Contenu connexe
Plus de ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
Plus de ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา (20)
คำพิพากษาคดีอาญา รพ.สมุยอินเตอร์
- 1. 1
(จัดพิมพขึ้นเนื่องจากเอกสารที่ไดรับจากแฟกซไมชัดเจน)
ศาลจังหวัดสุราษฎรธานี (เกาะสมุย)
คดีหมายเลขดําที่ 28/2546
คดีหมายเลขแดงที่ 666/2549
พิพากษาวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
ความอาญา
นายประโยชน ขวยเจริญ .......................................................................................โจทก
นายชวลิต วงศสิทธิผล ที่ 1
นายศักดา เบญจศีล ที่ 2
นางสาวนงลักษณ ทองนาเหนือ ที่ 3
นางสาวสุกญญา หรือกัลยา แกวดิน ที่ 4
ั
โรงพยาบาลสมุยอินเตอรเนชั่นแนล จํากัด ที่ 5 ...........................................................จําเลย
เรื่อง ความผิดตอชีวิต ประมาท
โจทกฟองวา ระหวางวันที่ ๒๓ ถึง ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๕ เวลากลางวันและกลางคืน
ตอเนื่องกัน จําเลยทั้งหากระทําความผิดตางกรรมตางวาระกัน กลาวคือ เมือวันที่ ๒๓ สิงหาคม
่
๒๕๔๕ เวลากลางคืนหลังเที่ยง นางพรรณรายหรืออรัญญา ขวยเจริญ ผูตายซึ่งเปนภรรยาชอบ
ดวยกฎหมายของโจทกเจ็บปวย ปวดศีรษะไดเขาตรวจรักษาอาการเจ็บปวย ที่โรงพยาบาลของ
จําเลยที่ ๕ ณ หอง ๑๑๐ โดยมีจําเลยที่ ๑ ซึ่งเปนแพทยประจําโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ เปน
แพทยเจาของไข จําเลยที่ ๑ มีหนาที่จะตองรักษา โดยการตรวจรางกาย วินิจฉัยโรคเพือหาสาเหตุ
่
แหงการเจ็บปวย และรักษาไขเจ็บปวย ใหหายเปนปกติตามหนาที่วิชาชีพของแพทยอนพึงมีตาม
ั
วิสัยและพฤติการณ แตจําเลยที่ ๑ ประมาทปราศจากความระมัดระวังอยางเชนผูประกอบวิชาชีพ
ั
ของแพทย ซึงจะตองมีความระมัดระวังในภาวะเชนนั้นตามวิสยและพฤติการณ ทั้งนี้ตั้งแตผูตาย
่
- 2. 2
เขาพักรักษาในโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ ยังเจ็บปวยไมหายจนถึงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๕
เวลากลางคืนหลังเที่ยง จําเลยที่ ๒ ซึงเปนแพทยศัลยกรรมไมใชแพทยเจาของไข จําเลยที่ ๒ไมได
่
มาตรวจอาการเจ็บปวยหรือตรวจรางกายผูตายกอนที่จะกระทําการรักษา จําเลยที่ ๒ จึงสั่งให
จําเลยที่ ๓ ซึงทําหนาทีเ่ ปนพยาบาลประจําอยูโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ ฉีดยาที่ผิดประเภทเขาสู
