Contenu connexe Similaire à การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต Similaire à การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (20) Plus de โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม Plus de โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม (20) การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต2. การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนไหว เป็นการเคลื่อนย้ายเพียงบางส่วน
ของร่างกาย
การเคลื่อนที่ เป็นการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยัง
อีกที่หนึ่ง
* การเคลื่อนที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวด้วยเสมอ แต่การ
เคลื่อนไหวไม่จาเป็นต้องมีการเคลื่อนที่ด้วย
18. การเคลื่อนทีของพลานาเรีย(planaria)
่
Phylum platyhelminthes
มีกล้ามเนือ 3 ชนิด คือ circular muscle ,
longitudinal muscle,oblique muscle
เคลื่อนที่ไปโดยการลอยไปตามผิวน้าหรือคลืบคลาน
ทางด้านล่างมีซิเลียช่วยในการโบกพัดช่วยให้เคลื่อน
ตัวได้ดียิ่งขึน
21. การเคลื่อนที่ของไส้เดือน(earth worm)
Phylum annelida
-กล้ามเนือ 2 ชุดคือ กล้ามเนือวงกลม
(circular muscle) อยู่ทางด้านนอก
และกล้ามเนือตามยาว(longitudinal
muscle) ตลอดล้าตัวอยู่ทางด้านใน
-เดือย(setae)
-มีการท้างานในสภาวะตรงข้าม เรียก
Antagonism
24. Phylum coelenterata
เคลื่อนที่โดยการหดตัวของ
เนือเยื่อที่อยู่บริเวณของร่มและ
ผนังล้าตัวท้าให้น้าพ่นออกมา
ทางด้านล่าง
30. Exoskeleton
- พบในพวก mollusk และแมลง
- เป็นโครงร่างเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอกร่างกาย โดย
ส่วนประกอบของเปลือกเป็นพวก crystallized mineral
salt และไม่มีเซลล์ (acellular) เช่น แคลเซียมคาร์บอเนตใน
mollusk, chitin ในแมลง
- exoskeleton นอกจากจะทาหน้าที่คาจุนร่างกายแล้ว ยัง
ช่วยป้องกันการสูญเสียนา
-การเคลื่อนไหวเกิดขึนโดยการหด-คลายตัวของกล้ามเนือที่
ยึดติดกับ exoskeleton
31. กล้ามเนือที่ทาให้เกิดการเคลื่อนไหวมี 2 ชุด คือ
1. Flexors ทาให้เกิดการโค้งงอของข้อต่อเมื่อหดตัว
2. Extensors ทาให้เกิดการยืดตัวของข้อต่อเมื่อคลายตัว
กล้ามเนือทังสองชุดนีจะทางานตรงข้ามกัน เมื่อกล้ามเนือ
ชนิดหนึ่งหดตัว อีกชนิดหนึ่งจะคลายตัว
(antagonism)
33. insect
Exoskeleton เป็นสารพวกไคติน
ข้อต่อข้อแรกของขากับล้าตัว แบบ ball and
socket ส่วนข้อต่ออื่นๆเป็นแบบบานพับ
การเคลื่อนไหวเกิดจาการท้างานสลับกันของ
กล้ามเนือ flexer กับ extensor เป็นแบบ
antagonism
38. มีรูปร่างแบนเพรียวบาง และเมือก มีเกล็ดช่วยลดแรงเสียดทาน
เมื่อกล้ามเนือที่ยึดติดกับกระดูกสันหลังด้านใดด้านหนึ่งหดตัว
(เริ่มจากส่วนหัวมาทางหาง)ท้าให้เกิดการโบกพัดของครีบหาง
(cadal fin) ดันให้ตัวพุ่งไปข้างหน้าโดยมีครีบหลัง
(drosal fin) ช่วยในการทรงตัวไม่ให้เสียทิศทาง
ครีบอก(pectoral fin) และครีบตะโพก (pelvic fin)
ซึ่งเทียบได้กับขาหน้าและขาหลังของสัตว์บก จะท้าหน้าที่ช่วย
