SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  10
Télécharger pour lire hors ligne
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
1
โรงเรียนทิวไผ่งาม
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551
วิชาชีววิทยา 1 (ว40241)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1-4/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน
สอบวันที่ 25 กันยายน 2551 เวลา 12.40 – 14.00 น.
ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 1 ตอน
- ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน)
- ตอนที่ 2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ (เต็ม 5 คะแนน)
2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย
3. ให้นักเรียนระบาย  ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง
4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่
5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ผรค. : 3 ออกแบบ ทดลองและอธิบายกระบวนการลาเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์ โดยไม่ใช้พลังงานและใช้พลังงานจาก
เซลล์ (ปรนัยแบบ 4 ตัวข้อที่ 1-30 ) 15 คะแนน
ผรค. : 4 ออกแบบ ทดลองและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการทางานของเอ็นไซม์ หลักการทางานของเอ็นไซม์ ปัจจัยที่มีผล
ต่อการทางานของเอ็นไซม์โครงสร้างของสารชีวโมเลกุลที่ใช้ในการสะสมพลังงาน เช่น ATP ,เอ็นไซม์ (ปรนัยแบบ 4 ตัว
ข้อที่ 31-50 ,อัตนัยข้อที่ 1) 15 คะแนน
คาสั่งตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. การลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์มีความสาคัญอย่างไร
1. ทาให้เซลล์สามารถรักษาสมบัติต่างๆภายในไว้ได้ 3. เป็นวิธีที่ทาให้เซลล์เกิดเมทาบอลิซึมได้รวดเร็ว
2. เป็นวิธีการที่เซลล์ได้รับสารอาหารและสารจาเป็นอื่นๆ 4. ทาให้เซลล์กาจัดของเสียออกนอกเซลล์ได้ง่าย
ก. 1 , 2 ข. 2 , 3 ค. 3 , 4 ง. 1 , 2 , 3และ 4
2. ข้อใดกล่าวถึงการลาเลียงสารผิดจากความเป็นจริง
ก. การลาเลียงสารเกิดได้ทั้งที่ผ่านและไม่ผ่าน cell membrane
ข. การลาเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์มีทั้งที่ต้องใช้และไม่ใช้พลังงาน
ค. สารที่สามารถลาเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์ได้ต้องมีโมเลกุลขนาดเล็ก
ง. การลาเลียงสารที่ไม่ผ่าน cell membrane แต่อาศัยถุงห่อหุ้มจาก cell membrane
3. ข้อใดกล่าวถึงเยื่อหุ้มผิดจากความเป็นจริง
ก. impermeable membrane เป็นเยื่อหุ้มที่ไม่ยอมให้สารใดๆผ่านได้เลย
ข. ตัวอย่าง semipermeable membrane ได้แก่ เปลือกไข่ไก่ ,cell membrane
ค. permeable membrane มีความสาคัญต่อการแพร่เข้าออกสารแบบธรรมดาอย่างมาก
ง. semipermeable membrane เป็นกลไกสาคัญที่เซลล์ใช้ในการรักษาดุลยภาพกับสิ่งแวดล้อม
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
2
4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่
ก. การแพร่เกิดจากการเคลื่อนที่ตลอดเวลาของอนุภาคของสารโดยอาศัยพลังงานจลน์ในตนเอง
ข. การแพร่ของสารมีทิศทางการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความเข้มข้นต่าไปบริเวณที่มีความเข้มข้นสูง
ค. อนุภาคของสารบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงกว่าจะเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ากว่า
ง. ในสภาวะสมดุลของการแพร่ (diffusion equilibrium) อนุภาคของสารทุกโมเลกุลจะหยุดการเคลื่อนที่
5. ถ้านาเซลล์แช่ในสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์โดยสารละลายที่ถูกแช่มี
ปริมาณมากกว่าสารละลายภายในเซลล์เมื่อปล่อยในเวลาผ่านไปจะเกิดเหตุการณ์ดังข้อใด
ก. น้าในเซลล์จะผ่านออกมาจากเซลล์ ข. น้าในสารละลายจะผ่านเข้าไปในเซลล์
ค. น้าจะผ่านเข้า-ออกเซลล์ในปริมาณเท่ากัน ง. ไม่เกิดการเคลื่อนที่ของน้าผ่านเข้าออกจากเซลล์
6. เมื่อหยดหมึกสีดา 1 หยดใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีน้า 20 cm3
ที่อุณหภูมิห้องและตั้งทิ้งไว้จะพบว่าในไม่ช้าน้าในบีกเกอร์จะ
มีสีดาทั้งหมด ทั้งนี้เพราะอนุภาคของหมึกเคลื่อนที่โดยวิธีการลาเลียงสารแบบใดและอาศัยพลังงานใดในการเคลื่อนที่
ก. osmosisโดยอาศัยพลังงานจลน์ ข. diffusion โดยอาศัยพลังงานศักย์
ค. osmosisโดยอาศัยพลังงานศักย์ ง. diffusion โดยอาศัยพลังงานจลน์
7. ข้อใดกล่าวผิด
ก. สารต่างๆโดยมากที่ลาเลียงเข้าและออกจากเซลล์นั้นมักอยู่ในรูปของสารผสมซึ่งส่วนใหญ่ คือ สารละลาย
ข. สารที่สามารถลาเลียงผ่านฟอสโฟลิปิดของเยื่อหุ้มเซลล์ได้เลยต้องมีขนาดเล็กมากหรือไม่ก็ละลายไขมันได้ดี
ค. สารที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ตามลาดับความเร็ว คือ น้า ก๊าซละลายน้า สารประจุลบ สารประจุบวก และสารอินทรีย์
ง. สารที่มีขนาดใหญ่ไม่มากและละลายน้าได้จะถูกลาเลียงผ่าน cell pore ซึ่งเป็นช่องคาร์โบไฮเดรตบนเยื่อหุ้มเซลล์แทน
8. จากแผนภาพการทดลอง ถ้าถุง ก,ข เป็นเนื้อเยื่อที่มี
คุณสมบัติเหมือนเยื่อเปลือกไข่ หากแช่อยู่ในน้าทิ้งไว้30 นาที
ช่องอากาศ ค-ง จะเป็นอย่างไร
ก. เลื่อนมาทางขวา เพราะถุง ก มีแรงดันสูงขึ้น
ข. เลื่อนมาทางซ้าย เพราะถุง ข มีแรงดันสูงขึ้น
ค. ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะหลอดแก้วขาดแรงดัน
ง. ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะแรงดันในถุงทั้งสองใกล้เคียงกัน
9. จากการศึกษากลไกของการลาเลียงสารที่ผ่านเข้าเซลล์ถ้ากาหนดให้
1. การดูดซึมน้าจากดินเข้าสู่ขนราก 4. ชิ้นมันเทศที่แช่ในน้าเชื่อมขนาดเล็กลง
2. ระยะพักของเซลล์ประสาทหลังจากทางาน 5. การใส่น้าตาลในกาแฟถ้วยโปรด
3. การดูดกลับ glucose จากปัสสาวะโดยไต 6. การฉีดน้าหอมในห้องปรับอากาศ
ต้องการทราบว่าข้อใดเป็นกระบวนการ osmosis ,diffusion และ active transport ตามลาดับ
ก. 1 ,2 ,4 ข. 4 ,6 ,2 ค. 4 ,2 ,3 ง. 1 ,5 ,6
10. น้าเกลือที่ให้แก่ผู้ป่วย และน้าที่ใช้แช่ผักที่เหี่ยวไม่มากนักให้กลับสภาพเดิมเป็นสารละลายประเภทใด
ก. ทั้งน้าเกลือและน้าต่างก็มีสมบัติเป็น isotonic solution ทั้งคู่
ข. น้าเกลือเป็น isotonic solution ส่วนน้าเป็น hypotonic solution
ค. น้าเกลือเป็น hypotonic solution ส่วนน้าเป็น hypertonic solution
ง. น้าเกลือเป็น hypertonic solution ส่วนน้าเป็น hypotonic solution
ช่องอากาศ ค-ง
ถุง ก ถุง ข
5% glucose 5% น้าแป้ ง
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
3
11. สารละลายชนิดหนึ่งเมื่อนาเซลล์เม็ดเลือดแดงใส่ลงไปเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแตกสลาย แต่เมื่อเอาเซลล์สาหร่ายใส่ลง
ไปเซลล์จะไม่แตกเป็นเพราะเหตุใด
ก. สารละลายเป็น hypertonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เป็น isotonic ต่อเซลล์สาหร่าย
ข. สารละลายเป็น hypotonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เป็น hypertonic ต่อเซลล์สาหร่าย
ค. สารละลายเป็น hypotonicต่อเม็ดเลือดแดง แต่สาหร่ายมี wall pressure จึงไม่แตก
ง. สารละลายเป็น hypertonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เซลล์สาหร่ายมีความเข้มข้นสูงกว่าเซลล์จึงไม่แตก
12. แช่ต้นผักกะสังในสารละลายกลูโคส ก ,ข ,ค และ ง ถ้วยละ 3 ต้นทิ้งไว้ปรากฏว่าต้นที่แช่ในสารละลายกลูโคสแสดง
อาการเหี่ยวก่อนใน ข ,ก ,ง และ ค ตามลาดับ ความเข้มข้นของสารละลายกลูโคส ก ,ข ,ค และ ง คือข้อใด
ก. 10% ,15% ,0% ,5% ข. 0% ,5% ,10% ,15% ค. 0% ,15% ,5% ,10% ง. 10% ,0% ,5% ,15%
13. เมื่อเริ่มต้นการทดลองระดับของเหลวในหลอด A ,B ,C และ D เท่ากันดังแสดงในภาพ ที่ก้นหลอดมีเยื่อบางที่ยอมให้
เฉพาะน้าและคอปเปอร์ซัตเฟตผ่านได้อีก 2 ชั่วโมงต่อมาระดับของเหลวจะเป็นอย่างไร ( > คือ ระดับสูงกว่า)
ก. A > C > D > B ข. A > D > C > B ค. C > A > B > D ง. C > B > A > D
14. ข้อใดเป็นลักษณะที่เหมือนกันระหว่าง passive transport กับfacilitated diffusion
1. ใช้พลังงานจากกระบวนการเมทาบอลิซึมในการลาเลียงสาร
2. ทิศทางการแพร่เป็นไปตามหลักความแตกต่างของความเข้มข้นของสาร
3. มีระบบการลาเลียงสารโดยเฉพาะแบบใช้protein carrier
4. ไม่ใช้พลังงานจากกระบวนการเมทาบอลิซึมในการลาเลียงสาร
ก. 1 , 2 ข. 2 , 3 ค. 3 , 4 ง. 2 , 4
15. นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งทาการเก็บตัวอย่างสาหร่าย พบว่า ชนิด ก มีสารบางอย่างภายในเซลล์มากกว่าสิ่งแวดล้อม
และชนิด ข สามารถเห็นเยื่อหุ้มเซลล์ได้อย่างชัดเจน แสดงว่า เซลล์สาหร่าย ก และ ข เกิดขบวนการลาเลียงแบบใด
ก. diffusion ,osmosis ข. active transport ,osmosis
ค. passive transport ,exocytosis ง. bulk transport ,diffusion
16. โปรโตซัวตัวหนึ่งอยู่ในน้าเกลือเจือจาง (1) ส่วนตัวที่สองอยู่ในน้าฝน (2) ผลปรากฏว่า contractile vacuole ของโปร
โตซัวตัวที่หนึ่งมีกิจกรรมน้อยกว่าของตัวที่สอง เพราะ
