Contenu connexe
Similaire à สอบกลางภาคชีวะ51 2
Similaire à สอบกลางภาคชีวะ51 2 (20)
Plus de Wichai Likitponrak
Plus de Wichai Likitponrak (20)
สอบกลางภาคชีวะ51 2
- 1. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 1
โรงเรียนทิวไผ่งาม
ข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551
วิชาชีววิทยา 2 (ว40242)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1-4/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน
สอบวันที่ 22 ธันวาคม 2551 เวลา 13.00 – 14.20 น.
ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 1 ตอน
- ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน)
- ตอนที่ 2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ (ข้อละ 5 คะแนน เต็ม 5 คะแนน)
2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย
3. ให้นักเรียนระบาย ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง
4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่
5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ผรค. : 1 อธิบายองค์ประกอบทางเคมีของสารชีวโมเลกุลในอาหารต่างๆ อีกทั้งสามารถออกแบบ ทดสอบ จาแนกสารอาหาร
ประเภทต่างๆที่มีอยู่ในอาหาร ( ปรนัยแบบ 4 ตัวเลือกข้อที่ 1-30 )
ผรค. : 2 อธิบายและเขียนภาพโครงสร้างและการทางานของระบบการย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์กัน
ของระบบต่างๆ ที่ทาให้มนุษย์และสัตว์มีการเจริญเติบโต และนาไปใช้ในการดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข ( ปรนัยแบบ
4 ตัวเลือกข้อที่31-50 ,อัตนัย 1 ข้อ)
คาสั่งตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 60 ข้อ : จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียวข้อ 1-50
1. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง
ก. เซลล์ของสิ่งมีชีวิตสามารถนาอาหารไปใช้ประโยชน์ในการดารงชีวิตด้านต่างๆได้
ข. สารอาหารประเภทอินทรีย์บางชนิดและประเภทอนินทรีย์ทุกชนิดไม่ให้พลังงาน
ค. สารอาหารหลักที่พบมากเป็นอันดับที่หนึ่งและสองในร่างกาย คือ น้าและโปรตีน
ง. ร่างกายต้องการสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตมากแต่พบว่ามีการสะสมในร่างกายอยู่น้อย
2. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับcarbohydrate
ชนิด ประเภท Glycocidic bond แหล่งที่พบ
ก. lactose Disaccharide 1,4-α linkage น้านม
ข. sucrose Monosaccharide - น้าตาลทราย
ค. cellulose Polysaccharide 1,4- linkage ผนังเซลล์พืช
ง. glycogen Disaccharide 1,4-α linkage และ1,6-α linkage ตับและกล้ามเนื้อ
4. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง
ก. fructose จัดเป็น monosaccharide ที่พบได้มากที่สุดและมีรสหวานที่สุด
ข. cellulose ไม่สามารถให้พลังงานแก่มนุษย์จึงไม่มีความสาคัญต่อการดารงชีวิต
ค. lactose จัดเป็น disaccharide ที่เกิดจากการรวมตัวของ galactose กับ fructose
ง. amylose เป็นแป้ งที่มนุษย์บริโภคในชีวิตประจาวันเพราะย่อยได้ด้วย amylase
- 2. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 2
3. จากแผนภาพแสดงสัดส่วนของอาหารที่เหมาะสมดังรูป
A ,B ,C และ D คืออะไรตามลาดับ
ก. โปรตีน ,คาร์โบไฮเดรต ,ไขมัน และผักผลไม้
ข. โปรตีน ,ผักผลไม้ ,คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
ค. คาร์โบไฮเดรต ,ไขมัน ,ผักผลไม้และโปรตีน
ง. คาร์โบไฮเดรต ,ผักผลไม้,ไขมัน และโปรตีน
5. จากที่กาหนดให้ ข้อใดแสดงอาการขาดวิตามินได้ถูกต้อง
(1) ตาบอดกลางคืน (2) กระดูกพรุน (3) เหน็บชา (4) ลักปิดลักเปิด
(5) ปากนกกระจอก (6) เลือดแข็งตัวช้า (7) เบื่ออาหาร (8) โลหิตจาง
