SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  11
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger
เรื่อง Internet นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมี 5ประการ ได้แก่
ประการแรก การสื่อสารถือเป็นสิ่งจาเป็นในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ สิ่ง
คัญที่มีส่วนในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย Communications media, การสื่อ
สารโทรคมนาคม (Telecoms), และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)
ประการที่สอง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลักที่มากไปกว่าโทรศัพท์และคอมพิ
วเตอร์ เช่น แฟกซ์, อินเทอร์เน็ต, อีเมล์ ทาให้สารสนเทศเผยแพร่หรือกระจายออกไปในที่ต่าง ๆ
ได้สะดวก
ประการที่สาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลให้การใช้งานด้านต่าง ๆ
มีราคาถูกลง ประการที่สี่ เครือข่ายสื่อสาร (Communication networks)
ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายภายนอก เนื่องจากจานวนการใช้เครือข่าย จานวนผู้เชื่อมต่อ
และจานวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายนับวันจะเพิ่มสูงขึ้น
ประการที่ห้า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทาให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
และต้นทุนการใช้ ICT มีราคาถูกลงมาก
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.2.1 ความหมายของ Social Media
คือ สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง
โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ
ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเองโครงข่ายการสร้าง
Media ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง
โดยคนที่สร้างสื่อใช้ความสามารถในการเข้าถึงได้ง่ายของอินเตอร์เน็ท ความจริงแล้ว Social Media
เกิดขึ้นเพราะความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในความเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการปฎิสัมพันธ์กันแ
ละต้องการความเห็นกันนั่นเอง ในครั้งแรกนั้นเกิดจากยุคเว็บ 2.0 ( จาก broadcast media
monologues : one tomany เป็น social media dialogues :many to many) และเมื่อเกิด media
จานวนมากก็จะเกิดสถิติของแต่ละ Category ,เกิดกลุ่มผู้เสพสื่อแต่ละCategory
และการคัดเลือกคุณภาพ Media ตามธรรมชาติ
2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media
บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวยความ
สะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก
เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิตได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ
เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น
เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็น จานวนมากมีราคาถูกลง
สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทาง
เชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยี ทาให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก
ลองย้อนไปในอดีตโลกมีการเนินมาประมาณ 4600ล้านปี เชื่อกันว่า
พัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกาเนินบนโลก ประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว
ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อยๆ พัฒนามา
คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและ
พัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ 5000
ปีที่แล้วกล่าว ได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด
และจากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้ เมื่อประมาณ 5000
ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทาง ประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้ เมื่อประมาณ
500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามา ช่วยในการพิมพ์ ทาให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษา
เพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดย
ส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่า ปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว
ก็มีการส่งภาพ โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น
ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจายข่าวสาร
มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อรายงานเหตุการณ์สด
เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนา
เทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ
จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่
ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
การที่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคเป็นคนที่สร้างเนื้อหาดังกล่าวขึ้น หรือที่เรียกว่า
UsersGenerated Content หรือ Consumer Generated Content ทีละประเภทเลย ดังนี้
(1) Blog –ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา
(Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า
Post และทาการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML
หรือโปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน
จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog
เปิดโอกาสให้ใครๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ
สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี
ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย
และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลกออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิดลักษณะของ Social
คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง
ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog
(Corporate Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ
ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตนถนัดและมีผู้ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer
(2) Twitter และMicroblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post
แต่ละครั้งไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter
ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทาอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are youdoing?)
แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย
สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย
Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม
Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือการนา Microblog
เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง
(3) Social Networking –
จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม
ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประกกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว
(Info)รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และอื่นๆ นอกจากนี้ Social
Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend
และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนา
Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้าง Brand
ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages
และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group
ขึ้นมาได้
เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
คือ ประเภทแรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5
หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume
และข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น
(4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload
รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปันให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน
นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่จาเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง
เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์
Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ
ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม
ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม
หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็นต้น
หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ
เหมือนเป็นแกลลอรีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง
(5) Social News and Bookmarking –
เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดในอินเทอร์เน็ต
โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้
เป็นเสมือนมหาชนช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ
Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark
เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง
แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้นี้
สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย
นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ
Campaign การตลาดที่ต้องการ
(6) OnlineForums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด
เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง
การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้าหรือบริการต่างๆ
นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้
เพราะบางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา
ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความเข้าใจ แก้ไขปัญหา
ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums
อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ
หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เนื้อหาต่างๆ
2.3 เว็บบล็อก(WebBlog)
2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก(WebBlog)
เว็บบล็อก (Weblog) เป็นคาที่มาจากคาว่า
เว็บ (Web) กับคาว่าบล็อก (Blog) รวมกันเรียกว่าเว็บบล็อก ความหมายของเว็บบล็อกคือ
เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะเหมือนกับ เว็บบอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบั
นทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วนตัวเหมือนกับไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบบ
ทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ
ก็คือเป็นเว็บที่สามารถเชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น
และเปิดรับความเห็นจากผู้อื่นได้ด้วยโดยทั่วๆไปแล้ว คุณสมบัติของบล็อก
ก็คือ 1มีการจัดหัวข้อของเนื้อหา บทความ โดยให้เรื่องใหม่สุดอยู่ด้านบนสุด
มักจะจัดกลุ่มเรื่องแบบเดียวกันไว้ด้วยกัน 2 มีการเก็บสะสมบทความอย่างเป็นระบบต่อเนื่องกัน 3ผู้
อ่านบทความนั้นๆ
สามารถแสดงความเห็นได้ 4มีลิสต์ของ link ไปเว็บหรือบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกัน
หรือที่เราเรียกว่า blogrollเนื้อหาของบล็อก เนื้อหาของบล็อกก็เป็นไปตามประเภทของบล็อก
แต่ไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบบไหนก็ตาม ควรจะมีการอัพเดทบ่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ
ให้คนอยากมาเยี่ยมชม
2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก
บล็อกมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อมูลที่แตกต่างกันไปทั้งผู้เขียนและผู้เข้า
ชม โดยบล็อกจะเน้นไปที่เรื่องต่างๆ เช่น learner blogs, politicalblogs,travelblogs,fashion blogs,
project blogs,legal blogs แ ล ะ อื่ น ๆ บ ล็ อ ก ที่ เ ร า เ ห็ น อ ยู่ ใ น ปั จ จุ บั น นี้
ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวห นังสือและ รูปภาพ เท่านั้น ห รือ มีแค่ออน ไลน์ ไดอารี่
เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้
1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ ที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจ
เอาไว้แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่
เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้น
1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ
และมักจะไม่เน้นเขียนข้อความมากนัก
1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog
เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด
อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่
2.1 บล็อกส่วนตัว (Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวันของ
เจ้าของบล็อกเป็นหลัก
2.2 บล็อกข่าว (News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก
2.3 บล็อกกลุ่ม (Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น
blognone.com
2.4 บล็อกการเมือง (Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ
2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม (Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและ
การรักษาสิ่งแวดล้อม
2.6 มีเดียบล็อก (Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่
เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น
2.7 บล็อกบันเทิง (Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทาง
จอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา (Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยใน
ต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน
2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
3. แบ่งตามรูปแบบของเนื้อหาเฉพาะที่เห็นเด่นชัด
3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทา จะใช้สาหรับนาเสนอแหล่งข้อมูลที่ตน
สนใจ (เว็บเพจหรือเว็บไซต์) โดยปกติมักจะเป็นข่าว บทความ
หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ต่าง ๆอาจเรียกได้ว่า เป็น บล็อก
“Bookmark” หรือ มีชื่อเฉพาะ ว่า Social Bookmarkบล็อกลักษณะนี้ จะนาเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ
URL ของเว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคาอธิบายเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆได้ด้วย
และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิดเห็นของผู้จัดทาบล็อกได้อีกด้วย
