More Related Content
Similar to Biomolecule (20)
Biomolecule
- 2. การจัด แบ่ง สสาร
สสาร
(Matter)
สารเนื้อเดียว สารเนื้อผสม
(Homogenou (Heterogenous
s substance) substance)
สารบริสุทธิ์ สารละลาย
(Pure (Solution)
substance)
ธาตุ สารประกอบ ของผสม
(Elem (Compoun (Mixture)
- 3. ธาตุแ ละสารประกอบ
• ธาตุ (Element) คือสารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่
ประกอบด้วยอะตอมเพียง
ชนิดเดียว ไม่สามารถแยกออกเป็นส่วน
ประกอบย่อยๆ
• สารประกอบ (Compound) คือสาร
บริสุทธิ์เนื้อเดียวที่เกิดจากการนำา
ธาตุหรือสารประกอบมาทำาปฏิกิริยากันใน
ตอนเริ่มต้น
- 4. ประเภทของธาตุ
• โลหะ (Metal) เช่น K, Na, Mg, Ca,
Al, Fe, Cu, Mn
• อโลหะ(Non-metal) เช่น H, C, P,
S, N, O, F, Cl, I
• กึ่งโลหะ(Methalloid) ได้แก่ B, Si,
Ge, As, Sb, Te, At
- 5. โลหะ (Metals)
• ส่ว นใหญ่ม ีส ถานะเป็น ของแข็ง ที่
อุณ หภูม ิห ้อ ง ยกเว้น Hg
• เป็น มัน วาว สามารถใช้ฆ ้อ นตีเ พื่อ
เปลี่ย นรูป ร่า งได้
• เป็น ตัว นำา ไฟฟ้า และความร้อ น
• มีจ ุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดจะสูง
ยกเว้น Hg
• ส่ว นใหญ่ม ีค วามหนาแน่น สูง ยกเว้น หมู่
IAและ IIA
• มีค วามแข็ง และเหนีย ว
- 6. อโลหะ (Non-metal)
• มีท ั้ง 3 สถานะที่อ ณ หภูม ิห ้อ ง เช่น Cl2 เป็น
ุ
แก๊ส
• Br2 เป็น ของเหลว และI2 เป็น ของแข็ง
• เป็น ตัว นำา ความร้อ นและไฟฟ้า ที่ไ ม่ด ี
• ไม่ม ค วามมัน วาว
ี
• จุด หลอมเหลวและจุด เดือ ดตำ่า ยกเว้น
คาร์บ อนในรูป ของแกรไฟต์
• ความหนาแน่น ตำ่า
• มีค วามแข็ง แต่เ ปราะ ยกเว้น คาร์บ อนในรูป
ของเพชรและแกรไฟต์
- 7. กึ่ง โลหะ (Metalloid)
• มีส มบัต ิท างเคมีท ี่ห ลากหลาย
• ทำา ตัว เป็น โลหะ เมือ ทำา ปฏิก ิร ิย ากับ
่
อโลหะ
• ทำา ตัว เป็น อโลหะ เมื่อ ทำา ปฏิก ิร ิย า
กับ โลหะ
• มีส มบัต ิเ ป็น สารกึ่ง ตัว นำา
(semiconductor)
- 8. สารประกอบกรด เบส เกลือ
• กรด (Acid) คือสารประกอบที่ละลายนำ้าแล้ว
แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน และอนุมูลกรด
• เบส (Base) คือ สารประกอบที่ละลายนำ้า
แล้วแตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน
• เกลือ (Salt) คือสารประกอบที่เกิดจากการ
รวมตัวระหว่างไอออนของโลหะกับอนุมลกรด
ู
- 9. ประเภทของกรด
1. กรดอิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่มีหมู่คาร์บอกซิล (-
HCOOH) หรือ หมู่ ซัลโฟนิก (-SO3H)
เป็นหมู่ฟังก์ชัน เป็นกรดที่มีอยู่ในธรรมชาติหรือได้
