SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  37
Télécharger pour lire hors ligne
พ.อ. มารวย ส่งทานินทร์
21 พฤศจิกายน 2556
By
Robert Heller
Published By Dorling Kindersley Ltd., London 2001
ISBN: 0789451581; 1st edition (April 1, 2000)
112 pages







Peter Ferdinand Drucker เป็ นชาว Austrian-born
American เป็ นที่ปรึกษา นักการศึกษา และ
ผูประพันธ์ตารา เกี่ยวกับปรัชญาและการปฏิบติ
้
ั
ในเรื่องการบริหารจัดการยุคใหม่
ชาตะ: 19 พ.ย. ค.ศ. 1909, Vienna, Austria
มรณะ: 11 พ.ย. ค.ศ. 2005, Claremont,
California, United States
การศึกษา: Johann Wolfgang Goethe University
of Frankfurt am Main
รางวัล: Presidential Medal of Freedom
ทฤษฎีทางธุรกิจ
Drucker เชื่อว่า ทฤษฎีทางธุรกิจ ของบริษทที่ต้งขึ้นมา หรือที่กาลัง
ั ั
ดาเนินการอยูข้ ึนกับ:
่
 1. สมมุตฐานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร (Assumptions about
ิ
the environment of the organization)
 2. สมมุตฐานด้านพันธกิจขององค์กร (Assumptions about the
ิ
specific mission of the organization)
 3. สมมุตฐานด้านความสามารถหลัก (Assumptions about the
ิ
core competencies needed to accomplish the organization’s
mission)
5 ประเด็นพิจารณา ของการนาเสนอนี้
 1. การจัดระบบเพื่อความสาเร็จทางธุรกิจ (Organizing for
Success in Business)
 2. ศิลปะของการบริหารในทางปฏิบติ (The Art of Management
ั
in Practice)
 3. การจัดการโดยมุ่งเน้นวัตถุประสงค์และการควบคุมตนเอง
(Managing by Objectives & Self-control)
 4. การจัดการนวัตกรรม (Harnessing the Power of Innovation)
 5. การจัดการความรู ้ (Responsible Knowledge Management)
1. การจัดระบบเพื่อความสาเร็จทางธุรกิจ
โครงสร้างแบบกระจายอานาจ
 ในปี ค.ศ. 1946 Drucker ประพันธ์หนังสือ ‘Concept of the
Corporation’”กล่าวถึง บริษท GM (General Motors) ที่ให้ความ
ั
เป็ นอิสระกับแผนกต่าง ๆ (ซึ่งการบริหารลักษณะนี้ ยังไม่เป็ นที่
นิยมในขณะนั้น) อย่างไรก็ตาม ยังมีการตัดสินใจสาคัญ ๆ ที่
แผนกต้องอาศัยสานักงานใหญ่คือ การเงิน ราคาขาย ค่าแรง
และการลงทุน
 Drucker เชื่อว่าการกระจายอานาจเป็ นส่วนสาคัญของความสาเร็จ
 เขาเป็ นคนค้นคิดคาศัพท์ ‘profit center’”คือ แผนกต่าง ๆ ที่มี
ความรับผิดชอบสูงต่อผลลัพธ์
ชุมชนปกครองตนเองในโรงงาน
 Drucker เชื่อในเรื่อง การมอบอานาจ (empowerment) และ
แนะนาให้ GM จัดตั้ง ชุมชนปกครองตนเองในโรงงาน (selfgoverning plant community) ที่สมาชิกมีสิทธิมีเสียงในการ
ตัดสินใจ เพื่อทาให้พนักงานมีความภูมิใจในการทางาน
 เขาวิจารณ์การทางานแบบสายพาน ว่าเป็ นระบบที่ไม่มี
ประสิทธิภาพ เพราะความเร็วขึ้นกับคนที่ทางานทีชาที่สุด และ
่ ้
การทางานซ้า ๆ ทาให้ผลิตภาพลดลง
ทฤษฎีทางธุรกิจ
 Drucker ระบุว่า ทฤษฎีทางธุรกิจ (theory of a business) คือ ชุด
ของสมมุตฐานที่องค์กรสร้างขึ้น และดาเนินการตามนั้น
ิ
ประกอบด้วย:
 สมมุติฐานเรื่อง สิ่งแวดล้อม พันธกิจ และความสามารถหลัก ต้องเป็ นจริง

