Contenu connexe
Similaire à Inspiring science train the trainers 2013 (thai)
Similaire à Inspiring science train the trainers 2013 (thai) (20)
Plus de ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
Plus de ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข (20)
Inspiring science train the trainers 2013 (thai)
- 5. กำหนดกำรโครงกำรอบรม
วันที่ 1
• แนะนาโครงการ Inspiring science หลักปรัชญาและแนวปฏิบัติ
ของโครงการ
• ทากิจกรรมหน่วย “ไอศครีม (Ice cream unit)”
วันที่ 2
• ทากิจกรรม “ค่ายดาราศาสตร์ (astro camp)”
• ทากิจกรรม “การออกแบบบ้านพักตากอากาศ (Resort Design)”
- 6. วันที่ 3
• ทากิจกรรมหน่วย “กล้วยไม้ไทย (The Orchid unit)”
• หน้าที่และความรับผิดชอบ การวางแผนปฏิบัติการเพื่อ
ขยายผลและติดตามช่วยเหลือในเขตพื้นที่การศึกษา
• สร้างกลุ่มเครือข่ายในเฟสบุค
กำหนดกำรโครงกำรอบรม (ต่อ)
- 9. เป้ ำหมำยของโครงกำร Inspiring Science
• พัฒนา กลุ่มครูวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา
และบุคลากรสังกัด สพฐ. ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ด้านการพัฒนาหลักสูตร
• พัฒนำสื่อกำรสอนที่มีคุณภำพสูงรวมทั้ง
เว็บไซต์ ทั้งภำษำไทยและภำษำอังกฤษเพื่อ
สนับสนุนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
วิทยำศำสตร์ในระดับชั้น ม.1-ม.3
• ขยำยผลสื่อสอนไปทั่วประเทศด้วย
กระบวนกำรพัฒนำวิชำชีพครู
• พัฒนำศักยภำพทำงวิทยำศำสตร์ กำรทำงำน
เป็นกลุ่ม กำรแก้ปัญหำ กำรสื่อสำร ควำม
เป็นผู้นำ ไอซีที และทักษะกำรคิดของ
นักเรียนทั่วประเทศ ซึ่งจะกลำยเป็น
ทรัพยำกรบุคคลของประเทศในอนำคต
- 11. กำรพัฒนำศักยภำพ
• พัฒนา กลุ่มครูวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา และบุคลากรสังกัด สพฐ. จานวน 40 คน ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน
การพัฒนาหลักสูตร ที่สามารถสร้างสื่อประกอบหลักสูตรแบบใช้บริบทเป็นฐาน
– ‘backwards design’
– หน่วยการเรียนรู้ที่มีบริบทเรื่องราว
– การจัดการเรียนรู้ที่ใช้การสืบเสาะเป็นฐาน
– การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
– การวัดผลตามสภาพจริง
– การวัดสมรรถนะตามสภาพจริง
– เน้นทักษะสาคัญ/การพัฒนาศักยภาพของบุคคล
– การคิดอย่างมีวิจารณญานและการคิดสร้างสรรค์
– การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E
• อบรมปฏิบัติการเพื่อสร้างสื่อประกอบหลักสูตร 3 ครั้งต่อปี
• ดาเนินกระบวนการเป็นขั้นตอน
• กลุ้มผู้เขียนจะได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอด 3 ปี ของโครงการ
- 13. หน่วยกำรเรียนรู้
• ครอบคลุมหลักสูตร
• ประกอบด้วย 4 แผนการเรียนรู้ โดยจะมี 1 แผน ที่เน้น การสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์
• 4 context-based learning episodes (one of which is a scientific enquiry)
• มีสื่อการเรียนรู้ที่ประกอบด้วย
– PPT
– วีดิโอคลิป
– คู่มือครูในระดับหน่วยการเรียนรู้และ
แผนการจัดการเรียนรู้
– ใบกิจกรรมสาหรับผู้เรียน
• การบ้าน (กิจกรรมนอกเวลาเรียน)
• แบบทดสอบ
• วีดิโอเพื่อช่วยในการพัฒนาวิชาชีพครู
- 14. Website
• Home page
• Resources
– Strand
– Unit
• Student
• Gallery
• Support
• http://212.84.74.159/~inspirin/
- 15. กำรอบรมขยำยผล
• มีสื่อการอบรมที่มีคุณภาพรวมทั้งวีดิโอคลิปประกอบ
• การอบรมวิทยากรแกนนา
• อบรมขยายผล ศึกษานิเทศก์และครูวิทยาศาสตร์ จากเขตพื้นที่การศึกษา 225
เขต
– แนะนารูปแบบการสอน
– แนะนาสื่อการสอนและเว็บไซต์
– ยุทธวิธีในการสอนแนะ การจับคู่สะท้อนคิด การสร้างกลุ่มวิจัยปฏิบัติการ
– หน้าที่และความรับผิดชอบของวิทยากรแกนนา
• การขยายผลที่ดาเนินการโดยวิทยากรแกนนาสาหรับโรงเรียนในเขตพื้นที่
การศึกษา อย่างน้อย 10 โรง โดยใช้สื่อการสอนและเว็บไซต์
- 16. กำรติดตำมช่วยเหลือ
• ศึกษานิเทศก์/วิทยากรแกนนา ติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เข้าร่วม
อบรมโดย
– ส่ง Email และโทรศัพท์ทุกเดือน
