Contenu connexe
Similaire à นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ
Similaire à นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (20)
Plus de somdetpittayakom school
Plus de somdetpittayakom school (20)
นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ
- 1. 1
นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
ชื่อผลงาน ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
(ว 22101) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้เสนอผลงาน นางธันยพร ปูองกัน
โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24
โทรศัพท์ 082 8436 276
e-mail : Thunyapornpongkan@gmailcom
.......................................................................................................................
1. ความสาคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นาเสนอ
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องฝึกฝนให้เกิดขึ้นกับทุกคนเพราะไม่เพียงแต่จะ เป็นแนวทางในการค้นคว้าหาความรู้ หรือหาคำตอบสำหรับปัญหาต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์และ เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างใกล้ชิด ดังนั้นครูผู้สอนควรจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้ ฝึกฝนจนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้เป็นคนช่างสังเกต รู้จักคิดอย่างมี เหตุผล รู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างมีระบบและรู้จักค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เขา เหล่านั้นเป็นคนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ เพื่อดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่าต่อตนเองและมีความสุข ทักษะกระบวนการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ควรได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง สำหรับนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษา รวม 8 ทักษะ ตามแนวทางของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกอบด้วย ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา ทักษะการคำนวณ ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการลงความคิดเห็น จากข้อมูล และทักษะการพยากรณ์ ทักษะทั้ง 8 ทักษะ เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุก ๆ คน ในการที่ จะดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณค่าต่อตนเองและสังคม ตลอดจนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และรู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองอีกด้วย
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ เพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการศึกษาในแต่ละครั้งจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ นอกเหนือจากการที่ผู้ศึกษาหาความรู้ดังกล่าวจะใช้วิธีการที่น่าเชื่อถือแล้ว ตัวผู้ศึกษาหาความรู้เองจะต้องมี ทักษะหรือมีความสามารถในการที่จะให้การดำเนินการศึกษาหาความรู้ในครั้งนั้นมีความราบรื่น ข้อมูลที่ได้ใน แต่ละขั้นตอนมีความน่าเชื่อถือ และเนื่องจากเราถือว่ามนุษย์มีความแตกต่างในความถนัดและความสามารถที่ ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ไม่ได้หมายความว่าความแตกต่างดังกล่าวจะไม่สามารถปรับปรุงหรือพัฒนาได้ จาก การศึกษาในปัจจุบันเราพบว่า ความสามารถหรือทักษะต่าง ๆ เราสามารถฝึกฝนและพัฒนาเพื่อให้เกิดความ ชำนาญได้ ดังนั้นการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความชำนาญ สามารถ เลือกใช้ทักษะต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมในการแก้ปัญหาแต่ละด้านก็สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน จากเหตุผล ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้เสนอผลงานเห็นว่า สิ่งสำคัญในการสอนวิทยาศาสตร์นอกจากความรู้ในเนื้อหาแล้ว ยัง ต้องฝึกในส่วนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเสริมสร้างเจตคติทางวิทยาศาสตร์แก่นักเรียนเป็น สำคัญอีกด้านหนึ่ง ดังนั้นชุดฝึกทักษะ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการพัฒนาด้านทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การเสริมสร้างเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ และทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สูงขึ้น
- 2. 2
2. จุดประสงค์และเป้าหมาย ของการดาเนินงาน
2.1 จุดประสงค์
2.1.1 เพื่อสร้างและใช้ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน รายวิชา วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม (ว 22101) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.1.2 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน รายวิชา วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม (ว 22101) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.2 เปูาหมาย
2.2.1 ได้ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สามารถนำไปพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
2.2.2 นักเรียนกลุ่มตัวอย่างในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 40 คน ของโรงเรียน