 สมมุติฐานทั้งสามต้องเข้ากันได้ดี
 ทฤษฎีทางธุรกิจนี้ ต้องรูและเข้าใจทั ่วทั้งองค์กร
้
 ทฤษฎีทางธุรกิจ ต้องทดสอบสมาเสมอ และเปลี่ยนแปลงได้ถาจาเป็ น
่
้
มาตรการป้ องกันความล้มเหลวของทฤษฎีทางธุรกิจ มี 2 ประการคือ:
 การท้าทายสถานะปั จจุบนทีว่าดีแล้ว (Challenge the status quo) ทุก
ั ่
3 ปี องค์กรต้องท้าทายทุกผลิตภัณฑ์ ทุกบริการ ทุกนโยบาย ทุก
ช่องทางจาหน่าย ด้วยคาถามว่า ถ้าเราต้องเริ่มใหม่ เราจะทาอะไรที่
ต่างไปจากเดิม
 ให้ศึกษาความเป็ นไปของโลกภายนอก (Study what is going on
outside the business) “การเปลี่ยนแปลง น้อยครั้งนักที่จะเกิดใน
องค์กรเอง หรือลูกค้าขององค์กร”
 Drucker เชื่อว่า ถ้าองค์กรยังคงยึดถือวัตถุประสงค์เดิม ๆ ขององค์กร
จะทาให้ลาสมัย องค์กรต้องทบทวนปั จจัย ด้านสิ่งแวดล้อม พันธกิจ
้
และความสามารถหลัก อย่างสมาเสมอ
่
จากทฤษฎีสูการปฏิบติ
่
ั
 ให้ใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างพอเพียงและรอบคอบ ในเรื่องทีมี
่
ผลกระทบกับบุคคล
 มั ่นใจว่าบุคลากรทุกคน เข้าใจในธุรกิจที่กาลังดาเนินการอยู่
 ศึกษาโลกภายนอก รวมถึงลูกค้าและที่ไม่ใช่ลกค้า
ู
 ถ้าธุรกิจโตเร็วมาก ให้ทบทวนสมมุตฐานใหม่
ิ
 มองและเรียนรูจากความสาเร็จ ของผูอื่นและของตนเอง
้
้
 และเรียนรูจากความล้มเหลว โดยเฉพาะของตนเอง
้
2. ศิลปะของการบริหารในทางปฏิบติ
ั
ขอบเขตการบริหาร
 Drucker กล่าวว่า การบริหารเป็ นศิลปะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ที่อาศัย
การบูรณาการของความรูทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน
้
 แม้ว่าเขาจะมีพ้ ืนฐานเป็ นนักสถิติ และให้ความสาคัญด้านการเงิน แต่
เขาคิดว่า การบริหาร คือ การบูรณาการของระเบียบวินย (an
ั
integrating discipline)
 Drucker เชื่อว่าทุกองค์กรมีความคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่างกัน
คือ มีหลักการที่เหมือนกัน ต่างกันตรงรายละเอียดการปฏิบติ และทุก
ั
องค์กรมีปัญหาเหมือนกัน คือ เรื่องของคน
 เขามีความเชื่อว่า การบริหารคือ การนาองค์กรที่มีเป้ าประสงค์หลัก
โดยการใช้ความเข้มแข็งและความรูของบุคลากร เพื่อเพิ่มผลผลิต
้
ความสาคัญของลูกค้า
 Drucker กล่าวว่า ธุรกิจ ควรเป็ นการจัดระบบเพื่อทาให้ลกค้าเกิด
ู
ความพึงพอใจ
 เรืองทานองนี้ปรากฏอยูทั ่วไปในงานประพันธ์ของเขาว่า พื้นฐาน
่
่
หลักของธุรกิจ คือ ค่านิยมที่มุ่งเน้นลูกค้า และการตัดสินใจของ
ลูกค้า ดังนั้น นโยบายและกลยุทธ์ตองเริมต้นที่จดนี้ (The
้ ่
ุ
foundations have to be customer values and customer decisions.
It is with those that management policy and management
strategy increasingly will have to start.)
หน้าที่หลัก 5 ประการของผูจดการ
้ั
้
 1. ผูจดการเป็ นคนตังวัตถุประสงค์ (A manager sets objectives) และสื่อสาร
้ั
วัตถุประสงค์น้ ีให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รบรู ้
ั
 2. ผูจดการเป็ นผูจดระบบ (A manager organizes) เขาเป็ นคนตัดสินใจ ว่า
้ั
้ั
งานประกอบด้วยอะไรบ้าง และมอบหมายให้ใครทาหน้าที่อะไร
 3. ผูจดการเป็ นผูสร้างแรงจูงใจ (A manager motivates people) โดยการ
้ั
้
กาหนดค่าชดเชย การเลื่อนขั้น สร้างขวัญและกาลังใจให้กบบุคลากร
ั
 4. ผูจดการเป็ นผูวดผลงาน (A manager measures performance) เขาเป็ นผู ้
้ั
้ั
กาหนดผลงานของแต่ละบุคคล และทาให้มีความสอดคล้องกับหน่วยงาน
และขององค์กร
 5. ผูจดการมีการพัฒนาตนเองและผูอื่น (A manager develops himself and
้ั
้
others)
การประเมินตนเอง
 เราคือใคร ?
 อะไรคือจุดแข็งของเรา?
 เราทางานอย่างไร?
 เราขึ้นกับใคร?
 เรามีส่วนช่วยอะไรบ้าง ?