พยุงล้าตัวปลา และช่วยให้เกิดการเคลื่อนที่ในแนวดิง
่
44. การเคลื่อนที่ของนก
มีกระดูกที่กลวง ท้าให้เบา
มีกล้ามเนือที่ใช้ในการขยับปีกที่
แข็งแรง
- กล้ามเนือ pectoralis major
- กล้ามเนือ pectoralis minor
มีถุงลม (air sac)
มีขน (feather)
46. Endoskeleton
-พบในสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิด
-เป็นโครงร่างแข็งที่แทรกตัวอยู่ในเนื้อเยื่อ (soft tissues) หรือภายในร่างกาย
-endoskeleton ประกอบด้วย living and metabolizing cells (ต่างจาก exoskeleton) แบ่งเป็น
1. cartilage เป็นส่วนประกอบของ protein collagen และ complex polysaccharide
2. bone ประกอบด้วย collagen ปนอยู่กับ apatite (calcium and phosphate salt)
-นักกายวิภาคศาสตร์แบ่งกระดูกออกเป็น 2 ส่วน
1. Axial skeleton:กระดูกแกนได้แก่ กระดูกกะโหลก (skull), กระดูกสันหลัง (vertebral
column), กระดูกซี่โครง (rib)
2. Appendicular skeleton:กระดูกรยางค์ เป็นกระดูกที่ต่อออกมาจากกระดูกแกน
แบ่งเป็น
2.1 Fore-limb bone :กระดูกแขน
2.2 Hind-limb bone :กระดูกขา
47. โครงสร้างของกระดูก
ชนิดของกระดูกแบ่งออกตามลักษณะรูปร่างของกระดูกคือ
1. กระดูกท่อนยาว (long bone) ได้แก่ ต้นแขน ปลายแขน ต้น
ขา หน้าแข้ง กระดูกน่อง ไหปลาร้า
2. กระดูกท่อนสัน (short bone) ได้แก่ ข้อมือ ข้อเท้า กระดูกนิว
มือ กระดูกนิวเท้า
3. กระดูกแบน (flat bone) ได้แก่ กะโหลกศีรษะ เชิงกรานสะบัก
อก ซี่โครง
4. กระดูกรูปร่างไม่แน่นอน (irregular bone) ได้แก่ กระดูกสัน
หลัง ขากรรไกร กระดูกคอ ก้นกบ กระดูกฝ่าเท้า
51. กระดูกแกนประกอบด้วย
1. กะโหลกศีรษะ (skull)
รวมทังกระดูกชินเล็ก ๆ อีกหลาย ๆชิน
เชื่อมติดต่อกัน ภายในลักษณะคล้าย
กล่องบรรจุเนือสมองไว้ กะโหลกศีรษะ
จึงทาหน้าที่ทังห่อหุ้มและป้องกัน
มันสมองที่อยู่ภายในนอกจากบริเวณ
กะโหลกศีรษะแล้ว ยังมีกระดูกแก้ม
กระดูกขากรรไกรซึ่งมีฟันอยู่ภายในซอก
การเคียวอาหารเกิดจากการเคลื่อนไหว
ของขากรรไกรล่าง
แผนภาพแสดงกระดูกแกน (ก) กระดูกรยางค์ (ข) ซึ่งแสดงด้วยสีดา
51
52. 2.กระดูกสันหลัง (vertebra)
เป็นกระดูกชินเล็ก ๆ มีลักษณะเป็นข้อ ๆ ต่อกันยาวตลอดความยาว
ของหลังจนจรดส่วนสะโพก กระดูกสันหลังแต่ละข้อเชื่อมติดต่อ
กันด้วยเอ็นและกล้ามเนือ และมีหมอนรองกระดูก (intervertebral
disc) เป็นแผ่นกระดูกอ่อนรองอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ
ในขณะที่เคลื่อนไหว หากหมอนรองกระดูกเสื่อมจะท้าให้ไม่
สามารถเอียวตัว หรือบิดตัวได้
หมอนรองกระดูกมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันการเสียดสีระหว่าง
กระดูกสันหลังแต่ละข้อในขณะที่ร่างกายมีการเคลื่อนไหว ถ้า
หมอนรองกระดูกเสื่อมอาจท้าให้ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวก
เพราะเกิดความเจ็บปวดตรงระหว่างข้อต่อของกระดูกสันหลัง
ในขณะเคลื่อนไหวและท้าให้กระดูกสันหลังโค้งงอผิดปกติได้
52
54. 3.กระดูกซี่โครง (Ribs)
มีจ้านวน 12 คู่ โดย
กระดูกซี่โครงทุกชินจะ
เชื่อมต่อกับด้านข้างของ
กระดูกสันหลังช่วงอก
โดยตอนปลายของกระดูก