ก. (1) = hypotonic solution ,(2) = hypertonic solution ข. (1) = hypertonic solution ,(2) = isotonic solution
ค. (1) = isotonic solution ,(2) = hypotonic solution ง. (1) = hypertonic solution ,(2) = hypotonic solution
17. ข้อใดกล่าวถึงการลาเลียงสารแบบไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ผิดจากความเป็นจริง
ก. ต้องอาศัยเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีสมบัติเป็น permeablemembrane
ข. สามารถแบ่งได้2 ประเภท คือ exocytosisกับ endocytosis
ค. สามารถลาเลียงสารที่มีโมเลกุลใหญ่มากๆเข้า-ออกเซลล์ได้
ง. ต้องมีการสร้างถุงเยื่อห่อหุ้มสารทุกครั้งที่มีการลาเลียงสารเกิดขึ้น
40% glucose
0.3% CuSO4
20% glucose
0.6% CuSO4
30% glucose
0.2% CuSO4
20% glucose
0.3% CuSO4
เยื่อบางเยื่อบาง
A B C D
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
4
18. จากสารที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ข้อใดเรียงลาดับ osmotic pressure จากต่าไปสูงได้ถูกต้อง
(1) 10% glucose (2) 2.5% glucose (3) 5% glucose (4) 0% glucose
ก. (1),(2),(3),(4) ข. (4),(2),(3),(1) ค. (1),(3),(2),(4) ง. (4),(3),(2),(1)
19. Phagocytosis เหมือนหรือคล้ายกับPinocytosis อย่างไร
1. มีการสัมผัสกันระหว่างสารกับผิวเยื่อหุ้มเซลล์ 2. มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเยื่อหุ้มเซลล์
3. มีการเกิดvesicle บรรจุสารหลุดเข้าไปในเซลล์ 4. มี receptor ในการจับกับสารอย่างจาเพาะ
ก. 1 ,2 ข. 2 ,3 ค. 3 ,4 ง. 1 ,2 ,3 และ 4
20. ข้อใดเป็นลักษณะของการลาเลียงแบบ facilitated diffusion
ก. เป็นการลาเลียงที่ต้องอาศัยพลังงานจากการสลายสารอาหารช่วยในการลาเลียง
ข. เป็นการลาเลียงเข้าสู่เซลล์ตรงบริเวณเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีตัวพาที่เป็นสารโปรตีนช่วยในการลาเลียง
ค. เป็นการลาเลียงที่สารถูกลาเลียงถูกโอบล้อมด้วยเยื่อหุ้มเซลล์แล้วลาเลียงผ่านเข้า-ออกเซลล์ได้เลย
ง. เป็นการลาเลียงที่ไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แต่อาศัยถุงเล็กๆ บริเวณเยื่อหุ้มเซลล์พาสารถูกลาเลียงเข้า-ออกเซลล์
21.
(1) (2) (3)
กระบวนการนาสารเข้าสู่เซลล์ดังภาพข้างบนนี้ ข้อใดถูกต้อง
ก. (1) = phagocytosis , (2) = pinocytosis , (3) = receptor mediated endocytosis
ข. (1) = receptor mediated endocytosis , (2) = pinocytosis , (3) = phagocytosis
ค. (1) = pinocytosis , (2) = receptor mediated endocytosis , (3) = phagocytosis
ง. (1) = pinocytosis , (2) = phagocytosis , (3) = receptor mediated endocytosis
22. จากภาพในข้อ 21 นักเรียนคิดว่าน่าจะเป็นเซลล์อะไร ตามลาดับ
ก. หน่วยไต ,ไข่ไก่ ,อะมีบา ข. อะมีบา ,โพรโทซัว ,ไข่ไก่
ค. ไข่ไก่ ,โพรโทซัว ,เยื่อบุกระเพาะอาหาร ง. เยื่อบุกระเพาะอาหาร ,ไข่ไก่ , หน่วยไต
23. ข้อใดกล่าวถึงตัวอย่างของการลาเลียงสารแบบ exocytosis และ endocytosis ได้อย่างถูกต้อง
ก. การกินอาหารของ amoebaและการดูดซึมแร่ธาตุของพืช
ข. การหลั่งน้าย่อยในกระเพาะและการกรองของเสียโดยหน่วยไต
ค. การหลั่งเหงื่อของผิวหนังและการทางานของเม็ดเลือดขาว
ง. การขนส่งก๊าซของเม็ดเลือดแดงและการสะสมอาหารของเซลล์ไข่
24. ข้อใดไม่ใช่ Exocytosis
ก. การหลั่งทริปซินจากลาไส้เล็ก ข. การหลั่งสารสื่อประสาทจากสมอง
ค. การหลั่งเหงื่อออกจากผิวหนัง ง. การหลั่งไทร็อกซินจากต่อมไทรอยด์
25. การเกิดกระบวนการขนส่งสารแบบ Exocytosis และ Active transport จะเกี่ยวข้องกับorganelle ใดบ้างภายในเซลล์
1 vacuole 2 mitochondria 3 RER 4 Golgi body
ก. 1 ,2 และ 3 ข. 2 ,3 และ 4 ค. 3 ,4 และ 2 ง. 2 ,4 และ 1
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
5
26. กระบวนการ exocytosis และกระบวนการ endocytosis ต่างกันมากที่สุด คือข้อใด
ก. ขนาดและสถานะของสารที่ลาเลียง ข. ทิศทางของการลาเลียงสารของเซลล์
ค. วิธีการในกระบวนการลาเลียงสาร ง. ออร์แกเนลล์ที่ใช้ในการลาเลียงสาร
27. Cell eating และ Cell drinking หมายถึงข้อใด ตามลาดับ
ก. Exocytosis และ Endocytosis ข. Endocytosis และ Exocytosis
ค. Phagocytosis และ Pinocytosis ง. Pinocytosis และ Phagocytosis
28. ข้อใดกล่าวถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ผิดจากความเป็นจริง
ก. พบได้ทั้งในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์
ข. เกิดขึ้นเฉพาะเซลล์ชนิดเดียวกันซึ่งมีตาแหน่งใกล้เคียงกัน
ค. มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดารงชีวิต
ง. เกิดการทางานร่วมกันระหว่างเซลล์ในการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม
29. ข้อใดคือการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ที่มีตาแหน่งเซลล์อยู่ใกล้และไกลกัน ตามลาดับ
ก. สัตว์– ระบบหมุนเวียน , พืช – gap junction ข. สัตว์ – gap junction , พืช – ระบบประสาท
ค. พืช - ระบบท่อลาเลียง , สัตว์– gap junction ง. พืช – plasmodesmata , สัตว์ – ระบบต่อมไร้ท่อ
30. จากแผนภาพกระบวนการสื่อสารระหว่างเซลล์(1) ,(2) ,(3) ตรงกับข้อใด
ก. (1) = การส่งสัญญาณ ,(2) = การตอบสนอง ,(3) = การรับสัญญาณ
ข. (1) = การตอบสนอง ,(2) = การรับสัญญาณ ,(3) = การส่งสัญญาณ
ค. (1) = การรับสัญญาณ ,(2) = การตอบสนอง ,(3) = การส่งสัญญาณ
ง. (1) = การส่งสัญญาณ ,(2) = การส่งสัญญาณ ,(3) = การตอบสนอง
31. ปรากฏการณ์ใดเป็นปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงพลังงานในลักษณะเดียวกัน
ก. การสังเคราะห์โปรตีนจากกรดอะมิโน และการเผาไหม้โมเลกุลน้าตาล
ข. กระบวนการหายใจระดับเซลล์และการสร้างไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ
ค. การสลายสารอาหารภายในเซลล์และการเผาไหม้ของโมเลกุลน้าตาล
ง. กระบวนการสังเคราะห์แสงในเซลล์และการสลายสารอาหารในเซลล์
จากภาพกราฟนี้จงใช้ตอบคาถามข้อ 32 – 33
32. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง
ก. สาร substrate, product และ intermediate คือ C ,A และ B ตามลาดับ
ข. Ea ของปฏิกิริยาปกติที่มีเอ็นไซม์และปฏิกิริยาย้อนกลับที่ไม่มีเอ็นไซม์คือ a และ c
ค. การดาเนินไปของปฏิกิริยาปกติและย้อยเมื่อสิ้นสุดแล้วจะได้สารผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน
ง. การดาเนินปฏิกิริยาปกติเมื่อมีเอ็นไซม์เป็นตัวเร่งแล้วพลังงานกระตุ้นจะลดลงเท่ากับ b-a
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
การดาเนินไปของปฏิกิริยา
ATP
(3)
(2)
(1)
Cell
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
6
33. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามความเป็นจริง
ก. E ของทั้ง 2 ปฏิกิริยามีค่าเท่ากันและ E < 0
ข. ทั้ง 2 ปฏิกิริยาเป็นปฏิกิริยาเคมีประเภทดูดและคายความร้อน
ค. a = Ea เมื่อมีเอนไซม์และ b = Ea เมื่อไม่มีเอนไซม์ของปฏิกิริยาปกติ
ง. เอมไซม์ซับสเตรทคอมเพล็ก ที่สภาวะทรานซิชันสเตรทของทั้ง 2 ปฏิกิริยาแตกต่างกัน
34. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ ATP
ก. ATP คือ adenosine triphosphate สร้างจากกระบวนการ catabolism
ข. ATP เป็นแหล่งพลังงานสูงที่สาคัญสารมารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ค. ATP เก็บพลังงานส่วนใหญ่ที่พันธะระหว่างหมู่ฟอสเฟตกับน้าตาลไรโบส
ง. ATP ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ น้าตาลไรโบส ,เบสอะดีนีน และหมู่ฟอสเฟต
35. ข้อใดอธิบายการทางานของ enzyme ได้เหมาะสมที่สุด
ก. บริเวณ active site ของ enzyme จะมีโครงสร้างที่จับกับ substrate ได้พอดีจึงจะเกิดปฏิกิริยาได้เท่านั้น
ข. ขณะเกิดปฏิกิริยาและเมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะเปลี่ยนไปจากก่อนเกิดปฏิกิริยา
ค. ขณะทาปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site ของ enzyme จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก่อนและหลังปฏิกิริยาจะมี
โครงสร้างเหมือนเดิม
ง. ก่อนเกิดปฏิกิริยาและขณะเกิดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะมีโครงสร้างเปลี่ยนไปชั่วคราว แต่เมื่อ
สิ้นสุดปฏิกิริยาโครงสร้างจะเปลี่ยนไปถาวร
36. กลไกการทางานของ enzyme ที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จะเป็นดังข้อใด หมายเหตุE = enzyme ,A = สาร A
ก. E + A  EB  E + C ข. E + A  EA  E + B + C B = สาร B ,C = สาร C
ค. E + A  EB  C  E ง. E + A  EC  E + A + B + C
37. ข้อใดไม่เป็นจริงเกี่ยวกับเอ็นไซม์
1) โปรตีนทุกชนิดมีสมบัติเป็นเอ็นไซม์ 2) ถูกทาลายง่ายเมื่อความเป็นกรด-เบสเปลี่ยนแปลง
3) ทางานได้สม่าเสมอ แม้ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป 4) ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย
5) สลายสารอินทรีย์เชิงซ้อนให้เป็นเชิงง่ายเท่านั้น 6) เร่งปฏิกิริยาจาเพาะในเซลล์ให้สามารถดาเนินได้อย่างต่อเนื่อง
7) ไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหลังปฏิกิริยาสิ้นสุดลงแล้ว
8) เร่งปฏิกิริยาโดยการลดระดับพลังงานสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์
ก. 1) 2) 8)และ 4) ข. 2) 3) 7)และ 5) ค. 1) 2) 4) และ 3) ง. 1) 3) 5)และ 8)
38. ข้อความใดถูกต้อง
ก. co-enzyme ที่สามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตเท่านั้น คือ สารอนินทรีย์พวก vitamin
ข. enzymeที่ไม่ได้ประกอบด้วยโปรตีนบริสุทธิ์ทั้งหมดนั้น เรียกว่า co-enzyme
ค. ส่วนที่ไม่ใช่โปรตีน แต่ช่วยให้ enzyme สามารถทางานได้เรียกว่า co-enzyme
ง. ส่วนที่เป็นโปรตีนทั้งหมดของ enzymeจะทางานเป็น active site เร่งปฏิกิริยาเคมี
39. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ inhibitor
ก. inhibitor สามารถทาให้ enzyme ทางานช้าลงหรือหยุดทางานและมักเกิดขึ้นอย่างจาเพาะ
ข. irreversible inhibitor จะจับกับ enzymeด้วยพันธะโควาเลนต์เกิดการเสียสภาพการทางานถาวร
ค. competitive inhibitor มักมีรูปร่างไม่เหมือน substrate จึงไม่แย่งจับกับenzyme
ง. non-copetitive inhibitor จะส่งผลต่อโครงสร้างของ enzyme ให้ไม่เหมาะสมต่อการทางาน
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
7
40. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
Class Reaction
ก. Oxidoreductase การแลกเปลี่ยนหมู่หรือตาแหน่ง functional group
ข. Isomerase การเพิ่มขึ้นของอะตอมสารทาให้โครงสร้างโมเลกุลเปลี่ยน
ค. Lyase การแยกหมู่อะตอมออกทาให้เกิดพันธะคู่ มีน้าเข้าช่วย
ง. Ligase การสร้างสารโมเลกุลใหญ่จากสารโมเลกุลเล็กๆมาต่อกัน
41. สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงินชนิด (ก) เจริญอยู่ตามหินบริเวณบ่อน้าพุร้อน และ (ข) เจริญอยู่ตามหินบริเวณลาธาร ที่
จังหวัดระนอง เมื่อทาการสกัดเอาenzyme A มาทดสอบอัตราการทางานในช่วงอุณหภูมิ 10-45C ผลที่ได้ คือข้อใด
(กาหนดให้ = (ก) และ = (ข) และ แกน x = อุณหภูมิ แกน y = อัตราการทางานของเอ็นไซม์)
ก. ข.
ค. ง.
42. A , B , C ในกราฟนี้ ควรเป็น enzyme ชนิดใด ตามลาดับ
ก. amylase , lipase , pepsin
ข. lipase , amylase , pepsin
ค. pepsin , amylase , lipase
ง. lipase , pepsin , amylase
43. แผนภาพนี้แสดงกระบวนการอะไร
ก. Catabolismโดยการทางานของ enzymeแบบ Induce fit theory
ข. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory
ค. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Induce fit theory
ง. Catabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory
44. ในหลอด A ,B และ C มีเซลล์ชนิดเดียวกันเพาะเลี้ยงอยู่เมื่อเติมสาร 1 ,2 และ 3 ลงในหลอดตามลาดับปรากฏว่าการ
หายใจของเซลล์ถูกยับยั้งทั้ง 3 หลอด การวิเคราะห์ปริมาณสาร E ,F ,G ,H ได้ผลดังนี้ ลาดับปฏิกิริยาในข้อใดถูกต้อง
ปริมาณสาร หลอด A หลอด B หลอด C
เพิ่มขึ้น F G H
ปกติ H F ,H -
ไม่พบ G ,E E E ,F ,G
ก. E G  F  H ข. F G  E  H ค. H F  G  E ง. H E  G  F
45. จากการศึกษาการทางานของ enzymeเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา แล้วนาไปเขียนกราฟ
ข้อใดเป็นไปไม่ได้ (แกน x แทนปัจจัยต่างๆ แกน y แทน อัตราการทางานของเอ็นไซม์)
ก. ข.
อัตราการทางานของเอ็นไซม์
pH
C B A
[Substrate] [Enzyme]
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
8
ค. ง.
46. ในการทดลองศึกษาการหายใจของเซลล์ในหลอดทดลองพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสารตามลาดับ คือ A B
 C  D  E ในหลอดที่มี inhibitor w พบว่ามีสาร B มากกว่าปกติ ในหลอดที่มี inhibitor x หรือ y หรือ z พบว่า
สาร A หรือ D หรือ C มีมากกว่าปกติ ตามลาดับ ขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการนี้ ควรเป็นอย่างไร
ก.  A  B  C  D  E ข.  A  B  C  D  E
ค. A  B  C  D  E ง. A  B  C  D  E
47. เมื่อศึกษาผลของสาร X และสาร Y ต่อการทางานของเอนไซม์A ได้ผลการทดลอง ดังนี้ ข้อใดถูกต้องมากที่สุด
สารตั้งต้น สาร X สารตั้งต้นและสาร X สารตั้งต้นและสาร Y สารตั้งต้น สาร X และสาร Y
เอนไซม์ A ++++ - ++ - -
เอนไซม์ A
และสาร X
++ - ++ - -
++++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมากที่สุด +++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมาก
++ ได้สารผลิตภัณฑ์น้อย + ได้สารผลิตภัณฑ์น้อยมาก - ไม่ได้สารผลิตภัณฑ์
ก. การเพิ่มปริมาณสาร X เท่านั้นที่มีผลต่อการทางานของเอนไซม์A
ข. สาร Y จะมีผลกระทบต่อการทางานของเอนไซม์A มากกว่าสาร X
ค. สาร X และ Y มีคุณสมบัติเป็น co-factor หรือ co-enzyme ของเอนไซม์ A
ง. สาร X มีผลกระตุ้นการทางานส่วนสาร Y มีผลยับยั้งการทางานของเอนไซม์A
48. จากสมการขบวนการ A และ B คือข้อใด ATP + H2O ADP + Pi + พลังงาน
ก. reduction ,phosphorylation ข. oxidation ,hydrogenation
ค. phospholysis ,phosphorylation ง. phospholysis ,hydrolysis
49. optimum temperature และ optimum pH ของ enzyme ในร่างกายของคนเราประมาณเท่าใด
ก. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 4.6-7.0 ข. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 6.0-7.5
ค. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 6.0-7.5 ง. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 4.6-7.0
50. ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ยกเว้นข้อใด
ก. มีการชนกัน (collision) ของอนุภาคสารตั้งต้นในแง่มุมที่เหมาะสมที่ละหนึ่งคู่
ข. พลังงานกระตุ้นจะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่อนุภาคและทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ค. อนุภาคที่ชนกันต้องมีพลังงานสูงพอที่จะทาลายพันธะเคมีเก่าแล้วเกิดพันธะใหม่ได้
ง. จะต้องใช้ระยะเวลานานสาหรับให้อนุภาคสารตั้งต้นได้มีโอกาสการเข้าทาปฏิกิริยากัน
ไม่มีคาว่าพ่ายแพ้
หากเรามีความเพียรพยายาม
ลบคาว่าพ่ายแพ้ออกไปจากจิตใจ
ไม่มีอุปสรรคใดที่เราข้ามไม่พ้น
ขอเพียงละความอ่อนแอทิ้งไป
เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด
x w y z x w yz
z zx xw wy y
pH [Inhibitor]
A
B
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
9
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับการทางานของเซลล์ ดังนั้น การลาเลียงสารเข้าออกและการ
ทางานของเอ็นไซม์จึงมีความสาคัญอย่างมากซึ่งจะต้องทางานสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้” นักเรียน
เห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้(5 คะแนน )
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
10
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
เฉลย : คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับการทางานของเซลล์ ดังนั้น การลาเลียงสารเข้าออกและการ
ทางานของเอ็นไซม์จึงมีความสาคัญอย่างมากซึ่งจะต้องทางานสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้” นักเรียน
เห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้(5 คะแนน )
...กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ต้องอาศัยการทางานของภายในเซลล์ซึ่งเรียกว่า เมทาบอลิซึม (metabolism)
ดังนั้น กระบวนการลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์และการทางานของเอนไซม์จัดเป็นส่วนหนึ่งที่สาคัญของการเกิดเมทา
บอลิซึมเพื่อการดารงชีวิต...
...การลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์ได้แก่ การนาสารจาเป็นต่อกระบวนการดารงชีวิต เช่น สารอาหาร ก๊าซ และสารเคมี
ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์อีกทั้งการนาสารออกจากเซลล์เช่น ของเสีย สารพิษ และสารเคมีในการติดต่อสื่อสาร
ระหว่างเซลล์...
...การทางานของเอนไซม์ในปฏิกิริยาเคมีของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะทาให้ปฏิกิริยาดาเนินต่อไปได้อย่างรวดเร็วและมี
ประสิทธิภาพ ทาให้เกิดสารจาเป็นต่างๆในการดารงชีวิต เช่น พลังงาน อาหาร ฮอร์โมน สารสื่อประสาทในการ
ติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์...
...ความสัมพันธ์ระหว่างการลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์กับการทางานของเอนไซม์...
...การทางานของเซลล์ : เมทาบอลิซึม
...สารตั้งต้น + เอนไซม์  สารผลิตภัณฑ์ (สารที่ต้องการและสารที่ไม่ต้องการ)
...การลาเลียงสารเข้า คือ สารตั้งต้นของปฏิกิริยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาในกระบวนการสร้างเอนไซม์
...การลาเลียงสารออก คือ สารผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ เช่น อาหาร ฮอร์โมน แอนติบอดี ฮอร์โมน และสารที่ไม่ต้องการ เช่น
ของเสีย สารพิษ
...และการทางานของเอนไซม์ในปฏิกิริยาชีวเคมี ได้สารผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงาน ATP ซึ่งส่งผลต่อการ
ลาเลียงสารแบบ Active transport
การลาเลียงสารเข้า-ออกเซลล์การทางานของเอนไซม์