การประเมินหน่วยงาน
 หน้าที่ของหน่วยคืออะไร?
 ทรัพยากรของหน่วยมี
อะไรบ้าง?
 หน่วยทางานอย่างไร ?
 เราทาหน้าทีอะไรในหน่วย?
่
 ผูอื่นทาหน้าที่อะไรในหน่วย?
้
การวิเคราะห์รายงานป้ อนกลับ
 1. เมื่อตัดสินใจทาอะไร ให้บนทึกความคาดหวังของผลลัพธ์ที่จะ
ั
เกิดขึ้น
 2. ทบทวนผลลัพธ์ตามกาหนดห้วงเวลาเป็ นระยะ เทียบเคียงกับ
ความคาดหวังที่ต้งไว้
ั
 3. ใช้รายงานป้ อนกลับเป็ นตัวแนะนาและตัวกระตุน เพื่อเสริม
้
จุดแข็งและกาจัดจุดอ่อน
การวัดผลงาน
 Drucker แนะนาให้ใช้ การตรวจสอบทางธุรกิจ (business audits)
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทางาน ไม่เพียงแต่ใช้ตววัดด้าน
ั
การเงินเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ตาแหน่งในตลาด และ
ความสามารถด้านนวัตกรรม ประกอบการพิจารณาด้วย
 เขายังแนะนาว่า ผูจดการควรรูเกี่ยวกับค่าใช้จายของ ห่วงโซ่ทาง
้ั
้
่
ธุรกิจทั้งระบบ (entire economic chain) รวมถึงราคาที่คิดกับ
ลูกค้าด้วย
เครื่องมือการวินิจฉัยธุรกิจ :
 1. สารสนเทศพื้นฐาน (Foundation information) เช่น เงินสดหมุนเวียน
้
ยอดขาย และอัตราส่วนทางการเงินทังหลาย ที่ใช้คนหาและแก้ปัญหา
้
 2. สารสนเทศด้านผลผลิต (Productivity information) เช่น ค่าแรง การ
วิเคราะห์การเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจที่คมกับการลงทุน รวมถึงการ
ุ้
เทียบเคียงกับคู่แข่งขัน
 3. สารสนเทศด้านความสามารถหลัก (Competence information) ได้แก่
ตัววัดผลความสามารถด้านนวัตกรรม และความสามารถหลักของ
องค์กร
 4. สารสนเทศด้านการจัดสรรทรัพยากร (Resource-allocation
information) คือ ตัววัดผลตอบแทนการลงทุน ระยะเวลาการชาระหนี้
ค่าเสื่อมราคา
จากทฤษฎีสูการปฏิบติ
่
ั
 ทาให้มั ่นใจได้ว่า มีการสื่อสารที่ดีทั ่วทั้งองค์กร
 ใช้ประโยชน์จากรายงานป้ อนกลับ เพื่อเสริมจุดแข็ง
 ควบคุมประสิทธิภาพการทางานด้วย การตรวจสอบทางธุรกิจ
(business audit)
 ศึกษาค่าใช้จาย จนถึงราคาที่ลกค้ายอมจ่าย
่
ู
 ใช้ตววัดผลหลาย ๆ ตัว ไม่ใช่เพียงตัวเดียว
ั
 ตั้งความคาดหวังกับผลงานของบุคลากร และทางานอย่างเป็ น
ระบบ
 พัฒนา ความฉลาดทางธุรกิจ (business intelligence) ที่เกี่ยวกับคู่
แข่งขันที่แท้จริง และคู่แข่งขันในอนาคต ทั ่วทั้งโลก
3. การจัดการโดยมุ่งเน้นวัตถุประสงค์ และการ
ควบคุมตนเอง
ระบบการบริหารจัดการแบบบูรณาการ
6 ขั้นตอนของการบริหารแบบมุ่งเน้นวัตถุประสงค์ (MBO: Management
by Objectives) ซึ่งเป็ นระบบบริหารจากบนลงล่าง ที่นิยมกันมาก คือ
 1. ระบุวตถุประสงค์ขององค์กรโดยรวม
ั
 2. วิเคราะห์เป้ าหมาย และมอบหมายงานให้ผจดการแต่ละส่วน
ู้ ั
รับผิดชอบ
้
 3. ตังมาตรฐานของผลงาน
 4. ทาข้อตกลง และระบุวตถุประสงค์ที่ชดเจน
ั
ั
 5. ระบุเป้ าหมายของแต่ละบุคคล ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ
องค์กร
 6. จัดระบบสารสนเทศ เพือตรวจสอบการบรรลุผลของแต่ละ
่
วัตถุประสงค์
มุมมองของผลลัพธ์ที่สาคัญ
ในหนังสือ The Practice of Management (1954) Drucker กล่าวถึง 8
ตัววัดผลที่สาคัญคือ:
 Marketing
 Innovation
 Human Organization
 Financial Resources
 Physical Resources
 Productivity
 Social Responsibility
 Profit Requirements
การบริหารตนเอง
Drucker ให้คาแนะนาดังนี้
 การตัดสินใจที่มีประสิทธิผล (On effective decision-making): ให้แยก
เหตุการณ์เป็ น ที่เกิดซ้ ากับที่ไม่เคยเกิดมาก่อน เหตุการณ์ที่เคยเกิด
ให้แก้ดวยระบบ เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิด ให้แก้เป็ นเรื่อง ๆ ไป
้
 การปรับปรุงผลงาน (On improving performance): ให้รูจกตัวตนว่า
้ั
ถนัดการรับสารสนเทศแบบใด ว่าเป็ นแบบรายงานเป็ นลายลักษณ์
อักษร หรือแบบปากเปล่า ไม่ตองเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองถนัด
้
 การรูตนเอง (On knowing yourself): ให้ทางานในองค์กรที่มีค่านิยมที่
้
ตรงกับของตนเอง โดยถามว่า เรามีส่วนช่วยในเรื่องอะไรได้บาง
้
จากทฤษฎีสูการปฏิบติ
่
ั
 ไม่มีสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเพียงอย่างเดียว ในการบริหารบุคคล
 เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จัดสรรทรัพยากรให้กบโอกาส ไม่ใช่เพื่อ
ั
แก้ปัญหา
 รูพนธกิจขององค์กร และมีความเชื่อมั ่น
้ ั
 รูว่าตนเองสมควรทาอะไร อย่างไร แล้วลงมือทา
้
 รูจกตนเองว่าเป็ นคนตัดสินใจ หรือเป็ นผูให้คาแนะนา
้ั
้
 เรียนรูวิธีการบริหารตนเอง และช่วยผูอื่นได้เรียนรูดวย
้
้
้ ้
 ถามตนเองว่าสมควรทาอย่างไร มากกว่าทาตามคาสั ่งอย่าง
เคร่งครัด
4. การจัดการนวัตกรรม
การค้นหาการเปลี่ยนแปลง
โอกาสที่เกิดขึ้นภายในองค์กรหรืออุตสาหกรรม มี 4 ประการคือ
 สิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง (The unexpected) ได้แก่ ความสาเร็จ ความ
ล้มเหลว หรือเหตุการณ์ภายนอก ที่ไม่ได้คาดหวังไว้
 ความไม่สอดคล้องกัน (The incongruity) ระหว่างความเป็ นจริงที่
เกิดขึ้น กับความเป็ นจริงที่น่าจะเป็ น (ought to be)
 นวัตกรรมที่เกิดจากความต้องการของกระบวนการ (Innovation based
on process need)
 การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือการตลาด ที่ไม่มี
ใครเฉลียวใจ (Changes in industry structure or market structure that
catch everyone unaware)
แหล่งของการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก
Drucker ระบุ 3 แหล่งของการเปลี่ยนแปลงคือ:
 การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร (Demographics or population
changes)
 การเปลี่ยนแปลงด้านการรับรู ้ อารมณ์ และความหมาย
(Changes in perception, mood and meaning)
 ความรูใหม่ ทั้งที่เป็ นวิทยาศาสตร์และไม่ใช่วิทยาศาสตร์ (New
้
knowledge, both scientific and non-scientific)
หลักการของนวัตกรรม
 Drucker เชื่อว่า นวัตกรรมเป็ นผลจาก การวิเคราะห์ ระบบ และ
การทางานหนัก เขาได้แนะนา 5 สิ่งที่ควรทา คือ :
 1. การวิเคราะห์โอกาส
 2. ออกไปดู ถาม แล้วฟั ง
 3. ทาให้เรียบง่าย ใส่ใจตลอดเวลา
 4. เริมเล็ก ๆ ก่อน ทาทีละอย่างโดยเฉพาะเจาะจง
่
 5. มุ่งสูความเป็ นผูนาด้านตลาด
่
้
รูธุรกิจอย่างทะลุปรุโปร่ง
้
 Drucker แนะนาให้ใช้ 4 คาถาม คือ:
 1. ผลิตภัณฑ์น้ ี จะยังคงเติบโตอีกนานหรือไม่?
 2. ผลิตภัณฑ์น้ ี จะธารงอยูในตลาดได้อีกนานเท่าใด?
่
 3. อีกนานหรือไม่ที่ผลิตภัณฑ์น้ ี จะเสื่อมความนิยม และด้วย
อัตราเร็วเท่าใด?
 4. เมื่อใดที่ผลิตภัณฑ์น้ ี จะล้าสมัย?
 คาตอบเหล่านี้จะระบุช่องว่าง ระหว่างวัตถุประสงค์ของบริษท
ั
และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง นวัตกรรมจะมาช่วยปิ ดช่องว่างนี้ได้
การจัดการกับความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
4 หัวข้อในการจัดการกับความเสี่ยง
 1. การมุ่งเน้นตลาด (Market focus) มีความอ่อนตัวพอ ที่จะระบุ
ความผิดพลาด แล้วรีบเปลี่ยนวิกฤตให้เป็ นโอกาส
 2. พยากรณ์ดานการเงิน (Financial foresight, especially in
้
planning for cash flow and capital needs ahead) อย่าเน้นผลกาไร
อย่างเดียว ให้จดลาดับความสาคัญคือ มีรูปแบบการควบคุม การ
ั
มีเงินสดหมุนเวียน และมีเงินลงทุน ซึ่งเป็ นสิ่งจาเป็ นของธุรกิจ
 3. สร้างทีมบริหารให้พร้อม ก่อนเกิดสถานการณ์เสี่ยง
 4. การตัดสินใจของผูก่อตั้ง เป็ นสิ่งสาคัญ ต้องคานึงถึงด้วย
้
กลยุทธ์แบบนักลงทุน :
้
 1. คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก (Fustest with the Mostest) คือ มุ่งเป็ นผูนาตลาดตังแต่
้
แรกเริ่ม
 2. ทาในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทา (Hitting Them Where They Ain’t) ไม่ว่าเป็ นการ
ลอกเลียน หรือก้าวล้ากว่าผูที่เป็ นต้นแบบ เช่นเดียวกับหลักการที่ญี่ปุ่นใช้
้
 3. หาจุดเฉพาะ (ecological niche) แล้วเป็ นผูผกขาดในตลาดที่เป็ นเฉพาะนั้น
ู้
(obtaining a practical monopoly in a small area.)
 4. เปลี่ยนคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ตลาด หรือ อุตสาหกรรมโดยใช้





