Contenu connexe
Similaire à สารและการจำแนก (Matter and Substance) (12)
Plus de ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข (20)
สารและการจำแนก (Matter and Substance)
- 5. สมบัติของสารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.สมบัติทางกายภาพ (physical properties) คือ สมบัติที่
สังเกตเห็นได้หรือทดลองด้วยวิธีง่ายๆได้ เช่น สี กลิ่น รส จุด
เดือด จุดหลอมเหลว สถานะ การนาไฟฟ้า ความแข็ง เป็นต้น
2.สมบัติทางเคมี (chemical properties) คือ สมบัติที่ทราบได้
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี หรือ สมบัติเฉพาะตัวของสารที่
เกี่ยวข้องกับ การเกิดปฏิกิริยาเคมีนั่นเอง เช่น ความเป็นกรด-
เบส การลุกติดไฟ การสลายตัวให้สารใหม่ เป็นต้น
- 10. การจัดจาแนกสาร
ใช้การละลายน้าเป็นเกณฑ์ แบ่งสารได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. สารที่ละลายน้า เช่น เกลือแกง (Nacl) น้าตาลทราย
น้าตาลกลูโคส ด่างทับทิม เอทานอล แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สแอมโมเนีย
2. สารที่ไม่ละลายน้า เช่น แป้ง หินปูน ไขมัน น้ามันพืช
พลาสติก เหล็ก ไม้ กามะถัน น้ามันเชื้อเพลิง
- 13. การจัดจาแนกสาร
ใช้สถานะเป็นเกณฑ์ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
1.ของแข็ง (solid) เช่น ไม้ เหล็ก หิน ดิน ทราย ทองแดง
ทองคา
2. ของเหลว (liquid) เช่น น้าดื่ม น้าประปา น้าฝน ฯลฯ
3. แก๊ส (gas) เช่น แก๊สหุงต้ม แก๊สธรรมชาติ แก๊สออกซิเจน
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สไนโตเจน ฯลฯ
- 14. การจัดเรียงอนุภาคของสารในสถานะต่าง ๆ
1. ของแข็ง (solid)
ของแข็งจะมีแรงยึดเหนี่ยวอนุภาคสูง อนุภาคมีการ
จัดเรียงเป็นระเบียบ มีพลังงนจลน์น้อยมาก จึงทาให้
อนุภาคไม่เคลื่อนที่ รูปร่าง สถานะปริมาตรคงที่
สารบางอย่างที่มีสมบัติระเหิด คือ
เปลี่ยนสถานของแข็งเป็นไอได้
- 15. การจัดเรียงอนุภาคของสารในสถานะต่าง ๆ
2. ของเหลว (liquid)
ของแข็งจะมีแรงยึดเหนี่ยวอนุภาคน้อยกว่าของแข็ง การ
จัดเรียงอนุภาคไม่เป็นระเบียบ เคลื่อนที่ไปมาระหว่าง
ช่องได้ ทาให้รูปร่างเปลี่ยนตามภาชนะ แต่ปริมาตรคงที่
เนื่องจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลมากกว่าพลังงานที่ทาให้
ของเหลวเคลื่อนที่ได้ เรียกว่า
“พลังงานจลน์”
- 17. พลังงานจลน์
พลังงานจลน์ คือ พลังงานที่มีอยู่ในวัตถุที่กาลังเคลื่อนที่ เช่น รถยนต์กาลังแล่น
เครื่องบินกาลังบิน พัดลมกาลังหมุน น้ากาลังไหลหรือน้าตกจากหน้าผา จึง
