หอง ตองขึนไปทีละหองๆ จนครบทัง ๔๐ หอง จึง ้ ้ ้ ้จะไดพระกรรมฐาน ๔๐ ประการ ดังนี้ เปนการสอนผิดและเขาใจผิด ถือผิดเปนถูก จากพระบรมศาสดาจารย เปนอยางยิง ่ ความจริง พระธรรมวินยทัง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ เปนธรรมแทงเดียวกัน ั ้ สมเด็จพระสัพพัญูบรมครูเจา พระองคทรงเปนพระวิภัชชวาที คือ พระองคทรงจำแนกขันธ ๕ คือ กาย กับ ใจ ในตัวของมนุษยคนเดียวเทานัน เปนทังพระธรรมทังพระวินย ้ ้ ้ ัครบจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ รวมกันเขาก็เปนธรรมแทงเดียวกัน เมื่อพระธรรมวินัย เปนธรรมแทงเดียวกันอยูแลว อาจารยบางจำพวกมาสอนใหแตกตางออกไปเปนหองๆ ไมสอนใหรวมเปนแทงเดียวกัน ชือวาสอนผิดจากพระบรมศาสดา- ่จารยเปนอยางยิง ่ อี ก ประการหนึ่ ง นั ก ปฏิ บั ติ ใ หม ทั้ ง หลายยั ง ไม รู ชั้ น ภู มิ แ ห ง จิ ต ตั ด สิ น ไม ไ ด ว าสมถกรรมฐานเพียงแคไหน เมือไรจะถึงวิปสสนากรรมฐานสักที ครันไดนงสมาธิ บังเกิด ่ ้ ั่มีความรูนิดๆ หนอยๆ ก็เขาใจวาตนไดวิปสสนาญาณเสียแลว ก็เปนผูหลงผิดติดอยูในสมถกรรมฐานตลอดไป เนืองดวยเหตุนี้ จึงจำเปนตองกลาวเนือความยอของสมถะไวดงตอไปนี้ ่ ้ ั สมเด็จพระสัพพัญูบรมครูเจา เมือพระองคทรงตรัสรพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ่ ูเปนพระพุทธเจาขึนในโลกแลว พระองคยอมทรงรแจงวา เวไนยสัตวทงหลาย ลวนเปน ้ ู ั้ผหลงของอยในวัฏฏสงสาร ไมเห็นหนทางพระนิพพาน จึงเอาตนใหพนจากทุกขไมได ู ู เมื่ อ พระองค ท รงพระมหากรุ ณ าโปรดเวไนยสั ต ว ทั้ ง หลายให พ น จากทุ ก ข ภั ย ในวัฏฏสงสาร จึงจำเปนตองตะลอมเอาน้ำใจของเวไนยสัตวทงหลาย ใหสงบจากเครืองของ ั้ ่
- 29. 1 - 20 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธรวมเขาสวถหนทางพระนิพพาน ซึงเปนหนทางเอกในโลก ไมมหนทางอืนยิงไปกวา และเปน ูิี ่ ี ่ ่ทางอันเกษมจากโยคะทังปวง ้ วิธทพระองคทรงตะลอมเอาจิตใหสงบจากเครืองของ รวมเขาสวถหนทางพระนิพพาน ี ี่ ่ ูิีนี้ แ ลเป น วิ ธี สำคั ญ จึ ง จำเป น ต อ งทรงพระมหากรุ ณ าตรั ส เทศนาสั่ ง สอนให เ จริ ญ พระสมถกรรมฐาน ๔๐ ประการ บทใดบทหนึ่ง เฉพาะเปนที่สบายแกจริตหรือนิสัยของตนเทานัน ไมใชใหขนเปนหองๆ ไปจนครบ ๔๐ หอง ้ ึ้ เมือไดพระสมถกรรมฐานเปนทีสบายแกจริตของตนแลว พระองคทรงพระมหากรุณา ่ ่ตรัสเทศนาโปรดใหนงสมาธิภาวนาทีเดียว วิธนงสมาธิภาวนา มีแจงอยในบทนังสมาธิขางหนา ั่ ี ั่ ู ่ ขอทีนกปฏิบตใหมทงหลาย จะพึงวินจฉัยวาพระสมถกรรมฐานเพียงแคไหน เมือไหร ่ ั ั ิ ั้ ิ ่จะถึงวิปสสนากรรมฐานสักที ขอนีใหพงวินจฉัย ในวิธนงสมาธิภาวนา ซึงกลาวตอไปในบทนัง ้ ึ ิ ี ่ั ่ ่สมาธิขางหนา ธรรมทีตองเจริญอยเปนนิตย ่ ู นักปฏิบตทงหลายในพระพุทธศาสนานี้ พึงเปนผมศลเปนทีรก มีวตรปฏิบตพรอม ั ิ ั้ ู ี ี ่ั ั ั ิบริบรณ และมีธรรมซึงมีอปการะมาก เปนทีเจริญอยู จึงเปนผเจริญรงเรือง ู ่ ุ ่ ู ุ ธรรมมีอปการะมาก มีหลายประการ แตจะกลาวในทีนเฉพาะ ๓ ประการ คือ ุ ่ ี้ ๑. อปฺปมาโท อมตํ ปทํ พึงเปนผไมประมาท ซึงเปนบทธรรมอันไมตาย ู ่ ๒. สติมา ปริมขสตึ ุ พึงเปนผมสติเฉพาะหนาเสมอ ูี ๓. สมฺปชาโน พึงเปนผมสมปชัญญะ รจตเสมอ ูีั ูิ ธรรม ๓ ประการเหลานี้ เปนธรรมมีอปการะมาก นักปฏิบตยอมเจริญอยเปนนิจ ุ ัิ ู