เป็นเหมือนการกลั่นกรองข้อมูลให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกาลังได้รับความนิยม
ซึ่งจะเป็นการช่วยจัดลาดับความน่าเชื่อถือของเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้เช่นกัน
ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://del.icio.us/ เป็นต้น
3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทา จะใช้สาหรับนาเสนอ
ความคิดเห็นหรือประสบการณ์ของตนเองผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมีภาพประกอบ
หรือมีการเชื่อมโยงออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ซึ่งบล็อกลักษณะนี้ เป็นบล็อกตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่
http://www.exteen.comหรือ http://www.blogger.com เป็นต้น
3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สาหรับเก็บภาพ (ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และ
สามารถใส่รายละเอียดของภาพ ใส่คาค้น (tag) ได้
ทาให้การเก็บภาพเป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่
http://www.flickr.com เป็นต้น
3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่ใช้สาหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว
สามารถใส่รายละเอียดของวีดิทัศน์ ใส่คาค้น (tag) ได้
ทาให้การเก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่
http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น
3.5 บล็อกผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆได้หลายประเภท
ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บเพลง เก็บวีดิโอ เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆหรือบันทึกประจาวัน
และใส่ปฏิทินรายการงานที่ต้องทา ฯลฯ ได้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงมาก
โดยมีชื่อเฉพาะด้วย เรียกว่าSocial Network Service
ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว
ก็ยังมีจุดประสงค์หลักเพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก ตัวอย่าง Social
NetworkingWebsites ซึ่งให้บริการลักษณะนี้ ได้แก่http://hi5.com หรือ http://multiply.com
หรือhttp://spaces.live.com เป็นต้น (ซึ่งปัจจุบัน คาว่า blog ใน Social Networking Websites
นั้นจะกลายเป็นแค่ส่วนที่ใช้เขียนข้อความเช่นบันทึกประจาวันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
และยังอาจใช้คาว่า journal แทนคาว่า blog ด้วย แต่เนื่องจากบริการนี้
เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคยมี มาอยู่ในที่เดียว
ทาให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้บริการที่เดียว
ก็ได้ใช้บริการครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครใช้งานจาก เว็บไซต์หลายที่ให้จดจายากอีกด้วย)
2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก
ขอนารายชื่อผู้ให้บริการเขียน blog ฟรี เพื่อผู้ที่สนใจอยากจะทา blog เอง
แต่ยังไม่อยากจะลงทุนค่ะ
www.blogger.com www.exteen.com www.mapandy.com
www.buddythai.com www.imigg.com www.5iam.com
www.blogprathai.com www.ndesignsblog.com www.onblogme.com
www.idatablog.com www.inewblog.com www.freeseoblogs.com
www.sumhua.com www.diaryi.net www.istoreblog.com
www.skypream.com www.thailandspace.com www.my2blog.com
www.sungson.com www.gujaba.com www.maxsiteth.com
www.sabuyblog.com www.ugetblog.com www.jaideespace.com
2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Blogger
ประวัติของบล็อกบล็อก (Blog) คือ คาว่า “Weblog” ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกโดย
Jorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี 1997 ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนาย Peter Merholz
จับมาเรียกย่อเหลือแต่ “Blog” แทนในเดือนเมษายน ปีค.ศ.1999 และจนมาถึงวันที่ 13มีนาคม
ค.ศ.2003 ทางOxfordEnglish Dictionary จึงได้บรรจุคาว่า blog ในพจนานุกรม
แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ บล็อก (Blog) ขึ้นแท่นศัพท์ยอดฮิต อันดับหนึ่ง
ซึ่งถูกเสาะแสวงหา ความหมาย ทางพจนานุกรมออนไลน์ มากที่สุด ประจาปี
2004สานักข่าวเอพีรายงานว่า เว็บไซต์ ดิกชั่นนารีหรือ พจนานุกรมออนไลน์ “เมอร์เรียม-
เว็บสเตอร์” ได้ประกาศรายชื่อ คาศัพท์ซึ่งถูกคลิก เข้าไปค้นหา ความหมายผ่าน
ระบบออนไลน์มากที่สุด 10 อันดับแรกประจาปีนี้ ซึ่งอันดับหนึ่งตกเป็นของคาว่า “บล็อก” (blog)
ซึ่งเป็นคาย่อของ “เว็บ บล็อก” (weblog)โดยนายอาเธอร์ บิคเนล
โฆษกสานักพิมพ์พจนานุกรมฉบับ เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ กล่าวว่า สานักพิมพ์ได้เตรียมที่จะนาคาว่า
“บล็อก” บรรจุลงในพจนานุกรมฉบับล่าสุดทั้งที่เป็นเล่มและ
ฉบับออนไลน์แล้วแต่จากความต้องการของผู้ใช้ที่หลั่งไหลเข้ามา ทาให้เมอร์เรียม-
เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคาว่า “บล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน
โดยให้คาจากัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจาวัน
ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิงค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ
ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย” โดยทั่วไป
คาศัพท์ที่ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมนั้นจะต้องผ่านการใช้งาน อย่างแพร่หลาย มาไม่น้อยกว่า 20ปี
ซึ่งหมายความว่าคาคานั้นจะต้องถูกนามาใช้โดยทั่วไปในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันคาศัพท์ ทางเทคโนโลยีรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ อย่างเช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดซาร์ส
ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภายในระยะเวลาอันสั้นคาว่า “บล็อก”
เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเมื่อปี 2542
แต่ผู้รวบรวมพจนานุกรมตั้งข้อสังเกตว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และการประชุมใหญ่ของ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเพื่อรับรองชื่อ
ผู้สมัครเข้าชิงตาแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทาให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ
ผู้ติดตามข่าวสารส่วนใหญ่สนใจ และต้องการทราบความหมายที่แท้จริงของคาดังกล่าว
โดยเฉพาะเมื่อคาศัพท์เหล่านั้นปรากฏเป็นข่าวพาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปนอกเหนือจากคา
ว่า “บล็อก” แล้ว คาศัพท์ที่ติดอันดับถูกเข้าไปค้นหาความหมายสูงสุด 10
อันดับแรกประจาปีนี้ได้แก่ “อินคัมเบนท์” (incumbent) ซึ่งหมายถึงผู้อยู่ในตาแหน่ง, “อิเล็กทอรัล”
(electoral) หรือคณะผู้เลือกตั้งขณะที่บางคาเป็นคาศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามในอิรัก เช่น
“สตอร์มส” (stroms) ซึ่งมีความหมายว่ าการโจมตีอย่างรุนแรง, “อิน-เซอร์เจ้นท์” (insurgent)
หรือกองกาลังฝ่ายต่อต้านการปกครอง อิรัก, “เฮอร์ริเคน” (hurri- cane) ซึ่งหมาย
ถึงผลกระทบอย่างรุนแรง, “เพโลตัน” (peloton) ที่แปลว่ากองทหารขนาดเล็ก และซิคาด้า (cicada)
ซึ่งความหมายตามรูปศัพท์ แปลว่าจักจั่น

