Contenu connexe
Similaire à การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
Similaire à การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ (20)
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
- 3. สาระการเรียนรู้
• แก้ปัญหาโดยใช้ขนตอนดังนี
ั
▫ การวิเคราะห์และกําหนดรายละเอียดของปั ญหา
▫ การเลือกเครื องมือและออกแบบขันตอนวิธี
▫ การดําเนินการแก้ปัญหา
▫ การตรวจสอบและการปรับปรุ ง
• การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาอย่างมีขนตอน
ั
- 7. การเลือกเครืองมือและออกแบบขันตอนวิธี
• มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหา
▫ พิจารณาสิ งทีต้องการหา
▫ เลือกปั ญหาเก่าทีมีลกษณะคล้ายคลึงกับปั ญหาทีจะพิจารณา
ั
▫ ปรับปรุ งแนวทางในการแก้ปัญหาเก่าให้สอดคล้องเหมาะกับปั ญหาใหม่
▫ วางแผนแก้ปัญหา
• ไม่มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหา
▫ พิจารณาสิ งทีต้องการหา
▫ หาวิธีการเพือให้ได้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ งทีต้องการหากับข้อมูลทีมีอยู่
▫ พิจารณาดูความสัมพันธ์นน สามารถหาคําตอบได้หรื อไม่
ั
▫ วางแผนแก้ปัญหา
- 10. การแก้ ปัญหาด้ วยวิธีการเชิงระบบ
• การแยกแยะและทําความเข้าใจปั ญหา
• พัฒนาวิธีการแก้ปัญหาเผือเลือก
• การประเมินทางเลือกหรื อวิธีการ
• การเลือกวิธีทีดีทีสุ ด
• นําวิธีการทีเลือกไปใช้ในการแก้ปัญหา
- 11. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ ปัญหา
• 1. บทบาทในการสร้างสารสนเทศ
▫ ส่ วนใหญ่มาจากการปฏิบติงานในระบบ
ั
• 2. บทบาทในการใช้เป็ นเครื องมือในการแก้ปัญหา
▫ คอมพิวเตอร์ หรื อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นเครื องมือ
ปฏิบติงานตามวิธีการทีเลือกเพือแก้ปัญหา
ั
- 13. ประเภทของผังงาน
• 1. ผังงานระบบ (Systme Flowchart)
▫ เป็ นผังงานทีแสดงถึงขันตอนการ
ทํางานภายในระบบงานหนึงๆ
โดยจะแสดงถึงความเกียวข้องของ
ส่ วนทีสําคัญต่าง ๆในระบบนัน
- 15. จุดมุ่งหมายของการใช้ ผงงานระบบ
ั
• เพือให้ขนตอนการทํางานตังแต่ตนจนจบ เหมาะสําหรับ
ั ้
ผูบริ หาร ผูวเิ คราะห์ระบบ และเขียนโปรแกรมจะได้ทราบ
้ ้
ขันตอนการทํางาน และสามารถนํามาใช้ในการแก้ปัญหาของ
ระบบได้
- 16. ประโยชน์ และข้ อจํากัดของผังงานระบบ
• 1. คนเรี ยนรู ้และเข้าใจผังงานระบบได้ง่าย
• 2.ผังงานสื อความหมายด้วยภาพ ทําให้ง่ายและสะดวกต่อการพิจารณา
ลําดับขันตอนในการทํางาน
• 3.ใช้ผงงานตรวจสอบความถูกต้องของลําดับขันตอนได้ง่าย
ั
• 4.การเขียนโปรแกรมโดยพิจารณาจากผังงานระบบ สามารถทําให้
รวดเร็ วและง่ายขึน
• 5.ในกรณี บารุ งรักษาโปรแกรมสามารถช่วยทบทวนงานในโปรแกรม
ํ
ก่อนปรับปรุ งได้ง่ายขึน
• 6. แก้ปัญหาทีเกิดขึนจากส่ วนใดส่ วนหนึงของโปรแกรม
- 17. สั ญลักษณ์ ทใช้ การเขียนผังงาน
ี
จุดเริ มต้น / สิ นสุ ดของโปรแกรม
ลูกศรแสดงทิศทางการทํางานของโปรแกรมและการไหล
ของข้อมูล
ใช้แสดงคําสังในการประมวลผล หรื อการกําหนดค่า
ั
ข้อมูลให้กบตัวแปร
แสดงการอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลสํารองเข้าสู่
หน่วยความจําหลักภายในเครื องหรื อการแสดงผลลัพธ์
จากการประมวลผลออกมา
- 18. สั ญลักษณ์ ทใช้ การเขียนผังงาน
ี
การตรวจสอบเงือนไขเพือตัดสิ นใจ โดยจะมีเส้นออกจารรู ปเพือ
แสดงทิศทางการทํางานต่อไป เงือนไขเป็ นจริ งหรื อเป็ นเท็จ
แสดงผลหรื อรายงานทีถูกสร้างออกมา
แสดงจุดเชือมต่อของผังงานภายใน หรื อเป็ นทีบรรจบของเส้น
หลายเส้นทีมาจากหลายทิศทางเพือจะไปสู่ การทํางานอย่างใด
อย่างหนึ งทีเหมือนกัน