่
รางกายของผูตาย จนเปนเหตุใหผูตายมีอาการช็อคและชักกระตุก ตาคางเมื่อผูตายมีอาการ
ดังกลาวไดแจงใหจําเลยที่ ๑ ซึ่งเปนแพทยเจาของไขมาตรวจดูอาการแตจําเลยที่๑ กลับเพิกเฉย
จนกระทั่งในเวลาตอมาจําเลยที่ ๒ ประมาทปราศจากความระมัดระวังอยางเยี่ยงบุคคลประกอบ
วิชาชีพแพทย สั่งใหจําเลยที่ ๔ ซึ่งเปนพยาบาลประจําโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ ฉีดยาวาเลี่ยม
เขาสูรางกายผูตาย โดยที่จําเลยที่ ๒ มิไดมาตรวจดูอาการของผูตายกอนแตอยางใดอีก จนเปนเหตุ
ใหผูตายเกิดอาการภาวะหัวใจและหัวใจลมเหลวเฉียบพลันถึงแกความตาย จากการทีจําเลยที่ ๑ ที่
่
๒ เปนแพทยเปนผูมหนาที่รักษาผูตาย ตองใชความระมัดระวังในการรักษาอาการเจ็บปวยของ
ี
ผูตายอยางวิชาชีพแพทย แตจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ ทําการรักษาอาการเจ็บปวยของผูตายโดยมิไดทํา
การวินิจฉัยโรคกอนไมไดมาตรวจหรือดูอาการผูตายหรือละเลยไมมาดูอาการของผูตายในขณะพัก
รักษาตัวอยูโรงพยาบาล อันเปนความประมาทซึ่งแพทยจะตองมีตามวิสัยและพฤติการณไมกระทํา
เชนนัน การที่จําเลยนั้นประมาทเปนเหตุใหผูตายถึงแกความตาย จําเลยที่ ๕ ซึ่งเปนนายจางยอม
้
รับโทษดวย เหตุเกิดที่ตําบลบอผุด อําเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎรธานีขอใหลงโทษตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา๘๓, ๒๙๑, ๓๐๗, ๓๐๘
ศาลไตสวนมูลฟองแลว คดีมีมูลใหประทับฟองไวพิจารณา
จําเลยทั้งหาใหการปฏิเสธ
พิเคราะหพยานหลักฐานจําเลยโดยตลอดแลว ขอเท็จจริงรับฟงไดในเบื้องตนวา โจทกกับ
ผูตายเปนสามีภรรยาชอบดวยกฎหมาย ตามหลักฐานใบสําคัญการสมรสและหนังสือสําคัญการ
เปลี่ยนชื่อ เอกสารหมาย จ. ๑ และ จ. ๒ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๕ เวลาประมาณ ๒๐
นาฬิกา ผูตายเจ็บปวยปวดศีรษะอยางมาก ในขณะที่โจทกไมอยู ไดมีนายสนธยา ธนาวุฒิ ขับรถ
พาผูตายไปสงโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ โดยนางสาวกุหลาบ เอียดใส ไปคอยดูแลรับใช ใน
เบื้องตนนายสุพจน ทวีถาวรสวัสดิ์ แพทยผูตรวจรับคนไขไว วินิจฉัยโรคผูตายมีอาการปวดศีรษะ
ใหพักที่โรงพยาบาล เพื่อดูอาการที่หอง ๑๑๐ ซึงจําเลยที่ ๑ เปนแพทยเจาของไข โดยจําเลยที่ ๒
่
- 3. 3
เปนแพทยผรักษาอาการเจ็บปวยของผูตายนี้อีกตนหนึ่ง สวนจําเลยที่ ๓ และที่ ๔ ทําหนาที่เปน
ู