จาก สิงมีชวิต เช่น กรดฟอร์มิก (HCOOH)
่ ี
กรดแอซิติก (CH3COOH) กรดเบนโซ
อิก (C6H5COOH) กรดเบนซีนซัลโฟนิก
(C6H5SO3H) เป็นต้น
2. กรดอนิน ทรีย ์ หมายถึงกรดที่เกิดจากสิ่งไม่มี
ชีวิต
2.1 กรดไฮโดร (Hydro acid) คือกรดที่
- 11. ประเภทของเบส
1. เบสอิน ทรีย ์ หมายถึงเบสที่อยู่ในธรรมชาติ
หรือได้จากสิ่งมีชวิตได้แก่ สารประกอบประเภท
ี
เอมีน เช่น
CH3 –NH2 C6 H5 NH2 (CH3)2 NH เป็นต้น
2. เบสอนิน ทรีย ์ หมายถึง เบสที่เกิดจากสิ่ง
ไม่มีชีวิต เบสพวกนี้ได้แก่ สารประกอบไฮดร
อกไซด์ เช่น NaOH, KOH, Ca(OH)2
สารประกอบออกไซด์ เช่น Na2O, CaO
เป็นต้น
- 13. ประเภทของเกลือ
1. เกลือที่ละลายนำ้าได้ ได้แก่ เกลือไนเตรต
(NO3-) เกลือคลอเรต (ClO3-) เกลืออะซิเตต
(CH3COO-) เกลือคลอไรด์ (Cl-)
2. เกลือที่ไม่ละลายนำ้า ได้แก่ เกลือ
คาร์บอเนต(CO3- ยกเว้นเกลือคาร์บอเนต
ของโลหะหมู่ IA และเกลือแอมโมเนีย)
- 14. ตัว อย่า งเกลือ
ชื่อสามัญ สูตรเคมี
ประโยชน์
เกลือแกง NaCl ปรุงอาหาร ทำา
สารละลายนำ้าเกลือ เป็นวัตถุดบในการ
ิ
ผลิตโซเดีย
มไฮดรอกไซด์
ดีเกลือ MgSO4 .7H2O เป็นส่วนผสมยา
ถ่ายบางชนิด
แบเรียม BaSO4 รับประทานเพือ
่
เคลือบกระเพาะก่อนฉายรังสีเอกซ์
ปาสเตอร์ของปารีส CaSO4. H2O ทำาเฝือก
ดินประสิว KNO3 เป็นส่วนผสมของยา
- 17. การจำา แนกสารประกอบ
ไฮโดรคาร์บ อน
ไฮโดรคาร์บ อน
(Hydrocarbon)
อะลิฟาติก อะโรมาติก
ไฮโดรคาร์บอน ไฮโดรคาร์บอน
(Aliphatic (Aromatic
อัล hydrocarbon) ล
อัลคีน อั เบนซีนและอนุพhydrocarbon) ยร์ อะ
ันธ์ พอลินิวเคลี
เคน( (Alk ไคน์ ของเบน โร
Alka ene) (Alky ซีน(Benzene and มาติก(Polynucl
ne) ne) its derivative ear aromatic)
อะลิไซคลิก
ไฮโดรคาร์บอน
(Alicyclic
hydrocarbon) ล
ไซโคลอัล ไซโคลอั
เคน(Cycl คีน
- 18. อัล เคน (Alkane)
• หรือพาราฟีน (Parafine) หรือ Methane
series of hydrocarbon
• เป็นไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว เนื่องจากอะตอมของ
คาร์บอนจับกันด้วยพันธะเดี่ยวทั้งหมด
• มีสูตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n+2 (n = 1, 2, 3 ,
4…)
• เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่จะ
่
ลงท้ายด้วยเอน (-ane)
• ที่พบโดยทั่วไปและใช้เป็นเชื้อเพลิงส่วนใหญ่มา
จากผลิตภัณฑ์ของการ กลั่นปิโตรเลียม
- 19. อัล คีน (Alkene)
• หรือ The olefins
• เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกันด้วย
่
พันธะคู่
• มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n (n = 2, 3, 4, 5.)