Contenu connexe

Tendances

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2p (1)
บทที่ 2p (1)บทที่ 2p (1)
บทที่ 2p (1)pornnapafang
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2shopper38
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1Thanggwa Taemin
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2She's Ning
 

Tendances (14)

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2p (1)
บทที่ 2p (1)บทที่ 2p (1)
บทที่ 2p (1)
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่2
บทที่2 บทที่2
บทที่2
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
Aw016
Aw016Aw016
Aw016
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 

Similaire à บทที่ 2

บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2dargonbail
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2teeraratWI
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2Tangkwa Tom
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
บทที่ 2p
บทที่ 2pบทที่ 2p
บทที่ 2pshopper38
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChi Cha Pui Fai
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องTangkwa Tom
 
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้องChamp Wachwittayakhang
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องBeeiiz Gubee
 

Similaire à บทที่ 2 (20)

บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2p
บทที่ 2pบทที่ 2p
บทที่ 2p
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัยบทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัย
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บท2
บท2บท2
บท2
 
งานคอม3
งานคอม3งานคอม3
งานคอม3
 
022222
022222022222
022222
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 

Plus de ธีรารัตน์ ประกาศพร

Plus de ธีรารัตน์ ประกาศพร (20)

บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
ปก1
ปก1ปก1
ปก1
 
ปก
ปกปก
ปก
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
ปก
ปกปก
ปก
 
ปก
ปกปก
ปก
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
ปก
ปกปก
ปก
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
ปก
ปกปก
ปก
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
นิ่ม
นิ่มนิ่ม
นิ่ม
 

