article science
- 1. บทความวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550
นำำามันแก๊สโซฮอล์
นำำามันแก๊สโซฮอล์หมายถึง นำำามันเชืำอเพลิงที่ได้จากการผสมเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอล
และนำำามันเบนซิน นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานานในหลายประเทศ อาทิ
สหรัฐอเมริกา บราซิล สำาหรับประเทศไทย บริษัท ปตท. จำากัด (มหาชน) ได้เริ่มทดลอง
จำาหน่ายแก๊สโซฮอล์ให้แก่ประชานทั่วไปเป็นครัำงแรกเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยจำาหน่ายผ่านทาง
สถานีบริการนำำามันสวัสดิการของกรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตรและที่สำานักงานใหญ่ของ
บริษัท ปตท. จำากัด (มหาชน) แต่เนื่องจากว่า เอทานอลบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 มีต้นทุนในการ
ผลิตสูงกว่าราคานำำามันทั่วไป จึงไม่คุ้มค่าที่จะนำาเอทานอลมาใช้ทดแทนนำำามัน ทำาให้บริษัท
ปตท. จำากัด (มหาชน) ต้องหยุดการจำาหน่ายแก๊สโซฮอล์ในปี พ.ศ. 2530 ต่อมาในปี พ.ศ. 2539
รัฐบาลให้ยกเลิกการเติมสารตะกั่วในนำำามันเบนซินเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ส่งผลให้
โรงกลั่นนำำามันต้องนำาเข้าสารเพิ่มออกเทน (Octane) สารเพิ่มออกเทนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ชนิดหนึ่งคือ MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) โดยนำามาผสมในนำำามันเบนซินในสัดส่วน
ระหว่างร้อยละ 5.5–11 ปัจจุบันโรงกลั่นนำำามันในประเทศทัำงหมดต้องนำาเข้าสาร MTBE คิดเป็น
มูลค่าสูงถึงปีละ 3,000 ล้านบาท
งานทดลองผลิตภัณฑ์เชืำอเพลิงเริ่มขึำนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำาเนินตรวจเยี่ยมโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา และมีพระราชดำารัสให้ศึกษา
ต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์ (เอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอล) จากอ้อย เพราะในอนาคตอาจ
เกิดภาวะนำำามันขาดแคลนหรือราคาอ้อยตกตำ่า การนำาอ้อยมาแปรรูปเป็นเอทานอลเพื่อใช้เป็น
พลังงานทดแทน จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหานีำได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้
พระราชทานเงินทุนวิจัยใช้ในการดำาเนินงาน ๙๒๕,๕๐๐ บาท เพื่อใช้ในการจัดสร้างอาคารและ
อุปกรณ์ต่าง ๆ ในขัำนต้น
วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำาเนินทรงเปิดอาคารโครงการค้นคว้านำำามันเชืำอ
เพลิงและเริ่มผลิตเอทานอลจากอ้อย แต่ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่มาก
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จึงได้มีการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจาก
บริษัท สุราทิพย์ จำากัด มีการปรับปรุงหอกลั่นเอทานอลให้สามารถกลั่นเอทานอลที่มีความ
บริสุทธิ์ ร้อยละ ๙๕ ได้ในอัตรา ๕ ลิตร ต่อชั่วโมง วัสดุที่ใช้หมักคือ กากนำำาตาล ซึ่ง บริษัท สุรา
ทิพย์จำากัด น้อมเกล้าฯ ถวาย
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ร่วมกับบริษัท สุราทิพย์
จำากัด ได้ขยายกำาลังการผลิตเอทานอลเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอผสมกับนำำามันเบนซิน ใน
อัตราส่วนเอทานอลต่อเบนซินเท่ากับ ๑ : ๔ เชืำอเพลิงผสมที่ได้เรียกว่า นำำามันแก๊สโซฮอล์
นำำามันแก็สโซฮอล์ที่ผลิตได้นัำน ถูกนำาไปใช้เป็นนำำามันเชืำอเพลิงสำาหรับรถยนต์ทุกคันโครงการฯ
ที่ใช้นำามันเบนซิน โครงการนีำเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลวโรกาส
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ๕๐ ปี ของสำานักพระราชวัง
วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ
พระราชดำาเนินทรงเปิดโรงงานผลิตเอทานอลเป็นเชืำอเพลิงที่บริษัท สุราทิพย์ จำากัด (ปัจจุบันคือ
กลุ่มบริษัท 43) น้อมเกล้าฯ ถวายและดำาเนินการกลั่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน กำาลังการผลิตหอก
ลั่น ๒๕ ลิตรต่อชั่วโมง คิดเป็นต้นทุนการผลิตแบบธุรกิจทั่วไป ๓๒ บาทต่อลิตร ถ้าคิดต้นทุนการ
ผลิตแบบยกเว้นต้นทุนคงที่ราคา ๑๒ บาทต่อลิตร (ทำาการผลิต ๔ ครัำงต่อเดือน) ได้เอทานอล
ประมาณ ๙๐๐ ลิตร ต่อการกลั่น ๑ ครัำง ใช้กากนำำาตาลความหวานร้อยละ ๔๙ โดยนำำาหนัก ครัำง
ละ ๓,๖๔๐ กิโลกรัม นำำากากส่า (นำำาเสียจากหอกลั่น) ส่วนหนึ่งจะใช้รดกองปุ๋ยหมักที่โรงงาน
ผลิตปุ๋ยอินทรียของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
์
- 2. วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ การปิโตเลียมแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายสถานี
บริการแก๊สโซฮอล์เพื่อให้ความสะดวกกับรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์ สวน
