SlideShare a Scribd company logo
1 of 40
การจัด แบ่ง สสาร
                           สสาร
                      (Matter)

           สารเนื้อเดียว            สารเนื้อผสม
          (Homogenou              (Heterogenous
          s substance)              substance)
   สารบริสุทธิ์        สารละลาย
     (Pure            (Solution)
  substance)
 ธาตุ     สารประกอบ                 ของผสม
(Elem     (Compoun                 (Mixture)
ธาตุแ ละสารประกอบ

• ธาตุ (Element) คือสารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่
  ประกอบด้วยอะตอมเพียง
   ชนิดเดียว ไม่สามารถแยกออกเป็นส่วน
  ประกอบย่อยๆ
• สารประกอบ (Compound) คือสาร
  บริสุทธิ์เนื้อเดียวที่เกิดจากการนำา
   ธาตุหรือสารประกอบมาทำาปฏิกิริยากันใน
  ตอนเริ่มต้น
ประเภทของธาตุ


• โลหะ (Metal) เช่น K, Na, Mg, Ca,
  Al, Fe, Cu, Mn
• อโลหะ(Non-metal) เช่น H, C, P,
  S, N, O, F, Cl, I
• กึ่งโลหะ(Methalloid) ได้แก่ B, Si,
  Ge, As, Sb, Te, At
โลหะ (Metals)
• ส่ว นใหญ่ม ีส ถานะเป็น ของแข็ง ที่
  อุณ หภูม ิห ้อ ง ยกเว้น Hg
• เป็น มัน วาว สามารถใช้ฆ ้อ นตีเ พื่อ
  เปลี่ย นรูป ร่า งได้
• เป็น ตัว นำา ไฟฟ้า และความร้อ น
• มีจ ุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดจะสูง
  ยกเว้น Hg
• ส่ว นใหญ่ม ีค วามหนาแน่น สูง ยกเว้น หมู่
  IAและ IIA
• มีค วามแข็ง และเหนีย ว
อโลหะ (Non-metal)
• มีท ั้ง 3 สถานะที่อ ณ หภูม ิห ้อ ง เช่น Cl2 เป็น
                      ุ
  แก๊ส
• Br2 เป็น ของเหลว และI2 เป็น ของแข็ง
• เป็น ตัว นำา ความร้อ นและไฟฟ้า ที่ไ ม่ด ี
• ไม่ม ค วามมัน วาว
       ี
• จุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดตำ่า ยกเว้น
  คาร์บ อนในรูป ของแกรไฟต์
• ความหนาแน่น ตำ่า
• มีค วามแข็ง แต่เ ปราะ ยกเว้น คาร์บ อนในรูป
  ของเพชรและแกรไฟต์
กึ่ง โลหะ (Metalloid)


• มีส มบัต ิท างเคมีท ี่ห ลากหลาย
• ทำา ตัว เป็น โลหะ เมือ ทำา ปฏิก ิร ิย ากับ
                          ่
  อโลหะ
• ทำา ตัว เป็น อโลหะ เมื่อ ทำา ปฏิก ิร ิย า
  กับ โลหะ
• มีส มบัต ิเ ป็น สารกึ่ง ตัว นำา
  (semiconductor)
สารประกอบกรด เบส เกลือ

• กรด (Acid) คือสารประกอบที่ละลายนำ้าแล้ว
  แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน และอนุมูลกรด
• เบส (Base) คือ สารประกอบที่ละลายนำ้า
  แล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน
• เกลือ (Salt) คือสารประกอบที่เกิดจากการ
  รวมตัวระหว่างไอออนของโลหะกับอนุมลกรด
                                     ู
ประเภทของกรด
1. กรดอิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่มีหมู่คาร์บอกซิล (-
 HCOOH) หรือ หมู่               ซัลโฟนิก (-SO3H)
 เป็นหมู่ฟังก์ชัน เป็นกรดที่มีอยู่ในธรรมชาติหรือได้
 จาก      สิงมีชวิต เช่น กรดฟอร์มิก (HCOOH)
            ่   ี
 กรดแอซิติก (CH3COOH)                   กรดเบนโซ
 อิก (C6H5COOH) กรดเบนซีนซัลโฟนิก
 (C6H5SO3H) เป็นต้น
    2. กรดอนิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่เกิดจากสิ่งไม่มี
ชีวิต
       2.1 กรดไฮโดร (Hydro acid) คือกรดที่
ตัว อย่า งกรด
ประเภทของเบส

1. เบสอิน ทรีย ์ หมายถึงเบสที่อยู่ในธรรมชาติ
 หรือได้จากสิ่งมีชวิตได้แก่ สารประกอบประเภท
                  ี
 เอมีน เช่น
    CH3 –NH2 C6 H5 NH2 (CH3)2 NH เป็นต้น
2.     เบสอนิน ทรีย ์ หมายถึง เบสที่เกิดจากสิ่ง
  ไม่มีชีวิต เบสพวกนี้ได้แก่ สารประกอบไฮดร
  อกไซด์ เช่น NaOH, KOH, Ca(OH)2
  สารประกอบออกไซด์ เช่น Na2O, CaO
  เป็นต้น
ตัว อย่า งเบส
ประเภทของเกลือ