-phylloquinone thiamine calciferol retinol ascorbic acid
ก. (5) (6) (1) (2) (8)
ข. (6) (3) (2) (1) (4)
ค. (2) (4) (1) (8) (5)
ง. (7) (5) (8) (1) (2)
6. ข้อมูลในตารางข้อใดที่แสดงอาการที่ขาดแร่ธาตุได้อย่างถูกต้อง
Fe Ca I F
ก. กระดูกอ่อน โลหิตจาง คอหอยพอก เลือดออกตามไรฟัน
ข. โลหิตจาง กระดูกอ่อน เลือดออกตามไรฟัน คอหอยพอก
ค. กระดูกอ่อน เลือดแข็งตัวช้า โลหิตจาง ประสาทผิดปกติ
ง. โลหิตจาง กระดูกพรุน คอหอยพอก ฟันผุง่าย
7. ข้อใดกล่าวถึง lipid ได้ถูกต้อง
ก. cholesterol เป็นอนุพันธ์ของไขมันที่พบในเลือดมักมาจากทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวและอิ่มตัว
ข. น้ามันและไขมันแตกต่างกันในด้านสถานะ แหล่งที่พบ จุดหลอมเหลวและประเภทกรดไขมัน
ค. oleic acid และ stearic acid จัดเป็นกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวที่พบมากที่สุดตามลาดับ
ค. ร่างกายใช้เป็นพลังงานหลักหรือเก็บสารองไว้เพราะสามารถให้พลังงานสูงในการดารงชีวิต
8. จากรูปกาหนดให้เป็น triglyceride ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. D เป็นแอลกอฮอร์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และมวลมาก
ข. E,F,G เป็นพันธะเอสเตอร์ (-CONH-)
ค. ถ้า A = C17H34O2 จัดเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว
ง. เป็นรูปแบบที่พบส่วนใหญ่ในร่างกายสิ่งมีชีวิต
9. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริงเกี่ยวกับน้า
ก. เป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์พบโดยประมาณ คือ 75% ของน้าหนักร่างกาย
ข. เป็นตัวกลางและเข้าร่วมกระบวนการ metabolism ของเซลล์โดยเฉพาะ hydrolysis
ค. เป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่อยู่เสมอเพราะสมบัติความจุความร้อนต่า
ง. เป็นของเหลวมีขั้วจึงเหมาะเป็นตัวทาละลายละลายและลาเลียงสารต่างๆในร่างกาย
D =
20%
B =
20%
C = 10%
A = 50%
E
F
G
D
A
B
C
- 3. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 3
10. เมื่อทดลองแช่ขวดน้ามัน A และขวดน้ามัน B ในตู้เย็น 1 คืน พบว่าน้ามัน A แข็งตัว แต่น้ามัน B ยังเป็นของเหลว
พิจารณาข้อสรุปต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง
ก. น้ามัน A มีจุดหลอมเหลวสูง ข. น้ามัน B มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก
ค. น้ามัน A เกิดการเหม็นหืนง่าย ง. น้ามัน B เกิดคลอเรสเตอรอลง่าย
11. ข้อใดผิดจากความเป็นจริง
(1) คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม ให้พลังงานมากกว่าไขมัน 2 กรัม
(2) คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม ให้พลังงานเท่ากับโปรตีน2 กรัม
(3) โปรตีน 2 กรัม ให้พลังงานน้อยกว่าไขมัน 1 กรัม
(4) ไขมัน 2 กรัม ให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 กรัม รวมกับโปรตีน 2 กรัม
ก. (1) , (2) ข. (2) , (4) ค. (3) , (4) ง. (3) , (1)
12. พิจารณาชนิดและหน้าที่ของสารต่อไปนี้ ข้อใดกล่าวถูกต้อง
สาร ชนิดของสาร หน้าที่
ก. ฮีโมโกลบิน โปรตีน ภูมิคุ้มกัน
ข. คลอเรสเตอรอล อนุพันธ์ไขมัน สร้างฮอร์โมนเพศ
ค. เคอราติน คาร์โบไฮเดรต โครงสร้างของเส้นผม
ง. ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเชิงเดี่ยว ตัวทาละลายวิตามิน C
13. จากโครงสร้างของโมเลกุลที่กาหนดให้ เป็นสารอาหารประเภทใดตามลาดับ
(1) (2) (3)
ก. carbohydrate ,lipid ,protein ข. protein ,carbohydrate ,lipid
ค. lipid ,protein ,carbohydrate ง. protein ,lipid ,carbohydrate
14. จากโครงสร้างโมเลกุลข้อ 13. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. (3) สามารถพบได้จากการย่อยข้าวหรือขนมปัง ข. (3) ผู้ใหญ่และเด็กมีความจาเป็นที่ต้องได้รับเท่ากัน