กล่าวได้ว่า "วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ล้วนมีพลังงำนจลน์ทั้งสิ้น ปริมำณพลังงำน
จลน์ในวัตถุจะมีมำกหรือน้อยขึ้นอยู่กับมวลและควำมเร็วของวัตถุนั้น“
การหาค่าพลังงานจลน์
สามารถหาค่าได้จากสูตรต่อไปนี้ เมื่อ
Ek = พลังงานจลน์ มีหน่วยเป็นจูล (J)
m = มวลของวัตถุ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม (kg)
v = อัตราเร็วของวัตถุ มีหน่วยเป็นเมตรต่อวินาที (m/s)
- 30. ใบกิจกรรม 4 การทดลอง เรื่อง สารละลาย คอลลอยด์
สารแขวนลอย (edmodo 1/4)
ใบกิจกรรม 5 การทดลอง เรื่อง คอลลอยด์บางชนิดใน
ชีวิตประจาวัน (edmodo 1/4)
ใบกิจกรรม 6 การทดลอง เรื่อง การเปลี่ยนสถานะของ
น้าแข็ง (edmodo 1/4)
ใบกิจกรรม
- 38. น้าสลัด น้ามันพืช + ไข่แดง+น้าส้มสายชู
ไขมันในน้าดี ไขมัน+น้าดี+เอนไซม์ไลเปส
น้านม ไขมัน +โปรตีนเคซีน +น้า
น้าล้างจาน ไขมัน + น้ายาล้างจาน+น้า
น้าอาบน้า ไขมัน + สบู่+น้า
อิมัลชัน เป็นของเหลวที่ได้จากการรวมตัวของสาร
2 ชนิดที่ไม่รวมกัน แยกชั้น แต่เมื่อเติม
อิมัลซิไฟเออร์ ของเหลวจะรวมกันได้
- 56. ฟิวส์ไฟฟ้า ประกอบด้วย บิสมัส ประมาณ 50 %
ตะกั่วประมาณ 25 % ดีบุก 25%
บิสมัสเป็นตัวทาละลาย ตะกั่วและดีบุกเป็นตัวละลาย
แก๊สหุงต้ม ประกอบด้วยแก๊สโพรเพน ประมาณ 70 %
แก๊สบิวเทนประมาณ 30 %
แก๊สโพรเพนเป็นตัวทาละลาย
แก๊สบิวเทนเป็นตัวละลาย
- 57. นาก ประกอบด้วย ทองแดงประมาณ 60 %
ทองคาประมาณ 35 % และ เงินประมาณ 5%
ทองแดง......................................
ทองคาและเงิน.............................
- 61. สารเนื้อเดียว (Homogeneous substance)
คือ สารที่มีองค์ประกอบภายในเหมือนกัน มองเห็นเป็น
เนื้อเดียวกัน และมีอัตราส่วนของผสมเท่ากันทุกส่วน แบ่งออก
ได้เป็น สารบริสุทธิ์ สารละลาย ตัวอย่างเช่น น้า น้าเกลือ สาร
หนู เป็นต้น
- 62. สารเนื้อเดียว (Homogeneous substance)
สารเนื้อเดียวมีได้ทั้ง 3 สถานะ ดังนี้
1. สารเนื้อเดียวสถานะของแข็ง เช่น เหล็ก ทองคา ทองแดง
สังกะสี อะลูมิเนียม นาก ฟิวส์ น้าตาลทราย
2. สารเนื้อเดียวสถานะของเหลว เช่น น้ากลั่น น้าเกลือ
น้าส้มสายชู น้าอัดลม น้ามันพืช เอทานอล น้านมสด
3. สารเนื้อเดียวสถานะแก๊ส เช่น อากาศ แก๊สหุงต้ม แก๊ส
ออกซิเจน แก๊สไฮโดรเจน แก๊สธรรมชาติ
- 68. สมบัติสาคัญของคอลลอยด์
1. สามารถ กระเจิงแสงได้ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ปรากฎการณ์ทินดอลล์
2. คอลลอยด์ ไม่ตกตะกอน
3. เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 10-7 เซนติเมตร ถึง 10-4 เซนติเมตร
4.เมื่อส่องดูด้วยเครื่องมือ ที่เรียกว่า อัลตราไมโครสโคป
(Ultramicroscope) จะพบว่าอนุภาคมีการเคลื่อนที่ แบบบราวเนียน
(Brownion Movement) คือ เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ไม่มีทิศทางแน่นอน
- 70. ชนิดของ
คอลลอยด์
สถานะการเกิดของคอลลอยด์ ตัวอย่าง
1.ซอล (sol) เกิดจากอนุภาคของแข็งกระจายอยู่ในตัวกลางที่เป็น
ของเหลว
แป้งในน้้า
โปรตีนในน้้า
2.เจล (Gel) เหมือนข้อ 1 แต่อนุภาคมีขนาดใหญ่กว่าในซอล และ
มีพันธะเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล
วุ้น เยลลี
แยม ยาสีฟัน
บางชนิด
3.อีมัลชัน
(Emulsion)
เกิดจากอนุภาคของของเหลวกระจายอยู่ในตัวกลาง
ที่เป็นของเหลว
น้้านม น้้ากะทิ
น้้าสลัด
4.แอโรซอล
(Aerosol)
เกิดจากอนุภาคของของแข็งหรือของเหลวกระจาย
อยู่ในตัวกลางที่เป็นก๊าซ
ควัน เมฆ
หมอก สเปรย์
5.โฟมของ
เหลว
(Liquid foam)
เกิดจากอนุภาคของก๊าซแขวนลอยอยู่ในของเหลว
ฟองสบู่ ครีม
โกนหนวด
6.โฟมของแข็ง
(Solid foam) เกิดจากอนุภาคของก๊าซแขวนลอยอยู่ในของแข็ง
เม็ดโฟม
ฟองน้้า
- 74. สารบริสุทธิ์ (pure substance)
สารบริสุทธิ์ คือ สารที่ประกอบด้วยสารเพียงชนิดเดียว
อาจเป็น ของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ก็ได้
เช่น เหล็ก ทองแดง น้า น้าตาล ซึ่งยังแบ่งย่อยได้เป็นธาตุและ
สารประกอบ
-โลหะทองแดง (Cu) - เพชรและแกรไฟต์ (C)
- น้ากลั่น (H2O) - น้าตาลกลูโคส (C6H12O6)
- แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
- 78. สารละลาย (solution)
สารละลาย คือ สารเนื้อเดียวที่ไม่บริสุทธิ์ สารเนื้อเดียว
ที่เกิดจากสารบริสุทธิ์ ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปผสมกัน
สารละลายจึงไม่เป็นสารบริสุทธิ์แต่เกิดจากการรวมตัวของ
สารบริสุทธิ์ โดยที่รวมกันแล้วยังต้องเป็นสารเนื้อเดียว
สารละลายจะมี 3 สถานะคือ ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
ตัวอย่างสารละลายได้แก่ น้าเกลือ อากาศ ก๊าซหุงต้ม ฟิวส์ ฯ
- 80. 1. ดูสถานะ
ถ้าสาร 2 ชนิดที่มีสถานะต่างกันมาละลายซึ่งกันและกัน
ให้ถือว่าสารที่มีสถานะเดียวกับสารละลายเป็นตัวทาละลาย
สารอื่นที่เหลือเป็นตัวถูกละลาย
- 85. ธาตุสามารถอยู่ได้ 2 ลักษณะ คือ
1. อยู่ในรูปของอะตอม เช่น เงิน(Ag) ทอง(Au) สังกะสี(zn)
2. อยู่ในรูปโมเลกุล เช่น ฟลูออรีน (F2) คอลรีน(Cl2)
กามะถัน (S8)
He และ Ne เป็นอะตอมของแก๊สที่อยู่ได้ตามลาพัง เรียกว่า
โมเลกุลอะตอมเดี่ยว
- 94. อนุภาคของสาร
อนุภาคของสารที่สาคัญ 3 ชนิด คือ
1. อะตอน (atom) เป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดของสารที่อยู่ตาม
ลาพังได้ยาก ดังนั้น อะตอมมักจะอยู่รวมกลุ่ม เรียกว่า
โมเลกุล เช่น อะตอนของคาร์บอน
2. โมเลกุล (molecule) หมายถึง อนุภาคที่เล็กที่สุดของ
สารที่สามารถอยู่ในธรรมชาติได้อย่างอิสระ เกิดจากอะ
ตอนตั้งแต่ 2 อะตอมขึ้นไป เขียนแทนเรียกว่า สูตรเคมี
- 97. สารประกอบ (compound)
สารประกอบ หมายถึง สารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่เกิดจากธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป
เป็นองค์ประกอบ โดยมีสัดส่วนที่แน่นอนสามารถสลายเป็นสารอื่นได้ด้วยวิธีทาง
เคมี เช่น การเผา
ตัวอย่างสารประกอบ ได้แก่ น้า(H2O) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) เกลือแกง
(NaCl)
- 98. เปรียบเทียบสารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
สมบัติของสาร/ชนิดของ
สาร
สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
เนื้อสาร เป็นสารเนื้อเดียวกัน
เป็นสารเนื้อผสมที่กลมกลืน
กัน
เป็นสารเนื้อผสมที่ไม่กลมกลืนกัน
เส้นผ่านศูนย์กลางชองอนุภาค
น้อยกว่า
10-7 ซ.ม.
อยู่ระหว่าง
10-7 - 10-4 ซม.
มากกว่า
10-4 ซม.
การผ่านกระดาษกรอง ผ่านได้ ผ่านได้ ไม่ผ่าน
การผ่านกระดาษเซลโลเฟน ผ่านได้ ผ่านไม่ได้ ไม่ผ่าน
การตกตะกอน ไม่ตกตะกอน ไม่ตกตะกอน ตกตะกอน
การกระเจิงแสง
ไม่กระเจิงแสง
(ทะลุผ่านได้เลย)
กระเจิงแสง
ไม่กระเจิงแสง
(ทึบแสง)
- 100. เปรียบเทียบสมบัติของสารบริสุทธิ์ กับสารไม่บริสุทธิ์
สมบัติ สารบริสุทธิ์ สารไม่บริสุทธิ์
จุดเดือด จุด
หลอมเหลว
คงที่ ไม่คงที่
ช่วงการหลอมเหลว แคบ กว้าง
การแยกสาร แยกยากต้องใช้วิธีทางเคมี แยกง่ายใช้วิธีทางกายภาพ
สมบัติของสารใหม
่เมื่อเทียบกับสารเดิม
แตกต่างจากองค์ประกอบ
เดิมทุกประการ
คล้ายองค์ประกอบเดิม
การนาไประเหยแห้ง ไม่มีของแข็งเหลือเลย
อาจมีหรือไม่มีของแข็ง
เหลือก็ได้
- 115. ตัวอย่าง :
- น้า + แอลกอฮอล์ ใช้กลั่นลาดับส่วน
- น้า + เกลือ ใช้ กลั่นธรรมดา
- น้าหอม ใช้ กลั่นลาดับส่วน
- น้ามันปิโตรเลียม ใช้ กลั่นลาดับส่วน
- น้าโคลน ใช้ กลั่นธรรมดา
- น้าทะเลใช้กลั่นธรรมดา
- 119. - Ca3(PO4)2 + H2O เนื่องจาก Ca3(PO4)2 ไม่ละลายน้้า
- MgSO4 + AgCl เนื่องจาก Al(NO3)3 ละลายน้้าแต่ AgCl
ไม่ละลายน้้า
