พรบ
- 4. มาตรา ๓
ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์
ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำาหนดคำาสั่ง ชุดคำา
สั่ง หรือสิ่งอืนใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำาหน้าที่
่
ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำาสั่ง ชุดคำาสั่ง หรือสิ่งอืน
่
ใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผล
ได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม
ทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกียวกับการติดต่อสื่อสาร
่
ของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง
เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกียวข้องกับการ
่
ติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกัน
โดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ
ในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้
บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระ
- 8. มาตรา ๖
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบ
คอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำาขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำา
มาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการ
ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินหนึงปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่น
่
บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
- 10. มาตรา ๘
ผู้ใดกระทำาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการ
ทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบ
คอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้
เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้
ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
- 11. มาตรา ๙
ผู้ใดทำาให้เสียหาย ทำาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง
หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวาง
โทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึงแสน
่
บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
- 12. มาตรา ๑๐
ผู้ใดกระทำาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การ
ทำางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ
ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำางาน
ตามปกติได้ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกินหนึงแสนบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
่
- 13. มาตรา ๑๑
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์แก่บคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอม
ุ
แปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อัน
เป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคล
อื่นโดยปกติสข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึง
ุ ่
แสนบาท
- 14. มาตรา ๑๒
ถ้าการกระทำาความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่วาความเสีย
่
หายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่วาจะ่
เกิดขึนพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสิบปี
้
และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
ต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับ
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความ
ปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของ
ประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำาต่อ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อ
ประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปีถง ึ
สิบห้าปี และปรับตังแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
้
ถ้าการกระทำาความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผอื่นถึงแก่
ู้
- 16. มาตรา ๑๔
ผูใดกระทำาความผิดทีระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน
้ ่
ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึงแสนบาท หรือทั้งจำาทังปรับ
่ ้
(๑) นำาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่า
ทังหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย
้
ประการทีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผอื่นหรือประชาชน
่ ู้
(๒) นำาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่นาจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
่
หรือก่อให้เกิดความตืนตระหนกแก่ประชาชน
่
(๓) นำาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็น
ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกียว ่
กับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มี
ลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นนประชาชนทัวไปอาจเข้า
ั้ ่
ถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น
- 18. มาตรา ๑๖
ผูใดนำาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้า
้
ถึงได้ซงข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อน
ึ่ ื่
และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม
หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่น
ใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำาให้ผอื่นนั้นเสียชือเสียง
ู้ ่
ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้อง
ระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ ถ้าการกระทำา
ตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดย
สุจริต ผูกระทำาไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็น
้
ความผิดอันยอมความได้ ถ้าผูเสียหายในความผิดตาม
้
วรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คูสมรส ่
- 19. มาตรา ๑๗
ผู้ใดกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตินนอกราช
ี้
อาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำาความผิดนันเป็นคนไทย และรัฐบาล
้
แห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้
ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำาความผิดนันเป็นคนต่างด้าว และ
้
รัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสีย
หายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
- 21. มาตรา ๑๘
ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควร
เชื่อได้ว่ามีการกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าทีมีอำานาจอย่าง
่
หนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะทีจำาเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับ
่
การกระทำาความผิดและหาตัวผู้กระทำาความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำาความผิดตามพระราช
บัญญัตนี้มาเพื่อให้ถ้อยคำา ส่งคำาชีแจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐาน
ิ ้
อื่นใดทีอยู่ในรูปแบบทีสามารถเข้าใจได้
่ ่
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกียวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบ
่
คอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นทีเกี่ยวข้อง
่
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ตองเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่
้
ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำาสำาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มี
เหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตนี้ ในกรณีทระบบ
ิ ี่
คอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บคคลซึงครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ทใช้เก็บข้อมูล
ุ ่ ี่
คอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรือ
อาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำาความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำาความผิด
และสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่