ู
• เรียกชือตามอะตอมของคาร์บอน แต่จะลงท้าย
่
ด้วยอีน (-ene)
- 20. อัล ไคน์ (Alkyne)
• เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
เนื่องจากอะตอมของคาร์บอนคู่หนึงจับกัน
่
ด้วยพันธะสาม
• มีสตรโมเลกุลทั่วไปเป็น CnH2n-2
ู
• เรียกชือตามจำานวนอะตอมของคาร์บอน แต่
่
ท้ายด้วยไอน์ (-yne)
- 21. อนุพ ัน ธ์ข องไฮโดรคาร์บ อน
• แอลกอฮอล์ (Alcohol)
• อีเ ทอร์ (Ether)
• อัล ดีไ ฮด์ (Aldehyde)
• คีโ ตน(Ketone)
• กรดคาร์บ อกซิล ก (Carboxylic
ิ
acid)
• เอสเทอร์ (Ester)
- 22. ตัว อย่า งแอลกอฮอล์
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
เมทานอล CH3OH เข้าสู่ร่างกายทำาให้ตาบอด
หรือตายได้
(Methanol) เป็นตัวทำาละลาย
เอทานอล C2H5OH เข้าสู่ร่างกายจำานวนน้อย
ทำาให้เส้นเลือดขยายตัว
CH2-CH-
(Ethanol)
CH2 โลหิตตำ่า ลดความ
ตึงเครียด OH
OH
OH ถ้าเข้าสู่ร่างกายมาก
เกินไปทำาให้ตายได้
- 23. ตัว อย่า ง อีเ ทอร์
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
ไดเอทิลอีเทอร์ CH3CH2OCH2CH3 -ใช้เป็น
ยาสลบ
(Diethyl ether)
-ใช้เป็นตัวทำาละลายสารอินทรีย์
-
ใช้เตรียมเอธิลีนไกลคอล
- 24. ตัว อย่า งอัล ดีไ ฮด์
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
เมทานาไมด์ HCOH - มีกลิ่นฉุน
กัดเยื่อบุของร่างกาย
(Methanamide) - ใช้ฆ่า
เชือโรค
้
หรือฟอร์มัลดีไฮด์ -
สารละลายใช้ดองสัตว์
(Formaldehyde) - เป็น
สารตั้งต้นในการเตรียมสารอินทรีย์
- 25. ตัว อย่า งคีโ ตน
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
โพรพาโนน CH3COCH3 - ใช้เป็นสาร
ตั้งต้นในการเตรียมวัตถุระเบิด
(Propanone)
คลอโรฟอร์ม ไอโอโดฟอร์ม เป็นต้น
หรืออะซีโตน - เป็นตัวทำา
ละลายสารอินทรีย์
(Acetone)
- 26. ตัว อย่า งกรดคาร์บ อกซิล ิก
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
เอทาโนอิก แอซิด CH3COOH - ใช้ในการ
ปรุงอาหาร
(Ethanoic acid) - ใช้ใน
การแยกเนือยางออกจากนำ้ายางพารา
้
กรดอะซีติก
(Acetic acid)
กรดมด HCOOH - กัดผิวหนัง
ทำาให้เกิดการปวดแสบปวดร้อน
- 27. ตัว อย่า งเอสเทอร์
ชือ
่ สูตรเคมี
ประโยชน์/โทษ
เอทิล ฟอร์เมต HCOOCH2CH3 - เป็นตัวทำา
ละลายไนโตรเซลลูโลส
เอทิล อะซีเตต CH3COOCH2CH3 - ใช้ล้างเล็บ
(Ethyl acetate)
- 28. การจำา แนกคาร์โ บไฮเดรท
• นำ้าตาล (Sugar)
- มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides)
หรือนำ้าตาลอย่างง่าย
- ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides)
- ไตรแซคคาไรด์ (Trisaccharides)
• พอลิแซคคาไรด์ (Polysaccharides)
- พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage
polysaccharide)
- พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural
polysaccharide)
- 29. ประเภทของนำ้า ตาล
• มอนอแซคคาไรด์ (Monosaccharides) หรือ
นำ้าตาลอย่างง่าย
- ไตรโอส (Triose) เช่น Glyceraldehyde,
Dihydroxyacetone
- เตโตส (Tetrose) เช่น Erythrose,
Erythrulose
- เพนโตส (Pentose) เช่น Ribose, Ribulose
- เฮกโซส (Hexose) เช่น Glucose,
Fructose
• ไดแซคคาไรด์ (Disaccharides) เช่น
- 30. คุณ สมบัต ิข องนำ้า ตาล
• เกือบทั้งหมดมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว
• ละลายนำ้าได้ดี
• มักมีรสหวาน
• เกิดปฏิกิริยาเคมีได้หลายปฏิกิริยา เช่น
- ดีไฮเดรชัน (Dehydration)
- ปฏิกิริยารีดอกซ์
- การหมักแอลกอฮอล์