บทที่ 2

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เรื่อง Internet นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมี 5ประการ ได้แก่ ประการแรก การสื่อสารถือเป็นสิ่งจาเป็นในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ สิ่ง คัญที่มีส่วนในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย Communications media, การสื่อ สารโทรคมนาคม (Telecoms), และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ประการที่สอง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลักที่มากไปกว่าโทรศัพท์และคอมพิ วเตอร์ เช่น แฟกซ์, อินเทอร์เน็ต, อีเมล์ ทาให้สารสนเทศเผยแพร่หรือกระจายออกไปในที่ต่าง ๆ ได้สะดวก ประการที่สาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลให้การใช้งานด้านต่าง ๆ มีราคาถูกลง ประการที่สี่ เครือข่ายสื่อสาร (Communication networks) ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายภายนอก เนื่องจากจานวนการใช้เครือข่าย จานวนผู้เชื่อมต่อ และจานวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายนับวันจะเพิ่มสูงขึ้น ประการที่ห้า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทาให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ และต้นทุนการใช้ ICT มีราคาถูกลงมาก
  • 2. 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.2.1 ความหมายของ Social Media คือ สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเองโครงข่ายการสร้าง Media ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยคนที่สร้างสื่อใช้ความสามารถในการเข้าถึงได้ง่ายของอินเตอร์เน็ท ความจริงแล้ว Social Media เกิดขึ้นเพราะความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในความเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการปฎิสัมพันธ์กันแ ละต้องการความเห็นกันนั่นเอง ในครั้งแรกนั้นเกิดจากยุคเว็บ 2.0 ( จาก broadcast media monologues : one tomany เป็น social media dialogues :many to many) และเมื่อเกิด media จานวนมากก็จะเกิดสถิติของแต่ละ Category ,เกิดกลุ่มผู้เสพสื่อแต่ละCategory และการคัดเลือกคุณภาพ Media ตามธรรมชาติ 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวยความ สะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็น จานวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทาง เชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา พัฒนาการของเทคโนโลยี ทาให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีการเนินมาประมาณ 4600ล้านปี เชื่อกันว่า
  • 3. พัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกาเนินบนโลก ประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อยๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและ พัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้วกล่าว ได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทาง ประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้ เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามา ช่วยในการพิมพ์ ทาให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษา เพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดย ส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่า ปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพ โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนา เทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media การที่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคเป็นคนที่สร้างเนื้อหาดังกล่าวขึ้น หรือที่เรียกว่า UsersGenerated Content หรือ Consumer Generated Content ทีละประเภทเลย ดังนี้ (1) Blog –ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน
  • 4. จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลกออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิดลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog (Corporate Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตนถนัดและมีผู้ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer (2) Twitter และMicroblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้งไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทาอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are youdoing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือการนา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประกกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info)รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และอื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group
  • 5. ขึ้นมาได้ เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทแรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น (4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปันให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่จาเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็นต้น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอรีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทาการจ้าง (5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดในอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชนช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทาการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้างจานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ (6) OnlineForums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้