สมเด็จพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 ปี การศึกษา 2557 มีผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน สูงขึ้น
3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดาเนินงาน : ประยุกต์ใช้วงจร PDCA
P
D
C
A
ขั้นวางแผนปฏิบัติงาน
ขั้นตอนการทางานตามแผน
ขั้นตรวจสอบและประเมินผล
ขั้นนาผลการประเมินมาปรับปรุง
ผลการประเมิน
สรุปรายงาน/ประชาสัมพันธ์/ เผยแพร่
มีจุดอ่อน ปรับปรุง
ศึกษา / วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ
- 3. 3
3.1 ขั้นวางแผนปฏิบัติงาน (Plan : P) เป็นขั้นตอนการจัดทำแผนในการดำเนินการสร้างชุดฝึกทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม (ว 22101) กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งได้ดำเนินการดังนี้
3.1.1 วิเคราะห์หลักสูตร เกี่ยวกับความสอดคล้องมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระ เรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น กำหนดหน่วยการเรียนรู้ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
3.1.2 ออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ ออกแบบ
และสร้างชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
3.1.3 กำหนดวิธี เครื่องมือ และเกณฑ์การวัดผลประเมินผล โดยการประเมินผลงาน / ชิ้นงาน และการประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
3.2 ขั้นตอนการทำตามแผน (DO : D)
จัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ ดังนี้
1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
5. ขั้นประเมิน (Evaluation)
3.3 ขั้นตรวจสอบและประเมินผล (Check : C)
3.3.1 ประเมินผลงานนักเรียน
3.3.2 ประเมินพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน
3.3.3 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
3.3.4 เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปลความหมาย
3.3.5 จัดทำรายงายผลการจัดการเรียนรู้
3.4 ขั้นนาผลการประเมินมาปรับปรุง (Action : A )
3.4.1 ปรับปรุงชุดฝึกทักษะโดยเพิ่มเติมเอกสารให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะกระบวนการ
ขั้นพื้นฐานให้สอดคล้องกับชีวิตประจำมากขึ้น และแยกข้อแนะนำการนำชุดฝึกทักษะไปใช้ในการเรียนการสอน จัดเป็นคู่มือการใช้
3.4.2 ปรับปรุงชุดฝึกทักษะให้สอดคล้องกับ มาตรฐาน ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
3.4.3 นำข้อเสนอแนะในการนำไปใช้และการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไปจากชุดฝึกทักษะเดิมไป
พัฒนาชุดฝึกทักษะให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันและบริบทกาจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน
3.4.4 ปรับปรุงพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ โดยนำข้อเสนอแนะและข้อควรปรับปรุงพัฒนา
ให้สอดคล้องกับชุดฝึกทักษะที่ปรับปรุง
3.4.5 ขยายเครือข่ายการใช้ชุดฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ขั้นพื้นฐาน ให้กับผู้สนใจและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
- 4. 4
แผนภูมิกระบวนการสร้างชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ประยุกต์ใช้วงจร P D C A
3)ขั้นตรวจสอบและประเมินผล (C)
-ประเมินผลงานนักเรียน
- ประเมินพฤติกรรมการทำงานของ
นักเรียน
- บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
- เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แปล
ความหมาย
- จัดทำรายงายผลการจัดการเรียนรู้
2) ขั้นตอนการทาตามแผน (D)
-จัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
และกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะ ดังนี้
1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
(Explanation)
4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
5. ขั้นประเมิน (Evaluation)
4) ขั้นนาผลการประเมินมาปรับปรุง (A)
-ปรับปรุงชุดฝึกทักษะโดยเพิ่มเติมเอกสารให้
ความรู้เกี่ยวกับทักษะกระบวนการขั้นพื้นฐาน
ให้สอดคล้องกับชีวิตประจำมากขึ้น
-ปรับปรุงชุดฝึกทักษะให้สอดคล้องกับ
มาตรฐาน ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้
แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
-นำข้อเสนอแนะจากชุดฝึกทักษะเดิมไป
พัฒนาชุดฝึกทักษะให้สอดคล้องกับ
ชีวิตประจำวันและบริบทกาจัดการเรียนรู้
ของโรงเรียน
ขยายเครือข่ายการใช้ชุดฝึกทักษะเพื่อพัฒนา
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ขั้นพื้นฐาน ให้กับผู้สนใจและหน่วยงานอื่นที่
เกี่ยวข้อง
1) ขั้นวางแผนปฏิบัติงาน (P)
-วิเคราะห์หลักสูตร
-ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
-ออกแบบและสร้างชุดฝึกทักษะ ฯ
-กำหนดวิธีการ เครื่องมือ และเกณฑ์
การวัดและประเมินผล
- 5. 5
4. ผลการดาเนินงาน / ผลสัมฤทธิ์ /ประโยชน์ที่ได้รับ (Outcome)
4.1 สาหรับครู
4.1.1 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการคิดแบบต่าง ๆ
โดยเฉพาะทักษะการคิดขั้นสูง ได้แก่ การคิดแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ คิดเชิงวิทยาศาสตร์ คิดเชิงเหตุผล