พยาบาลดูแลและรักษาคนไขหรือที่เจ็บปวยเขาโรงพยาบาลของจําเลยที่ ๕ ในการนี้จาเลยที่ ๑ ถึง
ํ
ที่ ๔กระทําในทางการที่จางของจําเลยที่ ๕ ซึ่งฐานะเปนนิติบคคล รายละเอียดในการตรวจรักษา
ุ
อาการเจ็บปวยของผูตาย จําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ไดทาเอกสารเวชระเบียนผูปวยการรักษาและวิธีการ
ํ
รักษาพรอมทั้งการใหยาแตละวันหรือแตละครั้ง สําเนาเอกสารหมาย จ. ๑๓ และ ล. ๖ ถึง ล. ๑๖
จากการรักษาดังกลาวเปนเหตุใหผูตายถึงแกความตายตามหนังสือรับรองการตายของจําเลยที่ ๕
และใบมรณบัตร เอกสารหมาย จ. ๙ และจ.๑๐ โจทกซึ่งเปนสามีชอบดวยกฎหมายจึงเปน
ผูเสียหายมีอํานาจฟองจําเลยทั้งหา ประเด็นตองวินิจฉัยมีวาจําเลยทั้งหากระทําความผิดตามฟอง
หรือไม การวินิจฉัยวาจําเลยแตละคนกระทําผิดหรือไม จะตองฟงพยานหลักฐานที่จําเลยแตละคน
ทําขึ้นในการปฏิบัติหนาทีในการรักษาอาการเจ็บปวยของผูตาย ซึ่งพยานหลักฐานดังกลาวไดแก
่
เวชระเบียนผูปวย เอกสารหมาย ล. ๖ รายงานอุณหภูมิ ชีพจร หายใจ เอกสารหมาย ล. ๗ ผล
ปฏิบัติการเอกสารหมาย ล. ๘ รายการรักษาหรือการใหยาแกผูตาย เอกสารหมาย ล. ๙ รายงาน
ตรวจรักษา เอกสารหมาย ล. ๑๑, ล. ๑๓ และใบรายงานอาการคนไขเอกสารหมาย ล. ๑๕, ล.
๑๖ อันเปนพยานหลักฐานสําคัญในคดี (ซึ่งตรงกับสําเนาหมาย จ. ๑๓ )ประกอบกับคําเบิกความ
ของจําเลยแตละปากแตละคนทีเ่ บิกความยืนยันตอศาลถึงวิธีการรักษาอาการเจ็บปวยของผูตาย
จึงจะไดความจริงวา จําเลยคนใดประมาท เนื่องจากพยานหลักฐานอันสําคัญแหงคดีขึ้นอยูกับ
กระทําของจําเลยอันเปนผูประกอบวิชาชีพของแพทย และพยาบาล ซึ่งพยานของโจทกเปนเพียง
บุคคลธรรมดามิใชผูมีวิชาชีพอยางเชนจําเลย ดังนั้นเพื่อความถูกตองและเปนธรรม จึงฟง
พยานหลักฐานในทางที่เปนกลางและ หรือเปนพยานรวมกันของคูความตามสํานวนเอกสารหมาย
จ. ๑๓, ล. ๖, ล. ๗, ล. ๙, ล. ๑๑, ล. ๑๓, ล. ๑๕ และ ล. ๑๖ ในความประเด็นนี้ไดความจาก
จําเลยที่ ๒ เบิกความยืนยันวา ขณะที่พยานปฏิบติหนาที่แพทยเวรในวันที่ ๒๔ เวลาประมาณ ๒๔
ั
นาฬิกา ผูตายมีอาการปวดศีรษะทางพยาบาลโทรศัพทขอคําปรึกษา พยานจึงดูรายการรักษาทาง
เวชระเบียนโดยมิไดไปดูอาการเจ็บปวยของผูตาย จึงเจือสมกับทางนําสืบของโจทกทนางสาว
ี่
กุหลาบเบิกความไวตอศาลและจําเลยที่ ๒ ยังใหการอีกวา พบวากอนหนานี้จําเลยที่ ๑ ไดใชยา
แพทิดิน (pethidin) อันเปนยาแกปวดชนิดแรง มีลักษณะเปนยาเสพติด โดยวิธีฉดเขาเสน
ี
้