1. เกลือที่ละลายนำ้าได้ ได้แก่ เกลือไนเตรต
  (NO3-) เกลือคลอเรต (ClO3-) เกลืออะซิเตต
  (CH3COO-) เกลือคลอไรด์ (Cl-)
2. เกลือที่ไม่ละลายนำ้า ได้แก่ เกลือ
  คาร์บอเนต(CO3- ยกเว้นเกลือคาร์บอเนต
  ของโลหะหมู่ IA และเกลือแอมโมเนีย)
ตัว อย่า งเกลือ
 ชื่อสามัญ          สูตรเคมี
 ประโยชน์
เกลือแกง              NaCl             ปรุงอาหาร ทำา
  สารละลายนำ้าเกลือ เป็นวัตถุดบในการ
                              ิ
                                         ผลิตโซเดีย
   มไฮดรอกไซด์
ดีเกลือ              MgSO4 .7H2O      เป็นส่วนผสมยา
   ถ่ายบางชนิด
แบเรียม              BaSO4            รับประทานเพือ
                                                  ่
   เคลือบกระเพาะก่อนฉายรังสีเอกซ์
ปาสเตอร์ของปารีส CaSO4. H2O       ทำาเฝือก
ดินประสิว           KNO3             เป็นส่วนผสมของยา
การทดสอบกรดและเบส
ช่ว ง pH ของกรด เบส เกลือ
การจำา แนกสารประกอบ
              ไฮโดรคาร์บ อน
            ไฮโดรคาร์บ อน
            (Hydrocarbon)
        อะลิฟาติก                               อะโรมาติก
     ไฮโดรคาร์บอน                             ไฮโดรคาร์บอน
       (Aliphatic                              (Aromatic
 อัล hydrocarbon) ล
         อัลคีน     อั        เบนซีนและอนุพhydrocarbon) ยร์ อะ
                                             ันธ์  พอลินิวเคลี
เคน(     (Alk      ไคน์             ของเบน         โร
Alka     ene)     (Alky       ซีน(Benzene and มาติก(Polynucl
 ne)               ne)          its derivative     ear aromatic)
                       อะลิไซคลิก
                       ไฮโดรคาร์บอน
                       (Alicyclic
                       hydrocarbon) ล
                   ไซโคลอัล       ไซโคลอั
                 เคน(Cycl     คีน
อัล เคน (Alkane)
• หรือพาราฟีน (Parafine) หรือ Methane
  series of hydrocarbon
• เป็นไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว เนื่องจากอะตอมของ
  คาร์บอนจับกันด้วยพันธะเดี่ยวทั้งหมด
• มีสูตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n+2 (n = 1, 2, 3 ,
  4…)
• เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่จะ
         ่
  ลงท้ายด้วยเอน (-ane)
• ที่พบโดยทั่วไปและใช้เป็นเชื้อเพลิงส่วนใหญ่มา
  จากผลิตภัณฑ์ของการ กลั่นปิโตรเลียม
อัล คีน (Alkene)
• หรือ The olefins
• เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
  เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกันด้วย
                                  ่
  พันธะคู่
• มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n (n = 2, 3, 4, 5.)
      ู
• เรียกชือตามอะตอมของคาร์บอน แต่จะลงท้าย
         ่
  ด้วยอีน (-ene)
อัล ไคน์ (Alkyne)

• เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
  เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกัน
                                 ่
  ด้วยพันธะสาม
• มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n-2
      ู
• เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่
         ่
  ท้ายด้วยไอน์ (-yne)
อนุพ ัน ธ์ข องไฮโดรคาร์บ อน
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol)
  • อีเ ทอร์ (Ether)
  • อัล ดีไ ฮด์ (Aldehyde)
  • คีโ ตน(Ketone)
  • กรดคาร์บ อกซิล ก (Carboxylic
                     ิ
    acid)
  • เอสเทอร์ (Ester)
ตัว อย่า งแอลกอฮอล์
ชือ
  ่             สูตรเคมี
    ประโยชน์/โทษ
 เมทานอล           CH3OH     เข้าสู่ร่างกายทำาให้ตาบอด
   หรือตายได้
 (Methanol)                     เป็นตัวทำาละลาย
เอทานอล             C2H5OH   เข้าสู่ร่างกายจำานวนน้อย
   ทำาให้เส้นเลือดขยายตัว
         CH2-CH-
 (Ethanol)
         CH2                   โลหิตตำ่า ลดความ
   ตึงเครียด OH
         OH
       OH                      ถ้าเข้าสู่ร่างกายมาก
  เกินไปทำาให้ตายได้
ตัว อย่า ง อีเ ทอร์
ชือ
  ่                     สูตรเคมี
    ประโยชน์/โทษ
ไดเอทิลอีเทอร์ CH3CH2OCH2CH3         -ใช้เป็น
    ยาสลบ
(Diethyl ether)
    -ใช้เป็นตัวทำาละลายสารอินทรีย์
                                                -
  ใช้เตรียมเอธิลีนไกลคอล
ตัว อย่า งอัล ดีไ ฮด์
ชือ
  ่                       สูตรเคมี
       ประโยชน์/โทษ
เมทานาไมด์              HCOH         - มีกลิ่นฉุน
  กัดเยื่อบุของร่างกาย
(Methanamide)                            - ใช้ฆ่า
  เชือโรค
     ้
หรือฟอร์มัลดีไฮด์                    -
  สารละลายใช้ดองสัตว์
(Formaldehyde)                           - เป็น
  สารตั้งต้นในการเตรียมสารอินทรีย์
ตัว อย่า งคีโ ตน
ชือ
  ่                   สูตรเคมี
    ประโยชน์/โทษ
โพรพาโนน             CH3COCH3      - ใช้เป็นสาร
    ตั้งต้นในการเตรียมวัตถุระเบิด
(Propanone)
    คลอโรฟอร์ม ไอโอโดฟอร์ม เป็นต้น
หรืออะซีโตน                           - เป็นตัวทำา
    ละลายสารอินทรีย์
(Acetone)
ตัว อย่า งกรดคาร์บ อกซิล ิก
ชือ
  ่                    สูตรเคมี
     ประโยชน์/โทษ
เอทาโนอิก แอซิด      CH3COOH     - ใช้ในการ
    ปรุงอาหาร
(Ethanoic acid)                         - ใช้ใน
    การแยกเนือยางออกจากนำ้ายางพารา
               ้
กรดอะซีติก
(Acetic acid)
กรดมด                  HCOOH        - กัดผิวหนัง
    ทำาให้เกิดการปวดแสบปวดร้อน
ตัว อย่า งเอสเทอร์