จิตรลดา และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำาเนินทรงเปิด
สถานีบริการแก๊สโซฮอล์ดังกล่าว
ต่อมาวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ โครงการส่วนพระองค์ฯ ร่วมกับการปิโตรเลี่ยมแห่ง
ประเทศไทย และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ดำาเนินการปรับปรุง
คุณภาพของเอทานอล ที่ใช้เติมรถยนต์ โดยโครงการส่วนพระองค์ฯ ส่งเอทานอลที่มีความ
บริสุทธิ์ร้อยละ ๙๕ ไปกลั่นซำำาเป็นเอทานอลที่มีความบริสุทธิร้อยละ ๙๙.๕ ที่สถาบันวิจัย
์
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยแล้วนำากลับมาผสมกับนำำามันเบนซินธรรมดาใน
อัตราส่วน ๑ : ๙ ได้แก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทนเทียบเท่านำำานัมเบนซิน ๙๕ เปิดจำาหน่ายแก่
ประชาชนที่สถานีบริการนำำามัน ปตท. สาขาสำานักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ อีกครัำง
หนึ่งเมื่อปี ๒๕๔๔
ในนำำามันปิโตรเลียมซึ่งเป็นสารไฮโดรคาร์บอน เผาไหม้อย่างไรก็ไม่หมด จะมีสารที่เผาไหม้ไม่
หมด (unburnt ) เหลืออยู่จากการเผาไหม้ อาทิ คาร์บอน มอนนอกไซด์ (carbon monoxide )
ในปริมาณที่สูงซึ่งเป็นมลภาวะ แต่ในเอทานอลแม้ว่าจะมีสัดส่วนเพียงแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ใน
แก๊สโซฮอล์ ก็สามารถลดมลภาวะได้มาก เนื่องจากในเอทานอลมีออกซิเจน (oxygen) เป็นส่วน
ประกอบ ออกซิเจนจะช่วยในการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ เอทานอลจึงเป็นทัำง
สารช่วยในการเผาไหม้และสารเพิ่มค่าออกเทน (octane enhancer ) อีกด้วย
การผลิตนำำามันแก๊สโซฮอล์
ในการนำาเอทานอลมาใช้เป็นส่วนผสมในนำำามันเชืำอเพลิงนัำน จะต้องใช้เอทานอลที่มีส่วนผสม
ของนำำาน้อยที่สุด เนื่องจากจะก่อให้เกิดปัญหาทำาให้เครื่องยนต์น็อก ชิำนส่วนและอุปกรณ์ของ
เครื่องยนต์เกิดสนิม ซึงโดยมาตรฐานสากลแล้วควรเป็นเอทานอลที่มีความบริสุทธิระดับร้อยละ
่ ์
99.5 โดยปริมาตร เมื่อนำามาผสมกับนำำามันเบนซินธรรมดาในอัตราส่วน 1 : 9 จะได้แก๊สโซฮอล์ที่
มีค่าออกเทนเทียบเท่านำำามันเบนซิน 95 โดยมีขัำนตอนการผลิตตามสูตรการผสมของโครงการ
ส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ดังต่อไปนีำ
ก. นำาเอทานอลที่มีความบริสุทธิร้อยละ 99.5 โดยปริมาตร จำานวน 200 ลิตร ใส่ลงในถัง
์
ข. เติมสารป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor) ลงไป จำานวน 30 กรัม
ค. เติมนำำามันเบนซิน 91 ลงไปจำานวน 1,800 ลิตร เดินเครื่องสูบหมุนเวียน เพื่อให้นำามันและส่วน
ผสมเข้ากันใช้เวลาประมาณ 30–60 นาที จะได้แก๊สโซฮอล์ จำานวน 2,000 ลิตร
เขียนโดย Popi_TaRo ที่ 23:32 0 ความคิดเห็น
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2550
สีสันแห่งท้องทะเล
ส่วนนีำจัดแสดงนิทรรศการสิ่งมีชีวิตตัำงแต่ป่าชายเลน หาดทราย หาดหิน ซึงเป็นแหล่งอาศัยของ
่
สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วยระบบแสงสีเสียง และจัดแสดงพันธุ์ปลานานาชนิด เช่น สัตว์นำาในระบบนิเวศ
ป่าชายเลน สัตว์นำาในระบบนิเวศหาดทราย - หาดหิน สัตว์นำาในแหล่งหญ้าทะเล และสัตว์นำาใน
แนวปะการังฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน
ระบบนิเวศป่าชายเลน
ป่าชายเลนเป็นกลุ่มของสังคมพืชใบกว้างที่มีใบเขียวตลอดปี ขึำนอยู่ในเขตนำำาลงตำ่าสุดและนำำาขึำน
สูงสุด บริเวณชายฝั่งทะเล ปากแม่นำา หรืออ่าว จัดเป็นเขตนำำากร่อย ดินเป็นเลนหรือโคลน ซึ่ง
เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เป็นที่วางไข่ แหล่งอาหาร และเจริญเติบโตของ
สัตว์นำานานาชนิด และเป็นแหล่งผลิตอาหารโปรตีนที่สำาคัญ บริเวณปากแม่นำาขนาดใหญ่ช่วง
ใกล้จะออกทะเลจะมีสภาพคล้ายบึงต้นโกงกาง เป็นแหล่งอาหาร ที่หลบภัย ตลอดจนที่ขยาย
พันธุ์ของสัตว์นำานานาชนิด ในธรรมชาติท้องนำำาในบริเวณนีำจะเป็นโคลนตม ยากต่อการทรงตัว
- 3. ของต้นไม้ทั่วไป ด้วยเหตุนีำธรรมชาติของต้นโกงกางจึงต้องออกรากแตกกิ่งก้านสาขาออกไป
รอบต้นเพื่อใช้คำายันไม่ให้ลำาต้นหลุดลอยไปกับกระแสนำำา ทัศนียภาพใต้นำาของป่าโกงกางจึงดู
แปลกตาไปอีกแบบ
เป็นระบบนิเวศป่าชายเลน หาดทรายและหาดหินซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อกัน บริเวณดังกล่าว
เป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากนำำาจืด นำำาเสียจากอาคารบ้านเรือนที่ไหลมารวมกันบริเวณปาก
แม่นำาและป่าชายเลน จึงเป็นแหล่งรวบรวมทัำงตะกอนดิน แร่ธาตุ สารพิษและสารอาหารต่าง ๆ ที่
จำาเป็น ทำาให้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง พรรณไม้ที่ขึำนในพืำนที่นีำ ได้แก่ โกงกางใบเล็ก
โกงกางใบใหญ่ โกงกางหัวสุม แสม ลำาพู ลำาแพน เป็นต้น
สัตว์ที่พบในบริเวณนีำ มีความหลากหลายมาก ทัำงจำานวนชนิดและความหนาแน่นของประชากร
เนื่องจากบริเวณนีำมีแหล่งที่อยู่อาศัยมากมาย เช่น
