SlideShare a Scribd company logo
1 of 198
Download to read offline
ฟิ สิ กส์
     เรื่อง เสี ยง และการได้ ยน
                              ิ


ครู ผ้ ูสอน…ชิตชัย โพธิ์ประภา
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   1
เรื่อง เสี ยงและการได้ ยน
                        ิ
         1. ธรรมชาติของเสี ยง
         2. อัตราเร็วของเสี ยง
         3. การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง
                    ่          ่
         4. ความเข้ มเสี ยงและการได้ ยน
                                      ิ
         5. เสี ยงดนตรี
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   2
เรื่อง เสี ยงและการได้ ยน
                        ิ
         6. บีตส์ และคลืนนิ่งของเสี ยง
                        ่
         7. ปรากฎการณ์ ดอปเพลอร์
            และคลืนกระแทก
                    ่
         8. การประยุกต์ ใช้ ความรู้ เรื่องเสี ยง

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      3
แหล่ งค้ นคว้ าเพิมเติม
                            ่
1. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 2
2. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 1 ว 421
3. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 2 ว 021
4. ฟิ สิ กส์ ทั่วไป : อ.สมปอง ทองผ่ อง
5. Physics for Scienctists and Engineers with
   Modern Physics : Serway Beichner

                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    4
แหล่ งค้ นคว้ าเพิมเติม
                           ่
www.pn.psu.ac.th
www.wphat.com
www.rit.ac.th
www.phys.hawaii.edu
www.vcharkarn.com
www.kkws.ac.th
     Email : phchitchai@hotmail.com
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   5
1. ธรรมชาติของเสี ยง
- เสี ยงเกิดได้ อย่ างไร ?
- การสั่ นของเสี ยงสั่ นมาก กับสั่ นน้ อย
  แตกต่ างกันหรือไม่ อย่ างไร ?
      เสี ยงเกิดจากการสั่ นของวัตถุ
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      6
เสี ยงจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง ต้ องอาศัย
ตัวกลางในการถ่ ายโอนพลังงาน การสั่ น
ของแหล่ งกาเนิดเสี ยงไปยังตาแหน่ งต่ าง ๆ
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   7
การถ่ ายโอนพลังงานโดยโมเลกุลของ
อากาศ เป็ นการถ่ ายโอนพลังงานในแบบ
ของคลืน ซึ่งสามารถพิสูจน์ ได้ โดยการ
      ่
ทดสอบ คุณสมบัตของคลืน
                   ิ    ่
    การสะท้ อน        การหักเห

    การแทรกสอด                การเลียวเบน
                                      ้
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา         8
2. อัตราเร็วของเสี ยง
    คือระยะทางทีเ่ สี ยงสามารถเดินทางไปได้
ในหนึ่งหน่ วยเวลา
    โดยช่ วงเวลาในการเคลือนทีของเสี ยงนีจะ
                           ่ ่          ้
ขึนอยู่กบระยะทาง
  ้       ั
    และอัตราเร็วของเสี ยงจะคงที่ ในตัวกลาง
หนึ่ง ๆ เมืออุณหภูมของตัวกลางคงตัว
            ่          ิ
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   9
อัตราเร็วของเสี ยงในตัวกลางต่ าง ๆ ที่ 25 0C

          ตัวกลาง อัตราเร็ว (m/s)
         CO2                     258
         อากาศ                   346
         H2                    1,339
         นา  ้                 1,498
         นาทะเล
           ้                   1,531
         แก้ ว                 5,000
         เหล็ก                 5,200
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   10
ในการศึกษาอัตราเร็วของเสี ยงในอากาศ
พบว่ าอัตราเร็วของเสี ยงในอากาศมีความ
สั มพันธ์ กบอุณหภูมของอากาศ v  T
           ั       ิ
                         t
           vt  331 1 
                        273

            vt  331 0.6t


             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   11
ตัวอย่ างที่ 1 จงหาความเร็วของเสี ยงใน
อากาศทีอุณหภูมิ 30
         ่          0C โดยใช้ สมการ

ทั้งสอง
ตัวอย่ างที่ 2 จงหาความเร็วของเสี ยงใน
อากาศทีอุณหภูมิ 200
           ่          0C โดยใช้ สมการ

ทั้งสอง
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    12
เนื่องจากเสี ยงเป็ นคลืนชนิดหนึ่ง ถ้ าเรา
                         ่
ทราบความถี่ ( f )ของเสี ยง และความยาว
คลืน (l)ของเสี ยง เราสามารถหาความเร็ว
   ่
ของเสี ยงในตัวกลางได้ จากความสั มพันธ์
                   v  fl


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   13
อัตราเร็วของเสี ยงในของไหล
      B                      P
v                       B
                           V / V
              B คือสั มประสิ ทธ์ ความยืดหยุ่นของ Bulk

อัตราเร็วของเสี ยงในของแข็ง
      Y                      F/A
 v                       Y
                            L / L
              Y คือสั มประสิ ทธ์ ความยืดหยุ่นของ Young
                  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา          14
ตัวอย่ างที่ 3 เมื่อเคาะครั้งหนึ่งทีปลายท่ อ
                                    ่
เหล็กยาว 1,020 m ผู้ฟังอยู่ทปลายอีกข้ าง
                               ี่
หนึ่งของท่ อได้ ยนเสี ยง 2 ครั้งห่ างกัน 2.8
                    ิ
 วินาที
    จงหาความเร็วของเสี ยงในท่ อเหล็ก
ถ้ าความเร็วของเสี ยงในอากาศขณะนั้น
เป็ น 340 m/s
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา       15
1. การเคาะท่ อเหล็กยาว 1 ครั้ง ทีปลายข้ าง
                                  ่
หนึ่งของท่ อจะได้ ยนเสี ยง 2 ครั้งในเวลาภาย
                      ิ
หลังการเคาะ 0.2 และ 3 วินาที ตามลาดับ
ถ้ าขณะนั้นมีอณหภูมิ 20
                  ุ      0C ความยาวของ

ท่ อเหล็กเป็ นกีเ่ มตร


              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   16
2. ในขณะทีเ่ รือขุดเจาะนามันเกิดระเบิด
                             ้
กลางมหาสมุทร เรือลาดตระเวนลาหนึ่ง
สามารถตรวจรับสั ญญาณคลืนเสี ยงจาก่
เครื่องวัดใต้ ท้องเรือได้ ก่อนที่จะได้ ยนเสี ยง
                                        ิ
ทีมาทางอากาศถึง 20 วินาที เรือลานีอยู่ห่าง
  ่                                       ้
จากทีเ่ กิดเหตุกกโลเมตร ถ้ าความเร็วเสี ยง
                 ี่ ิ
ในอากาศขณะนั้นมีค่า 346 m/s
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     17
การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง
                ่          ่
      คลืนเสี ยงเกิดจากการสั่ นของวัตถุที่เป็ น
         ่
แหล่ งกาเนิดเสี ยง พลังงานของการสั่ นจะถูก
ถ่ ายโอนให้ แก่ โมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบ ๆ
โดยการชนระหว่ างโมเลกุลของอากาศซึ่ง
เป็ นโมเลกุลของตัวกลางจะอยู่ในแนวเดียวกัน
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    18
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   19
การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง
        ่          ่




โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   20
อัด    ขยาย          อัด         ขยาย

การกระจัด
                                                    ระยะทาง



                  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา                21
บริเวณส่ วนอัดจะมีความดันเพิมจาก
                                  ่
ปกติมากทีสุด และบริเวณตรงกลางของ
           ่
ส่ วนขยายจะมีความดันลดลงจากปกติมาก
ทีสุด
   ่



             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   22
การกระจัด
                                       ระยะทาง



 ความดัน

                                       ระยะทาง



            โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา         23
ตัวอย่ างที่ 4 ส่ วนอัดและส่ วนขยายทีติดกัน
                                       ่
ของคลืนเสี ยงอยู่ห่างกัน 20 cm ถ้ าขณะนั้น
        ่
อากาศมีอุณหภูมิ 15     0C เสี ยงนีจะมีความถี่
                                  ้
เท่ าไร



               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    24
หลักการสะท้ อนของคลืน
                           ่
- คลืนเสี ยงจะสะท้ อนได้ เมื่อความยาว
      ่
   คลืนของเสี ยงมากกว่ าขนาดของผิว
        ่
   สะท้ อน
- เสี ยงทีส่งผ่ านไปยังสมองจะติดประสาท
          ่
  หูอยู่นานประมาณ 0.1 วินาที
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   25
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   26
3. ในตอนบ่ ายวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งเปล่งเสี ยงไป
ยังหน้ าผาแห่ งหนึ่ง ปรากฏว่ าได้ ยนเสี ยงสะท้ อน
                                   ิ
ของตนเองกลับมาหลังจากเปล่งเสี ยงไปแล้ว
8 วินาที ต่ อมาชายคนนีเ้ ดินเข้ าหาหน้ าผาเป็ น
ระยะทาง 30 m แล้วเปล่งเสี ยงอีกปรากฎว่ า
ได้ ยนเสี ยงสะท้ อนกลับมาหลังจากเปล่งเสี ยง
     ิ
ไปแล้ว 5 วินาทีอยากทราบว่ าจุดแรกทีชายคน่
นียนอยู่ห่างจากหน้ าผากีเ่ มตร
  ้ื
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา       27
4. ชายคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่ างหน้ าผาแล้ วยิงปื น
ออกไป เขาได้ ยนเสี ยงครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อเวลา
                ิ
ผ่ านไป 1.5 ,2.5 วินาที นับจากเริ่มต้ น
   จงหาระยะห่ างระหว่ างหน้ าผาทั้งสองตาแหน่ ง
ที่เขายืน กาหนดให้ อตราเร็วเสี ยงในอากาศ
                     ั
340 m/s


                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    28
5. เสี ยงก้ องของไซเรนของเรือมีความถี่
400 Hz สามารถได้ ยนไปถึงกัปตันเรือภาย
                        ิ
ในเวลา 6 วินาที หลังจากไซเรนหยุด ถ้ า
เสี ยงก้ องนีเ้ กิดจากการสะท้ อนของเสี ยง
จากหน้ าผาซึ่งห่ าง 900 m ความยาวคลืน   ่
เสี ยงในอากาศขณะนั้นเป็ นเท่ าไร
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   29
6. บอลลูนเคลือนทีขนด้ วยอัตราเร็วสมา
                ่ ่ ึ้                ่
เสมอ 20 m/s ขณะอยู่สูงจากพืนดินระยะ
                               ้
หนึ่งส่ งคลืนเสี ยงความถี่ 1000 Hz ลงมา
             ่
และได้ รับสั ญญาณเสี ยงสะท้ อนกลับเมื่อ
เวลา 4 วินาที ขณะทีส่งคลืนเสี ยงบอลลูน
                     ่      ่
สู งจากพืนดินเท่ าใด ความเร็วเสี ยงขณะ
           ้
นั้นเท่ ากับ 340 m/s
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    30
7. ขณะทีรถยนต์ คนหนึ่งวิงด้ วยอัตราเร็ว
           ่      ั     ่
สม่าเสมอ 2 m/s มุ่งตรงไปยังเทือกเขาใหญ่
ปรากฏว่ าสั ญญาณวิทยุหายไป 12 ครั้งทุก ๆ
1 นาที โดยทีสถานีออกอากาศอยู่ทางทิศที่
             ่
รถยนต์ คนนั้นวิงมา จงคานวณหาความถี่
         ั     ่
คลืนวิทยุของสถานีกระจายเสี ยงนั้น
   ่

             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   31
8. เรือได้ ส่งสั ญญาณไปยังเรือทีอยู่ข้างเคียง
                                 ่
เสี ยงได้ เดินทางสองทาง คือในอากาศและใน
ทะเล สั ญญาณนีได้ รับโดยเรือทีอยู่ข้างเคียง
                    ้              ่
กินเวลาต่ างกัน 5 วินาที จงหาระยะห่ าง
ระหว่ างเรือนีกบเรือทีอยู่ข้างเคียง
                 ้ั   ่
กาหนดความเร็วเสี ยงในอากาศ 340 m/s
และในนาทะเล 1450 m/s
           ้
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   32
9. ชายคนหนึ่งเป่ านกหวีดทุก ๆ ครึ่งวินาที
เขาจะได้ ยนเสี ยงก้ องจากกาแพงทีอยู่ห่าง
           ิ                     ่
40 m เสี ยงก้ องจะเกิดขึนกึงกลางระหว่ าง
                        ้ ่
การเป่ านกหวีดแต่ ละครั้ง จงหา
(ก) อัตราเร็วของเสี ยงในอากาศ
(ข) ถ้ าเขาถอยออกไป แล้วเป่ าเหมือนเดิมจน
ได้ ยนเสี ยงเกิดขึน กึงกลางระหว่ างการเป่ าอีก
     ิ            ้ ่
ตอนหลังนีเ้ ขาอยู่ห่างจากกาแพงเท่ าใด
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา        33
10. กรรมกรสร้ างถนนทุบคอนกรีตด้ วยค้ อน
เหล็ก ทาให้ คนทีทางานอยู่อกทีหนึ่งบนถนน
                  ่           ี ่
ได้ ยนเสี ยงผ่ านตามคอนกรีตภายหลังจากที่
     ิ
เห็นคนแรกเอาค้ อนทุบคอนกรีต 0.2 วินาที
จงหาระยะห่ างระหว่ างกรรมกรทั้งสอง
กาหนด Y = 2x10      11 N/m2 ,

           = 7.8x10  3 kg/m3
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   34
11. กลาสี เคาะท้ องเรือด้ วยค้ อน เกิดเสี ยง
สะท้ อน จากก้ นมหาสมุทรกลับมาถึงตัวเขา
ในเวลา 0.54 วินาที หลังจากเคาะอยากทราบ
ว่ าก้ นมหาสมุทรลึกเท่ าใดจากเรือ
กาหนด B = 2.14x10     9 N/m2 ,

           = 1.025x10  3 kg/m3


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   35
การศึกษาสมบัติการแทรกสอดของเสี ยง
 ในชีวตประจาวันอยู่ใเรียนพบการแทรกสอด
 ถ้ านักิ เรียนไปยื นัก นบริเวณทีมี การแทรก
                                 ่
     สอดของเสี ยง จะได้กยารณ์ ใยดบ้ างางไร?
           ของเสี ยงในเหตุ นเสี งอย่ ?
                           ิ




              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา        36
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   37
เมื่อไปยืน ณ บริเวณต่ าง ๆ จะพบว่ าบาง
ตาแหน่ งได้ ยนเสี ยงดังกว่ าปกติ บางตาแหน่ ง
               ิ
มีเสี ยงเบากว่ า ซึ่งเกิดจากการแทรกสอดของ
คลืนนั่นเองโดย
    ่
   เสี ยงทีดงเกิดจากการแทรกสอดแบบเสริม
           ่ ั
และตาแหน่ งทีมีเสี ยงเบาหรือเงียบเกิดจาก
                 ่
การแทรกสอดแบบหักล้ างกัน
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   38
ตัวอย่ างที่ 5 นาลาโพง 2 ตัวหันหน้ าไปทาง
เดียวกัน ให้ คลืนทีมีความถี่ 680 Hz ความ
                 ่ ่
ยาวคลืน 0.5 m เท่ ากัน และเฟสเดียวกัน
        ่
ถ้ าไปยืนอยู่ ณ ตาแหน่ งห่ างจากลาโพงตัว
แรก 15 m และห่ างจากตัวที่ 2 17 m จะ
ได้ ยนเสี ยงอย่ างไร
     ิ

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   39
การศึกษาสมบัติการเลียวเบนของเสี ยง
                    ้
 ในชีถ้วาตประจนไปยืนอยู่ยในพบการเลีายวเบน
         ิ นักเรีย าวันนักเรี นบริเวณต่ ้ ง ๆ
           ของเสี ยงในเหตุการณ์งไร?าง ?
               จะได้ ยนเสี ยงอย่ า ใดบ้
                       ิ
                                         C

                                         B

                                         A


              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา          40
สรุป จากการศึกษาสมบัตต่าง ๆ ของเสี ยง
                        ิ
ปรากฏว่ า เสี ยงมีคุณสมบัตครบตามลักษณะ
                           ิ
ของคลืน เพราะฉะนั้นเราสามารถสรุปได้ ว่า
        ่
    เสี ยงเป็ นคลืนชนิดหนึ่ง และต้ องอาศัย
                  ่
ตัวกลางในการเคลือนที่
                    ่


              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   41
ความเข้ มเสี ยง
     เมื่อแหล่ งกาเนิดเสี ยงสั่ น พลังงานจากการ
สั่ นจะถ่ ายโอนต่ อ ๆ กันมาผ่ านอนุภาคของ
อากาศจนกระทังถึงหูผู้ฟัง ทาให้ ผู้ฟังได้ ยน
                    ่                        ิ
เสี ยง เสี ยงทีได้ ยนจะดัง หรือค่ อย จะขึนอยู่
                ่ ิ                        ้
กับพลังงานของเสี ยงทีมาถึงหูผู้ฟัง
                           ่
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    42
อัตราการถ่ ายโอนพลังงานเสี ยงของแหล่ ง
กาเนิด คือปริมาณพลังงานเสี ยงทีส่งออกจาก
                                  ่
แหล่ งกาเนิดเสี ยงในหนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า
กาลังเสี ยง หน่ วยเป็ น J/s หรือ Watt (W)
  ลักษณะการแผ่ กระจาย
ของคลืนเสี ยงจะแผ่ ออกไป
      ่
ในลักษณะของรู ปทรงกลม
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   43
กาลังเสี ยงทีส่งออกไปต่ อหนึ่งหน่ วย
                 ่
พืนทีของหน้ าคลืนทรงกลม เรียกว่ า
  ้ ่              ่
ความเข้ มเสี ยง
   หรือ พลังงานเสี ยงที่ตกกระทบพืนที่หนึ่ง
                                 ้
ตารางหน่ วยในเวลา 1 วินาที ณ ตาแหน่ งนั้น
โดยพืนที่ดงกล่าวมีระนาบตั้งฉากกับทิศการ
      ้ ั
เคลือนที่ของคลืน
    ่          ่
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา       44
ความเข้ มเสี ยง = กาลังเสี ยงของแหล่งกาเนิด
                   พืนที่ผวทรงกลมรัศมี R
                     ้ ิ
       P
  I
     4R 2


  ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงมีกาลังเสี ยงคงตัว
      1
   I 2
     R

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      45
การได้ ยนของคนปกติ พบว่ า เสี ยงทีค่อย
           ิ                          ่
ทีสุดทีมนุษย์ สามารถได้ ยน มีความเข้ มเสี ยง
  ่ ่                     ิ
10 -12 W/m2 และเสี ยงทีดงทีสุดทีหูมนุษย์
                        ่ ั ่ ่
สามารถทนฟังได้ โดยไม่ เป็ นอันตรายต่ อหู
มีความเข้ มเสี ยง 1 W/m 2




        แอมพลิจูดของ P=2x10 -5 Pa
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   46
การเปรียบเทียบความเข้ มเสี ยง ณ จุดต่ าง ๆ
   ให้ I1และ I2 เป็ นความเข้ มเสี ยงทีห่างจาก
                                      ่
แหล่ งกาเนิดเสี ยงเดียวกัน เป็ นระยะ R1 และ
R2 ตามลาดับ จะได้ ความสั มพันธ์ ว่า
         P  I1 (4R )  I 2 (4R2 )
                        2                 2
                       1




               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา       47
P  I1 (4R )  I 2 (4R2 )
            2                        2
           1


         I1R1  I 2 R2
                2             2



                            2
          I1  R2 
              
          I 2  R1 
               

      กฎกาลังสองผกผัน
          โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา       48
ความเข้ มสั มพัทธ์
    คือความเข้ มเสี ยงใด ๆ เมื่อเปรียบเทียบ
กับความเข้ มตาสุ ดทีมนุษย์ เริ่มได้ ยน
             ่       ่               ิ
                      I
                 Ir 
                      Io


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   49
ตัวอย่างที่ 6 ชายคนหนึ่งอยู่ห่างจากแหล่ง
กาเนิดเสียงอันหนึ่งได้ยินเสียงมีความเข้ม
   -8     2
10 W/m เขาออกเดินทางออกมาอีกจน
                         -12     2
ได้ยินเสียงมีความเข้ม 10 W/m จึงหยุด
อยากทรายว่าเขาจะอยู่ห่างจากแหล่งกาเนิด
เสียงเปนกี่เท่าของระยะเดิม
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   50
ตัวอย่างที่ 7 ถ้าความเข้มสัมพัทธ์ของเสียง
                 4
ณ จุดหนึ่ง = 10 ความเข้มเสียง ณ จุด
นั้นมีค่าเท่าใด



              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   51
ระดับความเข้ มเสี ยง
     เป็ นตัวบอกความดังของเสี ยงแทนความ
เข้ มเสี ยง
    กาหนดให้ เสี ยงทีค่อยทีสุดทีคนปกติรับได้
                     ่     ่ ่
มีระดับความเข้ มเป็ น 0 เบล ตามข้ อกาหนด
นีปรากฎว่ าเมื่อเพิมความเข้ มเสี ยงเป็ น 10
  ้                ่
เท่ า ระดับความเข้ มเสี ยงจะเพิมเป็ น 1 เบล
                                ่
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   52
ถ้ าเพิมความเข้ มเป็ น 100 เท่ า ระดับความ
             ่
 เข้ มเสี ยงเพิมเป็ น 2 เบล เพิมเป็ น 1000 เท่ า
               ่                ่
 จะเป็ น 3 เบล
      สรุปได้ ว่า ความเข้ มเสี ยงทีจุดรับฟังเป็ น
                                   ่
10  1 102 103 . . . เท่ า ระดับความเข้ มเสี ยงจะ

เป็ น 1 2 3 . . . เบล ตามลาดับ
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     53
I
                log
                      I0
I ตาสุ ดทีสามารถได้ ยน 10
   ่      ่          ิ    -12               = 0 เบล
I สู งสุ ดทีสามารถทนได้ 1  = 12 เบล
            ่
 ดังนั้นระดับความเข้ มเสี ยงทีมนุษย์ ได้ ยน
                               ่            ิ
จะมีค่าอยู่ระหว่ าง 0 - 12 เบล ซึ่งมีค่าน้ อยไป
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา               54
จึงนิยมใช้ ระดับความเข้ มเสี ยงในหน่ วย
เดซิเบล (dB) ซึ่งเป็ นหน่ วยย่ อยของเบล
    โดยระดับความเข้ มเสี ยง 1 เบล เท่ ากับ
10 dB ดังนั้นเสี ยงทีได้ ยนจะมีระดับความ
                       ่ ิ
เข้ มอยู่ระหว่ าง 0 - 120 dB
                         I
                10 log
                         I0
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   55
แหล่ งกาเนิด                        เดซิเบล
เสี ยงเบาทีสุด
           ่                               0
ลมหายใจ                                   10
ใบไม้ กระทบกัน                            20
ดนตรีแผ่ ว ๆ                              30
เสี ยงในระแวกหมู่บ้านยามดึก               40
สานักงานที่เงียบ                          50
การพูดคุยธรรมดา                           60
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             56
แหล่ งกาเนิด                        เดซิเบล
เสี ยงยวดยานบนท้ องถนน                     70
โรงงานทั่วไป                               80
เครื่องเสี ยงสเตอริโอในห้ อง               90
เครื่อตัดหญ้ า                            100
ดิสโก้ เธค                                120
เครื่องบินไอพ่นกาลังขึนใกล้ ๆ
                       ้                  150
จรวดขนาดใหญ่ กาลังขึน    ้                180
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             57
ตัวอย่างที่ 8 แหล่งกาเนิดเสียงให้ความ
                                      2
เข้มเสียง 120 dB ผ่านไปบนพื้นที่ 1 cm
ในเวลา 1 วินาที จะมีพลังงานเสียงเท่าใด



             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     58
ตัวอย่างที่ 9 แมลงวันกระพือปก จะเปลี่ยน
                           -12
เปนพลังงานเสียง 12.6 × 10 W คนจะ
ได้ยินเสียงแมลงวันบินเมื่อแมลงวันบิน
ห่างจากคนไกลที่สุดกี่เมตร


              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   59
12. แมลงภู่ตัวหนึ่งบินในแนวเส้นตรงเข้ามา
จะต่อยเด็กคนหนึ่ง โดยที่ขณะบินอยู่นั้น
ส่งอัตราพลังงานเสียงออกมาเท่ากับ
× 10 W อยากทราบว่าเด็กคนนั้นจะเริ่ม
       -10

ได้ยินเสียงของแมลงภู่นั้นก่อนที่จะถูกต่อย
เปนระยะห่างเท่าใด ถ้าเด็กคนนั้นสามารถ
                              -12      2
ได้ยินเสียงเบาสุดมีความเข้ม 10 W/m
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   60
13.ที่ตาแหน่งซึ่งห่างจากแหล่งกาเนิดเสียง
   ออกไประยะหนึ่ง มีความเข้มสัมพัทธ์เปน
8 จะมีระดับความเข้มเสียง ณ ตาแหน่งนั้น
เปนเท่าไร กาหนด log 2 = 0.3 เมื่อความเข้ม
                               -12    2
สัมพัทธ์เทียบกับ I0 และ I0 = 10 W/m

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   61
14. แหล่งกาเนิดคลื่นเสียงมีกาลัง 20 W ณ จุด
                                -3    2
   X วัดได้ว่าเสียงมีความเข้ม 10 W/m หาก
   เพิ่มกาลังส่งของแหล่งกาเนิดเปน 30 W รับ
   ฟงเสียง ณ ตาแหน่งเดิมจะได้ยินเสียงมี
   ระดับความเข้มเท่าใด

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   62
15. วงนักร้องประสานเสียง หากยืนฟงที่
   ระยะห่างระยะหนึ่งได้ยินเสียงดัง 60
   dB ถ้าอยู่ที่ระยะเดิม แต่เพิ่มจานวน
   นักร้องขึ้นทาให้ได้ยินเสียงดัง 70 dB จง
   หาว่าจานวนนักร้องเปนกี่เท่าของ
   จานวนนักร้องเดิม
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   63
16.ถ้าเสียงจากไวโอลิน 1 ตัว มีความเข้ม
   เสียง 30 dB ถ้าสีไวโอลินพร้อมกัน 10
   ตัว จะให้เสียงมีระดับความเข้มเสียง
   เพิ่มเปนกี่เดซิเบล


             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    64
17. ถ้าขณะที่อยู่ห่างจากแหล่งกาเนิดเสียง
5 m ได้ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม 66 dB
จงหาว่าอยู่ห่างจากแหล่งกาเนิดนี้เปนระยะ
10 m จะได้ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม
เท่าไร กาหนด log 5 = 0.7

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   65
18.ชายคนหนึ่งยืนห่างลาโพง 20 m เราได้ยิน
   ระดับความเข้มเสียง 80 dB ถ้าเขาเดินเข้า
   หาลาโพงจนห่างเพียง 2 m เขาจะได้ยิน
   เสียง ที่มีระดับความเข้มกี่เดซิเบล


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   66
19.เมื่อนักร้องหมู่มี 40 คน จะส่งเสียงดัง มี
   ระดับความเข้มเสียง 50 dB ที่จุดห่าง 20 m
   ถามว่า ถ้านักร้อง 50 คน จะให้ระดับความ
   เข้มเสียงเท่าใด ที่ระยะ 25 m กาหนด
  log 1.25 = 0.1

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   67
20. เครื่องกาเนิดเสียงขนาด 880/7 W ให้คลื่น
   เสียงอย่างสม่าเสมอโดยรอบ ที่ระยะห่าง
   จากแหล่งกาเนิดเสียงนี้ 100 m จะมีระดับ
   ความเข้มเสียงเปนกี่เดซิเบล


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   68
21. เครื่องตอกเสาเข็มเครื่องหนึ่งทางาน 1 ครั้ง/
วินาที ทาให้คนที่อยู่ห่างจากจุดที่ตอก 10 m ได้
ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม 100 dB ถ้าถือว่าเสียง
ที่เกิดขึ้นกระจายออกไปทุกทิศทาง และ
กาหนดให้ความเข้มของเสียงเบาที่สุดที่สามารถ
                   -12     2
ได้ยินได้เท่ากับ 10 W/m กาลังของเสียงที่เกิด
จากการตอกเสาเข็มแต่ละครั้งมีค่ากี่วัตต์
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    69
22. เสียงดังที่สุดที่นาย ก ทนฟงได้มีความ
                       2
เข้มเสียง = 1.5 W/m นั่นคือมีระดับความ
เข้มเสียงประมาณเท่าใด




              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     70
23. เมื่อวัดระดับความเข้มเสียงของเสียง
ร้องของกบจานวน 10 ตัว ที่ระยะห่าง 2 m
ได้ 60 dB จงคานวณกาลังของเสียงกบเพียง
หนึ่งตัว


             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   71
มลภาวะทางเสี ยง
    เมือต้ องเข้ าไปอยู่ในบริเวณทีมระดับ
        ่                           ่ ี
ความเข้ มเสี ยงสู ง ๆ เป็ นระยะเวลานานจะ
ทาให้ สุขภาพจิตแย่ จะต้ องใช้ ทครอบหูเพือ
                                 ี่      ่
ลดระดับความเข้ มเสี ยง

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   72
มาตรฐานความปลอดภัย
              เกียวกับเรื่องเสี ยง
                 ่
 เวลาการทางาน ระดับความเข้ มเสี ยง
น้ อยกว่ า 7 ชั่วโมง             91
    7 - 8 ชั่วโมง                90
มากกว่ า 8 ชั่วโมง               80
           โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   73
ระดับเสี ยง
       การได้ ยนของคนเรา นอกจากจะขึนกับ
               ิ                         ้
ความเข้ ม และระดับความเข้ มเสี ยงแล้ ว
ยังขึนกับความถีของเสี ยงด้ วย
     ้           ่
       โดยความถีเ่ สี ยงทีหูคนปกติได้ ยนมีค่า
                          ่            ิ
ตั้งแต่ 20 - 20,000 Hz
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   74
เสี ยงทีมีความถีต่ากว่ า 20 Hz เรียกว่ า
              ่        ่
คลืนใต้ เสี ยง ( Infrasound )
   ่
     เสี ยงทีมความถีสูงกว่ า 20,000 Hz
               ่ ี     ่
เรียกว่ า คลืนเหนือเสี ยง ( Untrasound )
             ่


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     75
มนุษย์ ได้ ยนความถีของเสี ยงโดยมีขด
                        ิ         ่        ี
        จากัดสั ตว์ กเ็ ช่ นเดียวกัน
        คน 20 - 20,000 Hz
                          เปล่งเสี ยงได้ 85 - 1,100 Hz
        สุ นัข 15 - 56,000 Hz
                          เปล่งเสี ยงได้ 451 - 1,800 Hz
        แมว 60 - 65,000 Hz
                         เปล่งเสี ยงได้ 760 - 1,500 Hz
แผนภาพความถี่เสี ยงของสั ตว์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   76
เมื่อเราได้ ยนเสี ยง จะบอกได้ ว่าระดับ
                      ิ
เสี ยงนั้นมีระดับเสี ยงสู ง หรือตา ความแตก
                                 ่
ต่ างของเสี ยงนีขนอยู่กบความถีของเสี ยง
                    ้ ึ้  ั        ่
      ถ้ าความถีสูง จะได้ ยนเป็ นเสี ยงแหลม
                  ่         ิ
และถ้ าความถีน้อย จะได้ ยนเป็ นเสี ยงทุ้ม
                ่             ิ