Contenu connexe

Tendances

ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบสใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
Aomiko Wipaporn
 
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
สำเร็จ นางสีคุณ
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
dnavaroj
 
ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์
weerawato
 
กัมมันตรังสี
กัมมันตรังสีกัมมันตรังสี
กัมมันตรังสี
พัน พัน
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
10846
 
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรมแผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
Wichai Likitponrak
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
สำเร็จ นางสีคุณ
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
Sumarin Sanguanwong
 
G biology bio8
G biology bio8G biology bio8
G biology bio8
Bios Logos
 
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
สำเร็จ นางสีคุณ
 

Tendances (20)

ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบสใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
ใบกิจกรรมที่ 7 การรักษาดุลยภาพของกรดเบส
 
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
13แบบทดสอบโครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์
 
ใบงาน 9.1 9.3
ใบงาน 9.1 9.3ใบงาน 9.1 9.3
ใบงาน 9.1 9.3
 
แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)
แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)
แบบทดสอบกลางภาคเรียน วิทย์ 5 (ออกตามตัวชี้วัด)
 
กัมมันตรังสี
กัมมันตรังสีกัมมันตรังสี
กัมมันตรังสี
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
 
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีนแบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีน
 
เงามืด เงามัว
เงามืด เงามัวเงามืด เงามัว
เงามืด เงามัว
 
เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์
 
ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า+ป.5+273+dltvscip5...
ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า+ป.5+273+dltvscip5...ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า+ป.5+273+dltvscip5...
ใบความรู้+แผนการสอน และใบกิจกรรม ประถม 4-6 เรื่อง วงจรไฟฟ้า+ป.5+273+dltvscip5...
 
แนวทางการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม "หน้าที่พลเมือง"
แนวทางการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม "หน้าที่พลเมือง"แนวทางการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม "หน้าที่พลเมือง"
แนวทางการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม "หน้าที่พลเมือง"
 
แรงดึงดูดระหว่างมวล2560
แรงดึงดูดระหว่างมวล2560แรงดึงดูดระหว่างมวล2560
แรงดึงดูดระหว่างมวล2560
 
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรมแผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
แผนการเรียนรู้ที่1 เรื่อง ถ่ายทอดพันธุกรรม
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 
G biology bio8
G biology bio8G biology bio8
G biology bio8
 
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
 
Echem 1 redox
Echem 1 redoxEchem 1 redox
Echem 1 redox
 

En vedette

สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2
Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2
Wichai Likitponrak
 
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
Wichai Likitponrak
 
1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง
Wichai Likitponrak
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1
Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
Wichai Likitponrak
 
ยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซมยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซม
Wichai Likitponrak
 
พันธุเทคโน
พันธุเทคโนพันธุเทคโน
พันธุเทคโน
Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
Wichai Likitponrak
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
Wichai Likitponrak
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
 

En vedette (18)

Final 2 m6 51
Final 2 m6 51Final 2 m6 51
Final 2 m6 51
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2
 
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51
 
1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง
 
Final1 m6 51
Final1 m6 51Final1 m6 51
Final1 m6 51
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
 
Midterm1 m6 51
Midterm1 m6 51Midterm1 m6 51
Midterm1 m6 51
 
ยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซมยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซม
 
พันธุเทคโน
พันธุเทคโนพันธุเทคโน
พันธุเทคโน
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
 
ม.6biodiver
ม.6biodiverม.6biodiver
ม.6biodiver
 

Similaire à สอบปลายภาคชีวะ51 1

Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
Miso Pim
 
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
iamaomkitt
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
paytine
 
M6science2552
M6science2552M6science2552
M6science2552
peetty
 
O netวิทยาศาสตร์ปี52
O netวิทยาศาสตร์ปี52O netวิทยาศาสตร์ปี52
O netวิทยาศาสตร์ปี52
floweruri
 
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
Harun Fight
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
Biobiome
 
วิทย์ 52
วิทย์ 52วิทย์ 52
วิทย์ 52
Mind Kyn
 
O netscience53
O netscience53O netscience53
O netscience53
Miso Pim
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
Biobiome
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
anewz
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
Wasin Suwan
 
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b23b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
Noot Ting Tong
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
Soldic Kalayanee
 

Similaire à สอบปลายภาคชีวะ51 1 (20)

Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
แนวข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
Sci
SciSci
Sci
 
M6science2552
M6science2552M6science2552
M6science2552
 
M6science2552
M6science2552M6science2552
M6science2552
 
ปี53
ปี53ปี53
ปี53
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
O netวิทยาศาสตร์ปี52
O netวิทยาศาสตร์ปี52O netวิทยาศาสตร์ปี52
O netวิทยาศาสตร์ปี52
 
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O-NET วิชา วิทยาศาสตร์
 
Onet sci '53
Onet sci '53Onet sci '53
Onet sci '53
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
วิทย์ 52
วิทย์ 52วิทย์ 52
วิทย์ 52
 
O netscience53
O netscience53O netscience53
O netscience53
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
 
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b23b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
3b41ab5dce0457b9c1f98673ee9279b2
 
Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 

Plus de Wichai Likitponrak

Key biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaituKey biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaitu
Wichai Likitponrak
 
BiOsaman2564
BiOsaman2564BiOsaman2564
BiOsaman2564
Wichai Likitponrak
 
Biosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichaiBiosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichai
Wichai Likitponrak
 

Plus de Wichai Likitponrak (20)

บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
 
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdfSAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
 
การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64
 
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
 
การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64
 
การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64
 
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
 
Biotest kku60
Biotest kku60Biotest kku60
Biotest kku60
 
Key biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaituKey biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaitu
 
Bi opat2 onet2564_kru_wichai
Bi opat2 onet2564_kru_wichaiBi opat2 onet2564_kru_wichai
Bi opat2 onet2564_kru_wichai
 
BiOsaman2564
BiOsaman2564BiOsaman2564
BiOsaman2564
 
Biosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichaiBiosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichai
 
Ijs obio62 testing
Ijs obio62 testingIjs obio62 testing
Ijs obio62 testing
 
Pptgst uprojectplant62
Pptgst uprojectplant62Pptgst uprojectplant62
Pptgst uprojectplant62
 
Pptgst uprojectpaper62
Pptgst uprojectpaper62Pptgst uprojectpaper62
Pptgst uprojectpaper62
 
Pptgst uprojectnickle61
Pptgst uprojectnickle61Pptgst uprojectnickle61
Pptgst uprojectnickle61
 
Pptgst uprojectflower61
Pptgst uprojectflower61Pptgst uprojectflower61
Pptgst uprojectflower61
 

สอบปลายภาคชีวะ51 1

  • 1. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 1 โรงเรียนทิวไผ่งาม ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 วิชาชีววิทยา 1 (ว40241) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1-4/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน สอบวันที่ 25 กันยายน 2551 เวลา 12.40 – 14.00 น. ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 1 ตอน - ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน) - ตอนที่ 2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ (เต็ม 5 คะแนน) 2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย 3. ให้นักเรียนระบาย  ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง 4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่ 5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ผรค. : 3 ออกแบบ ทดลองและอธิบายกระบวนการลาเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์ โดยไม่ใช้พลังงานและใช้พลังงานจาก เซลล์ (ปรนัยแบบ 4 ตัวข้อที่ 1-30 ) 15 คะแนน ผรค. : 4 ออกแบบ ทดลองและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการทางานของเอ็นไซม์ หลักการทางานของเอ็นไซม์ ปัจจัยที่มีผล ต่อการทางานของเอ็นไซม์โครงสร้างของสารชีวโมเลกุลที่ใช้ในการสะสมพลังงาน เช่น ATP ,เอ็นไซม์ (ปรนัยแบบ 4 ตัว ข้อที่ 31-50 ,อัตนัยข้อที่ 1) 15 คะแนน คาสั่งตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว 1. การลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์มีความสาคัญอย่างไร 1. ทาให้เซลล์สามารถรักษาสมบัติต่างๆภายในไว้ได้ 3. เป็นวิธีที่ทาให้เซลล์เกิดเมทาบอลิซึมได้รวดเร็ว 2. เป็นวิธีการที่เซลล์ได้รับสารอาหารและสารจาเป็นอื่นๆ 4. ทาให้เซลล์กาจัดของเสียออกนอกเซลล์ได้ง่าย ก. 1 , 2 ข. 2 , 3 ค. 3 , 4 ง. 1 , 2 , 3และ 4 2. ข้อใดกล่าวถึงการลาเลียงสารผิดจากความเป็นจริง ก. การลาเลียงสารเกิดได้ทั้งที่ผ่านและไม่ผ่าน cell membrane ข. การลาเลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลล์มีทั้งที่ต้องใช้และไม่ใช้พลังงาน ค. สารที่สามารถลาเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์ได้ต้องมีโมเลกุลขนาดเล็ก ง. การลาเลียงสารที่ไม่ผ่าน cell membrane แต่อาศัยถุงห่อหุ้มจาก cell membrane 3. ข้อใดกล่าวถึงเยื่อหุ้มผิดจากความเป็นจริง ก. impermeable membrane เป็นเยื่อหุ้มที่ไม่ยอมให้สารใดๆผ่านได้เลย ข. ตัวอย่าง semipermeable membrane ได้แก่ เปลือกไข่ไก่ ,cell membrane ค. permeable membrane มีความสาคัญต่อการแพร่เข้าออกสารแบบธรรมดาอย่างมาก ง. semipermeable membrane เป็นกลไกสาคัญที่เซลล์ใช้ในการรักษาดุลยภาพกับสิ่งแวดล้อม
  • 2. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 2 4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่ ก. การแพร่เกิดจากการเคลื่อนที่ตลอดเวลาของอนุภาคของสารโดยอาศัยพลังงานจลน์ในตนเอง ข. การแพร่ของสารมีทิศทางการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความเข้มข้นต่าไปบริเวณที่มีความเข้มข้นสูง ค. อนุภาคของสารบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงกว่าจะเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ากว่า ง. ในสภาวะสมดุลของการแพร่ (diffusion equilibrium) อนุภาคของสารทุกโมเลกุลจะหยุดการเคลื่อนที่ 5. ถ้านาเซลล์แช่ในสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์โดยสารละลายที่ถูกแช่มี ปริมาณมากกว่าสารละลายภายในเซลล์เมื่อปล่อยในเวลาผ่านไปจะเกิดเหตุการณ์ดังข้อใด ก. น้าในเซลล์จะผ่านออกมาจากเซลล์ ข. น้าในสารละลายจะผ่านเข้าไปในเซลล์ ค. น้าจะผ่านเข้า-ออกเซลล์ในปริมาณเท่ากัน ง. ไม่เกิดการเคลื่อนที่ของน้าผ่านเข้าออกจากเซลล์ 6. เมื่อหยดหมึกสีดา 1 หยดใส่ลงในบีกเกอร์ที่มีน้า 20 cm3 ที่อุณหภูมิห้องและตั้งทิ้งไว้จะพบว่าในไม่ช้าน้าในบีกเกอร์จะ มีสีดาทั้งหมด ทั้งนี้เพราะอนุภาคของหมึกเคลื่อนที่โดยวิธีการลาเลียงสารแบบใดและอาศัยพลังงานใดในการเคลื่อนที่ ก. osmosisโดยอาศัยพลังงานจลน์ ข. diffusion โดยอาศัยพลังงานศักย์ ค. osmosisโดยอาศัยพลังงานศักย์ ง. diffusion โดยอาศัยพลังงานจลน์ 7. ข้อใดกล่าวผิด ก. สารต่างๆโดยมากที่ลาเลียงเข้าและออกจากเซลล์นั้นมักอยู่ในรูปของสารผสมซึ่งส่วนใหญ่ คือ สารละลาย ข. สารที่สามารถลาเลียงผ่านฟอสโฟลิปิดของเยื่อหุ้มเซลล์ได้เลยต้องมีขนาดเล็กมากหรือไม่ก็ละลายไขมันได้ดี ค. สารที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ตามลาดับความเร็ว คือ น้า ก๊าซละลายน้า สารประจุลบ สารประจุบวก และสารอินทรีย์ ง. สารที่มีขนาดใหญ่ไม่มากและละลายน้าได้จะถูกลาเลียงผ่าน cell pore ซึ่งเป็นช่องคาร์โบไฮเดรตบนเยื่อหุ้มเซลล์แทน 8. จากแผนภาพการทดลอง ถ้าถุง ก,ข เป็นเนื้อเยื่อที่มี คุณสมบัติเหมือนเยื่อเปลือกไข่ หากแช่อยู่ในน้าทิ้งไว้30 นาที ช่องอากาศ ค-ง จะเป็นอย่างไร ก. เลื่อนมาทางขวา เพราะถุง ก มีแรงดันสูงขึ้น ข. เลื่อนมาทางซ้าย เพราะถุง ข มีแรงดันสูงขึ้น ค. ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะหลอดแก้วขาดแรงดัน ง. ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะแรงดันในถุงทั้งสองใกล้เคียงกัน 9. จากการศึกษากลไกของการลาเลียงสารที่ผ่านเข้าเซลล์ถ้ากาหนดให้ 1. การดูดซึมน้าจากดินเข้าสู่ขนราก 4. ชิ้นมันเทศที่แช่ในน้าเชื่อมขนาดเล็กลง 2. ระยะพักของเซลล์ประสาทหลังจากทางาน 5. การใส่น้าตาลในกาแฟถ้วยโปรด 3. การดูดกลับ glucose จากปัสสาวะโดยไต 6. การฉีดน้าหอมในห้องปรับอากาศ ต้องการทราบว่าข้อใดเป็นกระบวนการ osmosis ,diffusion และ active transport ตามลาดับ ก. 1 ,2 ,4 ข. 4 ,6 ,2 ค. 4 ,2 ,3 ง. 1 ,5 ,6 10. น้าเกลือที่ให้แก่ผู้ป่วย และน้าที่ใช้แช่ผักที่เหี่ยวไม่มากนักให้กลับสภาพเดิมเป็นสารละลายประเภทใด ก. ทั้งน้าเกลือและน้าต่างก็มีสมบัติเป็น isotonic solution ทั้งคู่ ข. น้าเกลือเป็น isotonic solution ส่วนน้าเป็น hypotonic solution ค. น้าเกลือเป็น hypotonic solution ส่วนน้าเป็น hypertonic solution ง. น้าเกลือเป็น hypertonic solution ส่วนน้าเป็น hypotonic solution ช่องอากาศ ค-ง ถุง ก ถุง ข 5% glucose 5% น้าแป้ ง
  • 3. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 3 11. สารละลายชนิดหนึ่งเมื่อนาเซลล์เม็ดเลือดแดงใส่ลงไปเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแตกสลาย แต่เมื่อเอาเซลล์สาหร่ายใส่ลง ไปเซลล์จะไม่แตกเป็นเพราะเหตุใด ก. สารละลายเป็น hypertonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เป็น isotonic ต่อเซลล์สาหร่าย ข. สารละลายเป็น hypotonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เป็น hypertonic ต่อเซลล์สาหร่าย ค. สารละลายเป็น hypotonicต่อเม็ดเลือดแดง แต่สาหร่ายมี wall pressure จึงไม่แตก ง. สารละลายเป็น hypertonic ต่อเม็ดเลือดแดง แต่เซลล์สาหร่ายมีความเข้มข้นสูงกว่าเซลล์จึงไม่แตก 12. แช่ต้นผักกะสังในสารละลายกลูโคส ก ,ข ,ค และ ง ถ้วยละ 3 ต้นทิ้งไว้ปรากฏว่าต้นที่แช่ในสารละลายกลูโคสแสดง อาการเหี่ยวก่อนใน ข ,ก ,ง และ ค ตามลาดับ ความเข้มข้นของสารละลายกลูโคส ก ,ข ,ค และ ง คือข้อใด ก. 10% ,15% ,0% ,5% ข. 0% ,5% ,10% ,15% ค. 0% ,15% ,5% ,10% ง. 10% ,0% ,5% ,15% 13. เมื่อเริ่มต้นการทดลองระดับของเหลวในหลอด A ,B ,C และ D เท่ากันดังแสดงในภาพ ที่ก้นหลอดมีเยื่อบางที่ยอมให้ เฉพาะน้าและคอปเปอร์ซัตเฟตผ่านได้อีก 2 ชั่วโมงต่อมาระดับของเหลวจะเป็นอย่างไร ( > คือ ระดับสูงกว่า) ก. A > C > D > B ข. A > D > C > B ค. C > A > B > D ง. C > B > A > D 14. ข้อใดเป็นลักษณะที่เหมือนกันระหว่าง passive transport กับfacilitated diffusion 1. ใช้พลังงานจากกระบวนการเมทาบอลิซึมในการลาเลียงสาร 2. ทิศทางการแพร่เป็นไปตามหลักความแตกต่างของความเข้มข้นของสาร 3. มีระบบการลาเลียงสารโดยเฉพาะแบบใช้protein carrier 4. ไม่ใช้พลังงานจากกระบวนการเมทาบอลิซึมในการลาเลียงสาร ก. 1 , 2 ข. 2 , 3 ค. 3 , 4 ง. 2 , 4 15. นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งทาการเก็บตัวอย่างสาหร่าย พบว่า ชนิด ก มีสารบางอย่างภายในเซลล์มากกว่าสิ่งแวดล้อม และชนิด ข สามารถเห็นเยื่อหุ้มเซลล์ได้อย่างชัดเจน แสดงว่า เซลล์สาหร่าย ก และ ข เกิดขบวนการลาเลียงแบบใด ก. diffusion ,osmosis ข. active transport ,osmosis ค. passive transport ,exocytosis ง. bulk transport ,diffusion 16. โปรโตซัวตัวหนึ่งอยู่ในน้าเกลือเจือจาง (1) ส่วนตัวที่สองอยู่ในน้าฝน (2) ผลปรากฏว่า contractile vacuole ของโปร โตซัวตัวที่หนึ่งมีกิจกรรมน้อยกว่าของตัวที่สอง เพราะ ก. (1) = hypotonic solution ,(2) = hypertonic solution ข. (1) = hypertonic solution ,(2) = isotonic solution ค. (1) = isotonic solution ,(2) = hypotonic solution ง. (1) = hypertonic solution ,(2) = hypotonic solution 17. ข้อใดกล่าวถึงการลาเลียงสารแบบไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ผิดจากความเป็นจริง ก. ต้องอาศัยเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีสมบัติเป็น permeablemembrane ข. สามารถแบ่งได้2 ประเภท คือ exocytosisกับ endocytosis ค. สามารถลาเลียงสารที่มีโมเลกุลใหญ่มากๆเข้า-ออกเซลล์ได้ ง. ต้องมีการสร้างถุงเยื่อห่อหุ้มสารทุกครั้งที่มีการลาเลียงสารเกิดขึ้น 40% glucose 0.3% CuSO4 20% glucose 0.6% CuSO4 30% glucose 0.2% CuSO4 20% glucose 0.3% CuSO4 เยื่อบางเยื่อบาง A B C D