ค. (1) เป็นสารประกอบหลักของเซลล์พืชและสาหร่าย ง. (2) มักพบเป็นส่วนประกอบในสัตว์มากกว่าพืช
15. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. ในบรรดาอาหารประเภทวิตามินวันหนึ่งๆร่างกายต้องการวิตามินซีมากที่สุด
ข. อาหารที่มีน้าหนักเท่ากัน ถ้าเป็นอาหารต่างชนิดกัน ก็จะให้พลังงานไม่เท่ากัน
ค. กรดอะมิโน lysine และ histedine มีความจาเป็นมากต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
ง. ผลไม้และผักที่มีสีเหลืองและแดงเป็นแหล่งที่มีวิตามินเอสูงเนื่องจากมีแคโรทีนมาก
16. เกลือแร่ เป็นสิ่งจาเป็นต่อร่างกายอย่างมากเพราะเหตุใด
ก. ช่วยในการทางานของกล้ามเนื้อและต่อมไร้ท่อทั้งหมด ข.เป็นองค์ประกอบหลักของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
ค. ช่วยรักษาสมดุลกระบวนการ metabolism ของร่างกาย ง. สามารถให้พลังงานในยามที่ร่างกายขาดแคลนได้
1,4- linkage
- 4. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 4
17. จากตารางทดสอบสารอาหาร A B C D E คือข้อใด ตามลาดับ
อาหาร Benedict soln
NaOH + Cu(II)SO4 Iodine soln
กระดาษ
A - สีน้าเงินขุ่น สีน้าเงินม่วงเข้ม -
B - - แยกตัวเป็น 2 ชั้น โปร่งแสง
C สีส้มมีตะกอนสีแดงอิฐ สีน้าเงิน - -
D สีฟ้า - สีน้าตาล -
E - สีม่วง - ทึบแสง
ก. แป้งมัน ,น้ามันพืช ,น้าตาล ,น้า ,ไข่ขาว ข. ไข่ขาว ,น้ามันพืช ,น้าตาล ,แป้งมัน ,น้า
ค. น้าตาล ,น้า ,ไข่ขาว ,แป้งมัน ,น้ามันพืช ง. น้ามันพืช ,ไข่ขาว ,แป้งมัน ,น้า ,น้าตาล
18. ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในการ
(1) เป็นแหล่งผลิตพลังงานหลัก (2) ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย (3) การเจริญเติบโตของร่างกาย
(4) ควบคุมกระบวนการเมทาบอลิซึมให้เป็นปกติ (5) รักษาดุลยภาพต่างๆภายในร่างกาย
(6) องค์ประกอบหลักของเซลล์ในสิ่งมีชีวิต
สารอาหารเหล่านั้นได้แก่ข้อใด
(2) (4) (1) (6) (5) (3)
ก. Carbohydrate
ข. Lipid
ค. น้า
ง. เกลือแร่
Protein
Vitamin
Vitamin
น้า
Lipid
Carbohydrate
Lipid
Carbohydrate
น้า
Vitamin
เกลือแร่
Lipid
Vitamin
เกลือแร่
Protein
Vitamin
เกลือแร่
น้า
Carbohydrate
Protein
19. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามหลักโภชนาการ
ก. ควรกินอาหารที่มีสารอาหารครบทุกประเภทในสัดส่วนที่เท่ากัน
ข.ควรเลือกกินอาหารที่มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันในสัดส่วนที่เท่ากัน
ค. ควรกินอาหารที่มีสารอาหารครบทุกประเภทในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม
ง. ควรกินอาหารประเภท ผัก ผลไม้ในสัดส่วนที่มากกว่าโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
20. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามจริง
ก. วิตามิน D กับ Ca เป็นแร่ธาตุและวิตามินคู่ที่ทางานร่วมกันมากที่สุด
ข. ซุปรังนกนางแอ่นและนมวัวช่วยส่งเสริมให้เด็กมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง
ค. เนย เนื้อวัว นมและน้าตาลทรายเป็นอาหารที่เรียงจากที่ให้พลังงานจากต่าไปสูง
ง. วัวกินฟางแห้ง ปลวกกินไม้และมานิตกินส้มเป็นตัวอย่างอาหารไม่ให้รับพลังงาน
21. ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต โปรตีน หรือไขมันได้ถูกต้อง
(1) สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถเก็บสะสมคาร์โบไฮเดรตในรูปแป้งได้
(2) คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสามารถถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันได้
(3) โปรตีนสามารถเปลี่ยนไปเป็นคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานได้