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   77
การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีทางวิทยาศาสตร์   ระดับเสี ยงดนตรี               ความถี่ (Hz)
                                           C ( โด )                       256
                                           D ( เร )                       288
                                           E ( มี )                       320
                                           F ( ฟา )                       341
                                           G ( ซอล )                      384
                                           A ( ลา )                       427
                                           B ( ที )                       480
                                           C’( โด )                       512
                                                  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             78
จะเห็นว่ าเสี ยง C’ มีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของ
เสี ยง C และเช่ นเดียวกันเสี ยง D’E’ F’
G’ A’ B’จะมีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของ
D E F G A B ตามลาดับ
           และ C” เป็ น 4 เท่ าของ C
  สาหรับเสี ยง C กับ C’ , C’ กับ C ”
  เรียกว่ าคู่แปด
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    79
C:E:G =4:5:6
          G : B : D’= 4 : 5 : 6
          F : A : C’= 4 : 5 : 6
  ในการเล่ นดนตรี โดยเล่ นเสี ยงตามโน้ ตทีละ
ตัวหรือ ทาให้ เกิดเสี ยงโน้ ตหลายตัวพร้ อมกัน
ก็ได้ เช่ นการเล่ นคอร์ ด
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   80
การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีทางดนตรีศาสตร์   ระดับเสี ยงดนตรี               ความถี่ (Hz)
                                           C ( โด )                       261.6
                                           D ( เร )                       293.7
                                           E ( มี )                       329.6
                                           F ( ฟา )                       349.2
                                           G ( ซอล )                      392.0
                                           A ( ลา )                       440.0
                                           B ( ที )                       493.9
                                           C’( โด )                       523.3
                                                  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             81
ถ้ าพิจารณาดูเครื่องดนตรีพนเมืองของ
                             ื้
แต่ ละชาติ พบว่ ามีการแบ่ งระดับเสี ยงที่
แตกต่ างกันออกไป จึงทาให้ เสี ยงดนตรีของ
แต่ ละชาติมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว



              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   82
การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีของไทยใกล้ เคียง
กับการแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีสากล จึงทาให้
เครื่องดนตรีไทยสามารถเล่ นเพลงสากลบาง
เพลงได้ และเครื่องดนตรีสากลสามารถเล่ น
เพลงไทยบางเพลงได้ เช่ นกัน


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   83
คุณภาพเสี ยง
การทีเ่ ราสามารถได้ ยนเสี ยงทีมีระดับเสี ยง
                          ิ       ่
เดียวกัน หรือความถีเ่ ดียวกัน โดยสมารถ
แบ่ งได้ ว่า เสี ยงใดเป็ นเสี ยงของกีตาร์ ขลุ่ย
เปี ยโน ไวโอลิน ฯลฯ
    เนื่องจากคุณภาพเสี ยงจากเครื่องดนตรี
ต่ าง ๆ ไม่ เหมือนกัน
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      84
เราเรียกความถีตาสุ ดของเสี ยงทีออก
                       ่ ่               ่
จากแหล่ งกาเนิดเสี ยงใด ๆ ว่ าความถีมูลฐาน
                                       ่
สาหรับเสี ยงอืน ๆ ทีเ่ กิดขึนพร้ อมกับความถี่
                ่           ้
มูลฐาน แต่ มความถีเ่ ป็ นจานวนเต็มเท่ าของ
              ี
ความถีมูลฐาน เราเรียกว่ า ฮาร์ มอนิก ของ
        ่
ความถีมูลฐาน เช่ นเสี ยงทีมความถีสูงเป็ น 2
          ่                   ่ ี    ่
เท่ าของความถีมูลฐาน เรียกฮาร์ มอนิกที่ 2
                  ่
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   85
เมื่อต้ นกาเนิดเสี ยงสั่ น จะให้ เสี ยงซึ่งมี
ความถีมูลฐาน และฮาร์ มอนิก ต่ าง ๆ ออกมา
          ่
พร้ อมกันเสมอ
         ถึงแม้ ว่าเครื่องดนตรีแต่ ละชิ้นให้ ความ
 ถีเ่ ดียวกันแต่ จานวนฮาร์ มอนิก แอมพลิจูด
 ของแต่ ละฮาร์ มอนิก ไม่ จาเป็ นต้ องเท่ ากัน
 โดยส่ วนมาก ฮาร์ มอนิกที่ 1 มีแอมพลิจูดสู งสุ ด
                   โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา        86
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   87
ทาให้ เสี ยงทีออกมามีลกษณะเฉพาะตัว
                   ่       ั
หรือเราเรียกว่ า มีคุณภาพของเสี ยงต่ างกัน
และคุณภาพของเสี ยงนี่เองทีทาให้ เรา
                             ่
สามารถแยกประเภทของแหล่ งกาเนิด
เสี ยงได้

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   88
หูกบการได้ ยน
                ั        ิ
  หูของคนเรา มีส่วนประกอบสาคัญ 3 ส่ วน
คือ หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน




             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   89
ขอบเขตความสามารถการได้ ยนเสี ยง
                                   ิ
ของคนนอกจากจะขึนอยู่กบระดับความ
                    ้     ั
เข้ มเสี ยง และความถีของเสี ยงแล้ ว
                      ่
พบว่ าความสามารถการได้ ยนของคนปกติ
                            ิ
โดยช่ วงความถีและระดับความเข้ มเสี ยง
                ่
มีความสั มพันธ์ กนั

            โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   90
การสั่ นพ้อง
     เมือวัตถุถูกกระตุ้นให้ สั่นหรือแกว่ งอย่ าง
        ่
อิสระต่ างก็มีความถีธรรมชาติเฉพาะตัว
                        ่
ค่ าหนึ่งทั้งสิ้น เช่ นการแกว่ งลูกตุ้ม จะแกว่ ง
กีครั้งก็จะมีความถี่เท่ าเดิม
   ่

                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     91
ถ้ าออกแรง 1 ครั้งวัตถุกจะสั่ นหรือแกว่ ง
                                ็
 ด้ วยค้ วยความถีธรรมชาติของตัวมันเอง
                  ่
     ถ้ าออกแรงหลาย ๆ ครั้งโดยความถีทใช้ ่ ี่
ในการออกแรง เท่ ากับความถีธรรมชาติของ
                                    ่
วัตถุทแกว่ ง จะมีผลทาให้ ลูกตุ้มแกว่ งได้ เพิม
          ี่                                  ่
ขึน หรือมีแอมพลิจูดมากขึนทุกครั้งทีออก
  ้                           ้           ่
แรงผลัก เรียกปรากฎการณ์ นีว่าการสั่ นพ้อง
                                  ้
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    92
การสั่ นพ้องของเสี ยง
     เมือให้ เสี ยงเคลือนทีผ่านอากาศทีอยู่ใน
        ่               ่ ่              ่
หลอดเรโซแนนซ์ อนุภาคของอากาศทีอยู่         ่
ภายในหลอดจะถูกบังคับให้ สั่นด้ วยความถี่
ของเสี ยงจากแหล่ งกาเนิด และเมือเลือนลูก
                                       ่ ่
สู บไป ณ ตาแหน่ งหนึ่ง จะทาให้ เกิดเสี ยงดัง
ทีสุด
   ่
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   93
เมื่อความถีจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง มีความถี่
                 ่
เท่ ากับความถีธรรมชาติของอนุภาค หรือลา
               ่
อากาศในหลอดพอดี จะทาให้ อนุภาคภายใน
หลอดเกิดการสั่ นพ้อง และจะทาให้ เกิดเสี ยง
ดังมากทีสุด เนื่องจากอนุภาคในหลอดสั่ นมาก
           ่
ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ า การสั่ นพ้องของเสี ยง
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    94
เมือทาการทดลองเลือนลูกสู บให้ ได้ ยนเสี ยง
     ่                   ่                 ิ
2 ครั้ง แล้ ววัดระยะห่ างของลูกสูบทีทาให้ ได้
                                         ่
ยินเสี ยงครั้งแรก กับเสี ยงดังครั้งที่ 2
 ปรากฎว่ ามีค่าเท่ ากับครึ่งหนึ่งของความยาว
ของคลืนเสี ยงทีส่งออกไปจากแหล่ งกาเนิด
        ่        ่
   และความรู้ เกียวกับคลืนนิ่งของเสี ยง หรือ
                   ่        ่
การแทรกสอดของคลืนเสี ยง่
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   95
จึงสรุปได้ ว่าขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของ
เสี ยงภายในหลอดเรโซแนนซ์ จะเกิดการ
ซ้ อนกันระหว่ างคลืนเสี ยงในหลอด ทาให้
                     ่
เกิดการแทรกสอด และเกิดคลืนนิ่ง  ่



               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    96
หูกบการได้ ยน
                ั        ิ
  หูของคนเรา มีส่วนประกอบสาคัญ 3 ส่ วน
คือ หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน




             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   97
ขอบเขตความสามารถการได้ ยนเสี ยง
                                   ิ
ของคนนอกจากจะขึนอยู่กบระดับความ
                    ้     ั
เข้ มเสี ยง และความถีของเสี ยงแล้ ว
                      ่
พบว่ าความสามารถการได้ ยนของคนปกติ
                            ิ
โดยช่ วงความถีและระดับความเข้ มเสี ยง
                ่
มีความสั มพันธ์ กนั

            โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   98
การสั่ นพ้อง
     เมือวัตถุถูกกระตุ้นให้ สั่นหรือแกว่ งอย่ าง
        ่
อิสระต่ างก็มีความถีธรรมชาติเฉพาะตัว
                        ่
ค่ าหนึ่งทั้งสิ้น เช่ นการแกว่ งลูกตุ้ม จะแกว่ ง
กีครั้งก็จะมีความถี่เท่ าเดิม
   ่

                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     99
ถ้ าออกแรง 1 ครั้งวัตถุกจะสั่ นหรือแกว่ ง
                                ็
 ด้ วยค้ วยความถีธรรมชาติของตัวมันเอง
                  ่
     ถ้ าออกแรงหลาย ๆ ครั้งโดยความถีทใช้ ่ ี่
ในการออกแรง เท่ ากับความถีธรรมชาติของ
                                    ่
วัตถุทแกว่ ง จะมีผลทาให้ ลูกตุ้มแกว่ งได้ เพิม
          ี่                                  ่
ขึน หรือมีแอมพลิจูดมากขึนทุกครั้งทีออก
  ้                           ้           ่
แรงผลัก เรียกปรากฎการณ์ นีว่าการสั่ นพ้อง
                                  ้
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   100
การสั่ นพ้องของเสี ยง
     เมือให้ เสี ยงเคลือนทีผ่านอากาศทีอยู่ใน
        ่               ่ ่              ่
หลอดเรโซแนนซ์ อนุภาคของอากาศทีอยู่         ่
ภายในหลอดจะถูกบังคับให้ สั่นด้ วยความถี่
ของเสี ยงจากแหล่ งกาเนิด และเมือเลือนลูก
                                       ่ ่
สู บไป ณ ตาแหน่ งหนึ่ง จะทาให้ เกิดเสี ยงดัง
ทีสุด
   ่
               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   101
เมื่อความถีจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง มีความถี่
                 ่
เท่ ากับความถีธรรมชาติของอนุภาค หรือลา
               ่
อากาศในหลอดพอดี จะทาให้ อนุภาคภายใน
หลอดเกิดการสั่ นพ้อง และจะทาให้ เกิดเสี ยง
ดังมากทีสุด เนื่องจากอนุภาคในหลอดสั่ นมาก
           ่
ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ า การสั่ นพ้องของเสี ยง
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   102
เมือทาการทดลองเลือนลูกสู บให้ ได้ ยนเสี ยง
     ่                   ่                 ิ
2 ครั้ง แล้ ววัดระยะห่ างของลูกสูบทีทาให้ ได้
                                         ่
ยินเสี ยงครั้งแรก กับเสี ยงดังครั้งที่ 2
 ปรากฎว่ ามีค่าเท่ ากับครึ่งหนึ่งของความยาว
ของคลืนเสี ยงทีส่งออกไปจากแหล่ งกาเนิด
        ่        ่
   และความรู้ เกียวกับคลืนนิ่งของเสี ยง หรือ
                   ่        ่
การแทรกสอดของคลืนเสี ยง่
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   103
d




โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   104
จึงสรุปได้ ว่าขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของ
เสี ยงภายในหลอดเรโซแนนซ์ จะเกิดการ
ซ้ อนกันระหว่ างคลืนเสี ยงในหลอด ทาให้
                     ่
เกิดการแทรกสอด และเกิดคลืนนิ่ง  ่



               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   105
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   106
จากการศึกษาคลืนนิ่งของเสี ยงในหลอด
                     ่
เรโซแนนซ์ ขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของเสี ยง
ในหลอด โมเลกุลของอากาศทีอยู่ตดกับลูก
                             ่ ิ
สู บ จะไม่ เคลือนที่
               ่



              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   107
ส่ วนโมเลกุลของอากาศทีบริเวณปาก
                               ่
หลอดจะสั่ นออกจากตาแหน่ งเดิมมากทีสุด  ่
นั่นคือมีการกระจัดสู งสุ ดเท่ ากับแอมพลิจูด
ของคลืนเสี ยงทีได้ ยน
         ่      ่ ิ



               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   108
กราฟระหว่ างระยะทางทีโมเลกุลขยับ
                        ่
ออกจากตาแหน่ งเดิม กับตาแหน่ งของ
โมเลกุลนั้น ภายในหลอด




           โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   109
d

     l
d
    2
l  2d
         โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   110
L
                         l           v
                 L            f1 
                         4          4L


                    3l              3v
                 L            f2 
                     4              4L

                    5l              5v
                 L            f3 
                     4              4L
    โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             111
L
                       v
                 f1 
                      4L


                      3v
                 f2           f 2  3 f1
                      4L

                      5v
                 f3           f 3  5 f1
                      4L
    โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา                112
v  nv
f  
   l 2L
          ความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้อง
                ่ ี่
เมื่อ n = 1 การสั่ นทีเ่ กิดขึนจะมีความถี่
                              ้
น้ อยทีสุด เรียก ความถีมูลฐาน หรือ
        ่                   ่
ฮาร์ มอนิกที่หนึ่ง

             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา        113
v
                                          f1 
                                               4L
             L
f1 เป็ นความถีตาสุ ดทีทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง
              ่ ่     ่
เรียกว่ าความถีมูลฐาน หรือฮาร์ มอนิกที่ 1
                ่


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             114
3v
                                f2        f 2  3 f1
                                     4L


f2 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 2
                ่ ี่
มีความถีเ่ ป็ น 3 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก
                                ่
ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 3 และมีจานวนลูพเกิดขึน 1
                                       ้
ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 1
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา           115
5v
                              f3          f 3  5 f1
                                   4L


f3 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 3
                ่ ี่
มีความถีเ่ ป็ น 5 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก
                                ่
ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 5 และมีจานวนลูพเกิดขึน 2
                                       ้
ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 2
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา                116
โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   117
L            การสั่ นพ้องในท่ อปลายเปิ ด
                      l              v
               L              f1 
                       2            2L


                  2l                2v
               L              f2 
                   2                2L

                  3l                3v
               L              f3 
                   2                2L
    โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             118
v
                                          f1 
                                               2L

f1 เป็ นความถีตาสุ ดทีทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง
              ่ ่     ่
เรียกว่ าความถีมูลฐาน หรือฮาร์ มอนิกที่ 1
                ่