- 30. 1 - 21 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ การฝกสมาธิภาวนาปุพพภาค (เบืองตน) แหงการปฏิบติ ้ ั นักปฏิบติ ฝายคฤหัสถ พึงประกาศปฏิญาณตน ถึงพระไตรสรณคมน เปนอุบาสก ัอุบาสิกา กอน แลวสมาทานศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ใหบริสทธิ์ กราบพระหรือไหวพระเสร็จแลว ุเจริญพรหมวิหาร ๔ จบแลว จึงนังสมาธิภาวนาตอไป ่ นักปฏิบตฝายบรรพชิต พึงทำการบรรพชาอุปสมบทใหบริบรณ ดวยสมบัติ ๕ ประการ ัิ ูคือ วัตถุสมบัติ ญัตติสมบัติ อนุสาวนาสมบัติ สีมาสมบัติ ปริสสมบัติ ชำระศีลใหบริสทธิ์ ทำวัตร ุสวดมนต เจริญพรหมวิหาร ๔ จบแลว จึงนังสมาธิตอไป ่ วิธนงสมาธิภาวนา ี ั่ พระพุทธพจนในโอวาทปาติโมกข “อิธ อริยสาวโก โวสฺสคฺคารมฺมณํ กริตวา ลภติ สมาธึ ฺ ลภติ จิตตสฺเสกคฺคตนฺติ ฺ ความวา “พระอริยสาวก ในพระธรรมวินัยนี้ กระทำกรรมฐานคือนั่งสมาธิ ภาวนา มีการสละลงเปนอารมณ ยอมไดสมาธิ ไดความทีจตมีธรรมชาติ ่ิ เปนหนึง” ดังนี้ ่ วิธีนั่งสมาธิภาวนา ทานสอนใหน่ังขัดสมาธิ เอาขาเบื้องขวาวางทับขาเบื้องซายมือเบืองขวาวางทับมือเบืองซาย ้ ้ “อุชุ ํ กายํ ปณิธาย” พึงตังกายใหตรง คืออยานังใหกมนัก เปนคนหนาคว่ำ หนาต่ำ ้ ่ ไมดี และอยานังเงยหนานัก เปนคนหนาสูงเกินไป ไมพอดีพองาม ่ ทังอยาใหเอียงไปขางซาย ขางขวา ขางหนา ขางหลัง ตังตัวใหเทียงตรงจริงๆ ้ ้ ่ อยากดและอยาขมอวัยวะรางกายแหงใดแหงหนึงใหลำบากกายเปลาๆ พึงวางกาย ่ใหสบายเปนปกติเรียบรอย
- 31. 1 - 22 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ ขอทีตงกายใหตรงนี้ พึงดูรปพระพุทธเจานังสมาธิเปนตัวอยาง ่ ั้ ู ่ เมือนังตังตัวตรงดีแลว อุชุ ํ จิตตํ ปณิธาย พึงตังจิตใหตรง คือ ตังสติลงตรงหนา ่ ่ ้ ฺ ้ ้กำหนดรูซึ่งจิตเฉพาะหนา ไมสงจิตใหฟงซานไปเบืองหนา อนาคตกาล อันยังมาไมถง ุ ้ ึ และไมใหฟงซานไปเบืองหลัง อดีตกาล อันลวงไปแลวก็เปนอันลวงไปแลว ุ ้ ทังไมใหฟงซานไปเบืองบน เบืองลาง เบืองซาย เบืองขวา ้ ุ ้ ้ ้ ้ ทังไมใหฟงซานไปในทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิน ทางกาย ทางใจ ทางใดทางหนึง ้ ุ ้ ่ พึงเปนผมสติ กำหนดจิตรวมเขาตังไวในจิต จนกวาจิตจะเปนเอกัคคตาจิต ูี ้ตังสติลงตรงหนา ้ (พระอาจารย ผนำพึงอธิบายตรงนีใหแจง) ู ้ จิต เปนผรโดยธรรมชาติ เปนแตเพียงสักวารู คือ รสก รนก รคด รรอน รเย็น ู ู ูึ ู ึ ูิ ู ูรไดเห็น ไดยน ไดฟง และรดมกลิน ลิมรส สัมผัสถูกตอง สิงสารพัดทังปวง