การขึนหน้าใหม่ ในกรณี ทีผังงานมีความยาวเกินกว่าทีจะแสดง
พอในหนึ งหน้า
- 19. การเขียนผังงานระบบทีดีควรมีหลักเกณฑ์ ดังนี
• มีจุดเริ มต้นและจุดสิ นสุ ดการทํางานเพียงจุดเดียวในหนึ งผังงานระบบ
• มีทางออกจากสัญลักษณ์ใดๆ เพียงทางเดียว ยกเว้นสัญลักษณ์แสดงการตัดสิ นใจ
สามารถมีทางออก 2 ทางได้
• มีการเข้าสู่สัญลักษณ์ใด เพียงทางเดียว ถ้าต้องการกระทํากระบวนการเดียวกันควร
ใช้สัญลักษณ์ตวเชือม
ั
• ทิศทางลําดับของขันตอนควรจะเริ มจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา
• ข้อความทีบรรจุในสัญลักษณ์ควรสัน กะทัดรัด เข้าใจง่าย
• ขนาดของสัญลักษณ์ทีใช้ควรมีขนาดทีเหมาะสม สวยงาม
• เส้นทางทีใช้ผงงานควรเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ชัดเจน ไม่พนกัน
ั ั
- 21. รู ปแบบการเขียนผังงาน
• 1. การเขียนฝังงานแบบเรี ยงลําดับการทํางาน (Sequential Structure)
• 2. การเขียนผังงานแบบมีการเลือกการทํางาน (Decision Structure)
▫ ผังงานแบบมี 2 ทางเลือก IF
▫ ผังงานทีมีมากกว่า 2 ทางเลือก CASE
• 3. การเขียนผังงานแบบมีการทํางานวนซํา (Iteration Structure)
▫ While
▫ Do While
▫ Repeat until (Do until)
▫ For
- 27. ผังงานทีมีมากกว่ า 2 ทางเลือก CASE
• เป็ นการตรวจสอบเงือนไขของตัวแปรตรวจสอบ ว่าตรงกับค่าใด ค่า
ดังกล่าวจะเป็ นตัวบอกกิจกรรมทีต้องทํา
- 28. 3. การเขียนผังงานแบบมีการทํางานวนซํา
(Iteration Structure)
• คําสังสําหรับการทํางานซําหรื อเรี ยกว่า Loop โดยการทําซํา
่
โปรแกรมจะอยูภายใต้เงือนไข จริ ง หรื อเท็จ ตามทีผูเ้ ขียน
โปรแกรมได้ออกแบบไว้
- 30. Do while
• ทํากิ จกรรมที ต้องการก่ อน แล้วจึ งตรวจสอบ
เงื อนไข ถ้าเงื อนไขเป็ นจริ ง ก็จ ะทํากิ จ กรรม
นันซําไปเรื อยๆ แต่ เ มื อเงื อนไขเป็ นเท็จ จะ
หยุดทําซําแล้วออกจากลูป
- 31. Repeat until (Do until)
• ทํา กิ จ กรรมที ต้อ งการก่ อ น แล้ว ตรวจสอบ
เงือนไข ถ้าเงือนไขเป็ นเท็จ ก็จะทํากิจกรรมนัน
ซําไปเรื อยๆ แต่ ถ ้า เงื อนไขเป็ นจริ ง จะหยุ ด
ทําซําแล้วออกจากลูปไป
- 33. หลักเกณฑ์ ในการวิเคราะห์ ปัญหา
• 1. สิ งทีโจทย์ตองการ
้
• 2.ผลลัพธ์ทีต้องแสดง (Output)
• 3.ข้อมูลทีต้องนําเข้า (Input)
• 4.ตัวแปรทีใช้ (Variable)
• 5.วิธีการประมวลผล (Processing)
- 34. ตัวอย่ าง
• จงวิเคราะห์โจทย์เพือหาผลรวมของเลข 1-50
วิธีทาํ
1. สิ งทีโจทย์ตองการ
้
ผลรวมของเลข 1-50
2. ผลลัพธ์ทีต้องการแสดง (output)
Sum of 1-50 = xxx
3. ข้อมูลนําเข้า (Input)
ตัวเลข 1-50
4. ตัวแปรทีใช้
x= ค่าของตัวเลข 1-50
sum= ผลรวม
- 35. 5. วิธีการประมวลผล
5.1 กําหนดค่าของผลรวมให้เป็ น 0 (sum=0)
5.2 กําหนดค่า x มีค่าเริ มต้นเป็ น 1 (x=1)
5.3 คํานวณผลรวม sum=sum+x
5.4 ตรวจสอบว่า x= 50 ให้ไปทําข้อ 7 พิมพ์ค่าผลรวม
5.5 คํานวณเพิมค่า x=x+1 (เพิมค่า x ครังละ 1)
5.6 กลับไปทําข้อ 3 คํานวณผลรวม sum=sum+x
5.7 ให้พิมพ์ค่าผลรวม “sum of 1-50”=,sum
5.8 จบการทํางาน
- 38. • 5. วิธีการประมวลผล
▫ 5.1 กําหนดค่าเริ มต้นให้ I=5, sum=0
▫ 5.2 sum=sum+I (คํานวณ Sum+I เก็บผลลัพธ์ไว้ใน sum)
▫ 5.3 คํานวณ I=I+3 (เพิมค่า I ครังละ 3)
▫ 5.4 ตรวจสอบว่า I=98 หรื อยัง ถ้าครบแล้ว จะพิมพ์ค่า sum แล้วจบ
การทํางาน
▫ 5.5 ถ้ายังไม่ครบให้กลับไปทําข้อ 2
- 39. start
Sum=0
I=5
Sum=sum+I
I=I+3
N
X=98
Y
Print sum
stop
- 40. การบ้ าน
1. ให้นกเรี ยนฝึ กวิเคราะห์โจทย์ปัญหา เพือหาผลรวม
ั
ของเลขคี ระหว่าง 1-100
2. ให้นกเรี ยนฝึ กวิเคราะห์โจทย์ปัญหา เพือหาผลรวม
ั
และค่าเฉลียของเลข 1-100