a) คุณลักษณะที่เป็ นประโยชน์ตอผูใช้
่ ้
b) กลยุทธ์ดานราคา
้
c) จากการปรับตัวของลูกค้าด้านสังคมและเศรษฐกิจ
d) ส่งมอบสิ่งที่มีคณค่าในสายตาของลูกค้า
ุ
5. การจัดการความรู ้
การพัฒนาในอนาคต
 Drucker กล่าวว่าแนวโน้มผูสูงวัยจะมากขึ้นในโลกตะวันตกและ
้
ญี่ปุ่น เขาจึงทานายว่า:
 อายุการเกษียณจะเพิ่มเป็ น 75 ปี ก่อน ค.ศ. 2010
 เศรษฐกิจจะโตได้ จากผลผลิตของบุคลากรที่มีความรู ้
(knowledge workers)
 จะไม่มีประเทศใดเป็ นผูนาด้านเศรษฐกิจในโลกแต่ผเดียว
้
ู้
การเพิ่มบทบาทของการบริหารจัดการ
 Drucker เชื่อว่าการบริหารจัดการ จะขยายตัวไปสูองค์กรที่ไม่
่
แสวงหากาไร และองค์กรทางสังคม โดยเฉพาะ การศึกษา และ
การรักษาพยาบาล เพราะทั้งสองกลุมนี้ ยังคงมีการใช้วิธีการ
่
ดาเนินการ มากกว่าใช้การบริหารจัดการ (both of which are
today over-administered and undermanaged)
 เขาให้ความเห็นว่า การให้ความสาคัญด้านสังคม ยังติดตามด้าน
เศรษฐกิจไม่ทน การบริหารจัดการ จึงต้องมีบทบาทมากกว่านี้ ใน
ั
กลุมดังกล่าว
่
ความรับผิดชอบด้านจริยธรรม
 Drucker กล่าวว่า เป็ นเรืองน่ากลัวที่ผบริหารยังมีความโลภ มีการ
่
ู้
ให้เงินรางวัลกับผูบริหารที่ไล่พนักงานออก เพื่อลดค่าใช้จาย ว่า
้
่
ทาได้ดี เขาไม่พอใจกับการบริหารในยุคนั้น และเห็นว่า การให้
เงินรางวัลผูบริหารระดับสูงจานวนมากมาย เป็ นเรืองที่ไม่ถูกต้อง
้
่
 เขามีความเชื่อว่า ในศตวรรษที่ 21 ภาคส่วนที่จะมีการเติบโต
มากขึ้น คือ องค์กรไม่แสวงหากาไร ได้แก่ การศึกษา การ
รักษาพยาบาล และ การศาสนา
Thomas Jefferson

Contenu connexe

Tendances

การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel
การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excelการใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel
การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excelพัน พัน
 
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมSiririn Noiphang
 
ปตท จำกัด(มหาชน)
ปตท จำกัด(มหาชน)ปตท จำกัด(มหาชน)
ปตท จำกัด(มหาชน)Love Plukkie Zaa
 
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origami
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origamiIS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origami
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origamiเติ้ล ดาว'เหนือ
 
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่Aj.Mallika Phongphaew
 
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำklarharn
 
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน Dr.Choen Krainara
 
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำบทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำAj.Mallika Phongphaew
 
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์ธนิสร ยางคำ
 
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
การบริหารแบบมีส่วนร่วมการบริหารแบบมีส่วนร่วม
การบริหารแบบมีส่วนร่วมPhakawat Owat
 
บทที่ 4 การพยากรณ์
บทที่ 4 การพยากรณ์บทที่ 4 การพยากรณ์
บทที่ 4 การพยากรณ์Dr.Krisada [Hua] RMUTT
 
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทDr.Krisada [Hua] RMUTT
 
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการTwatchai Tangutairuang
 
9789740330660
97897403306609789740330660
9789740330660CUPress
 
Introduction to innovation management
Introduction to innovation managementIntroduction to innovation management
Introduction to innovation managementSurang Judistprasert
 
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2teerachon
 
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทDr.Krisada [Hua] RMUTT
 

Tendances (20)

การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel
การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excelการใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel
การใช้สูตรในการคำนวณ โปรแกรม Microsoft Excel
 
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
 
ปตท จำกัด(มหาชน)
ปตท จำกัด(มหาชน)ปตท จำกัด(มหาชน)
ปตท จำกัด(มหาชน)
 
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origami
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origamiIS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origami
IS2 คณิตศาสตร์กับการพับกระดาษแบบสอด origami
 
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่
บทที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การสมัยใหม่
 
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำ
 
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน
การค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อน
 
Strategic planning
Strategic planningStrategic planning
Strategic planning
 
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำบทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
บทที่ 7 อำนาจและภาวะผู้นำ
 
03 ma
03 ma03 ma
03 ma
 
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
 
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
การบริหารแบบมีส่วนร่วมการบริหารแบบมีส่วนร่วม
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
 
บทที่ 4 การพยากรณ์
บทที่ 4 การพยากรณ์บทที่ 4 การพยากรณ์
บทที่ 4 การพยากรณ์
 
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
 
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
ทฤษฏีภาวะผู้นำและภาวะผู้นำทางวิชาการ
 
