6. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
6
33. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามความเป็นจริง
ก. E ของทั้ง 2 ปฏิกิริยามีค่าเท่ากันและ E < 0
ข. ทั้ง 2 ปฏิกิริยาเป็นปฏิกิริยาเคมีประเภทดูดและคายความร้อน
ค. a = Ea เมื่อมีเอนไซม์และ b = Ea เมื่อไม่มีเอนไซม์ของปฏิกิริยาปกติ
ง. เอมไซม์ซับสเตรทคอมเพล็ก ที่สภาวะทรานซิชันสเตรทของทั้ง 2 ปฏิกิริยาแตกต่างกัน
34. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ ATP
ก. ATP คือ adenosine triphosphate สร้างจากกระบวนการ catabolism
ข. ATP เป็นแหล่งพลังงานสูงที่สาคัญสารมารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ค. ATP เก็บพลังงานส่วนใหญ่ที่พันธะระหว่างหมู่ฟอสเฟตกับน้าตาลไรโบส
ง. ATP ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ น้าตาลไรโบส ,เบสอะดีนีน และหมู่ฟอสเฟต
35. ข้อใดอธิบายการทางานของ enzyme ได้เหมาะสมที่สุด
ก. บริเวณ active site ของ enzyme จะมีโครงสร้างที่จับกับ substrate ได้พอดีจึงจะเกิดปฏิกิริยาได้เท่านั้น
ข. ขณะเกิดปฏิกิริยาและเมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะเปลี่ยนไปจากก่อนเกิดปฏิกิริยา
ค. ขณะทาปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site ของ enzyme จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก่อนและหลังปฏิกิริยาจะมี
โครงสร้างเหมือนเดิม
ง. ก่อนเกิดปฏิกิริยาและขณะเกิดปฏิกิริยากับ substrate บริเวณ active site จะมีโครงสร้างเปลี่ยนไปชั่วคราว แต่เมื่อ
สิ้นสุดปฏิกิริยาโครงสร้างจะเปลี่ยนไปถาวร
36. กลไกการทางานของ enzyme ที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จะเป็นดังข้อใด หมายเหตุE = enzyme ,A = สาร A
ก. E + A EB E + C ข. E + A EA E + B + C B = สาร B ,C = สาร C
ค. E + A EB C E ง. E + A EC E + A + B + C
37. ข้อใดไม่เป็นจริงเกี่ยวกับเอ็นไซม์
1) โปรตีนทุกชนิดมีสมบัติเป็นเอ็นไซม์ 2) ถูกทาลายง่ายเมื่อความเป็นกรด-เบสเปลี่ยนแปลง
3) ทางานได้สม่าเสมอ แม้ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป 4) ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย
5) สลายสารอินทรีย์เชิงซ้อนให้เป็นเชิงง่ายเท่านั้น 6) เร่งปฏิกิริยาจาเพาะในเซลล์ให้สามารถดาเนินได้อย่างต่อเนื่อง
7) ไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหลังปฏิกิริยาสิ้นสุดลงแล้ว
8) เร่งปฏิกิริยาโดยการลดระดับพลังงานสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์
ก. 1) 2) 8)และ 4) ข. 2) 3) 7)และ 5) ค. 1) 2) 4) และ 3) ง. 1) 3) 5)และ 8)
38. ข้อความใดถูกต้อง
ก. co-enzyme ที่สามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตเท่านั้น คือ สารอนินทรีย์พวก vitamin
ข. enzymeที่ไม่ได้ประกอบด้วยโปรตีนบริสุทธิ์ทั้งหมดนั้น เรียกว่า co-enzyme
ค. ส่วนที่ไม่ใช่โปรตีน แต่ช่วยให้ enzyme สามารถทางานได้เรียกว่า co-enzyme
ง. ส่วนที่เป็นโปรตีนทั้งหมดของ enzymeจะทางานเป็น active site เร่งปฏิกิริยาเคมี
39. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ inhibitor
ก. inhibitor สามารถทาให้ enzyme ทางานช้าลงหรือหยุดทางานและมักเกิดขึ้นอย่างจาเพาะ
ข. irreversible inhibitor จะจับกับ enzymeด้วยพันธะโควาเลนต์เกิดการเสียสภาพการทางานถาวร
ค. competitive inhibitor มักมีรูปร่างไม่เหมือน substrate จึงไม่แย่งจับกับenzyme
ง. non-copetitive inhibitor จะส่งผลต่อโครงสร้างของ enzyme ให้ไม่เหมาะสมต่อการทางาน
7. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
7
40. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
Class Reaction
ก. Oxidoreductase การแลกเปลี่ยนหมู่หรือตาแหน่ง functional group
ข. Isomerase การเพิ่มขึ้นของอะตอมสารทาให้โครงสร้างโมเลกุลเปลี่ยน
ค. Lyase การแยกหมู่อะตอมออกทาให้เกิดพันธะคู่ มีน้าเข้าช่วย
ง. Ligase การสร้างสารโมเลกุลใหญ่จากสารโมเลกุลเล็กๆมาต่อกัน
41. สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงินชนิด (ก) เจริญอยู่ตามหินบริเวณบ่อน้าพุร้อน และ (ข) เจริญอยู่ตามหินบริเวณลาธาร ที่
จังหวัดระนอง เมื่อทาการสกัดเอาenzyme A มาทดสอบอัตราการทางานในช่วงอุณหภูมิ 10-45C ผลที่ได้ คือข้อใด
(กาหนดให้ = (ก) และ = (ข) และ แกน x = อุณหภูมิ แกน y = อัตราการทางานของเอ็นไซม์)
ก. ข.
ค. ง.
42. A , B , C ในกราฟนี้ ควรเป็น enzyme ชนิดใด ตามลาดับ
ก. amylase , lipase , pepsin
ข. lipase , amylase , pepsin
ค. pepsin , amylase , lipase
ง. lipase , pepsin , amylase
43. แผนภาพนี้แสดงกระบวนการอะไร
ก. Catabolismโดยการทางานของ enzymeแบบ Induce fit theory
ข. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory
ค. Anabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Induce fit theory
ง. Catabolism โดยการทางานของ enzyme แบบ Lock and key theory
44. ในหลอด A ,B และ C มีเซลล์ชนิดเดียวกันเพาะเลี้ยงอยู่เมื่อเติมสาร 1 ,2 และ 3 ลงในหลอดตามลาดับปรากฏว่าการ
หายใจของเซลล์ถูกยับยั้งทั้ง 3 หลอด การวิเคราะห์ปริมาณสาร E ,F ,G ,H ได้ผลดังนี้ ลาดับปฏิกิริยาในข้อใดถูกต้อง
ปริมาณสาร หลอด A หลอด B หลอด C
เพิ่มขึ้น F G H
ปกติ H F ,H -
ไม่พบ G ,E E E ,F ,G
ก. E G F H ข. F G E H ค. H F G E ง. H E G F
45. จากการศึกษาการทางานของ enzymeเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา แล้วนาไปเขียนกราฟ
ข้อใดเป็นไปไม่ได้ (แกน x แทนปัจจัยต่างๆ แกน y แทน อัตราการทางานของเอ็นไซม์)
ก. ข.
อัตราการทางานของเอ็นไซม์
pH
C B A
[Substrate] [Enzyme]
8. ม.4/1-4/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40241
8
ค. ง.
46. ในการทดลองศึกษาการหายใจของเซลล์ในหลอดทดลองพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสารตามลาดับ คือ A B
C D E ในหลอดที่มี inhibitor w พบว่ามีสาร B มากกว่าปกติ ในหลอดที่มี inhibitor x หรือ y หรือ z พบว่า
สาร A หรือ D หรือ C มีมากกว่าปกติ ตามลาดับ ขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการนี้ ควรเป็นอย่างไร
ก. A B C D E ข. A B C D E
ค. A B C D E ง. A B C D E
47. เมื่อศึกษาผลของสาร X และสาร Y ต่อการทางานของเอนไซม์A ได้ผลการทดลอง ดังนี้ ข้อใดถูกต้องมากที่สุด
สารตั้งต้น สาร X สารตั้งต้นและสาร X สารตั้งต้นและสาร Y สารตั้งต้น สาร X และสาร Y
เอนไซม์ A ++++ - ++ - -
เอนไซม์ A
และสาร X
++ - ++ - -
++++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมากที่สุด +++ ได้สารผลิตภัณฑ์จานวนมาก
++ ได้สารผลิตภัณฑ์น้อย + ได้สารผลิตภัณฑ์น้อยมาก - ไม่ได้สารผลิตภัณฑ์
ก. การเพิ่มปริมาณสาร X เท่านั้นที่มีผลต่อการทางานของเอนไซม์A
ข. สาร Y จะมีผลกระทบต่อการทางานของเอนไซม์A มากกว่าสาร X
ค. สาร X และ Y มีคุณสมบัติเป็น co-factor หรือ co-enzyme ของเอนไซม์ A
ง. สาร X มีผลกระตุ้นการทางานส่วนสาร Y มีผลยับยั้งการทางานของเอนไซม์A
48. จากสมการขบวนการ A และ B คือข้อใด ATP + H2O ADP + Pi + พลังงาน
ก. reduction ,phosphorylation ข. oxidation ,hydrogenation
ค. phospholysis ,phosphorylation ง. phospholysis ,hydrolysis
49. optimum temperature และ optimum pH ของ enzyme ในร่างกายของคนเราประมาณเท่าใด
ก. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 4.6-7.0 ข. อุณหภูมิ 37C-45C และ pH 6.0-7.5
ค. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 6.0-7.5 ง. อุณหภูมิ 25C-35C และ pH 4.6-7.0
50. ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ยกเว้นข้อใด
ก. มีการชนกัน (collision) ของอนุภาคสารตั้งต้นในแง่มุมที่เหมาะสมที่ละหนึ่งคู่
ข. พลังงานกระตุ้นจะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่อนุภาคและทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ค. อนุภาคที่ชนกันต้องมีพลังงานสูงพอที่จะทาลายพันธะเคมีเก่าแล้วเกิดพันธะใหม่ได้
ง. จะต้องใช้ระยะเวลานานสาหรับให้อนุภาคสารตั้งต้นได้มีโอกาสการเข้าทาปฏิกิริยากัน
ไม่มีคาว่าพ่ายแพ้
หากเรามีความเพียรพยายาม
ลบคาว่าพ่ายแพ้ออกไปจากจิตใจ
ไม่มีอุปสรรคใดที่เราข้ามไม่พ้น
ขอเพียงละความอ่อนแอทิ้งไป
เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด
x w y z x w yz
z zx xw wy y
pH [Inhibitor]
A
B