จำาเป็นให้ดวยก็ได้
้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลทีเกี่ยวข้องกับการ
่
เข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำาการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงาน
- 22. มาตรา ๑๙
การใช้อำานาจของพนักงานเจ้าหน้าทีตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
่
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าทียื่นคำาร้องต่อศาลที่มีเขตอำานาจเพื่อมีคำาสั่งอนุญาตให้พนักงาน
่
เจ้าหน้าที่ดำาเนินการตามคำาร้อง ทั้งนี้ คำาร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำา
หรือกำาลังจะกระทำาการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุทต้อง ี่
ใช้อำานาจ ลักษณะของการกระทำาความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ทใช้ในการกระ ี่
ทำาความผิดและผู้กระทำาความผิด เท่าทีสามารถจะระบุได้ ประกอบคำาร้องด้วยในการ
่
พิจารณาคำาร้องให้ศาลพิจารณาคำาร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำาสั่งอนุญาตแล้ว ก่อน
ดำาเนินการตามคำาสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำาเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่
ทำาให้ต้องใช้อำานาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้
ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าทีส่งมอบสำาเนาบันทึกนั้นให้แก่
่
เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีทกระทำาได้ให้พนักงานเจ้าหน้าทีผู้เป็นหัวหน้าในการดำาเนิน
ี่ ่
การตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำาเนาบันทึกรายละเอียดการดำาเนินการและเหตุผลแห่งการดำาเนินการให้ศาลทีมี ่
เขตอำานาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำาเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำา
สำาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้
ว่ามีการกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตนี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำาเนินกิจการ
ิ
ของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำาเป็น การยึดหรืออายัด
ตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำาเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้
เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าทีจะ ่
สั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำาเป็นทีต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้
่
ยื่นคำาร้องต่อศาลทีมีเขตอำานาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้
่
- 23. มาตรา ๒๐
ในกรณีที่การกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตนี้ ิ
เป็นการทำาให้แพร่หลายซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจ
่
กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่
กำาหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่ง
ประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบ
เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้า
หน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำาร้อง
พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำานาจขอให้มี
คำาสั่งระงับการทำาให้แพร่หลายซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น
่
ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำาสั่งให้ระงับการทำาให้แพร่หลายซึง ่
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ทำาการระงับการทำาให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้
- 24. มาตรา ๒๑
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด
มีชดคำาสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ดวย พนักงานเจ้าหน้าที่
ุ ้
อาจยื่นคำาร้องต่อศาลที่มีเขตอำานาจเพื่อขอให้มีคำาสั่งห้าม
จำาหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำาลายหรือแก้ไข
ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำาหนดเงื่อนไขในการใช้
มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชดคำาสั่งไม่พึงประสงค์ดัง
ุ
กล่าวก็ได้ชดคำาสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึง
ุ
ชุดคำาสั่งที่มีผลทำาให้ขอมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ
้
คอมพิวเตอร์หรือชุดคำาสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูก
ทำาลาย ถูกแก้ไขเปลียนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือ
่
ปฏิบัตงานไม่ตรงตามคำาสั่งที่กำาหนดไว้ หรือโดยประการ
ิ
- 25. มาตรา ๒๒
ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘
ให้แก่บคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บงคับกับ
ุ ั
การกระทำาเพื่อประโยชน์ในการดำาเนินคดีกับผู้
กระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อ
ประโยชน์ในการดำาเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่
เกี่ยวกับการใช้อำานาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำาตามคำาสั่งหรือที่ได้
รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืน
วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสามปี หรือ
- 27. มาตรา ๒๔
ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงาน
เจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูล
นั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสอง
ปี หรือปรับไม่เกินสีหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
่
- 28. มาตรา ๒๕
ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระ
ราชบัญญัตนี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ิ
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบ
พยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการ
จูงใจมีคำามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิ
ชอบประการอื่น
- 29. มาตรา ๒๖
ผูให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้
้
ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ขอมูลนั้นเข้าสู่ระบบ
้
คอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่ง
ให้ผให้บริการผูใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ู้ ้
ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะ
รายและเฉพาะคราวก็ได้ ผูให้บริการจะต้องเก็บรักษา
้
ข้อมูลของผูใช้บริการเท่าที่จำาเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้
้
ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็น
เวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
ความในวรรคหนึ่งจะใช้กบผูให้บริการประเภทใด อย่างไร
ั ้
และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจา
นุเบกษา
- 32. มาตรา ๒๙
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตนี้ ให้พนักงานเจ้า
ิ
หน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำารวจชันผูใหญ่ตาม
้ ้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำานาจรับคำา
ร้องทุกข์หรือรับคำากล่าวโทษ และมีอำานาจในการสืบสวน
สอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ
ควบคุม ค้น การทำาสำานวนสอบสวนและดำาเนินคดีผู้
กระทำาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำานาจ
ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำารวจชันผู้ใหญ่ หรือ
้
พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงาน
สอบสวนผู้รบผิดชอบเพื่อดำาเนินการตามอำานาจหน้าที่ต่อ
ั
ไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผูกำากับดูแลสำานักงานตำารวจ
้
- 33. มาตรา ๓๐
ในการปฏิบติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ตองแสดง
ั ้
บัตรประจำาตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำาตัว
ของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่
รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา