3. แรงจูงใจ

5. 1. ความหมายของแรงจูงใจ ทฤษฎีแรงจูงใจและปัจจัยค้ำจุนของเฮอร์เบิร์ก ทฤษฎี E.R.G ของอัลเดอร์เฟอร์ 2. ทฤษฎีแรงจูงใจ ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ 3. ใบประกอบวิชาชีพ ผลดี ผลกระทบต่อองค์การ แนวทางการนำไปใช้

6. แรงจูงใจ การจูงใจ เป้าหมาย ความต้องการ แรงขับ สิ่งล่อใจ

7. การจูงใจ

8. สิ่งล่อใจ

9. แรงขับ

10. ความต้องการ

11. เป้าหมาย

12. แรงจูงใจ ความต้องการ แรงผลักดันหรือแรงจูงใจ ได้รับการตอบสนองตามเป้าหมาย

14. ( Walters . 1978 : 218 ) แรงจูงใจ หมายถึง " บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในตัว ของบุคคลที่มีผลทำให้บุคคลต้องกระทำ หรือเคลื่อนไหว หรือมี พฤติกรรม ในลักษณะที่มีเป้าหมาย " กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แรงจูงใจเป็นเหตุผล ของการกระทำ นั่นเอง ความหมายแรงจูงใจ

15. ( Loundon and Bitta . 1988:368 ) แรงจูงใจ หมายถึง " สภาวะที่อยู่ภายในตัวที่เป็นพลัง ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว ไปในทิศทางที่มีเป้าหมาย ที่ได้เลือกไว้แล้ว ซึ่งมักจะเป็นเป้าหมายที่มีอยู่ในภาวะสิ่งแวดล้อม " ความหมายแรงจูงใจ

17. 2. ทฤษฎีแรงจูงใจ

18. 2.1 ทฤษฎีแรงจูงใจและปัจจัยค้ำจุนของเฮอร์เบิร์ก ทฤษฎีแรงจูงใจ Frederick Herzberg ได้ศึกษาทดลองเกี่ยวกับการจูงใจในการทำงาน โดยการสัมภาษณ์วิศวกรในเมืองพิทส์เบอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลการศึกษาทดลอง สรุปได้ว่า สาเหตุที่ทำให้วิศวกรและนักบัญชี เกิดความพึงพอใจและไม่พึงพอใจในการทำงานนั้นมีสององค์ประกอบคือ 1. ปัจจัยจูงใจ (Motivation Factor) 2. ปัจจัยค้ำจุน (Maintenance Factor)

19. 2.2 ทฤษฎี E.R.G ของอัลเดอร์เฟอร์ Alderfer มีแนวคิดว่าคนมีความต้องการจริง ความต้องการเหล่านี้จะถูกจัดเป็นลำดับขั้น นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่างความต้องการระดับสูง และระดับต่ำ และความต้องการจะเป็นตัวกำหนดที่สำคัญ ในการสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับบุคคลในองค์การ

21. (Maslor’s Hierarchy of Needs Theory) 2.3 ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ทฤษฎีแรงจูงใจ อับราแฮม มาสโลว์ เป็นนักจิตวิทยาอยู่ที่มหาวิทยาลับแบรนดีส์ ได้พัฒนาทฤษฎีการจูงใจที่รู้จักกันมากที่สุดทฤษฎีหนึ่งขึ้นมา มาสโลว์ระบุว่าบุคคลจะมีความต้องการที่เรียงลำดับ จากระดับพื้นฐานมากที่สุดไปยังระดับสูงสุด

22. ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ลำดับขั้นของความต้องการ ( Hierarchy Of Needs ) 1. ความต้องการทางร่างกาย (Physiological Needs) 2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety Needs) 3. ความต้องการทางสังคม (Social Needs) 4. ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง (Esteem Needs) 5. ความต้องการความสมหวังของชีวิต (Self-Actualization Needs)

23. 1. ความต้องการทางร่างกาย (Physiological Needs)

24. 2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety Needs)

25. 3. ความต้องการทางสังคม (Social Needs)

26. 4. ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง (Esteem Needs)

27. 5. ความต้องการความสมหวังของชีวิต (Self-Actualization Needs)

28. 3. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ความหมายของใบประกอบวิชาชีพ คือ หลักฐานการอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมตามมาตรา 43 ของพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ . ศ . 2546

31. ความสำคัญความเป็นมาของใบประกอบวิชาชีพครู พ . ร . บ . สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ . ศ . 2546 กำหนดให้วิชาชีพครู และบุคลากรทางการศึกษา เป็นวิชาชีพควบคุม

32. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มี 4 ประเภท คือ - ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู - ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา - ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา - ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น ( ศึกษานิเทศก์ )

33. การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1. ผู้ประกอบวิชาชีพอยู่ก่อนวันที่ 12 มิถุนายน 2546 2. ผู้ประกอบวิชาชีพครูตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2546 3. ผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครูต้องมีวุฒิปริญญาทางการศึกษา

34. การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชาวต่างชาติ ด้วยข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ . ศ . 2547 กำหนดให้ครูต่างประเทศต้องผ่านการทดสอบ และประเมินความรู้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้จัดทำหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชาวต่างชาติ หลักสูตรการอบรม เรื่องวัฒนธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพ และหลักสูตรการทดสอบความรู้ในการประกอบวิชาชีพครู

35. การออกหนังสือรับรองสิทธิ ผู้ออกหนังสือรับรองสิทธิแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มีดังนี้ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา 2. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา 3. ผู้บริหารการศึกษา 4. หัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัด 5. เลขาธิการคุรุสภา

36. การต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ . ศ . 2547 กำหนดให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มีอายุใช้ได้คราวละ 5 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต ระหว่างเวลา 5 ปี ก่อนต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพต้องพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติ ตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด จึงจะมีสิทธิต่อใบอนุญาตได้

38. 10. เพิ่มพูนความรู้ ทักษะและเจตคติที่ดีในการประกอบวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง 12. เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้และร่วมพัฒนาในกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ 13. เกิดความชำนาญในการปฏิบัติงาน สามารถทำผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพได้ 14. ผู้ประกอบวิชาชีพมีความสุขและภาคภูมิใจในความเป็นครู 11. นำไปใช้ในการพัฒนางานจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการทำงานแบบสั่งสมความรู้