Contenu connexe
Similaire à โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Similaire à โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ (20)
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
- 1. โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง โครงงานออนไลน์ มหัศจรรย์ พชสมุนไพรเพือสุ ขภาพ
ื ่
wonderful herbs plant for the health
เสนอ
คุณครู จตุรภัทร ประทุม
โดย
1. นายอัครพล แสนสง่ า เลขที่ 4
2. นายภาคภูมิ หลวงสมบัติ เลขที่ 6
3. นายสราวุฒิ สนั่นเอือ เลขที่ 7
้
4. นางสาวณัฐวดี ละอองศรี เลขที่ 11
5. นางสาวศิริวรรณ นามสวัสดิ์ เลขที่ 14
สมาชิกในกลุ่มที่ 2 ม. 6/1
โรงเรียนคานาดีพทยาคม
ิ
รายงานนีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของ วิชาคอมพิวเตอร์
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2555
- 2. โครงงาน(ชื่อภาษาไทย) มหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพ
โครงงาน(ภาษาอังกฤษ) wonderful herbs plant for the health
ประเภทโครงงาน สื่ อเพื่อการศึกษา
ชื่อผูจดทาโครงงาน
้ั 1.นายอัครพล แสนสง่า
2.นายภาคภูมิ หลวงสมบัติ
3.นายสราวุฒิ สนันเอื้อ
่
4.นางสาวณัฐวดี ละอองศรี
5.นางสาวศิริวรรณ นามสวัสดิ์
คุณครู ที่ปรึ กษาโครงงาน คุณครู เรี ยงไร คาหอม
ระยะเวลาดาเนินงาน เดือน ธันวาคม พ.ศ 2555 – กุมภาพันธ์ พ.ศ 2556
- 3. คานา
โครงงานคอมพิวเตอร์สื่อเพื่อการศึกษาที่คณะผูจดทาได้เสนอเป็ นโครงงานประเภท
้ั
สารวจเรื่ องมหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพจักทาเพื่อศึกษาข้อเท็จจริ งว่าน้ าสมุนไพรชนิดใด
เป็ นที่นิยมของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 ของโรงเรี ยนคานาดีพิทยาคม
จากการทาโครงงานนี้คณะผูจดทาได้ใช้ทกษะทางกระบวนการทางคอมพิวเตอร์จึงได้
้ั ั
จัดทาโครงงานสื่ อเพื่อการศึกษาเพื่อเผยแพร่ ต่อไป
ผูจดทาหวังเป็ นอย่างยิงว่าโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่ องมหัศจรรย์พชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพ
้ั ่ ื
คงจะเป็ นประโยชน์ต่อผูสนใจและใช้เป็ นแนวทางในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์อื่นอีก
้
ต่อไปหากเกิดข้อผิดพลาดประการใดทางคณะผูจดทาขอน้อมรับและหากมีขอแนะนาแก่ผจดทา
้ั ้ ู้ ั
จะขอขอบพระคุณเป็ นอย่างยิง
่
คณะผูจดทา
้ั
- 4. กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเรื่ อง มหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพ จากการสารวจน้ าสมุนไพรเพื่อ
สุ ขภาพของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 ของโรงเรี ยนคานาดีพิทยาคมเป็ นโครงงานที่แสดง
ให้เห็นความสาคัญของวิชาคอมพิวเตอร์โครงงานนี้จะไม่สาเร็จถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจาก
คุณครู จตุรภัทร ประทุม คุณครู ที่ปรึ กษาโครงงาน คุณครู เรี ยงไร คาหอม คุณครู ที่ปรึ กษา
โครงงานร่ วมที่ให้คาแนะนาตลอดจนให้คาปรึ กษาและนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 ที่ให้
ความร่ วมมือต่อแบบสารวจและสมาชิกในกลุ่มของผูจดทาขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่น้ ี
้ั
- 5. บทคัดย่ อ
โครงงานเรื่ อง มหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพ เป็ นการนาสื่ อเพื่อการศึกษามา
ประยุกต์ใช้ ในการทาโครงงาน เรื่ องมหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพของนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 ของโรงเรี ยนคานาดีพิทยาคมเป็ นโครงงานที่จดทาเพื่อสารวจน้ าสมุนไพร
ั
เพื่อสุ ขภาพของนักเรี ยนภายในโรงเรี ยนคานาดีพิทยาคมโดยมุ่งเน้นสารวจนักเรี ยนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 จานวน 100 คน โดยการดาเนินงานของโครงงานได้นาแบบสารวจน้ า
สมุนไพรไปให้นกเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 โดยให้ขีดเครื่ องหมายถูกลงบนน้ าสมุนไพรที่
ั
ชอบในการสารวจพบว่ามีนกเรี ยนที่ชอบ น้ าใบบัวบก 24 คน ตะไคร้ 6 คน กระเจี๊ยบ 41 คน
