SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  40
ใบงานที่ 6
เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
จัดทำโดย
นำงสำวนิรำภรณ์ พัวศิริ เลขที่ 8
นำงสำววริศรำ อัมพะเศวต เลขที่ 15
มัธยมศึกษำปีที่ 6/3
เสนอ
คุณครู นำงเขื่อนทอง มูลวรรณ์
โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย
ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำปีที่ 2557
ความหมายโครงงาน
ประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ควำมหมำย
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงำนที่ใช้คอมพิวเตอร์ในกำรจำลองกำรทดลองของ
สำขำต่ำงๆ ซึ่งเป็นงำนที่ไม่สำมำรถทดลองด้วยสถำนกำรณ์จริงได้เช่น กำรจุดระเบิด เป็นต้น และเป็น
โครงงำนที่ผู้ทำต้องศึกษำรวบรวมควำมรู้ หลักกำร ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่ำงๆ อย่ำงลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องกำร
ศึกษำแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักกำร ซึ่งอำจอยู่ในรูปของสูตร สมกำร หรือคำอธิบำย พร้อมทั้ง
กำรจำลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมำเป็นภำพ ภำพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตำมสูตรหรือสมกำรนั้น ซึ่งจะ
ทำให้ผู้เรียนมีควำมเข้ำใจได้ดียิ่งขึ้น กำรทำโครงงำนประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่ผู้ทำต้องมีควำมรู้ในเรื่องนั้นๆ
เป็นอย่ำงดี ตัวอย่ำงโครงงำนจำลองทฤษฎี เช่น กำรทดลองเรื่องกำรไหลของของเหลว กำรทดลองเรื่อง
พฤติกรรมของปลำปิรันย่ำ และกำรทดลองเรื่องกำรมองเห็นวัตถุแบบสำมมิติ เป็นต้น
ตัวอย่าง
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
เลขทะเบียน คง 2543 ต002
โรงเรียน โรงเรียนจิรประวัติวิทยำคม อำเภอเมือง นครสวรรค์ 2543
เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะกำรประกวดรำงวัลที่ 2 กำหนดหัวข้อ ภำคเหนือตอนล่ำง
ชื่อเรื่อง A MAGIC SWITCH
จานวนหน้า 23 หน้ำ ภำพประกอบ
สาระสังเขป โครงงำนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้ำงสวิทซ์ไฟฟ้ำที่สำมำรถเปิดปิดไฟได้โดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีคนอยู่
อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ เครื่องวัดระดับเสียง วงจรสวิทซ์แสง วิธีดำเนินกำรทดลองคือ ทำกำรวัดระดับควำม
ดังของเสียงในขณะที่มีคนอยู่ในห้องและไม่มีคนอยู่บันทึกไว้ต่อมำเปรียบเทียบแรงไฟและแสงสว่ำง
ระหว่ำงเวลำกลำงวันและกลำงคืน ทำกำรบันทึก แล้วนำควำมแตกต่ำงของเสียงและแสงสว่ำงที่วัดได้
ไปตั้งค่ำกับเครื่องมือ เชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้ำที่ทำกำรจ่ำยกระแสไฟให้กับหลอดไฟจำกผลกำรทดลอง
พบว่ำ เครื่องมือดังกล่ำวสำมำรถทำงำนได้ดี คือเมื่อห้องว่ำงไม่มีนักเรียนอยู่ในห้อง เครื่องมือจะทำกำร
ดับไฟ และไม่มีเสียงดังเกินค่ำที่ตั้งไว้เครื่องมือก็จะทำกำรปิดไฟได้อย่ำงถูกต้องโดยอำจมีควำม
ผิดพลำดบ้ำงเมื่อมีเสียงออดระหว่ำงคำบเรียน
หัวเรื่อง สวิทซ์
ไฟฟ้ำ
เลขทะเบียน คง 2542 ต041
โรงเรียน โรงเรียนจิรประวัติวิทยาคม อาเภอเมือง นครสวรรค์ 2542
เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะการประกวดรางวัลที่ 1 กาหนดหัวข้อ ภาคเหนือตอนล่าง
ชื่อเรื่อง MOTER SPRAYER IV
จำนวนหน้ำ 31 หน้า ภาพประกอบ
สำระสังเขป โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการลดการใช้แรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือในการทา
การเกษตร อุปกรณ์ที่ใช้ทาการทดลอง ได้แก่ Motor Sprayer IV ซึ่งเป็นเครื่องมือทาสเปรย์ที่ใช้
ในการพ่นสารเคมี หรือสารสกัดจากพืชเพื่อกาจัดแมลงศัตรูพืช ให้ปุ๋ ย ฮอร์โมน ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นจากการ
พัฒนามาจาก Motor Sprayer 3 ซึ่ง Motor Sprayer 3 ต้องใช้แบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์
ทาให้เกษตรกรต้องแบกเป็นเวลานานและไม่สะดวกต่อการใช้งาน เมื่อMotor ส่วนท้ายชารุดจะมีผล
ทาให้ Motor หมุนช้าลงและละอองน้ายาที่ฉีดพ่นกระจายตัวไม่สม่าเสมอ จึงได้มีการปรับปรุง โดย
การเพิ่มประสิทธิภาพ Motor ให้ใช้ไฟเลี้ยงแรงดันไฟเพียง 4.8 โวลต์ เปลี่ยนแม่เหล็กเป็นแบบความ
เข้มข้นของสนามแม่เหล็กสูง เพื่อลดการใช้พลังงานพลังงานไฟฟ้ า เปลี่ยนแกนหมุนเป็นแบบลูกปืน เพื่อ
ลดการเสียดทาน ลดอัตราการไหลของน้ายาลงทาให้ปริมาณยาฉีดพ่นและเพิ่มประสิทธิการกระจายตัว
ของยาที่ฉีดพ่น ลดขนาดถังน้ายาและใช้แบตเตอรี่เลียนแบบถ่านนิเกิล แคดเมียม สรุปแล้วพบว่า
เครื่อง Motor Sprayer 4 ที่ทาการปรับปรุงนี้สามารถใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ารุ่น
ก่อนเป็นอย่างมาก
หัวเรื่อง มอเตอร์
sprayer
เลขทะเบียน คง 2549 ป057
โรงเรียน โรงเรียนอัสสัมชัญลำปำง จังหวัดลำปำง 2549
เกียรติบัตร ม.ปลำย ชนะกำรประกวดรำงวัลชมเชย สำขำวิทยำศำสตร์ประยุกต์ภำคเหนือตอนบน
ชื่อเรื่อง VISUALIZER (เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง)
จานวนหน้า 19 หน้ำ ภำพประกอบ
สาระสังเขป โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง VISUALIZER (เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง) จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในกำรนำหลักกำรทำงด้ำน
วิทยำศำสตร์เรื่องแสงตกกระทบวัตถุ แสงจะสะท้อนวัตถุออกมำ เพื่อเป็นกำรผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์กำรเรียนกำรสอนในชั้นเรียน ซึ่ง
ขั้นตอนกำรทำก็เริ่มจำกดำเนินกำรศึกษำจำกอุปกรณ์จริง คือ เครื่อง VISUALIZER ในห้องปฏิบัติกำรว่ำมีคุณสมบัติ และวิธีกำรทำงำน
อย่ำงไร ผลที่ได้คือ หลักกำรสะท้อนของแสง เมื่อมีแสงมำตกกระทบวัตถุ แสงจะสะท้อนวัตถุนั้นและเกิดภำพหรือลักษณะของวัตถุนั้น
ออกมำ ในลักษณะของกำรสมมำตรคือ กำรตกกระทบเท่ำกับกำรสะท้อน และถ้ำเรำนำฉำกไปรับสำมำรถเกิดภำพได้ จึงนำหลักกำรดังกล่ำว
มำประยุกต์ใช้ และเรำได้ใช้เลนส์นูนร่วมกับกำรประดิษฐ์เนื่องจำกมีคุณสมบัติรวมแสง แต่ภำพที่เกิดภำพหัวกลับ เรำจึงใช้กระจกเงำรำบ
แผ่นหนึ่งสะท้อนไปยังฉำกเพื่อให้ได้ภำพหัวตั้ง จำกกำรนำโครงงำนทำให้เรำสำมำรถผลิตสื่ออุปกรณ์ ที่เกิดจำกวัสดุที่รำคำไม่แพงและมี
คุณสมบัติที่สำมำรถใช้ได้เช่นเดียวกับอุปกรณ์ที่ทำงคณะผู้จัดทำต้องกำรศึกษำ และได้ทำกำรทดลองใช้งำนพร้อมกับทำกำรทดลองหำควำม
ชัด โดยพบว่ำถ้ำเรำใช้แสงไฟที่เข้มเพียงพอ และขนำดเลนส์ที่ใหญ่เรำก็จะสำมำรถฉำยภำพที่ขนำดใหญ่ได้แล้วภำพที่ได้ก็จะชัดเจนมำกกว่ำ
กำรใช้ควำมเข้มแสงน้อย และเลนส์ขนำดเล็ก นอกจำกนี้เรำต้องอำศัยปัจจัยภำยนอกเข้ำมำช่วยด้วย คือ ควำมสว่ำงของบริเวณภำยในห้องที่
เรำใช้ต้องมีน้อย นั้นคือควำมสำมำรถเกิดภำพที่ชัดเจนได้ในที่มืด เพรำะฉะนั้นกำรผลิตเครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง (VISUALIZER)นี้ก็
เป็นกำรที่สำมำรถทำให้เกิดแนวทำงในกำรนำไปพัฒนำในต่อๆ ไปมำกขึ้น
หัวเรื่อง เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง
VIisualizer
เลขทะเบียน คง 2545 ต064
โรงเรียน โรงเรียนเรยีนำเชลีวิทยำลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2545
เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะกำรประกวดรำงวัลชมเชย สำขำวิทยำศำสตร์ชีวภำพ ภำคเหนือตอนบน
ชื่อเรื่อง Wallpaper จำกเศษวัสดุธรรมชำติช่วยลดควำมร้อนภำยในบ้ำน
จานวนหน้า 22 หน้ำ : ภำพประกอบ
สาระสังเขป ทำงคณะผู้จัดทำได้แนวคิดที่จะลดขยะโดยนำมำทำเป็นกระดำษบุผนังหรือWallpaper ซึ่งสำมำรถดูดควำม
ร้อนได้จึงแบ่งกำรทดลองออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 นำชำนอ้อยมำทำWallpaper ขั้นแรกเติมโซดำไฟเพื่อให้
ชำนอ้อยนิ่ม นำไปต้มเพื่อให้แยกออกเป็นเส้นๆ หลังจำกนั้นบดให้ละเอียด และนำเยื่อของชำนอ้อยที่ได้ไปตำกแห้ง
ให้เป็นแผ่น และทำแชลแลคในขั้นตอนสุดท้ำยเพื่อควำมแข็งทนทำนและเป็นมันวำว ตอนที่ 2 ทำบ้ำนจำลองโดยใช้
กล่อง 2 ใบซึ่งมีขนำดและควำมหนำเท่ำกันและติด Wallpaperจำกชำนอ้อย หนึ่งใบ วัดอุณหภูมิของกล่องทั้ง
สองใบ จำกกำรทดลองตอนที่ 1 พบว่ำ เยื่อของชำนอ้อยสำมำรถเกำะติดกันเป็นแผ่นเดียวกัน แต่ไม่สวยสมบูรณ์มำก
นักเนื่องจำกกำรทดลองครั้งนี้ทำเพื่อให้เห็นถึงกำรยึดเกำะของเยื่อจำกชำนอ้อย แต่ไม่ได้พิถีพิถันตกแต่งให้เกิดควำม
สวยงำม และตอนที่ 2พบว่ำ กล่องที่ติด Wallpaper จำกชำนอ้อยจะมีอุณหภูมิต่ำกว่ำกล่องที่ไม่
ติด Wallpaper สรุปได้ว่ำเยื่อของชำนอ้อยมีคุณสมบัติในกำรดูดควำมร้อนได้จริง
หัวเรื่อง กำรใช้ของเสียให้เป็นประโยชน์
ชำนอ้อย
เลขทะเบียน คง 2546 ป106
โรงเรียน โรงเรียนนิยมศิลป์ อนุสรณ์ จ.เพชรบูรณ์ 2546
เกียรติบัตร ม.ปลาย ชนะการประกวดรางวัลที่ 2 สาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ภาคเหนือตอนล่าง
ชื่อเรื่อง My Injet
จำนวนหน้ำ 32 หน้า : ภาพประกอบ
สำระสังเขป ศึกการนาส่วนต่างๆของพืชที่ให้สีต่างกัน มาผสมตามหลักทฤษฎีสีเพื่อให้เกิดสีดา โดยทดลองเปรียบเทียบวิธี
สกัดสีจากพืช พบว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการสกัดด้วยเมธานอล จากนั้นสกัดสีจากส่วนต่างๆของพืช โดยสี
แดงสกัดได้จากใบประดับเฟื่องฟ้ า สีเหลืองได้จากขมิ้น และสีน้าเงินได้จากดอกอัญชัน นาน้าสีที่สกัดได้ไปอบ
ด้วยความร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ตัวสีที่เข้มข้น จากนั้นนาตัวสีแต่ละสีมา 0.5 กรัม นา
แต่ละสีไปผสมน้าอย่างละ 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร ในอัตราส่วนระหว่าง สีแดง : สีเหลือง : สีน้าเงิน เท่ากับ 3 : 1 :
4 จะได้สีดาที่สุดแล้วนาไปอบด้วยความร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง เมื่อได้สารสีดาที่เข้มข้นแล้ว
นาไปผสมเอทานอล 50% ที่อัตราส่วนคือ หมึก 1 กรัม : เอทานอล 3 ลูกบาศก์เซนติเมตร จากนั้นเติมน้ายาล้าง
จาน 0.1 ลูกบาศก์เซนติเมตร เพื่อลดแรงตึงผิว แล้วนาไปปั่นให้ตกตะกอน 3 ครั้ง นาหมึกบรรจุในคาร์ทริดจ์แล้ว
สั่งพิมพ์ พบว่าสามารถพิมพ์ได้แต่สีดายังดาไม่สนิท เนื่องจากเป็นสีจากธรรมชาติจึงไม่เข้มเหมือนกับหมึก
สังเคราะห์
หัวเรื่อง หมึกพิมพ์
ขั้นตอนการทาโครงงาน
กำรทำโครงงำนมีขั้นตอนกำรปฏิบัติ ดังนี้
๑ กำรคิดและกำรเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรื่องของโครงงำนด้วยตนเองว่ำอยำกจะศึกษำอะไร ทำไมจึงอยำก
ศึกษำ หัวเรื่องของโครงงำนมักจะได้มำจำกปัญหำ คำถำมหรือควำมอยำกรู้อยำกเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่ำงๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของ
โครงงำนควรเฉพำะเจำะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่ำนชื่อเรื่องแล้วควรเข้ำใจและรู้เรื่องว่ำโครงงำนนี้ทำจำกอะไร กำรกำหนดหัวเรื่องของ
โครงงำนนั้นมีแหล่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดควำมคิดและควำมสนใจหลำยแหล่งด้วยกัน เช่น จำกกำรอ่ำนหนังสือ เอกสำร บทควำม กำร
เยี่ยมชมสถำนที่ต่ำงๆ กำรฟังบรรยำยทำงวิชำกำร กำรเข้ำชมนิทรรศกำรหรืองำนประกวดโครงงำนทำงวิทยำศำสตร์ กำรสนทนำกับบุคคล
ต่ำงๆ หรือจำกำรสังเกตปรำกฏกำรณ์ต่ำงๆ รอบตัว เป็นต้น นอกจำกนี้ ควรคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้
- ควำมเหมำะสมของระดับควำมรู้ ควำมสำมำรถของผู้เรียน
- วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้
- งบประมำณ
- ระยะเวลำ
- ควำมปลอดภัย
- แหล่งควำมรู้
๒ กำรวำงแผน
กำรวำงแผนกำรทำโครงงำนจะรวมถึงกำรเขียนเค้ำโครงของโครงงำนซึ่งต้องมีกำรวำงแผนไว้ล่วงหน้ำเพื่อให้กำรดำเนินกำร
เป็นไปอย่ำงรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนำเสนอต่อผู้สอนหรือครูที่ปรึกษำเพื่อขอควำมเห็นชอบก่อนดำเนินกำรขั้นต่อไป กำรเขียน
เค้ำโครงของโครงงำนโดยทั่วไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิดแผนงำน และขั้นตอนกำรทำโครงงำน ซึ่งควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
๑) ชื่อโครงงำน ควรเป็นข้อควำมที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อควำมหมำยได้ตรง
๒) ชื่อผู้ทำโครงงำน
๓) ชื่อที่ปรึกษำโครงงำน
๔) หลักกำรและเหตุผลของโครงงำน เป็นกำรอธิบำยว่ำเหตุใดจึงเลือกทำโครงงำนเรื่องนี้ มีควำมสำคัญอย่ำงไร มีหลักกำรหรือ
ทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทำเป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษำค้นคว้ำเรื่องนี้ไว้บ้ำงแล้ว ถ้ำมีได้ผลอย่ำงไร เรื่องที่ทำได้ขยำยเพิ่มเติม
ปรับปรุงจำกเรื่องที่ผู้อื่นทำไว้อย่ำงไร หรือเป็นกำรทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
๕) จุดมุ่งหมำยหรือวัตถุประสงค์ควรมีควำมเฉพำะเจำะจง และสำมำรถวัดได้เป็นกำรบอกขอบเขตของงำนที่จะทำได้ชัดเจนขึ้น
๖) สมมติฐำนของกำรศึกษำค้นคว้ำ (ถ้ำมี) สมมติฐำนเป็นคำตอบหรือคำอธิบำยที่คำดไว้ล่วงหน้ำ ซึ่งอำจจะถูกหรือไม่ก็ได้ กำรเขียน
สมมติฐำนควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักกำรรองรับ และที่สำคัญ คือ เป็นข้อควำมที่มองเห็นแนวทำงในกำรดำเนินกำรทดสอบได้
นอกจำกนี้ควรมีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตัวแปรอิสระและตัวแปรตำมด้วย
๗) วิธีดำเนินงำนและขั้นตอนกำรดำเนินงำนจะต้องอธิบำยว่ำ จะออกแบบกำรทดลองอะไรอย่ำงไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้ำงรวมทั้ง
ระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ มีอะไรบ้ำง
๘) แผนปฏิบัติงำน อธิบำยเกี่ยวกับกำหนดเวลำตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นกำรดำเนินงำนในแต่ละขั้นตอน
๙) ผลที่คำดว่ำจะได้รับ
๑๐) เอกสำรอ้ำงอิง
๓ การดาเนินงาน เมื่อที่ปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครงของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอน
ที่ระบุไว้ ผู้เรียนต้องพยายามทาตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ
คานึงถึงความประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทาอะไรไปบ้าง ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและ
ข้อคิดเห็นอย่างไร พยายามบันทึกให้เป็นระเบียบและครบถ้วน
๔ การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจถึงแนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้
ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงงานนั้น การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ชัดเจนและ
ครอบคลุมประเด็นสาคัญๆ ทั้งหมดของโครงงาน
๕ การนาเสนอผลงาน
การนาเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงานและเข้าใจถึงผลงานนั้น การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลาย
รูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง
การเขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือการ
รายงานปากเปล่า การบรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การแสดงผลงานนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย
และมีความถูกต้องของเนื้อหา
กำรเขียนรำยงำนโครงงำน
กำรเขียนรำยงำนโครงงำนเป็นรูปแบบหนึ่งของกำรนำเสนอผลงำนของโครงงำนที่ผู้เรียนได้ศึกษำค้นคว้ำตั้งแต่
ต้นจนจบ กำรกำหนดหัวข้อในกำรเขียนรำยงำนโครงงำนอำจไม่ระบุตำยตัวเหมือนกันทุกโครงงำน ส่วนประกอบของ
หัวข้อในรำยงำนต้องเหมำะสมกับประเภทของโครงงำนและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของกำรเขียนรำยงำน
โครงงำน แบ่งกว้ำงๆเป็น ๓ ส่วน ดังนี้
๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย
๑) ชื่อโครงงำน
๒) ชื่อผู้ทำโครงงำน ชั้น โรงเรียน และวันเดือนปีที่จัดทำ
๓) ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ
๔) คำนำ
๕) สำรบัญ
๖) สำรบัญตำรำง หรือภำพประกอบ (ถ้ำมี)
๗) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้ำโครงอย่ำงย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์วิธีกำรศึกษำ ระยะเวลำ และ
สรุปผล
๘) กิตติกรรมประกำศเพื่อแสดงควำมขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงำนที่ให้ควำมช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
๒. ส่วนเนื้อเรื่อง
ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจในการเลือกหัวข้อโครงงาน
๒) วัตถุประสงค์ของโครงงาน
๓) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การดาเนินงานเป็นไปตามหัวข้อเรื่อง ตรง
ตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และพิสูจน์คาตอบ (สมมติฐาน) ตามประเด็นที่กาหนด ดังตัวอย่างการเขียนแผนผัง
โครงงานต่อไปนี้
ในแผนผังโครงงานทาให้เห็นระบบการทางานอย่างมีเป้ าหมาย มีการวางแผนการทางาน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่
ต้องการทราบ คือ หัวข้อย่อย หรือคาถามย่อยของหัวข้อโครงงาน ถ้ามีมาก ๑ ข้อ ก็จะเรียงลาดับทีละหัวข้อ พร้อมทั้ง
บอกสมมติฐาน วิธีศึกษา และแหล่งศึกษาค้นคว้าตามแผนผังให้ครบทุกข้อ สิ่งที่ต้องการทราบ สมมติฐาน วิธี
การศึกษา แหล่งศึกษา/แหล่งข้อมูล หัวข้อย่อยจากหัวข้อเรื่องของโครงงานที่ต้องการหาคาตอบ การตอบคาถาม
ล่วงหน้า ค้นคว้า สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสื่อชนิดต่างๆ - เอกสาร หนังสือ - สถานที่
บุคคล
๕) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคาตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อย่อยที่ต้องการทราบ ว่า
เป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่
๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจากัดหรือปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี)
พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะใกล้เคียงกัน
๓. ส่วนท้ำย
ส่วนท้ำย ประกอบด้วย
๑) บรรณำนุกรม หรือ เอกสำรอ้ำงอิง หรือเอกสำรที่ใช้ค้นคว้ำ ซึ่งมีหลำยประเภท เช่น หนังสือ ตำรำ
บทควำม หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีกำรเขียนบรรณำนุกรมต่ำงกัน เช่น
หนังสือ ชื่อ นำมสกุล. ชื่อหนังสือ. สถำนที่พิมพ์: สำนักพิมพ์, ปีที่พิมพ์
บทควำมในวำรสำร ชื่อผู้เขียน "ชื่อบทควำม," ชื่อวำรสำร. ปีที่หรือเล่มที่ : หน้ำ ;วัน เดือน ปี.
คอลัมน์จำกหนังสือพิมพ์ ชื่อผู้เขียน "ชื่อคอลัมน์ : ชื่อเรื่องในคอลัมน์" ชื่อหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี.
หน้ำ.
๒) ภำคผนวก เช่น โครงร่ำงโครงงำน ภำพกิจกรรม แบบสอบถำม บทสัมภำษณ์
ในกำรทำโครงงำนประเภททดลอง ต้องมีกำรจัดกำรกับตัวแปรที่จะมีผลต่อกำรทดลอง ซึ่งจะมี 4 ชนิด คือ
• ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ หมำยถึง เหตุของกำรทดลองนั้นๆ
• ตัวแปรตำม ซึ่งจะเป็นผลที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น
• ตัวแปรควบคุม หมำยถึง สิ่งที่ต้องควบคุมให้เหมือนๆกัน มิฉะนั้นจะมีผลทำให้ตัวแปรตำมเปลี่ยนไป
• ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ ตัวแปรควบคุมนั่นเอง แต่บำงครั้งเรำจะควบคุมไม่ได้ซึ่งจะมีผลแทรก
ซ้อน ทำให้ผลกำรทดลองผิดไป แต่แก้ไขได้โดยกำรตัดข้อมูลที่ผิดพลำดทิ้งไป
แหล่งอ้ำงอิง
เนื้อหา
• http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
• http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=24.0
• http://www.prc.ac.th/SBM/p2.htm
ตัวอย่างโครงงานทดลอง
• http://scienceproject.makewebeasy.com/customize-
%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%
B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B
8%A0%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0
%B8%87-42696-1.html
ใบงำนที่ 7
เรื่อง โครงงำนประเภท “กำรประยุกต์ใช้งำน”
ความหมาย
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ควำมหมำย
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน เป็นโครงงำนประยุกต์ใช้งำน เป็นโครงงำนที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในกำร สร้ำงผลงำนเพื่อประยุกต์ใช้งำนจริงในชีวิตประจำวัน อำทิเช่น ซอฟต์แวร์
สำหรับกำรออกแบบและตกแต่งภำยในอำคำร ซอฟต์แวร์สำหรับกำรผสมสี และซอฟต์แวร์สำหรับ
กำรระบุคนร้ำย เป็นต้น โครงงำนประเภทนี้จะมีกำรประดิษฐ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้
สอยต่ำงๆ ซึ่งอำจเป็นกำรคิดสร้ำงสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี
ประสิทธิภำพสูงขึ้น โครงงำนลักษณะนี้จะต้องศึกษำและวิเครำะห์ควำมต้องกำรของผู้ใช้ก่อน แล้ว
นำข้อมูลที่ได้มำใช้ในกำรออกแบบ และพัฒนำสิ่งของนั้นๆ ต่อจำกนั้นต้องมีกำรทดสอบกำรทำงำน
หรือทดสอบคุณภำพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีควำมสมบูรณ์ โครงงำนประเภทนี้
ผู้เรียนต้องใช้ควำมรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภำษำโปรแกรม และเครื่องมือต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ตัวอย่างโครงงาน 1
ชื่อโครงงำน กำรศึกษำ Computer Generated Hologram และ กำรประยุกต์ใช้งำนอย่ำงง่ำย ชื่อผู้ทำ
โครงงำน นำยไพโรจน์ ศิรินำมำรัตนะ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญญำแก้ว สถำบันกำรศึกษำ นิสิตระดับปริญญำตรีปีที่ 3
จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ กำรถ่ำยภำพ
hologram ด้วยแสงเลเซอร์ (Laser hologram) คือ กำรบันทึกรูปแบบกำรแทรกสอด (Interference pattern)
ของแสง 2 ขบวน คือ แสงที่มำจำกวัตถุ (Object beam) กับ แสงอ้ำงอิง (Reference beam) ลงบน recording
medium โดยกำรฉำยแสงอ้ำงอิง ที่ตำแหน่งเดิมกับ recording medium อีกครั้งหนึ่ง ก็จะสำมำรถเห็นภำพวัตถุเป็นแบบ 3
มิติได้
จำกกำรศึกษำกำรเกิดภำพ 3 มิติ ด้วยวิธีข้ำงต้น เกิดจำกกำรที่แสงอ้ำงอิงผ่ำน recording medium โดยอำศัยหลักกำรแทรกสอด
และเลี้ยวเบนของแสง เมื่อเรำรู้ว่ำแสงอ้ำงอิงมีลักษณะอย่ำงไร และเรำต้องกำรวัตถุ 3 มิติแบบไหน เรำก็จะจะสำมำรถคำนวณรูปแบบ
กำรแทรกสอดบน recording medium, นั้นได้จำกนั้นก็สำมำรถสร้ำงรูปแบบกำรแทรกสอดที่เรำคำนวณได้ด้วยวิธี Laser
writing หรือ electron Lithography เป็นต้น ซึ่ง hologram ที่ได้นี้ถูกเรียกว่ำ Computer Generated
Hologram (CGH)
กำรประยุกต์ใช้งำน CGH ที่เห็นได้ชัดก็เช่น กำรสร้ำงภำพ 3D holographic Television ซึ่งกำรคำนวณ Interference
pattern และกำร lithography เพื่อให้ได้ภำพ 3D ที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ทำยำกส่วนที่ง่ำยลงมำก็คือกำรใช้ CGH ในกำรบังคับ
ลำแสงให้เป็นรูปแบบต่ำงๆ โดยอำจทำเป็น Lens รวมแสง,กระจำยแสงให้เป็นรูปสำมเหลี่ยมสี่เหลี่ยม ซึ่งสำมำรถนำประยุกต์ใช้งำน
เป็น Holographic transmitterใน Optical Wireless LANS System หรือกำรทำ Holographic Solar
Concentrator เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงาน 2
ชื่อโครงงำน กำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย
สรรเสริญ ขันทอง,นำยชัยวัฒน์ ศิระวัฒนำนนท์,นำยทรงศักดิ์ แซ่จึง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อำจำรย์ธิดำรัตน์ ต่อสุข
สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัยกรุงเทพ ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2551
บทคัดย่อ กำร ประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ (Shopping Helper using
Barcode with Mobile Application) มีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้ผู้บริโภคทรำบถึงรำยละเอียดของสินค้ำและ
ค่ำใช้จ่ำยใน กำรเลือกซื้อสินค้ำในแต่ละครั้ง โดยกำรพัฒนำระบบใหม่ซึ่งประยุกต์ใช้กำรอ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติด้วยกล้องจำก
โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจำกเดิมสินค้ำมีกำรระบุข้อมูลโดยใช้บำร์โค้ด 1 มิติเท่ำนั้น ซึ่งปัจจุบันสินค้ำแต่ละชนิดมีข้อมูลที่ใช้
ในกำรตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ำ จำนวนมำกจึงเสนอแนวคิดในกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ด 2 มิติที่สำมำรถบรรจุข้อมูลได้
มำกขึ้น และนำมำประยุกต์ใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยระบบกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำร
ซื้อขำยสินค้ำ จะใช้กล้องบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติ เพื่อให้สำมำรถบอกรำยละเอียดของสินค้ำเพื่อช่วยในกำร
ตัดสินใจเลือกซื้อ สินค้ำ ตรวจสอบค่ำใช้จ่ำยของสินค้ำทั้งหมดที่เลือกให้อยู่ในงบประมำณที่ตั้งไว้ระบบจะทำกำรแจ้งเตือน
เมื่อผู้บริโภคใช้จ่ำยสินค้ำเกินงบประมำณที่กำหนด ซึ่งระบบจะมีกำรนำข้อมูลชนิดสินค้ำ รำยละเอียดสินค้ำ รำคำสินค้ำ
จำกฐำนข้อมูล และผู้บริโภคสำมำรถนำรำยละเอียดของสินค้ำมำเปรียบเทียบกันได้โดยระบบนี้จะแบ่งกำรทำงำนออกเป็น
ส่วน ๆ คือระบบกำรสร้ำงรหัสบำร์โค้ดจำกข้อมูลรำยละเอียดของสินค้ำของผู้ให้บริกำร และระบบกำรให้บริกำรโดยแสดง
รำยละเอียดสินค้ำ กำรเลือกซื้อสินค้ำบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แจ้งเตือนงบประมำณที่เกินกำหนดยกเลิกสินค้ำที่ไม่ต้องกำร
และระบบจะตรวจสอบกำรรวมรำคำของสินค้ำนั้นก่อนที่จะไปชำระค่ำสินค้ำ เพื่อให้ผู้บริโภคทรำบรำคำรวมของสินค้ำนั้น
ตรงกับรำคำที่ต้องชำระจริงซึ่งจะอำนวยควำมสะดวกในกำรจัดสรรเลือกซื้อสินค้ำตำมงบประมำณของผู้บริโภคได้
ตัวอย่างโครงงาน 3
ชื่อโครงงำน กำร ประยุกต์ใช้แบบรูปกำรเคลื่อนที่ของดำวเปรำะในแบบรูปกำรเคลื่อนที่ของหุ่น ยนต์The
Application of Brittle Star Locomotion Patterns for Robotic Locomotion โปรแกรมเพื่อ
ประยุกต์กำรใช้งำน (นักเรียน) ชื่อผู้ทำโครงงำน นำงสำวสุพิชญำ สุจริยำกุล , นำยพิลิปดำ เหลืองประเสริฐ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ
ผศ.ดร.สโรช ไทรเมฆ สถำบันกำรศึกษำ โรงเรียนมหิดลวิทยำนุสรณ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/
เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม นี้ เขียนขึ้นเพื่อใช้ในกำรศึกษำกำรเคลื่อนที่ หรือกำรเคลื่อนไหวของวัตถุที่
เรำสนใจ (ซึ่งในที่นี้เน้นเรื่องหุ่นยนต์) โดยรับข้อมูลจำกภำพเคลื่อนไหวที่บันทึกจำกกล้องที่อยู่นิ่ง มำวิเครำะห์ถึงข้อมูลต่ำงๆ
อันได้แก่ ตำแหน่ง ตำแหน่งของส่วนต่ำงๆ ควำมเร็ว กำรหมุน ซึ่งในขณะนี้โปรแกรมกำลังถูกพัฒนำให้สำมำรถทำงำนได้ตำม
ดังที่กล่ำวไว้ข้ำง ต้น โดยในขณะนี้สำมำรถตรวจจับควำมเปลี่ยนแปลงของภำพได้แต่ยังไม่สำมำรถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้
เนื่องจำกสิ่งที่เรำสนใจไม่จำเป็นจะมีลักษณะเป็นก้อน อำจมีส่วนแขนยื่นออกมำ และมีมำกกว่ำ 1 ส่วนที่กำลังเคลื่อนที่ เช่น ส่วน
หนึ่งเคลื่อนไปด้ำนหน้ำ อีกส่วนหนึ่งเคลื่อนไปด้ำนหลัง เป็นต้น
This software is a work developed for study the
movement of object by input video file from a
standing video recorder. It will work by analyze
position, coordinating system, velocity and rotation.
We have developed this program until this program
can detect the different in 2 or more images. But it is
not totally work for detect a right position, because
an object may have some part move freely from
others, for example, some moves forward while the
other moves backward.
ตัวอย่างโครงงาน 4
ชื่อโครงงำน กำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยสรรเสริญ ขันทอง,
นำยชัยวัฒน์ ศิระวัฒนำนนท์,นำยทรงศักดิ์ แซ่จึง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อำจำรย์ธิดำรัตน์ ต่อสุข สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัยกรุงเทพ
ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2551 บทคัดย่อ กำร ประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ (Shopping Helper using Barcode with Mobile Application) มีจุดมุ่งหมำย
เพื่อให้ผู้บริโภคทรำบถึงรำยละเอียดของสินค้ำและค่ำใช้จ่ำยใน กำรเลือกซื้อสินค้ำในแต่ละครั้ง โดยกำรพัฒนำระบบใหม่ซึ่งประยุกต์ใช้กำร
อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติด้วยกล้องจำกโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจำกเดิมสินค้ำมีกำรระบุข้อมูลโดยใช้บำร์โค้ด 1 มิติเท่ำนั้น ซึ่งปัจจุบันสินค้ำแต่ละ
ชนิดมีข้อมูลที่ใช้ในกำรตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ำ จำนวนมำกจึงเสนอแนวคิดในกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ด 2 มิติที่สำมำรถบรรจุข้อมูลได้
มำกขึ้น และนำมำประยุกต์ใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยระบบกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ จะใช้
กล้องบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติ เพื่อให้สำมำรถบอกรำยละเอียดของสินค้ำเพื่อช่วยในกำรตัดสินใจเลือกซื้อ สินค้ำ ตรวจสอบ
ค่ำใช้จ่ำยของสินค้ำทั้งหมดที่เลือกให้อยู่ในงบประมำณที่ตั้งไว้ระบบจะทำกำรแจ้งเตือน เมื่อผู้บริโภคใช้จ่ำยสินค้ำเกินงบประมำณที่กำหนด
ซึ่งระบบจะมีกำรนำข้อมูลชนิดสินค้ำ รำยละเอียดสินค้ำ รำคำสินค้ำจำกฐำนข้อมูล และผู้บริโภคสำมำรถนำรำยละเอียดของสินค้ำมำ
เปรียบเทียบกันได้ โดยระบบนี้จะแบ่งกำรทำงำนออกเป็นส่วน ๆ คือระบบกำรสร้ำงรหัสบำร์โค้ดจำกข้อมูลรำยละเอียดของสินค้ำของผู้
ให้บริกำร และระบบกำรให้บริกำรโดยแสดงรำยละเอียดสินค้ำ
กำรเลือกซื้อสินค้ำบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แจ้งเตือนงบประมำณที่เกินกำหนด ยกเลิกสินค้ำที่ไม่
ต้องกำร และระบบจะตรวจสอบกำรรวมรำคำของสินค้ำนั้นก่อนที่จะไปชำระค่ำสินค้ำ เพื่อให้
ผู้บริโภคทรำบรำคำรวมของสินค้ำนั้นตรงกับรำคำที่ต้องชำระจริง ซึ่งจะอำนวยควำมสะดวกใน
กำรจัดสรรเลือกซื้อสินค้ำตำมงบประมำณของผู้บริโภคได้
ตัวอย่างโครงงาน 5
ชื่อโครงงำน โปรแกรมประยุกต์พจนานุกรมสาหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐานภาพ ประเภท Mobile
Application ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย วรพงศ์โรจน์เรืองมำศ , นำงสำว ศุภิสรำ จันทรำภิสิทธิ์ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ผศ.ดร. รัชลิดำ
ลิปิกรณ์ สถำบันกำรศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำ
โครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพนี้ ได้ถูกพัฒนำมำจำกโปรแกรมแบบเดิมที่
ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำศัพท์โดยกดปุ่มตัวเลข เพื่อหำควำมหมำยเพื่อให้ผู้ใช้สะดวกสบำยในกำรใช้งำนเพียงแค่ถ่ำยภำพคำศัพท์ที่ต้องกำร
รวมถึงระบบกำรใช้งำนที่เข้ำใจง่ำย และสำมำรถใช้งำนได้จำกที่ใดก็ได้ทั้งนี้ยังคงมีรูปแบบกำรพิมพ์คำศัพท์แบบเดิมอยู่ โปรแกรม
พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือ และส่วนเซิร์ฟเวอร์
โดยผู้ใช้สำมำรถคีย์หรือถ่ำยภำพคำศัพท์บนโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งคำ หรือภำพถ่ำยนั้นผ่ำนเครือข่ำยไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยให้
เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทำกำรวิเครำะห์ภำพคำศัพท์ออกมำเป็นตัวอักษร ด้วยหลักกำรกำรประมวลผลภำพ และหำควำมหมำยคำศัพท์นั้นจำก
ฐำนข้อมูลคำศัพท์จำกนั้นจึงส่งควำมหมำยของคำศัพท์กลับมำยังโทรศัพท์มือถือ
Image-based Mobile Dictionary Application is developed from the original application which
users have to type a word to be searched for the meaning. This application is easy to use, a
user only need to capture a void using a digital camera on a mobile phone or type it in. In
addition, its system also offers user-friendly interfaces which users can easily understand once
they have seen it. Image-based Mobile Dictionary Application consists of two functions;
software on a mobile phone and software on a server. A vocabulary, which is typed or
captured by users, is automatically sent via network to the server. If the input is an image file,
the software on the server will recognize each character using image processing and then
search for its meaning from database list. Afterwards, that vocabulary and its meaning will
transfered to the mobile phone.
แหล่งอ้ำงอิง
• http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7
• http://www.slideshare.net/Zikkapoo/ss-13963683
• http://www.vcharkarn.com/project/view/689
ใบงานที่ 8
เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
ความหมาย
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
ความหมาย
โครงงำนพัฒนำเกม โครงงำนประเภทนี้เป็นโครงงำนพัฒนำซอฟต์แวร์เกมเพื่อควำมรู้
หรือเพื่อควำม เพลิดเพลิน เกมที่พัฒนำควรจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นกำรใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่ำงมี
หลักกำร โครงงำนประเภทนี้จะมีกำรออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์กำรเล่น เพื่อให้น่ำสนใจแก่ผู้เล่น
พร้อมทั้งให้ควำมรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนำควรจะได้ทำกำรสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกม
ต่ำงๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนำมำปรับปรุงหรือพัฒนำขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่ำสนใจ
แก่ผู้เล่นกลุ่มต่ำงๆ
ตัวอย่าง
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
ตัวอย่างโครงงาน
ชื่อโครงงำน โปรแกรมประยุกต์พจนานุกรมสาหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐานภาพ ประเภทMobile
Application ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย วรพงศ์โรจน์เรืองมำศ , นำงสำว ศุภิสรำ จันทรำภิสิทธิ์ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ
ผศ.ดร. รัชลิดำ ลิปิกรณ์ สถำบันกำรศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/
เดือน/ปี ทำโครงงำน1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพนี้ ได้ถูกพัฒนำมำ
จำกโปรแกรมแบบเดิมที่ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำศัพท์โดยกดปุ่มตัวเลขเพื่อหำควำมหมำย เพื่อให้ผู้ใช้สะดวกสบำยในกำรใช้งำน
เพียงแค่ถ่ำยภำพคำศัพท์ที่ต้องกำรรวมถึงระบบกำรใช้งำนที่เข้ำใจง่ำยและสำมำรถใช้งำนได้จำกที่ใดก็ได้ทั้งนี้ยังคงมี
รูปแบบกำรพิมพ์คำศัพท์แบบเดิมอยู่
โปรแกรมพจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของโปรแกรม
บนโทรศัพท์มือถือ และส่วนเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้สำมำรถคีย์หรือถ่ำยภำพคำศัพท์บนโทรศัพท์มือถือแล้วส่งคำ หรือ
ภำพถ่ำยนั้นผ่ำนเครือข่ำย ไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทำกำรวิเครำะห์ภำพคำศัพท์ออกมำเป็นตัวอักษร
ด้วยหลักกำรกำรประมวลผลภำพ และหำควำมหมำยคำศัพท์นั้นจำกฐำนข้อมูลคำศัพท์จำกนั้นจึงส่งควำมหมำยของ
คำศัพท์กลับมำยังโทรศัพท์มือถือ
ตัวอย่างโครงงาน 2
ชื่อโครงงำน กำรพัฒนำ software เพื่อใช้ในกำรอ่ำน และ simulate กำรประยุกต์ใช้ hologram กับบัตร
ประจำตัว ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยดำษพิช ทองนพเนื้อ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ศำสตรำจำรย์ดร. สมศักดิ์ ปัญญำแก้ว สถำบันกำรศึกษำ นิติ
ระดับปริญญำตรีปีที่ 1 จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541
บทคัดย่อ ปัจจุบันได้มีกำรนำ hologram ไปประยุกต์ใช้ในงำนด้ำนต่ำง ๆ มำกมำย จึงได้แนวควำมคิดประยุกต์laser
hologram ในด้ำนกำรใช้เป็น memory หรือ data storage เพื่อใช้ในกำรทำบัตรประจำตัว (ID card) ขึ้น โดยอำศัย
ลักษณะเด่นของ hologram 360^0c ซึ่งสำมำรถให้ภำพสำมมิติที่มองได้จำกทุก ๆ มุมมองโดยรอบ และภำพที่เกิดเป็นแบบ
Dynamics เมื่อมีกำรเปลี่ยนมุมกำรมอง และตำแหน่ง film ลอดจนลักษณะกำรปลอมแปลงของ hologram ทำได้ยำกจึง
นำมำเก็บรักษำควำมปลอดภัยและควำมเชื่อถือได้ของบัตร งำนวิจัยนี้จึงประกอบด้วยกำร
1.ศึกษำและทดลองเกี่ยวกับ hologram 360^0c เพื่อนำไปประยุกต์สร้ำงเป็นบัตรประจำตัว
2.ออกแบบ ทดลอง และพัฒนำกำรสร้ำง hardware ในส่วนของเครื่องสำหรับอ่ำนและตรวจสอบบัตร
3.พัฒนำ software เพื่อทำงำนในด้ำน pattern recognition เพื่อกำรอ่ำนและยืนยัน ( verify) บัตรสำหรับเครื่องอ่ำน
บัตร ตลอดจนออกแบบระบบ pattern สำหรับเก็บข้อมูลบนบัตร ระบบสำหรับกำรอ่ำนและพัฒนำsoftware เพื่อทำกำร
simulate และทดลองกำรทำงำนของระบบ กำรอ่ำน กำรใช้บัตร กำรทำงำนของเครื่องอ่ำนบัตรและ software (program)
ที่ใช้อ่ำน
กำรศึกษำทดลองขณะนี้เป็นกำรพัฒนำsoftware ซึ่งประกอบด้วย
1. กำรศึกษำหลักกำร ลักษณะของข้อมูลตลอดจนกำรเชื่อมโยง software และวิธีที่ใช้ในกำรอ่ำนและเก็บข้อมูลเพื่อ
วิธีของ pattern recognition ที่จะนำมำใช้โดยรวมถึงกำรพิจำรณำ tolerance ที่ย่อมรับได้
2. ทดลองเขียน และพัฒนำ software สำหรับ pattern recognition ในกำรอ่ำนบัตร
3. ทดลองเขียน และพัฒนำ software เพื่อใช้ในกำร simulate ผลที่ได้จำกกำรใช้software ที่เขียนขึ้น กำร
อ่ำน กำรทำ pattern recognition และระบบกำรใช้บัตรฯลฯ
4. ทดลองทำ simulation เพื่อนำผลที่ได้มำใช้ในกำรพัฒนำระบบ software , hardware , และส่วนอื่น ๆ
ของบัตรต่อไป
ขณะนี้ในส่วนที่พัฒนำ software อยู่ในขั้นตอนกำรศึกษำระบบ hardware และเลือกวิธีของ
pattern recognition เพื่อใช้ในกำรเขียน program (หรือ พัฒนำ software) รวมถึงกำรทดลอง
simulate อย่ำงง่ำยและกำรศึกษำกำรใช้development tools ต่ำง ๆ เช่น ภำษำ computer ,
program ต่ำง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกำร simulate และพัฒนำด้ำน software ต่อไป
งำนวิจัยนี้อยู่ระหว่ำงกำรดำเนินกำรจำกหลำย ๆ ฝ่ำยที่เกี่ยวข้อง และได้รับกำรตอบรับกำรจดทะเบียนสิทธิบัตรเรียบร้อย
แล้ว
ตัวอย่างโครงงาน 3
ชื่อโครงงำน Shader 3D เพื่อ การพัฒนาซอฟต์แวร์เกมส์ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยกฤชวัฒน์ เวชสำร ชื่อ
อำจำรย์ที่ปรึกษำ ดร.วิวำรำช พรแก้ว สถำบันกำรศึกษำ โรงเรียนเทพศิรินทร์ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ
คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน ไม่ระบุ บทคัดย่อ คอมพิวเตอร์กรำฟิกได้เข้ำมำมีบทบำทในงำนวิจัยด้ำนต่ำง
ๆ กว่ำ 20 ปี ทั้งยังมีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่องจนปัจจุบันมีควำมใกล้ชิด และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมำกขึ้น เพรำะ
กำรประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์กรำฟิกกับสำขำวิชำต่ำงๆ อำนวยให้กำรทำงำนนั้นมีประสิทธิภำพ ถูกต้องแม่นยำ
สะดวกและเหมำะสมต่อกำรนำข้อมูลไปใช้วิเครำะห์ แก้ปัญหำ และ/หรือใช้กับงำนประยุกต์ที่มีควำมสลับซับซ้อน
มำก ๆ ได้แต่จำนวนข้อมูลป้อน(Data input) ในกำรประมวลผล (Process) แปรผันตรงกับจำนวนเวลำที่
ใช้และชุดคำสั่งมักเป็นจำนวนชนิดทศนิยม(float) ซึ่งทำให้มีค่ำหน่วงเวลำ (latency) ในกำรทำงำนมำก
โครงงำน 3D Shader for Game Programming นี้ มุ่งพัฒนำต้นแบบMini-3D Graphics
Engine สำหรับ กำรพัฒนำเกมส์ ในส่วนGraphics core โดยอำศัยเทคนิคกำร Optimizing
code ร่วมกับกำรวำง Prototyping แบบพิเศษให้เข้ำกับ Hardware Functions (Logical
Layers)ของ CPU และ Display card ให้กำรแสดงผลมีประสิทธิภำพสูงขึ้น และเป็นกำรใช้ทรัพยำกรที่
คุ้มค่ำ เพื่อลดcauses of bottlenecks และ penaltiesโดยส่วนของฮำร์ดแวร์ใช้AMD
Processor และ nVidia GeFocre Display card series ส่วนของ
กำร Programming ใช้OpenGL ในกำรพัฒนำโปรแกรมเพื่อกำรทดสอบ
ตัวอย่างโครงงาน 4
ชื่อโครงงำน ศึกษาและพัฒนา Hand - Written OCR ชื่อผู้ทำโครงงำนนำงสำวธัญญพร
เรือนโรจน์รุ่ง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ดร.สุรพันธ์ เมฆนำวิน สถำบันกำรศึกษำ นักเรียนระดับมัธยมศึกษำปี
ที่ 5 โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน
1/1/2541 บทคัดย่อ กำรศึกษำรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกำรทำ OCR (Optical Character
Recognition) และรวบรวมตัวอย่ำงลำยมือจำกแหล่งต่ำงๆ เพื่อนำมำศึกษำสภำพปัญหำ พบปัญหำที่
สำคัญ ได้แก่ ปัญหำในกำรตัดตัวอักษร รูปแบบของตัวอักษรที่คล้ำยกันมำก เช่น ด-ค-ต , ก-ถ-ภ , ผ-ฝ-พ-
ฟ กำรเขียน ผิดรูปซึ่งมีผลให้ตัวอักษรที่ต่ำงกันมีลักษณะคล้ำยกัน เช่น ย-ผ , ร-ช , พ-ม และควำม
หลำกหลำยของ ลำยมือ ดังนั้นกำรจะจดจำลักษณะตัวอักษรแต่ละตัวได้ ควรจะเน้นที่กำรจดจำ
ลักษณะร่วมหรือลักษณะเด่น ของตัวอักษรนั้น จำกลำยมือที่ต่ำงกัน โดยกำรพิจำรณำว่ำตัวอักษร คือ กรำฟ
ที่ประกอบด้วยจุดยอดและขอบที่ลำกเชื่อมจุด แล้วแทนอักษรแต่ละตัวด้วยจุด แต่เกิดปัญหำว่ำไม่สำมำรถ
ระบุได้ชัดเจน ว่ำ ลักษณะของจุดนั้นจะใช้แทนตัวอักษรตัวใด จึงเพิ่มแฟกเตอร์บำงอย่ำงเข้ำไป คือ เพิ่ม
จำนวนจุดในบริเวณ จุดตัด จุดปลำยและจุดสุดขอบด้ำนต่ำง ๆ กำหนดลำดับของจุด อักษรที่คล้ำยกันมำก
และใช้ลักษณะเด่น ของตัวนั้นแทนจุดในบำงตำแหน่ง ทำให้ควำมชัดเจนมำกขึ้นและจะได้พิจำรณำวิธีกำร
อื่น ๆ เช่น กำรใช้อัตรำส่วนของระยะระหว่ำงจุด กำรพิจำรณำจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ำยของตัวอักษรใน
กำรแบ่งกลุ่มตัวอักษรให้ เหลือตัวที่พิจำรณำน้อยลง แต่เนื่องจำกตัวอักษรภำษำไทยมีควำมซับซ้อนและมี
รำยละเอียดค่อนข้ำงมำก จึงมุ่งเน้นให้สำมำรถรู้จำตัวเลข0-9 ให้ได้ก่อน เพื่อนำไปใช้ในกำรคัดแยก
จดหมำย
เนื่องจำกรูปแบบลำยมือที่พบบ่อยในกำรเขียนตัวเลขมีไม่มำกนัก เมื่อแทน
ตัวเลขด้วยจุดที่มีกำรกำหนดลำดับ พิจำรณำจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ำยของตัวเลขแล้ว ก็
สำมำรถแยกควำมแยกต่ำงของตัวเลขแต่ละตัวได้ค่อนข้ำงมำก นอกจำกนี้จะใช้วิธีต่ำง
ๆ มำประกอบเพื่อเพิ่มควำมถูกต้อง ได้แก่ กำรพิจำรณำตำแหน่งของจุดโดยให้
ควำมสำคัญกับทิศทำงมำกกว่ำระยะทำง โดยกำหนดทิศทำงเพียง8 ทิศ ถ้ำมีทิศต่ำงไป
จำกทิศที่กำหนด จะหำว่ำมีทิศใกล้เคียงกับทิศใดที่มกที่สุดและกำหนดให้เป็นทิศนั้น
พิจำรณำจำกจำนวนจุดที่ใกล้เคียงกัน และพิจำรณำจำกลักษณะเด่ของตัวเลขก็จะเพิ่ม
ควำมถูกต้องได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับปัญหำในกำรอ่ำนตัวเลขซึ่งอำจพบได้ เช่น กำรเขียนตัวเลขสองตัวติดกัน หรือ
กำรเขียนตัวเลขตัวเดียวแต่เส้นไม่ต่อเนื่องอำจทำให้เกิดควำมสับสนได้และปัญหำที่
สำคัญอีกประกำรหนึ่งคือ กำรเขียนผิดรูปซึ่งทำให้ยำกแก่กำรจำแนกว่ำตัวเลขตัวใด
ซึ่งยังจะต้องศึกษำและพัฒนำต่อไป
ตัวอย่างโครงงาน 5
ชื่อโครงงำน โครงการโปรแกรมการคานวณแบบขนานเพื่อการจาลองการเกิดคลื่นสินามิ ประเภท
โปรแกรมเพื่องานพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย อำทิตย์อินทวี , นำงสำว เปรม
จิต อภิเมธ๊ธธำำรง, นำย กิตติพัฒน์ วิโรจน์ศิริ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อ.ดร.วีระ เหมืองสิน สถำบันกำรศึกษำ
จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน
1/1/2541บทคัดย่อ
Tsunami is one of the most serious disasters. To prevent from the
loss, an effective warning system must be established. Nowadays,
there is no warning system that is both accurate and fast enough to
generate the warning in time, thus false alarms are common. Soon
people will ignore the warning, and we may face another tragedy.
There is a program named TUNAMI which can accurately
calculate the water level and the speed of tidal wave given initial
parameter, but this program is very slow due to a lot of calculation.
The parallel tsunami simulation program will be the parallel version of
TUNAMI, applying both functional and domain decompositions. This
program will be much faster than the original program and will be able
to be used in real-time warning system.
แหล่งอ้ำงอิง
• http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post_25.html
• http://www.vcharkarn.com/project/search

Contenu connexe

Similaire à ใบงานท 6

โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1Lift Ohm'
 
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memoโครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini MemoAon NP
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตย
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตยโครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตย
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตยKazuma Fujiwara
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏีใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏีUmaporn Maneesatjang
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์Aon NP
 
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษ
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษโครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษ
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษAon NP
 
โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์Aon NP
 
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memoโครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini MemoAon NP
 
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติกโครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติกพัน พัน
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์Nutchuda Somphun
 
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณ
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณแจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณ
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณสุดรัก หวานใจ
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11aunaun07
 
กล่องนม
กล่องนมกล่องนม
กล่องนมNIng Bussara
 

Similaire à ใบงานท 6 (20)

โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1
 
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memoโครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตย
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตยโครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตย
โครงงานวิทย์ Fastastic มหัศจรรย์กระดาษจากใบเตย
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏีใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์
 
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษ
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษโครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษ
โครงงานงานประดิษฐ์ถุงกระดาษ
 
โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์โครงงานงานประดิษฐ์
โครงงานงานประดิษฐ์
 
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memoโครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
โครงงานถุงกระดาษ Mini Memo
 
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติกโครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
โครงงานกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานช้อน
โครงงานช้อนโครงงานช้อน
โครงงานช้อน
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างงานคอมพิวเตอร์
 
K11
K11K11
K11
 
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณ
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณแจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณ
แจกันสวยด้วยขวดใส ครูศุภวรรณ
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11
 
กล่องนม
กล่องนมกล่องนม
กล่องนม
 

Plus de Revill Noes

Eating clean & healtily
Eating clean & healtilyEating clean & healtily
Eating clean & healtilyRevill Noes
 
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"Revill Noes
 
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์Revill Noes
 
ใบงานที่6 เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏี
ใบงานที่6  เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏีใบงานที่6  เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏี
ใบงานที่6 เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏีRevill Noes
 
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือRevill Noes
 
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือRevill Noes
 
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงาน
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงานใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงาน
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงานRevill Noes
 
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์Revill Noes
 

Plus de Revill Noes (8)

Eating clean & healtily
Eating clean & healtilyEating clean & healtily
Eating clean & healtily
 
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"
ใบงานที่4 เรื่องโครงงานประเภท "การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา"
 
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่8 เรื่อง โครงงานประเภท การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
 
ใบงานที่6 เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏี
ใบงานที่6  เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏีใบงานที่6  เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏี
ใบงานที่6 เรื่องโครงงานประเภท การทดลองทฤษฏี
 
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
 
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
 
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงาน
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงานใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงาน
ใบงานที่3 ขอบข่ายและประเถทของโครงงาน
 
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่2 ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
 

ใบงานท 6

  • 2. จัดทำโดย นำงสำวนิรำภรณ์ พัวศิริ เลขที่ 8 นำงสำววริศรำ อัมพะเศวต เลขที่ 15 มัธยมศึกษำปีที่ 6/3 เสนอ คุณครู นำงเขื่อนทอง มูลวรรณ์ โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำปีที่ 2557
  • 4. ควำมหมำย โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงำนที่ใช้คอมพิวเตอร์ในกำรจำลองกำรทดลองของ สำขำต่ำงๆ ซึ่งเป็นงำนที่ไม่สำมำรถทดลองด้วยสถำนกำรณ์จริงได้เช่น กำรจุดระเบิด เป็นต้น และเป็น โครงงำนที่ผู้ทำต้องศึกษำรวบรวมควำมรู้ หลักกำร ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่ำงๆ อย่ำงลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องกำร ศึกษำแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักกำร ซึ่งอำจอยู่ในรูปของสูตร สมกำร หรือคำอธิบำย พร้อมทั้ง กำรจำลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมำเป็นภำพ ภำพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตำมสูตรหรือสมกำรนั้น ซึ่งจะ ทำให้ผู้เรียนมีควำมเข้ำใจได้ดียิ่งขึ้น กำรทำโครงงำนประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่ผู้ทำต้องมีควำมรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่ำงดี ตัวอย่ำงโครงงำนจำลองทฤษฎี เช่น กำรทดลองเรื่องกำรไหลของของเหลว กำรทดลองเรื่อง พฤติกรรมของปลำปิรันย่ำ และกำรทดลองเรื่องกำรมองเห็นวัตถุแบบสำมมิติ เป็นต้น
  • 6. เลขทะเบียน คง 2543 ต002 โรงเรียน โรงเรียนจิรประวัติวิทยำคม อำเภอเมือง นครสวรรค์ 2543 เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะกำรประกวดรำงวัลที่ 2 กำหนดหัวข้อ ภำคเหนือตอนล่ำง ชื่อเรื่อง A MAGIC SWITCH จานวนหน้า 23 หน้ำ ภำพประกอบ สาระสังเขป โครงงำนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้ำงสวิทซ์ไฟฟ้ำที่สำมำรถเปิดปิดไฟได้โดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีคนอยู่ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ เครื่องวัดระดับเสียง วงจรสวิทซ์แสง วิธีดำเนินกำรทดลองคือ ทำกำรวัดระดับควำม ดังของเสียงในขณะที่มีคนอยู่ในห้องและไม่มีคนอยู่บันทึกไว้ต่อมำเปรียบเทียบแรงไฟและแสงสว่ำง ระหว่ำงเวลำกลำงวันและกลำงคืน ทำกำรบันทึก แล้วนำควำมแตกต่ำงของเสียงและแสงสว่ำงที่วัดได้ ไปตั้งค่ำกับเครื่องมือ เชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้ำที่ทำกำรจ่ำยกระแสไฟให้กับหลอดไฟจำกผลกำรทดลอง พบว่ำ เครื่องมือดังกล่ำวสำมำรถทำงำนได้ดี คือเมื่อห้องว่ำงไม่มีนักเรียนอยู่ในห้อง เครื่องมือจะทำกำร ดับไฟ และไม่มีเสียงดังเกินค่ำที่ตั้งไว้เครื่องมือก็จะทำกำรปิดไฟได้อย่ำงถูกต้องโดยอำจมีควำม ผิดพลำดบ้ำงเมื่อมีเสียงออดระหว่ำงคำบเรียน หัวเรื่อง สวิทซ์ ไฟฟ้ำ
  • 7. เลขทะเบียน คง 2542 ต041 โรงเรียน โรงเรียนจิรประวัติวิทยาคม อาเภอเมือง นครสวรรค์ 2542 เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะการประกวดรางวัลที่ 1 กาหนดหัวข้อ ภาคเหนือตอนล่าง ชื่อเรื่อง MOTER SPRAYER IV จำนวนหน้ำ 31 หน้า ภาพประกอบ สำระสังเขป โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการลดการใช้แรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือในการทา การเกษตร อุปกรณ์ที่ใช้ทาการทดลอง ได้แก่ Motor Sprayer IV ซึ่งเป็นเครื่องมือทาสเปรย์ที่ใช้ ในการพ่นสารเคมี หรือสารสกัดจากพืชเพื่อกาจัดแมลงศัตรูพืช ให้ปุ๋ ย ฮอร์โมน ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นจากการ พัฒนามาจาก Motor Sprayer 3 ซึ่ง Motor Sprayer 3 ต้องใช้แบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์ ทาให้เกษตรกรต้องแบกเป็นเวลานานและไม่สะดวกต่อการใช้งาน เมื่อMotor ส่วนท้ายชารุดจะมีผล ทาให้ Motor หมุนช้าลงและละอองน้ายาที่ฉีดพ่นกระจายตัวไม่สม่าเสมอ จึงได้มีการปรับปรุง โดย การเพิ่มประสิทธิภาพ Motor ให้ใช้ไฟเลี้ยงแรงดันไฟเพียง 4.8 โวลต์ เปลี่ยนแม่เหล็กเป็นแบบความ เข้มข้นของสนามแม่เหล็กสูง เพื่อลดการใช้พลังงานพลังงานไฟฟ้ า เปลี่ยนแกนหมุนเป็นแบบลูกปืน เพื่อ ลดการเสียดทาน ลดอัตราการไหลของน้ายาลงทาให้ปริมาณยาฉีดพ่นและเพิ่มประสิทธิการกระจายตัว ของยาที่ฉีดพ่น ลดขนาดถังน้ายาและใช้แบตเตอรี่เลียนแบบถ่านนิเกิล แคดเมียม สรุปแล้วพบว่า เครื่อง Motor Sprayer 4 ที่ทาการปรับปรุงนี้สามารถใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ารุ่น ก่อนเป็นอย่างมาก หัวเรื่อง มอเตอร์ sprayer
  • 8. เลขทะเบียน คง 2549 ป057 โรงเรียน โรงเรียนอัสสัมชัญลำปำง จังหวัดลำปำง 2549 เกียรติบัตร ม.ปลำย ชนะกำรประกวดรำงวัลชมเชย สำขำวิทยำศำสตร์ประยุกต์ภำคเหนือตอนบน ชื่อเรื่อง VISUALIZER (เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง) จานวนหน้า 19 หน้ำ ภำพประกอบ สาระสังเขป โครงงำนวิทยำศำสตร์ เรื่อง VISUALIZER (เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง) จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในกำรนำหลักกำรทำงด้ำน วิทยำศำสตร์เรื่องแสงตกกระทบวัตถุ แสงจะสะท้อนวัตถุออกมำ เพื่อเป็นกำรผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์กำรเรียนกำรสอนในชั้นเรียน ซึ่ง ขั้นตอนกำรทำก็เริ่มจำกดำเนินกำรศึกษำจำกอุปกรณ์จริง คือ เครื่อง VISUALIZER ในห้องปฏิบัติกำรว่ำมีคุณสมบัติ และวิธีกำรทำงำน อย่ำงไร ผลที่ได้คือ หลักกำรสะท้อนของแสง เมื่อมีแสงมำตกกระทบวัตถุ แสงจะสะท้อนวัตถุนั้นและเกิดภำพหรือลักษณะของวัตถุนั้น ออกมำ ในลักษณะของกำรสมมำตรคือ กำรตกกระทบเท่ำกับกำรสะท้อน และถ้ำเรำนำฉำกไปรับสำมำรถเกิดภำพได้ จึงนำหลักกำรดังกล่ำว มำประยุกต์ใช้ และเรำได้ใช้เลนส์นูนร่วมกับกำรประดิษฐ์เนื่องจำกมีคุณสมบัติรวมแสง แต่ภำพที่เกิดภำพหัวกลับ เรำจึงใช้กระจกเงำรำบ แผ่นหนึ่งสะท้อนไปยังฉำกเพื่อให้ได้ภำพหัวตั้ง จำกกำรนำโครงงำนทำให้เรำสำมำรถผลิตสื่ออุปกรณ์ ที่เกิดจำกวัสดุที่รำคำไม่แพงและมี คุณสมบัติที่สำมำรถใช้ได้เช่นเดียวกับอุปกรณ์ที่ทำงคณะผู้จัดทำต้องกำรศึกษำ และได้ทำกำรทดลองใช้งำนพร้อมกับทำกำรทดลองหำควำม ชัด โดยพบว่ำถ้ำเรำใช้แสงไฟที่เข้มเพียงพอ และขนำดเลนส์ที่ใหญ่เรำก็จะสำมำรถฉำยภำพที่ขนำดใหญ่ได้แล้วภำพที่ได้ก็จะชัดเจนมำกกว่ำ กำรใช้ควำมเข้มแสงน้อย และเลนส์ขนำดเล็ก นอกจำกนี้เรำต้องอำศัยปัจจัยภำยนอกเข้ำมำช่วยด้วย คือ ควำมสว่ำงของบริเวณภำยในห้องที่ เรำใช้ต้องมีน้อย นั้นคือควำมสำมำรถเกิดภำพที่ชัดเจนได้ในที่มืด เพรำะฉะนั้นกำรผลิตเครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง (VISUALIZER)นี้ก็ เป็นกำรที่สำมำรถทำให้เกิดแนวทำงในกำรนำไปพัฒนำในต่อๆ ไปมำกขึ้น หัวเรื่อง เครื่องฉำยภำพวัตถุทึบแสง VIisualizer
  • 9. เลขทะเบียน คง 2545 ต064 โรงเรียน โรงเรียนเรยีนำเชลีวิทยำลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2545 เกียรติบัตร ม.ต้น ชนะกำรประกวดรำงวัลชมเชย สำขำวิทยำศำสตร์ชีวภำพ ภำคเหนือตอนบน ชื่อเรื่อง Wallpaper จำกเศษวัสดุธรรมชำติช่วยลดควำมร้อนภำยในบ้ำน จานวนหน้า 22 หน้ำ : ภำพประกอบ สาระสังเขป ทำงคณะผู้จัดทำได้แนวคิดที่จะลดขยะโดยนำมำทำเป็นกระดำษบุผนังหรือWallpaper ซึ่งสำมำรถดูดควำม ร้อนได้จึงแบ่งกำรทดลองออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 นำชำนอ้อยมำทำWallpaper ขั้นแรกเติมโซดำไฟเพื่อให้ ชำนอ้อยนิ่ม นำไปต้มเพื่อให้แยกออกเป็นเส้นๆ หลังจำกนั้นบดให้ละเอียด และนำเยื่อของชำนอ้อยที่ได้ไปตำกแห้ง ให้เป็นแผ่น และทำแชลแลคในขั้นตอนสุดท้ำยเพื่อควำมแข็งทนทำนและเป็นมันวำว ตอนที่ 2 ทำบ้ำนจำลองโดยใช้ กล่อง 2 ใบซึ่งมีขนำดและควำมหนำเท่ำกันและติด Wallpaperจำกชำนอ้อย หนึ่งใบ วัดอุณหภูมิของกล่องทั้ง สองใบ จำกกำรทดลองตอนที่ 1 พบว่ำ เยื่อของชำนอ้อยสำมำรถเกำะติดกันเป็นแผ่นเดียวกัน แต่ไม่สวยสมบูรณ์มำก นักเนื่องจำกกำรทดลองครั้งนี้ทำเพื่อให้เห็นถึงกำรยึดเกำะของเยื่อจำกชำนอ้อย แต่ไม่ได้พิถีพิถันตกแต่งให้เกิดควำม สวยงำม และตอนที่ 2พบว่ำ กล่องที่ติด Wallpaper จำกชำนอ้อยจะมีอุณหภูมิต่ำกว่ำกล่องที่ไม่ ติด Wallpaper สรุปได้ว่ำเยื่อของชำนอ้อยมีคุณสมบัติในกำรดูดควำมร้อนได้จริง หัวเรื่อง กำรใช้ของเสียให้เป็นประโยชน์ ชำนอ้อย
  • 10. เลขทะเบียน คง 2546 ป106 โรงเรียน โรงเรียนนิยมศิลป์ อนุสรณ์ จ.เพชรบูรณ์ 2546 เกียรติบัตร ม.ปลาย ชนะการประกวดรางวัลที่ 2 สาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ภาคเหนือตอนล่าง ชื่อเรื่อง My Injet จำนวนหน้ำ 32 หน้า : ภาพประกอบ สำระสังเขป ศึกการนาส่วนต่างๆของพืชที่ให้สีต่างกัน มาผสมตามหลักทฤษฎีสีเพื่อให้เกิดสีดา โดยทดลองเปรียบเทียบวิธี สกัดสีจากพืช พบว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการสกัดด้วยเมธานอล จากนั้นสกัดสีจากส่วนต่างๆของพืช โดยสี แดงสกัดได้จากใบประดับเฟื่องฟ้ า สีเหลืองได้จากขมิ้น และสีน้าเงินได้จากดอกอัญชัน นาน้าสีที่สกัดได้ไปอบ ด้วยความร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ตัวสีที่เข้มข้น จากนั้นนาตัวสีแต่ละสีมา 0.5 กรัม นา แต่ละสีไปผสมน้าอย่างละ 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร ในอัตราส่วนระหว่าง สีแดง : สีเหลือง : สีน้าเงิน เท่ากับ 3 : 1 : 4 จะได้สีดาที่สุดแล้วนาไปอบด้วยความร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง เมื่อได้สารสีดาที่เข้มข้นแล้ว นาไปผสมเอทานอล 50% ที่อัตราส่วนคือ หมึก 1 กรัม : เอทานอล 3 ลูกบาศก์เซนติเมตร จากนั้นเติมน้ายาล้าง จาน 0.1 ลูกบาศก์เซนติเมตร เพื่อลดแรงตึงผิว แล้วนาไปปั่นให้ตกตะกอน 3 ครั้ง นาหมึกบรรจุในคาร์ทริดจ์แล้ว สั่งพิมพ์ พบว่าสามารถพิมพ์ได้แต่สีดายังดาไม่สนิท เนื่องจากเป็นสีจากธรรมชาติจึงไม่เข้มเหมือนกับหมึก สังเคราะห์ หัวเรื่อง หมึกพิมพ์
  • 12. กำรทำโครงงำนมีขั้นตอนกำรปฏิบัติ ดังนี้ ๑ กำรคิดและกำรเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรื่องของโครงงำนด้วยตนเองว่ำอยำกจะศึกษำอะไร ทำไมจึงอยำก ศึกษำ หัวเรื่องของโครงงำนมักจะได้มำจำกปัญหำ คำถำมหรือควำมอยำกรู้อยำกเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่ำงๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของ โครงงำนควรเฉพำะเจำะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่ำนชื่อเรื่องแล้วควรเข้ำใจและรู้เรื่องว่ำโครงงำนนี้ทำจำกอะไร กำรกำหนดหัวเรื่องของ โครงงำนนั้นมีแหล่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดควำมคิดและควำมสนใจหลำยแหล่งด้วยกัน เช่น จำกกำรอ่ำนหนังสือ เอกสำร บทควำม กำร เยี่ยมชมสถำนที่ต่ำงๆ กำรฟังบรรยำยทำงวิชำกำร กำรเข้ำชมนิทรรศกำรหรืองำนประกวดโครงงำนทำงวิทยำศำสตร์ กำรสนทนำกับบุคคล ต่ำงๆ หรือจำกำรสังเกตปรำกฏกำรณ์ต่ำงๆ รอบตัว เป็นต้น นอกจำกนี้ ควรคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้ - ควำมเหมำะสมของระดับควำมรู้ ควำมสำมำรถของผู้เรียน - วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ - งบประมำณ - ระยะเวลำ - ควำมปลอดภัย - แหล่งควำมรู้
  • 13. ๒ กำรวำงแผน กำรวำงแผนกำรทำโครงงำนจะรวมถึงกำรเขียนเค้ำโครงของโครงงำนซึ่งต้องมีกำรวำงแผนไว้ล่วงหน้ำเพื่อให้กำรดำเนินกำร เป็นไปอย่ำงรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนำเสนอต่อผู้สอนหรือครูที่ปรึกษำเพื่อขอควำมเห็นชอบก่อนดำเนินกำรขั้นต่อไป กำรเขียน เค้ำโครงของโครงงำนโดยทั่วไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิดแผนงำน และขั้นตอนกำรทำโครงงำน ซึ่งควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ ๑) ชื่อโครงงำน ควรเป็นข้อควำมที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อควำมหมำยได้ตรง ๒) ชื่อผู้ทำโครงงำน ๓) ชื่อที่ปรึกษำโครงงำน ๔) หลักกำรและเหตุผลของโครงงำน เป็นกำรอธิบำยว่ำเหตุใดจึงเลือกทำโครงงำนเรื่องนี้ มีควำมสำคัญอย่ำงไร มีหลักกำรหรือ ทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทำเป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษำค้นคว้ำเรื่องนี้ไว้บ้ำงแล้ว ถ้ำมีได้ผลอย่ำงไร เรื่องที่ทำได้ขยำยเพิ่มเติม ปรับปรุงจำกเรื่องที่ผู้อื่นทำไว้อย่ำงไร หรือเป็นกำรทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล ๕) จุดมุ่งหมำยหรือวัตถุประสงค์ควรมีควำมเฉพำะเจำะจง และสำมำรถวัดได้เป็นกำรบอกขอบเขตของงำนที่จะทำได้ชัดเจนขึ้น ๖) สมมติฐำนของกำรศึกษำค้นคว้ำ (ถ้ำมี) สมมติฐำนเป็นคำตอบหรือคำอธิบำยที่คำดไว้ล่วงหน้ำ ซึ่งอำจจะถูกหรือไม่ก็ได้ กำรเขียน สมมติฐำนควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักกำรรองรับ และที่สำคัญ คือ เป็นข้อควำมที่มองเห็นแนวทำงในกำรดำเนินกำรทดสอบได้ นอกจำกนี้ควรมีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตัวแปรอิสระและตัวแปรตำมด้วย ๗) วิธีดำเนินงำนและขั้นตอนกำรดำเนินงำนจะต้องอธิบำยว่ำ จะออกแบบกำรทดลองอะไรอย่ำงไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้ำงรวมทั้ง ระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ มีอะไรบ้ำง ๘) แผนปฏิบัติงำน อธิบำยเกี่ยวกับกำหนดเวลำตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นกำรดำเนินงำนในแต่ละขั้นตอน ๙) ผลที่คำดว่ำจะได้รับ ๑๐) เอกสำรอ้ำงอิง
  • 14. ๓ การดาเนินงาน เมื่อที่ปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครงของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอน ที่ระบุไว้ ผู้เรียนต้องพยายามทาตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ คานึงถึงความประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทาอะไรไปบ้าง ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและ ข้อคิดเห็นอย่างไร พยายามบันทึกให้เป็นระเบียบและครบถ้วน ๔ การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจถึงแนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงงานนั้น การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ชัดเจนและ ครอบคลุมประเด็นสาคัญๆ ทั้งหมดของโครงงาน ๕ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงานและเข้าใจถึงผลงานนั้น การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลาย รูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การเขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือการ รายงานปากเปล่า การบรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การแสดงผลงานนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหา
  • 15. กำรเขียนรำยงำนโครงงำน กำรเขียนรำยงำนโครงงำนเป็นรูปแบบหนึ่งของกำรนำเสนอผลงำนของโครงงำนที่ผู้เรียนได้ศึกษำค้นคว้ำตั้งแต่ ต้นจนจบ กำรกำหนดหัวข้อในกำรเขียนรำยงำนโครงงำนอำจไม่ระบุตำยตัวเหมือนกันทุกโครงงำน ส่วนประกอบของ หัวข้อในรำยงำนต้องเหมำะสมกับประเภทของโครงงำนและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของกำรเขียนรำยงำน โครงงำน แบ่งกว้ำงๆเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย ๑) ชื่อโครงงำน ๒) ชื่อผู้ทำโครงงำน ชั้น โรงเรียน และวันเดือนปีที่จัดทำ ๓) ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ๔) คำนำ ๕) สำรบัญ ๖) สำรบัญตำรำง หรือภำพประกอบ (ถ้ำมี) ๗) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้ำโครงอย่ำงย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์วิธีกำรศึกษำ ระยะเวลำ และ สรุปผล ๘) กิตติกรรมประกำศเพื่อแสดงควำมขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงำนที่ให้ควำมช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
  • 16. ๒. ส่วนเนื้อเรื่อง ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจในการเลือกหัวข้อโครงงาน ๒) วัตถุประสงค์ของโครงงาน ๓) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า ๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การดาเนินงานเป็นไปตามหัวข้อเรื่อง ตรง ตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และพิสูจน์คาตอบ (สมมติฐาน) ตามประเด็นที่กาหนด ดังตัวอย่างการเขียนแผนผัง โครงงานต่อไปนี้ ในแผนผังโครงงานทาให้เห็นระบบการทางานอย่างมีเป้ าหมาย มีการวางแผนการทางาน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ ต้องการทราบ คือ หัวข้อย่อย หรือคาถามย่อยของหัวข้อโครงงาน ถ้ามีมาก ๑ ข้อ ก็จะเรียงลาดับทีละหัวข้อ พร้อมทั้ง บอกสมมติฐาน วิธีศึกษา และแหล่งศึกษาค้นคว้าตามแผนผังให้ครบทุกข้อ สิ่งที่ต้องการทราบ สมมติฐาน วิธี การศึกษา แหล่งศึกษา/แหล่งข้อมูล หัวข้อย่อยจากหัวข้อเรื่องของโครงงานที่ต้องการหาคาตอบ การตอบคาถาม ล่วงหน้า ค้นคว้า สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสื่อชนิดต่างๆ - เอกสาร หนังสือ - สถานที่ บุคคล ๕) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคาตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อย่อยที่ต้องการทราบ ว่า เป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจากัดหรือปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะใกล้เคียงกัน
  • 17. ๓. ส่วนท้ำย ส่วนท้ำย ประกอบด้วย ๑) บรรณำนุกรม หรือ เอกสำรอ้ำงอิง หรือเอกสำรที่ใช้ค้นคว้ำ ซึ่งมีหลำยประเภท เช่น หนังสือ ตำรำ บทควำม หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีกำรเขียนบรรณำนุกรมต่ำงกัน เช่น หนังสือ ชื่อ นำมสกุล. ชื่อหนังสือ. สถำนที่พิมพ์: สำนักพิมพ์, ปีที่พิมพ์ บทควำมในวำรสำร ชื่อผู้เขียน "ชื่อบทควำม," ชื่อวำรสำร. ปีที่หรือเล่มที่ : หน้ำ ;วัน เดือน ปี. คอลัมน์จำกหนังสือพิมพ์ ชื่อผู้เขียน "ชื่อคอลัมน์ : ชื่อเรื่องในคอลัมน์" ชื่อหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี. หน้ำ. ๒) ภำคผนวก เช่น โครงร่ำงโครงงำน ภำพกิจกรรม แบบสอบถำม บทสัมภำษณ์ ในกำรทำโครงงำนประเภททดลอง ต้องมีกำรจัดกำรกับตัวแปรที่จะมีผลต่อกำรทดลอง ซึ่งจะมี 4 ชนิด คือ • ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ หมำยถึง เหตุของกำรทดลองนั้นๆ • ตัวแปรตำม ซึ่งจะเป็นผลที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น • ตัวแปรควบคุม หมำยถึง สิ่งที่ต้องควบคุมให้เหมือนๆกัน มิฉะนั้นจะมีผลทำให้ตัวแปรตำมเปลี่ยนไป • ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ ตัวแปรควบคุมนั่นเอง แต่บำงครั้งเรำจะควบคุมไม่ได้ซึ่งจะมีผลแทรก ซ้อน ทำให้ผลกำรทดลองผิดไป แต่แก้ไขได้โดยกำรตัดข้อมูลที่ผิดพลำดทิ้งไป
  • 18. แหล่งอ้ำงอิง เนื้อหา • http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7 • http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=24.0 • http://www.prc.ac.th/SBM/p2.htm ตัวอย่างโครงงานทดลอง • http://scienceproject.makewebeasy.com/customize- %E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8% B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B 8%A0%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0 %B8%87-42696-1.html
  • 19. ใบงำนที่ 7 เรื่อง โครงงำนประเภท “กำรประยุกต์ใช้งำน”
  • 21. ควำมหมำย โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน เป็นโครงงำนประยุกต์ใช้งำน เป็นโครงงำนที่ใช้ คอมพิวเตอร์ในกำร สร้ำงผลงำนเพื่อประยุกต์ใช้งำนจริงในชีวิตประจำวัน อำทิเช่น ซอฟต์แวร์ สำหรับกำรออกแบบและตกแต่งภำยในอำคำร ซอฟต์แวร์สำหรับกำรผสมสี และซอฟต์แวร์สำหรับ กำรระบุคนร้ำย เป็นต้น โครงงำนประเภทนี้จะมีกำรประดิษฐ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้ สอยต่ำงๆ ซึ่งอำจเป็นกำรคิดสร้ำงสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภำพสูงขึ้น โครงงำนลักษณะนี้จะต้องศึกษำและวิเครำะห์ควำมต้องกำรของผู้ใช้ก่อน แล้ว นำข้อมูลที่ได้มำใช้ในกำรออกแบบ และพัฒนำสิ่งของนั้นๆ ต่อจำกนั้นต้องมีกำรทดสอบกำรทำงำน หรือทดสอบคุณภำพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีควำมสมบูรณ์ โครงงำนประเภทนี้ ผู้เรียนต้องใช้ควำมรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภำษำโปรแกรม และเครื่องมือต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • 23. ตัวอย่างโครงงาน 1 ชื่อโครงงำน กำรศึกษำ Computer Generated Hologram และ กำรประยุกต์ใช้งำนอย่ำงง่ำย ชื่อผู้ทำ โครงงำน นำยไพโรจน์ ศิรินำมำรัตนะ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญญำแก้ว สถำบันกำรศึกษำ นิสิตระดับปริญญำตรีปีที่ 3 จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ กำรถ่ำยภำพ hologram ด้วยแสงเลเซอร์ (Laser hologram) คือ กำรบันทึกรูปแบบกำรแทรกสอด (Interference pattern) ของแสง 2 ขบวน คือ แสงที่มำจำกวัตถุ (Object beam) กับ แสงอ้ำงอิง (Reference beam) ลงบน recording medium โดยกำรฉำยแสงอ้ำงอิง ที่ตำแหน่งเดิมกับ recording medium อีกครั้งหนึ่ง ก็จะสำมำรถเห็นภำพวัตถุเป็นแบบ 3 มิติได้ จำกกำรศึกษำกำรเกิดภำพ 3 มิติ ด้วยวิธีข้ำงต้น เกิดจำกกำรที่แสงอ้ำงอิงผ่ำน recording medium โดยอำศัยหลักกำรแทรกสอด และเลี้ยวเบนของแสง เมื่อเรำรู้ว่ำแสงอ้ำงอิงมีลักษณะอย่ำงไร และเรำต้องกำรวัตถุ 3 มิติแบบไหน เรำก็จะจะสำมำรถคำนวณรูปแบบ กำรแทรกสอดบน recording medium, นั้นได้จำกนั้นก็สำมำรถสร้ำงรูปแบบกำรแทรกสอดที่เรำคำนวณได้ด้วยวิธี Laser writing หรือ electron Lithography เป็นต้น ซึ่ง hologram ที่ได้นี้ถูกเรียกว่ำ Computer Generated Hologram (CGH) กำรประยุกต์ใช้งำน CGH ที่เห็นได้ชัดก็เช่น กำรสร้ำงภำพ 3D holographic Television ซึ่งกำรคำนวณ Interference pattern และกำร lithography เพื่อให้ได้ภำพ 3D ที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ทำยำกส่วนที่ง่ำยลงมำก็คือกำรใช้ CGH ในกำรบังคับ ลำแสงให้เป็นรูปแบบต่ำงๆ โดยอำจทำเป็น Lens รวมแสง,กระจำยแสงให้เป็นรูปสำมเหลี่ยมสี่เหลี่ยม ซึ่งสำมำรถนำประยุกต์ใช้งำน เป็น Holographic transmitterใน Optical Wireless LANS System หรือกำรทำ Holographic Solar Concentrator เป็นต้น
  • 24. ตัวอย่างโครงงาน 2 ชื่อโครงงำน กำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย สรรเสริญ ขันทอง,นำยชัยวัฒน์ ศิระวัฒนำนนท์,นำยทรงศักดิ์ แซ่จึง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อำจำรย์ธิดำรัตน์ ต่อสุข สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัยกรุงเทพ ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2551 บทคัดย่อ กำร ประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ (Shopping Helper using Barcode with Mobile Application) มีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้ผู้บริโภคทรำบถึงรำยละเอียดของสินค้ำและ ค่ำใช้จ่ำยใน กำรเลือกซื้อสินค้ำในแต่ละครั้ง โดยกำรพัฒนำระบบใหม่ซึ่งประยุกต์ใช้กำรอ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติด้วยกล้องจำก โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจำกเดิมสินค้ำมีกำรระบุข้อมูลโดยใช้บำร์โค้ด 1 มิติเท่ำนั้น ซึ่งปัจจุบันสินค้ำแต่ละชนิดมีข้อมูลที่ใช้ ในกำรตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ำ จำนวนมำกจึงเสนอแนวคิดในกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ด 2 มิติที่สำมำรถบรรจุข้อมูลได้ มำกขึ้น และนำมำประยุกต์ใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยระบบกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำร ซื้อขำยสินค้ำ จะใช้กล้องบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติ เพื่อให้สำมำรถบอกรำยละเอียดของสินค้ำเพื่อช่วยในกำร ตัดสินใจเลือกซื้อ สินค้ำ ตรวจสอบค่ำใช้จ่ำยของสินค้ำทั้งหมดที่เลือกให้อยู่ในงบประมำณที่ตั้งไว้ระบบจะทำกำรแจ้งเตือน เมื่อผู้บริโภคใช้จ่ำยสินค้ำเกินงบประมำณที่กำหนด ซึ่งระบบจะมีกำรนำข้อมูลชนิดสินค้ำ รำยละเอียดสินค้ำ รำคำสินค้ำ จำกฐำนข้อมูล และผู้บริโภคสำมำรถนำรำยละเอียดของสินค้ำมำเปรียบเทียบกันได้โดยระบบนี้จะแบ่งกำรทำงำนออกเป็น ส่วน ๆ คือระบบกำรสร้ำงรหัสบำร์โค้ดจำกข้อมูลรำยละเอียดของสินค้ำของผู้ให้บริกำร และระบบกำรให้บริกำรโดยแสดง รำยละเอียดสินค้ำ กำรเลือกซื้อสินค้ำบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แจ้งเตือนงบประมำณที่เกินกำหนดยกเลิกสินค้ำที่ไม่ต้องกำร และระบบจะตรวจสอบกำรรวมรำคำของสินค้ำนั้นก่อนที่จะไปชำระค่ำสินค้ำ เพื่อให้ผู้บริโภคทรำบรำคำรวมของสินค้ำนั้น ตรงกับรำคำที่ต้องชำระจริงซึ่งจะอำนวยควำมสะดวกในกำรจัดสรรเลือกซื้อสินค้ำตำมงบประมำณของผู้บริโภคได้
  • 25. ตัวอย่างโครงงาน 3 ชื่อโครงงำน กำร ประยุกต์ใช้แบบรูปกำรเคลื่อนที่ของดำวเปรำะในแบบรูปกำรเคลื่อนที่ของหุ่น ยนต์The Application of Brittle Star Locomotion Patterns for Robotic Locomotion โปรแกรมเพื่อ ประยุกต์กำรใช้งำน (นักเรียน) ชื่อผู้ทำโครงงำน นำงสำวสุพิชญำ สุจริยำกุล , นำยพิลิปดำ เหลืองประเสริฐ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ผศ.ดร.สโรช ไทรเมฆ สถำบันกำรศึกษำ โรงเรียนมหิดลวิทยำนุสรณ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/ เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม นี้ เขียนขึ้นเพื่อใช้ในกำรศึกษำกำรเคลื่อนที่ หรือกำรเคลื่อนไหวของวัตถุที่ เรำสนใจ (ซึ่งในที่นี้เน้นเรื่องหุ่นยนต์) โดยรับข้อมูลจำกภำพเคลื่อนไหวที่บันทึกจำกกล้องที่อยู่นิ่ง มำวิเครำะห์ถึงข้อมูลต่ำงๆ อันได้แก่ ตำแหน่ง ตำแหน่งของส่วนต่ำงๆ ควำมเร็ว กำรหมุน ซึ่งในขณะนี้โปรแกรมกำลังถูกพัฒนำให้สำมำรถทำงำนได้ตำม ดังที่กล่ำวไว้ข้ำง ต้น โดยในขณะนี้สำมำรถตรวจจับควำมเปลี่ยนแปลงของภำพได้แต่ยังไม่สำมำรถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ เนื่องจำกสิ่งที่เรำสนใจไม่จำเป็นจะมีลักษณะเป็นก้อน อำจมีส่วนแขนยื่นออกมำ และมีมำกกว่ำ 1 ส่วนที่กำลังเคลื่อนที่ เช่น ส่วน หนึ่งเคลื่อนไปด้ำนหน้ำ อีกส่วนหนึ่งเคลื่อนไปด้ำนหลัง เป็นต้น This software is a work developed for study the movement of object by input video file from a standing video recorder. It will work by analyze position, coordinating system, velocity and rotation. We have developed this program until this program can detect the different in 2 or more images. But it is not totally work for detect a right position, because an object may have some part move freely from others, for example, some moves forward while the other moves backward.
  • 26. ตัวอย่างโครงงาน 4 ชื่อโครงงำน กำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยสรรเสริญ ขันทอง, นำยชัยวัฒน์ ศิระวัฒนำนนท์,นำยทรงศักดิ์ แซ่จึง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อำจำรย์ธิดำรัตน์ ต่อสุข สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัยกรุงเทพ ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2551 บทคัดย่อ กำร ประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ (Shopping Helper using Barcode with Mobile Application) มีจุดมุ่งหมำย เพื่อให้ผู้บริโภคทรำบถึงรำยละเอียดของสินค้ำและค่ำใช้จ่ำยใน กำรเลือกซื้อสินค้ำในแต่ละครั้ง โดยกำรพัฒนำระบบใหม่ซึ่งประยุกต์ใช้กำร อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติด้วยกล้องจำกโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจำกเดิมสินค้ำมีกำรระบุข้อมูลโดยใช้บำร์โค้ด 1 มิติเท่ำนั้น ซึ่งปัจจุบันสินค้ำแต่ละ ชนิดมีข้อมูลที่ใช้ในกำรตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ำ จำนวนมำกจึงเสนอแนวคิดในกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ด 2 มิติที่สำมำรถบรรจุข้อมูลได้ มำกขึ้น และนำมำประยุกต์ใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยระบบกำรประยุกต์ใช้ระบบบำร์โค้ดกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกำรซื้อขำยสินค้ำ จะใช้ กล้องบนโทรศัพท์เคลื่อนที่อ่ำนบำร์โค้ด 2 มิติ เพื่อให้สำมำรถบอกรำยละเอียดของสินค้ำเพื่อช่วยในกำรตัดสินใจเลือกซื้อ สินค้ำ ตรวจสอบ ค่ำใช้จ่ำยของสินค้ำทั้งหมดที่เลือกให้อยู่ในงบประมำณที่ตั้งไว้ระบบจะทำกำรแจ้งเตือน เมื่อผู้บริโภคใช้จ่ำยสินค้ำเกินงบประมำณที่กำหนด ซึ่งระบบจะมีกำรนำข้อมูลชนิดสินค้ำ รำยละเอียดสินค้ำ รำคำสินค้ำจำกฐำนข้อมูล และผู้บริโภคสำมำรถนำรำยละเอียดของสินค้ำมำ เปรียบเทียบกันได้ โดยระบบนี้จะแบ่งกำรทำงำนออกเป็นส่วน ๆ คือระบบกำรสร้ำงรหัสบำร์โค้ดจำกข้อมูลรำยละเอียดของสินค้ำของผู้ ให้บริกำร และระบบกำรให้บริกำรโดยแสดงรำยละเอียดสินค้ำ กำรเลือกซื้อสินค้ำบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แจ้งเตือนงบประมำณที่เกินกำหนด ยกเลิกสินค้ำที่ไม่ ต้องกำร และระบบจะตรวจสอบกำรรวมรำคำของสินค้ำนั้นก่อนที่จะไปชำระค่ำสินค้ำ เพื่อให้ ผู้บริโภคทรำบรำคำรวมของสินค้ำนั้นตรงกับรำคำที่ต้องชำระจริง ซึ่งจะอำนวยควำมสะดวกใน กำรจัดสรรเลือกซื้อสินค้ำตำมงบประมำณของผู้บริโภคได้
  • 27. ตัวอย่างโครงงาน 5 ชื่อโครงงำน โปรแกรมประยุกต์พจนานุกรมสาหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐานภาพ ประเภท Mobile Application ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย วรพงศ์โรจน์เรืองมำศ , นำงสำว ศุภิสรำ จันทรำภิสิทธิ์ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ผศ.ดร. รัชลิดำ ลิปิกรณ์ สถำบันกำรศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำ โครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพนี้ ได้ถูกพัฒนำมำจำกโปรแกรมแบบเดิมที่ ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำศัพท์โดยกดปุ่มตัวเลข เพื่อหำควำมหมำยเพื่อให้ผู้ใช้สะดวกสบำยในกำรใช้งำนเพียงแค่ถ่ำยภำพคำศัพท์ที่ต้องกำร รวมถึงระบบกำรใช้งำนที่เข้ำใจง่ำย และสำมำรถใช้งำนได้จำกที่ใดก็ได้ทั้งนี้ยังคงมีรูปแบบกำรพิมพ์คำศัพท์แบบเดิมอยู่ โปรแกรม พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือ และส่วนเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้สำมำรถคีย์หรือถ่ำยภำพคำศัพท์บนโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งคำ หรือภำพถ่ำยนั้นผ่ำนเครือข่ำยไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยให้ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทำกำรวิเครำะห์ภำพคำศัพท์ออกมำเป็นตัวอักษร ด้วยหลักกำรกำรประมวลผลภำพ และหำควำมหมำยคำศัพท์นั้นจำก ฐำนข้อมูลคำศัพท์จำกนั้นจึงส่งควำมหมำยของคำศัพท์กลับมำยังโทรศัพท์มือถือ Image-based Mobile Dictionary Application is developed from the original application which users have to type a word to be searched for the meaning. This application is easy to use, a user only need to capture a void using a digital camera on a mobile phone or type it in. In addition, its system also offers user-friendly interfaces which users can easily understand once they have seen it. Image-based Mobile Dictionary Application consists of two functions; software on a mobile phone and software on a server. A vocabulary, which is typed or captured by users, is automatically sent via network to the server. If the input is an image file, the software on the server will recognize each character using image processing and then search for its meaning from database list. Afterwards, that vocabulary and its meaning will transfered to the mobile phone.
  • 29. ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
  • 31. ความหมาย โครงงำนพัฒนำเกม โครงงำนประเภทนี้เป็นโครงงำนพัฒนำซอฟต์แวร์เกมเพื่อควำมรู้ หรือเพื่อควำม เพลิดเพลิน เกมที่พัฒนำควรจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นกำรใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่ำงมี หลักกำร โครงงำนประเภทนี้จะมีกำรออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์กำรเล่น เพื่อให้น่ำสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ควำมรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนำควรจะได้ทำกำรสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกม ต่ำงๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนำมำปรับปรุงหรือพัฒนำขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่ำสนใจ แก่ผู้เล่นกลุ่มต่ำงๆ
  • 33. ตัวอย่างโครงงาน ชื่อโครงงำน โปรแกรมประยุกต์พจนานุกรมสาหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐานภาพ ประเภทMobile Application ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย วรพงศ์โรจน์เรืองมำศ , นำงสำว ศุภิสรำ จันทรำภิสิทธิ์ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ผศ.ดร. รัชลิดำ ลิปิกรณ์ สถำบันกำรศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/ เดือน/ปี ทำโครงงำน1/1/2541 บทคัดย่อ โปรแกรม พจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพนี้ ได้ถูกพัฒนำมำ จำกโปรแกรมแบบเดิมที่ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำศัพท์โดยกดปุ่มตัวเลขเพื่อหำควำมหมำย เพื่อให้ผู้ใช้สะดวกสบำยในกำรใช้งำน เพียงแค่ถ่ำยภำพคำศัพท์ที่ต้องกำรรวมถึงระบบกำรใช้งำนที่เข้ำใจง่ำยและสำมำรถใช้งำนได้จำกที่ใดก็ได้ทั้งนี้ยังคงมี รูปแบบกำรพิมพ์คำศัพท์แบบเดิมอยู่ โปรแกรมพจนำนุกรมสำหรับโทรศัพท์มือถือบนพื้นฐำนภำพประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของโปรแกรม บนโทรศัพท์มือถือ และส่วนเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้ใช้สำมำรถคีย์หรือถ่ำยภำพคำศัพท์บนโทรศัพท์มือถือแล้วส่งคำ หรือ ภำพถ่ำยนั้นผ่ำนเครือข่ำย ไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทำกำรวิเครำะห์ภำพคำศัพท์ออกมำเป็นตัวอักษร ด้วยหลักกำรกำรประมวลผลภำพ และหำควำมหมำยคำศัพท์นั้นจำกฐำนข้อมูลคำศัพท์จำกนั้นจึงส่งควำมหมำยของ คำศัพท์กลับมำยังโทรศัพท์มือถือ
  • 34. ตัวอย่างโครงงาน 2 ชื่อโครงงำน กำรพัฒนำ software เพื่อใช้ในกำรอ่ำน และ simulate กำรประยุกต์ใช้ hologram กับบัตร ประจำตัว ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยดำษพิช ทองนพเนื้อ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ศำสตรำจำรย์ดร. สมศักดิ์ ปัญญำแก้ว สถำบันกำรศึกษำ นิติ ระดับปริญญำตรีปีที่ 1 จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ ปัจจุบันได้มีกำรนำ hologram ไปประยุกต์ใช้ในงำนด้ำนต่ำง ๆ มำกมำย จึงได้แนวควำมคิดประยุกต์laser hologram ในด้ำนกำรใช้เป็น memory หรือ data storage เพื่อใช้ในกำรทำบัตรประจำตัว (ID card) ขึ้น โดยอำศัย ลักษณะเด่นของ hologram 360^0c ซึ่งสำมำรถให้ภำพสำมมิติที่มองได้จำกทุก ๆ มุมมองโดยรอบ และภำพที่เกิดเป็นแบบ Dynamics เมื่อมีกำรเปลี่ยนมุมกำรมอง และตำแหน่ง film ลอดจนลักษณะกำรปลอมแปลงของ hologram ทำได้ยำกจึง นำมำเก็บรักษำควำมปลอดภัยและควำมเชื่อถือได้ของบัตร งำนวิจัยนี้จึงประกอบด้วยกำร 1.ศึกษำและทดลองเกี่ยวกับ hologram 360^0c เพื่อนำไปประยุกต์สร้ำงเป็นบัตรประจำตัว 2.ออกแบบ ทดลอง และพัฒนำกำรสร้ำง hardware ในส่วนของเครื่องสำหรับอ่ำนและตรวจสอบบัตร 3.พัฒนำ software เพื่อทำงำนในด้ำน pattern recognition เพื่อกำรอ่ำนและยืนยัน ( verify) บัตรสำหรับเครื่องอ่ำน บัตร ตลอดจนออกแบบระบบ pattern สำหรับเก็บข้อมูลบนบัตร ระบบสำหรับกำรอ่ำนและพัฒนำsoftware เพื่อทำกำร simulate และทดลองกำรทำงำนของระบบ กำรอ่ำน กำรใช้บัตร กำรทำงำนของเครื่องอ่ำนบัตรและ software (program) ที่ใช้อ่ำน
  • 35. กำรศึกษำทดลองขณะนี้เป็นกำรพัฒนำsoftware ซึ่งประกอบด้วย 1. กำรศึกษำหลักกำร ลักษณะของข้อมูลตลอดจนกำรเชื่อมโยง software และวิธีที่ใช้ในกำรอ่ำนและเก็บข้อมูลเพื่อ วิธีของ pattern recognition ที่จะนำมำใช้โดยรวมถึงกำรพิจำรณำ tolerance ที่ย่อมรับได้ 2. ทดลองเขียน และพัฒนำ software สำหรับ pattern recognition ในกำรอ่ำนบัตร 3. ทดลองเขียน และพัฒนำ software เพื่อใช้ในกำร simulate ผลที่ได้จำกกำรใช้software ที่เขียนขึ้น กำร อ่ำน กำรทำ pattern recognition และระบบกำรใช้บัตรฯลฯ 4. ทดลองทำ simulation เพื่อนำผลที่ได้มำใช้ในกำรพัฒนำระบบ software , hardware , และส่วนอื่น ๆ ของบัตรต่อไป ขณะนี้ในส่วนที่พัฒนำ software อยู่ในขั้นตอนกำรศึกษำระบบ hardware และเลือกวิธีของ pattern recognition เพื่อใช้ในกำรเขียน program (หรือ พัฒนำ software) รวมถึงกำรทดลอง simulate อย่ำงง่ำยและกำรศึกษำกำรใช้development tools ต่ำง ๆ เช่น ภำษำ computer , program ต่ำง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกำร simulate และพัฒนำด้ำน software ต่อไป งำนวิจัยนี้อยู่ระหว่ำงกำรดำเนินกำรจำกหลำย ๆ ฝ่ำยที่เกี่ยวข้อง และได้รับกำรตอบรับกำรจดทะเบียนสิทธิบัตรเรียบร้อย แล้ว
  • 36. ตัวอย่างโครงงาน 3 ชื่อโครงงำน Shader 3D เพื่อ การพัฒนาซอฟต์แวร์เกมส์ ชื่อผู้ทำโครงงำน นำยกฤชวัฒน์ เวชสำร ชื่อ อำจำรย์ที่ปรึกษำ ดร.วิวำรำช พรแก้ว สถำบันกำรศึกษำ โรงเรียนเทพศิรินทร์ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน ไม่ระบุ บทคัดย่อ คอมพิวเตอร์กรำฟิกได้เข้ำมำมีบทบำทในงำนวิจัยด้ำนต่ำง ๆ กว่ำ 20 ปี ทั้งยังมีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่องจนปัจจุบันมีควำมใกล้ชิด และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมำกขึ้น เพรำะ กำรประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์กรำฟิกกับสำขำวิชำต่ำงๆ อำนวยให้กำรทำงำนนั้นมีประสิทธิภำพ ถูกต้องแม่นยำ สะดวกและเหมำะสมต่อกำรนำข้อมูลไปใช้วิเครำะห์ แก้ปัญหำ และ/หรือใช้กับงำนประยุกต์ที่มีควำมสลับซับซ้อน มำก ๆ ได้แต่จำนวนข้อมูลป้อน(Data input) ในกำรประมวลผล (Process) แปรผันตรงกับจำนวนเวลำที่ ใช้และชุดคำสั่งมักเป็นจำนวนชนิดทศนิยม(float) ซึ่งทำให้มีค่ำหน่วงเวลำ (latency) ในกำรทำงำนมำก โครงงำน 3D Shader for Game Programming นี้ มุ่งพัฒนำต้นแบบMini-3D Graphics Engine สำหรับ กำรพัฒนำเกมส์ ในส่วนGraphics core โดยอำศัยเทคนิคกำร Optimizing code ร่วมกับกำรวำง Prototyping แบบพิเศษให้เข้ำกับ Hardware Functions (Logical Layers)ของ CPU และ Display card ให้กำรแสดงผลมีประสิทธิภำพสูงขึ้น และเป็นกำรใช้ทรัพยำกรที่ คุ้มค่ำ เพื่อลดcauses of bottlenecks และ penaltiesโดยส่วนของฮำร์ดแวร์ใช้AMD Processor และ nVidia GeFocre Display card series ส่วนของ กำร Programming ใช้OpenGL ในกำรพัฒนำโปรแกรมเพื่อกำรทดสอบ
  • 37. ตัวอย่างโครงงาน 4 ชื่อโครงงำน ศึกษาและพัฒนา Hand - Written OCR ชื่อผู้ทำโครงงำนนำงสำวธัญญพร เรือนโรจน์รุ่ง ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ ดร.สุรพันธ์ เมฆนำวิน สถำบันกำรศึกษำ นักเรียนระดับมัธยมศึกษำปี ที่ 5 โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ระดับชั้น มัธยมปลำย หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541 บทคัดย่อ กำรศึกษำรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกำรทำ OCR (Optical Character Recognition) และรวบรวมตัวอย่ำงลำยมือจำกแหล่งต่ำงๆ เพื่อนำมำศึกษำสภำพปัญหำ พบปัญหำที่ สำคัญ ได้แก่ ปัญหำในกำรตัดตัวอักษร รูปแบบของตัวอักษรที่คล้ำยกันมำก เช่น ด-ค-ต , ก-ถ-ภ , ผ-ฝ-พ- ฟ กำรเขียน ผิดรูปซึ่งมีผลให้ตัวอักษรที่ต่ำงกันมีลักษณะคล้ำยกัน เช่น ย-ผ , ร-ช , พ-ม และควำม หลำกหลำยของ ลำยมือ ดังนั้นกำรจะจดจำลักษณะตัวอักษรแต่ละตัวได้ ควรจะเน้นที่กำรจดจำ ลักษณะร่วมหรือลักษณะเด่น ของตัวอักษรนั้น จำกลำยมือที่ต่ำงกัน โดยกำรพิจำรณำว่ำตัวอักษร คือ กรำฟ ที่ประกอบด้วยจุดยอดและขอบที่ลำกเชื่อมจุด แล้วแทนอักษรแต่ละตัวด้วยจุด แต่เกิดปัญหำว่ำไม่สำมำรถ ระบุได้ชัดเจน ว่ำ ลักษณะของจุดนั้นจะใช้แทนตัวอักษรตัวใด จึงเพิ่มแฟกเตอร์บำงอย่ำงเข้ำไป คือ เพิ่ม จำนวนจุดในบริเวณ จุดตัด จุดปลำยและจุดสุดขอบด้ำนต่ำง ๆ กำหนดลำดับของจุด อักษรที่คล้ำยกันมำก และใช้ลักษณะเด่น ของตัวนั้นแทนจุดในบำงตำแหน่ง ทำให้ควำมชัดเจนมำกขึ้นและจะได้พิจำรณำวิธีกำร อื่น ๆ เช่น กำรใช้อัตรำส่วนของระยะระหว่ำงจุด กำรพิจำรณำจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ำยของตัวอักษรใน กำรแบ่งกลุ่มตัวอักษรให้ เหลือตัวที่พิจำรณำน้อยลง แต่เนื่องจำกตัวอักษรภำษำไทยมีควำมซับซ้อนและมี รำยละเอียดค่อนข้ำงมำก จึงมุ่งเน้นให้สำมำรถรู้จำตัวเลข0-9 ให้ได้ก่อน เพื่อนำไปใช้ในกำรคัดแยก จดหมำย
  • 38. เนื่องจำกรูปแบบลำยมือที่พบบ่อยในกำรเขียนตัวเลขมีไม่มำกนัก เมื่อแทน ตัวเลขด้วยจุดที่มีกำรกำหนดลำดับ พิจำรณำจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ำยของตัวเลขแล้ว ก็ สำมำรถแยกควำมแยกต่ำงของตัวเลขแต่ละตัวได้ค่อนข้ำงมำก นอกจำกนี้จะใช้วิธีต่ำง ๆ มำประกอบเพื่อเพิ่มควำมถูกต้อง ได้แก่ กำรพิจำรณำตำแหน่งของจุดโดยให้ ควำมสำคัญกับทิศทำงมำกกว่ำระยะทำง โดยกำหนดทิศทำงเพียง8 ทิศ ถ้ำมีทิศต่ำงไป จำกทิศที่กำหนด จะหำว่ำมีทิศใกล้เคียงกับทิศใดที่มกที่สุดและกำหนดให้เป็นทิศนั้น พิจำรณำจำกจำนวนจุดที่ใกล้เคียงกัน และพิจำรณำจำกลักษณะเด่ของตัวเลขก็จะเพิ่ม ควำมถูกต้องได้ในระดับหนึ่ง สำหรับปัญหำในกำรอ่ำนตัวเลขซึ่งอำจพบได้ เช่น กำรเขียนตัวเลขสองตัวติดกัน หรือ กำรเขียนตัวเลขตัวเดียวแต่เส้นไม่ต่อเนื่องอำจทำให้เกิดควำมสับสนได้และปัญหำที่ สำคัญอีกประกำรหนึ่งคือ กำรเขียนผิดรูปซึ่งทำให้ยำกแก่กำรจำแนกว่ำตัวเลขตัวใด ซึ่งยังจะต้องศึกษำและพัฒนำต่อไป
  • 39. ตัวอย่างโครงงาน 5 ชื่อโครงงำน โครงการโปรแกรมการคานวณแบบขนานเพื่อการจาลองการเกิดคลื่นสินามิ ประเภท โปรแกรมเพื่องานพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อผู้ทำโครงงำน นำย อำทิตย์อินทวี , นำงสำว เปรม จิต อภิเมธ๊ธธำำรง, นำย กิตติพัฒน์ วิโรจน์ศิริ ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำ อ.ดร.วีระ เหมืองสิน สถำบันกำรศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ระดับชั้น ปริญญำตรี หมวดวิชำ คอมพิวเตอร์ วัน/เดือน/ปี ทำโครงงำน 1/1/2541บทคัดย่อ Tsunami is one of the most serious disasters. To prevent from the loss, an effective warning system must be established. Nowadays, there is no warning system that is both accurate and fast enough to generate the warning in time, thus false alarms are common. Soon people will ignore the warning, and we may face another tragedy. There is a program named TUNAMI which can accurately calculate the water level and the speed of tidal wave given initial parameter, but this program is very slow due to a lot of calculation. The parallel tsunami simulation program will be the parallel version of TUNAMI, applying both functional and domain decompositions. This program will be much faster than the original program and will be able to be used in real-time warning system.