- พวกที่อาศัยอยู่ตามพืำนผิวดิน ได้แก่ ปลาตีน ปูเสฉวน หอยทะเลบางชนิด- พวกที่อยู่ตามใต้ผิว
ดิน ได้แก่ ไส้เดือนทะเล ปูแสม ปูก้ามดาบ กุ้งดีดขัน- พวกที่อยู่ในนำำา ได้แก่ กุ้งแชบ๊วย กุ้ง
กุลาดำา ปลานวลจันทร์ทะเล ปลากะพงขาว ปลาเก๋า เป็นต้น- พวกที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ใบไม้
รากโกงกาง ได้แก่ หอยนางรม ทากทะเล หอยขีำนก ปูแสม เพรียงหิน แมลง นกชนิดต่าง ๆ
ตลอดจนสัตว์เลีำยงลูกด้วยนม ได้แก่ ลิงแสม ค่าง เป็นต้น
ตัวอย่าง สัตว์นำาในระบบนิเวศป่าชายเลน
สัตว์นำาในระบบนิเวศป่าชายเลน
ปลานวลจันทร์ทะเล MILKFISH : Chanos chanos รูปร่างคล้ายกระสวย ตากลมใสมี
เยื่อไขมันคลุม ครีบหลังเป็นก้านครีบอ่อนทัำงหมด เกล็ดเล็ก ลำาตัวด้านบนเป็นสีเขียวอมนำำาเงิน
และค่อย ๆ จางลงมาด้านท้องเป็นสีเงิน อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลทั่วไป วัยอ่อนอยู่ในบริเวณนำำา
กร่อย เมื่อโตขึำนจึงจะออกไปอาศัยอยู่ในทะเล ขนาดใหญ่สุด 150 เซนติเมตร นำำาหนักกว่า 10
กิโลกรัม กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
ปลาตะกรับเสือดาว, กระทะ, แปบลาย, เสือดาว, ตะกรับ SPOTTED SCAT,
GREEN SCAT : Scatophagus argus ลำาตัวกว้างและแบนข้างมาก ตัวสีเขียวปน
เหลืองเป็นมันแวววาว ใต้ท้องสีเงินยวงมีจุดกลมสีดำาประกระจายอยู่ทั่วไป อยูรวมเป็นฝูงใหญ่
่
พบตามชายฝั่งของทวีปเอเชีย แอฟริกาฝั่งมหาสมุทรอินเดีย และทางตอนเหนือของทวีป
ออสเตรเลียจนถึงชายฝั่งตะวันตกของหมู่เกาะแปซิฟิค ขนาดใหญ่สุด 35 เซนติเมตร กินสัตว์
หน้าดินและพืช เป็นปลาสวยงาม
ปลาเฉี่ยว ผีเสืำอเงิน หรือสะโหร่งแขก MALAYAN ANGEL, SILVER
BATFISH : Monodactylus argenteus ลำาตัวป้อมสัำนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ครีบหลังและครีบ
ก้นยื่นยาว ตัวสีเงินเหลือบเป็นประกาย ครีบหลังสีเหลืองมีลายคาดตามขวางผ่านตา และบริเวณ
ขอบแผ่นปิดเหงือก พบบริเวณปากแม่นำา ป่าชายเลน และแนวปะการัง มีขนาด 8 - 12
เซนติเมตร กินพวกสัตว์นำาขนาดเล็ก เป็นปลาสวยงาม
ปลากะบอก GREEN BACKED : Liza tade ลำาตัวกลมเรียว แนวสันหลังเกือบเป็นเส้น
ตรง ตาโต เกล็ดใหญ่ ครีบหลังแยกเป็นสองตอน ลำาตัวด้านหลังสีเทาอมดำา ด้านท้องสีขาว
บริเวณปลายหางมีสีดำาเรื่อ มักอยูรวมกันเป็นฝูง อาศัยอยู่ตามริมชายฝั่งที่เป็นพืำนโคลนและ
่
บริเวณปากแม่นำา ป่าชายเลน มีขนาด 20 เซนติเมตร กินแพลงก์ตอนและตะไคร่นำา เป็นอาหาร
ระบบนิเวศหาดทราย - หาดหิน
หาดหิน เป็นบริเวณที่ทะเลและแผ่นดินบรรจบกัน คลื่นที่เกิดจากพายุสามารถกัดเซาะชายฝั่งที่มี
ความลาดเอียงจนกระทั่งส่วนบนของมันพังลงมา และถูกคลื่นชะลงมาจากหน้าผาริมทะเลกลาย
เป็นหาดหิน หาดหินถูกคลื่นที่เกิดจากพายุปะทะ และเมื่อนำำาขึำนจะจมอยู่ใต้นำา บริเวณหาดหินยัง
มีแอ่งนำำาเล็ก ๆ เป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และที่หลบภัยให้กับสัตว์นานาชนิด เช่น กุ้ง ปู ดาว
ทะเล และปลาขนาดเล็ก หาดทราย มีลักษณะเป็นชายทะเลที่มีชัำนบาง ๆ ของก้อนกรวดและหิน
ซึ่งแตกมาจากชายฝั่งที่เป็นหินและถูกคลื่นซัด ขีดสีจนเรียบ คลื่นที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่ง จะพัดพา
เม็ดกรวดและทรายไปตามชายฝั่ง มีการคัดขนาดและตกลงมาในบริเวณที่คลื่นและทะเลเงียบ
สงบ กรวดและทรายเหล่านีำจะสะสมจนเกิดเป็นหาด และมีรปร่างแตกต่างกันไป ตามสภาพ
ู
- 4. ภูมประเทศ
ิ
หาดหินและหาดทรายเป็นบริเวณที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วไปนัก
เพราะโดยทั่วไปจะมีสภาพแวดล้อมรุนแรง ซึ่งทำาให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อม การที่มคลื่นซัดอยู่ตลอดเวลาและความร้อนจากแสงแดด ก็เป็นตัวการจำากัดที่
ี
สำาคัญของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ จึงเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตน้อยชนิดที่สามารถอาศัยอยู่ได้
ตัวอย่าง สัตว์นำาในระบบนิเวศหาดทราย - หาดหิน
สัตว์นำาในระบบนิเวศหาดทราย - หาดหิน
ปูหนุมาน ( ปูลาย) BEACH CRAB : Matuta planipes กระดองเป็นรูปโค้งกลมและมี
หนามยื่นออกไปทางด้านข้าง ขาเดินคู่แรกและคู่สุดท้ายเป็นกรรเชียง พืำนผิวกระดองทางด้านบน
มีสีเหลืองอ่อน และมีจุดสีแดงเล็ก ๆ เรียงตัวกันเป็นวงและลายเส้นกระจายอยู่ทั่วไป ด้านล่าง
ของลำาตัวค่อนข้างแบนและมีพืำนสีขาว ก้ามหนีบแข็งแรง อยูตามชายหาดทรายใต้ระดับนำำาลงตำ่า
่
สุด มีขนาด 5 เซนติเมตร กินสัตว์หน้าดินและซากสัตว์
เหรียญทะเล หรือ อีแปะทะเล SAND DOLLAR : Arachoides placenta ลำาตัว
มีเปลือกแบนคล้ายเหรียญ เปลือกแข็ง ด้านบนซึ่งอยู่ตรงข้ามปากนูนเล็กน้อย บริเวณที่มีเท้าท่อ
เป็นรูปกลีบดอกไม้ที่ไม่บรรจบกันเหมือนเม่นหัวใจ ด้านล่างซึ่งเป็นปากมีร่องของบริเวณเท้าท่อ