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา             119
v
                               f2         f 2  2 f1
                                    L

f2 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 2
                ่ ี่
มีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก
                                ่
ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 2 และมีจานวนลูพเกิดขึน 1
                                       ้
ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 1
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา                120
3v
                              f3          f 3  3 f1
                                   2L

f3 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 3
                ่ ี่
มีความถีเ่ ป็ น 3 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก
                                ่
ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 3 และมีจานวนลูพเกิดขึน 2
                                       ้
ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 2
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา                121
ตัวอย่ างที่ 10 ในการทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง
ของเสี ยงตาสุ ดทีเ่ กิดขึนจากหลอดเรโซ-
             ่           ้
แนนซ์ ปลายปิ ดยาว 4 m ถ้ าเสี ยงมีอตรา ั
เร็ว 320 m/s



              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   122
ตัวอย่ างที่ 11 ในการทดลองเรื่องการสั่ นพ้อง
โดยใช้ ลาโพงวางทีปลายข้ างหนึ่งของหลอด
                     ่
ส่ วนปลายอีกข้ างหนึ่งเป็ นลูกสู บซึ่งเลือนไป
                                          ่
มาได้ ปรากฎว่ าตาแหน่ งของลูกสู บทีเ่ กิดเสี ยง
ดังเพิมขึนครั้งแรก และครั้งที่ 2 ห่ างกัน 10
      ่ ้
cm อยากทราบว่ าความถีของเสี ยงจากลาโพง
                           ่
มีค่ากี่ Hz ถ้ าอัตราเร็วของเสี ยงเป็ น 345 m/s
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   123
23.จากการทดลองการสั่ นพ้องของเสี ยง
ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงมีความถี่ 4000 Hz
และทาการทดลองในห้ องปรับอากาศที่
อุณหภูมิ 20  0C ตาแหน่ งของลูกสู บทีทา่
ให้ กาทอน 2 ครั้งต่ อเนื่องกัน จะห่ างกัน
เท่ าไร

              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      124
24. ถ้ าขณะนั้นอากาศมีอุณหภูมิ 15 0C ส้ อม

เสี ยงอันหนึ่งมีความถี่ 680 Hz จะต้ องใช้ ท่อ
ปลายปิ ดสั้ นทีสุดเท่ าไรจึงจะทาให้ เกิดการ
                ่
สั่ นพ้องเป็ น Harmonic ที่ 3



                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   125
25. การทดลองหลอดเรโซแนนซ์ กบความถี่
                                 ั
1000 Hz ปรากฏว่ าการสั่ นพ้องครั้งแรก ลูก
สูบลึกจากปากท่ อ 8.5 cm การสั่ นพ้องครั้ง
ทีสอง ควรอยู่ทตาแหน่ งห่ างจากปากท่ อเท่ า
  ่             ี่
ใด ความเร็วเสี ยงในอากาศขณะนั้นเป็ น
348 m/s

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   126
26. การทดลองหลอดเรโซแนนซ์ กบความถี่
                                 ั
1000 Hz ปรากฏว่ าการสั่ นพ้องครั้งแรก
และครั้งทีสอง เมือลูกสูบห่ างจากปลาย
          ่      ่
หลอด 8.1 และ 25.3 cm
   จงหาความยาวคลืนนี้่


             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   127
27. จากการทดลองเรื่องการสั่ นพ้องของเสี ยง
ถ้ าใช้ แหล่ งกาเนิดเสี ยงความถี่ 500 Hz ที่
อุณหภูมิ 25    0C พบว่ าตาแหน่ งของลูกสูบ

ขณะเกิดเสี ยงดังครั้งแรกและครั้งทีสองคือ
                                      ่
0.15 m และ 0.49 m ตามลาดับ จงหาความ
เร็วของเสี ยงทีอุณหภูมิ 0
                 ่          0C ในหน่ วย m/s


               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   128
28. เมื่อนาลาโพงทีกาลังส่ งเสี ยงความถี่ 700
                    ่
Hz ไปจ่ อทีปลายเปิ ดของหลอดแก้ วทีมีปลาย
             ่                        ่
อีกข้ างหนึ่งปิ ดและตั้งอยู่บนพืนราบ ถามว่ า
                                 ้
จะต้ องเติมนาลงในหลอดแก้ วกี่ cm ่
               ้                   3 เพือทาให้

ได้ ยนเสี ยงดังมากกว่ าปกติออกมาจากหลอด
     ิ
แก้ ว กาหนดให้ หลอดแก้วมีพนที่หน้ าตัด 10 cm
                              ื้
ยาว 13 cm และความเร็วเสี ยงในอากาศ 350 m/s
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     129
29. ท่ อออร์ แกนปลายปิ ดยาว 30 cm
จงหาความถีของโอเวอร์ โทนแรกที่
              ่
อุณหภูมิ 20  0C




            โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   130
30. ต้ นกาเนิดเสี ยงผลิตความถีได้ ต้งแต่ 800
                                 ่ ั
ถึง 2000 Hz นามาวางไว้ เหนือท่ อโลหะกลวง
ปลายเปิ ดทั้งสองด้ านยาว 50 cm ถ้ าความเร็ว
ของเสี ยงในอากาศ 350 m/s จงหาความถีที่    ่
น้ อยทีสุดของต้ นกาเนิดเสี ยงทีจะทาให้ เกิด
        ่                      ่
การสั่ นพ้องขึนในท่ อ
              ้

               โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   131
บีตส์ (Beats)
  บีตส์ คือปรากฏการณ์ การแทรกสอด
ของคลืน 2 ขบวน ทีมีแอมพลิจูดเท่ ากัน
         ่             ่
ความถีใกล้ เคียงกัน จะทาให้ คลืนเสริม
       ่                        ่
และหักล้ างกัน สลับกันเป็ นช่ วง ๆ ทาให้
ได้ ยนเสี ยงดัง ค่ อย สลับกันไป
     ิ
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา     132
บีตส์ (Beats)




โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   133
พิจารณาคลืนจากแหล่ งกาเนิด 2 แหล่ ง
          ่
                           y1  A sin 1t
                           y1  A sin 2 f1t

                           y2  A sin 2t
                           y2  A sin 2 f 2t

           โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา        134
y  y1  y2
  A sin 2 f1t  A sin 2 f 2t

       โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   135
 f1  f 2             f1  f 2 
y  2 A cos 2           t  sin 2           t
                2                    2 
                f1  f 2 
    2 A cos 2           t  At
                2 
                 f1  f 2 
y  At  sin 2           t
                 2 
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา         136
สรุป
1.สมการคลืนลัพธ์ คือ
          ่
                                    f1  f 2 
                   y  At  sin 2           t
                                    2 
2. มีแอมพลิจูดเป็ น
                                  f1  f 2 
                 At  2 A cos 2           t
                                  2 

             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา              137
1 รอบของคลืนแอมพลิจูด
           ่




     1 รอบของบีตส์
    โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   138
สรุป
1. ความถีบีตส์
         ่
                          f b  f1  f 2

2. ความถีของเสี ยงทีได้ ยน
         ่          ่ ิ
                                f1  f 2
                            f 
                                   2
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      139
สรุป
1. ความถีบีตส์
         ่
                          f b  f1  f 2

2. ความถีของเสี ยงทีได้ ยน
         ่          ่ ิ
                                f1  f 2
                            f 
                                   2
             โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา      140
31. เสี ยงจากแหล่ งกาเนิด 2 แหล่ ง มีความถี่
1,780 Hz และ 1,784 Hz เมื่อเปิ ดพร้ อมกัน
ในเวลา 5 วินาที จะได้ ยนเสี ยงดังเป็ นจังหวะ
                       ิ
กีครั้ง
  ่



                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   141
32. แหล่ งกาเนิดเสี ยง 2 แหล่ ง มีความถี่เป็ น
204 Hz และ 206 Hz ตามลาดับ ดังพร้ อมกัน
ในบริเวณเดียวกัน จงหาว่ าจะเกิดความถี่
ปรากฏ และความถีบีตส์ กเี่ ฮิรตซ์ ตามลาดับ
                     ่



                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   142
33. แหล่ งกาเนิดเสี ยง 2 แหล่ ง ให้ ความถี่ 650
Hz และ656 Hz ออกมาพร้ อมๆ กัน อยาก
ทราบว่ า ในเวลาทุก 0.5 วินาที จะได้ ยนเสี ยง
                                       ิ
ดัง-ค่ อยสลับกันไป นับจานวนทีได้ ยนเสี ยง
                                 ่ ิ
ดังได้ กครั้ง
        ี่


                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   143
34. ถ้ าต้ องการให้ เสี ยงดังเป็ นจังหวะห่ างกัน
ทุก 2.5x10   -1 s จะต้ องเคาะส้ อมเสี ยงทีมี
                                          ่
ความถี่ 500Hz พร้ อมกับส้ อมเสี ยงทีมี  ่
ความถีเ่ ท่ าใด



                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    144
35. ส้ อมเสี ยง A มีความถี่ 512 Hz เมื่อเคาะ
พร้ อมกับส้ อมเสี ยง B จะได้ ยนเสี ยงบีตส์
                                 ิ
4 ครั้ง/วินาที แต่ เมื่อเอาดินนามันก้ อนเล็กๆ
                               ้
ติดทีขาส้ อมเสี ยง B แล้ วเคาะส้ อมเสี ยงทั้ง
        ่
สองพร้ อมกันอีกครั้ง ปรากฏว่ าได้ ยนเสี ยง
                                       ิ
บีตส์ 3 ครั้ง/วินาที เดิมส้ อมเสี ยง B มีความ
ถีกเี่ ฮิรตซ์
  ่
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา    145
36. ท่ อออร์ แกนปลายเปิ ดสองข้ าง ซึ่งยาว
240 cm และ 242 cm ให้ เสี ยงความถีมูล   ่
ฐานพร้ อมกันสองท่ อ จะเกิดเสี ยงความถี่
กีครั้งในเวลา 5 วินาที ถ้ าอัตราเร็วเสี ยงใน
  ่
อากาศเท่ ากับ 348 m/s


                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   146
37. ส้ อมเสี ยงจานวนหนึ่งวางเรียงกันใน
ลักษณะทีความถีเ่ พิมขึนตามลาดับ ถ้ า
             ่          ่ ้
ส้ อมเสี ยงอันแรกมีเสี ยง C (256 Hz) และ
เมือเคาะส้ อมเสี ยงแต่ ละคู่ทอยู่ถดกัน จะ
    ่                        ี่ ั
ได้ ยนเสี ยงบีตซ์ 4 Hz เมื่อส้ อมเสี ยงอัน
      ิ
สุ ดท้ ายเป็ นเสี ยงคู่แปดของอันแรก
จงหาจานวนส้ อมเสี ยงทั้งหมด
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา   147
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์




       โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   148
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์


หลัง                                  หน้ า


          โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา           149
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์
            ความยาวคลืนทางด้ านขวา
                          ่
        หรือทางด้ านทีแหล่ งกาเนิด
                        ่
        เคลือนทีไปจะสั้ นกว่ าเดิม
             ่ ่
และด้ านซ้ าย หรือด้ านทีเ่ คลือนออกมา
                               ่
จะยาวกว่ าเดิม
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   150
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์



    แสดงว่ าความถีของคลืนทีอยู่
                   ่     ่ ่
ด้ านหน้ าและด้ านหลังแตกต่ างกัน
              โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   151
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์




       โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   152
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์
    ปรากฏการณ์ ทผู้ฟังได้ ยนเสี ยงว่ ามี
                    ี่     ิ
  ความถีเ่ ปลียนไปจากความถีจริงของ
              ่              ่
  แหล่ งกาเนิดเพราะแหล่ งกาเนิดเสี ยง
  เคลือนทีเ่ ราเรียกว่ า
      ่
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ (Doppler Effect)
                โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   153
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์
    ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงอยู่นิ่ง แต่ ผู้ฟัง
เคลือนทีเ่ ข้ าหาหรือเคลือนทีออกจาก
     ่                     ่ ่
แหล่ งกาเนิดเสี ยง ผู้ฟังก็จะสามารถ
ได้ ยนเสี ยงทีมีความถีต่างกันเช่ นกัน
       ิ       ่         ่

                   โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา    154
ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์
    โดยถ้ าผู้ฟังวิงเข้ าหาแหล่ งกาเนิดเสี ยง
                   ่
ผู้ฟังจะได้ ยนเสี ยงทีมความถีสูงขึน และ
               ิ         ่ ี     ่ ้
ถ้ าวิงออกจากแหล่ งกาเนิดเสี ยงผู้ฟังจะ
      ่
ได้ ยนเสี ยงทีมีความถีต่าลง
        ิ        ่         ่

                    โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   155
ในกรณีทผู้ฟังอยู่นิ่ง
               ่ี
                           กาหนดให้
               f0 ความถีของแหล่งกาเนิด
                           ่
               f ' ความถีที่ได้ ยน
                         ่       ิ
v0 ความเร็วของเสี ยงในอากาศ
vL ความเร็วของผู้ฟัง
vs ความเร็วของแหล่ งกาเนิดเสี ยง
                 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   156
1. แหล่ งกาเนิดเคลือนที่
                         ่
                   ถ้ าผู้ฟังอยู่ด้านหน้ าความ
 B            A    เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ
                                ่ ิ
                       v0  v S
จาก v  fl
              vo  vS
     f A 
                  lA
                        โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   157
1. แหล่ งกาเนิดเคลือนที่
                         ่
                   ถ้ าผู้ฟังอยู่ด้านหลังความ
 B            A    เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ
                                ่ ิ
                       v0  v S
จาก v  fl
              vo  vS
     f B 
                  lB
                       โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   158
2. ในกรณีทผู้ฟังเคลือนที่
               ี่        ่
                     ถ้ าผู้ฟังวิงเข้ าหา ความ
                                 ่
 B            A    เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ
                                ่ ิ
                      v0  v LA
จาก v  fl
              vo  v LA
     f A 
                  lA
                       โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา   159
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน

More Related Content

What's hot

ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์weerawato
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1Wuttipong Tubkrathok
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานWijitta DevilTeacher
 
Microsoft power point ปฏิกิริยาเคมี
Microsoft power point   ปฏิกิริยาเคมีMicrosoft power point   ปฏิกิริยาเคมี
Microsoft power point ปฏิกิริยาเคมีThanyamon Chat.
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีแบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีืkanya pinyo
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงsmEduSlide
 
โมเมนต์ของแรง
โมเมนต์ของแรงโมเมนต์ของแรง
โมเมนต์ของแรงrutchaneechoomking
 
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกลPhanuwat Somvongs
 
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงเอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงWijitta DevilTeacher
 
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊สการคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊สThanyamon Chat.
 
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมJariya Jaiyot
 
แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่Supaluk Juntap
 
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point   การถ่ายทอดทางพันธุกรรมPower point   การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรมThanyamon Chat.
 

