Contenu connexe
Similaire à ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
Similaire à ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท (20)
Plus de Justice MengKing (7)
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
- 1. ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ให้นักเรียนเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วค้นหาความหมายและตัวอย่างหัวข้อโครงงานประเภทการพัฒนาสื่อ
เพื่อการศึกษา จากแหล่งข้อมูล (ห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต) อย่างน้อย 5 โครงงาน แล้วบันทึกลงกระดาษ
ขนาด A4 ที่เตรียมมาพร้อมเขียน แหล่งที่มา หรือ Address ของ website ที่นักเรียนค้นหาข้อมูลเหล่านั้นด้วย
» ความหมาย โครงงานประเภทการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน
ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคล
หรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการ
พัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อ
ใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อ
เพื่อการศึกษา เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของ
ประเทศไทย โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ วิถีชีวิตของคนไทยพวน โปรแกรม ดนตรีไทยแสนสนุก
โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โปรแกรมสานวนไทยพาสนุก โปรแกรมฝึกอ่านออกเสียง
ภาษาอังกฤษ โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555
» ตัวอย่าง หัวข้อโครงงานประเภทการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
1. โครงงานคอมพิวเตอร์ ปืนอินฟราเรด แสนกล มหัศจรรย์แห่งกลไกแสงและเสียง
มหัศจรรย์แห่งกลไกแสงและเสียง อีกแบบหนึ่งที่สามารถสร้างปืนกลแบบใหม่ได้ทั้ง
ความรู้และความสนุก ทั้งผู้สร้างและผู้เล่น
ปืนอินฟราเรดแสนกล
ปืนอินฟราเรดแสนกล
ปืนอินฟราเรด แสนกล
- 2. แนวการออกแบบ
จากนิตยสาร Hobby Electronics ปีที่ 11 ฉบับที่ 127 ม.ค. 2546
โครงงานที่นาเสนอนี้ ท่านผู้อ่านอย่าพึ่งกลัวนะครับ เพราะสิ่งประดิษฐ์ที่ผมทาขึ้นมานี้เป็นเพียงของเล่นครับ
ระบบต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช้แบบจาลองหรือใช้วัตดุอื่นแทนทั้งหมดเช่น ระบบของการยิงซึ่งจะแสดงผล
เป็นหลอดไฟสีแดงหรือเรียกตามภาษาช่างว่า แอลอีดี (LED) ส่วนในระบบเลเซอร์นั้น ผมขอใช้เป็นหลอดไฟสี
แดง แต่เป็นหลอดสีแดงแบบที่เรียกกันว่า หลอดแอลอีดีซุปเปอร์ไบต์ และในระบบนาวิถีก็ใช้เป็นหลอดภาครับ
ภาคส่งที่เป็นแบบอินฟาเรดครับ
ในแนวทางการออกแบบของผมเกิดจากการนาเอาระบบแสงเสียงและระบบการขับมอเตอร์มารวมกัน โดยที่ใน