  • 4. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 4 18. จากสารที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ข้อใดเรียงลาดับ osmotic pressure จากต่าไปสูงได้ถูกต้อง (1) 10% glucose (2) 2.5% glucose (3) 5% glucose (4) 0% glucose ก. (1),(2),(3),(4) ข. (4),(2),(3),(1) ค. (1),(3),(2),(4) ง. (4),(3),(2),(1) 19. Phagocytosis เหมือนหรือคล้ายกับPinocytosis อย่างไร 1. มีการสัมผัสกันระหว่างสารกับผิวเยื่อหุ้มเซลล์ 2. มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเยื่อหุ้มเซลล์ 3. มีการเกิดvesicle บรรจุสารหลุดเข้าไปในเซลล์ 4. มี receptor ในการจับกับสารอย่างจาเพาะ ก. 1 ,2 ข. 2 ,3 ค. 3 ,4 ง. 1 ,2 ,3 และ 4 20. ข้อใดเป็นลักษณะของการลาเลียงแบบ facilitated diffusion ก. เป็นการลาเลียงที่ต้องอาศัยพลังงานจากการสลายสารอาหารช่วยในการลาเลียง ข. เป็นการลาเลียงเข้าสู่เซลล์ตรงบริเวณเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีตัวพาที่เป็นสารโปรตีนช่วยในการลาเลียง ค. เป็นการลาเลียงที่สารถูกลาเลียงถูกโอบล้อมด้วยเยื่อหุ้มเซลล์แล้วลาเลียงผ่านเข้า-ออกเซลล์ได้เลย ง. เป็นการลาเลียงที่ไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แต่อาศัยถุงเล็กๆ บริเวณเยื่อหุ้มเซลล์พาสารถูกลาเลียงเข้า-ออกเซลล์ 21. (1) (2) (3) กระบวนการนาสารเข้าสู่เซลล์ดังภาพข้างบนนี้ ข้อใดถูกต้อง ก. (1) = phagocytosis , (2) = pinocytosis , (3) = receptor mediated endocytosis ข. (1) = receptor mediated endocytosis , (2) = pinocytosis , (3) = phagocytosis ค. (1) = pinocytosis , (2) = receptor mediated endocytosis , (3) = phagocytosis ง. (1) = pinocytosis , (2) = phagocytosis , (3) = receptor mediated endocytosis 22. จากภาพในข้อ 21 นักเรียนคิดว่าน่าจะเป็นเซลล์อะไร ตามลาดับ ก. หน่วยไต ,ไข่ไก่ ,อะมีบา ข. อะมีบา ,โพรโทซัว ,ไข่ไก่ ค. ไข่ไก่ ,โพรโทซัว ,เยื่อบุกระเพาะอาหาร ง. เยื่อบุกระเพาะอาหาร ,ไข่ไก่ , หน่วยไต 23. ข้อใดกล่าวถึงตัวอย่างของการลาเลียงสารแบบ exocytosis และ endocytosis ได้อย่างถูกต้อง ก. การกินอาหารของ amoebaและการดูดซึมแร่ธาตุของพืช ข. การหลั่งน้าย่อยในกระเพาะและการกรองของเสียโดยหน่วยไต ค. การหลั่งเหงื่อของผิวหนังและการทางานของเม็ดเลือดขาว ง. การขนส่งก๊าซของเม็ดเลือดแดงและการสะสมอาหารของเซลล์ไข่ 24. ข้อใดไม่ใช่ Exocytosis ก. การหลั่งทริปซินจากลาไส้เล็ก ข. การหลั่งสารสื่อประสาทจากสมอง ค. การหลั่งเหงื่อออกจากผิวหนัง ง. การหลั่งไทร็อกซินจากต่อมไทรอยด์ 25. การเกิดกระบวนการขนส่งสารแบบ Exocytosis และ Active transport จะเกี่ยวข้องกับorganelle ใดบ้างภายในเซลล์ 1 vacuole 2 mitochondria 3 RER 4 Golgi body ก. 1 ,2 และ 3 ข. 2 ,3 และ 4 ค. 3 ,4 และ 2 ง. 2 ,4 และ 1
  • 5. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 5 26. กระบวนการ exocytosis และกระบวนการ endocytosis ต่างกันมากที่สุด คือข้อใด ก. ขนาดและสถานะของสารที่ลาเลียง ข. ทิศทางของการลาเลียงสารของเซลล์ ค. วิธีการในกระบวนการลาเลียงสาร ง. ออร์แกเนลล์ที่ใช้ในการลาเลียงสาร 27. Cell eating และ Cell drinking หมายถึงข้อใด ตามลาดับ ก. Exocytosis และ Endocytosis ข. Endocytosis และ Exocytosis ค. Phagocytosis และ Pinocytosis ง. Pinocytosis และ Phagocytosis 28. ข้อใดกล่าวถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ผิดจากความเป็นจริง ก. พบได้ทั้งในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ ข. เกิดขึ้นเฉพาะเซลล์ชนิดเดียวกันซึ่งมีตาแหน่งใกล้เคียงกัน ค. มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดารงชีวิต ง. เกิดการทางานร่วมกันระหว่างเซลล์ในการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม 29. ข้อใดคือการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ที่มีตาแหน่งเซลล์อยู่ใกล้และไกลกัน ตามลาดับ ก. สัตว์– ระบบหมุนเวียน , พืช – gap junction ข. สัตว์ – gap junction , พืช – ระบบประสาท ค. พืช - ระบบท่อลาเลียง , สัตว์– gap junction ง. พืช – plasmodesmata , สัตว์ – ระบบต่อมไร้ท่อ 30. จากแผนภาพกระบวนการสื่อสารระหว่างเซลล์(1) ,(2) ,(3) ตรงกับข้อใด ก. (1) = การส่งสัญญาณ ,(2) = การตอบสนอง ,(3) = การรับสัญญาณ ข. (1) = การตอบสนอง ,(2) = การรับสัญญาณ ,(3) = การส่งสัญญาณ ค. (1) = การรับสัญญาณ ,(2) = การตอบสนอง ,(3) = การส่งสัญญาณ ง. (1) = การส่งสัญญาณ ,(2) = การส่งสัญญาณ ,(3) = การตอบสนอง 31. ปรากฏการณ์ใดเป็นปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงพลังงานในลักษณะเดียวกัน ก. การสังเคราะห์โปรตีนจากกรดอะมิโน และการเผาไหม้โมเลกุลน้าตาล ข. กระบวนการหายใจระดับเซลล์และการสร้างไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ ค. การสลายสารอาหารภายในเซลล์และการเผาไหม้ของโมเลกุลน้าตาล ง. กระบวนการสังเคราะห์แสงในเซลล์และการสลายสารอาหารในเซลล์ จากภาพกราฟนี้จงใช้ตอบคาถามข้อ 32 – 33 32. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง ก. สาร substrate, product และ intermediate คือ C ,A และ B ตามลาดับ ข. Ea ของปฏิกิริยาปกติที่มีเอ็นไซม์และปฏิกิริยาย้อนกลับที่ไม่มีเอ็นไซม์คือ a และ c ค. การดาเนินไปของปฏิกิริยาปกติและย้อยเมื่อสิ้นสุดแล้วจะได้สารผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน ง. การดาเนินปฏิกิริยาปกติเมื่อมีเอ็นไซม์เป็นตัวเร่งแล้วพลังงานกระตุ้นจะลดลงเท่ากับ b-a อัตราการเกิดปฏิกิริยา การดาเนินไปของปฏิกิริยา ATP (3) (2) (1) Cell
  • 6. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 6 33. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามความเป็นจริง ก. E ของทั้ง 2 ปฏิกิริยามีค่าเท่ากันและ E < 0 ข. ทั้ง 2 ปฏิกิริยาเป็นปฏิกิริยาเคมีประเภทดูดและคายความร้อน ค. a = Ea เมื่อมีเอนไซม์และ b = Ea เมื่อไม่มีเอนไซม์ของปฏิกิริยาปกติ ง. เอมไซม์ซับสเตรทคอมเพล็ก ที่สภาวะทรานซิชันสเตรทของทั้ง 2 ปฏิกิริยาแตกต่างกัน 34. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ ATP ก. ATP คือ adenosine triphosphate สร้างจากกระบวนการ catabolism ข. ATP เป็นแหล่งพลังงานสูงที่สาคัญสารมารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ค. ATP เก็บพลังงานส่วนใหญ่ที่พันธะระหว่างหมู่ฟอสเฟตกับน้าตาลไรโบส ง. ATP ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ น้าตาลไรโบส ,เบสอะดีนีน และหมู่ฟอสเฟต 35. ข้อใดอธิบายการทางานของ enzyme ได้เหมาะสมที่สุด ก. บริเวณ active site ของ enzyme จะมีโครงสร้างที่จับกับ substrate ได้พอดีจึงจะเกิดปฏิกิริยาได้เท่านั้น ข. ขณะเกิดปฏิกิริยาและเมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะเปลี่ยนไปจากก่อนเกิดปฏิกิริยา ค. ขณะทาปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site ของ enzyme จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก่อนและหลังปฏิกิริยาจะมี โครงสร้างเหมือนเดิม ง. ก่อนเกิดปฏิกิริยาและขณะเกิดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะมีโครงสร้างเปลี่ยนไปชั่วคราว แต่เมื่อ สิ้นสุดปฏิกิริยาโครงสร้างจะเปลี่ยนไปถาวร 36. กลไกการทางานของ enzyme ที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จะเป็นดังข้อใด หมายเหตุE = enzyme ,A = สาร A ก. E + A  EB  E + C ข. E + A  EA  E + B + C B = สาร B ,C = สาร C ค. E + A  EB  C  E ง. E + A  EC  E + A + B + C 37. ข้อใดไม่เป็นจริงเกี่ยวกับเอ็นไซม์ 1) โปรตีนทุกชนิดมีสมบัติเป็นเอ็นไซม์ 2) ถูกทาลายง่ายเมื่อความเป็นกรด-เบสเปลี่ยนแปลง 3) ทางานได้สม่าเสมอ แม้ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป 4) ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย 5) สลายสารอินทรีย์เชิงซ้อนให้เป็นเชิงง่ายเท่านั้น 6) เร่งปฏิกิริยาจาเพาะในเซลล์ให้สามารถดาเนินได้อย่างต่อเนื่อง 7) ไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหลังปฏิกิริยาสิ้นสุดลงแล้ว 8) เร่งปฏิกิริยาโดยการลดระดับพลังงานสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ ก. 1) 2) 8)และ 4) ข. 2) 3) 7)และ 5) ค. 1) 2) 4) และ 3) ง. 1) 3) 5)และ 8) 38. ข้อความใดถูกต้อง ก. co-enzyme ที่สามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตเท่านั้น คือ สารอนินทรีย์พวก vitamin ข. enzymeที่ไม่ได้ประกอบด้วยโปรตีนบริสุทธิ์ทั้งหมดนั้น เรียกว่า co-enzyme ค. ส่วนที่ไม่ใช่โปรตีน แต่ช่วยให้ enzyme สามารถทางานได้เรียกว่า co-enzyme ง. ส่วนที่เป็นโปรตีนทั้งหมดของ enzymeจะทางานเป็น active site เร่งปฏิกิริยาเคมี 39. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ inhibitor ก. inhibitor สามารถทาให้ enzyme ทางานช้าลงหรือหยุดทางานและมักเกิดขึ้นอย่างจาเพาะ ข. irreversible inhibitor จะจับกับ enzymeด้วยพันธะโควาเลนต์เกิดการเสียสภาพการทางานถาวร ค. competitive inhibitor มักมีรูปร่างไม่เหมือน substrate จึงไม่แย่งจับกับenzyme ง. non-copetitive inhibitor จะส่งผลต่อโครงสร้างของ enzyme ให้ไม่เหมาะสมต่อการทางาน