ั
่
และขิง 5 คน ใบเตย 24 คน จึงทาให้รู้วาภายในนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6 ชอบน้ า
สมุนไพรชนิดใดมากที่สุด
- 6. สารบัญ
เรื่อง หน้ า
คานา ก
กิตติกรรมประกาศ ข
บทคัดย่อ ค
สารบัญ
บทที่ 1 บทนา
ที่มาและความสาคัญ 1
วัตถุประสงค์
ขอบเขตโครงงาน
บทที่ 2 หลักการและทฤษฎี
สรรพคุณของใบบัวบก 2-6
สรรพคุณของตะไคร้ 5-6
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบ 7
สรรพคุณของขิง 8-9
สรรพคุณของใบเตย 10-12
บทที่ 3 วิธีการดาเนินงาน
- 7. วิธีการดาเนินงาน 13
เครื่ องมือและอุปกรณ์ 14
งบประมาณ 15
ตารางปฏิบติงาน
ั 16
วิธีการศึกษา 17
บทที่ 4 ผลการศึกษา 18
บทที่ 5 สรุ ปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
สรุ ปผลการศึกษา 19
ประโยชน์ที่ได้รับ
ข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
- 8. บทที่ 1 บทนา
ที่มาและความสาคัญ
พืชสมุนไพรเป็ นพืชที่ผลิตจากธรรมชาติเพื่อนามาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อการรักษา
โรคภัยไข้เจ็บ
่
การทาน้ าสมุนไพรแปรรู ปสมุนไพรที่มีอยูในโรงเรี ยนมาต้มผสมกับน้ าตาลและเกลือ
เพื่อให้รสชาติน่ารับประทานมากขึ้นพร้อมทั้งเป็ นการเพิ่มมูลค่าแก่สมุนไพรพื้นบ้านซึ่งไม่มี
ราคาให้มีคุณค่าและราค่ามากยิงขึ้น
่
วัตถุประสงค์
1. เพื่อแปรรู ปสมุนไพรให้เป็ นน้ าดื่มที่เป็ นประโยชน์ต่อสุ ขภาพ
2. เพื่อศึกษาประโยชน์ของพืชสมุนไพรที่มีในท้องถิ่น
3. เพื่อสร้างรายได้ให้แก่นกเรี ยน
ั
ขอบเขตโครงงาน
ศึกษาพืชสมุนไพรในโรงเรี ยนคานาดีพิทยาคม
- 9. บทที่ 2 หลักการและทฤษฎี
สรรพคุณ และ ประโยชน์ ของใบบัวบก
วันนี้เอ็นทรี เคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ขอนา สรรพคุณของใบ
บัวบก และ ประโยชน์ ของใบบัวบก มาบอกเล่าสู่ กนฟังค่ะ เมื่อพูดถึงใบบัวบกแล้วทุกคนมักจะ
ั
นึกถึงคนอกหักใช่ไหมล่ะค่ะ เพราะเป็ นที่พดขบขันถึงการแก้ช้ าในเพราะความรัก แต่ สรรพคุณ
ู
ของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก ในทางระบบร่ างกายนั้นสามารถนามาใช้รักษา
อาการช้ าใน ร้อนใน แก้กระหายน้ าได้จริ งๆ แต่ทว่า สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของ
ใบบัวบก นั้นมีมากกว่านี้อีกนะค่ะ และวันนี้เอ็นทรี เคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ก็นา
ั
เรื่ อง สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก มาบอกเล่าเพิ่มเติมให้ได้รู้กนอีกด้วย
ค่ะ ฉะนั้นไม่รอช้ามาดู สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก ไปพร้อมกับเอ็นทรี
เคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) กันเลยนะค่ะ
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของบัวบกที่นอยคนนักจะรู ้จกนันคือ สรรพคุณในการบารุ งสมอง
้ ั ่
ไม่แพ้แปะก๊วยอันเป็ นที่นิยมในกระแสโลก และมีการรณรงค์ให้ปลูกแปะก๊วยกันอย่าง
แพร่ หลายซึ่งผูเ้ ฒ่าผูแก่รวมทั้งหมอ ยาในทุกภาคของไทยได้สืบทอดความรู ้เรื่ องบัวบกจากรุ่ นสู่
้
รุ่ นและนามาใช้ในการบารุ งร่ างกาย บารุ งประสาท บารุ งความจา บารุ งสายตา บารุ งผม บารุ งเอ็น
ั ้ ั ั
เป็ นยาอายุวฒนะ ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็ก ผูใหญ่และคนชรา นอกจากนี้ยงเป็ นที่รู้กนดีอีกว่า
ชนิดของบัวบกที่มีสรรพคุณที่ดีที่สุดคือ ผักหนอกขม ซึ่งขึ้นตามธรรมชาติพบเห็นโดยทัวไป
่
- 10. สรรพคุณ / ประโยชน์ ของใบบัวบก
ในตาราไทยกล่าวว่า บัวบกมีรสเฝื่ อน ขม เย็น เป็ นยาขับปัสสาวะ แก้ทองเสี ยหรื อบิด แก้
้
ลม แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เป็ นยาบารุ งกาลัง ยาอายุวฒนะ นอกจากนี้ยงมีผรจนาสรรพคุณของ
ั ั ู้
บัวบกว่า "กิน 1 เดือน โรคร้ายหายสิ้ นมีปัญญา กิน 2 เดือน บริ บูรณ์น่ารักมีเสน่ห์ กิน 3 เดือน
ริ ดสี ดวงสิ บจาพวกหายสิ้ น กิน 4 เดือน ลมสิ บจาพวกหายสิ้ น กิน 5 เดือน โรคร้ายในกายทุเลา
กิน 6 เดือน ไม่รู้จกเมื่อยขบ กิน 7 เดือน ผิวกายจะสวยงาม กิน 8 เดือน ร่ างกายสมบูรณ์เสี ยง
ั
เพราะ.."