ซี่โครง (sternum) ยกเว้น
กระดูกซี่โครงคู่ที่ 11 และ
คู่ที่ 12 เป็นกระดูกสัน
ไม่เชื่อมติดกับกระดูกอก
รูปที่ ซี่โครงและกระดูกอก ก. ด้านหน้าข. ด้านหลัง
เรียกว่า ซี่โครงลอย
(floating ribs) 54
55. กระดูกรยางค์ (Appendicular skeleton)
กระดูกรยางค์ มี 126 ชิน
ได้แก่ กระดูกแขนและกระดูก
ขา ซึ่งต่อยื่นออกมาจากกระดูก
แกนในลักษณะเป็นคู่ ๆ กระดูก
สะบัก (scapula) กระดูกไห
ปลาร้า (clavicle) รวมเป็น
กระดูกหัวไหล่ (pectoral
girdle) และกระดูกเชิงกราน
(pelvic girdle )
รูปแสดงแผนภาพแสดงกระดูกแขนและกระดูกขาคน
ก. กระดูกแขน ข. กระดูกขา
55
57. ข้อต่อ (articulation หรือ Joint)
-ข้อต่อ: เป็นบริเวณที่กระดูกมาต่อกับ
กระดูก มี synovial memebranes
มาหุ้มบริเวณข้อต่อ เพื่อป้องกันการ
เสียดสีระหว่างกระดูก จะมีกระดูก
อ่อนมาทาหน้าที่เป็นหมอนรอง และ
มี synovial fluid ทาหน้าที่เป็นสาร
หล่อลื่น
-Ligament: เป็นเอ็นที่ยึดระหว่าง
กระดูกกับกระดูก
-Tendon: เป็นเอ็นที่ยึดระหว่าง
กล้ามเนือกับกระดูก
58. ชนิดข้อต่อ
1.ข้อต่อไฟบรัส (fibrous joint) เป็นข้อต่อที่เคลื่อนไหว
ไม่ได้และมีเนือเยื่อเกี่ยวพันบางๆ ยึดกระดูกสองชินไว้ หรืออาจหุ้ม
ภายนอกไว้ เช่น กระดูกกะโหลกศรีษะ
2.ข้อต่อกระดูกอ่อน (cartilagenous joint) เป็นข้อต่อที่
เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เช่นข้อต่อระหว่างกระดูกซี่โครงกับกระดูก
อก ข้อต่อระหว่างท่อนกระดูกสันหลัง ข้อต่อระหว่างกระดูกเชิง
กรานซีกซ้ายกับซีกขวาทางด้านหัวหน่าว
3.ข้อต่อซิลโนเวียล (sylnovial joint) เป็นข้อต่อที่
เคลื่อนไหวได้มาก ประกอบด้วยกระดูกอย่างน้อย 2 ชิน
59. ข้อต่อซิลโนเวียล
1 (sylnovial joint)
แบบที่ 1 พบที่ใดของร่างกาย..........
แบบที่ 2 พบที่ใดของร่างกาย..........
2 แบบที่ 3 พบที่ใดของร่างกาย..........
3
60. The skeleton-muscle connection
-การเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายเกิดจากการทางานร่วมกัน
ของ nerves, bones, muscles
-การหด-คลายตัวของกล้ามเนื้อ
เป็นการทางานร่วมกันของ
กล้ามเนื้อ 2 ชุด ที่ทางานตรงข้าม
กัน เช่น การงอแขน
:กล้ามเนื้อ biceps (flexor) หดตัว
(เป็น agonist)
:กล้ามเนื้อ triceps(extensor) คลาย
ตัว (เป็น antagonist)
61. Origin and insertion
-ที่ปลายทั้งสองข้างของกล้ามเนื้อ
แต่ละมัดจะยึดติดกับกระดูก โดย
ด้านที่ยึดติดกับกระดูกเฉย ๆ
(ติดกับกระดูกที่ไม่เคลื่อนที่)
เรียก origin ส่วนปลายที่ยึดกับ
กระดูกที่มีการเคลื่อนไหว เรียก insertion
-Tendon ที่ origin มักจะกว้าง ที่
insertion มักจะแคบ เพื่อจากัด
ความแรงในการหดตัวของ
กล้ามเนื้อเกิดขึ้นเฉพาะจุด
62. กล้ามเนือ (Muscular tissue
กล้ามเนือทาหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ
ร่างกาย ประกอบด้วยเซลล์ที่มีลักษณะยาว อาจเรียก
เซลล์กล้ามเนือได้ว่าเส้นใยกล้ามเนือ (muscle fiber)
ในไซโตพลาสซึมของเส้นใยกล้ามเนือมีโปรตีนที่เป็น
องค์ประกอบที่สาคัญ 2 ชนิด คือ actin และ myosin
64. กล้ามเนือแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ขึนอยู่กับตาแหน่ง
ทีพบโครงสร้าง และหน้าที่ ได้แก่
1. กล้ามเนื้อเรียบ (smooth muscle)
2. กล้ามเนื้อสเกเลทัล (skeletal muscle)
3. กล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle)
66. กล้ามเนือลายหรือกล้ามเนือสเกเลทัล (Skeletal muscle)
กล้ามเนือในร่างกายส่วนใหญ่เป็นกล้ามเนือสเกเลทัล
กล้ามเนือนีเกาะยึดติดกับกระดูก สามารถหดตัวได้เมื่อถูกกระตุ้น
และอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง
( voluntory muscle ) หรือระบบประสาทโซมาติก ( somatic
nervous system) จึงสามารถควบคุมการทางานของกล้ามเนือได้
67. Skeletal muscle
Nucleus ของ
muscle fiber
Muscle fiber
ลักษณะของเซลล์กล้ามเนื้อเป็นรูปทรงกระบอก ซึ่งมีความ
ยาวมาก เซลล์มีขนาดใหญ่มีหลายนิวเคลียสเรียงชิดอยู่กับ
เยื่อหุ้มเซลล์ มีลายตามขวางคือ มีแถบสีจางสลับกับแถบสี
เข้ม ดังนั้นอาจเรียกกล้ามเนื้อชนิดนี้ได้ว่า กล้ามเนื้อลาย
(striated muscle)
72. Sarcoplasm นอกจากมีโปรตีนสาคัญที่เกี่ยวข้องกับกลไกการ
ใน
หดตัวของกล้ามเนื้อแล้ว ยังมี Organelles ที่สาคัญได้แก่
Sarcoplamic reticulum ซึ่งคือ SER ที่เปลี่ยนไปเป็นท่อที่
ต่อเนื่องกัน ล้อมรอบกลุ่มเส้นใยของกล้ามเนื้อ ทาหน้าที่เป็นแหล่งเก็บ
สะสม Ca2+
Sarcolemma มีโครงสร้างที่พับซ้อนกันเป็นหลอดบางและยาวตาม
แนวขวาง เรียกว่า Transverse tubule เป็นทางติดต่อจากผิว
ภายนอกของเซลล์เข้าไปติดต่อกับ Sarcoplamic reticulum
านประกอบอื่นๆภายใน Sarcoplasm ได้แก่ RER ,
ส่
ribosome และ Golgi complex มีอยู่เป็นจานวนน้อย เพราะ
เซลล์กล้ามเนื้อไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างโปรตีน
74. กล้ามเนื้อหัวใจ
(Cardiac muscle)
กล้ามเนือหัวใจพบแห่งเดียวคือกล้ามเนือที่หัวใจ และ
ผนังของเส้นเลือดใหญ่ที่ต่อกับหัวใจ เป็นกล้ามเนือที่มี
ลายเช่นเดียวกับ skeletal muscle ต่างกันที่
กล้ามเนือหัวใจอยู่นอกการควบคุมของระบบประสาท
ส่วนกลาง (Involuntory muscle) และการ
ทางานเกิดขึนติดต่อกันตลอดเวลา
77. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle)
ในเซลล์กล้ามเนื้อเรียบไม่เห็นลาย ถึงแม้ว่าภายในเซลล์จะมีแอก
ทิน และ ไมโอซิน แต่การเรียงตัวไม่เป็นระเบียบเหมือนอย่างใน
skeletal muscle และ Cardiac muscle ลักษณะเซลล์
ของกล้ามเนื้อเรียบเป็นรูปกระสวย หัวท้ายแหลม และมีหนึ่ง
นิวเคลียสอยู่กลางเซลล์ กล้ามเนื้อเรียบอยู่นอกการ
ควบคุมของระบบประสาท
ส่วนกลาง(involuntory
muscle) พบได้ที่ผนังของ
อวัยวะภายในระบบต่างๆของ
ร่างกาย และเส้นเลือด
nucleus
78. Smooth muscle
กล้ามเนือเรียบอยู่นอกการ
ควบคุมของระบบประสาท
ส่วนกล(involuntory
muscle) พบได้ที่ผนัง
ของอวัยวะภายในระบบ
ต่างๆของร่างกาย และเส้น
เลือด
80. The structure of skeleton muscle
-skeleton muscle เกิดจากมัดของ muscle fiber
(cell) มารวมกัน
-muscle fiberแต่ละอันคือ 1 เซลล์ที่มีหลาย
นิวเคลียส ที่เกิดจากหลาย ๆ เซลล์ในระยะ
แรกมารวมกัน
-แต่ละ muscle fiber เกิดจากมัดของ myofibrils