  • 6. เพราะบางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความเข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เนื้อหาต่างๆ 2.3 เว็บบล็อก(WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก(WebBlog) เว็บบล็อก (Weblog) เป็นคาที่มาจากคาว่า เว็บ (Web) กับคาว่าบล็อก (Blog) รวมกันเรียกว่าเว็บบล็อก ความหมายของเว็บบล็อกคือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะเหมือนกับ เว็บบอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบั นทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วนตัวเหมือนกับไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบบ ทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ ก็คือเป็นเว็บที่สามารถเชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น และเปิดรับความเห็นจากผู้อื่นได้ด้วยโดยทั่วๆไปแล้ว คุณสมบัติของบล็อก ก็คือ 1มีการจัดหัวข้อของเนื้อหา บทความ โดยให้เรื่องใหม่สุดอยู่ด้านบนสุด มักจะจัดกลุ่มเรื่องแบบเดียวกันไว้ด้วยกัน 2 มีการเก็บสะสมบทความอย่างเป็นระบบต่อเนื่องกัน 3ผู้ อ่านบทความนั้นๆ สามารถแสดงความเห็นได้ 4มีลิสต์ของ link ไปเว็บหรือบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกัน
  • 7. หรือที่เราเรียกว่า blogrollเนื้อหาของบล็อก เนื้อหาของบล็อกก็เป็นไปตามประเภทของบล็อก แต่ไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบบไหนก็ตาม ควรจะมีการอัพเดทบ่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ ให้คนอยากมาเยี่ยมชม 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก บล็อกมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อมูลที่แตกต่างกันไปทั้งผู้เขียนและผู้เข้า ชม โดยบล็อกจะเน้นไปที่เรื่องต่างๆ เช่น learner blogs, politicalblogs,travelblogs,fashion blogs, project blogs,legal blogs แ ล ะ อื่ น ๆ บ ล็ อ ก ที่ เ ร า เ ห็ น อ ยู่ ใ น ปั จ จุ บั น นี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวห นังสือและ รูปภาพ เท่านั้น ห รือ มีแค่ออน ไลน์ ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่ 1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ ที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจ เอาไว้แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้น 1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นเขียนข้อความมากนัก 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie 2. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่ 2.1 บล็อกส่วนตัว (Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวันของ เจ้าของบล็อกเป็นหลัก 2.2 บล็อกข่าว (News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม (Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com 2.4 บล็อกการเมือง (Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม (Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและ การรักษาสิ่งแวดล้อม
  • 8. 2.6 มีเดียบล็อก (Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่ เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น 2.7 บล็อกบันเทิง (Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทาง จอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา (Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยใน ต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง 3. แบ่งตามรูปแบบของเนื้อหาเฉพาะที่เห็นเด่นชัด 3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทา จะใช้สาหรับนาเสนอแหล่งข้อมูลที่ตน สนใจ (เว็บเพจหรือเว็บไซต์) โดยปกติมักจะเป็นข่าว บทความ หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ต่าง ๆอาจเรียกได้ว่า เป็น บล็อก “Bookmark” หรือ มีชื่อเฉพาะ ว่า Social Bookmarkบล็อกลักษณะนี้ จะนาเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ URL ของเว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคาอธิบายเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆได้ด้วย และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิดเห็นของผู้จัดทาบล็อกได้อีกด้วย เป็นเหมือนการกลั่นกรองข้อมูลให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกาลังได้รับความนิยม ซึ่งจะเป็นการช่วยจัดลาดับความน่าเชื่อถือของเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://del.icio.us/ เป็นต้น 3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทา จะใช้สาหรับนาเสนอ ความคิดเห็นหรือประสบการณ์ของตนเองผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมีภาพประกอบ หรือมีการเชื่อมโยงออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งบล็อกลักษณะนี้ เป็นบล็อกตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.exteen.comหรือ http://www.blogger.com เป็นต้น 3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สาหรับเก็บภาพ (ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และ
