1. เริ่มต้นกับคอมพิวเตอร์กราฟิก ครูรินทร์ลภัสพงศ์ฤทธิพิมล

2. ความหมายของกราฟิก กราฟิก (Graphic) มาจากภาษากรีก ซึ่งหมายถึง การวาดเขียน และการเขียน ต่อมามีผู้ให้ความหมายของ “กราฟิก” ซึ่งสรุปได้ดังนี้ กราฟิก หมายถึง ศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งใช้สื่อความหมายด้วยเส้น สัญลักษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ การ์ตูน ฯลฯ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายข้อมูล ได้ถูกต้อง ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ

3. ความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟิก คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง การตกแต่งแก้ไข หรือ การจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การทำรีทัช ภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ และ การใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ

4. หลักการทำงานและการแสดงผลของภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ เกิดจากการทำงานของโหมดสี RGB ซึ่ง ประกอบด้วย สีแดง (Red) สีเขียว (Green) สีน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง 3 สี มาผสมกัน ทำให้เกิดเป็นจุดสีสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียกว่า พิกเซล(Pixel)มาวางต่อกัน จนเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์มี 2 แบบคือ - ภาพแบบ Raster - ภาพแบบ Vector

5. ภาพการขยายให้เห็น pixel

6. หลักการของกราฟิกแบบ Raster ภาพแบบราสเตอร์ (Raster) หรือ บิตแมพเป็นการเรียงตัวของ จุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี ซึ่งจุดเรียกจุดสี่เหลี่ยมนี้ว่า pixel ในการ สร้างภาพแบบ Raster จะต้องกำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพที่ต้องการสร้าง หากกำหนดจำนวนพิกเซลน้อย เมื่อขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้มองเห็นภาพ เป็นจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หรือถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลมาก จะทำให้แฟ้มภาพมีขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงต้องกำหนดจำนวนพิกเซลให้พอดีกับงานที่ต้องการ เช่น ถ้าต้องการใช้งาน ทั่วไป ควรกำหนดจำนวนพิกเซลประมาณ 100-150 (pixel/inch) ถ้าเป็นภาพสำหรับเว็บไซต์ ควรกำหนดประมาณ 72 ppiและถ้าเป็นงานพิมพ์ เช่น นิตยสาร โปสเตอร์ ควรกำหนดประมาณ 300-350 ppiเป็นต้น

7. ภาพแบบ Raster ที่ขยายใหญ่ขึ้น

8. หลักการของกราฟิกแบบ vector ภาพแบบเวคเตอร์ (Vector)เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการอ้างอิงความสัมพันธ์ ทางคณิตศาสตร์หรือการคำนวณ ซึ่งภาพจะมีความเป็นอิสระต่อกัน เมื่อมีการขยายภาพ ความละเอียดของภาพจะไม่ลดลง ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ นิยมใช้เพื่องานสถาปัตย์ ตกแต่งภายใน และการออกแบบต่าง ๆ โปรแกรมที่นิยมใช้สร้างภาพแบบ Vector คือ โปรแกรม illustrator , Coreldraw , autocad , 3Ds max เป็นต้น

9. ภาพแบบ vector ที่ขยายใหญ่ขึ้น

10. หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์ RGB เป็นระบบสีที่ประกอบด้วยแม่สี 3 สี คือ สีแดง (Red) , สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) เมื่อนำมาผสมกัน ทำให้เกิดสีต่าง ๆ บนจอคอมพิวเตอร์มากถึง 16.7 ล้านสี ซึ่งใกล้เคียงกับสีที่ตาเรามองเห็น สีที่ได้จากการผสมสีขึ้นอยู่กับความเข้มของสี โดยถ้าสีมีความเข้มากเมื่อนำมาผสมกัน ทำให้เกิดสีขาว จึงเรียกระบบสีนี้ว่า Additive หรือการผสมสีแบบบวก

11. หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์ CMYK เป็นระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ออกทางกระดาษ หรือวัสดุผิวเรียบ ซึ่งประกอบด้วย 4 สี คือ สีฟ้า , สีม่วงแดง สีเหลืองและสีดำ เมื่อนำมาผสมกันจะเกิดสีดำแต่ไม่ดำสนิท จึงเป็นการผสมสีแบบลบ (subtractive) หลักการเกิดสีระบบนี้คือ หมึกสีหนึ่งจะดูดกลืนแสงจาก สีหนึ่งแล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นสีต่าง ๆ เช่น สีฟ้า ดูดกลืนแสงสีม่วงแล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งสังเกตได้ว่าสีที่สะท้อนออกมา เป็นสีหลักของระบบ RGB การเกิดสีในระบบนี้จึงตรงข้ามกับระบบ RGB

12. หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์ HSB เป็นระบบสีแบบการมองเห็นของมนุษย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ Hue คือสีที่สะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่ สายตาเรา ซึ่งมักเรียกตามชื่อสีเช่น เขียว แดง น้ำเงิน เป็นต้น Saturation คือความสดของสี จะเริ่มที่ ค่า 0 – 100 ถ้ากำหนดที่ 0 จะมีความสดน้อย ถ้ากำหนดที่ 100 จะมี ความสดมาก Brightness คือระดับความสว่างของสี โดยกำหนดค่า 0-100 หากกำหนด ที่ 0 จะมีความสว่างน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนด 100 จะสว่าง มากที่สุด

13. หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์ LAB เป็นระบบสีที่ไม่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ใด ๆ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ “L” เป็นการกำหนดความสว่าง “A” เป็นค่าของสีที่ไล่จากเขียวไปแดง “B” เป็นค่าของสีที่ไล่จากน้ำเงินไปเหลือง

14. กิจกรรมเสริมความรู้

16. ให้แต่ละกลุ่มหารูปภาพกราฟิกแบบ 2 มิติ และแบบ 3 มิติมาอย่างละ 5 รูป พร้อมทั้งยกตัวอย่างโปรแกรมที่ใช้ สร้างภาพกราฟิกที่หามา จากนั้นให้นำเสนอ หน้าชั้นเรียน

17. ภาพ 2 มิติ สร้างด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop

18. ภาพ 2 มิติ สร้างจากโปรแกรม Adobe Illustrator