– นิเทศโรงเรียนภาคเรียนละ 1 ครั้ง
– ประชุมกลุ่มครูที่ผ่านการอบรมภาคเรียนละ 1 ครั้ง
– ถามตอบผ่านเครือข่ายใน Facebook
– ส่รายงานการดาเนินงานของเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน
ผ่านเว็บไซต์
• การช่วยเหลือสนับสนุนในโรงเรียน
– แผนปฏิบัติการและการเตรียมความพร้อมในกลุ่ม
– การจับคู่สะท้อนคิด
– จัดประชุมเพื่อดาเนินการ coaching/mentoring เดือนละครั้ง
– กลุ่มวิจัยปฏิบัติการ
– ส่งรายงานไปยังศึกษานิเทศก์ปีละครั้ง
- 28. ขั้นสำรวจ
• น่าจะเป็นขั้นที่สาคัญที่สุด
• ผู้เรียนสร้างความเข้าใจในแนวคิดจากประสบการณ์ตรง
• เริ่มให้คาตอบของคาถามสาคัญ ยกตัวอย่างเช่น
• ออกแบบการทดลองเพื่อสารวจตรวจสอบปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้
• ค้นพบแบบรูป
• ออกแบบวิธีการแก้ไขปัญหา
• ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ผู้เรียนต้องค้นพบทุกอย่างด้วยตัวเอง ผู้เรียนสามารถ
ได้รับ
• คาแนะนา
• ข้อมูลที่สาคัญและเทคนิคต่างๆ เพื่ออานวยให้เกิดการเรียนรู้
• สิ่งที่สาคัญที่สุดคือ ผู้เรียนมีความเป็นเจ้าของในกระบวนการและผลลัพธ์ อย่างมีนัยสาคัญ
• ผู้เรียนควรมีความสามารถในการต่อยอดความคิดที่มีอยู่เดิม
- 34. ข้อแนะนำเพื่อควำมสำเร็จ
• พัฒนาทักษะกระบวนการ และนามาใช้ในการสืบเสาะหาความรู้เชิงวิทยาศาสตร์
• ให้เริ่มจากการสารวจตรวจสอบแบบ “ปิด” โดยให้คาตอบของคาถามชี้นาต่างๆ แล้ว
จึงค่อยๆ จัดให้มีการสารวจตรวจสอบแบบ “เปิด” มากขึ้นเรื่อยๆ
• ในช่วงต้น ให้เน้นย้าเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง ‘Fair Test’ กล่าวคือ เมื่อเปลี่ยนสิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง (ตัวแปรอิสระ) โดยจัดให้สิ่งอื่นๆ เหมือนกัน (ตัวแปรควบคุม) แล้วจึงวัดสิ่งที่
สนใจศึกษา (ตัวแปรตาม)
• กระตุ้นให้ผู้เรียนพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์ประการหนึ่ง นั่นคือ เมื่อเปลี่ยนตัวแปรอิสระ
ซึ่งต้องสามารถวัดได้ ต้องควบคุมตัวแปรควบคุมอย่างสามารถวัดได้เช่นกัน
• กระตุ้นให้มีการวางแผนเพื่อให้เกิดความแม่นยาและมีความน่าเชื่อถือ
- 39. เนื้อหำ
สำระที่ 3 สำรและสมบัติของสำร
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและ
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์สื่อสาร
สิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิด
สารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสาร
สิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหา
ความรู้ การแก้ปัญหา
รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ
ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในเวลานั้นๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน
- 41. กำรสะท้อนควำมคิด
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาวิทยาศาสตร์ที่สาคัญได้
อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายคว่ามคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตัวเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 46. ข้อควรจำ
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยา
วิทยาศาสตร์ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายคว่ามคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตัวเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการ
เรียนรู้คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 48. ข้อควรจำ
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยา
วิทยาศาสตร์ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายคว่ามคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตัวเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการ
เรียนรู้คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 50. บริบท
ในค่ายดาราศาสตร์ กลุ่มของนักเรียน Make, Win and Earth ไปยัง
ค่ายพิเศษเพื่อเรียนดาราศาสตร์ นักเรียนเหล่านี้โชคดีที่ได้ทางานกับ Dr.