ชือ
  ่                  สูตรเคมี
    ประโยชน์/โทษ
เอทิล ฟอร์เมต    HCOOCH2CH3      - เป็นตัวทำา
    ละลายไนโตรเซลลูโลส
เอทิล อะซีเตต    CH3COOCH2CH3   - ใช้ล้างเล็บ
(Ethyl acetate)
การจำา แนกคาร์โ บไฮเดรท
• นำ้าตาล (Sugar)
  - มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides)
  หรือนำ้าตาลอย่างง่าย
  - ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides)
  - ไตรแซคคาไรด์ (Trisaccharides)
• พอลิแซคคาไรด์ (Polysaccharides)
  - พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage
  polysaccharide)
  - พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural
  polysaccharide)
ประเภทของนำ้า ตาล
• มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides) หรือ
  นำ้าตาลอย่างง่าย
  - ไตรโอส (Triose) เช่น Glyceraldehyde,
  Dihydroxyacetone
  - เตโตส (Tetrose) เช่น Erythrose,
  Erythrulose
  - เพนโตส (Pentose) เช่น Ribose, Ribulose
  - เฮกโซส (Hexose) เช่น Glucose,
  Fructose
• ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides) เช่น
คุณ สมบัต ิข องนำ้า ตาล
• เกือบทั้งหมดมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว
• ละลายนำ้าได้ดี
• มักมีรสหวาน
• เกิดปฏิกิริยาเคมีได้หลายปฏิกิริยา เช่น
  - ดีไฮเดรชัน (Dehydration)
  - ปฏิกิริยารีดอกซ์
  - การหมักแอลกอฮอล์
ประเภทของพอลิแ ซคคาไรด์
• พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage
  polysaccharides)
  - แป้ง (Strach)
  - ไกลโคเจน (Glycogen)
  - เดกซ์แทรนส์ (Dextrans)
• พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural
  polysaccharides)
  - เซลลูโลส (Cellulose)
  - ไคทิน (Chitin)
  - แอซิด มิวโคพอลิแซคคาไรด์ (Acid
คุณ สมบัต ิข องพอลิแ ซคคา
               ไรด์

