นวัตกรรม2. สังเคราะห์จากแนวคิดทฤษฎี
ปรับแต่งของตนเองที่เคยใช้
ปรับแต่งของคนอื่น
มาตรฐานการเรียนรู้ นาของคนอื่นมาใช้
ตัวบ่งชี้ (ตัวชี้วัด)
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง วัตถุประสงค์การเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้
3. MAX CON
Maximize Treatment Variance
MAX
(นวัตกรรมต่างจากเดิมเด่นชัด)
Minimize Error Variance
(เกิดความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด)
Control Extraneous Variance
CON
(ควบคุมอิทธิพลของตัวแปรอื่น)
6. การตรวจสอบคุณภาพของนวัตกรรม
ผู้เชี่ยวชาญ การทดลองใช้
เชิงคุณภาพ
เชิงปริมาณ
ตรวจสอบความเป็นปรนัย
ตรวจสอบเชิงเทคนิค ตรวจสอบความเป็นปรนัย
ตรวจสอบประสิทธิภาพ
www.themegallery.com
7. การประเมิ น บทเรี ย นแบบ Blackbox
1. ด้าน Functional Perfrmance Test
2. ด้าน Functional Test
3. ด้าน Use ability Test
4. ด้าน Security Test
การประเมิ น องค์ ป ระกอบ
1. ด้านเนื้อหา
2. ด้านการออกแบบ
3. ด้านกิจกรรม
4. ด้านการจัดการบทเรียน
8. การหาประสิทธิภาพ/ผลจาแนกตามประเภทนวัตกรรม
ประเภท นวัตกรรม การหาประสิทธิภาพ/ผล
เพื่อการ บทเรียนโปรแกรม 80/80 รายข้อ/รายคน
เรียนรู้ E1/E2
รายบุคคล ชุดการเรียนรายบุคคลหรือ E1/E2
หน่วยการเรียนรายบุคคล
สื่อผสม(Multimedia) 80/80 รายข้อ/รายคน
E1/E2
Percentage
Double Percentage
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 80/80 รายข้อ/รายคน
สื่อแบบโปรแกรม เช่น สไลด์ E1/E2
หรือวีดทัศน์แบบโปรแกรม
ิ Percentage
Double Percentage
Company Logo Triple Criteria www.themegallery.com
9. การหาประสิทธิภาพ/ผลจาแนกตามประเภทนวัตกรรม
ประเภท นวัตกรรม การหาประสิทธิภาพ/ผล
เพื่อการ ชุดการสอนสาหรับกิจกรรม E1/E2
เรียนรู้แบบ กลุ่ม เช่น ชุดการเรียนรู้ Double Percentage
(Learning Package) หรือ ชุด
กลุ่มย่อย
การเรียนสาหรับศูนย์การเรียน
(Learning Package for
Learning Center)
สไลด์เทปและฟิล์มสตริป Effectiveness Index : E.I
Company Logo www.themegallery.com
10. การหาประสิทธิภาพ/ผลจาแนกตามประเภทนวัตกรรม
ประเภท นวัตกรรม การหาประสิทธิภาพ/ผล
เพื่อการ สไลด์เทปและฟิล์มสตริป Effectiveness Index : E.I
เรียนรู้แบบ Percentage
กลุ่มใหญ่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์และ Effectiveness Index : E.I
วิทยุกระจายเสียง
ชุดการสอน และแผ่นโปร่งใส Coefficient Variance
นาเสนอด้วย ppt
Company Logo www.themegallery.com
11. การหาประสิทธิภาพ/ผล
วิธี Double Percentage
วิธี Triple Criteria
วิธี E1/E2
วิธี Effectiveness Index (E.I)
วิธีสัมประสิทธิ์ความแปรผัน
(Coefficient of variation : c.v.)