  • 9. สามารถใส่รายละเอียดของภาพ ใส่คาค้น (tag) ได้ ทาให้การเก็บภาพเป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.flickr.com เป็นต้น 3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่ใช้สาหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว สามารถใส่รายละเอียดของวีดิทัศน์ ใส่คาค้น (tag) ได้ ทาให้การเก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น 3.5 บล็อกผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆได้หลายประเภท ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บเพลง เก็บวีดิโอ เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆหรือบันทึกประจาวัน และใส่ปฏิทินรายการงานที่ต้องทา ฯลฯ ได้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยมีชื่อเฉพาะด้วย เรียกว่าSocial Network Service ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว ก็ยังมีจุดประสงค์หลักเพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก ตัวอย่าง Social NetworkingWebsites ซึ่งให้บริการลักษณะนี้ ได้แก่http://hi5.com หรือ http://multiply.com หรือhttp://spaces.live.com เป็นต้น (ซึ่งปัจจุบัน คาว่า blog ใน Social Networking Websites นั้นจะกลายเป็นแค่ส่วนที่ใช้เขียนข้อความเช่นบันทึกประจาวันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และยังอาจใช้คาว่า journal แทนคาว่า blog ด้วย แต่เนื่องจากบริการนี้ เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคยมี มาอยู่ในที่เดียว ทาให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้บริการที่เดียว ก็ได้ใช้บริการครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครใช้งานจาก เว็บไซต์หลายที่ให้จดจายากอีกด้วย) 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก
  • 10. ขอนารายชื่อผู้ให้บริการเขียน blog ฟรี เพื่อผู้ที่สนใจอยากจะทา blog เอง แต่ยังไม่อยากจะลงทุนค่ะ www.blogger.com www.exteen.com www.mapandy.com www.buddythai.com www.imigg.com www.5iam.com www.blogprathai.com www.ndesignsblog.com www.onblogme.com www.idatablog.com www.inewblog.com www.freeseoblogs.com www.sumhua.com www.diaryi.net www.istoreblog.com www.skypream.com www.thailandspace.com www.my2blog.com www.sungson.com www.gujaba.com www.maxsiteth.com www.sabuyblog.com www.ugetblog.com www.jaideespace.com 2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Blogger ประวัติของบล็อกบล็อก (Blog) คือ คาว่า “Weblog” ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกโดย Jorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี 1997 ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนาย Peter Merholz จับมาเรียกย่อเหลือแต่ “Blog” แทนในเดือนเมษายน ปีค.ศ.1999 และจนมาถึงวันที่ 13มีนาคม ค.ศ.2003 ทางOxfordEnglish Dictionary จึงได้บรรจุคาว่า blog ในพจนานุกรม แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ บล็อก (Blog) ขึ้นแท่นศัพท์ยอดฮิต อันดับหนึ่ง ซึ่งถูกเสาะแสวงหา ความหมาย ทางพจนานุกรมออนไลน์ มากที่สุด ประจาปี 2004สานักข่าวเอพีรายงานว่า เว็บไซต์ ดิกชั่นนารีหรือ พจนานุกรมออนไลน์ “เมอร์เรียม- เว็บสเตอร์” ได้ประกาศรายชื่อ คาศัพท์ซึ่งถูกคลิก เข้าไปค้นหา ความหมายผ่าน ระบบออนไลน์มากที่สุด 10 อันดับแรกประจาปีนี้ ซึ่งอันดับหนึ่งตกเป็นของคาว่า “บล็อก” (blog) ซึ่งเป็นคาย่อของ “เว็บ บล็อก” (weblog)โดยนายอาเธอร์ บิคเนล โฆษกสานักพิมพ์พจนานุกรมฉบับ เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ กล่าวว่า สานักพิมพ์ได้เตรียมที่จะนาคาว่า “บล็อก” บรรจุลงในพจนานุกรมฉบับล่าสุดทั้งที่เป็นเล่มและ ฉบับออนไลน์แล้วแต่จากความต้องการของผู้ใช้ที่หลั่งไหลเข้ามา ทาให้เมอร์เรียม- เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคาว่า “บล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน
  • 11. โดยให้คาจากัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจาวัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิงค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย” โดยทั่วไป คาศัพท์ที่ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมนั้นจะต้องผ่านการใช้งาน อย่างแพร่หลาย มาไม่น้อยกว่า 20ปี ซึ่งหมายความว่าคาคานั้นจะต้องถูกนามาใช้โดยทั่วไปในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคาศัพท์ ทางเทคโนโลยีรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ อย่างเช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดซาร์ส ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภายในระยะเวลาอันสั้นคาว่า “บล็อก” เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเมื่อปี 2542 แต่ผู้รวบรวมพจนานุกรมตั้งข้อสังเกตว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมใหญ่ของ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเพื่อรับรองชื่อ ผู้สมัครเข้าชิงตาแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทาให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ ผู้ติดตามข่าวสารส่วนใหญ่สนใจ และต้องการทราบความหมายที่แท้จริงของคาดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อคาศัพท์เหล่านั้นปรากฏเป็นข่าวพาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปนอกเหนือจากคา ว่า “บล็อก” แล้ว คาศัพท์ที่ติดอันดับถูกเข้าไปค้นหาความหมายสูงสุด 10 อันดับแรกประจาปีนี้ได้แก่ “อินคัมเบนท์” (incumbent) ซึ่งหมายถึงผู้อยู่ในตาแหน่ง, “อิเล็กทอรัล” (electoral) หรือคณะผู้เลือกตั้งขณะที่บางคาเป็นคาศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามในอิรัก เช่น “สตอร์มส” (stroms) ซึ่งมีความหมายว่ าการโจมตีอย่างรุนแรง, “อิน-เซอร์เจ้นท์” (insurgent) หรือกองกาลังฝ่ายต่อต้านการปกครอง อิรัก, “เฮอร์ริเคน” (hurri- cane) ซึ่งหมาย ถึงผลกระทบอย่างรุนแรง, “เพโลตัน” (peloton) ที่แปลว่ากองทหารขนาดเล็ก และซิคาด้า (cicada) ซึ่งความหมายตามรูปศัพท์ แปลว่าจักจั่น