  • 7. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 7 40. ข้อใดกล่าวถูกต้อง Class Reaction ก. Oxidoreductase การแลกเปลี่ยนหมู่หรือตาแหน่ง functional group ข. Isomerase การเพิ่มขึ้นของอะตอมสารทาให้โครงสร้างโมเลกุลเปลี่ยน ค. Lyase การแยกหมู่อะตอมออกทาให้เกิดพันธะคู่ มีน้าเข้าช่วย ง. Ligase การสร้างสารโมเลกุลใหญ่จากสารโมเลกุลเล็กๆมาต่อกัน 41. สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงินชนิด (ก) เจริญอยู่ตามหินบริเวณบ่อน้าพุร้อน และ (ข) เจริญอยู่ตามหินบริเวณลาธาร ที่ จังหวัดระนอง เมื่อทาการสกัดเอาenzyme A มาทดสอบอัตราการทางานในช่วงอุณหภูมิ 10-45C ผลที่ได้ คือข้อใด (กาหนดให้ = (ก) และ = (ข) และ แกน x = อุณหภูมิ แกน y = อัตราการทางานของเอ็นไซม์) ก. ข. ค. ง. 42. A , B , C ในกราฟนี้ ควรเป็น enzyme ชนิดใด ตามลาดับ ก. amylase , lipase , pepsin ข. lipase , amylase , pepsin ค. pepsin , amylase , lipase ง. lipase , pepsin , amylase 43. แผนภาพนี้แสดงกระบวนการอะไร ก. Catabolismโดยการทางานของ enzymeแบบ Induce fit theory ข. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory ค. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Induce fit theory ง. Catabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory 44. ในหลอด A ,B และ C มีเซลล์ชนิดเดียวกันเพาะเลี้ยงอยู่เมื่อเติมสาร 1 ,2 และ 3 ลงในหลอดตามลาดับปรากฏว่าการ หายใจของเซลล์ถูกยับยั้งทั้ง 3 หลอด การวิเคราะห์ปริมาณสาร E ,F ,G ,H ได้ผลดังนี้ ลาดับปฏิกิริยาในข้อใดถูกต้อง ปริมาณสาร หลอด A หลอด B หลอด C เพิ่มขึ้น F G H ปกติ H F ,H - ไม่พบ G ,E E E ,F ,G ก. E G  F  H ข. F G  E  H ค. H F  G  E ง. H E  G  F 45. จากการศึกษาการทางานของ enzymeเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา แล้วนาไปเขียนกราฟ ข้อใดเป็นไปไม่ได้ (แกน x แทนปัจจัยต่างๆ แกน y แทน อัตราการทางานของเอ็นไซม์) ก. ข. อัตราการทางานของเอ็นไซม์ pH C B A [Substrate] [Enzyme]
  • 8. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 8 ค. ง. 46. ในการทดลองศึกษาการหายใจของเซลล์ในหลอดทดลองพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสารตามลาดับ คือ A B  C  D  E ในหลอดที่มี inhibitor w พบว่ามีสาร B มากกว่าปกติ ในหลอดที่มี inhibitor x หรือ y หรือ z พบว่า สาร A หรือ D หรือ C มีมากกว่าปกติ ตามลาดับ ขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการนี้ ควรเป็นอย่างไร ก.  A  B  C  D  E ข.  A  B  C  D  E ค. A  B  C  D  E ง. A  B  C  D  E 47. เมื่อศึกษาผลของสาร X และสาร Y ต่อการทางานของเอนไซม์A ได้ผลการทดลอง ดังนี้ ข้อใดถูกต้องมากที่สุด สารตั้งต้น สาร X สารตั้งต้นและสาร X สารตั้งต้นและสาร Y สารตั้งต้น สาร X และสาร Y เอนไซม์ A ++++ - ++ - - เอนไซม์ A และสาร X ++ - ++ - - ++++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมากที่สุด +++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมาก ++ ได้สารผลิตภัณฑ์น้อย + ได้สารผลิตภัณฑ์น้อยมาก - ไม่ได้สารผลิตภัณฑ์ ก. การเพิ่มปริมาณสาร X เท่านั้นที่มีผลต่อการทางานของเอนไซม์A ข. สาร Y จะมีผลกระทบต่อการทางานของเอนไซม์A มากกว่าสาร X ค. สาร X และ Y มีคุณสมบัติเป็น co-factor หรือ co-enzyme ของเอนไซม์ A ง. สาร X มีผลกระตุ้นการทางานส่วนสาร Y มีผลยับยั้งการทางานของเอนไซม์A 48. จากสมการขบวนการ A และ B คือข้อใด ATP + H2O ADP + Pi + พลังงาน ก. reduction ,phosphorylation ข. oxidation ,hydrogenation ค. phospholysis ,phosphorylation ง. phospholysis ,hydrolysis 49. optimum temperature และ optimum pH ของ enzyme ในร่างกายของคนเราประมาณเท่าใด ก. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 4.6-7.0 ข. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 6.0-7.5 ค. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 6.0-7.5 ง. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 4.6-7.0 50. ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ยกเว้นข้อใด ก. มีการชนกัน (collision) ของอนุภาคสารตั้งต้นในแง่มุมที่เหมาะสมที่ละหนึ่งคู่ ข. พลังงานกระตุ้นจะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่อนุภาคและทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ค. อนุภาคที่ชนกันต้องมีพลังงานสูงพอที่จะทาลายพันธะเคมีเก่าแล้วเกิดพันธะใหม่ได้ ง. จะต้องใช้ระยะเวลานานสาหรับให้อนุภาคสารตั้งต้นได้มีโอกาสการเข้าทาปฏิกิริยากัน ไม่มีคาว่าพ่ายแพ้ หากเรามีความเพียรพยายาม ลบคาว่าพ่ายแพ้ออกไปจากจิตใจ ไม่มีอุปสรรคใดที่เราข้ามไม่พ้น ขอเพียงละความอ่อนแอทิ้งไป เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด x w y z x w yz z zx xw wy y pH [Inhibitor] A B
  • 9. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 9 ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์ 1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับการทางานของเซลล์ ดังนั้น การลาเลียงสารเข้าออกและการ ทางานของเอ็นไซม์จึงมีความสาคัญอย่างมากซึ่งจะต้องทางานสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้” นักเรียน เห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้(5 คะแนน ) ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................…………………..
  • 10. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40241 10 ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. เฉลย : คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์ 1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับการทางานของเซลล์ ดังนั้น การลาเลียงสารเข้าออกและการ ทางานของเอ็นไซม์จึงมีความสาคัญอย่างมากซึ่งจะต้องทางานสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้” นักเรียน เห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้(5 คะแนน ) ...กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ต้องอาศัยการทางานของภายในเซลล์ซึ่งเรียกว่า เมทาบอลิซึม (metabolism) ดังนั้น กระบวนการลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์และการทางานของเอนไซม์จัดเป็นส่วนหนึ่งที่สาคัญของการเกิดเมทา บอลิซึมเพื่อการดารงชีวิต... ...การลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์ได้แก่ การนาสารจาเป็นต่อกระบวนการดารงชีวิต เช่น สารอาหาร ก๊าซ และสารเคมี ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์อีกทั้งการนาสารออกจากเซลล์เช่น ของเสีย สารพิษ และสารเคมีในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างเซลล์... ...การทางานของเอนไซม์ในปฏิกิริยาเคมีของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะทาให้ปฏิกิริยาดาเนินต่อไปได้อย่างรวดเร็วและมี ประสิทธิภาพ ทาให้เกิดสารจาเป็นต่างๆในการดารงชีวิต เช่น พลังงาน อาหาร ฮอร์โมน สารสื่อประสาทในการ ติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์... ...ความสัมพันธ์ระหว่างการลาเลียงสารเข้า-ออกจากเซลล์กับการทางานของเอนไซม์... ...การทางานของเซลล์ : เมทาบอลิซึม ...สารตั้งต้น + เอนไซม์  สารผลิตภัณฑ์ (สารที่ต้องการและสารที่ไม่ต้องการ) ...การลาเลียงสารเข้า คือ สารตั้งต้นของปฏิกิริยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาในกระบวนการสร้างเอนไซม์ ...การลาเลียงสารออก คือ สารผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ เช่น อาหาร ฮอร์โมน แอนติบอดี ฮอร์โมน และสารที่ไม่ต้องการ เช่น ของเสีย สารพิษ ...และการทางานของเอนไซม์ในปฏิกิริยาชีวเคมี ได้สารผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงาน ATP ซึ่งส่งผลต่อการ ลาเลียงสารแบบ Active transport การลาเลียงสารเข้า-ออกเซลล์การทางานของเอนไซม์