• นำ้าหนักโมเลกุลมาก
• ไม่ละลายนำ้า
• ไม่มีรสหวาน
ความสำา คัญ ของ
            คาร์โ บไฮเดรต
• ร่างกายนำาไปใช้พลังงาน
• ร่างกายนำาไปสังเคราะห์เป็นไขมัน
• ช่วยให้ร่างกายประหยัด ไขมัน โปรตีน
• ร่างกายนำาไปสร้างสารบางชนิด เช่น
  - เพนโตสนำาไปสร้าง DNA, RNA, ATP
  - กาแลคโตสนำาไปสร้างการแลคโตสไลปิด
  สำาหรับเซลล์ระบบประสาท
  - กลูโคสเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนไม่จำาเป็นบาง
  ชนิด
โปรตีน (Protein)
• ประกอบด้วยกรดอะมิโน
  - กรดอะมิโนที่จำาเป็น (Essential amino
  acid) มี 10 ชนิด คือ Met,
      Arg, Thr, Trp, Val, Ile, Leu, Phe,
  His และ Lys (Arg และ His จำา
      เป็นเฉพาะในเด็ก)
  - กรดอะมิโนกึ่งจำาเป็น (Semi-essential
  amino acid) มี 4 ชนิด คือ Gly,
      Tyr, Ser, และ Cys-Cys
ประเภทของโปรตีน
• เอนไซม์ (Enzyme) เช่น Pepsin, Trypsin
• โปรตีน สะสม (Storage protein) เช่น
  Casein, Ferritin
• โปรตีน ขนส่ง (Transport protein) เช่น
  Hemoglobin
• โปรตีน เคลื่อ นไหว (Contractile protein)
  เช่น Myosin, Actin
• โปรตีน ป้อ งกัน (Protective protein) เช่น
  Antibodies
• สารพิษ (Toxins) เช่น Snaka venoms,
โครงสร้า งของโปรตีน
• โครงสร้างปฐมภูมิ (Primary structure) กรดอะ
  มิโนจับกันเป็นสายยาวเรียกว่า สายพอลิเป็บไทด์
  (Polypeptide)
• โครงสร้างทุติยภูมิ (Secondary structure)
  สายพอลิเป็บไทด์บางส่วนหรือต่างเส้น เกิดการ
  เชือมโยงกันด้วยพันธะไฮโดรเจนเป็นเกลียว
     ่
  (Helix) แผ่นจีบ (Pleated sheet)
• โครงสร้างตติยภูมิ (Tertiary structure) เกิด
  การม้วน ขดเป็นวง (Looping) หมุนรอบ (Coil)
  ก้อนกลม (Globular) แท่งยาว (Rod) เส้น (Fibr
  ous)
ความสำา คัญ ของโปรตีน
• ทำาให้ร่างกายเจริญเติบโตและซ่อมแซม
  ส่วนที่สกหรอ
          ึ
• ให้พลังงานแก่ร่างกาย
• ทำาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อโรค
• ช่วยทำาลายพิษของสารมีพิษต่างๆ ใน
  ร่างกาย
• ให้ธาตุที่จำาเป็นต่อร่างกาย
• ควบคุมการทำางานของร่างกาย
ประเภทของไขมัน
1. ไขมันธรรมดา (Simple lipids) คือเอสเทอร์
  (ไขมัน+แอลกอออล์)
2. ไขมันประกอบ (Compound lipids)
  - Phospholipid
  - Glycolipid
  - Lipoprotein
3. อนุพันธ์ไขมัน (Derived lipid)
4. ไขมันเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous lipid)
  - Steroid
  - Terpene
คุณ สมบัต ิข องไขมัน
• จุดเดือดขึ้นอยู่กับจำานวนคาร์บอนที่เป็นองค์
  ประกอบของไขมัน
  และจำานวนพันธะคู่
• ความสามารถในการละลาย ส่วนใหญ่ละลาย
  ได้ดีในตัวทำาละลายอินทรีย์
• เกิดปฏิกิริยากับด่างได้สบู่
• เกิดการเหม็นหืน (Rancidity)เนื่องจาก
  - ออกซิเดชัน (Oxidation)
  - ไฮโดรไลซิส (Hydrolysis)
ความสำา คัญ ของไขมัน

• เป็นโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์
• เป็นสารที่ใช้ในการสะสมพลังงานของ
  ร่างกาย
    (แหล่งพลังงานของร่างกาย)
• เป็นตัวป้องกันอวัยวะต่างๆ ภายในไม่ให้ได้รับ
  การกระทบกระเทือน
• เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์แบคทีเรียและ
  พืชชั้นสูง

More Related Content

What's hot

กรดเบส
กรดเบสกรดเบส
กรดเบสporpia
 
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1Sircom Smarnbua
 
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสร
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสรเอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสร
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสรWichai Likitponrak
 
วิทยาศาสตร์ O
วิทยาศาสตร์ Oวิทยาศาสตร์ O
วิทยาศาสตร์ OWichai Likitponrak
 
สารละลายกรดเบส
สารละลายกรดเบสสารละลายกรดเบส
สารละลายกรดเบสSupaluk Juntap
 
Reaction organic สำหรับห้องหนึ่ง
Reaction organic  สำหรับห้องหนึ่งReaction organic  สำหรับห้องหนึ่ง
Reaction organic สำหรับห้องหนึ่งkaoijai
 
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkaneTongta Nakaa
 
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตน
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตนแอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตน
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตนjirat266
 
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์jirat266
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2nattapong01
 
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรค
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรคใบงานที่18คาร์โบไฮเดรค
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรคTANIKAN KUNTAWONG
 
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryเคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryporpia
 

What's hot (19)

Brands chemistry
Brands chemistryBrands chemistry
Brands chemistry
 
กรดเบส
กรดเบสกรดเบส
กรดเบส
 
คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต
 
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1
เอกสารประกอบการเรียนรู้ ว40223acids base1
 
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสร
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสรเอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสร
เอกสารประกอบการสอนเข้มอัปสร
 
Acid base
Acid baseAcid base
Acid base
 
วิทยาศาสตร์ O
วิทยาศาสตร์ Oวิทยาศาสตร์ O
วิทยาศาสตร์ O
 
Acid and base
Acid and baseAcid and base
Acid and base
 
สารละลายกรดเบส
สารละลายกรดเบสสารละลายกรดเบส
สารละลายกรดเบส
 
พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์
พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์
พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์
 