What's hot (20)

ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
 
โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)
 
Microsoft power point ปฏิกิริยาเคมี
Microsoft power point   ปฏิกิริยาเคมีMicrosoft power point   ปฏิกิริยาเคมี
Microsoft power point ปฏิกิริยาเคมี
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
 
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีแบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
แบบฝึกหัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
บทที่ 3 พลังงานทดแทน
บทที่  3 พลังงานทดแทนบทที่  3 พลังงานทดแทน
บทที่ 3 พลังงานทดแทน
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลง
 
โมเมนต์ของแรง
โมเมนต์ของแรงโมเมนต์ของแรง
โมเมนต์ของแรง
 
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
 
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงเอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
 
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊สการคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
 
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
 
คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
อิเล็กโทรสโคป (Electroscope)
อิเล็กโทรสโคป (Electroscope)อิเล็กโทรสโคป (Electroscope)
อิเล็กโทรสโคป (Electroscope)
 
แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่
 
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point   การถ่ายทอดทางพันธุกรรมPower point   การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 

Similar to เสียง และการได้ยิน

12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียงKruanek007
 
เรื่องที่ 12 เสียง
เรื่องที่ 12  เสียงเรื่องที่ 12  เสียง
เรื่องที่ 12 เสียงthanakit553
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียงKruanek007
 
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)rapinn
 
0 o net-2549
0 o net-25490 o net-2549
0 o net-2549saiyok07
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงโรงเรียนเทพลีลา
 
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57Attapon Siriwanit
 
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2dnavaroj
 
เรื่องที่ 6 โมเมนตัม
เรื่องที่ 6 โมเมนตัมเรื่องที่ 6 โมเมนตัม
เรื่องที่ 6 โมเมนตัมthanakit553
 
บทที่ 2การเคลื่อนที่
บทที่ 2การเคลื่อนที่ บทที่ 2การเคลื่อนที่
บทที่ 2การเคลื่อนที่ thanakit553
 
Pat2 52 72
Pat2 52 72Pat2 52 72
Pat2 52 72june41
 

Similar to เสียง และการได้ยิน (20)

P12
P12P12
P12
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียง
 
เรื่องที่ 12 เสียง
เรื่องที่ 12  เสียงเรื่องที่ 12  เสียง
เรื่องที่ 12 เสียง
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียง
 
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
 
เสียง
เสียงเสียง
เสียง
 
0 o net-2549
0 o net-25490 o net-2549
0 o net-2549
 
Bio3 62 photosyn_2
Bio3 62 photosyn_2Bio3 62 photosyn_2
Bio3 62 photosyn_2
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
 
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57
ข้อสอบฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ 57
 
ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3ใบงานที่ 3
ใบงานที่ 3
 
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
 
3 photosyn 2
3 photosyn 23 photosyn 2
3 photosyn 2
 
P06
P06P06
P06
 
เรื่องที่ 6 โมเมนตัม
เรื่องที่ 6 โมเมนตัมเรื่องที่ 6 โมเมนตัม
เรื่องที่ 6 โมเมนตัม
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 
โมเมนตัม
โมเมนตัมโมเมนตัม
โมเมนตัม
 
บทที่ 2การเคลื่อนที่
บทที่ 2การเคลื่อนที่ บทที่ 2การเคลื่อนที่
บทที่ 2การเคลื่อนที่
 
P02
P02P02
P02
 
Pat2 52 72
Pat2 52 72Pat2 52 72
Pat2 52 72
 

More from ชิตชัย โพธิ์ประภา

รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยารายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยาชิตชัย โพธิ์ประภา
 
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 25566รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนคู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนชิตชัย โพธิ์ประภา
 
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...ชิตชัย โพธิ์ประภา
 

More from ชิตชัย โพธิ์ประภา (20)

ผลสอบปรีชาญาณ59
ผลสอบปรีชาญาณ59ผลสอบปรีชาญาณ59
ผลสอบปรีชาญาณ59
 
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยารายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
 
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
 
ทหารหาญ
ทหารหาญทหารหาญ
ทหารหาญ
 
ยีราฟกลับใจ
ยีราฟกลับใจยีราฟกลับใจ
ยีราฟกลับใจ
 
วานรขาวเจ้าปัญญา
วานรขาวเจ้าปัญญาวานรขาวเจ้าปัญญา
วานรขาวเจ้าปัญญา
 
สมบัติวิเศษ
สมบัติวิเศษสมบัติวิเศษ
สมบัติวิเศษ
 
วิหคสีรุ้ง
วิหคสีรุ้งวิหคสีรุ้ง
วิหคสีรุ้ง
 
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
 
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
 
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
 
1โครงการขยายผล สอวน
1โครงการขยายผล สอวน1โครงการขยายผล สอวน
1โครงการขยายผล สอวน
 
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 25566รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
 
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
 
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนคู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
 
ตารางการนำเสนอโครงงาน
ตารางการนำเสนอโครงงานตารางการนำเสนอโครงงาน
ตารางการนำเสนอโครงงาน
 
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงานรายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
 
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
 
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
 
ปอซอ
ปอซอปอซอ
ปอซอ
 

เสียง และการได้ยิน

  • 1. ฟิ สิ กส์ เรื่อง เสี ยง และการได้ ยน ิ ครู ผ้ ูสอน…ชิตชัย โพธิ์ประภา โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 1
  • 2. เรื่อง เสี ยงและการได้ ยน ิ 1. ธรรมชาติของเสี ยง 2. อัตราเร็วของเสี ยง 3. การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง ่ ่ 4. ความเข้ มเสี ยงและการได้ ยน ิ 5. เสี ยงดนตรี โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 2
  • 3. เรื่อง เสี ยงและการได้ ยน ิ 6. บีตส์ และคลืนนิ่งของเสี ยง ่ 7. ปรากฎการณ์ ดอปเพลอร์ และคลืนกระแทก ่ 8. การประยุกต์ ใช้ ความรู้ เรื่องเสี ยง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 3
  • 4. แหล่ งค้ นคว้ าเพิมเติม ่ 1. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 2 2. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 1 ว 421 3. แบบเรียนฟิ สิ กส์ เล่ม 2 ว 021 4. ฟิ สิ กส์ ทั่วไป : อ.สมปอง ทองผ่ อง 5. Physics for Scienctists and Engineers with Modern Physics : Serway Beichner โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 4
  • 5. แหล่ งค้ นคว้ าเพิมเติม ่ www.pn.psu.ac.th www.wphat.com www.rit.ac.th www.phys.hawaii.edu www.vcharkarn.com www.kkws.ac.th Email : phchitchai@hotmail.com โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 5
  • 6. 1. ธรรมชาติของเสี ยง - เสี ยงเกิดได้ อย่ างไร ? - การสั่ นของเสี ยงสั่ นมาก กับสั่ นน้ อย แตกต่ างกันหรือไม่ อย่ างไร ? เสี ยงเกิดจากการสั่ นของวัตถุ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 6
  • 7. เสี ยงจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง ต้ องอาศัย ตัวกลางในการถ่ ายโอนพลังงาน การสั่ น ของแหล่ งกาเนิดเสี ยงไปยังตาแหน่ งต่ าง ๆ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 7
  • 8. การถ่ ายโอนพลังงานโดยโมเลกุลของ อากาศ เป็ นการถ่ ายโอนพลังงานในแบบ ของคลืน ซึ่งสามารถพิสูจน์ ได้ โดยการ ่ ทดสอบ คุณสมบัตของคลืน ิ ่  การสะท้ อน  การหักเห  การแทรกสอด  การเลียวเบน ้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 8
  • 9. 2. อัตราเร็วของเสี ยง คือระยะทางทีเ่ สี ยงสามารถเดินทางไปได้ ในหนึ่งหน่ วยเวลา โดยช่ วงเวลาในการเคลือนทีของเสี ยงนีจะ ่ ่ ้ ขึนอยู่กบระยะทาง ้ ั และอัตราเร็วของเสี ยงจะคงที่ ในตัวกลาง หนึ่ง ๆ เมืออุณหภูมของตัวกลางคงตัว ่ ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 9
  • 10. อัตราเร็วของเสี ยงในตัวกลางต่ าง ๆ ที่ 25 0C ตัวกลาง อัตราเร็ว (m/s) CO2 258 อากาศ 346 H2 1,339 นา ้ 1,498 นาทะเล ้ 1,531 แก้ ว 5,000 เหล็ก 5,200 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 10
  • 11. ในการศึกษาอัตราเร็วของเสี ยงในอากาศ พบว่ าอัตราเร็วของเสี ยงในอากาศมีความ สั มพันธ์ กบอุณหภูมของอากาศ v  T ั ิ t vt  331 1  273 vt  331 0.6t โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 11
  • 12. ตัวอย่ างที่ 1 จงหาความเร็วของเสี ยงใน อากาศทีอุณหภูมิ 30 ่ 0C โดยใช้ สมการ ทั้งสอง ตัวอย่ างที่ 2 จงหาความเร็วของเสี ยงใน อากาศทีอุณหภูมิ 200 ่ 0C โดยใช้ สมการ ทั้งสอง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 12
  • 13. เนื่องจากเสี ยงเป็ นคลืนชนิดหนึ่ง ถ้ าเรา ่ ทราบความถี่ ( f )ของเสี ยง และความยาว คลืน (l)ของเสี ยง เราสามารถหาความเร็ว ่ ของเสี ยงในตัวกลางได้ จากความสั มพันธ์ v  fl โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 13
  • 14. อัตราเร็วของเสี ยงในของไหล B P v B  V / V B คือสั มประสิ ทธ์ ความยืดหยุ่นของ Bulk อัตราเร็วของเสี ยงในของแข็ง Y F/A v Y  L / L Y คือสั มประสิ ทธ์ ความยืดหยุ่นของ Young โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 14
  • 15. ตัวอย่ างที่ 3 เมื่อเคาะครั้งหนึ่งทีปลายท่ อ ่ เหล็กยาว 1,020 m ผู้ฟังอยู่ทปลายอีกข้ าง ี่ หนึ่งของท่ อได้ ยนเสี ยง 2 ครั้งห่ างกัน 2.8 ิ วินาที จงหาความเร็วของเสี ยงในท่ อเหล็ก ถ้ าความเร็วของเสี ยงในอากาศขณะนั้น เป็ น 340 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 15
  • 16. 1. การเคาะท่ อเหล็กยาว 1 ครั้ง ทีปลายข้ าง ่ หนึ่งของท่ อจะได้ ยนเสี ยง 2 ครั้งในเวลาภาย ิ หลังการเคาะ 0.2 และ 3 วินาที ตามลาดับ ถ้ าขณะนั้นมีอณหภูมิ 20 ุ 0C ความยาวของ ท่ อเหล็กเป็ นกีเ่ มตร โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 16
  • 17. 2. ในขณะทีเ่ รือขุดเจาะนามันเกิดระเบิด ้ กลางมหาสมุทร เรือลาดตระเวนลาหนึ่ง สามารถตรวจรับสั ญญาณคลืนเสี ยงจาก่ เครื่องวัดใต้ ท้องเรือได้ ก่อนที่จะได้ ยนเสี ยง ิ ทีมาทางอากาศถึง 20 วินาที เรือลานีอยู่ห่าง ่ ้ จากทีเ่ กิดเหตุกกโลเมตร ถ้ าความเร็วเสี ยง ี่ ิ ในอากาศขณะนั้นมีค่า 346 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 17
  • 18. การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง ่ ่ คลืนเสี ยงเกิดจากการสั่ นของวัตถุที่เป็ น ่ แหล่ งกาเนิดเสี ยง พลังงานของการสั่ นจะถูก ถ่ ายโอนให้ แก่ โมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบ ๆ โดยการชนระหว่ างโมเลกุลของอากาศซึ่ง เป็ นโมเลกุลของตัวกลางจะอยู่ในแนวเดียวกัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 18
  • 20. การเคลือนที่ของคลืนเสี ยง ่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 20
  • 21. อัด ขยาย อัด ขยาย การกระจัด ระยะทาง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 21
  • 22. บริเวณส่ วนอัดจะมีความดันเพิมจาก ่ ปกติมากทีสุด และบริเวณตรงกลางของ ่ ส่ วนขยายจะมีความดันลดลงจากปกติมาก ทีสุด ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 22
  • 23. การกระจัด ระยะทาง ความดัน ระยะทาง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 23
  • 24. ตัวอย่ างที่ 4 ส่ วนอัดและส่ วนขยายทีติดกัน ่ ของคลืนเสี ยงอยู่ห่างกัน 20 cm ถ้ าขณะนั้น ่ อากาศมีอุณหภูมิ 15 0C เสี ยงนีจะมีความถี่ ้ เท่ าไร โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 24
  • 25. หลักการสะท้ อนของคลืน ่ - คลืนเสี ยงจะสะท้ อนได้ เมื่อความยาว ่ คลืนของเสี ยงมากกว่ าขนาดของผิว ่ สะท้ อน - เสี ยงทีส่งผ่ านไปยังสมองจะติดประสาท ่ หูอยู่นานประมาณ 0.1 วินาที โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 25
  • 27. 3. ในตอนบ่ ายวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งเปล่งเสี ยงไป ยังหน้ าผาแห่ งหนึ่ง ปรากฏว่ าได้ ยนเสี ยงสะท้ อน ิ ของตนเองกลับมาหลังจากเปล่งเสี ยงไปแล้ว 8 วินาที ต่ อมาชายคนนีเ้ ดินเข้ าหาหน้ าผาเป็ น ระยะทาง 30 m แล้วเปล่งเสี ยงอีกปรากฎว่ า ได้ ยนเสี ยงสะท้ อนกลับมาหลังจากเปล่งเสี ยง ิ ไปแล้ว 5 วินาทีอยากทราบว่ าจุดแรกทีชายคน่ นียนอยู่ห่างจากหน้ าผากีเ่ มตร ้ื โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 27
  • 28. 4. ชายคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่ างหน้ าผาแล้ วยิงปื น ออกไป เขาได้ ยนเสี ยงครั้งที่ 1 และ 2 เมื่อเวลา ิ ผ่ านไป 1.5 ,2.5 วินาที นับจากเริ่มต้ น จงหาระยะห่ างระหว่ างหน้ าผาทั้งสองตาแหน่ ง ที่เขายืน กาหนดให้ อตราเร็วเสี ยงในอากาศ ั 340 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 28
  • 29. 5. เสี ยงก้ องของไซเรนของเรือมีความถี่ 400 Hz สามารถได้ ยนไปถึงกัปตันเรือภาย ิ ในเวลา 6 วินาที หลังจากไซเรนหยุด ถ้ า เสี ยงก้ องนีเ้ กิดจากการสะท้ อนของเสี ยง จากหน้ าผาซึ่งห่ าง 900 m ความยาวคลืน ่ เสี ยงในอากาศขณะนั้นเป็ นเท่ าไร โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 29
  • 30. 6. บอลลูนเคลือนทีขนด้ วยอัตราเร็วสมา ่ ่ ึ้ ่ เสมอ 20 m/s ขณะอยู่สูงจากพืนดินระยะ ้ หนึ่งส่ งคลืนเสี ยงความถี่ 1000 Hz ลงมา ่ และได้ รับสั ญญาณเสี ยงสะท้ อนกลับเมื่อ เวลา 4 วินาที ขณะทีส่งคลืนเสี ยงบอลลูน ่ ่ สู งจากพืนดินเท่ าใด ความเร็วเสี ยงขณะ ้ นั้นเท่ ากับ 340 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 30
  • 31. 7. ขณะทีรถยนต์ คนหนึ่งวิงด้ วยอัตราเร็ว ่ ั ่ สม่าเสมอ 2 m/s มุ่งตรงไปยังเทือกเขาใหญ่ ปรากฏว่ าสั ญญาณวิทยุหายไป 12 ครั้งทุก ๆ 1 นาที โดยทีสถานีออกอากาศอยู่ทางทิศที่ ่ รถยนต์ คนนั้นวิงมา จงคานวณหาความถี่ ั ่ คลืนวิทยุของสถานีกระจายเสี ยงนั้น ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 31
  • 32. 8. เรือได้ ส่งสั ญญาณไปยังเรือทีอยู่ข้างเคียง ่ เสี ยงได้ เดินทางสองทาง คือในอากาศและใน ทะเล สั ญญาณนีได้ รับโดยเรือทีอยู่ข้างเคียง ้ ่ กินเวลาต่ างกัน 5 วินาที จงหาระยะห่ าง ระหว่ างเรือนีกบเรือทีอยู่ข้างเคียง ้ั ่ กาหนดความเร็วเสี ยงในอากาศ 340 m/s และในนาทะเล 1450 m/s ้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 32
  • 33. 9. ชายคนหนึ่งเป่ านกหวีดทุก ๆ ครึ่งวินาที เขาจะได้ ยนเสี ยงก้ องจากกาแพงทีอยู่ห่าง ิ ่ 40 m เสี ยงก้ องจะเกิดขึนกึงกลางระหว่ าง ้ ่ การเป่ านกหวีดแต่ ละครั้ง จงหา (ก) อัตราเร็วของเสี ยงในอากาศ (ข) ถ้ าเขาถอยออกไป แล้วเป่ าเหมือนเดิมจน ได้ ยนเสี ยงเกิดขึน กึงกลางระหว่ างการเป่ าอีก ิ ้ ่ ตอนหลังนีเ้ ขาอยู่ห่างจากกาแพงเท่ าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 33
  • 34. 10. กรรมกรสร้ างถนนทุบคอนกรีตด้ วยค้ อน เหล็ก ทาให้ คนทีทางานอยู่อกทีหนึ่งบนถนน ่ ี ่ ได้ ยนเสี ยงผ่ านตามคอนกรีตภายหลังจากที่ ิ เห็นคนแรกเอาค้ อนทุบคอนกรีต 0.2 วินาที จงหาระยะห่ างระหว่ างกรรมกรทั้งสอง กาหนด Y = 2x10 11 N/m2 ,  = 7.8x10 3 kg/m3 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 34
  • 35. 11. กลาสี เคาะท้ องเรือด้ วยค้ อน เกิดเสี ยง สะท้ อน จากก้ นมหาสมุทรกลับมาถึงตัวเขา ในเวลา 0.54 วินาที หลังจากเคาะอยากทราบ ว่ าก้ นมหาสมุทรลึกเท่ าใดจากเรือ กาหนด B = 2.14x10 9 N/m2 ,  = 1.025x10 3 kg/m3 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 35
  • 36. การศึกษาสมบัติการแทรกสอดของเสี ยง ในชีวตประจาวันอยู่ใเรียนพบการแทรกสอด ถ้ านักิ เรียนไปยื นัก นบริเวณทีมี การแทรก ่ สอดของเสี ยง จะได้กยารณ์ ใยดบ้ างางไร? ของเสี ยงในเหตุ นเสี งอย่ ? ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 36
  • 38. เมื่อไปยืน ณ บริเวณต่ าง ๆ จะพบว่ าบาง ตาแหน่ งได้ ยนเสี ยงดังกว่ าปกติ บางตาแหน่ ง ิ มีเสี ยงเบากว่ า ซึ่งเกิดจากการแทรกสอดของ คลืนนั่นเองโดย ่ เสี ยงทีดงเกิดจากการแทรกสอดแบบเสริม ่ ั และตาแหน่ งทีมีเสี ยงเบาหรือเงียบเกิดจาก ่ การแทรกสอดแบบหักล้ างกัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 38
  • 39. ตัวอย่ างที่ 5 นาลาโพง 2 ตัวหันหน้ าไปทาง เดียวกัน ให้ คลืนทีมีความถี่ 680 Hz ความ ่ ่ ยาวคลืน 0.5 m เท่ ากัน และเฟสเดียวกัน ่ ถ้ าไปยืนอยู่ ณ ตาแหน่ งห่ างจากลาโพงตัว แรก 15 m และห่ างจากตัวที่ 2 17 m จะ ได้ ยนเสี ยงอย่ างไร ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 39
  • 40. การศึกษาสมบัติการเลียวเบนของเสี ยง ้ ในชีถ้วาตประจนไปยืนอยู่ยในพบการเลีายวเบน ิ นักเรีย าวันนักเรี นบริเวณต่ ้ ง ๆ ของเสี ยงในเหตุการณ์งไร?าง ? จะได้ ยนเสี ยงอย่ า ใดบ้ ิ C B A โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 40
  • 41. สรุป จากการศึกษาสมบัตต่าง ๆ ของเสี ยง ิ ปรากฏว่ า เสี ยงมีคุณสมบัตครบตามลักษณะ ิ ของคลืน เพราะฉะนั้นเราสามารถสรุปได้ ว่า ่ เสี ยงเป็ นคลืนชนิดหนึ่ง และต้ องอาศัย ่ ตัวกลางในการเคลือนที่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 41
  • 42. ความเข้ มเสี ยง เมื่อแหล่ งกาเนิดเสี ยงสั่ น พลังงานจากการ สั่ นจะถ่ ายโอนต่ อ ๆ กันมาผ่ านอนุภาคของ อากาศจนกระทังถึงหูผู้ฟัง ทาให้ ผู้ฟังได้ ยน ่ ิ เสี ยง เสี ยงทีได้ ยนจะดัง หรือค่ อย จะขึนอยู่ ่ ิ ้ กับพลังงานของเสี ยงทีมาถึงหูผู้ฟัง ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 42
  • 43. อัตราการถ่ ายโอนพลังงานเสี ยงของแหล่ ง กาเนิด คือปริมาณพลังงานเสี ยงทีส่งออกจาก ่ แหล่ งกาเนิดเสี ยงในหนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า กาลังเสี ยง หน่ วยเป็ น J/s หรือ Watt (W) ลักษณะการแผ่ กระจาย ของคลืนเสี ยงจะแผ่ ออกไป ่ ในลักษณะของรู ปทรงกลม โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 43
  • 44. กาลังเสี ยงทีส่งออกไปต่ อหนึ่งหน่ วย ่ พืนทีของหน้ าคลืนทรงกลม เรียกว่ า ้ ่ ่ ความเข้ มเสี ยง หรือ พลังงานเสี ยงที่ตกกระทบพืนที่หนึ่ง ้ ตารางหน่ วยในเวลา 1 วินาที ณ ตาแหน่ งนั้น โดยพืนที่ดงกล่าวมีระนาบตั้งฉากกับทิศการ ้ ั เคลือนที่ของคลืน ่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 44
  • 45. ความเข้ มเสี ยง = กาลังเสี ยงของแหล่งกาเนิด พืนที่ผวทรงกลมรัศมี R ้ ิ P I 4R 2 ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงมีกาลังเสี ยงคงตัว 1 I 2 R โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 45
  • 46. การได้ ยนของคนปกติ พบว่ า เสี ยงทีค่อย ิ ่ ทีสุดทีมนุษย์ สามารถได้ ยน มีความเข้ มเสี ยง ่ ่ ิ 10 -12 W/m2 และเสี ยงทีดงทีสุดทีหูมนุษย์ ่ ั ่ ่ สามารถทนฟังได้ โดยไม่ เป็ นอันตรายต่ อหู มีความเข้ มเสี ยง 1 W/m 2 แอมพลิจูดของ P=2x10 -5 Pa โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 46
  • 47. การเปรียบเทียบความเข้ มเสี ยง ณ จุดต่ าง ๆ ให้ I1และ I2 เป็ นความเข้ มเสี ยงทีห่างจาก ่ แหล่ งกาเนิดเสี ยงเดียวกัน เป็ นระยะ R1 และ R2 ตามลาดับ จะได้ ความสั มพันธ์ ว่า P  I1 (4R )  I 2 (4R2 ) 2 2 1 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 47
  • 48. P  I1 (4R )  I 2 (4R2 ) 2 2 1 I1R1  I 2 R2 2 2 2 I1  R2    I 2  R1    กฎกาลังสองผกผัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 48
  • 49. ความเข้ มสั มพัทธ์ คือความเข้ มเสี ยงใด ๆ เมื่อเปรียบเทียบ กับความเข้ มตาสุ ดทีมนุษย์ เริ่มได้ ยน ่ ่ ิ I Ir  Io โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 49
  • 50. ตัวอย่างที่ 6 ชายคนหนึ่งอยู่ห่างจากแหล่ง กาเนิดเสียงอันหนึ่งได้ยินเสียงมีความเข้ม -8 2 10 W/m เขาออกเดินทางออกมาอีกจน -12 2 ได้ยินเสียงมีความเข้ม 10 W/m จึงหยุด อยากทรายว่าเขาจะอยู่ห่างจากแหล่งกาเนิด เสียงเปนกี่เท่าของระยะเดิม โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 50
  • 51. ตัวอย่างที่ 7 ถ้าความเข้มสัมพัทธ์ของเสียง 4 ณ จุดหนึ่ง = 10 ความเข้มเสียง ณ จุด นั้นมีค่าเท่าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 51
  • 52. ระดับความเข้ มเสี ยง เป็ นตัวบอกความดังของเสี ยงแทนความ เข้ มเสี ยง กาหนดให้ เสี ยงทีค่อยทีสุดทีคนปกติรับได้ ่ ่ ่ มีระดับความเข้ มเป็ น 0 เบล ตามข้ อกาหนด นีปรากฎว่ าเมื่อเพิมความเข้ มเสี ยงเป็ น 10 ้ ่ เท่ า ระดับความเข้ มเสี ยงจะเพิมเป็ น 1 เบล ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 52
  • 53. ถ้ าเพิมความเข้ มเป็ น 100 เท่ า ระดับความ ่ เข้ มเสี ยงเพิมเป็ น 2 เบล เพิมเป็ น 1000 เท่ า ่ ่ จะเป็ น 3 เบล สรุปได้ ว่า ความเข้ มเสี ยงทีจุดรับฟังเป็ น ่ 10 1 102 103 . . . เท่ า ระดับความเข้ มเสี ยงจะ เป็ น 1 2 3 . . . เบล ตามลาดับ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 53
  • 54. I   log I0 I ตาสุ ดทีสามารถได้ ยน 10 ่ ่ ิ -12  = 0 เบล I สู งสุ ดทีสามารถทนได้ 1  = 12 เบล ่ ดังนั้นระดับความเข้ มเสี ยงทีมนุษย์ ได้ ยน ่ ิ จะมีค่าอยู่ระหว่ าง 0 - 12 เบล ซึ่งมีค่าน้ อยไป โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 54
  • 55. จึงนิยมใช้ ระดับความเข้ มเสี ยงในหน่ วย เดซิเบล (dB) ซึ่งเป็ นหน่ วยย่ อยของเบล โดยระดับความเข้ มเสี ยง 1 เบล เท่ ากับ 10 dB ดังนั้นเสี ยงทีได้ ยนจะมีระดับความ ่ ิ เข้ มอยู่ระหว่ าง 0 - 120 dB I   10 log I0 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 55
  • 56. แหล่ งกาเนิด เดซิเบล เสี ยงเบาทีสุด ่ 0 ลมหายใจ 10 ใบไม้ กระทบกัน 20 ดนตรีแผ่ ว ๆ 30 เสี ยงในระแวกหมู่บ้านยามดึก 40 สานักงานที่เงียบ 50 การพูดคุยธรรมดา 60 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 56
  • 57. แหล่ งกาเนิด เดซิเบล เสี ยงยวดยานบนท้ องถนน 70 โรงงานทั่วไป 80 เครื่องเสี ยงสเตอริโอในห้ อง 90 เครื่อตัดหญ้ า 100 ดิสโก้ เธค 120 เครื่องบินไอพ่นกาลังขึนใกล้ ๆ ้ 150 จรวดขนาดใหญ่ กาลังขึน ้ 180 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 57
  • 58. ตัวอย่างที่ 8 แหล่งกาเนิดเสียงให้ความ 2 เข้มเสียง 120 dB ผ่านไปบนพื้นที่ 1 cm ในเวลา 1 วินาที จะมีพลังงานเสียงเท่าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 58
  • 59. ตัวอย่างที่ 9 แมลงวันกระพือปก จะเปลี่ยน -12 เปนพลังงานเสียง 12.6 × 10 W คนจะ ได้ยินเสียงแมลงวันบินเมื่อแมลงวันบิน ห่างจากคนไกลที่สุดกี่เมตร โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 59
  • 60. 12. แมลงภู่ตัวหนึ่งบินในแนวเส้นตรงเข้ามา จะต่อยเด็กคนหนึ่ง โดยที่ขณะบินอยู่นั้น ส่งอัตราพลังงานเสียงออกมาเท่ากับ × 10 W อยากทราบว่าเด็กคนนั้นจะเริ่ม -10 ได้ยินเสียงของแมลงภู่นั้นก่อนที่จะถูกต่อย เปนระยะห่างเท่าใด ถ้าเด็กคนนั้นสามารถ -12 2 ได้ยินเสียงเบาสุดมีความเข้ม 10 W/m โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 60
  • 61. 13.ที่ตาแหน่งซึ่งห่างจากแหล่งกาเนิดเสียง ออกไประยะหนึ่ง มีความเข้มสัมพัทธ์เปน 8 จะมีระดับความเข้มเสียง ณ ตาแหน่งนั้น เปนเท่าไร กาหนด log 2 = 0.3 เมื่อความเข้ม -12 2 สัมพัทธ์เทียบกับ I0 และ I0 = 10 W/m โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 61
  • 62. 14. แหล่งกาเนิดคลื่นเสียงมีกาลัง 20 W ณ จุด -3 2 X วัดได้ว่าเสียงมีความเข้ม 10 W/m หาก เพิ่มกาลังส่งของแหล่งกาเนิดเปน 30 W รับ ฟงเสียง ณ ตาแหน่งเดิมจะได้ยินเสียงมี ระดับความเข้มเท่าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 62
  • 63. 15. วงนักร้องประสานเสียง หากยืนฟงที่ ระยะห่างระยะหนึ่งได้ยินเสียงดัง 60 dB ถ้าอยู่ที่ระยะเดิม แต่เพิ่มจานวน นักร้องขึ้นทาให้ได้ยินเสียงดัง 70 dB จง หาว่าจานวนนักร้องเปนกี่เท่าของ จานวนนักร้องเดิม โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 63
  • 64. 16.ถ้าเสียงจากไวโอลิน 1 ตัว มีความเข้ม เสียง 30 dB ถ้าสีไวโอลินพร้อมกัน 10 ตัว จะให้เสียงมีระดับความเข้มเสียง เพิ่มเปนกี่เดซิเบล โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 64
  • 65. 17. ถ้าขณะที่อยู่ห่างจากแหล่งกาเนิดเสียง 5 m ได้ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม 66 dB จงหาว่าอยู่ห่างจากแหล่งกาเนิดนี้เปนระยะ 10 m จะได้ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม เท่าไร กาหนด log 5 = 0.7 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 65
  • 66. 18.ชายคนหนึ่งยืนห่างลาโพง 20 m เราได้ยิน ระดับความเข้มเสียง 80 dB ถ้าเขาเดินเข้า หาลาโพงจนห่างเพียง 2 m เขาจะได้ยิน เสียง ที่มีระดับความเข้มกี่เดซิเบล โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 66
  • 67. 19.เมื่อนักร้องหมู่มี 40 คน จะส่งเสียงดัง มี ระดับความเข้มเสียง 50 dB ที่จุดห่าง 20 m ถามว่า ถ้านักร้อง 50 คน จะให้ระดับความ เข้มเสียงเท่าใด ที่ระยะ 25 m กาหนด log 1.25 = 0.1 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 67
  • 68. 20. เครื่องกาเนิดเสียงขนาด 880/7 W ให้คลื่น เสียงอย่างสม่าเสมอโดยรอบ ที่ระยะห่าง จากแหล่งกาเนิดเสียงนี้ 100 m จะมีระดับ ความเข้มเสียงเปนกี่เดซิเบล โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 68
  • 69. 21. เครื่องตอกเสาเข็มเครื่องหนึ่งทางาน 1 ครั้ง/ วินาที ทาให้คนที่อยู่ห่างจากจุดที่ตอก 10 m ได้ ยินเสียงที่มีระดับความเข้ม 100 dB ถ้าถือว่าเสียง ที่เกิดขึ้นกระจายออกไปทุกทิศทาง และ กาหนดให้ความเข้มของเสียงเบาที่สุดที่สามารถ -12 2 ได้ยินได้เท่ากับ 10 W/m กาลังของเสียงที่เกิด จากการตอกเสาเข็มแต่ละครั้งมีค่ากี่วัตต์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 69
  • 70. 22. เสียงดังที่สุดที่นาย ก ทนฟงได้มีความ 2 เข้มเสียง = 1.5 W/m นั่นคือมีระดับความ เข้มเสียงประมาณเท่าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 70
  • 71. 23. เมื่อวัดระดับความเข้มเสียงของเสียง ร้องของกบจานวน 10 ตัว ที่ระยะห่าง 2 m ได้ 60 dB จงคานวณกาลังของเสียงกบเพียง หนึ่งตัว โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 71
  • 72. มลภาวะทางเสี ยง เมือต้ องเข้ าไปอยู่ในบริเวณทีมระดับ ่ ่ ี ความเข้ มเสี ยงสู ง ๆ เป็ นระยะเวลานานจะ ทาให้ สุขภาพจิตแย่ จะต้ องใช้ ทครอบหูเพือ ี่ ่ ลดระดับความเข้ มเสี ยง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 72
  • 73. มาตรฐานความปลอดภัย เกียวกับเรื่องเสี ยง ่ เวลาการทางาน ระดับความเข้ มเสี ยง น้ อยกว่ า 7 ชั่วโมง 91 7 - 8 ชั่วโมง 90 มากกว่ า 8 ชั่วโมง 80 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 73
  • 74. ระดับเสี ยง การได้ ยนของคนเรา นอกจากจะขึนกับ ิ ้ ความเข้ ม และระดับความเข้ มเสี ยงแล้ ว ยังขึนกับความถีของเสี ยงด้ วย ้ ่ โดยความถีเ่ สี ยงทีหูคนปกติได้ ยนมีค่า ่ ิ ตั้งแต่ 20 - 20,000 Hz โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 74
  • 75. เสี ยงทีมีความถีต่ากว่ า 20 Hz เรียกว่ า ่ ่ คลืนใต้ เสี ยง ( Infrasound ) ่ เสี ยงทีมความถีสูงกว่ า 20,000 Hz ่ ี ่ เรียกว่ า คลืนเหนือเสี ยง ( Untrasound ) ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 75
  • 76. มนุษย์ ได้ ยนความถีของเสี ยงโดยมีขด ิ ่ ี จากัดสั ตว์ กเ็ ช่ นเดียวกัน คน 20 - 20,000 Hz เปล่งเสี ยงได้ 85 - 1,100 Hz สุ นัข 15 - 56,000 Hz เปล่งเสี ยงได้ 451 - 1,800 Hz แมว 60 - 65,000 Hz เปล่งเสี ยงได้ 760 - 1,500 Hz แผนภาพความถี่เสี ยงของสั ตว์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 76
  • 77. เมื่อเราได้ ยนเสี ยง จะบอกได้ ว่าระดับ ิ เสี ยงนั้นมีระดับเสี ยงสู ง หรือตา ความแตก ่ ต่ างของเสี ยงนีขนอยู่กบความถีของเสี ยง ้ ึ้ ั ่ ถ้ าความถีสูง จะได้ ยนเป็ นเสี ยงแหลม ่ ิ และถ้ าความถีน้อย จะได้ ยนเป็ นเสี ยงทุ้ม ่ ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 77
  • 78. การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีทางวิทยาศาสตร์ ระดับเสี ยงดนตรี ความถี่ (Hz) C ( โด ) 256 D ( เร ) 288 E ( มี ) 320 F ( ฟา ) 341 G ( ซอล ) 384 A ( ลา ) 427 B ( ที ) 480 C’( โด ) 512 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 78
  • 79. จะเห็นว่ าเสี ยง C’ มีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของ เสี ยง C และเช่ นเดียวกันเสี ยง D’E’ F’ G’ A’ B’จะมีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของ D E F G A B ตามลาดับ และ C” เป็ น 4 เท่ าของ C สาหรับเสี ยง C กับ C’ , C’ กับ C ” เรียกว่ าคู่แปด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 79
  • 80. C:E:G =4:5:6 G : B : D’= 4 : 5 : 6 F : A : C’= 4 : 5 : 6 ในการเล่ นดนตรี โดยเล่ นเสี ยงตามโน้ ตทีละ ตัวหรือ ทาให้ เกิดเสี ยงโน้ ตหลายตัวพร้ อมกัน ก็ได้ เช่ นการเล่ นคอร์ ด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 80
  • 81. การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีทางดนตรีศาสตร์ ระดับเสี ยงดนตรี ความถี่ (Hz) C ( โด ) 261.6 D ( เร ) 293.7 E ( มี ) 329.6 F ( ฟา ) 349.2 G ( ซอล ) 392.0 A ( ลา ) 440.0 B ( ที ) 493.9 C’( โด ) 523.3 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 81
  • 82. ถ้ าพิจารณาดูเครื่องดนตรีพนเมืองของ ื้ แต่ ละชาติ พบว่ ามีการแบ่ งระดับเสี ยงที่ แตกต่ างกันออกไป จึงทาให้ เสี ยงดนตรีของ แต่ ละชาติมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 82
  • 83. การแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีของไทยใกล้ เคียง กับการแบ่ งระดับเสี ยงดนตรีสากล จึงทาให้ เครื่องดนตรีไทยสามารถเล่ นเพลงสากลบาง เพลงได้ และเครื่องดนตรีสากลสามารถเล่ น เพลงไทยบางเพลงได้ เช่ นกัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 83
  • 84. คุณภาพเสี ยง การทีเ่ ราสามารถได้ ยนเสี ยงทีมีระดับเสี ยง ิ ่ เดียวกัน หรือความถีเ่ ดียวกัน โดยสมารถ แบ่ งได้ ว่า เสี ยงใดเป็ นเสี ยงของกีตาร์ ขลุ่ย เปี ยโน ไวโอลิน ฯลฯ เนื่องจากคุณภาพเสี ยงจากเครื่องดนตรี ต่ าง ๆ ไม่ เหมือนกัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 84
  • 85. เราเรียกความถีตาสุ ดของเสี ยงทีออก ่ ่ ่ จากแหล่ งกาเนิดเสี ยงใด ๆ ว่ าความถีมูลฐาน ่ สาหรับเสี ยงอืน ๆ ทีเ่ กิดขึนพร้ อมกับความถี่ ่ ้ มูลฐาน แต่ มความถีเ่ ป็ นจานวนเต็มเท่ าของ ี ความถีมูลฐาน เราเรียกว่ า ฮาร์ มอนิก ของ ่ ความถีมูลฐาน เช่ นเสี ยงทีมความถีสูงเป็ น 2 ่ ่ ี ่ เท่ าของความถีมูลฐาน เรียกฮาร์ มอนิกที่ 2 ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 85
  • 86. เมื่อต้ นกาเนิดเสี ยงสั่ น จะให้ เสี ยงซึ่งมี ความถีมูลฐาน และฮาร์ มอนิก ต่ าง ๆ ออกมา ่ พร้ อมกันเสมอ ถึงแม้ ว่าเครื่องดนตรีแต่ ละชิ้นให้ ความ ถีเ่ ดียวกันแต่ จานวนฮาร์ มอนิก แอมพลิจูด ของแต่ ละฮาร์ มอนิก ไม่ จาเป็ นต้ องเท่ ากัน โดยส่ วนมาก ฮาร์ มอนิกที่ 1 มีแอมพลิจูดสู งสุ ด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 86
  • 88. ทาให้ เสี ยงทีออกมามีลกษณะเฉพาะตัว ่ ั หรือเราเรียกว่ า มีคุณภาพของเสี ยงต่ างกัน และคุณภาพของเสี ยงนี่เองทีทาให้ เรา ่ สามารถแยกประเภทของแหล่ งกาเนิด เสี ยงได้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 88
  • 89. หูกบการได้ ยน ั ิ หูของคนเรา มีส่วนประกอบสาคัญ 3 ส่ วน คือ หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 89
  • 90. ขอบเขตความสามารถการได้ ยนเสี ยง ิ ของคนนอกจากจะขึนอยู่กบระดับความ ้ ั เข้ มเสี ยง และความถีของเสี ยงแล้ ว ่ พบว่ าความสามารถการได้ ยนของคนปกติ ิ โดยช่ วงความถีและระดับความเข้ มเสี ยง ่ มีความสั มพันธ์ กนั โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 90
  • 91. การสั่ นพ้อง เมือวัตถุถูกกระตุ้นให้ สั่นหรือแกว่ งอย่ าง ่ อิสระต่ างก็มีความถีธรรมชาติเฉพาะตัว ่ ค่ าหนึ่งทั้งสิ้น เช่ นการแกว่ งลูกตุ้ม จะแกว่ ง กีครั้งก็จะมีความถี่เท่ าเดิม ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 91
  • 92. ถ้ าออกแรง 1 ครั้งวัตถุกจะสั่ นหรือแกว่ ง ็ ด้ วยค้ วยความถีธรรมชาติของตัวมันเอง ่ ถ้ าออกแรงหลาย ๆ ครั้งโดยความถีทใช้ ่ ี่ ในการออกแรง เท่ ากับความถีธรรมชาติของ ่ วัตถุทแกว่ ง จะมีผลทาให้ ลูกตุ้มแกว่ งได้ เพิม ี่ ่ ขึน หรือมีแอมพลิจูดมากขึนทุกครั้งทีออก ้ ้ ่ แรงผลัก เรียกปรากฎการณ์ นีว่าการสั่ นพ้อง ้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 92
  • 93. การสั่ นพ้องของเสี ยง เมือให้ เสี ยงเคลือนทีผ่านอากาศทีอยู่ใน ่ ่ ่ ่ หลอดเรโซแนนซ์ อนุภาคของอากาศทีอยู่ ่ ภายในหลอดจะถูกบังคับให้ สั่นด้ วยความถี่ ของเสี ยงจากแหล่ งกาเนิด และเมือเลือนลูก ่ ่ สู บไป ณ ตาแหน่ งหนึ่ง จะทาให้ เกิดเสี ยงดัง ทีสุด ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 93
  • 94. เมื่อความถีจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง มีความถี่ ่ เท่ ากับความถีธรรมชาติของอนุภาค หรือลา ่ อากาศในหลอดพอดี จะทาให้ อนุภาคภายใน หลอดเกิดการสั่ นพ้อง และจะทาให้ เกิดเสี ยง ดังมากทีสุด เนื่องจากอนุภาคในหลอดสั่ นมาก ่ ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ า การสั่ นพ้องของเสี ยง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 94
  • 95. เมือทาการทดลองเลือนลูกสู บให้ ได้ ยนเสี ยง ่ ่ ิ 2 ครั้ง แล้ ววัดระยะห่ างของลูกสูบทีทาให้ ได้ ่ ยินเสี ยงครั้งแรก กับเสี ยงดังครั้งที่ 2 ปรากฎว่ ามีค่าเท่ ากับครึ่งหนึ่งของความยาว ของคลืนเสี ยงทีส่งออกไปจากแหล่ งกาเนิด ่ ่ และความรู้ เกียวกับคลืนนิ่งของเสี ยง หรือ ่ ่ การแทรกสอดของคลืนเสี ยง่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 95
  • 96. จึงสรุปได้ ว่าขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของ เสี ยงภายในหลอดเรโซแนนซ์ จะเกิดการ ซ้ อนกันระหว่ างคลืนเสี ยงในหลอด ทาให้ ่ เกิดการแทรกสอด และเกิดคลืนนิ่ง ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 96
  • 97. หูกบการได้ ยน ั ิ หูของคนเรา มีส่วนประกอบสาคัญ 3 ส่ วน คือ หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 97
  • 98. ขอบเขตความสามารถการได้ ยนเสี ยง ิ ของคนนอกจากจะขึนอยู่กบระดับความ ้ ั เข้ มเสี ยง และความถีของเสี ยงแล้ ว ่ พบว่ าความสามารถการได้ ยนของคนปกติ ิ โดยช่ วงความถีและระดับความเข้ มเสี ยง ่ มีความสั มพันธ์ กนั โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 98
  • 99. การสั่ นพ้อง เมือวัตถุถูกกระตุ้นให้ สั่นหรือแกว่ งอย่ าง ่ อิสระต่ างก็มีความถีธรรมชาติเฉพาะตัว ่ ค่ าหนึ่งทั้งสิ้น เช่ นการแกว่ งลูกตุ้ม จะแกว่ ง กีครั้งก็จะมีความถี่เท่ าเดิม ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 99
  • 100. ถ้ าออกแรง 1 ครั้งวัตถุกจะสั่ นหรือแกว่ ง ็ ด้ วยค้ วยความถีธรรมชาติของตัวมันเอง ่ ถ้ าออกแรงหลาย ๆ ครั้งโดยความถีทใช้ ่ ี่ ในการออกแรง เท่ ากับความถีธรรมชาติของ ่ วัตถุทแกว่ ง จะมีผลทาให้ ลูกตุ้มแกว่ งได้ เพิม ี่ ่ ขึน หรือมีแอมพลิจูดมากขึนทุกครั้งทีออก ้ ้ ่ แรงผลัก เรียกปรากฎการณ์ นีว่าการสั่ นพ้อง ้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 100
  • 101. การสั่ นพ้องของเสี ยง เมือให้ เสี ยงเคลือนทีผ่านอากาศทีอยู่ใน ่ ่ ่ ่ หลอดเรโซแนนซ์ อนุภาคของอากาศทีอยู่ ่ ภายในหลอดจะถูกบังคับให้ สั่นด้ วยความถี่ ของเสี ยงจากแหล่ งกาเนิด และเมือเลือนลูก ่ ่ สู บไป ณ ตาแหน่ งหนึ่ง จะทาให้ เกิดเสี ยงดัง ทีสุด ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 101
  • 102. เมื่อความถีจากแหล่ งกาเนิดเสี ยง มีความถี่ ่ เท่ ากับความถีธรรมชาติของอนุภาค หรือลา ่ อากาศในหลอดพอดี จะทาให้ อนุภาคภายใน หลอดเกิดการสั่ นพ้อง และจะทาให้ เกิดเสี ยง ดังมากทีสุด เนื่องจากอนุภาคในหลอดสั่ นมาก ่ ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ า การสั่ นพ้องของเสี ยง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 102
  • 103. เมือทาการทดลองเลือนลูกสู บให้ ได้ ยนเสี ยง ่ ่ ิ 2 ครั้ง แล้ ววัดระยะห่ างของลูกสูบทีทาให้ ได้ ่ ยินเสี ยงครั้งแรก กับเสี ยงดังครั้งที่ 2 ปรากฎว่ ามีค่าเท่ ากับครึ่งหนึ่งของความยาว ของคลืนเสี ยงทีส่งออกไปจากแหล่ งกาเนิด ่ ่ และความรู้ เกียวกับคลืนนิ่งของเสี ยง หรือ ่ ่ การแทรกสอดของคลืนเสี ยง่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 103
  • 105. จึงสรุปได้ ว่าขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของ เสี ยงภายในหลอดเรโซแนนซ์ จะเกิดการ ซ้ อนกันระหว่ างคลืนเสี ยงในหลอด ทาให้ ่ เกิดการแทรกสอด และเกิดคลืนนิ่ง ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 105
  • 107. จากการศึกษาคลืนนิ่งของเสี ยงในหลอด ่ เรโซแนนซ์ ขณะทีเ่ กิดการสั่ นพ้องของเสี ยง ในหลอด โมเลกุลของอากาศทีอยู่ตดกับลูก ่ ิ สู บ จะไม่ เคลือนที่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 107
  • 108. ส่ วนโมเลกุลของอากาศทีบริเวณปาก ่ หลอดจะสั่ นออกจากตาแหน่ งเดิมมากทีสุด ่ นั่นคือมีการกระจัดสู งสุ ดเท่ ากับแอมพลิจูด ของคลืนเสี ยงทีได้ ยน ่ ่ ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 108
  • 109. กราฟระหว่ างระยะทางทีโมเลกุลขยับ ่ ออกจากตาแหน่ งเดิม กับตาแหน่ งของ โมเลกุลนั้น ภายในหลอด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 109
  • 110. d l d 2 l  2d โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 110
  • 111. L l v L f1  4 4L 3l 3v L f2  4 4L 5l 5v L f3  4 4L โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 111
  • 112. L v f1  4L 3v f2  f 2  3 f1 4L 5v f3  f 3  5 f1 4L โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 112
  • 113. v nv f   l 2L ความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้อง ่ ี่ เมื่อ n = 1 การสั่ นทีเ่ กิดขึนจะมีความถี่ ้ น้ อยทีสุด เรียก ความถีมูลฐาน หรือ ่ ่ ฮาร์ มอนิกที่หนึ่ง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 113
  • 114. v f1  4L L f1 เป็ นความถีตาสุ ดทีทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง ่ ่ ่ เรียกว่ าความถีมูลฐาน หรือฮาร์ มอนิกที่ 1 ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 114
  • 115. 3v f2  f 2  3 f1 4L f2 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 2 ่ ี่ มีความถีเ่ ป็ น 3 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก ่ ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 3 และมีจานวนลูพเกิดขึน 1 ้ ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 1 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 115
  • 116. 5v f3  f 3  5 f1 4L f3 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 3 ่ ี่ มีความถีเ่ ป็ น 5 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก ่ ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 5 และมีจานวนลูพเกิดขึน 2 ้ ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 2 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 116
  • 118. L การสั่ นพ้องในท่ อปลายเปิ ด l v L f1  2 2L 2l 2v L f2  2 2L 3l 3v L f3  2 2L โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 118
  • 119. v f1  2L f1 เป็ นความถีตาสุ ดทีทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง ่ ่ ่ เรียกว่ าความถีมูลฐาน หรือฮาร์ มอนิกที่ 1 ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 119
  • 120. v f2  f 2  2 f1 L f2 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 2 ่ ี่ มีความถีเ่ ป็ น 2 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก ่ ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 2 และมีจานวนลูพเกิดขึน 1 ้ ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 1 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 120
  • 121. 3v f3  f 3  3 f1 2L f3 เป็ นความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้องครั้งที่ 3 ่ ี่ มีความถีเ่ ป็ น 3 เท่ าของความถีมูลฐานเรียก ่ ว่ าฮาร์ มอนิกที่ 3 และมีจานวนลูพเกิดขึน 2 ้ ลูพ เรียกว่ าโอเวอร์ โทนที่ 2 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 121
  • 122. ตัวอย่ างที่ 10 ในการทาให้ เกิดการสั่ นพ้อง ของเสี ยงตาสุ ดทีเ่ กิดขึนจากหลอดเรโซ- ่ ้ แนนซ์ ปลายปิ ดยาว 4 m ถ้ าเสี ยงมีอตรา ั เร็ว 320 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 122
  • 123. ตัวอย่ างที่ 11 ในการทดลองเรื่องการสั่ นพ้อง โดยใช้ ลาโพงวางทีปลายข้ างหนึ่งของหลอด ่ ส่ วนปลายอีกข้ างหนึ่งเป็ นลูกสู บซึ่งเลือนไป ่ มาได้ ปรากฎว่ าตาแหน่ งของลูกสู บทีเ่ กิดเสี ยง ดังเพิมขึนครั้งแรก และครั้งที่ 2 ห่ างกัน 10 ่ ้ cm อยากทราบว่ าความถีของเสี ยงจากลาโพง ่ มีค่ากี่ Hz ถ้ าอัตราเร็วของเสี ยงเป็ น 345 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 123
  • 124. 23.จากการทดลองการสั่ นพ้องของเสี ยง ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงมีความถี่ 4000 Hz และทาการทดลองในห้ องปรับอากาศที่ อุณหภูมิ 20 0C ตาแหน่ งของลูกสู บทีทา่ ให้ กาทอน 2 ครั้งต่ อเนื่องกัน จะห่ างกัน เท่ าไร โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 124
  • 125. 24. ถ้ าขณะนั้นอากาศมีอุณหภูมิ 15 0C ส้ อม เสี ยงอันหนึ่งมีความถี่ 680 Hz จะต้ องใช้ ท่อ ปลายปิ ดสั้ นทีสุดเท่ าไรจึงจะทาให้ เกิดการ ่ สั่ นพ้องเป็ น Harmonic ที่ 3 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 125
  • 126. 25. การทดลองหลอดเรโซแนนซ์ กบความถี่ ั 1000 Hz ปรากฏว่ าการสั่ นพ้องครั้งแรก ลูก สูบลึกจากปากท่ อ 8.5 cm การสั่ นพ้องครั้ง ทีสอง ควรอยู่ทตาแหน่ งห่ างจากปากท่ อเท่ า ่ ี่ ใด ความเร็วเสี ยงในอากาศขณะนั้นเป็ น 348 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 126
  • 127. 26. การทดลองหลอดเรโซแนนซ์ กบความถี่ ั 1000 Hz ปรากฏว่ าการสั่ นพ้องครั้งแรก และครั้งทีสอง เมือลูกสูบห่ างจากปลาย ่ ่ หลอด 8.1 และ 25.3 cm จงหาความยาวคลืนนี้่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 127
  • 128. 27. จากการทดลองเรื่องการสั่ นพ้องของเสี ยง ถ้ าใช้ แหล่ งกาเนิดเสี ยงความถี่ 500 Hz ที่ อุณหภูมิ 25 0C พบว่ าตาแหน่ งของลูกสูบ ขณะเกิดเสี ยงดังครั้งแรกและครั้งทีสองคือ ่ 0.15 m และ 0.49 m ตามลาดับ จงหาความ เร็วของเสี ยงทีอุณหภูมิ 0 ่ 0C ในหน่ วย m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 128
  • 129. 28. เมื่อนาลาโพงทีกาลังส่ งเสี ยงความถี่ 700 ่ Hz ไปจ่ อทีปลายเปิ ดของหลอดแก้ วทีมีปลาย ่ ่ อีกข้ างหนึ่งปิ ดและตั้งอยู่บนพืนราบ ถามว่ า ้ จะต้ องเติมนาลงในหลอดแก้ วกี่ cm ่ ้ 3 เพือทาให้ ได้ ยนเสี ยงดังมากกว่ าปกติออกมาจากหลอด ิ แก้ ว กาหนดให้ หลอดแก้วมีพนที่หน้ าตัด 10 cm ื้ ยาว 13 cm และความเร็วเสี ยงในอากาศ 350 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 129
  • 130. 29. ท่ อออร์ แกนปลายปิ ดยาว 30 cm จงหาความถีของโอเวอร์ โทนแรกที่ ่ อุณหภูมิ 20 0C โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 130
  • 131. 30. ต้ นกาเนิดเสี ยงผลิตความถีได้ ต้งแต่ 800 ่ ั ถึง 2000 Hz นามาวางไว้ เหนือท่ อโลหะกลวง ปลายเปิ ดทั้งสองด้ านยาว 50 cm ถ้ าความเร็ว ของเสี ยงในอากาศ 350 m/s จงหาความถีที่ ่ น้ อยทีสุดของต้ นกาเนิดเสี ยงทีจะทาให้ เกิด ่ ่ การสั่ นพ้องขึนในท่ อ ้ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 131
  • 132. บีตส์ (Beats) บีตส์ คือปรากฏการณ์ การแทรกสอด ของคลืน 2 ขบวน ทีมีแอมพลิจูดเท่ ากัน ่ ่ ความถีใกล้ เคียงกัน จะทาให้ คลืนเสริม ่ ่ และหักล้ างกัน สลับกันเป็ นช่ วง ๆ ทาให้ ได้ ยนเสี ยงดัง ค่ อย สลับกันไป ิ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 132
  • 134. พิจารณาคลืนจากแหล่ งกาเนิด 2 แหล่ ง ่ y1  A sin 1t y1  A sin 2 f1t y2  A sin 2t y2  A sin 2 f 2t โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 134
  • 135. y  y1  y2  A sin 2 f1t  A sin 2 f 2t โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 135
  • 136.  f1  f 2   f1  f 2  y  2 A cos 2  t  sin 2  t  2   2   f1  f 2  2 A cos 2  t  At  2   f1  f 2  y  At  sin 2  t  2  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 136
  • 137. สรุป 1.สมการคลืนลัพธ์ คือ ่  f1  f 2  y  At  sin 2  t  2  2. มีแอมพลิจูดเป็ น  f1  f 2  At  2 A cos 2  t  2  โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 137
  • 138. 1 รอบของคลืนแอมพลิจูด ่ 1 รอบของบีตส์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 138
  • 139. สรุป 1. ความถีบีตส์ ่ f b  f1  f 2 2. ความถีของเสี ยงทีได้ ยน ่ ่ ิ f1  f 2 f  2 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 139
  • 140. สรุป 1. ความถีบีตส์ ่ f b  f1  f 2 2. ความถีของเสี ยงทีได้ ยน ่ ่ ิ f1  f 2 f  2 โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 140
  • 141. 31. เสี ยงจากแหล่ งกาเนิด 2 แหล่ ง มีความถี่ 1,780 Hz และ 1,784 Hz เมื่อเปิ ดพร้ อมกัน ในเวลา 5 วินาที จะได้ ยนเสี ยงดังเป็ นจังหวะ ิ กีครั้ง ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 141
  • 142. 32. แหล่ งกาเนิดเสี ยง 2 แหล่ ง มีความถี่เป็ น 204 Hz และ 206 Hz ตามลาดับ ดังพร้ อมกัน ในบริเวณเดียวกัน จงหาว่ าจะเกิดความถี่ ปรากฏ และความถีบีตส์ กเี่ ฮิรตซ์ ตามลาดับ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 142
  • 143. 33. แหล่ งกาเนิดเสี ยง 2 แหล่ ง ให้ ความถี่ 650 Hz และ656 Hz ออกมาพร้ อมๆ กัน อยาก ทราบว่ า ในเวลาทุก 0.5 วินาที จะได้ ยนเสี ยง ิ ดัง-ค่ อยสลับกันไป นับจานวนทีได้ ยนเสี ยง ่ ิ ดังได้ กครั้ง ี่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 143
  • 144. 34. ถ้ าต้ องการให้ เสี ยงดังเป็ นจังหวะห่ างกัน ทุก 2.5x10 -1 s จะต้ องเคาะส้ อมเสี ยงทีมี ่ ความถี่ 500Hz พร้ อมกับส้ อมเสี ยงทีมี ่ ความถีเ่ ท่ าใด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 144
  • 145. 35. ส้ อมเสี ยง A มีความถี่ 512 Hz เมื่อเคาะ พร้ อมกับส้ อมเสี ยง B จะได้ ยนเสี ยงบีตส์ ิ 4 ครั้ง/วินาที แต่ เมื่อเอาดินนามันก้ อนเล็กๆ ้ ติดทีขาส้ อมเสี ยง B แล้ วเคาะส้ อมเสี ยงทั้ง ่ สองพร้ อมกันอีกครั้ง ปรากฏว่ าได้ ยนเสี ยง ิ บีตส์ 3 ครั้ง/วินาที เดิมส้ อมเสี ยง B มีความ ถีกเี่ ฮิรตซ์ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 145
  • 146. 36. ท่ อออร์ แกนปลายเปิ ดสองข้ าง ซึ่งยาว 240 cm และ 242 cm ให้ เสี ยงความถีมูล ่ ฐานพร้ อมกันสองท่ อ จะเกิดเสี ยงความถี่ กีครั้งในเวลา 5 วินาที ถ้ าอัตราเร็วเสี ยงใน ่ อากาศเท่ ากับ 348 m/s โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 146
  • 147. 37. ส้ อมเสี ยงจานวนหนึ่งวางเรียงกันใน ลักษณะทีความถีเ่ พิมขึนตามลาดับ ถ้ า ่ ่ ้ ส้ อมเสี ยงอันแรกมีเสี ยง C (256 Hz) และ เมือเคาะส้ อมเสี ยงแต่ ละคู่ทอยู่ถดกัน จะ ่ ี่ ั ได้ ยนเสี ยงบีตซ์ 4 Hz เมื่อส้ อมเสี ยงอัน ิ สุ ดท้ ายเป็ นเสี ยงคู่แปดของอันแรก จงหาจานวนส้ อมเสี ยงทั้งหมด โดยครู ชิตชัย โพธิ์ประภา 147
  • 148. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 148
  • 149. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ หลัง หน้ า โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 149
  • 150. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ ความยาวคลืนทางด้ านขวา ่ หรือทางด้ านทีแหล่ งกาเนิด ่ เคลือนทีไปจะสั้ นกว่ าเดิม ่ ่ และด้ านซ้ าย หรือด้ านทีเ่ คลือนออกมา ่ จะยาวกว่ าเดิม โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 150
  • 151. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ แสดงว่ าความถีของคลืนทีอยู่ ่ ่ ่ ด้ านหน้ าและด้ านหลังแตกต่ างกัน โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 151
  • 152. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 152
  • 153. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ ปรากฏการณ์ ทผู้ฟังได้ ยนเสี ยงว่ ามี ี่ ิ ความถีเ่ ปลียนไปจากความถีจริงของ ่ ่ แหล่ งกาเนิดเพราะแหล่ งกาเนิดเสี ยง เคลือนทีเ่ ราเรียกว่ า ่ ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ (Doppler Effect) โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 153
  • 154. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ ถ้ าแหล่ งกาเนิดเสี ยงอยู่นิ่ง แต่ ผู้ฟัง เคลือนทีเ่ ข้ าหาหรือเคลือนทีออกจาก ่ ่ ่ แหล่ งกาเนิดเสี ยง ผู้ฟังก็จะสามารถ ได้ ยนเสี ยงทีมีความถีต่างกันเช่ นกัน ิ ่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 154
  • 155. ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ โดยถ้ าผู้ฟังวิงเข้ าหาแหล่ งกาเนิดเสี ยง ่ ผู้ฟังจะได้ ยนเสี ยงทีมความถีสูงขึน และ ิ ่ ี ่ ้ ถ้ าวิงออกจากแหล่ งกาเนิดเสี ยงผู้ฟังจะ ่ ได้ ยนเสี ยงทีมีความถีต่าลง ิ ่ ่ โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 155
  • 156. ในกรณีทผู้ฟังอยู่นิ่ง ่ี กาหนดให้ f0 ความถีของแหล่งกาเนิด ่ f ' ความถีที่ได้ ยน ่ ิ v0 ความเร็วของเสี ยงในอากาศ vL ความเร็วของผู้ฟัง vs ความเร็วของแหล่ งกาเนิดเสี ยง โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 156
  • 157. 1. แหล่ งกาเนิดเคลือนที่ ่ ถ้ าผู้ฟังอยู่ด้านหน้ าความ B A เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ ่ ิ v0  v S จาก v  fl vo  vS f A  lA โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 157
  • 158. 1. แหล่ งกาเนิดเคลือนที่ ่ ถ้ าผู้ฟังอยู่ด้านหลังความ B A เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ ่ ิ v0  v S จาก v  fl vo  vS f B  lB โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 158
  • 159. 2. ในกรณีทผู้ฟังเคลือนที่ ี่ ่ ถ้ าผู้ฟังวิงเข้ าหา ความ ่ B A เร็วเสี ยงทีได้ ยนจะเท่ ากับ ่ ิ v0  v LA จาก v  fl vo  v LA f A  lA โดยครู ชิตชัย โพธิ์ ประภา 159