- KCl + PbBr 2เนื่องจาก KClละลายน้้าแต่ PbBr 2ไม่ละลายน้้า
ตัวอย่างสารที่ใช้การกรองในการแยก
- 128. หลักของโครมาโตกราฟี
1. โครมาโตการฟี ท้าให้สารแยกออกจากกันได้ เพราะสารแต่ละชนิดมี
ความสามารถในการละลายและดูดซับได้ไม่เท่ากัน
2. โครมาโตกราฟี เหมาะกับสารที่มีปริมาณน้อย แต่ถ้ามีปริมาณมากก็
สามารถท้าได้โดยใช้โครมาโตกราฟีแบบอื่นๆ
3. จากรูปด้านบน เรียงล้าดับความสามารถในการละลายได้ ก > ข > ค
4. ความสามารถในการดูดซับ ค > ข > ก
5. ดังนั้น สารที่ละลายดี ดูดซับจะไม่ดี และเคลื่อนที่ได้ไกล แต่สารที่ดูดซับ
ดี จะละลายได้ไม่ดี และเคลื่อนที่ได้ไม่ไกล
- 131. 11. การคานวณค่า Rf (Rate of flow)
ระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ = ระยะทางหลังสุด - ระยะทางเริ่มต้น
- 132. 12. ค่า Rf ไม่มีหน่วย และมีค่าสูงสุดเท่ากับ 1
13. ค่า Rf เป็นค่าที่บอกการเคลื่อนที่ของสาร สารใดมีค่า Rf สูงแสดงว่าสาร
นั้นเคลื่อนที่ได้ไกล
14. เนื่องจากค่า Rf มีได้ไม่แน่นอนจึงต้องหาจากผลการทดลองเท่านั้น
15. ค่า Rf สามารถนาไปวิเคราะห์ชนิดของสารได้ โดยการนาค่าที่ได้ไปเปิด
เทียบกับตาราง
***16. สารที่เคลื่อนที่ได้ระยะทางเท่ากันในตัวทาละลายและตัวดูดซับ
เดียวกัน มักจะสรุปว่าเป็นสารตัวเดียวกัน แต่บางครั้งก็ไม่แน่เสมอไป
- 138. วิธีการตกผลึก
1. ใส่สารลงไปในตัวท้าละลายทีละน้อย จนได้สารละลายอิ่มตัวที่อุณหภูมิสูง
2. กรองสารละลายขณะร้อนเพื่อก้าจัดสิ่งเจือปนที่ไม่ละลายออกไป
3. ปล่อยให้สารละลายอิ่มตัวเย็นลงจะได้ของแข็งที่มีรูปทรงเรขาคณิตตกผลึก
แยกออกมา ซึ่งเมื่อน้าไปกรองแล้วท้าให้แห้งก็จะได้ของแข็งบริสุทธิ์ตาม
ต้องการ
หมายเหตุ : ที่ต้องใช้สารละลายอิ่มตัวที่อุณหภูมิสูง เพราะสาร
ส่วนมากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะละลายได้มากขึ้น และเมื่อเราลด
อุณหภูมิลง สารจะละลายได้น้อยลงท้าให้ส่วนที่ละลายไม่ได้ตก
ลงมาเป็นผลึกแทน
- 140. ชนิดของระบบ
1. ระบบเปิด คือ ระบบที่มวล และพลังงานมีการถ่ายเทกับ
สิ่งแวดล้อม
2. ระบบปิด คือ ระบบที่มีเฉพาะพลังงานเท่านั้นที่ถ่ายเทกับ
สิ่งแวดล้อม
- 142. หมายเหตุ : ปัจจัยที่มีผลต่อระบบ คือ สภาวะ
แวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความดัน เพราะในสภาวะ
แวดล้อมที่ต่างกัน สารบางชนิดอาจเปลี่ยนสถานะ
ได้ เช่น น้้าที่อุณหภูมิห้อง(25๐C) ไม่มีฝาปิดก็
ยังคงเป็นระบบปิด แต่ถ้าอุณหภูมิ เกิน 100๐C ซึ่ง
เป็นจุดเดือดของน้้า น้้าก็จะกลายเป็นก๊าซท้าให้
กลายเป็นระบบเปิดไป