Reaction organic สำหรับห้องหนึ่ง
Reaction organic  สำหรับห้องหนึ่งReaction organic  สำหรับห้องหนึ่ง
Reaction organic สำหรับห้องหนึ่ง
 
Esterification
Esterification Esterification
Esterification
 
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane
256121 ch2 hc 1-alkane & cycloalkane
 
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตน
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตนแอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตน
แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลดีไฮด์ คีโตน
 
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์
คาร์บอกซิลิก เอสเทอร์
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2
 
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรค
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรคใบงานที่18คาร์โบไฮเดรค
ใบงานที่18คาร์โบไฮเดรค
 
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryเคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
 
ชีวเคมี
ชีวเคมีชีวเคมี
ชีวเคมี
 

Similar to Biomolecule

เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfBoviBow
 
15 organic chemistry
15 organic chemistry15 organic chemistry
15 organic chemistryNeung Satang
 
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนKrusek Seksan
 
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)Dr.Woravith Chansuvarn
 
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2Tanchanok Pps
 
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2สมบัติของธาตุและสารประกอบ2
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2ครูแป้ง ครูตาว
 
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creus
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creusสารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creus
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet CreusGarsiet Creus
 
สารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลสารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลNamRinNamRin
 
Acid base1
Acid base1Acid base1
Acid base1Benny BC
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2Thanyamon Chat.
 
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )PamPaul
 
บทที่ 8 กรด เบส
บทที่ 8 กรด เบสบทที่ 8 กรด เบส
บทที่ 8 กรด เบสoraneehussem
 
Biomolecule - สารชีวโมเลกุล
Biomolecule - สารชีวโมเลกุลBiomolecule - สารชีวโมเลกุล
Biomolecule - สารชีวโมเลกุลJusmistic Jusmistic
 
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)Dr.Woravith Chansuvarn
 
ใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิดใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิดTANIKAN KUNTAWONG
 

Similar to Biomolecule (20)

เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
 
ไอโบโมเลกุล
ไอโบโมเลกุลไอโบโมเลกุล
ไอโบโมเลกุล
 
Bio physics period2
Bio physics period2Bio physics period2
Bio physics period2
 
15 organic chemistry
15 organic chemistry15 organic chemistry
15 organic chemistry
 
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
 
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)
แอลกอฮอล์และฟีนอล (Alcohols and Phenols)
 
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
 
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2สมบัติของธาตุและสารประกอบ2
สมบัติของธาตุและสารประกอบ2
 
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creus
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creusสารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creus
สารชีวโมเลกุล By Prof.Dr.Garsiet Creus
 
สารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลสารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุล
 
Biochem 5ed
Biochem 5edBiochem 5ed
Biochem 5ed
 
Acid base1
Acid base1Acid base1
Acid base1
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2
 
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )
สารชีวโมเลกุล ( Biomolecular )
 
บทที่ 8 กรด เบส
บทที่ 8 กรด เบสบทที่ 8 กรด เบส
บทที่ 8 กรด เบส
 
Biomolecule - สารชีวโมเลกุล
Biomolecule - สารชีวโมเลกุลBiomolecule - สารชีวโมเลกุล
Biomolecule - สารชีวโมเลกุล
 
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)
กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ (Carboxylic acid & Derivatives)
 
ใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิดใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิด
 