- 31. ประเภทของพอลิแ ซคคาไรด์
• พอลิแซคคาไรด์สะสม (Storage
polysaccharides)
- แป้ง (Strach)
- ไกลโคเจน (Glycogen)
- เดกซ์แทรนส์ (Dextrans)
• พอลิแซคคาไรด์โครงสร้าง (Structural
polysaccharides)
- เซลลูโลส (Cellulose)
- ไคทิน (Chitin)
- แอซิด มิวโคพอลิแซคคาไรด์ (Acid
- 32. คุณ สมบัต ิข องพอลิแ ซคคา
ไรด์
• นำ้าหนักโมเลกุลมาก
• ไม่ละลายนำ้า
• ไม่มีรสหวาน
- 33. ความสำา คัญ ของ
คาร์โ บไฮเดรต
• ร่างกายนำาไปใช้พลังงาน
• ร่างกายนำาไปสังเคราะห์เป็นไขมัน
• ช่วยให้ร่างกายประหยัด ไขมัน โปรตีน
• ร่างกายนำาไปสร้างสารบางชนิด เช่น
- เพนโตสนำาไปสร้าง DNA, RNA, ATP
- กาแลคโตสนำาไปสร้างการแลคโตสไลปิด
สำาหรับเซลล์ระบบประสาท
- กลูโคสเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนไม่จำาเป็นบาง
ชนิด
- 34. โปรตีน (Protein)
• ประกอบด้วยกรดอะมิโน
- กรดอะมิโนที่จำาเป็น (Essential amino
acid) มี 10 ชนิด คือ Met,
Arg, Thr, Trp, Val, Ile, Leu, Phe,
His และ Lys (Arg และ His จำา
เป็นเฉพาะในเด็ก)
- กรดอะมิโนกึ่งจำาเป็น (Semi-essential
amino acid) มี 4 ชนิด คือ Gly,
Tyr, Ser, และ Cys-Cys
- 35. ประเภทของโปรตีน
• เอนไซม์ (Enzyme) เช่น Pepsin, Trypsin
• โปรตีน สะสม (Storage protein) เช่น
Casein, Ferritin
• โปรตีน ขนส่ง (Transport protein) เช่น
Hemoglobin
• โปรตีน เคลื่อ นไหว (Contractile protein)
เช่น Myosin, Actin
• โปรตีน ป้อ งกัน (Protective protein) เช่น
Antibodies
• สารพิษ (Toxins) เช่น Snaka venoms,
- 36. โครงสร้า งของโปรตีน
• โครงสร้างปฐมภูมิ (Primary structure) กรดอะ
มิโนจับกันเป็นสายยาวเรียกว่า สายพอลิเป็บไทด์
(Polypeptide)
• โครงสร้างทุติยภูมิ (Secondary structure)
สายพอลิเป็บไทด์บางส่วนหรือต่างเส้น เกิดการ
เชือมโยงกันด้วยพันธะไฮโดรเจนเป็นเกลียว
่
(Helix) แผ่นจีบ (Pleated sheet)
• โครงสร้างตติยภูมิ (Tertiary structure) เกิด
การม้วน ขดเป็นวง (Looping) หมุนรอบ (Coil)
ก้อนกลม (Globular) แท่งยาว (Rod) เส้น (Fibr
ous)
- 37. ความสำา คัญ ของโปรตีน
• ทำาให้ร่างกายเจริญเติบโตและซ่อมแซม
ส่วนที่สกหรอ
ึ
• ให้พลังงานแก่ร่างกาย
• ทำาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อโรค
• ช่วยทำาลายพิษของสารมีพิษต่างๆ ใน
ร่างกาย
• ให้ธาตุที่จำาเป็นต่อร่างกาย
• ควบคุมการทำางานของร่างกาย
- 38. ประเภทของไขมัน
1. ไขมันธรรมดา (Simple lipids) คือเอสเทอร์
(ไขมัน+แอลกอออล์)
2. ไขมันประกอบ (Compound lipids)
- Phospholipid
- Glycolipid
- Lipoprotein
3. อนุพันธ์ไขมัน (Derived lipid)
4. ไขมันเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous lipid)
- Steroid
- Terpene
- 39. คุณ สมบัต ิข องไขมัน
• จุดเดือดขึ้นอยู่กับจำานวนคาร์บอนที่เป็นองค์
ประกอบของไขมัน
และจำานวนพันธะคู่
• ความสามารถในการละลาย ส่วนใหญ่ละลาย
ได้ดีในตัวทำาละลายอินทรีย์
• เกิดปฏิกิริยากับด่างได้สบู่
• เกิดการเหม็นหืน (Rancidity)เนื่องจาก
- ออกซิเดชัน (Oxidation)
- ไฮโดรไลซิส (Hydrolysis)
- 40. ความสำา คัญ ของไขมัน
• เป็นโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์
• เป็นสารที่ใช้ในการสะสมพลังงานของ
ร่างกาย
(แหล่งพลังงานของร่างกาย)
• เป็นตัวป้องกันอวัยวะต่างๆ ภายในไม่ให้ได้รับ
การกระทบกระเทือน
• เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์แบคทีเรียและ
พืชชั้นสูง