ชัดเจน ปากเล็กและยุบลง ทวารหนักอยู่ทางด้านตรงข้ามกับปาก และมีร่องทอดออกไปทาง
ขอบเปลือก ตัวสีนำาตาลเข้ม อาศัยตามพืำนทะเลที่เป็นดินทรายหรือทรายปนโคลน พบทัำงในอ่าว
ไทยและทะเลอันดามัน มีขนาด 4 เซนติเมตร กินอินทรียสารในทราย ใช้ทำาเครื่องประดับ
แมงดาทะเล HORSE SHOE CRAB / KING CRAB ส่วนหัวและอกเชื่อมรวมกันเป็น
รูปเกือกม้า ส่วนท้องกว้างไม่แบ่งเป็นปล้อง และมีระยางค์ 6 คู่ เป็นแผ่นแบน โดยมีส่วนเชื่อมต่อ
กันตรงกลาง คูแรกเป็นแผ่นปิดเหงือก ส่วนอีก 5 คู่หลังเป็นเหงือก ด้านบนกระดองมีตารวมและ
่
ตาเดียวอย่างละคู่ ในน่านนำำาไทยมี 2 ชนิดคือ แมงดาถ้วยและแมงดาจาน แมงดาถ้วยอาศัยอยู่
่
ตามพืำนทะเลที่เป็นทรายปนโคลน ส่วนแมงดาจานอยู่ตามพืำนทราย มีขนาด 20 - 30 เซนติเมตร
กินหนอนทะเล สัตว์หน้าดิน เป็นอาหาร
ปลากระบอกหูดำา, กระบอกท่อนใต้ SQUARETAIL MULLET : Ellodclon va
igiensis รูปร่างกลมเรียวยาว หัวกว้างใหญ่และแบน ตาเล็กไม่มีเยื่อไขมันปิด เกล็ดใหญ่ ลำาตัว
ด้านบนมีสีนำาตาลปนเทา ครีบทุกครีบมีสีนำาตาลอมดำา หรือสีนำาตาลไหม้ ชอบอยูรวมกันเป็นฝูง
่
บริเวณชายฝั่งทะเลและปากแม่นำา มีขนาด 19 - 40 เซนติเมตร กินอินทรียสาร และสัตว์ขนาด
เล็ก เป็นปลาเศรษฐกิจ
ปลาทะเลเศรษฐกิจของไทย
ปลากะพงข้างปาน, ปลากระพงปานข้างลาย RUSSELL’S SNAPPER :
Lutjanus russelli ลำาตัวแบนข้าง ครีบหางเกือบตัดตรง ตัวสีเหลืองอมนำำาตาล และมีจุดสีดำา
อยู่บริเวณสีข้างเหนือเส้นข้างลำาตัว 1 จุดชัดเจนในปลาขนาดเล็ก แต่จุดนีำจะค่อย ๆ จางลงใน
ปลาที่โตเต็มวัย อาศัยอยู่ใกล้พืำนทะเลริมชายฝั่งและบริเวณปากแม่นำา พบทัำงในอ่าวไทยและ
ทะเลอันดามัน มีขนาด 30 เซนติเมตร กินลูกปลา ลูกกุ้ง และสัตว์นำาขนาดเล็ก ใช้เป็นอาหาร
ปลาสร้อยนกเขาทะเล, ข้างตะเภา, ขีำนก PAINTED SWEETLIP :
Diagramma pictum ลำาตัวแบนข้าง ปากเล็กริมปากหนา ใต้คางมีรูพรุน 6 รู เกล็ดเล็ก ปลา
ขนาดเล็กลำาตัวมีสีขาว ส่วนหัวด้านบนสีเหลือง และมีแถบสีนำาตาลเข้ม 5 แถบพาดไปตามความ
ยาวลำาตัว เมื่อมีโตขึำนแถบสีจะจางหายไป และมีจดสีนำาตาลปนดำาปรากฏขึำนมาแทน อาศัยอยู่
ุ
ตามหน้าดินหรือแนวปะการัง พบทั่วไปบริเวณชายฝั่งทะเลทัำงอ่าวไทยและทะเลอันดามัน พบ
ทั่วไป 35 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สุด 60 เซนติเมตร กินปลาและสัตว์หน้าดิน ใช้เป็นอาหาร
ปลาริวกิว GIANT CATFISH : Netuma thalasinus รูปร่างคล้ายกับพวกปลาสวาย
แต่มีครีบก้นเล็กกว่า ลำาตัวเพรียวและค่อนข้างกลม ผิวด้านบนหัวเป็นกระดูกแข็ง มีหนวด 3 คู่
ครีบหางเว้าลึก ตัวสีนำาตาลปนเทา ท้องสีจาง ครีบสีคลำำา ครีบไขมันสีดำา อาศัยอยู่ตามหน้าดิน
บางครัำงพบในบริเวณปากแม่นำา พบในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีขนาด 30 - 40 เซนติเมตร
กินปลาและสัตว์หน้าดิน ใช้เป็นอาหาร
- 5. ปลาดุกทะเล STRIPED CATFISH : Plotosus lineatus รูปร่างเรียวยาวแบนข้าง มี
หนวด 4 คู่ ครีบหลังและครีบอกมีก้านครีบแข็ง ครีบหลังตอนท้าย ครีบก้นและครีบหางติดต่อกัน
มีอวัยวะพิเศษช่วยในการหายใจ คือ dendritic organ อยู่ที่รูก้น ด้านหลังลำาตัวมีสีดำาปนนำำาตาล
ด้านท้องสีขาว อาศัยอยู่ทัำงนำำากร่อยและนำำาจืด แพร่กระจายทั่วน่านนำำาไทย มีขนาดใหญ่สุดถึง
1.2 เมตร กินทัำงพืชและสัตว์ ใช้เป็นอาหาร
ปลาทะเลที่มีพิษ
ปลาสิงโตปีกเข็ม WHITE- LINED LIONFISH : Pterois radiata ลำาตัวแบนข้าง
หัวใหญ่ ปากกว้าง บนหัวมีหนวดยาว 1 คู่ ครีบหลังมีก้านครีบแข็งยาวมาก ครีบอกแผ่กว้างมากมี
ก้านครีบแข็งยื่นยาวออกไป และมีเยื่อยึดระหว่างก้านครีบ ครีบหางโค้งกลม ตัวสีนำาตาลอ่อน
และมีลวดลายสีนำาตาลแดง โดยมีเส้นหนึ่งพาดผ่านตาพอดี มีจุดสีดำาแต้มบนเยื่อยึดระหว่างก้าน
ของครีบอก อาศัยอยู่ตามซอกหินและแนวปะการังทางฝั่งทะเลอันดามัน มีขนาด 25 เซนติเมตร
กินกุ้งและปลา เป็นปลาสวยงามที่ก้านครีบแข็งมีพิษ หากถูกตำาจะได้รับความเจ็บปวดมาก
ปลาปักเป้าหนามทุเรียน PORCUPINE FISH : Diodon nithemerus หัวใหญ่ลำา
ตัวเรียวเล็กลงไปทางหาง มีฟันเชื่อมต่อกัน ครีบอกใหญ่คล้ายพัด ผิวลำาตัวเป็นหนังย่นและมี
หนามแข็งพับลู่ไปทางหาง จะตัำงขึำนเมื่อตกใจหรือถูกรบกวนและพองตัวได้ ตัวสีเทา มีลายด่างสี
ดำาเป็นปื้นใต้ตา ใต้คาง บนหัวข้างแก้มและบนหลัง อาศัยอยู่ใกล้พืำนทะเลริมชายฝั่งทั่วไปในอ่าว
ไทย มีขนาด 30 เซนติเมตร กินกุ้ง หอย ปู สัตว์นำาเล็ก ๆ นิยมสตัฟฟ์เป็นเครื่องประดับ ทำาโคม
ไฟ เนืำอและเครื่องในมีสาร Tetraodotoxin ทีบริโภคแล้วเกิดพิษถึงชีวิต
่
ปลากะรังหัวโขน STONE FISH : Synanceja horrida ส่วนหัวใหญ่และเรียวเล็กลง
ไปทางหาง ปากกว้าง ตาเล็ก ครีบหลังมีก้านแข็งแหลมคมและสัำน ครีบอกเป็นแผ่นหนา ตัวสี
นำำาตาลแดง และมีรอยด่างแต้มเป็นจุดบริเวณหัว อาศัยในแนวปะการังในภาคใต้และตะวันออก มี
ขนาด 25 เซนติเมตร กินปลา กุ้ง และปูนำามาเป็นอาหารได้ แต่มีก้านครีบแข็งที่มีพิษร้ายแรง นับ
เป็นปลาที่มีพิษรุนแรงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง การรักษาคือ แช่บริเวณที่ถูกตำาลงในนำำาร้อนที่
อุณหภูมิสูงเท่าที่จะทนได้(ไม่เกิน 50 ?C) ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และควรไปพบแพทย์ทันที
ปลาสลิดทะเลจุดขาว WHITE – SPOTTED SPINEFOOT : Siganus canali
culatus ลำาตัวแบนข้างเป็นรูปไข่ หัวเล็ก ตาโต ครีบหลังและครีบก้นมีก้านครีบแข็ง ตัวสีเหลือง
อมนำำาตาล ด้านท้องสีจาง และมีจุดสีขาวแต้มประทั่วตัว อาศัยตามพืำนทะเลทั่วไป ที่เป็นพืำน
ทราย พบทั่วไปในน่านนำำาไทย มีขนาด 20 เซนติเมตร กินสาหร่ายและหญ้าทะเล เนืำอใช้เป็น
อาหารได้ แต่มีก้านครีบแข็งที่มีพิษแรงปานกลาง
สัตว์ทะเลทีเป็นอันตราย
่
ปลาไหลมอเรย์ลายหินอ่อน LACED MORAY : Gymnothorak favagineus ลำา
ตัวเรียวยาวคล้ายงู ไม่มีเกล็ด ไม่มีครีบอก ครีบหลังเชื่อมต่อกับครีบก้นและครีบหาง มีฟัน
แหลมคม มีลวดลายสีนำาตาลจาง ๆ บริเวณลำาตัว ชอบซ่อนตัวอยู่ตามซอกหินในแนวปะการัง มี
ขนาด 1 – 1.5 เมตร กินปลา กุ้ง และหมึกสาย เป็นปลาสวยงามที่เป็นอันตรายอาจกัดคนที่จับ
ตัวมัน หรือเอามือล้วงไปในโพรงที่ปลานีำอาศัยอยู่
ปลาไหลมอเร่ย์ยักษ์ GIANT MOREY : Gymnothorax javanicus ลำาตัวเรียว พืำน
สีเหลืองอมนำำาตาลแต้มด้วยจุดและลายสีนำาตาลไหม้อยู่ทั่วไป ด้านข้างลำาตัวบริเวณคอมีจุดสีดำา
เด่นชัด 1 แห่ง ชอบซ่อนตัวอยู่ตามซอกหินในแนวปะการัง ตามปกติไม่ดุร้าย มีขนาด 1.5 เมตร
กินปลา กุ้ง และหมึกสาย เป็นปลาสวยงามที่เป็นอันตรายอาจกัดคนที่จับตัวมัน หรือเอามือล้วง
ไปในโพรงที่ปลานีำอาศัยอยู่
เม่นทะเลหนามยาว DIADEMA URCHIN : Diadema setosum หนามมีสีดำามีลาย
สีขาวยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ทวารเปิดล้อมรอบด้วยวงแหวนสีแดงหรือสีส้ม อาศัยตามพืำน
ทรายในแนวปะการัง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 เซนติเมตร กินอินทรียสาร ไข่เม่นปรุงเป็นอาหารได้
มีหนามแหลมคมและมีพิษ
ดาวมงกุฎหนาม CROWN – OF – THORNS SEA STAR : Acanthaster
planci จำานวนแขนมีแตกต่างกันตัำงแต่ 15 - 23 แขน ลำาตัวมีหนามยาวคล้ายหนามเม่นยื่นออก
- 6. มาจำานวนมาก สีของลำาตัวและหนามมีความผันแปรแตกต่างกัน บางตัวมีหนามสีเทาหรือสีส้ม
บางตัวมีหนามสีม่วง เท้าท่อยื่นยาวได้มาก ตรงปลายมีปุ่มดูดที่แข็งแรง เป็นสัตว์ที่ทำาลายแนว
ปะการังเพราะชอบกินโพลิปปะการังเป็นอาหาร พบอยู่ตามแนวปะการังทั่วไปในน่านนำำาไทย มี
เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร มีหนามแหลมคมและมีพิษทำาให้เกิดแผลเรืำอรัง
ปลาที่อาศัยอยูบริเวณกองหิน
่
ปลากะรังส้ม BLACKTIP GROUPER : Epinephelus fasciatus มีสีสมแดงออก ้
ซีด บางทีพบสีเหลืองส้มหรือทอง มีจุดสีแดงหรือเหลืองที่ส่วนหัว ขอบด้านหลังของครีบหางมี
สีนำาเงินซีดและเส้นสีดำาจาง ๆ ส่วนหลังและครีบก้นมีขอบสีนำาเงินซีดอยู่ด้วย อาศัยอยู่ตามกลุ่ม
ปะการังและโขดหินระดับความลึก 20 – 250 เมตร พบในแถบอินโดแปซิฟิก มีขนาดใหญ่สุด 60
เซนติเมตร กินปลาเล็ก ๆ และสัตว์หน้าดิน เป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ปลากะรังหางซ้อน, กะรังจุดฟ้า DUSKYTAIL GROUPER: Plectropomus
maculatus ลำาตัวค่อนข้างกลม ตัวสีนำาตาล มีจุดสีฟ้ากระจายอยู่ทั่วตัว ครีบหลังตอนแรกเป็น
ก้านครีบแข็ง ตอนหลังเป็นก้านครีบอ่อน ครีบหางตัดเว้าเล็กน้อย ครีบทุกครีบมีสีคลำำาบริเวณ
ปลายครีบ ยกเว้นครีบอกมีสีจาง มีฟันแหลมคม อาศัยอยู่ทั่วไปในแนวปะการังทางฝั่งทะเล
อันดามัน มีขนาด 80 – 100 เซนติเมตร กินปลา ใช้เป็นอาหาร
ปลาฉลามกบ หรือปลาฉลามหิน BROWNBANDED BAMBOO SHARK :
Chiloscyllium punctatum ลำาตัวเรียวยาว ตาเล็ก หัวมน ริมฝีปากล่างหนา ใต้คางมีหนวด
ครีบอกกว้าง ครีบหางเรียว ตัวสีนำาตาล ท้องขาว แต่ในระยะอายุน้อยมีลายคาดสีดำาคล้ายตุ๊กแก
อาศัยอยู่ตามพืำนทะเลทั่วไป มีขนาด 1 เซนติเมตร กินกุ้ง ปู และหอย เป็นอาหาร
ปลากระเบนทองจุดฟ้า BLUE SPOTTED FANTAIL RAY : Taeniura lymma
แผ่นลำาตัวค่อนข้างกลม ปากเว้าโค้ง ที่ใต้ขอบตามีช่องอากาศกว้างใหญ่และโตกว่าตา หางทู่
และยาวกว่าแผ่นลำาตัว ด้านบนของหางมีหนามแหลมยาว 1 อัน ตรงใต้หนามมีแผ่นหนังคล้าย
ใบกล้วย ยาวตลอดไปถึงปลายสุดทาง ตัวสีเหลืองอ่อน มีจุดสีนำาเงินประบนแผ่นลำาตัว หางมี
แถบสีนำาเงินพาดตลอดข้างละแถบ ปลายสุดของหางมีสีขาว อาศัยตามแนวปะการังทั่วน่าน
นำำาไทย ขนาดกว้าง 15 – 25 เซนติเมตร กินสัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงามและเป็นอาหาร
ระบบนิเวศแหล่งหญ้าทะเล
แหล่งหญ้าทะเลทำาหน้าที่เสมือนระบบนิเวศที่เชื่อมโยงระหว่างระบบนิเวศป่าชายเลนและแนว