ธาตุ
ธาตุธาตุ
ธาตุ
 
สาร
สารสาร
สาร
 

Biomolecule

  • 1.
  • 2. การจัด แบ่ง สสาร สสาร (Matter) สารเนื้อเดียว สารเนื้อผสม (Homogenou (Heterogenous s substance) substance) สารบริสุทธิ์ สารละลาย (Pure (Solution) substance) ธาตุ สารประกอบ ของผสม (Elem (Compoun (Mixture)
  • 3. ธาตุแ ละสารประกอบ • ธาตุ (Element) คือสารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่ ประกอบด้วยอะตอมเพียง ชนิดเดียว ไม่สามารถแยกออกเป็นส่วน ประกอบย่อยๆ • สารประกอบ (Compound) คือสาร บริสุทธิ์เนื้อเดียวที่เกิดจากการนำา ธาตุหรือสารประกอบมาทำาปฏิกิริยากันใน ตอนเริ่มต้น
  • 4. ประเภทของธาตุ • โลหะ (Metal) เช่น K, Na, Mg, Ca, Al, Fe, Cu, Mn • อโลหะ(Non-metal) เช่น H, C, P, S, N, O, F, Cl, I • กึ่งโลหะ(Methalloid) ได้แก่ B, Si, Ge, As, Sb, Te, At
  • 5. โลหะ (Metals) • ส่ว นใหญ่ม ีส ถานะเป็น ของแข็ง ที่ อุณ หภูม ิห ้อ ง ยกเว้น Hg • เป็น มัน วาว สามารถใช้ฆ ้อ นตีเ พื่อ เปลี่ย นรูป ร่า งได้ • เป็น ตัว นำา ไฟฟ้า และความร้อ น • มีจ ุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดจะสูง ยกเว้น Hg • ส่ว นใหญ่ม ีค วามหนาแน่น สูง ยกเว้น หมู่ IAและ IIA • มีค วามแข็ง และเหนีย ว
  • 6. อโลหะ (Non-metal) • มีท ั้ง 3 สถานะที่อ ณ หภูม ิห ้อ ง เช่น Cl2 เป็น ุ แก๊ส • Br2 เป็น ของเหลว และI2 เป็น ของแข็ง • เป็น ตัว นำา ความร้อ นและไฟฟ้า ที่ไ ม่ด ี • ไม่ม ค วามมัน วาว ี • จุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดตำ่า ยกเว้น คาร์บ อนในรูป ของแกรไฟต์ • ความหนาแน่น ตำ่า • มีค วามแข็ง แต่เ ปราะ ยกเว้น คาร์บ อนในรูป ของเพชรและแกรไฟต์
  • 7. กึ่ง โลหะ (Metalloid) • มีส มบัต ิท างเคมีท ี่ห ลากหลาย • ทำา ตัว เป็น โลหะ เมือ ทำา ปฏิก ิร ิย ากับ ่ อโลหะ • ทำา ตัว เป็น อโลหะ เมื่อ ทำา ปฏิก ิร ิย า กับ โลหะ • มีส มบัต ิเ ป็น สารกึ่ง ตัว นำา (semiconductor)
  • 8. สารประกอบกรด เบส เกลือ • กรด (Acid) คือสารประกอบที่ละลายนำ้าแล้ว แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน และอนุมูลกรด • เบส (Base) คือ สารประกอบที่ละลายนำ้า แล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน • เกลือ (Salt) คือสารประกอบที่เกิดจากการ รวมตัวระหว่างไอออนของโลหะกับอนุมลกรด ู
  • 9. ประเภทของกรด 1. กรดอิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่มีหมู่คาร์บอกซิล (- HCOOH) หรือ หมู่ ซัลโฟนิก (-SO3H) เป็นหมู่ฟังก์ชัน เป็นกรดที่มีอยู่ในธรรมชาติหรือได้ จาก สิงมีชวิต เช่น กรดฟอร์มิก (HCOOH) ่ ี กรดแอซิติก (CH3COOH) กรดเบนโซ อิก (C6H5COOH) กรดเบนซีนซัลโฟนิก (C6H5SO3H) เป็นต้น 2. กรดอนิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่เกิดจากสิ่งไม่มี ชีวิต 2.1 กรดไฮโดร (Hydro acid) คือกรดที่
  • 11. ประเภทของเบส 1. เบสอิน ทรีย ์ หมายถึงเบสที่อยู่ในธรรมชาติ หรือได้จากสิ่งมีชวิตได้แก่ สารประกอบประเภท ี เอมีน เช่น CH3 –NH2 C6 H5 NH2 (CH3)2 NH เป็นต้น 2. เบสอนิน ทรีย ์ หมายถึง เบสที่เกิดจากสิ่ง ไม่มีชีวิต เบสพวกนี้ได้แก่ สารประกอบไฮดร อกไซด์ เช่น NaOH, KOH, Ca(OH)2 สารประกอบออกไซด์ เช่น Na2O, CaO เป็นต้น
  • 13. ประเภทของเกลือ 1. เกลือที่ละลายนำ้าได้ ได้แก่ เกลือไนเตรต (NO3-) เกลือคลอเรต (ClO3-) เกลืออะซิเตต (CH3COO-) เกลือคลอไรด์ (Cl-) 2. เกลือที่ไม่ละลายนำ้า ได้แก่ เกลือ คาร์บอเนต(CO3- ยกเว้นเกลือคาร์บอเนต ของโลหะหมู่ IA และเกลือแอมโมเนีย)
  • 14. ตัว อย่า งเกลือ ชื่อสามัญ สูตรเคมี ประโยชน์ เกลือแกง NaCl ปรุงอาหาร ทำา สารละลายนำ้าเกลือ เป็นวัตถุดบในการ ิ ผลิตโซเดีย มไฮดรอกไซด์ ดีเกลือ MgSO4 .7H2O เป็นส่วนผสมยา ถ่ายบางชนิด แบเรียม BaSO4 รับประทานเพือ ่ เคลือบกระเพาะก่อนฉายรังสีเอกซ์ ปาสเตอร์ของปารีส CaSO4. H2O ทำาเฝือก ดินประสิว KNO3 เป็นส่วนผสมของยา
  • 16. ช่ว ง pH ของกรด เบส เกลือ