ใหแกผูตายมาแลว ๓ ครั้ง หรือทุก ๔ ชั่วโมง ครังละ ๕๐ มิลลิกรัม ซึ่งยาดังกลาวจําเลยที่ ๒ ยังเบิก
ความตอบคําถามคานทนายโจทกวา มีฤทธิ์กระตุนหัวใจ แตโดยหลักแลวจะกดระบบการหายใจ
- 4. 4
มากกวา และความในขอนี้จําเลยที่ ๒ ยังเบิกความวา เมื่อไดรับแจงเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่อง
การใหยาแกผูตายจากพยาบาลแลว จึงใหความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เนื่องจากเห็นวายาแพทิ
ดิน (pethidin)เปนยาเสพติด อาจมีผลขางเคียงตอผูตาย ตองเอาใจใสดูแล แตกลับไดความ
วาจําเลยที่ ๒ ไมเคยไปดูและอาการเจ็บปวยของผูตายแตอยางใด อันผิดวิสัยของแพทยที่จะตอง
่
กระทําเพื่อใหผูปวยหรือมีชีวิตรอดอยู จากการทีจําเลยที่ ๒ ไมไปดูอาการเจ็บปวย ดวยตนเองอัน
ผิดหนาที่ของแพทยแลว ยังกลับสั่งยาทรามอล ซึงเปนยาแกปวดที่ใหความรุนแรงนอยกวาฉีดเขา
่
เสนและเวลาตอมาสั่งใหฉีดยาแวเลี่ยม อันเปนยานอนหลับหรือยาสงบประสาทเขาเสนใหแกผูตาย
อีก จึงนับวาจําเลยที่ ๒ กระทําผิดวิสยของแพทยที่มีหนาที่ดูแลรักษาผูปวยที่อยูในความดูแลของ
ั
ตนจึงเปนการกระทําโดยประมาทจริงตามฟอง
สวนจําเลยที่ ๑ นันไดความจากจําเลยที่ ๒ เบิกความยืนยันตอศาลวายาแพทิดิน(pethidin)
้
นั้นเปนยาแกปวดชนิดรุนแรงและมีลกษณะเปนยาเสพติด ออกฤทธิ์กระตุนหัวใจ โดยหลักแลวจะ
ั
กดระบบการหายใจ ซึ่งหากจําเลยที่ ๑ ใชความระวังอยางเยียงแพทยผูมวิชาชีพซึ่งมีความรู ความ
่
ี
ชํานาญในเรื่องยาและวิธรักษาหรือการใชยาแลว ยอมรูทันทีวา เมื่อใหยาครั้งแรก ๕๐ มิลิกรัม
ี
ภายใน ๔ ชัวโมงไมหายปวดศีรษะหรือใหยานอนหลับ โคมิคุม ๕ มิลลิกรัม โดยฉีดเขาเสนแลวไม
่
หายปวดศีรษะหรือไมหายเครียดแพทยจะตองรูมีขอผิดสังเกตรูไดทันทีวา ผูปวยหรือผูตายมิไดมี
อาการปวดศีรษะอยางธรรมดาหรือเปนโรคเครียดแตอยางใดก็ได จําเลยที่ ๑ ในฐานะแพทย
เจาของไขจะตองหาวิธีรักษาและวินิจฉัยโรคมากกวาสั่งใหพยาบาลฉีดยาหรือใหยาแกผูตายเปน
ระยะ ๆ ตามกําหนดเวลา และหรือนํายามาใหผูตายรับประทานตามรายการเอกสารหมาย ล. ๙
หรือ จ. ๑๓ การกระทําของจําเลยที่ ๑ จึงนับวา ประมาทมิไดใชความระมัดระวังอยางวิสัยแพทย
เจาของไขตามสมควรแกพฤติการณ ซึ่งแพทยทั่ว ๆ ไป ยอมทราบเปนอยางดีวาผูปวยหากปวด
ศีรษะธรรมดา ยอมรับประทานยาหรือฉีดยาแกปวดเขาเสน อาการดังกลาวยอมหายไป แตกลับได
ความจากรายการฉีดยาเขาเสนหรือทางสายน้ําเกลือ หมาย ล. ๙ และการใหยารับประทานตาม
หมาย ล. ๙ ดังกลาว ปปริมาณมากเกินพอที่ผูปวยซึ่งปวดศีรษะธรรมดาจะรับไดอันเปน
พยานหลักฐาน อันสําคัญที่ผูกมัดจําเลยและเจือสมกับทางนําสืบของโจทก อนึ่งจากคําเบิกความ
ของจําเลยที่ ๑ ที่ ๒ นั้น วางแนวทางรักษาอาการปวดศีรษะเนืองจากความเครียดของผูตายเพียง
่
อยางเดียว นาจะขัดกับใบรายงานอาการคนไขเอกสารหมาย ล. ๑๕ ซึ่งตรงกับสําเนาหมาย จ. ๑๓
ที่ทางฝายจําเลยทําขึน ระบุอาการของผูตายตั้งแตวันที่ ๒๓ จนกระทั่งวันที่ ๒๔ ไมมีอาการดีขึ้น
้
- 5. 5
เพียงแตทเุ ลาอาการเจ็บปวยลงเนื่องจากฤทธิ์ยาเทานั้น เมื่อจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิไดหาสาเหตุแหง
การเจ็บปวยหรือเหตุแหงการปวดศีรษะอยางรุนแรงจากหนาฝากทะลุทายทอย จึงนับวาจําเลยที่ ๑
ที่ ๒ มิใชความระมัดระวังในการรักษาผูปวยอยางวิชาชีพอันแพทยทั่วไปพึงมีตามวิสัยและ
พฤติการณเชนนั้น จําเลยที่ ๑ ที่ ๒จึงกระทําผิดตามฟอง ประเด็นตองวินิจฉัยตอไปวา จําเลยที่ ๓
และที่ ๔ กระทําผิดตามฟองหรือไม เมื่อจําเลยที่ ๓ และที่ ๔ เปนเพียงพยาบาลมีหนาที่ดูแลผูปวย
เปนผูตรวจสภาพปกติทั่วไปและสัญญาณชีพของผูปวยที่พักรักษาอยูในโรงพยาบาลจําเลยที่ ๕
เพื่อประโยชนในการวินิจฉัยรักษาอาการของแพทยและเพื่อประโยชนในการรักษาพยาบาลรวมทั้ง
วิธีการใหยาแกผูปวยตามหลักวิชาการทางพยาบาลและตามคําสั่งของแพทย โดยเฉพาะในสวน
ของจําเลยที่ ๓ นั้น จากใบรายงานอาการคนไขเอกสารหมาย ล. ๑๕ หรือสําเนาหมาย จ. ๑๓
ประกอบกับคําพยานของโจทกแลว ไมมีพยานหลักฐานใดที่ยืนยันแนชัดไดวาจําเลยที่ ๓ มีสวน
ประมาทหรือขาดความระมัดระวังในหนาที่ คงมีแตนางสาวกุหลาบ เบิกความยืนยันวาเวลา
ประมาณ ๕ นาฬิกา ของวันที่ ๒๕ ขณะพยานนอนหลับไดยนเสียงของจําเลยที่ ๓ ที่ ๔ เขามาที่
ิ
หองเกิดเหตุพรอมรองโวยวายวาผูตายถึงแกความตายเทานัน เมื่อจําเลยที่ ๓ ออกเวรหรือพน
้
หนาที่ไปแลว เพียงเทานียังฟงไมไดวากระทําโดยประมาท สวนจําเลยที่ ๔ นั้นอางตนเองเปนพยาน
้
เบิกความยืนยันวาหลังจากพยานรับมอบเวรแลว เวลาประมาณ ๒ นาฬิกา ไปตรวจรักษาผูตายอีก
ครั้งหนึ่งโดยตรวจวัดสัญญาณชีพ ประกอบดวยอัตราการหายใจ การเตาของชีพจร การไหลเวียน
ของน้ําเกลือพบวาปกติและในเวลา ๓ นาฬิกาก็ไปตรวจผูตายอีกครั้งพบวาผูตายนอนหลับหันหลัง
ใหทางประตูออกจึงไมไปตรวจชีพจร แตตรวจการนับหายใจอยางเดียว ซึ่งไมตรงกับใบรายงาน
อาการคนไขที่ระบุวาเวลา ๒ นาฬิกาของวันที่ ๒๕ ผูตายมีอาการกระสับกระสายนี้นางสาวกุหลาบ
พยานโจทกก็ใหการยืนยันไว จึงทําใหคําเบิกความของจําเลยที่ ๔ นั้นขัดกับใบรายงานอาการคนไข
ไมนาเชื่อถือ เชื่อวาใบรายงานคนไขนนทําขึ้นตรงความจริงในการปฏิบัติหนาที่ของจําเลยที่ ๔ เมื่อ
ั้
จําเลยที่ ๔ พบวาผูตายมีอาการกระสับกระสาย โดยวิชาชีพพยาบาลยอมรูทันทีวากอนหนานี้
ผูตายเจ็บปวยมีอาการเชนไรและไดรบยาอะไรเขาสูรางกายไปบาง เมื่อเห็นผิดปกติเชนนี้ตาม
ั
วิชาชีพพยาบาลจะตองแจงใหแพทยเจาของไขหรือผูบริหารของจําเลยที่ ๕ ทราบทันทีเพื่อหาทาง
รักษาหรือเยียวยาใหถูกตอง แตปรากฏวาจําเลยที่ ๔ ไมไดแจงใหผูมีอํานาจหรือแพทยเจาของไข
ิ
ทราบจึงถือไดวาจําเลยที่ ๔ มิไดใชความระมัดระวังอยางเชนพยาบาลผูมีวชาชีพอันพึงมีตามวิสัย
และพฤติการณจําเลยที่ ๔ จึงมีความผิดตามฟอง
- 6. 6
อนึ่ง การที่ทางฝายจําเลยตองการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาเหตุแหงการตายก็เปน คนละขันตอนกับ
้
หนาที่ของจําเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ ในขณะที่ผูตายยังเจ็บปวยอยูในความดูแลของจําเลย แมจะหา
สาเหตุแหงการตายไดก็ไมอาจปฏิเสธหนาที่ของแพทยและพยาบาลไดตามพฤติการณแหงคดีเปน
เรื่อง ๆ ไป
สําหรับจําเลยที่ ๕ นันเปนนิติบุคคล โจทกมิไดนําสืบหรือนําพยานหลักฐานใดยืนยันวาจําเลยที่ ๕
้
มีสวนประมาทเพียงใดหรือใชวิธีการอยางใด เพียงแตจําเลยที่ ๕ เปนนายจางของจําเลยที่ ๑ ถึงที่
๔ เทานัน ซึ่งเรื่องที่จะตองไปวากลาวความผิดรับผิดในทางแพง จําเลยที่ ๕ จึงไมจําตองรับโทษ
้
ในทางอาญา
อนึ่ง สวนที่โจทกฟองขอใหลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๗, ๓๐๘ ฐานทอดทิ้ง
คนปวยเจ็บจนเปนเหตุใหผูตายถึงแกความตายนั้น โจทกจะตองนําสืบใหศาลเห็นวา จําเลยมี
เจตนาจงใจทอดทิ้งอยางไร เมื่อโจทกไมนําพยานมาสืบทําใหพยานหลักฐานของโจทกในขอหานี้ไม
มีน้ําหนักรับฟง คดีไมจําตองวินิจฉัยพยานหลักฐานของจําเลยอีกตอไป ทั้งความผิดฐานประมาท
เปนเหตุใหผอื่นถึงแกความตายโดยสภาพของการกระทําผิดไมอาจมีตัวการรวมกระทําความผิดได
ู
พิพากษาวา จําเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๑ ฐาน
ประมาทเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตาย จําคุกจําเลยที่ ๑ ที่ ๒ คนละ ๔ ป เมื่อพิเคราะหความรับ
ผิดของจําเลยที่ ๔ ซึ่งนอยกวาจําเลยที่ ๑ ที่ ๒ จึงใหจําคุกจําเลยที่ ๔ มีกําหนด ๑ ป ขอหาอื่น
นอกจากนี้ใหยก สวนที่ ๓ และที่ ๕ ใหยกฟอง
_________