12. การหาประสิทธิภาพ/ผล
วิธี E1/E2
ทดลอง 1 : 1 เพื่อหาความเป็นปรนัยและปรับปรุง
เพื่อหาความเป็นปรนัย เวลา และ
ทดลองกลุ่มย่อย 1: 3 ประสิทธิภาพเบื้องต้น
เพื่อหาความเป็นปรนัย เวลา และ
ทดลองกลุ่มใหญ่ 1:10 ประสิทธิภาพกระบวนการ/ผลผลิต
ร้อยละ ตัวแรกคือ เกณฑ์ของประสิทธิภาพของบทเรียนจากการทาแบบฝึกหัด
หรือการปฏิบัติกิจกรรมในระหว่างเรียนบทเรียน
ร้อยละ ตัวหลังคือ เกณฑ์ของประสิทธิภาพของบทเรียนจากการทาแบบทดสอบ
หลังการเรียน
Company Logo www.themegallery.com
13. การหาประสิทธิภาพ/ผล
วิธี Double Percentage
ค่าประสิทธิภาพสื่อ/นวัตกรรม = ร้อยละของผู้เรียนที่เรียนผ่านเกณฑ์ที่
กาหนด-ร้อยละของคะแนนเกณฑ์ที่กาหนด
เช่น ค่าประสิทธิภาพสื่อ 80-75 หมายถึง ผู้เรียนร้อยละ 80 ผ่านเกณฑ์ โดย
คะแนนเกณฑ์กาหนดเป็นร้อยละ 75
วิธี Triple Criteria
1. เกณฑ์ร้อยละของผู้เรียนที่เรียนจบบทเรียนโดยสมบูรณ์
2. เกณฑ์ขั้นต่าของการจบบทเรียนโดยสมบูรณ์
3. เกณฑ์เวลาที่กาหนดให้เรียนจบบทเรียนโดยสมบูรณ์
เช่น ค่าประสิทธิภาพสื่อ 80-75 -30 หมายถึง ผู้เรียนร้อยละ 80 เรียนจบ
บทเรียนโดยสมบูรณ์ โดยมีคะแนนร้อยละ 75 ภายใน 30 นาที
Company Logo www.themegallery.com
14. การหาประสิทธิภาพ/ผล
วิธี E1/E2
ทดลอง 1 : 1 เพื่อหาความเป็นปรนัยและปรับปรุง
เพื่อหาความเป็นปรนัย เวลา และ
ทดลองกลุ่มย่อย 1: 3 ประสิทธิภาพเบื้องต้น
เพื่อหาความเป็นปรนัย เวลา และ
ทดลองกลุ่มใหญ่ 1:10 ประสิทธิภาพกระบวนการ/ผลผลิต
ร้อยละ ตัวแรกคือ เกณฑ์ของประสิทธิภาพของบทเรียนจากการทาแบบฝึกหัด
หรือการปฏิบัติกิจกรรมในระหว่างเรียนบทเรียน
ร้อยละ ตัวหลังคือ เกณฑ์ของประสิทธิภาพของบทเรียนจากการทาแบบทดสอบ
หลังการเรียน
Company Logo www.themegallery.com
15. แนวทางการกาหนดเกณฑ์
๑.เด็กเล็กควรกาหนดเกณฑ์ระหว่างร้อยละ 95 - 100
๒.สาหรับเนื้อหาทฤษฎี หลักการและเนื้อหาพื้นฐานควร
กาหนดเกณฑ์ไว้ระหว่างร้อยละ 90 - 95
๓.เนื้อหาวิชาทียากซับซ้อนต้องใช้ระยะเวลาศึกษา
่
มากกว่าปกติควรกาหนดไว้ระหว่างร้อยละ 85 - 90
๔.วิชาปฏิบัติ วิชาประลองหรือวิชาทฤษฎีถึงปฏิบัติ
ควรกาหนดไว้ระหว่างร้อยละ 80 - 85
๕.สาหรับบุคคลทั่วไปได้ระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ควร
กาหนดไว้ระหว่างร้อยละ 80 - 85
16. ตัวอย่างวิธี E1/E2
ครั้งที่ คะแนนกิจกรรม คะแนนทดสอบ
1 2 3 4 5 ระหว่างเรียน หลังเรียน
ชื่อ
น้้าฝน 6 7 8 9 9 39 18
น้้าฟ้า 7 8 9 8 8 40 16
น้้าค้าง 7 8 9 9 9 42 18
น้้าตาล 8 9 9 8 9 43 18
น้้าริน 8 9 9 9 9 44 18
รวม 36 41 44 43 44 208 88.00
ร้อยละ 72 82 88 86 88 83.20 88.00
17. การหาประสิทธิภาพ/ผล
วิธี Effectiveness Index (E.I)
วิเคราะห์จากคะแนนเฉลี่ยที่ผู้เรียนทาได้กับ
คะแนนเต็มทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน
ค่าดัชนีประสิทธิผล = คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน - คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน
คะแนนเต็มหลังเรียน - คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน
เกณฑ์ประสิทธิผลที่ใช้ได้เท่ากับ 0.50 ขึ้นไป
Company Logo
18. ตัวอย่างวิธี Effectiveness Index (E.I)
คะแนนทดสอบ คะแนนทดสอบ
ชื่อ
17.6 - 5 ก่อนเรียน หลังเรียน
E.I = ---------- น้้าฝน 10 18
20-5
น้้าฟ้า 12 16
= 0.84 น้้าค้าง 8 18
น้้าตาล 9 18
มากกว่า .50
น้้าริน 11 18
ถือว่าใช้ได้
รวม 50 88
เฉลี่ย 5 17.8
20. เกณฑ์การพิจารณาค่า C.V.
ถ้าค่า C.V. ที่คานวณได้ต่ากว่า ร้อยละ 10
หมายถึง การสอนมีระดับคุณภาพดี
ถ้าค่า C.V. ที่คานวณได้อยู่ระหว่าง ร้อยละ 10-15
หมายถึง การสอนมีระดับคุณภาพปานกลาง
ถ้าค่า C.V. ที่คานวณได้สูงกว่า ร้อยละ 15
หมายถึง ต้องปรับปรุงการสอน