และคิดสร้างสรรค์ ครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชั้นเรียนของตนได้ โดยเฉพาะการนำสาระ 8 ไปประยุกต์ใช้ กับเนื้อหาสาระ 1 ถึง 7 หรือสร้างรายวิชาเพิ่มเติม หรือพัฒนาเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้
4.1.2 เป็นสื่อทีใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับทฤษฎี “การสร้างองค์ความรู้ด้วย
ตนเอง” (Constructivism) ที่กล่าวว่า การที่ผู้เรียนจะสร้างองค์ความรู้ได้ ต้องผ่านกระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ (Inquiry process) และเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน และทฤษฎี “การสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน”(Constructionism) ที่กล่าวว่า หากผู้เรียนได้สร้างความคิดและนำ ความคิดของตนเองไปสร้างสรรค์ชิ้นงานจะมีความหมายต่อผู้เรียน ความรู้จะอยู่คงทน ไม่ลืมง่าย สามารถ ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ และความรู้ที่สร้างขึ้นนี้ยังเป็นฐานให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ใหม่ต่อไปได้อีกอย่างไม่มี วันสิ้นสุด
4.1.3 เป็นสื่อที่ใช้ในการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และจุดหมายของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่เน้นสมรรถนะผู้เรียน มาตรฐาน และตัวชี้วัด ที่นำไปสู่การ ปฏิบัติโดยเฉพาะสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ที่มุ่งให้เกิดความสามารถในการสื่อสารและความสามารถในการ คิด
4.1.4 เป็นหลักฐานหรือร่องรอยในการพัฒนาผู้เรียนให้มีกระบวนการคิด สำหรับเตรียม
ความพร้อมในการประเมินภายนอกของ สมศ. ด้านผู้เรียนมาตรฐาน 4 ที่ผู้เรียนควรมีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดไตร่ตรอง คิดสร้างสรรค์อย่างมีวิสัยทัศน์
4.1 5 เป็นสื่อในการฝึกทักษะการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ตาม
แบบอย่างของนักวิทยาศาสตร์ให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้แสดงออกถึงความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์ ซึ่ง ประเทศเรากำลังต้องการให้เกิดอย่างมาก
4.1.6 เป็นสื่อในการฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรู้แบบองค์รวมให้กับผู้เรียน ซึ่งนอกจาก
ผู้เรียนจะมีการสร้างองค์ความรู้ในเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ผู้เรียนยังมีทักษะการอ่าน การเขียน
การคิดวิเคราะห์ การใช้ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ และใช้ความสามารถทางด้านศิลปะด้วย ซึ่งเป็นการจัดการ เรียนรู้ที่ไม่แปลกแยกออกจากกัน
4.1.7 เป็นสื่อที่มีการนำกลวิธีการสอน (Teaching Strategies) มาใช้ควบคู่กับการจัดการ
เรียนรู้ เช่น กลวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมใจ (Cooperative Learning) กลวิธีการทำนาย การสังเกต
และอธิบาย (Predict - Observe - Explain) กลวิธีคิดเดี่ยว คิดคู่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Think - Pair - Share) กลวิธีรู้แล้ว อยากรู้และต้องการเรียนรู้ (Knowledge - Want to know – Learning : KWL) กลวิธี การระดมความคิด (Brainstroming) กลวิธีการอ่านและการเขียนอย่างมีศักยภาพ (Active reading and writing) ตั๋วออกหรือสรุปความคิดหลังบทเรียน (Exit Ticket) เป็นต้น ซึ่งกลวิธีเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในด้านการสร้างองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการคิด กระบวนการ เรียนรู้ และทักษะทางสังคมมากขึ้น
4.1.8 เป็นสื่อที่ใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนจากกิจกรรมง่าย ๆ และเหมาะสมกับ
เนื้อหา ตรงตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
- 6. 6
4.1.9 เป็นแนวทางการสร้างข้อสอบที่เน้นให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดแบบต่าง ๆ
โดยเฉพาะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ครูผู้สอนอนสามารถนำรูปแบบไปประยุกต์ใช้ในการสร้าง
ข้อสอบของตนเอง เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน เนื่องจากข้อสอบ O - Net หรือ PISA ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการวัดและประเมินผลกระบวนการคิดและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ข้อสอบที่วัดความรู้และความจำ
4.1.10 เป็นสื่อที่ใช้ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนจากกิจกรรมที่เน้นการลงมือ
ปฏิบัติทั้งในห้องเรียนและนอกเวลาเรียน ซึ่งอาจเรียนรู้ด้วยตนเองหรือเป็นกลุ่ม จึงเป็นการฝึกทักษะ
ชีวิตและทักษะทางสังคมให้กับผู้เรียน
4.1.11 เป็นสื่อในการฝึกทักษะการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งครูผู้สอนควร
จะแนะนำการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
4.1.12 เป็นการกระตุ้นครูผู้สอนให้สนใจใฝุรู้ สืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเอง
อย่างต่อเนื่องและนำสิ่งใหม่ๆ มาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล
4.2 สาหรับนักเรียน
4.2.1 เป็นสื่อที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองหรือเป็นกลุ่ม เพื่อ
สร้างทักษะชีวิตและทักษะทางสังคมจากกิจกรรมที่นำเสนอ