ปะการัง และแหล่งหญ้าทะเลยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด ที่มีความสำาคัญทาง
เศรษฐกิจ เช่น ลูกปลาเก๋า ปลิงทะเล ปูม้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำาคัญของ
พะยูนที่เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกด้วย นอกจากนีำหญ้าทะเลยังช่วยลดมลพิษในทะเล และ
ปรับปรุงคุณภาพนำำาให้ดีขึำน และช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่งได้เป็นอย่างดี
หญ้าทะเล เป็นพืชชัำนสูงที่มีดอกขึำนอยู่ในทะเล เป็นตัวทำาให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิต
ในทะเล ผลผลิตจากการสังเคราะห์แสงจะเป็นทัำงอาหารและให้ออกซิเจนแก่สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ใน
ทะเล เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นที่รวมของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ทัำงขนาดเล็กและ
ขนาดใหญ่ ตัำงแต่วยอ่อนจนถึงโตเต็มวัย ครบวงจรของห่วงโซ่อาหาร หญ้าทะเลที่พบบริเวณ
ั
ชายฝั่งในจังหวัดประจวบฯ คือ Halodule pinifolia มีชื่อภาษาไทยว่า "หญ้าผมนาง" และชื่อ
สามัญว่า fiber-strand grass ลักษณะต้นตัำงตรงเกิดจากเหง้า ผอมบาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่
เกิน 1 มิลลิเมตร ช่วงระหว่างเหง้ายาว 1.2 - 3.6 เซนติเมตร รากไม่แตกแขนงเกิดจากข้อ มี 2 -
4 เส้น ต่อข้อ แต่ละต้น มีใบ 2 - 3 ใบ ใบเรียวเล็กผอมยาว ส่วนล่างเป็นกาบใบมีความยาว 1.2 -
2.8 เซนติเมตร แผ่นใบยาว 5.6 - 23.0 เซนติเมตร กว้างประมาณ 0.6 มิลลิเมตร ปลายใบมน
แบบ obtuse มีรอยหยักเป็นฟันเลื่อย (serration) ขอบใบเรียบ เห็นเส้นกลางใบได้อย่างชัดเจน
บริเวณปลาย ใบไม่พบดอกและผลในช่วงที่ทำาการสำารวจ พบแพร่กระจายบริเวณหาดทุ่งนางดำา
และเกาะลูกกำาตก ทีระดับความลึก 1-3 เมตร ที่หาดทุ่งนางดำา หญ้าทะเลชนิดนีำจะขึำนปะปนกับ
่
หญ้าทะเลชนิด Halophila ovalis
แหล่งที่มา : ข้อมูลและภาพหญ้าทะเลโดย ชัชรี สุพันธุ์วณิช(http://www.ku.ac.th/e-
magazine/november44/agri/seagrasses.html)
- 7. พะยูน เป็นสัตว์เลียงลูกด้วยนมที่มีความใกล้ชิดกับช้าง มีขนาดยาวประมาณ 2 - 3 เมตร นำำาหนัก
ำ
ประมาณ 300 กิโลกรัม ใบหน้าคล้ายหมู แต่ไม่มีหู ขาคู่หน้าสัำนเปลี่ยนแปลงไปเป็นแผ่นแบน ๆ
คล้ายใบพายไม่มีนิำว ลำาตัวอ้วนกลม อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล ชอบอยูรวมกันเป็นฝูงใหญ่ กิน
่
หญ้าทะเลเป็นอาหาร ชนิดที่พบในประเทศไทยมีอยู่ชนิดเดียวคือ Dugong dugon ขนาดโตเต็ม
วัยประมาณ 4 เมตร นำำาหนัก 900 กิโลกรัม มีอายุ 50 - 55 ปี ปัจจุบันที่พบอยู่เป็นฝูงอยู่ที่อุทยาน
แห่งชาติหาดเจ้าไหม และเกาะลิบง จังหวัดตรัง
ตัวอย่าง สัตว์นำาในแหล่งหญ้าทะเล เช่น
สัตว์นำาในแหล่งหญ้าทะเล
ปลาปิ่นแก้ว, ปลาดุกทะเล, เป็ดแก้ว STRIPED SEA CATFISH : Plotosus l
ineatus ลำาตัวเรียวยาวแบนข้าง มีหนวด 4 คู่ ครีบหลังและครีบอกมีก้านครีบแข็ง ไม่มีครีบไข
มัน ครีบหลังอันที่สอง ครีบก้นและครีบหางเชื่อมติดกัน มีอวัยวะพิเศษช่วยในการหายใจ คือ
Dendritic Organ อยู่ที่รูก้น ด้านหลังลำาตัวมีสีดำาปนนำำาตาล ด้านท้องสีขาว ปลาขนาดเล็กจะมี
แถบสีขาวปนเหลือง 3 แถบพาดไปตามยาวลำาตัว อาศัยในนำำากร่อยและทะเลถึงแนวปะการัง พบ
ทั่วน่านนำำาไทย มีขนาด 30 - 50 เซนติเมตร กินสัตว์หน้าดิน ใช้เป็นอาหาร
หอยสังข์ตาล, หอยตาล, หอยลำาโพง BLOTCHED MELON SHELL : Melo
melo เป็นหอยฝาเดี่ยวมีเปลือกรูปไข่ เปลือกค่อนข้างบางสีนำาตาลแดงแต้มด้วยรอยปื้นสี
นำำาตาลไหม้ เนืำอหอยมีสีดำาอมม่วง เท้ามีลายสีขาวอมเหลืองเป็นเส้น ไม่มีแผ่นปิด อาศัยตามพืำน
ทะเลทีเป็นดินโคลน หรือทรายปนโคลน ในภาคตะวันออกและภาคใต้ มีขนาด 30 เซนติเมตร
่
กินหอยที่ตัวเล็กกว่า เนืำอใช้บริโภคได้และเปลือกใช้ทำาเครื่องประดับ
ดาวหนามแดง LINCK'S SEA STAR : Protoreaster lincki ลำาตัวเป็นรูปห้าแฉก
ด้านบนเป็นสันและมีหนามขนาดใหญ่สีแดงตรงกลางลำาตัว ด้านบนของแต่ละแขนมีหนามสีแดง
7 - 8 อัน เรียงเป็นแถวออกไปยังปลายแขน และมีเส้นสีแดงลากขนานไปทางด้านข้างด้วย
อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง บริเวณพืำนทะเลทางฝั่งมหาสมุทรอินเดียและไม่พบในอ่าวไทย มีเส้น
ผ่าศูนย์กลาง 20 เซนติเมตร กินอินทรียสาร และหอย 2 ฝาขนาดเล็ก นิยมใช้ประดับบ้าน
ปูเสฉวนยักษ์ GIANT HERMIT CRAB : Dardanus megistos ลำาตัวมีสีแดงแต้ม
ด้วยจุดขาวขอบสีช็อกโกแลตกระจายทั่วไป ก้านตาสีแดง โคนหนวดคู่ที่สองสีขาวยาวมากและมี
ขนแข็งกระจายอยู่ทั่วตัว ก้ามสองข้างขนาดไม่เท่ากัน ปล้องสุดท้ายของขาเดินสองคู่แรกเรียว
ยาว เป็นปูเสฉวนขนาดใหญ่สุดที่พบในน่านนำำาไทย อาศัยอยู่ตามพืำนทะเลที่ห่างฝั่ง มักพบอยู่ใน
เปลือกหอยสังข์จุกพราหมณ์ มีขนาด 20 เซนติเมตร กินพวกหนอนทะเล และสัตว์ทะเลขนาด
เล็ก ซากสัตว์ต่าง ๆ นำามาสตัฟฟ์ประดับตกแต่ง
ระบบนิเวศแนวปะการัง
แนวปะการังปกคลุมพืำนที่ประมาณร้อยละ 15 ของชายฝั่งทั่วโลก พบอยู่ในทะเลที่ตืำนและอบอุ่น
ทำาให้สามารถมองเห็นได้จากอากาศ เกิดจากกลุ่มหินรูปถ้วยขนาดเล็กกว่านิำวหัวแม่มือ จำานวน
หลายพันล้านกลุ่ม ถ้วยเล็ก ๆ เหล่านีำ เป็นที่อยูของตัวสร้างปะการัง (polyp) ขนาดจิ๋ว ซึ่งเป็น
่
สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้ทะเลและแมงกะพรุน เมื่อตัวสร้างปะการังตาย จะเหลือส่วนโครง
ร่างแข็งภายนอก ซึงเป็นที่ที่ตัวสร้างปะการังตัวใหม่เริ่มเจริญเติบโต
่
ปะการังมีชีวิตอยู่ได้ในทะเลที่สะอาด ตืำนพอที่แสงอาทิตย์ส่องถึง พบอยู่ทัำงในทะเลอ่าวไทยและ
ทะเลอันดามัน ในเขตจังหวัดประจวบคีรขันธ์ มีแนวปะการังที่เกาะพาง เกาะลูก เกาะรัฐ เกาะ
ี
ช้าง เกาะแหลม เกาะผิว เกาะอีแอ่น เกาะเหลื่อม เกาะหลัก เกาะแรด และเกาะจาน เป็นแนว
ปะการังแบบหย่อมทัำงหมด เป็นแหล่งอาศัยและแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเล
หลายชนิด
ปะการังเหล่านีำส่วนใหญ่ส่วนที่อยู่ใกล้ชายฝั่งจะมีสภาพเสื่อมโทรม ส่วนที่อยู่ห่างชายฝั่งจะมี
สภาพค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการตื่นตัวในการอนุรักษ์ปะการังกันมาก และมีการ
คุ้มครองแนวปะการังที่ได้ผลดี
ตัวอย่าง สัตว์นำาขนาดใหญ่ในแนวปะการังฝั่งอ่าวไทย และ สัตว์นำาขนาดเล็กในแนวปะการังฝั่ง
อ่าวไทย เช่น
พันธุ์ปลาขนาดใหญ่ในแนวปะการังฝั่งอ่าวไทย เช่น
- 8. ปลาสินสมุทรลายบัำง SIX - BANDED ANGELFISH : Pomacanthus sexstr
iatus ริมฝีปากหนา ครีบหลังทัำงสองตอนเชื่อมติดกัน ครีบอกเป็นรูปสามเหลี่ยม ตัวสีไพลอ่อน
ด้านหลังตามีคาดสีขาวจากด้านหลังลงมากลางแก้ม กลางตัวมีคาดสีดำา 6 แถบสีเข้มจางต่างกัน
ปลายครีบหลัง ครีบก้นและครีบหางมีจุดสีฟ้ากระจัดกระจาย อาศัยตามกองหินใต้นำา เกาะแก่ง
แนวปะการังในอ่าวไทยและฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ขนาด 30 เซนติเมตร กินกุ้ง หอย และฟองนำำา
เป็นปลาสวยงาม
ปลานกแก้ว RIVULATED PARROT FISH : Scarus fasciatus ลำาตัวแบนข้าง
ปากเล็ก ฟันใหญ่ ครีบหางปลายตัด ตัวสีเขียวอมฟ้า ส่วนหัวมีสีชมพูมีลายสีเขียวสลับ ครีบอก
และครีบท้องสีฟ้าและเหลือง อาศัยในกองหินใต้นำาและแนวปะการัง พบทั่วไป ทัำงในอ่าวไทย
และฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ขนาด 30 เซนติเมตร กินปะการังและสัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
และเป็นอาหาร
ปลานกขุนทองสองตอน, ปลานกขุนทองสองสี BLACKFIN WRASSE :
Hemigymnus melapterus รูปร่างยาวแบนข้าง ริมฝีปากหนาฟันด้านหน้าเป็นฟันเขีำยวอยู่
ข้างละ 2 ซี่ สีลำาตัวแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหน้าสีจางกว่าส่วนท้ายซึ่งมีสีนำาตาลอมดำา มีรอยแต้ม
สีนำาเงินอมดำาอยู่ด้านหลังตา 1 รอย ขอบตาเป็นวงสีขาว อาศัยตามหินกองและแนวปะการัง
ทั่วไป ขนาด 23 เซนติเมตร กินสัตว์หน้าดิน กุ้ง ปู และหอย เป็นปลาสวยงาม
ปลาเขียวพระอินทร์ MOON WRASSE : Thalassoma lunare ลำาตัวแบนเรียวยาว
ครีบหางเว้าเป็นรูปโค้งวงพระจันทร์ ตัวสีเขียว ด้านหน้ามีลายสีชมพู ครีบอกสีชมพูขอบฟ้า ขอบ
ครีบหลัง ครีบท้อง และครีบหางมีสีชมพูอมนำำาเงิน ปลายหางมีสีเหลืองรูปพระจันทร์เสียว อาศัย
ำ
อยู่ตามแนวปะการังริมชายฝั่งทั่วไปในอ่าวไทยและฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ขนาด 20 เซนติเมตร
กินสัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
พันธุ์ปลาขนาดเล็กในแนวปะการังฝั่งอ่าวไทย เช่น
ปลาม้าลาย HUMBUG DASCYLLUS : Dascyllus aruanus ลำาตัวแบนข้างค่อน
ข้างกลม ครีบหางเว้าตืำนมีปลายเรียว ตัวมีลายดำาเข้มบนพืำนขาว ครีบหลัง ครีบก้น และครีบท้อง
ดำา ครีบหางขาว อาศัยในแนวปะการัง พบมากในทะเลอันดามัน พบทั่วไป 5 - 6 เซนติเมตร
ขนาดใหญ่สุด 10 เซนติเมตร กินแพลงก์ตอน และสัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
ปลาสลิดหินฟ้า YELLOW - TAILED DAMSELFISH : Chrysiptera parase
ma ลำาตัวสีนำาเงิน ครีบหางสีเหลือง สีทัำงสองจะตัดกันน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึำน แต่เมื่อถูกจับ
อาจเปลียนสีเป็นสีนำาเงินอมม่วง อยู่รวมกันเป็นฝูง พบได้ตามน่านนำำาไทย ขนาด 4 เซนติเมตร
่
กินแพลงก์ตอนและสัตว์หน้าดินขนาดเล็ก เป็นปลาสวยงาม
ปลาสลิดหินเขียว GREEN PULLER : Chromis viridis เกล็ดใหญ่ ปากเล็ก ครีบ
หางเว้าลึก ตัวผู้ครีบหางจะยื่นยาวเป็นเส้นยาว และสีบนลำาตัวเข้ม อาศัยอยู่ตามหินกองใต้นำา
และบริเวณหน้าดิน ขนาด 10 - 15 เซนติเมตร กินสาหร่าย สัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
ปลาโดมิโน หรือ ปลาสลิดหินสามจุด THREE - SPOTTED DAMSELFISH,
DOMINO : Dascyllus trimaculatus ลำาตัวป้อมสัำนรูปไข่ ครีบหางเว้าตืำน ตัวสีดำามีจุดสี
ขาวอยู่เหนือตา 1 จุด กลางหลังเหนือเส้นข้างลำาตัวข้างละ 1 จุด จุดสีขาวเห็นได้ชัดในปลา
ขนาดเล็ก เมื่อโตเต็มที่จะเลือนหายไป พบอยูตามแนวปะการังทั่วไปในน่านนำำาไทย ขนาด 6
่
เซนติเมตร กินสัตว์หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
ระบบนิเวศทะเลฝั่งอันดามัน
ลักษณะทางกายภาพของทะเลฝั่งอันดามัน เป็นท้องทะเลสีเขียวมรกตที่มีนำาทะเลใสกระจ่างแล
เห็นพืำนนำำา ซึ่งโอบล้อมไว้ด้วยเกาะและหมู่เกาะจำานวนมาก มากด้วยพันธุ์ปลาขนาดใหญ่สีสัน
สวยงาม ทะเลอันดามันเป็นทะเลสีฟ้าครามสดใสด้วยแสงอาทิตย์ททอประกายบนผิวคลื่น เป็น
ี่
ทะเลทีเต็มไปด้วยสรรพธรรมชาติอันมหัศจรรย์
่
ทะเลอันดามันตอนเหนือ เป็นสถานที่ที่สวยงามเหมาะสำาหรับการดำานำำา ชายหาดสีขาวทอดยาว
อุดมด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ ได้แก่ เกาะสิมิลัน เกาะราชา
- 9. เกาะลันตา เกาะภูเก็ต เกาะไหง และเกาะลิบง บรรดาเกาะต่าง ๆ ทางตอนใต้สุดของทะเล
อันดามัน มีธรรมชาติที่เงียบสงบผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเกาะคือเสน่ห์แห่ง
ธรรมชาติอันรื่นรมย์ แนวปะการังนำำาตืำนสงบและสมบูรณ์ที่สุดของเมืองไทย เป็นหนึ่งในทะเลแห่ง
สุดท้ายทีธรรมชาติยังคงความงดงาม บริเวณป่าดงดิบเขตร้อนชืำน มีระบบนิเวศหลากหลายที่สุด
่
บนผืนดิน และบรรจบกับระบบนิเวศหลากหลายที่สุดของท้องทะเล คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะ
สุรินทร์ จังหวัดพังงา
ตัวอย่าง สัตว์นำาขนาดเล็กในแนวปะการังฝั่งอันดามัน และ สัตว์นำาขนาดใหญ่ในแนวปะการังฝั่ง
อันดามัน เช่น
พันธุ์ปลาขนาดเล็กในแนวปะการังฝั่งอันดามัน เช่น
ปลาโนรีเกล็ด, ปลาโนรี , ผีเสืำอครีบยาว PENNANT BUTTERFLY FISH :
Heniochus acuminatus ครีบหลังยื่นยาวเป็นเส้นเดียวออกไป ครีบหางตัดตรง ตัวสีขาว
เหลือง มีแถบสีดำาหรือม่วง 2 แถบ พาดขวางลำาตัวและครีบ ครีบหลัง ครีบอกและครีบหางสี
เหลืองอ่อน อาศัยในเขตชายฝั่งตืำน ๆ หินกอง และแนวปะการัง พบทั่วไป 15 - 25 เซนติเมตร
ขนาดใหญ่สุด 46 เซนติเมตร กินแพลงก์ตอนสัตว์ แมงกะพรุน และดอกไม้ทะเล เป็นปลา
สวยงาม
ปลาสลิดหินสามจุด, โดมิโน THREE - SPOTTED DAMSELFISH, DOMINO
: Dascyllus trimaculatus ลำาตัวป้อมสัำนรูปไข่ ครีบหางเว้าตืำน ตัวสีดำามีจดสีขาวอยู่เหนือ
ุ
ตา 1 จุด กลางหลังเหนือเส้นข้างลำาตัวข้างละ 1 จุด จุดสีขาวเห็นได้ชัดในปลาขนาดเล็ก เมื่อโต
เต็มที่จะเลือนหายไป พบอยู่ตามแนวปะการังทั่วไปในน่านนำำาไทย ขนาด 6 เซนติเมตร กินสัตว์
หน้าดิน เป็นปลาสวยงาม
ปลามุกประดิษฐ์ RETICULATE DASCYLLUS : Dascyllus reticulatus รูปร่าง
ค่อนข้างกลม ตัวสีขาวอมเหลือง มีแถบสีดำาพาดผ่านครีบอกเป็นแนวยาวจรดครีบท้อง และผ่าน
ตลอดถึงครีบหลังตอนบน อาศัยในทะเลตามแนวปะการังฝั่งอันดามัน ขนาด 9 เซนติเมตร กิน
สัตว์นำาขนาดเล็ก เป็นปลาสวยงาม
ปลากัดทะเล COMET : Calloplesiops altivelis ลำาตัวแบนข้างสีนำาเงินเข้มเกือบดำา
ครีบหลังและครีบท้องแผ่กว้าง มีจุดสีขาวกระจายอยู่ทั่วตัว และจุดสีดำาขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางลำา
ตัวบริเวณครีบหลัง ชอบหลบซ่อนตัวตามซอกหลืบ และออกหากินตอนกลางคืน โอกาสพบเห็น
จึงมีน้อย อาศัยในแนวปะการังทางฝั่งทะเลอันดามัน ขนาด 8 - 12 เซนติเมตร กินสัตว์นำาที่มี
ขนาดเล็กกว่า เป็นปลาสวยงาม
พันธุ์ปลาขนาดใหญ่ในแนวปะการังฝั่งอันดามัน เช่น
ปลานกแก้วเขียว RIVULATED PARROT FISH : Callyodon fasciatus รูปร่าง
ค่อนข้างป้อม ปากเล็กมีฟันเรียงกันเป็นแผ่น เกล็ดใหญ่ ตัวสีเขียว ฐานของเกล็ดสีแดง จะงอย
ปากและบริเวณแก้มมีสีแดงปนส้มและมีเส้นสีเขียว ครีบหางมีจุดสีเขียวประอยู่ทั่วไป อาศัยใน
หินกองและปะการังทั่วไปทัำงสองฝั่งทะเลไทย ขนาด 40 - 50 เซนติเมตร กินปะการัง สัตว์หน้า
ดิน ใช้เป็นอาหาร
ปลาขีำตังเบ็ดฟ้า POWDERBLUE SURGEONFISH : Acanthurus
leucosternon รูปร่างแบนข้าง ปากเล็ก ตัวสีฟ้า ครีบหลังและโคนหางสีเหลือง มีเงียงที่โคน
่
หาง เมื่อตายสีจะเปลียนเป็นสีนำาตาลอย่างรวดเร็ว อาศัยในทะเลอันดามัน ไม่พบในอ่าวไทย พบ
่
มากที่สิมิลัน ขนาด 30 เซนติเมตร กินสัตว์และพืช เป็นปลาสวยงาม
ปลาขีำตังเบ็ดเหลือง YELLOW SAILFIN TANG : Zebrosoma flavescens ลำา
ตัวแบนข้าง รูปร่างคล้ายสี่เหลียมขนมเปียกปูน ตัวสีเหลืองตลอด ครีบหางมีเงี่ยง ครีบหลังและ
่
ครีบก้นค่อนข้างใหญ่ อาศัยในแนวปะการังในทะเลอันดามัน ขนาด 20 - 25 เซนติเมตร กินสัตว์
นำำาขนาดเล็กและสาหร่ายทะเล เป็นปลาสวยงาม
ปลาวัวดำา BLACK TRIGGERFISH : Odonus niger ลำาตัวแบนข้างรูปไข่ ครีบหาง
เว้าลึกเป็นรูปจันทร์เสีำยวมีปลายเรียว ตัวสีนำาเงินอมเทา ปากมีลายคาดสีนำาเงินถึงครีบอกและตา
ขอบเกล็ดเป็นตารางเห็นได้ชัด ครีบหลังและครีบก้นมีขอบสีนำาเงิน ขนาดใหญ่สุด 40