ระบบของการยิงนี้จะมีการขยับซ้ายขวาได้ เมื่อวัตถุใด ๆ เข้ามาสู่วิถีของการตรวจจับ ระบบจะทาการหยุดและ
ยิงโดยการยิงจะแสดงผลออกมาทางแอลอีดี 2 หลอด โดยกระพริบแบบสลับกันและมีเสียงออกมาทางลาโพง
แบบบัตเซอร์ เมื่อวัตถุได้หลุดออกจากวิถีการตรวจจับระบบก็จะหยุดยิงทันทีและทาให้ภาคขับมอเตอร์ มีการ
เคลื่อนที่สลับซ้ายขวาทันที ต่อไปมาดูการทางานของบล็อกไดอะแกรมของโครงงานนี้กันเลยนะครับ โดยผมขอ
เริ่มจากที่เราจะทาการส่งแสงอินฟาเรดออกมาโดยใช้การแพร่เสมือนการหยดหมึกลงในน้า ซึ่งภาครับแสงอิน
ฟาเรดจะทาหน้าที่เป็นประตูด่านแรกถ้าไม่มีวัตถุใด ๆ มากระทบส่วนควบคุมการทางานก็จะสั่งขับมอเตอร์ให้มี
การหมุนซ้ายขวาสลับกันไป เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เข้ามาในระยะที่แสงอินฟาเรดสามารถตรวจจับได้ โดยตัว
ตรวจจับที่ออกแบบไว้ได้ไกลประมาณ 10 เซนติเมตร ภาครับจะทาให้หลอดแอดอีดีที่ใช้เป็นระบบนาทางดับ
และส่งข้อมูลให้กับส่วนควบคุมการทางาน เมื่อในส่วนควบคุมการทางานได้รับข้อมูลแล้ว จะสั่งให้ระบบการขับ
มอเตอร์หยุดการทางานทันที พร้อมกันนั้นจะทาให้ระบบการยิงแสงออกมาทางแอลอีดี และระบบการสร้าง
เสียงการยิงจะทางานทันทีเช่นกัน และจะทางานเช่นนี้จนกระทั่งวัตถุที่ตรวจจับได้ ได้หายไป ส่วนบล็อกการทา
งานอีก 2 บล็อกที่เหลือใช้ในการปรับความเร็วของมอเตอร์ การกระพริบของแอลอีดีและเสียง
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.basiclite.com/robot/project/gun/gun.htm
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555
- 3. 2. โครงงานคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์แมลงดิ้นได้ 4 ขา สร้างหุ่นยนต์เลียนแบบแมลง 4 ขา จากมอเตอร์
ดุก ดิก กระดุกกระดิก ดุก ดิก กระดุกกระดิก ดุก ดิก กระดุกกระดิก
๊ ๊ ๊ ๊ ๊ ๊
สวัสดีครับ ดุก ดิก กระดุกกระดิก เป็นโครงงานหุ่นยนต์แมลง 4 ขา พร้อมการบังคับด้วยวิทยุรับส่ง เป็นการ
๊ ๊
เรียนรู้ลักษณะการเดิน การควบคุม การออกแบบ การวิเคราะห์ การทางานของเจ้าตัวแมลง 4 ขา เป็น
โครงงานต้อนรับปิดเทอมสาหรับ น้องๆที่ต้องการ การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ลักษณะการทางานของตัว
หุ่นยนต์
ในลักษณะการทางานของหุ่นยนต์แมลงตัวนี้ ผมขอกล่าวโดยรวมเสียก่อนครับ เพื่อจะได้รู้หลักการคร่าวๆ ของ
การออกแบบ เจ้าตัว ดุก ดิก กระดุกกระดิกตัวนี้ครับ
๊ ๊
ก่อนการตัดสินใจในการสร้างเจ้าตัวหุ่นยนต์ตัวนี้ ลองมาดูลักษณะการทางานคร่าวๆเสียก่อน โดยมีลักษณะการ
ทางานดังนี้
1. สามารถบังคับให้เดินหน้า
2. สามารถบังคับในการเลี้ยวซ้าย
3. สามารถบังคับในการเลี้ยวขวา
4. มีการแสดงผลการรับสัญญาณวิทยุ
5. มีการแสดงผลการเลี้ยวซ้าย
6. มีการแสดงผลการเลี้ยวขวา
ในรูปที่ 1 เป็นบล็อกการแสดงการทางานโดยรวมของระบบหุ่นยนต์ โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้โดยต้องเริ่มจาก
วงจรรับสัญญาณวิทยุ ในวงจรส่วนนี้ผมไม่ได้ทาการออกแบบเอง เพื่อความง่ายผมได้นามาจากวงจรรถกระป๋อง
ที่ไม่ได้ใช้แล้วมาทาการดัดแปลง ในวงจรรถกระป๋องที่นามาใช้งานในบทความนี้ สามารถหาอ่านอย่างละเอียด
ได้ใน หนังสือ Hobby Electronic ฉบับที่ 116 สัญญาณที่เกิดขึ้นจากวิทยุรับส่งเราจะนามาใช้งานอยู่ 3 เส้น
คือ สัญญาณเดินหน้า สัญญาณเลี้ยวซ้าย สัญญาณเลี้ยวขวา ส่วนสัญญาณถอยหลังเราไม่นามาใช้ เพราะ
โครงสร้างของตัวหุ่นยนต์ไม่ได้ออกแบบมาให้มีการถอยหลังได้ สัญญาณทั้ง 3 เส้นจะวิ่งเข้าสู่บล็อกหน่วยการ
ควบคุมหลัก ในบล็อกการทางานหน่วยการควบคุมหลักนี้ มีความสาคัญในระดับที่สูงมากเพราะถูกใช้เป็นวงจร
ที่ใช้ประมวลผลและควบคุมระบบทั้งหมด โดยในบล็อกนี้จะใช้ตัวไมโครคอนโทรเลอร์เบอร์ ST7FLITE09B ซึ่ง
การโปรแกรม การสร้างเครื่องโปรแกรมและการเรียนรู้สามารถหาอ่านได้จาก Hobby Electronic ฉบับที่ 139
,140 ในบล็อกการแสดงผล จะใช้ในการบอกลักษณะของทางานของหุ่นยนต์ทั้งในการรับสัญญาณวิทยุ การ
เลี้ยวซ้าย การเลี้ยวขวา ในส่วนนี้จะประกอบโดยหลอด แอลอีดี สีแดงขนาด 3 มิลลิเมตรจานวน 2 ตัว ใน
บล็อกการทางานการตรวจจับสัญญาณอินพุท ในบล็อกนี้เป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นจากสวิตช์ที่ติดอยู่ที่บริเวณขา
ของตัวหุ่นยนต์ ในตัวหุ่นยนต์ตัวนี้ไม่ได้ใช้เชอร์โวมอเตอร์ แต่ใช้มอเตอร์ดีซีแบบทดรอบ จึงไม่สามารถควบคุม
ตาแหน่งที่แน่นอนได้ สวิทช์ที่ใช้ติดบริเวณขาของตัวหุ่นยนต์ก็จะใช้ในการตรวจสอบตาแหน่งของขาหุ่นยนต์ให้
มีความถูกต้องในการเดิน
http://www.basiclite.com/robot/project/robot1/robot1.htm
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.basiclite.com/robot/project/robot1/robot1.htm
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555
- 4. 3. โครงงานคอมพิวเตอร์นาเสนอแนวคิด การเรียนรู้ดิจิตอลแบบใหม่ โดยใช้ระบบกลไกและวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ง่าย ๆเพื่อให้เข้าใจถึงการทางานของวงจรดิจิตอลเบื้องต้น พร้อมกับความสนุกเพลิดเพลิน
ในการเรียนรู้
วงล้อ มหัศจรรย์
แนวคิดในการใช้กลไกกับวงจรดิจิตอล จากนิตยสาร Hobby Electronics ปีที่ 11 ฉบับที่ 126 ธ.ค. 2545
ในการทดลองดิจิตอล สิ่งที่จาเป็นในอดีตและปัจจุบัน คือต้องมีบอร์ดทดลอง ภาคจ่ายไฟ เกตต่าง ๆ แถมยัง
ต้องมีสายไฟที่ใช้ในการเชื่อมต่อวงจรบนโฟโต้ บอร์ด แต่ถ้าใครทันสมัยหน่อยอาจะหาคอมพิวเตอร์สักเครื่อง
บวกกับโปรแกรมที่ใช้ตรวจสอบการทางานของวงจรดิจิตอลที่เราออกแบบไว้ (ขอแนะนาโปรแกรมมีชื่อว่า
MAXPULS2 ) เมื่อเราใช้โปรแกรมเขียนวงจรและวิเคราะห์การทางานได้ตามที่เราออกแบบไว้แล้วก็นาไปทา
ส่วนของชิ้นงานจริง ๆ ได้เลย อาจต่อวงจรโดยการหาเกตมาต่อรวม ๆ กันหรือใช้แบบทันสมัย แต่ก็มาคู่กับ
ค่าใช้จ่ายที่มากอยู่สักหน่อยคือใช้ชิพที่เรียกว่า FPGA ซึ่งเริ่มมีออกมาจาหน่ายกันแล้วตามท้องตลาดแต่ในส่วน
ของโครงงานนี้จะเหมาะสมกับการเรียนดิจิตอลเบื้องต้นจริง ๆ ในการออกแบบโครงงานชุ ดนี้ได้แบ่งการ
ออกแบบออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นระบบกลไกและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก่อนอื่นจะขอกล่าวถึงระบบ
กลไกเสียก่อนครับ โดยเริ่มจากแนวคิดการสะท้อนและดูดกลืน
ของแสงในที่นี้จะใช้แสงอินฟาเรด ซึ่งเจ้าตัวแสงอินฟาเรดนี้มี
คุณสมบัติคือ เมื่อตัวแสงวิ่งมากระทบวัตถุใด ๆ ที่มีสีแตกต่างกัน
แสงที่วิ่งตกกระทบนั้นจะถูกวัตถุดูดกลืนหรือพูดกันง่าย ๆ
ก็คือมีการสะท้อนแสงอินฟาเรดกลับมาสู่ตัวรับแสงอินฟาเรด
ได้แตกต่างกันนั้นเอง จากคุณสมบัติในข้อนี้ผมจึงได้ทาการทด
ลองดูและสรุปได้ว่า เมื่อแสงอินฟาเรดมากระทบกับวัตถุที่มีสี
ขาวจะมีการสะท้อนแสงกลับมาสู่ตัวรับแสงอินฟาเรดได้มาก
แต่ในทางกลับกันจะเกิดการสะท้องกลับได้น้อยมากเมื่อแสงอิน
ฟาเรดมีการกระทบกับวัตถุสีดา ดังนั้นเราจึงได้ออกแบบระบบ
กลไกขึ้นมาเพื่อทางานตามสิ่งที่ได้ทดลองก่อนหน้านี้ ซึ่งก็
จะได้วงกลมที่มีช่องเป็นช่วง ๆ ตามรูปที่เห็นในโครงงาน ซึง ่
ต้องมีการระบายสีสลับกันระหว่างสีดาหรือสีขาวตามที่เราต้อง
การ ซึ่งการทาหรือระบายสีดาหรือสีขาวนั้นจะขึ้นอยู่กับความ
ต้องการเรียนรู้ในวงจรส่วนใด โดยจะขอกล่าวในส่วนต่อไปนะครับ
ต่อไปมาดูกันในส่วนที่2 ก็คือ ส่วนของตัววงจรได้เสนอแนวคิดการทดลองออกเป็น 3 ส่วน โดยมีส่วนของการ
ถอดรหัส BCD เป็นเลขฐาน 16, การถอดรหัสเลขฐาน 7 เป็น ฐาน 10, การทดลองการควบคุมการทางาน
ของสเต็ปปิ้งมอเตอร์ ซึ่งผมได้ทาการเสนอเพียงการทดลองแบบง่าย ๆ ถ้าใครต้องการที่จะทาเพิ่มก็ลองทากันดู
นะครับ โดยเราจะใช้ภาคส่งแสงและรับแสงอินฟาเรดมาเป็นตัวจับแสง ซึ่งอาจจะลองทาเพิ่มเป็นวงจรขับ
มอเตอร์ดีซีกลับซ้ายขวา, วงจรขับมอเตอร์ดีซีแบบเป็นจังหวะ, วงจรการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า, วงจรทาไฟ
กระพริบ ซึ่งก็ลองคิดเพิ่มเติมกันดูนะครับ
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.basiclite.com/robot/project/wheel/wheel.htm
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555
- 5. 4. โครงงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมประยุกต์ธนาคารความดี
ที่มารูปภาพ : http://www.preeyadaedu.com /?paged=8
โครงงานโปรแกรมธนาคารความดีนี้ได้จัดทาขึ้นเพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลนักเรียน เพิ่มคะแนนความดี หัก
คะแนนความประพฤติของนักเรียน และผลของการใช้โปรแกรมบันทึกข้อมูลนี้กับธนาคารความดี ก็เป็นที่น่า
พอใจมากกว่าการบันทึกความดีที่เป็นสมุดรูปเล่ม ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งต้องใช้กระดาษเป็นจานวนมากใน
การทาเป็นสมุดบันทึกคะแนนความดีให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนซึ่งมีจานวน 1431 คน อีกทั้งการพกพาสมุด
นั้นทาให้เกิดการสูญหายได้ และเกิดการชารุดได้ง่าย การหาวิธีที่จะใช้กระดาษให้น้อยลงจึงเป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้นโปรแกรมธนาคารความดีนี้จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่ารูปเล่มบันทึกแบบเดิม ความคิดในการพัฒนา
โปรแกรมธนาคารความดีนี้ได้ถูกคิดต่อยอดจากโปรแกรมเดิมที่มีคุณสมบัติไม่ดีเท่าโปรแกรมตัวใหม่ ทางคณะผู้
จัดทาได้นาโปรแกรมมาศึกษาและดัดแปลง ปรับปรุง เพิ่มเติมในส่วนที่นักเรียนกลุ่มก่อนได้ทาไว้แต่ยังไม่ดีนัก
โดยเริ่มจากการวางแผนเค้าโครงโปรแกรม คิดหาสูตรที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมธนาคารความดี ออกแบบ
ฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Access 2003 ออกแบบเมนูหลักต่างๆที่จาเป็นต่อการใช้งาน เช่น
รายการเพิ่มคะแนนความดี รายการหักคะแนนความประพฤติ รายงานคะแนนแบบห้อง หรือแม้แต่ระดับ
บุคคล และยังสามารถมีประโยชน์ในการใช้งานจริง แล้วจึงมาสร้างในโปรแกรม Microsoft Visual Basic 6.0
โดยเริ่มจากการสร้างเมนูหลัก เพิ่มเมนูย่อยอีกหลายรายการเพื่อสะดวกแก่การเก็บหลักฐานพฤติกรรมของ
นักเรียนที่เป็นสมาชิกภายในโรงเรียน ข้อมูลภายในโปรแกรมธนาคารความดียังสามารถ เพิ่ม ลบหรือแก้ไข
ข้อมูลสมาชิกหรือข้อมูลต่างๆภายในโปรแกรมได้ ข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่ถูกบันทึกในโปรแกรมยังสามารถ
เก็บเป็นหลักฐาน และรายงานเพื่อส่งต่อให้ฝ่ายปกครองพิจารณาต่อไปได้อีกด้วย โปรแกรมธนาคารความดีนี้จึง
เป็นโปรแกรมที่สามารถลดภาระของครูผู้บริหารเกี่ยวกับการควบคุม ดูแลความประพฤติของนักเรียนได้โดยไม่
ต้องเพิ่งการตรวจสอบที่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน ลดขั้นตอนการดูแลได้ในโปรแกรมเดียว และยังสามารถ
ประยุกต์พัฒนาโปรแกรมนี้เพื่อประโยชน์แก่กิจกรรมทางการเรียนของนักเรียนได้อีกด้วย
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.vcharkarn.com/project/view/689
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555
- 6. 5. ตัวอย่างบทเรียน e-Learning โครงการ 1 จานวน 25 วิชา
โครงงาน CS456 Software Engineering วิศวกรรมซอฟต์แวร์
ขอบคุณที่มาจาก : http://e-learning.tu.ac.th/demoLMS/lms/E25/CS456/CS456.html
สืบค้นเมื่อ : 27 กรกฎาคม 2555