4.2.2 เป็นสื่อที่สามารถใช้กระบวนการคิดได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการคิดวิเคราะห์
และการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการคิดขั้นสูงสุด
4.2.3 เป็นสื่อที่ทำให้นักเรียนได้แสดงออกในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
สนใจใฝุรู้หรือสืบเสาะหาความรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของนักวิทยาศาสตร์
4.2.4 นักเรียนได้ฝึกคิดและวางแผนออกแบบการทดลองด้วยการใช้ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ รู้จักใช้ และเลือกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการใช้ หน่วยวัดถูกต้องตามหลักสากล และลักษณะดังกล่าว ถือว่าเป็น “ หัวใจของความเป็นวิทยาศาสตร์ ”
4.2.5 เป็นสื่อที่ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้วิธีคิดและการใช้ทักษะการสืบเสาะหาความรู้จาก
กิจกรรมที่นำเสนอแล้วยังสามารถคิดต่อเนื่อง คิดให้รอบคอบ คิดวางแผนให้กับอนาคตของตนเองได้ ถือว่าเป็น
การเรียนรู้ตลอดชีวิต
4.2.6 นักเรียนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สำหรับฝึกทักษะการคิด
4.3 สาหรับผู้ปกครอง
4.3.1 เป็นสื่อที่ผู้ปกครองสามารถใช้สอนบุตรหลานให้ได้มีโอกาสฝึกทักษะการสืบเสาะหา
ความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างง่าย ๆ และทักษะการคิด การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง ตามแบบอย่างของนักวิทยาศาสตร์ หรือช่วยส่งเสริมให้เป็นนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์
4.3.2 เป็นสื่อทีช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติม ได้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เกิด
ความสนใจใฝุรู้ รู้จักสืบเสาะหาความรู้ อยากรู้อยากเห็นไปพร้อม ๆ กับบุตรหลาน
5. ปัจจัยแห่งความสาเร็จ (Key Succes)
5.1 บุคลากรที่มีส่วนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประสบผลสำเร็จ คือ ผู้บริหาร โรงเรียนที่มี การสนับสนุนและส่งเสริมให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายตามศักยภาพของผู้เรียน ส่งเสริมสนับสนุนให้ ครูผู้จัดทำสื่อ / นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
- 7. 7
5.2 ใช้หลักการจัดกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม โดยอาศัยความร่วมมือของผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
5.3 ผู้บริหาร ให้การนิเทศ ติดตาม และเยี่ยมชั้นเรียนอย่างกัลยาณมิตร ส่งเสริม สนับสนุนการจัด กิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson learn)
6.1 ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการ เรียนรู้เชิงปฏิบัติอย่างมีระบบส่งผลให้พัฒนาคุณภาพนักเรียน พัฒนาทักษะกระบวนการคิด ผสมผสาน วิทยาการใหม่ในการศึกษาหาความรู้ ความจริง จนได้ข้อสรุปเป็นองค์ความรู้ใหม่ และองค์ความรู้ที่ได้อาจ กลายเป็นผลงานเชิงสร้างสรรค์ และพัฒนาเป็นความรู้ที่คงทนตลอดไป
6.2 การใช้ชุดฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การปลูกฝังให้ผู้เรียนรู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ รู้จักแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและ กัน นักเรียนมีมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์
6.3 เป็นแนวทางให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ความรู้สู่การแข่งขันทักษะกระบวนการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ และการทำโครงงาน เพื่อร่วมแข่งขันในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาค และระดับประเทศ
6.4 สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียน เกิดอุปนิสัยพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข 4 มิติ คือ
6.4.1 3 ห่วง ประกอบด้วย
ความพอประมาณ ในการใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างประหยัดและคุ้มค่า
ความมีเหตุผล ในการเลือกใช้วัสดุมาใช้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรม
การมีภูมิคุ้มกัน คือ การปฏิบัติงานตามขั้นตอน การร่วมมือกันทำงานจนสำเร็จ
6.4.2 2 เงื่อนไข ประกอบด้วย
เงื่อนไขความรู้ มีความรู้เกี่ยวกับสารเคมี วัสดุอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ การ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์
เงื่อนไขคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีความเพียร มีความพยายาม มีความสามัคคี
ในหมู่คณะ มีความขยัน ความอดทน มีวินัย ซื่อสัตย์ ประหยัด และตรงต่อเวลา
6.4.3 4 มิติ ประกอบด้วย
ด้านวัตถุ คือ เลือกใช้วัสดุในท้องถิ่นมาใช้ในการทำกิจกรรม
ด้านสังคม คือการแบ่งปันความรู้ เรียนรู้ด้วยกัน
ด้านสิ่งแวดล้อม คือ วิธีการนำสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์
ด้านวัฒนธรรม คือ นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้การสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น
7. การเผยแพร่ผลงาน/ การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
ผู้เสนอผลงานได้มีการเผยแพร่ทางเว็บไซด์ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม (www.somdetpit.ac.th) หัวข้อผลงานทางวิชาการและได้เผยแพร่ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัด