นำเสนอในหนังสือเล่มเล็ก ไข้หวัด 2009.4
- 2. เชิญชมวิธีการป้องกันตัวจากไข้หวัด2009 แบบบ้านๆ กันค่ะ (Pantip) รอมาตั้งสัปดาห์...วิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ยังไม่เห็นบอกวิธีป้องกันตัวแบบชัดๆ เลย ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มรู้จักวิธีป้องกันกันเลยนะคะ ไข้หวัด 2009 มันไม่ได้น่ากลัวขนาดที่เราต้องตื่นตระหนกกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรประมาท เพราะว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตัวอื่นที่รุนแรงกว่าตัวนี้ได้ และยังรวมไปถึงเรื่องโรคติดต่อทางเดินหายใจโรคอื่นๆ ที่ระบาดกันทุกๆ ปี ตามพื้นที่ต่างๆ อันมีส่วนมาจากการที่คนส่วนมากไม่ใส่หน้ากากอนามัยเวลาป่วย และไม่ค่อยล้างมือ ดังนั้น วันนี้ขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกี่ยวกับการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ที่จะช่วยให้คุณและสังคมรอบข้างรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคนะคะ
- 3. การแพร่เชื้อทางอากาศเกิดขึ้นได้ยังไง เวลาเราหายใจ พูด ไอ หรือจาม จะมีละอองฝอยของหยดน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเราค่ะ (Droplets) หยดน้ำเล็กเหล่านี้สามารถลอยฟุ้งไปในอากาศได้ และในระหว่างที่มันยังไม่ระเหยไป เชื้อโรคที่อยู่ในนั้นก็ยังสามารถแพร่ไปยังคนรอบข้างได้อยู่ ซึ่งระยะอันตรายคือ 1 เมตร ส่วนระยะสำหรับการจามอาจจะไกลถึง 3 เมตร ดังนั้น ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ที่เราจะหลีกเลี่ยงละอองเหล่านี้ หากมันลอยออกมาจากปากของคนที่ป่วยแล้ว
- 6. เรื่องต่อไปคือเรื่องของการล้างมือค่ะ บางคนอาจจะสงสัยว่า เชื้อหวัดมันมากับอากาศ แล้วเราจะล้างมือไปทำไม ช่วยอะไรได้หรือ คงต้องย้อนกลับไปดูที่ภาพการแพร่เชื้อทางอากาศครับ จะเห็นว่าขนาดของอนุภาคที่ออกมามีตั้งแต่เล็กไม่กี่ไมครอน ไปจนกระทั่งถึง 1,000 ไมครอน เมื่ออนุภาคลอยออกมา พวกที่เล็กมากๆ จะระเหยไปและเชื้อก็ตายไป พวกที่เล็กปานกลางลอยไปได้ประมาณ 1-3 เมตร และลอยเข้าจมูกไปได้ ส่วนพวกที่ขนาดใหญ่ๆ บางทีจะติดตามมือที่เอาไปบังปากเวลาไอ จากนั้นก็ไปจับลูกบิดประตู จับโต๊ะ ทำให้เชื้อไปเปื้อนตามพื้นผิว คนที่เดินตามมาทีหลังจับเข้าไป เชื้อก็ไปอาศัยความชื้นจากเหงื่อในมือทำให้อยู่ได้นานขึ้น สุดท้ายพอเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก หรือหยิบของเข้าปาก เชื้อโรคก็แล่นเข้าได้อย่างรวดเร็ว
- 8. คำตอบอยู่ในภาพค่ะ ชายพิการคนนั้นมีการตรวจพบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อโรคดื้อยาอยู่ในช่องจมูก และเมื่อเอามือเจ้าหน้าที่ที่ตรวจหน้าท้องไปป้ายเจลเพาะเชื้อ ก็พบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อดื้อยาอยู่จริงๆ ดังนั้น หวัด...แม้ว่าจะเป็นไวรัสซึ่งแตกต่างจาก MRSA แต่ว่ามันก็มีความเสี่ยงที่จะติดได้ค่ะ ที่สำคัญ...ที่เราเน้นกัน เราไม่ได้ป้องกันแต่หวัดอย่างเดียว เราต้องการป้องกันโรคอื่นๆ ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งการล้างมือนั้นช่วยได้
- 10. การล้างมือ 6 ขั้นตอน การล้างมือ 6 ขั้นตอน เป็นวิธีที่ทางรู้มาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล รายละเอียด คือ กระทรวงสาธาณสุข วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนล้างมือให้ครบ 6 ขั้นตอน เพื่อลดการติดเชื้อ วิธีจำการล้างมือ 6 ขั้นตอน แบบใหม่ง่ายมากๆ * หน้ามือ 2 ถูฝ่ามือซอกนิ้ว ปลายนิ้ว และลายเส้น * หลังมือ 2 ถูหลังมือ ซอกนิ้ว เน้นข้อต่างๆ * หมุน 2 หมุนหัวแม่มือ และข้อมือ อย่างเบาบาง
- 11. สรุปแล้วมาตรการแบบบ้านๆ ในการป้องกันเชื้อหวัดและเชื้อโรคที่มากับอากาศ มีดังนี้... 1. ไอ จามใส่ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ (ใช้แล้วทิ้งให้เป็นที่) 2. ถ้าไม่มีจริงๆ ให้ไอ จามใส่ข้อพับแขน 3. ถ้ามีหน้ากากอนามัย ก็ให้คนที่ไอใส่ 4. ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือ น้ำ + สบู่ โดยล้างตามขั้นตอนทั้ง 6 ง่ายแค่นี้เองค่ะ ความจริงแล้วเรื่องการรณรงค์การรักษาสุขอนามัย ในการล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัยนี้ ได้มีมานานแล้วค่ะ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้ติดป้ายรณรงค์การล้างมือและวิธีล้างมือไว้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ นำข่าวไปลงว่าที่คนป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดตายในโรงพยาบาลกันมาก เพราะหมอไม่ยอมล้างมือ ?!? แล้วข่าวก็เงียบหายไป
- 12. เมื่อหลายปีก่อน "นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์" (ที่รักษา บิ๊กD2B) ได้รณรงค์เรื่องการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัยในผู้ที่เป็นหวัด และก็เช่นเดิม คือขนาดทำเป็นโครงการมีนักร้องมาประชาสัมพันธ์ สุดท้ายก็เหมือนเดิม ช่วงไข้หวัด SARS ไข้หวัดนก การประชาสัมพันธ์ทางพื้นที่ข่าวทำให้มันกลายเป็นโรคที่รุนแรงน่ากลัว จนคนป่วยหลายคนก็ไม่ยอมใส่หน้ากากเพราะกลัวถูกรังเกียจ มาครั้งนี้ไข้หวัด 2009 จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมาเริ่มต้นกัน ล้างมือให้สะอาด ใส่หน้ากากอนามัยกันเถอะค่ะ