9789740330660
97897403306609789740330660
9789740330660
 
Introduction to innovation management
Introduction to innovation managementIntroduction to innovation management
Introduction to innovation management
 
System management
System managementSystem management
System management
 
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
แบบทดสอบ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2
 
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บทตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
 

Similaire à เรียนรู้จากกูรูด้านบริหาร Peter Drucker

Chapter 4 strategic innovation management
Chapter 4 strategic innovation managementChapter 4 strategic innovation management
Chapter 4 strategic innovation managementTeetut Tresirichod
 
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfOKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfmaruay songtanin
 
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...Teetut Tresirichod
 
9789740335603
97897403356039789740335603
9789740335603CUPress
 
วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation
 วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation
วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentationmaruay songtanin
 
การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...
 การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D... การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...
การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...maruay songtanin
 
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture maruay songtanin
 
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win maruay songtanin
 
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การChapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การwanna2728
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารguest6b6fea3
 
การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)Yingjira Panomai
 
องค์กร+Pr..
องค์กร+Pr..องค์กร+Pr..
องค์กร+Pr..Areerat Robkob
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้Nona Khet
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change maruay songtanin
 
Hr and organization innovation@KKU 20140824
Hr and organization innovation@KKU 20140824Hr and organization innovation@KKU 20140824
Hr and organization innovation@KKU 20140824pantapong
 
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership maruay songtanin
 

Similaire à เรียนรู้จากกูรูด้านบริหาร Peter Drucker (20)

Chapter 4 strategic innovation management
Chapter 4 strategic innovation managementChapter 4 strategic innovation management
Chapter 4 strategic innovation management
 
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfOKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
 
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...
Chapter 5 importing technology and creating innovations in the context of inn...
 
Chapter(1)
Chapter(1)Chapter(1)
Chapter(1)
 
9789740335603
97897403356039789740335603
9789740335603
 
หลักการบริหาร
หลักการบริหารหลักการบริหาร
หลักการบริหาร
 
วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation
 วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation
วัฒนธรรมการทดลอง Culture of experimentation
 
การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...
 การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D... การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...
การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ To become a learning organization (The Fifth D...
 
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture
การสร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ High performance culture
 
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
 
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การChapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
 
Plans
PlansPlans
Plans
 
Organization Theory
Organization TheoryOrganization Theory
Organization Theory
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหาร
 
การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)การบริหาร(เอาจริง)
การบริหาร(เอาจริง)
 
องค์กร+Pr..
องค์กร+Pr..องค์กร+Pr..
องค์กร+Pr..
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change
การบริหารการเปลี่ยนแปลง Managing change
 
Hr and organization innovation@KKU 20140824
Hr and organization innovation@KKU 20140824Hr and organization innovation@KKU 20140824
Hr and organization innovation@KKU 20140824
 
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
สี่มิติในการบริหารองค์กร Performance leadership
 

Plus de maruay songtanin

200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

Plus de maruay songtanin (20)

200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
200 สาธุสีลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
197 มิตตามิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
193 จูฬปทุมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
191 รุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
188 สีหโกตถุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
185 อนภิรติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
184 คิริทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
183 วาโลทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
182 สังคามาวจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
180 ทุทททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
179 สตธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

เรียนรู้จากกูรูด้านบริหาร Peter Drucker

  • 2. By Robert Heller Published By Dorling Kindersley Ltd., London 2001 ISBN: 0789451581; 1st edition (April 1, 2000) 112 pages
  • 3.      Peter Ferdinand Drucker เป็ นชาว Austrian-born American เป็ นที่ปรึกษา นักการศึกษา และ ผูประพันธ์ตารา เกี่ยวกับปรัชญาและการปฏิบติ ้ ั ในเรื่องการบริหารจัดการยุคใหม่ ชาตะ: 19 พ.ย. ค.ศ. 1909, Vienna, Austria มรณะ: 11 พ.ย. ค.ศ. 2005, Claremont, California, United States การศึกษา: Johann Wolfgang Goethe University of Frankfurt am Main รางวัล: Presidential Medal of Freedom
  • 4. ทฤษฎีทางธุรกิจ Drucker เชื่อว่า ทฤษฎีทางธุรกิจ ของบริษทที่ต้งขึ้นมา หรือที่กาลัง ั ั ดาเนินการอยูข้ ึนกับ: ่  1. สมมุตฐานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร (Assumptions about ิ the environment of the organization)  2. สมมุตฐานด้านพันธกิจขององค์กร (Assumptions about the ิ specific mission of the organization)  3. สมมุตฐานด้านความสามารถหลัก (Assumptions about the ิ core competencies needed to accomplish the organization’s mission)
  • 5. 5 ประเด็นพิจารณา ของการนาเสนอนี้  1. การจัดระบบเพื่อความสาเร็จทางธุรกิจ (Organizing for Success in Business)  2. ศิลปะของการบริหารในทางปฏิบติ (The Art of Management ั in Practice)  3. การจัดการโดยมุ่งเน้นวัตถุประสงค์และการควบคุมตนเอง (Managing by Objectives & Self-control)  4. การจัดการนวัตกรรม (Harnessing the Power of Innovation)  5. การจัดการความรู ้ (Responsible Knowledge Management)
  • 7. โครงสร้างแบบกระจายอานาจ  ในปี ค.ศ. 1946 Drucker ประพันธ์หนังสือ ‘Concept of the Corporation’”กล่าวถึง บริษท GM (General Motors) ที่ให้ความ ั เป็ นอิสระกับแผนกต่าง ๆ (ซึ่งการบริหารลักษณะนี้ ยังไม่เป็ นที่ นิยมในขณะนั้น) อย่างไรก็ตาม ยังมีการตัดสินใจสาคัญ ๆ ที่ แผนกต้องอาศัยสานักงานใหญ่คือ การเงิน ราคาขาย ค่าแรง และการลงทุน  Drucker เชื่อว่าการกระจายอานาจเป็ นส่วนสาคัญของความสาเร็จ  เขาเป็ นคนค้นคิดคาศัพท์ ‘profit center’”คือ แผนกต่าง ๆ ที่มี ความรับผิดชอบสูงต่อผลลัพธ์
  • 8. ชุมชนปกครองตนเองในโรงงาน  Drucker เชื่อในเรื่อง การมอบอานาจ (empowerment) และ แนะนาให้ GM จัดตั้ง ชุมชนปกครองตนเองในโรงงาน (selfgoverning plant community) ที่สมาชิกมีสิทธิมีเสียงในการ ตัดสินใจ เพื่อทาให้พนักงานมีความภูมิใจในการทางาน  เขาวิจารณ์การทางานแบบสายพาน ว่าเป็ นระบบที่ไม่มี ประสิทธิภาพ เพราะความเร็วขึ้นกับคนที่ทางานทีชาที่สุด และ ่ ้ การทางานซ้า ๆ ทาให้ผลิตภาพลดลง
  • 9. ทฤษฎีทางธุรกิจ  Drucker ระบุว่า ทฤษฎีทางธุรกิจ (theory of a business) คือ ชุด ของสมมุตฐานที่องค์กรสร้างขึ้น และดาเนินการตามนั้น ิ ประกอบด้วย:  สมมุติฐานเรื่อง สิ่งแวดล้อม พันธกิจ และความสามารถหลัก ต้องเป็ นจริง  สมมุติฐานทั้งสามต้องเข้ากันได้ดี  ทฤษฎีทางธุรกิจนี้ ต้องรูและเข้าใจทั ่วทั้งองค์กร ้  ทฤษฎีทางธุรกิจ ต้องทดสอบสมาเสมอ และเปลี่ยนแปลงได้ถาจาเป็ น ่ ้
  • 10. มาตรการป้ องกันความล้มเหลวของทฤษฎีทางธุรกิจ มี 2 ประการคือ:  การท้าทายสถานะปั จจุบนทีว่าดีแล้ว (Challenge the status quo) ทุก ั ่ 3 ปี องค์กรต้องท้าทายทุกผลิตภัณฑ์ ทุกบริการ ทุกนโยบาย ทุก ช่องทางจาหน่าย ด้วยคาถามว่า ถ้าเราต้องเริ่มใหม่ เราจะทาอะไรที่ ต่างไปจากเดิม  ให้ศึกษาความเป็ นไปของโลกภายนอก (Study what is going on outside the business) “การเปลี่ยนแปลง น้อยครั้งนักที่จะเกิดใน องค์กรเอง หรือลูกค้าขององค์กร”  Drucker เชื่อว่า ถ้าองค์กรยังคงยึดถือวัตถุประสงค์เดิม ๆ ขององค์กร จะทาให้ลาสมัย องค์กรต้องทบทวนปั จจัย ด้านสิ่งแวดล้อม พันธกิจ ้ และความสามารถหลัก อย่างสมาเสมอ ่
  • 11. จากทฤษฎีสูการปฏิบติ ่ ั  ให้ใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างพอเพียงและรอบคอบ ในเรื่องทีมี ่ ผลกระทบกับบุคคล  มั ่นใจว่าบุคลากรทุกคน เข้าใจในธุรกิจที่กาลังดาเนินการอยู่  ศึกษาโลกภายนอก รวมถึงลูกค้าและที่ไม่ใช่ลกค้า ู  ถ้าธุรกิจโตเร็วมาก ให้ทบทวนสมมุตฐานใหม่ ิ  มองและเรียนรูจากความสาเร็จ ของผูอื่นและของตนเอง ้ ้  และเรียนรูจากความล้มเหลว โดยเฉพาะของตนเอง ้
  • 13. ขอบเขตการบริหาร  Drucker กล่าวว่า การบริหารเป็ นศิลปะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ที่อาศัย การบูรณาการของความรูทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน ้  แม้ว่าเขาจะมีพ้ ืนฐานเป็ นนักสถิติ และให้ความสาคัญด้านการเงิน แต่ เขาคิดว่า การบริหาร คือ การบูรณาการของระเบียบวินย (an ั integrating discipline)  Drucker เชื่อว่าทุกองค์กรมีความคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่างกัน คือ มีหลักการที่เหมือนกัน ต่างกันตรงรายละเอียดการปฏิบติ และทุก ั องค์กรมีปัญหาเหมือนกัน คือ เรื่องของคน  เขามีความเชื่อว่า การบริหารคือ การนาองค์กรที่มีเป้ าประสงค์หลัก โดยการใช้ความเข้มแข็งและความรูของบุคลากร เพื่อเพิ่มผลผลิต ้
  • 14. ความสาคัญของลูกค้า  Drucker กล่าวว่า ธุรกิจ ควรเป็ นการจัดระบบเพื่อทาให้ลกค้าเกิด ู ความพึงพอใจ  เรืองทานองนี้ปรากฏอยูทั ่วไปในงานประพันธ์ของเขาว่า พื้นฐาน ่ ่ หลักของธุรกิจ คือ ค่านิยมที่มุ่งเน้นลูกค้า และการตัดสินใจของ ลูกค้า ดังนั้น นโยบายและกลยุทธ์ตองเริมต้นที่จดนี้ (The ้ ่ ุ foundations have to be customer values and customer decisions. It is with those that management policy and management strategy increasingly will have to start.)
  • 15. หน้าที่หลัก 5 ประการของผูจดการ ้ั ้  1. ผูจดการเป็ นคนตังวัตถุประสงค์ (A manager sets objectives) และสื่อสาร ้ั วัตถุประสงค์น้ ีให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รบรู ้ ั  2. ผูจดการเป็ นผูจดระบบ (A manager organizes) เขาเป็ นคนตัดสินใจ ว่า ้ั ้ั งานประกอบด้วยอะไรบ้าง และมอบหมายให้ใครทาหน้าที่อะไร  3. ผูจดการเป็ นผูสร้างแรงจูงใจ (A manager motivates people) โดยการ ้ั ้ กาหนดค่าชดเชย การเลื่อนขั้น สร้างขวัญและกาลังใจให้กบบุคลากร ั  4. ผูจดการเป็ นผูวดผลงาน (A manager measures performance) เขาเป็ นผู ้ ้ั ้ั กาหนดผลงานของแต่ละบุคคล และทาให้มีความสอดคล้องกับหน่วยงาน และขององค์กร  5. ผูจดการมีการพัฒนาตนเองและผูอื่น (A manager develops himself and ้ั ้ others)
  • 16. การประเมินตนเอง  เราคือใคร ?  อะไรคือจุดแข็งของเรา?  เราทางานอย่างไร?  เราขึ้นกับใคร?  เรามีส่วนช่วยอะไรบ้าง ? การประเมินหน่วยงาน  หน้าที่ของหน่วยคืออะไร?  ทรัพยากรของหน่วยมี อะไรบ้าง?  หน่วยทางานอย่างไร ?  เราทาหน้าทีอะไรในหน่วย? ่  ผูอื่นทาหน้าที่อะไรในหน่วย? ้
  • 17. การวิเคราะห์รายงานป้ อนกลับ  1. เมื่อตัดสินใจทาอะไร ให้บนทึกความคาดหวังของผลลัพธ์ที่จะ ั เกิดขึ้น  2. ทบทวนผลลัพธ์ตามกาหนดห้วงเวลาเป็ นระยะ เทียบเคียงกับ ความคาดหวังที่ต้งไว้ ั  3. ใช้รายงานป้ อนกลับเป็ นตัวแนะนาและตัวกระตุน เพื่อเสริม ้ จุดแข็งและกาจัดจุดอ่อน
  • 18. การวัดผลงาน  Drucker แนะนาให้ใช้ การตรวจสอบทางธุรกิจ (business audits) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทางาน ไม่เพียงแต่ใช้ตววัดด้าน ั การเงินเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ตาแหน่งในตลาด และ ความสามารถด้านนวัตกรรม ประกอบการพิจารณาด้วย  เขายังแนะนาว่า ผูจดการควรรูเกี่ยวกับค่าใช้จายของ ห่วงโซ่ทาง ้ั ้ ่ ธุรกิจทั้งระบบ (entire economic chain) รวมถึงราคาที่คิดกับ ลูกค้าด้วย
  • 19. เครื่องมือการวินิจฉัยธุรกิจ :  1. สารสนเทศพื้นฐาน (Foundation information) เช่น เงินสดหมุนเวียน ้ ยอดขาย และอัตราส่วนทางการเงินทังหลาย ที่ใช้คนหาและแก้ปัญหา ้  2. สารสนเทศด้านผลผลิต (Productivity information) เช่น ค่าแรง การ วิเคราะห์การเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจที่คมกับการลงทุน รวมถึงการ ุ้ เทียบเคียงกับคู่แข่งขัน  3. สารสนเทศด้านความสามารถหลัก (Competence information) ได้แก่ ตัววัดผลความสามารถด้านนวัตกรรม และความสามารถหลักของ องค์กร  4. สารสนเทศด้านการจัดสรรทรัพยากร (Resource-allocation information) คือ ตัววัดผลตอบแทนการลงทุน ระยะเวลาการชาระหนี้ ค่าเสื่อมราคา
  • 20. จากทฤษฎีสูการปฏิบติ ่ ั  ทาให้มั ่นใจได้ว่า มีการสื่อสารที่ดีทั ่วทั้งองค์กร  ใช้ประโยชน์จากรายงานป้ อนกลับ เพื่อเสริมจุดแข็ง  ควบคุมประสิทธิภาพการทางานด้วย การตรวจสอบทางธุรกิจ (business audit)  ศึกษาค่าใช้จาย จนถึงราคาที่ลกค้ายอมจ่าย ่ ู  ใช้ตววัดผลหลาย ๆ ตัว ไม่ใช่เพียงตัวเดียว ั  ตั้งความคาดหวังกับผลงานของบุคลากร และทางานอย่างเป็ น ระบบ  พัฒนา ความฉลาดทางธุรกิจ (business intelligence) ที่เกี่ยวกับคู่ แข่งขันที่แท้จริง และคู่แข่งขันในอนาคต ทั ่วทั้งโลก
  • 22. ระบบการบริหารจัดการแบบบูรณาการ 6 ขั้นตอนของการบริหารแบบมุ่งเน้นวัตถุประสงค์ (MBO: Management by Objectives) ซึ่งเป็ นระบบบริหารจากบนลงล่าง ที่นิยมกันมาก คือ  1. ระบุวตถุประสงค์ขององค์กรโดยรวม ั  2. วิเคราะห์เป้ าหมาย และมอบหมายงานให้ผจดการแต่ละส่วน ู้ ั รับผิดชอบ ้  3. ตังมาตรฐานของผลงาน  4. ทาข้อตกลง และระบุวตถุประสงค์ที่ชดเจน ั ั  5. ระบุเป้ าหมายของแต่ละบุคคล ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ องค์กร  6. จัดระบบสารสนเทศ เพือตรวจสอบการบรรลุผลของแต่ละ ่ วัตถุประสงค์
  • 23. มุมมองของผลลัพธ์ที่สาคัญ ในหนังสือ The Practice of Management (1954) Drucker กล่าวถึง 8 ตัววัดผลที่สาคัญคือ:  Marketing  Innovation  Human Organization  Financial Resources  Physical Resources  Productivity  Social Responsibility  Profit Requirements
  • 24. การบริหารตนเอง Drucker ให้คาแนะนาดังนี้  การตัดสินใจที่มีประสิทธิผล (On effective decision-making): ให้แยก เหตุการณ์เป็ น ที่เกิดซ้ ากับที่ไม่เคยเกิดมาก่อน เหตุการณ์ที่เคยเกิด ให้แก้ดวยระบบ เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิด ให้แก้เป็ นเรื่อง ๆ ไป ้  การปรับปรุงผลงาน (On improving performance): ให้รูจกตัวตนว่า ้ั ถนัดการรับสารสนเทศแบบใด ว่าเป็ นแบบรายงานเป็ นลายลักษณ์ อักษร หรือแบบปากเปล่า ไม่ตองเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองถนัด ้  การรูตนเอง (On knowing yourself): ให้ทางานในองค์กรที่มีค่านิยมที่ ้ ตรงกับของตนเอง โดยถามว่า เรามีส่วนช่วยในเรื่องอะไรได้บาง ้
  • 25. จากทฤษฎีสูการปฏิบติ ่ ั  ไม่มีสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเพียงอย่างเดียว ในการบริหารบุคคล  เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จัดสรรทรัพยากรให้กบโอกาส ไม่ใช่เพื่อ ั แก้ปัญหา  รูพนธกิจขององค์กร และมีความเชื่อมั ่น ้ ั  รูว่าตนเองสมควรทาอะไร อย่างไร แล้วลงมือทา ้  รูจกตนเองว่าเป็ นคนตัดสินใจ หรือเป็ นผูให้คาแนะนา ้ั ้  เรียนรูวิธีการบริหารตนเอง และช่วยผูอื่นได้เรียนรูดวย ้ ้ ้ ้  ถามตนเองว่าสมควรทาอย่างไร มากกว่าทาตามคาสั ่งอย่าง เคร่งครัด
  • 27. การค้นหาการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่เกิดขึ้นภายในองค์กรหรืออุตสาหกรรม มี 4 ประการคือ  สิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง (The unexpected) ได้แก่ ความสาเร็จ ความ ล้มเหลว หรือเหตุการณ์ภายนอก ที่ไม่ได้คาดหวังไว้  ความไม่สอดคล้องกัน (The incongruity) ระหว่างความเป็ นจริงที่ เกิดขึ้น กับความเป็ นจริงที่น่าจะเป็ น (ought to be)  นวัตกรรมที่เกิดจากความต้องการของกระบวนการ (Innovation based on process need)  การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือการตลาด ที่ไม่มี ใครเฉลียวใจ (Changes in industry structure or market structure that catch everyone unaware)
  • 28. แหล่งของการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก Drucker ระบุ 3 แหล่งของการเปลี่ยนแปลงคือ:  การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร (Demographics or population changes)  การเปลี่ยนแปลงด้านการรับรู ้ อารมณ์ และความหมาย (Changes in perception, mood and meaning)  ความรูใหม่ ทั้งที่เป็ นวิทยาศาสตร์และไม่ใช่วิทยาศาสตร์ (New ้ knowledge, both scientific and non-scientific)
  • 29. หลักการของนวัตกรรม  Drucker เชื่อว่า นวัตกรรมเป็ นผลจาก การวิเคราะห์ ระบบ และ การทางานหนัก เขาได้แนะนา 5 สิ่งที่ควรทา คือ :  1. การวิเคราะห์โอกาส  2. ออกไปดู ถาม แล้วฟั ง  3. ทาให้เรียบง่าย ใส่ใจตลอดเวลา  4. เริมเล็ก ๆ ก่อน ทาทีละอย่างโดยเฉพาะเจาะจง ่  5. มุ่งสูความเป็ นผูนาด้านตลาด ่ ้
  • 30. รูธุรกิจอย่างทะลุปรุโปร่ง ้  Drucker แนะนาให้ใช้ 4 คาถาม คือ:  1. ผลิตภัณฑ์น้ ี จะยังคงเติบโตอีกนานหรือไม่?  2. ผลิตภัณฑ์น้ ี จะธารงอยูในตลาดได้อีกนานเท่าใด? ่  3. อีกนานหรือไม่ที่ผลิตภัณฑ์น้ ี จะเสื่อมความนิยม และด้วย อัตราเร็วเท่าใด?  4. เมื่อใดที่ผลิตภัณฑ์น้ ี จะล้าสมัย?  คาตอบเหล่านี้จะระบุช่องว่าง ระหว่างวัตถุประสงค์ของบริษท ั และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง นวัตกรรมจะมาช่วยปิ ดช่องว่างนี้ได้
  • 31. การจัดการกับความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้น 4 หัวข้อในการจัดการกับความเสี่ยง  1. การมุ่งเน้นตลาด (Market focus) มีความอ่อนตัวพอ ที่จะระบุ ความผิดพลาด แล้วรีบเปลี่ยนวิกฤตให้เป็ นโอกาส  2. พยากรณ์ดานการเงิน (Financial foresight, especially in ้ planning for cash flow and capital needs ahead) อย่าเน้นผลกาไร อย่างเดียว ให้จดลาดับความสาคัญคือ มีรูปแบบการควบคุม การ ั มีเงินสดหมุนเวียน และมีเงินลงทุน ซึ่งเป็ นสิ่งจาเป็ นของธุรกิจ  3. สร้างทีมบริหารให้พร้อม ก่อนเกิดสถานการณ์เสี่ยง  4. การตัดสินใจของผูก่อตั้ง เป็ นสิ่งสาคัญ ต้องคานึงถึงด้วย ้
  • 32. กลยุทธ์แบบนักลงทุน : ้  1. คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก (Fustest with the Mostest) คือ มุ่งเป็ นผูนาตลาดตังแต่ ้ แรกเริ่ม  2. ทาในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทา (Hitting Them Where They Ain’t) ไม่ว่าเป็ นการ ลอกเลียน หรือก้าวล้ากว่าผูที่เป็ นต้นแบบ เช่นเดียวกับหลักการที่ญี่ปุ่นใช้ ้  3. หาจุดเฉพาะ (ecological niche) แล้วเป็ นผูผกขาดในตลาดที่เป็ นเฉพาะนั้น ู้ (obtaining a practical monopoly in a small area.)  4. เปลี่ยนคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ตลาด หรือ อุตสาหกรรมโดยใช้     a) คุณลักษณะที่เป็ นประโยชน์ตอผูใช้ ่ ้ b) กลยุทธ์ดานราคา ้ c) จากการปรับตัวของลูกค้าด้านสังคมและเศรษฐกิจ d) ส่งมอบสิ่งที่มีคณค่าในสายตาของลูกค้า ุ
  • 34. การพัฒนาในอนาคต  Drucker กล่าวว่าแนวโน้มผูสูงวัยจะมากขึ้นในโลกตะวันตกและ ้ ญี่ปุ่น เขาจึงทานายว่า:  อายุการเกษียณจะเพิ่มเป็ น 75 ปี ก่อน ค.ศ. 2010  เศรษฐกิจจะโตได้ จากผลผลิตของบุคลากรที่มีความรู ้ (knowledge workers)  จะไม่มีประเทศใดเป็ นผูนาด้านเศรษฐกิจในโลกแต่ผเดียว ้ ู้
  • 35. การเพิ่มบทบาทของการบริหารจัดการ  Drucker เชื่อว่าการบริหารจัดการ จะขยายตัวไปสูองค์กรที่ไม่ ่ แสวงหากาไร และองค์กรทางสังคม โดยเฉพาะ การศึกษา และ การรักษาพยาบาล เพราะทั้งสองกลุมนี้ ยังคงมีการใช้วิธีการ ่ ดาเนินการ มากกว่าใช้การบริหารจัดการ (both of which are today over-administered and undermanaged)  เขาให้ความเห็นว่า การให้ความสาคัญด้านสังคม ยังติดตามด้าน เศรษฐกิจไม่ทน การบริหารจัดการ จึงต้องมีบทบาทมากกว่านี้ ใน ั กลุมดังกล่าว ่
  • 36. ความรับผิดชอบด้านจริยธรรม  Drucker กล่าวว่า เป็ นเรืองน่ากลัวที่ผบริหารยังมีความโลภ มีการ ่ ู้ ให้เงินรางวัลกับผูบริหารที่ไล่พนักงานออก เพื่อลดค่าใช้จาย ว่า ้ ่ ทาได้ดี เขาไม่พอใจกับการบริหารในยุคนั้น และเห็นว่า การให้ เงินรางวัลผูบริหารระดับสูงจานวนมากมาย เป็ นเรืองที่ไม่ถูกต้อง ้ ่  เขามีความเชื่อว่า ในศตวรรษที่ 21 ภาคส่วนที่จะมีการเติบโต มากขึ้น คือ องค์กรไม่แสวงหากาไร ได้แก่ การศึกษา การ รักษาพยาบาล และ การศาสนา