(4) สิ่งมีชีวิตจะใช้ไขมันสาหรับการผลิตพลังงานหลักของเซลล์
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (4) และ (1)
- 5. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 5
22. ถ้านา sucrose 3 โมเลกุล ,maltose 2 โมเลกุล และ lactose 1 โมเลกุลมาย่อยสลายจะได้ตามข้อใด
Glucose (molecule) Fructose (molecule) Galactose (molecule)
ก. 8 3 1
ข. 7 4 1
ค. 6 4 2
ง. 5 3 4
23. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องตามจริง
ก. โปรตีนจากพืชและสัตว์ในปริมาณที่เท่ากันจะมีคุณค่าทางชีววิทยาเท่ากัน
ข. โปรตีนมีธาตุองค์ประกอบหลักทั่วๆไปคล้ายกับคาร์โบไฮเดรต และไขมัน
ค. ปริมาณโปรตีนที่ร่างการต้องการขึ้นอยู่กับปัจจัยเพศ ช่วงอายุสภาพร่างกาย
ง. ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนได้เองต้องได้รับจากการย่อยอาหาร
24. ให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้
(1) อัตราส่วนของ H : O ของคาร์โบไฮเดรตเท่ากับ 2 : 1 แต่ไม่พบในลิพิด
(2) ในปริมาณอาหารที่เท่ากันลิพิดจะให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต
(3) คาร์บอนอะตอมของลิพิดอาจจับกันด้วยพันธะคู่ แต่ไม่พบในคาร์โบไฮเดรต
(4) ลิพิดจัดเป็นสารชีวโมเลกุลที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่กว่าคาร์โบไฮเดรตมาก
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคาร์โบไฮเดรตกับลิพิด
ก. (1) (2) (3) ข. (1) (3) (4) ค. (1) (2) (4) ง. (2) (3) (4)
25. ข้อใดเป็นหน้าที่ของวิตามิน
(1) ใช้ในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ (2) เป็นแหล่งพลังงานพิเศษของร่างกาย
(3) ช่วยป้องกันและต้านทานโรคต่างๆ (4) เป็นตัวควบคุมการทางานของระบบอวัยวะ
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (4) และ (1)
26. เกลือแร่ในร่างกายมีหลายชนิดที่ได้รับจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปจึงไม่มีปัญหาการขาด แต่เกลือแร่บางชนิด
ยังมีปัญหาการขาด หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เกลือแร่ที่เป็นปัญหาพบมากดังกล่าว คือข้อใด
ก. เหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม ข. แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม
ค. โพแทสเซียม ไอโอดีน คลอรีน ง. กามะถัน เหล็ก แมกนีเซียม
27. ข้อใดเป็นจริงเกี่ยวกับ1= calciferol และ 2 = ascorbic acid
ก. 1 และ 2 ต่างก็สามารถละลายในน้าได้
ข. 1 และ 2 ต่างช่วยเพิ่มอัตราการดูดซึม Ca และ P
ค. 1 ร่างกายสามารถสร้างได้ส่วน 2 ได้จากการรับประทานอาหาร
ง. 1 และ 2 ต่างมีความเกี่ยวข้องกับการบารุงเหงือก กระดูกและฟัน
28. ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้
(1) พบในปริมาณมากของไขมันสัตว์ (2) ถูกออกซิไดส์ได้ง่าย ทามีกลิ่นเหม็นหืน
(3) คาร์บอนอะตอมยึดกันด้วยพันธะเดี่ยวเท่านั้น (4) สามารถแข็งตัวได้แม้ที่อุณหภูมิห้อง
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับกรดไขมันอิ่มตัว
ก. (1) (2) ข. (1) (3) (4) ค. (2) (3) (4) ง. (1) (2) (3) (4)
- 6. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 6
29. ตัวเลือกข้อใดกล่าวได้ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง
ก. ถ้าต้องการลดความอ้วน ต้องลดอาหารจาพวกไขมันและคาร์โบไฮเดรต
ข. ภาวการณ์ขาดอาหารนั้นโดยมากกาหนดจากการขาดอาหารจาพวกโปรตีน
ค. แล็กโทส มอลโทส และซูโครสเป็นน้าตาลโมเลกุลคู่ซึ่งมีสูตรโมเลกุลเป็น C12H22O11
ง. ถ้ามนุษย์มีน้าหนักตัว 70 กิโลกรัม จะมีความต้องการโปรตีนโดยเฉลี่ยต่อวันประมาณ 35 กรัม