ู ิ ู ่ ้ ่ ้ แตจตนันไมรจกพินจ พิจารณา วินจฉัย ตัดสินอะไรไมไดทงนัน จึงเปนอันวา จิตนี้ ิ ้ ู ั ิ ิ ั้ ้ไมรจกดี ไมรจกชัว ไมรจกผิด ไมรจกถูก ู ั ู ั ่ ู ั ู ั สติ เปนตัวผรู มีอำนาจอยเหนือจิต สามารถรเทาทันจิตและรเรืองของจิตไดดวา ู ู ู ู ่ ีเวลานีจตดี เวลานีจตไมดี ตลอดมีความสามารถทำการปกครองจิตของเราใหดไดจริงๆ ้ิ ้ิ ี นักปฏิบตในพระพุทธศาสนานี้ พึงกำหนดเอาตัวผรมอำนาจอยเหนือจิตนัน มาตัง ัิ ู ู ี ู ้ ้ลงตรงหนาเปนสติ ทำหนาทีกำหนดรซงจิต และรวมเอาดวงจิตเขาตังไวในจิต พยายาม ่ ู ึ่ ้จนกวาจิตจะรวมเปนหนึง ทานจึงจะเปนผมสติสมปชัญญะพรอมบริบรณ ในขณะเดียวกัน ่ ูี ั ูรวมจิต เขาตังไวในจิต ้ “มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร สพฺพตฺถ สํวโต ภิกขุ ุ ฺ สพฺพทุกขา ปมุจจติ” ฺ ฺ
- 32. 1 - 23 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธ แปลความวา “สำรวมเอาจิตเขาตังไวในจิตได เปนการดี และสำรวมระวังไมให ้ จิตฟงซานไปในทีทงปวงไดเปนการดี ภิกษุผสำรวมระวังรักษารอบคอบ ุ ่ ั้ ู ในทีทงปวงแลว ยอมเปนผพนจากทุกขทงปวง” ดังนี้ ่ ั้ ู ้ั วิธรวมจิต พึงเปนผมสติตงไวเฉพาะหนา กำหนดรซงจิต ซึงเปนตัวผรโดยธรรมชาติ ี ู ี ้ั ู ึ่ ่ ู ูที่รูสึก รูนึก รูคิด อยูเฉพาะหนา และพึงพิจารณาหรือระลึกในใจวาพระพุทธเจาอยูในใจพระธรรมอยในใจ พระอริยสงฆสาวกอยในใจ เมือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ อยในใจ ู ู ่ ูของเรานีแลว เราไมตองกังวลวนวายอะไร และไมตองสงใจไปสทอน ้ ุ ู ี่ ื่ เราจะตองทำความตกลง กำหนดเอาแตใจของเราดวงเดียวเทานีใหได ้ เมือตกลงดังนี้ พึงตังสติลงตรงหนา กำหนดเอาตัวผรคอจิตเฉพาะหนา นึกคำบริกรรม ่ ้ ู ู ืภาวนากรรมฐานบทใดบทหนึง ซึงเปนทีสบายแกจตของตน บริกรรมภาวนาสืบไป ่ ่ ่ ิสำรวจแลวนึก กอนแตจะนึกคำบริกรรมภาวนา พึงตรวจดูใหรแนเสียกอนวาสติไดกำหนดจิตถูกแลว ูหรือยัง เมือรวาสติไดกำหนดจิตถูกแลว แตจตยังไมสงบและยังไมรวม ่ ู ิ พึงตรวจดูจตตอไป วาจิตทียงไมรวมเปนเพราะเหตุใด เพราะเปนเพราะจิตของเรายัง ิ ่ัไมตกลงเชือมันตอคุณพระรัตนตรัยอยางนันหรือ หรือจิตของเรายังฟงซานไปในอารมณอะไร ่ ่ ้ ุ ถาจิตของเราตกลงเชือมันตอคุณพระรัตนตรัย วาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ อยู ่ ่ในใจของเรานีจริงแลวก็เปนอันนึกคำบริกรรมภาวนาไดแลว ้ แตถายังไมตกลง และไมเชือมันตอคุณรัตนตรัย วามีในใจของเราจริง ก็นกคำบริกรรม ่ ่ ึภาวนาไมได ถึงแมนกไป ก็ไมสงบ และไมรวมเปนหนึงลงได จำเปนตองพิจารณา ใหรู ึ ่รอบคอบเสียกอนวา จิตของเราคิดไปตามอารมณอะไร ในอารมณทจตคิดไปนัน เปนอารมณ ี่ ิ ้ทีนารัก หรือเปนอารมณทนาเกลียด ่ ี่ เมือทราบวา จิตของเราติดอยในความรักก็ดี หรือติดอยในความเกลียดก็ดี พึงทราบ ่ ู ูเถิดวา จิตของเราลำเอียง จึงไมตกลง และไมสงบ