Sunny, นักดาราศาสตร์ที่หอดูดาวสิริธร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาให้
นักเรียนทางานเพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาล บทนี้นา
กิจกรรมเข้าสู่โรงเรียนซึ่งสามารถจัดค่ายดาราศาสตร์เพื่อให้นักเรียน
– ดูวิวัฒนาการของจักรวาลและแกแลกซี่
– สร้างแบบจาลองระบบสุริยะ
– สารวจความเร็วการเคลื่อนที่ของดวงดาว
– พิจารณาผลกระทบของอุกาบาตขนาดใหญ่ต่อโลก
- 51. เนื้อหำ
มาตรฐาน
ว 7.1 เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพ การ
ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ และผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก มี
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่
เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ว 7.1 ม. 3/2 สืบค้นและอธิบายองค์ประกอบของเอกภพ กาแล็กซี
และ ระบบสุริยะ
- 53. กำรสะท้อนควำมคิด
• อะไรคือบริบทของตอนนี้
• นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างไร
• แนวคิดเริ่มแรกของนักเรียนเป็นอย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับคา
สาคัญหลักอย่างไร
• นักเรียนและครูอธิบายแนวคิดอย่างไร
• แนวคิดถูกอธิบายเพิ่มเติมได้อย่างไร
• ความเข้าใจนักเรียนถูกประเมินอย่างไร
• อะไรเป็นคาหลักและทักษะที่ถูกพัฒนาในตอนนี้
• การเรียนการสอนแบบเชิงรุกอะไรที่ถูกนามาใช้
• นักเรียนจะถูกสนับสนุนผ่านการสืบเสาะได้อย่างไร
- 58. ข้อควรจำ
• อะไรคือบริบทของตอนนี้
• นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างไร
• แนวคิดเริ่มแรกของนักเรียนเป็นอย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับคาสาคัญหลักอย่างไร
• นักเรียนและครูอธิบายแนวคิดอย่างไร
• แนวคิดถูกอธิบายเพิ่มเติมได้อย่างไร
• ความเข้าใจนักเรียนถูกประเมินอย่างไร
• อะไรเป็นคาหลักและทักษะที่ถูกพัฒนาในตอนนี้
• การเรียนการสอนแบบเชิงรุกอะไรที่ถูกนามาใช้
• นักเรียนจะถูกสนับสนุนผ่านการสืบเสาะได้อย่างไร
- 61. เนื้อหำ
สำระที่ 5 : พลังงำน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดารงชีวิต การเปลี่ยนรูป
พลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ว. 5.1 ม. 1/1 ทดลองและอธิบายอุณหภูมิและการวัดอุณหภูมิ
ว. 5.1 ม. 1/2 สังเกต และอธิบายการถ่ายโอนความร้อน และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ว. 5.1 ม. 1/3 อธิบายการดูดกลืน การคายความร้อน โดยการแผ่รังสีและความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ว. 5.1 ม. 1/4 อธิบายสมดุลความร้อนและผลของความร้อนต่อการขยายตัวของสาร
และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
- 63. กำรสะท้อนควำมคิด
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายความคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตนเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้นี้
คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 64. แผนกำรจัดกำรเรียนรู้อื่นๆ
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 1: สร้ำงผนัง
• นักเรียนจะศึกษาเกี่ยวกับวัสดุที่เป็น
ฉนวนสาหรับการสร้างผนัง นักเรียน
จะต้องทาการสารวจตรวจสอบทาง
วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับวัสดุหลากหลาย
ชนิดและเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุด
สาหรับสร้างผนัง ซึ่งครูควรจะใช้
แผนการจัดการเรียนรู้นี้ให้มีความ
ครอบคลุมองค์ความรู้เกี่ยวกับการ
ถ่านโอนพลังงานความร้อนด้วย
วิธีการนาความร้อน
- 65. แผนกำรจัดกำรเรียนรู้อื่นๆ (ต่อ)
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 2:
รูปร่ำงของบ้ำน
• นักเรียนจะศึกษาเกี่ยวกับการถ่าย
โอนความร้อนภายในบ้าน โดย
วิธีการพาความร้อนเกิดได้อย่างไร
และสามารถใช้วิธีนี้ในการทาให้บ้าน
เย็นลงในช่วงเวลากลางวันได้อย่างไร
จากนั้นนักเรียนจะต้องประยุกต์
ความรู้ที่ได้สู่การออกแบบบ้านพัก
ตากอากาศ โดยครูควรจะใช้
แผนการจัดการเรียนรู้นี้ให้มีความ
ครอบคลุมองค์ความรู้ในเรื่องการพา
ความร้อน
- 68. ข้อควรจำ
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายความคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตนเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้นี้
คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 70. • บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายความคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตนเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้นี้
คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
ข้อควรจำ
- 72. บริบท
• ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง กล้วยไม้ไทย นี้ นักเรียนจะได้พัฒนาอุตสาหกรรมการ
ส่งออกพืช ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกกล้วยไม้รายใหญ่ที่สุดของโลกและมีความ
ชานาญเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความสาคัญ
ของพืชที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจและเรียนรู้คาศัพท์ที่เกี่ยวกับส่วนต่างๆ พืช
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับวิธีการสืบพันธุ์แบบต่างๆ ที่สามารถเพิ่มจานวนของพืช
ให้ได้ปริมาณมาก รวมถึงวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชด้วย นักเรียนยังจะได้
ศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสาหรับการเจริญเติบโตของพืชรวมถึง
ความต้องการแสง คาร์บอนไดออกไซด์สาหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง และ
ความสาคัญของน้าที่จาเป็นต่อกระบวนการคายน้าของพืช
นักเรียนใช้ความรู้ในการออกแบบเรือนเพาะกล้วยไม้
ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
- 73. เนื้อหำ
มำตรฐำน ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของ
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทางานสัมพันธ์กัน มี
กระบวนสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ในการ
ดารงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต
ตัวชี้วัด
ว 1.1 ม.1/5 ทดลองหาปัจจัยบางประการที่จาเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
ของพืช และอธิบายว่าแสง คลอโรฟิลล์ แก๊ส คาร์บอนได- ออกไซด์ น้า เป็น
ปัจจัยที่จาเป็นต้องใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง
ว 1.1 ม.1/6 ทดลองและอธิบายผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ว 1.1 ม.1/8 ทดลองและอธิบายกลุ่มเซลล์ที่เกี่ยวข้อง
กับการลาเลียงน้าของพืช
- 74. ว 1.1 ม.1/9 สังเกตและอธิบายโครงสร้างที่เกี่ยวกับระบบลาเลียงน้าและ
อาหารของพืช
ว 1.1 ม.1/10 ทดลองและอธิบายโครงสร้างของดอกที่เกี่ยวข้องกับการ
สืบพันธุ์ของพืช
ว 1.1 ม.1/11 อธิบายกระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกและ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืช โดยใช้ส่วนต่างๆ ของพืชเพื่อช่วยใน
การขยายพันธุ์
ว 1.1 ม.1/12 ทดลองและอธิบายการตอบสนองของพืชต่อแสง น้า และ
การสัมผัส
ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใช้เทคโนโลยี ชีวภาพในการ
ขยายพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ เพิ่มผลผลิตของพืชและ
นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
เนื้อหำ (ต่อ)
- 76. กำรสะท้อนควำมคิด
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายความคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตนเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้นี้
คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 81. ข้อควรจำ
• บริบทของแผนการจัดการเรียนรู้นี้คืออะไร
• เราจะสร้างความสนใจแก่นักเรียนได้อย่างไร
• เราจะดึงความรู้เดิมของนักเรียนได้อย่างไร
• นักเรียนสารวจและเริ่มต้นพัฒนาความความคิดเกี่ยวกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ที่สาคัญได้อย่างไร
• นักเรียนและครูจะอธิบายความคิดของเขาได้อย่างไร
• นักเรียนจะขยายความคิดได้อย่างไร
• นักเรียนจะประเมินผลความเข้าใจของตนเองได้อย่างไร
• แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญและทักษะที่ถูกพัฒนาในแผนการจัดการเรียนรู้นี้
คืออะไร
• การสอนแบบเชิงรุกและแนวคิดในการเรียนรู้ที่นามาใช้คืออะไร
• ครูจะช่วยนักเรียนให้เรียนรู้แบบสืบเสาะได้อย่างไร
- 83. บทบำทหน้ำที่ของศึกษำนิเทศก์
• จัดการและดาเนินการฝึกอบรม ระยะเวฃา 3 วัน สาหรับครู 2 คน
จาก 10 โรงเรียน 10 โรง ในเขตพื้นที่การศึกษา
• สร้างทีมในโรงเรียน
• ให้ความช่วยเหลือและติดตามแต่ละโรงเรียน โดย
– ส่ง Email และ โทรศัพท์เดือนละ 1 ครั้ง
– นิเทศโรงเรียน ภาคเรียนละ 1 ครั้ง (ในกรณีที่โรงเรียนมีปัญหาสามารถ
เข้านิเทศได้มากกว่า 1 ครั้ง หรือนิเทศให้เร็วขึ้นได้)
• จัดการประชุมพบปะ ในวัน Magnifier day สาหรับกลุ่มโรงเรียนที่
เข้าร่วมโครงการเมื่อสิ้นสุดภาคเรียน เพื่อนาเสนอประสบการณ์และผล
การดาเนินงาน
• จัดวัน ‘voice confident’ เพื่อให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว
นาเสนอต่อโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการใหม่เมื่อสิ้นสุดปีการศึกษา
• จัดทารายงานประจาเดือนและส่งผ่านเครือข่ายสังคม Facebook
• ตรวจสอบว่าโรงเรียนได้ส่งรายงานผ่านเครือข่ายสังคม Facebook
แล้ว
- 85. กำรรำยงำนผล
• แต่ละโรงเรียนเขียนรายงานสั้น ๆ ประจาแต่ละเดือน ส่งไปยัง
ศึกษานิเทศก์
• ศึกษานิเทศก์สรุปรายงานประจาแต่ละเดือนแล้วอัพโหลดขึ้นเครือข่าย
สังคมออนไลน์ Facebook
• แต่ละโรงเรียนสรุปรายงานเพื่อนาเสนอในวันที่มีการประชุมพบปะ
ในช่วงท้ายของภาคเรียน รายงานฉบับนี้ต้องอัพโหลดขึ้น Facebook
ด้วย
- 87. กำรเตรียมตัวครูผู้สอนในกำรใช้
หลักสูตร Inspiring Science
• เตรียมการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสาหรับครูวิทยาศาสตร์ชั้น ม.1-3 จาก 10
โรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาของท่าน
• ในการอบรมเชิงปฏิบัติการนาเสนอหัวข้อต่อไปนี้
– หลักสูตร Inspiring Science
– เว็บไซต์ Inspiring Science สื่อ และแหล่งการเรียนการสอน
– วัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E และการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
– สร้างกลุ่มครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน
– ศึกษารายละเอียดของหน่วยการเรียนรู้ทั้ง 4 หน่วย
– การสะท้อนความเข้าใจของแต่ละบุคคล
– การนิเทศแบบ Coaching (การสอนแนะ, การสอนงาน)
– การวางแผนปฏิบัติการทางานของกลุ่ม
87
- 88. กำรสร้ำงกลุ่ม
• สร้างกลุ่มครูผู้สอนวิทยาศาสตร์โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 2 คน
• ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ แต่ละกลุ่มศึกษาหน่วยการเรียนรู้
ร่วมกันและวางแผนเพื่อเตรียมตัวในการใช้หน่วยการเรียนรู้ทั้ง
ระหว่างการอบรมเชิงปฏิบัติการและเมื่อกลับไปปฏิบัติหน้าที่ใน
โรงเรียน
• เป็นคู่สะท้อนความคิด (ครู 2 คน) เพื่อให้เป็นผู้รับฟังและ
แลกเปลี่ยนการสะท้อนความคิด
• จากกลุ่ม 4 คน กาหนดการสอนแนะแบบจัตุรัส (coaching
square)
• รวมกลุ่มของแต่ละโรงเรียนรวมเป็นกลุ่มสังคมของผู้วิจัย
ปฏิบัติการ
88
- 89. กำรจับคู่สะท้อนควำมคิด
• ครูในแต่ละทีมจับคู่เพื่อเป็นคู่สะท้อนความคิด
• คู่สะท้อนความคิดสังเกตชั้นเรียนทุกเดือน (สังเกตให้ครบทั้งแผนการจัดการเรียนรู้) ในการสังเกตชั้นเรียน
ใช้คาถามต่อไปนี้ในแต่ละขั้นของ 5E
– ผู้เรียนเรียนเข้าใจหรือไม่ว่าต้องทาอะไร
– ผู้เรียนได้ทาตามที่คาดหวังหรือไม่
– การช่วยเหลือของครูเพื่อให้เกิดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพอย่างไร
– ประสิทธิภาพในการใช้คาถามต่อผู้เรียนเป็นอย่างไร (คาถามปลายเปิด)
– ประสิทธิภาพในการทางานกลุ่มของผู้เรียนเป็นอย่างไร
– บรรลุเป้ าหมายของการเรียนรู้หรือไม่
– ครูสอนในบริบท (บริบทของแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้) หรือไม่
– ครูกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนการสอนที่ใช้การสืบเสาะหาความรู้เป็นฐานหรือไม่
– นักเรียนได้พัฒนาความเข้าใจในธรรมชาติของวิทยาศาสตร์หรือไม่
89
- 90. • หลังจากการสังเกตชั้นเรียน คู่สะท้อนความคิดควรจะพูดคุยและให้ข้อเสนอแนะ โดยใช้คาถาม
ต่อไปนี้
– การสอนบรรลุจุดประสงค์หรือไม่
– คุณคิดว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับบทเรียนนี้
– คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับบทเรียนนี้
– สิ่งใดที่ดาเนินไปได้ด้วยดี
– สิ่งใดที่ไม่ค่อยดีนัก
– จะปรับปรุงอย่างไรในการเรียนการสอนครั้งต่อไป
– การสอนดาเนินไปได้ดีหรือไม่ อย่างไร
– มีเป้ าหมายอย่างไรในเดือนต่อไป
• สลับกันถามโดยใช้คาถามเดิม ควรจะบันทึกสิ่งที่สะท้อนออกมาใน logbook
90
กำรจับคู่สะท้อนควำมคิด (ต่อ)
- 91. Action Research Communities
• แต่ละโรงเรียนสร้างกลุ่มทางานที่เรียกว่า (ARC)
• กระตุ้นให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มสะท้อนความคิด
• กระตุ้นให้ครูมีบทบาทสาคัญและเป็นผู้ตัดสินใจในรูปแบบหรือวิธีการ
พัฒนาวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่อง (CPD) ด้วยกระบวนการวิจัย
ปฏิบัติการ
• พัฒนาความรู้และความเข้าใจในการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งเป็นรูปแบบ
หนึ่งของการพัฒนาวิชาชีพครูวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
91
- 92. Action Research Approaches
• ครูแต่ละคนควรจะมีสมุดบันทึกที่เรียกว่า logbook เพื่อบันทึกกิจกรรม รวมทั้ง
ร่องรอยหลักฐานต่าง ๆ เช่น
– รูปถ่าย
– ตัวอย่างชิ้นงานของนักเรียนในชั้นเรียน
– บันทึกและแผนการทางานของแต่ละคน
• สามารถใช้เครื่องมือวิจัยดังต่อไปนี้
– อนุทินของผู้เรียน
– การสังเกต (ดูคาถามหลังการสังเกตในหัวข้อการจับคู่สะท้อนความคิด)
– แบบสอบถาม
– ความการสะท้อนจากเพื่อนร่วมงาน (การจับคู่สะท้อนตคิด)
– การสัมภาษณ์ผู้เรียน หรือการสัมภาษณ์กลุ่ม
92