30. ในขณะที่ร่างกายอ่อนเพลียมากๆ สารอาหารพวกใดที่เราควรรับประทาน เพื่อให้ร่างกายเป็นปกติในเวลาอันสั้น คือ
ข้อใดเพราะเหตุใด
ก. กรดไขมันเพราะเป็นสารที่ให้พลังงานสูงที่สุด ข. น้าเกลือเพราะเป็นสารอาหารชดเชยเกลือแร่ที่เสียไป
ค. กรดอะมิโนเพราะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว ง. น้าตาลกลูโคสเพราะจะถูกใช้ผลิตพลังงานได้รวดเร็ว
31. การย่อยอาหาร มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. การได้รับพลังงานจากการกินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตเข้าไปในร่างกาย
ข. การเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกายจากการกินอาหารโดยตรง
ค. การเปลี่ยนแปลงจากอาหารโมเลกุลใหญ่เป็นสารอาหารโมเลกุลเล็กที่ร่างกายใช้ได้
ง. ถูกทุกข้อดังที่กล่าวมาข้างต้น
32. เหตุใดคนเราจึงไม่สามารถพูด หายใจเข้า และกลืนได้พร้อมกัน
(1) เวลาพูดหรือหายใจเข้า ฝาปิดกล่องเสียงจะเปิด แต่เวลากลืนฝาปิดก่องเสียงจะปิด
(2) เวลากลืนเพดานอ่อนและลิ้นไก่จะถูกดันขึ้นปิดทางเดินลมหายใจ ขณะที่ฝาปิดกล่องเสียงปิด
(3) เวลาหายใจเข้าอากาศจะผ่านกล่องเสียง แต่เวลากลืนอากาศจะผ่านกล่องเสียงไม่ได้
(4) เวลากลืนเพดานอ่อนจะถูกลิ้นดันไปปิดช่องอากาศเพื่อให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านเข้าสู่หลอดอาหาร
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (1) และ (4)
33. จากการศึกษาเกี่ยวกับการย่อยอาหารของสิ่งมีชีวิตชั้นต่าพวกโปรโตซัว เช่น อะมีบา พารามีเซียม จนกระทั่งถึงสัตว์
ชั้นสูง เช่น คน เป็นลาดับนั้น พบว่าสิ่งมีชีวิตมีการย่อยอาหารจากค่อนข้างง่ายแล้วค่อยๆวิวัฒนาการให้มีความซับซ้อน
มากขึ้นเป็นลาดับ นักเรียนคิดว่า วิวัฒนาการดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงดังข้อใด
ก. จากกระบวนการกินอาหารคล้ายพืชมาเป็นของสัตว์ ข. จากการย่อยภายในเซลล์มาเป็นนอกเซลล์ในร่างกาย
ค. จากการย่อยสารอนินทรีย์มาเป็นการย่อยสารอินทรีย์ ง. จากการดูดซึมเข้ามาใช้เลยเป็นการย่อยแล้วถึงดูดซึม
34. ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับระบบทางเดินได้ถูกต้อง
Non-digestive system Incomplete-digestive system Complete-digestive system
ก. ฟองน้า พารามีเซียม ไส้เดือนดิน
ข. พยาธิตัวตืด ไฮดรา หนอนตัวกลม
ค. ฟองน้า ไฮดรา พลานาเรีย
ง. อะมีบา พยาธิตัวตืด แมลง
35. ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับกระบวนการย่อยอาหารในสัตว์ผิดจากความเป็นจริง
ก. กุ้งจะมีการย่อยเชิงเคมีในส่วนกลางของลาตัวโดยเอ็นไซม์จาก hepatopancreas
ข. ฟองน้าจะอาศัย choanocyte ดักจับอาหารแล้วจะส่งไปย่อยต่อภายใน amoebocyte
ค. ไฮดราจะเกิดการย่อยทั้งภายในและภายนอกเซลล์โดย nutritive cell และ gland cell
ง. วัวจะมีการย่อยอาหารโดยจุลินทรีย์ทั้งในกระเพาะ rumen , reticulum และ abomasum
- 7. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 7
36. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องตามความเป็นจริง
ก. ความแตกต่างระหว่าง amoeba กับparamecium คือ กระบวนการย่อยอาหารในเซลล์
ข. จุลินทรีย์มีกระบวนการย่อยอาหารที่เกิดขึ้นภายนอกเซลล์(extracellular digestion)
ค. การย่อยอาหารของมนุษย์ในลาดับแรก คือ คาร์โบไฮเดรต และลาดับสุดท้าย คือ โปรตีน
ง. ทางเดินอาหารของไส้เดือนดินจะมี crop ก่อนที่จะส่งไปบดที่ gizzard และย่อยที่ stromach
37. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับสัตว์เคี้ยวเอื้อง
(1) มีการสารอกอาหารออกมาเคี้ยวใหม่ ทาให้ได้สารอาหารมากขึ้น
(2) มีจุลินทรีย์ที่ทางเดินอาหารส่วนต้นสามารถสังเคราะห์วิตามินต่างๆได้
(3) จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารที่สามารถย่อยเซลลูโลสได้กลูโคสและกรดอะมิโน
(4) มีกระเพาะส่วนที่เรียกว่า abomasum ซึ่งมีเอ็นไซม์ย่อยเซลลูโลสแทนจุลินทรีย์ได้
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (1) และ (4)
38. ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างชนิดอาหารกับอวัยวะที่สร้างเอ็นไซม์ (ทั้งที่ทางานและไม่ทางาน) ย่อยอาหารชนิด
นั้นได้ถูกต้องสมบูรณ์
Carbohydrate Protein Lipid
ก. ปาก,ลาไส้เล็ก,ตับอ่อน กระเพาะ,ลาไส้เล็ก,ตับอ่อน กระเพาะ,ลาไส้เล็ก,ตับอ่อน
ข. ปาก,ลาไส้เล็ก กระเพาะ,ตับอ่อน ลาไส้เล็ก,ตับอ่อน
ค. ปาก,ตับอ่อน,ลาไส้เล็ก กระเพาะ,ลาไส้เล็ก ตับ,ตับอ่อน,ลาไส้เล็ก
ง. ปาก,ตับอ่อน กระเพาะ กระเพาะ,ตับ
39. จากทัศนะทางวิวัฒนาการ การย่อยอาหารภายนอกเซลล์ในระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งจาเป็นตราบที่สิ่งมีชีวิตยังคงมี
กระบวนการกินเป็นทอดๆ ข้อความที่สนับสนุนคากล่าวนี้คือข้อใด
ก. สิ่งมีชีวิตยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ระบบย่อยอาหารก็ยิ่งมากขึ้นด้วย
ข. การย่อยอาหารนอกเซลล์ทาให้สิ่งมีชีวิตประกอบด้วยเซลล์เป็นจานวนมาก
ค. การควบคุมเอ็นไซม์ของร่างกาย อาหารจะชักนาให้เกิดการเร่งกระบวนการวิวัฒนาการ
ง. การใช้ประโยชน์จากอนุภาคอาหารที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สิ่งมีชีวิตต้องอาศัยการย่อยอาหารนอกเซลล์
40. การย่อยทางเคมีในทางเดินอาหารมนุษย์ใช้ enzyme (1) = lipase , (2) = bile salt , (3) = trypsin , (4) =
carboxypeptidase สาหรับปฏิกิริยาในสมการ : protein peptide amino acid และสมการก้อนไขมัน ไขมันที่
แตกตัว fatty acid enzyme สาหรับปฏิกิริยา a b c d ตามลาดับ คือข้อใด
ก. (1) , (2) , (3) , (4) ข. (3) , (4) , (2) , (1) ค. (2) , (1) , (4) , (3) ง. (3) , (4) , (1) , (2)
41. จงศึกษาข้อมูลที่กาหนดให้ต่อไปนี้
(1) = trypsin (2) = enterokinase (3) = maltase (4) = sucrase
(5) = lipase (6) = pepsin (7) = bile (8) = bicarbonate
ตารางในข้อใดแสดงความสัมพันธ์ได้อย่างถูกต้อง
Carbohydrase Protease Lipase ไม่มีบทบาทในการย่อยอาหารโดยตรง
ก. (3) , (4) (1) , (2) , (6) (5) , (7) (8)
ข. (3) , (4) , (7) (1) , (6) (5) (2) , (8)
ค. (3) , (4) (1) , (6) (5) (2) , (7) , (8)
ง. (3) , (4) (1) , (6) (5) , (7) (2) , (8)
ba c
d
- 8. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 8
42. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง
ก. การเกิดโรคคางทูมมีสาเหตุมาจากการอักเสบของคู่ต่อมน้าลายบริเวณกกหู
ข. การเคลื่อนที่ของอาหารในระบบทางเดินอาหารส่วนใหญ่เป็นแบบ peristalsis
ค. ฟันชุดของขากรรไกรบนคนที่มีอัตราส่วน 2:1:2:3 เป็นชุดฟันที่พบในเด็ก 3 ขวบ
ง. ถ้ากระเพาะไม่สามารถสร้าง HCl ได้แล้ว lipid กับ carbohydrate จะเกิดการย่อยได้
43. ข้อใดกล่าวผิดจากความจริงเกี่ยวกับการย่อยอาหาร
ก. colon เป็นส่วนที่มีการดูดกลับน้า เกลือแร่และวิตามินที่ E.coli สร้างขึ้น
ข. สารอาหารชนิดแรกและชนิดสุดท้ายที่ถูกย่อย คือ carbohydrate และ lipid
ค. gastric gland ประกอบด้วยเซลล์2 ชนิด คือ parietal cell และ zymogenic cell
ง. duodenum และ jejunum เป็นบริเวณที่มีการย่อยและดูดซึมอาหารมากที่สุดตามลาดับ
44. แพทย์จะแนะนาให้ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเอาถุงน้าดีออกรับประทานอาหารประเภทใดเพราะเหตุใด
ก. โปรตีนต่า เพราะ ร่างกายขาดเอ็นไซม์ pepsin ที่จะต้องถูกกระตุ้นจากน้าดี
ข. ไขมันต่า เพราะ เอ็นไซม์ lipase ต้องการสภาวะที่เป็นเบส และการช่วยเหลือจากน้าดี
ค. ไขมันต่า เพราะ เอ็นไซม์ lipase ต้องการกรดน้าดีในการย่อยไขมันให้เป็น fatty acid กับ glycerol
ง. โปรตีนต่า เพราะตับอ่อนจะสร้างเอ็นไซม์trypsin ได้น้อยกว่าปกติ เพราะขาดสภาพเป็นเบสของน้าดี
45. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารในมนุษย์
ก. โรคท้องร่วงแบบเรื้อรังอาจเกิดจากการอักเสบเป็นแผลที่ผนังลาไส้ใหญ่
ข. โรคดีซ่านอาจเกิดจากการอุดตันของท่อน้าดีทาให้นัยน์ตาและผิวหนังมีสีเหลือง
ค. โรคกระเพาะอาหารอักเสบไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคแต่อาจเกิดจากยาที่รับประทานเข้าไป
ง. โรคริดสีดวงทวารมักมีสาเหตุมาจากการท้องเสียบ่อยๆยทาให้เส้นเลือดทวารหนักพองโต
46. กาหนดให้สมบัติของ enzyme มีดังนี้
(1) เป็น enzyme ที่สร้างจากตับอ่อน (2) สารที่ถูกย่อยจะเปลี่ยนสภาพเป็น dextrin
(3) เป็น enzyme ที่สร้างจากผนังทางเดินอาหารส่วนนั้น (4) การทางานของ enzymeถูกยับยั้งด้วยสภาพที่เป็นกรด
(5) การทางานของ enzymeถูกกระตุ้นด้วยสภาพที่เป็นกรด
ข้อใดแสดงชนิดและสมบัติของ enzyme ได้ถูกต้อง
ก. trypsin = (1) , (3) : amylase = (2) , (4) ข. amylase = (2) , (4) : pepsin = (3) , (5)
ค. lipase = (1) , (5) : pepsin = (2) , (3) ง. amylase = (2) , (4) : lipase = (3) , (4)
47. หลังจากรับประทานลูกชิ้นวัวปิ้งกับข้าวเหนียวและอาหารดังกล่าวจะต้องผ่านกระบวนการย่อยขณะที่เคลื่อนมาตาม
ทางเดินอาหาร ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. การย่อยอาหารทั้งสองอย่างจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออาหารลงมาอยู่ในลาไส้เล็กแล้ว
ข. ข้าวเหนียวจะเริ่มถูกย่อยโดยน้าย่อยในปากและลูกชิ้นเริ่มถูกย่อยโดยน้าย่อยจากกระเพาะอาหาร
ค. ข้าวเหนียวถูกย่อยโดยน้าย่อยจากต่อมน้าลาย น้าย่อยจากตับอ่อน และน้าย่อยจากลาไส้เล็กตามลาดับ
ง. ลูกชิ้นจะถูกย่อยโดยเพปซินจากกระเพาะอาหาร น้าย่อยทริปซิน ไมโคทริปซินและไดเพปทิเดสจากลาไส้เล็ก
- 9. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 9
จากรูปจงตอบคาถามข้อที่ 48-50
48. จากรูปข้อใดกล่าวผิดไปจากความเป็นจริง
ก. การย่อยเชิงกลและการย่อยเชิงเคมีจะเกิดขึ้นพร้อมกันในบริเวณ (11) และ (14)
ข. (11) ,(8) ,(13) และ (14) สร้างเอ็นไซม์ pepsin ,amylase ,trypsin และ aminopeptidase ตามลาดับ
ค. (13) กับ (14) ทาหน้าที่สร้างเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการย่อยอาหารได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด
ง. (10) ,(13) และ (6) เป็นอวัยวะที่ไม่มีต่อมสาหรับผลิตเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการย่อยอาหาร
49. ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง
ก. หมายเลขที่ผลิตทั้งเอ็นไซม์ lipase และ amylaseคือ (13) ข. หมายเลขที่สร้างได้ทั้งน้าย่อยและฮอร์โมน คือ (14)
ค. หมายเลขที่มีน้าย่อยเป็นกรดสูงกว่าบริเวณอื่น คือ (11) ง. หมายเลขที่มีการดูดกลับสารจาเป็นต่อร่างกาย คือ (6)
50. เมื่อปล่อยให้ข้าวสุกถูกย่อยด้วยสารที่ออกมาจาก (4) และ (8) ซึ่งทดลองแยกหลอดกันเป็นระยะเวลานานจน
หมดแล้ว ทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีน (I) และสารละลายเบเนดิกต์ (B) จะเกิดผลการทดลองดังข้อใด ตามลาดับ
[+ =เกิดปฏิกิริยา , - = ไม่เกิดปฏิกิริยา]
ก. I + ,B + และ I + ,B - ข. I + ,B - และ I - ,B +
ค. I - ,B - และ I - ,B + ง. I - ,B + และ I + ,B -
ความสาเร็จเป็นสิ่งที่ต้องทาอย่างต่อเนื่อง
มันคือความก้าวหน้าและพัฒนาการ
ความสาเร็จที่เกิดขึ้นกับสิ่งหนึ่ง
สามารถนาไปเป็นบันได
ไต่สู่ความสาเร็จในสิ่งอื่นต่อไป
จอห์น ซี. แม็กเวลล์
- 10. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 10
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตจาเป็นต้องอาศัยการได้มาซึ่งสารอาหารโดยกระบวนการทางานของระบบย่อย
อาหาร ร่างกายจึงจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าทั้งสารอาหารและกระบวนการย่อยอาหารต่างมี
ความสาคัญต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต” นักเรียนเห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและ
ตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้( 5 คะแนน )
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
...............................................................................................................................................................…………………..
- 11. ม.4/1-4/2 (ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 11
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
เฉลย : คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตจาเป็นต้องอาศัยการได้มาซึ่งสารอาหารโดยกระบวนการทางานของระบบย่อย
อาหาร ร่างกายจึงจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าทั้งสารอาหารและกระบวนการย่อยอาหารต่างมี
ความสาคัญต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต” นักเรียนเห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย พร้อมยกเหตุผลและ
ตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้( 5 คะแนน )
... อาหาร คือ สิ่งที่ร่างกายได้รับแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโต การซ่อมแซมส่วนที่
สึกหรอ หรือการรักษาสมดุลและควบคุมการทางานของระบบต่างๆในร่างกาย เราแบ่งอาหารออกเป็น 5 หมู่
ซึ่งร่างกายจะนาเอาอาหารเหล่านี้ไปใช้ได้นั้นก็ต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอาหารที่มี
ขนาดโมเลกุลใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง หรือที่เรียกว่า สารอาหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางเคมีของอาหารที่ร่างกายสามารถ
ดูดซึมไปใช้ได้ เราแบ่งสารอาหารออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
1. คาร์โบไฮเดรต ซึ่งให้พลังงานหลักแก่ร่างกาย เป็นโครงสร้างของผนังเซลล์พืชและเป็อาหารสะสมทั้งในพืช
และสัตว์
2. โปรตีน ซึ่งมีความสาคัญอย่างมากต่อกระบวนการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เป็น
สารองค์ประกอบของเอ็นไซม์ แอนติบอดี กล้ามเนื้อ ฮอร์โมน
3. ไขมัน ซึ่งเป็นสารให้พลังงานสูงมาก สัตว์มักเก็บสะสมเป็นพลังงานสารองและฉนวนความร้อนเพื่อรักษา
ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เป็นสารองประกอบของวิตามินและฮอร์โมนบางชนิด
4. วิตามิน ซึ่งมีความสาคัญในการควบคุมการทางานต่างๆของร่างกายให้ดาเนินไปได้อย่างปกติและต่อเนื่อง
5. เกลือแร่ ซึ่งมีความสาคัญต่อสมดุลไออนต่างๆของร่างกายให้ทางานได้อย่างเป็นปกติและต่อเนื่อง
6. น้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่สาคัญของร่างกาย ช่วยให้ระบบการทางานต่างๆยังคงอยู่และทางานอย่างปกติ
กระบวนการย่อยอาหารของมนุษย์มี 2 แบบ คือ
1. การย่อยเชิงกล (Mechanical Digestion)โดยการใช้ฟันบดเคี้ยว และการบดตัวคลายตัวของทางเดินอาหาร เช่น
หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร เป็นต้น
2. การย่อยทางเคมี (Chemical Digestion) โดยการใช้น้าย่อย หรือ เอนไซม์ ทาให้อาหารเปลี่ยนแปลงจนเป็นโมเลกุล
เดี่ยว ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้
ทางเดินอาหารของมนุษย์มีแผงผังแสดง ดังนี้
Mouth →Pharynx→Esophagus→stomach→small intestine→large intestine→rectum→anus
Salivary gland Liver Pancreas