  • 17. การจำา แนกสารประกอบ ไฮโดรคาร์บ อน ไฮโดรคาร์บ อน (Hydrocarbon) อะลิฟาติก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน ไฮโดรคาร์บอน (Aliphatic (Aromatic อัล hydrocarbon) ล อัลคีน อั เบนซีนและอนุพhydrocarbon) ยร์ อะ ันธ์ พอลินิวเคลี เคน( (Alk ไคน์ ของเบน โร Alka ene) (Alky ซีน(Benzene and มาติก(Polynucl ne) ne) its derivative ear aromatic) อะลิไซคลิก ไฮโดรคาร์บอน (Alicyclic hydrocarbon) ล ไซโคลอัล ไซโคลอั เคน(Cycl คีน
  • 18. อัล เคน (Alkane) • หรือพาราฟีน (Parafine) หรือ Methane series of hydrocarbon • เป็นไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว เนื่องจากอะตอมของ คาร์บอนจับกันด้วยพันธะเดี่ยวทั้งหมด • มีสูตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n+2 (n = 1, 2, 3 , 4…) • เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่จะ ่ ลงท้ายด้วยเอน (-ane) • ที่พบโดยทั่วไปและใช้เป็นเชื้อเพลิงส่วนใหญ่มา จากผลิตภัณฑ์ของการ กลั่นปิโตรเลียม
  • 19. อัล คีน (Alkene) • หรือ The olefins • เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกันด้วย ่ พันธะคู่ • มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n (n = 2, 3, 4, 5.) ู • เรียกชือตามอะตอมของคาร์บอน แต่จะลงท้าย ่ ด้วยอีน (-ene)
  • 20. อัล ไคน์ (Alkyne) • เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกัน ่ ด้วยพันธะสาม • มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n-2 ู • เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่ ่ ท้ายด้วยไอน์ (-yne)
  • 21. อนุพ ัน ธ์ข องไฮโดรคาร์บ อน • แอลกอฮอล์ (Alcohol) • อีเ ทอร์ (Ether) • อัล ดีไ ฮด์ (Aldehyde) • คีโ ตน(Ketone) • กรดคาร์บ อกซิล ก (Carboxylic ิ acid) • เอสเทอร์ (Ester)
  • 22. ตัว อย่า งแอลกอฮอล์ ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ เมทานอล CH3OH เข้าสู่ร่างกายทำาให้ตาบอด หรือตายได้ (Methanol) เป็นตัวทำาละลาย เอทานอล C2H5OH เข้าสู่ร่างกายจำานวนน้อย ทำาให้เส้นเลือดขยายตัว CH2-CH- (Ethanol) CH2 โลหิตตำ่า ลดความ ตึงเครียด OH OH OH ถ้าเข้าสู่ร่างกายมาก เกินไปทำาให้ตายได้
  • 23. ตัว อย่า ง อีเ ทอร์ ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ ไดเอทิลอีเทอร์ CH3CH2OCH2CH3 -ใช้เป็น ยาสลบ (Diethyl ether) -ใช้เป็นตัวทำาละลายสารอินทรีย์ - ใช้เตรียมเอธิลีนไกลคอล
  • 24. ตัว อย่า งอัล ดีไ ฮด์ ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ เมทานาไมด์ HCOH - มีกลิ่นฉุน กัดเยื่อบุของร่างกาย (Methanamide) - ใช้ฆ่า เชือโรค ้ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ - สารละลายใช้ดองสัตว์ (Formaldehyde) - เป็น สารตั้งต้นในการเตรียมสารอินทรีย์
  • 25. ตัว อย่า งคีโ ตน ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ โพรพาโนน CH3COCH3 - ใช้เป็นสาร ตั้งต้นในการเตรียมวัตถุระเบิด (Propanone) คลอโรฟอร์ม ไอโอโดฟอร์ม เป็นต้น หรืออะซีโตน - เป็นตัวทำา ละลายสารอินทรีย์ (Acetone)
  • 26. ตัว อย่า งกรดคาร์บ อกซิล ิก ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ เอทาโนอิก แอซิด CH3COOH - ใช้ในการ ปรุงอาหาร (Ethanoic acid) - ใช้ใน การแยกเนือยางออกจากนำ้ายางพารา ้ กรดอะซีติก (Acetic acid) กรดมด HCOOH - กัดผิวหนัง ทำาให้เกิดการปวดแสบปวดร้อน
  • 27. ตัว อย่า งเอสเทอร์ ชือ ่ สูตรเคมี ประโยชน์/โทษ เอทิล ฟอร์เมต HCOOCH2CH3 - เป็นตัวทำา ละลายไนโตรเซลลูโลส เอทิล อะซีเตต CH3COOCH2CH3 - ใช้ล้างเล็บ (Ethyl acetate)
  • 28. การจำา แนกคาร์โ บไฮเดรท • นำ้าตาล (Sugar) - มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides) หรือนำ้าตาลอย่างง่าย - ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides) - ไตรแซคคาไรด์ (Trisaccharides) • พอลิแซคคาไรด์ (Polysaccharides) - พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage polysaccharide) - พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural polysaccharide)
  • 29. ประเภทของนำ้า ตาล • มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides) หรือ นำ้าตาลอย่างง่าย - ไตรโอส (Triose) เช่น Glyceraldehyde, Dihydroxyacetone - เตโตส (Tetrose) เช่น Erythrose, Erythrulose - เพนโตส (Pentose) เช่น Ribose, Ribulose - เฮกโซส (Hexose) เช่น Glucose, Fructose • ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides) เช่น
  • 30. คุณ สมบัต ิข องนำ้า ตาล • เกือบทั้งหมดมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว • ละลายนำ้าได้ดี • มักมีรสหวาน • เกิดปฏิกิริยาเคมีได้หลายปฏิกิริยา เช่น - ดีไฮเดรชัน (Dehydration) - ปฏิกิริยารีดอกซ์ - การหมักแอลกอฮอล์
  • 31. ประเภทของพอลิแ ซคคาไรด์ • พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage polysaccharides) - แป้ง (Strach) - ไกลโคเจน (Glycogen) - เดกซ์แทรนส์ (Dextrans) • พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural polysaccharides) - เซลลูโลส (Cellulose) - ไคทิน (Chitin) - แอซิด มิวโคพอลิแซคคาไรด์ (Acid
  • 32. คุณ สมบัต ิข องพอลิแ ซคคา ไรด์ • นำ้าหนักโมเลกุลมาก • ไม่ละลายนำ้า • ไม่มีรสหวาน
  • 33. ความสำา คัญ ของ คาร์โ บไฮเดรต • ร่างกายนำาไปใช้พลังงาน • ร่างกายนำาไปสังเคราะห์เป็นไขมัน • ช่วยให้ร่างกายประหยัด ไขมัน โปรตีน • ร่างกายนำาไปสร้างสารบางชนิด เช่น - เพนโตสนำาไปสร้าง DNA, RNA, ATP - กาแลคโตสนำาไปสร้างการแลคโตสไลปิด สำาหรับเซลล์ระบบประสาท - กลูโคสเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนไม่จำาเป็นบาง ชนิด
  • 34. โปรตีน (Protein) • ประกอบด้วยกรดอะมิโน - กรดอะมิโนที่จำาเป็น (Essential amino acid) มี 10 ชนิด คือ Met, Arg, Thr, Trp, Val, Ile, Leu, Phe, His และ Lys (Arg และ His จำา เป็นเฉพาะในเด็ก) - กรดอะมิโนกึ่งจำาเป็น (Semi-essential amino acid) มี 4 ชนิด คือ Gly, Tyr, Ser, และ Cys-Cys
  • 35. ประเภทของโปรตีน • เอนไซม์ (Enzyme) เช่น Pepsin, Trypsin • โปรตีน สะสม (Storage protein) เช่น Casein, Ferritin • โปรตีน ขนส่ง (Transport protein) เช่น Hemoglobin • โปรตีน เคลื่อ นไหว (Contractile protein) เช่น Myosin, Actin • โปรตีน ป้อ งกัน (Protective protein) เช่น Antibodies • สารพิษ (Toxins) เช่น Snaka venoms,
  • 36. โครงสร้า งของโปรตีน • โครงสร้างปฐมภูมิ (Primary structure) กรดอะ มิโนจับกันเป็นสายยาวเรียกว่า สายพอลิเป็บไทด์ (Polypeptide) • โครงสร้างทุติยภูมิ (Secondary structure) สายพอลิเป็บไทด์บางส่วนหรือต่างเส้น เกิดการ เชือมโยงกันด้วยพันธะไฮโดรเจนเป็นเกลียว ่ (Helix) แผ่นจีบ (Pleated sheet) • โครงสร้างตติยภูมิ (Tertiary structure) เกิด การม้วน ขดเป็นวง (Looping) หมุนรอบ (Coil) ก้อนกลม (Globular) แท่งยาว (Rod) เส้น (Fibr ous)
  • 37. ความสำา คัญ ของโปรตีน • ทำาให้ร่างกายเจริญเติบโตและซ่อมแซม ส่วนที่สกหรอ ึ • ให้พลังงานแก่ร่างกาย • ทำาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อโรค • ช่วยทำาลายพิษของสารมีพิษต่างๆ ใน ร่างกาย • ให้ธาตุที่จำาเป็นต่อร่างกาย • ควบคุมการทำางานของร่างกาย
  • 38. ประเภทของไขมัน 1. ไขมันธรรมดา (Simple lipids) คือเอสเทอร์ (ไขมัน+แอลกอออล์) 2. ไขมันประกอบ (Compound lipids) - Phospholipid - Glycolipid - Lipoprotein 3. อนุพันธ์ไขมัน (Derived lipid) 4. ไขมันเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous lipid) - Steroid - Terpene
  • 39. คุณ สมบัต ิข องไขมัน • จุดเดือดขึ้นอยู่กับจำานวนคาร์บอนที่เป็นองค์ ประกอบของไขมัน และจำานวนพันธะคู่ • ความสามารถในการละลาย ส่วนใหญ่ละลาย ได้ดีในตัวทำาละลายอินทรีย์ • เกิดปฏิกิริยากับด่างได้สบู่ • เกิดการเหม็นหืน (Rancidity)เนื่องจาก - ออกซิเดชัน (Oxidation) - ไฮโดรไลซิส (Hydrolysis)
  • 40. ความสำา คัญ ของไขมัน • เป็นโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ • เป็นสารที่ใช้ในการสะสมพลังงานของ ร่างกาย (แหล่งพลังงานของร่างกาย) • เป็นตัวป้องกันอวัยวะต่างๆ ภายในไม่ให้ได้รับ การกระทบกระเทือน • เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์แบคทีเรียและ พืชชั้นสูง