มารวมกัน
-myofibrilsประกอบด้วย myofilaments 2 ชนิด คือ
1.Thin filamentเกิดจากactin 2 สายและ regulatory
protein (tropomyosin) 1 สาย มาพันกัน
2.Thick filament เกิดจากmyosin มารวมกันเป็นมัด
-การจัดเรียงตัวของ myofilaments ทาให้เกิด
light-dark band ซ้าๆ กัน เรียกแต่ละหน่วยที่ซ้า
กันนี้ว่า sarcomere (ดังรูป)
81. การหดตัวของกล้ามเนื้อ skeleton
-การหดตัวของกล้ามเนื้อ skeleton
เกิดจากการเลื่อนเข้ามาซ้อนกันของ
thin filament เรียก sliding-filament
model
-การหดตัวของกล้ามเนื้อเกิดโดยความ
กว้างของ sarcomere ลดลง, ระยะทาง
ระหว่าง Z line สั้นลง, A band คงที,่
I band แคบเข้า, H zone หายไป
-พลังงานที่ใช้ในการหดตัวของ
กล้ามเนื้อหลัก ๆ อยู่ในรูปของ
creatine phosphate
82. 1.ส่วนหัวของ myosin จับกับ ATP,
อยู่ในรูป low-energy configuration
2.myosin head(ATPase) สลาย
5.ATPโมเลกุลใหม่เข้ามา ATP ได้ ADP+Pi, อยู่ในรูป
จับกับ myosin head ทา high-energy configuration
ให้ myosinหลุดจาก actin,
เริ่มวงจรใหม่
3.myosin head เกิด
4.ปล่อย ADP+Pi, myosin cross-bridge กับสาย
กลับสู่ low-energy actin
configuration ทาให้เกิดแรง
ดึง thin filament เข้ามา
83. 1.Ach หลั่งจาก neuron จับ receptor
2.Action potential เคลื่อนไป T tubule
สรุปการหดตัวของกล้ามเนื้อ 3.SR หลั่ง Ca2+
7.tropomyosinปิด binding 4.Ca2+จับtroponin,
site, หยุดการหดตัวของ binding silt เปิด
กล้ามเนื้อ
6.ปั๊มCa2+ กลับสู่ SR
5.กล้ามเนื้อหดตัว
84. Motor unit
-ในสัตว์มีกระดูกสันหลัง muscle
cell 1 เซลล์จะถูกควบคุมโดย motor
neuron 1 เซลล์เท่านั้น
-แต่ 1 motor neuron อาจควบคุม
การทางาน >1 muscle cell
-Motor unit ประกอบด้วย 1 motor
neuron และmuscle fiber ทั้งหมดที่
neuron ควบคุม
-กล้ามเนื้อที่ต้องการการเคลื่อนไหว
ที่ละเอียดอ่อน จะมีอัตราส่วน
ระหว่าง motor neuron/muscle cell
ต่า เช่นกล้ามเนื้อลูกตา (1/3-4)
85. การหดตัวของ smooth muscle
-smooth muscle cell พบที่
อวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อกลวง
เช่น ทางเดินอาหาร, หลอด
เลือด, อวัยวะสืบพันธุ,์ iris ของ
ลูกตา และท่อของต่อม
-มีรูปร่างคล้ายกระสวย มี 1
nucleus/1 cell การหดตัวเป็น
involuntary
-ไม่มีการจัดเรียงตัวของactin-myosin ทาให้ไม่เห็นเป็นลาย,
ปลาย actin มักยึดติดกับเยื่อเซลล์, ไม่มี SR ดังนั้น Ca2+ แพร่
ผ่านเข้ามาทางเยื่อเซลล์
-การหดตัวจะช้ากว่า striated muscle แต่การหดตัวนั้นจะอยู่
ได้นานกว่า
86. การหดตัวของ cardiac muscle
-มี 1 nucleus/1 cell เซลล์มีการแตก
แขนง(bifurcate)และเชื่อมกับเซลล์ข้าง
เคียงด้วย gap junction เรียก intercalated
disk
-มีการจัดเรียงตัวของ actin-myosin ทา
ให้เห็นเป็นลาย, มี SR
-cardiac muscle สามารถหดตัวได้เองอย่างเป็นจังหวะ
-หัวใจสัตว์มีกระดูกสันหลังหดตัวได้เองเรียก myogenic heart (muscle-generated)
-หัวใจของกุ้ง, ปู, แมงมุม ต้องได้รับการกระตุ้นจาก nerve เรียก neurogenic heart
(nerve-driven)