จากงานศึกษาวิจยพบว่า บัวบกมีฤทธิ์เช่นเดียวกับแปะก๊วยในการบารุ งสมอง กล่าวคือ
ั
เพิ่มความสามารถความจาและการเรี ยนรู ้ มีการจดสิ ทธิบตรสารสกัดในบัวบกด้านคุณสมบัติช่วย
ั
เพิ่มความสามารถในการจา นอกจากนี้ยงมีการทดลองในสัตว์ดวย ซึ่งพบว่า บัวบกทาให้ลูกหนูมี
ั ้
ความจาและความสามารถในการเรี ยนรู ้ดีข้ ึน ทาให้เซลล์สมองของหนูแรกเกิดในส่ วนที่
เกี่ยวข้องกับความฉลาด ส่ วน hippocampal CA3 และแขนงนาสัญญาณประสาทของสมองส่ วน
ที่เรี ยกว่า อมิกดาลา (amygdala) ซึ่งทาหน้าที่สาคัญในการควบคุมเหตุผลและอารมณ์ มีการ
พัฒนาการที่ดีกว่าหนูในกลุ่มควบคุม ทาให้ปฏิภาณไหวพริ บในการหลบหลีกสิ่ งกีดขวางของหนู
ดีข้ ึน ตลอดจนยังเพิ่มสมาธิและความสามารถในการตัดสิ นใจเฉพาะหน้าในหนูได้อีกด้วย
ส่ วนการศึกษาในมนุษย์พบว่า เด็กปัญญาอ่อนที่กินบัวบกวันละ 500 มิลลิกรัมติดต่อกัน
สามเดือนมีความสามารถเรี ยนรู ้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม ส่ วนการศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการ
ออกฤทธิ์บารุ งสมองพบว่า บัวบกทาให้การหายใจในระดับเซลล์ของสมองดีข้ ึน ต้านอนุมูล
อิสระ ต้านการเสื่ อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริ มาณของสารสื่ อประสาท acetylcholine ซึ่ง
จาเป็ นต่อการทางานของสมอง เสริ มฤทธิ์การทางานของสาร GABA ซึ่งเป็ นสารสื่ อประสาททา
หน้าที่รักษาสมดุลของจิตใจทาให้ผอนคลายและหลับได้ง่าย นอกจากนี้บวบกยังทาให้หลอด
่ ั
เลือดมีความแข็งแรงและสามารถนาเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะต่างๆ ได้ดีข้ ึน เป็ น
- 11. จากผลการศึกษาวิจยดังกล่าว ทาให้บวบกมีแนวโน้มจะใช้เป็ นอาหารเพิ่มไอคิว เพิ่ม
ั ั
ความฉลาด เพิ่มความสามารถในการจาและการเรี ยนรู ้ในเด็ก โดยเฉพาะในเด็กปัญญาอ่อนรวม
ไปถึงการใช้ในเด็กสมาธิส้ ัน เนื่องจากบัวบกทาให้สารในสมองมีความสมดุล คือ มีความสงบ
ผ่อนคลาย และการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองทาให้เกิดความสามารถในเรี ยนรู ้ได้ดีข้ ึน ส่ วนในคน
ทัวไปบัวบกจะช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่ อมในวัยชราหรื ออัลไซเมอร์รวมทั้งช่วยคลาย
่
เครี ยด ทาให้มีสมาธิในการทางานอีกด้วย
- 12. สรรพคุณของตะไคร้
สรรพคุณของตะไคร้
สามารถนามาใช้ ได้ ท้งต้ น : ตะไคร้ที่ใช้เป็ นยารักษาโรคหืด ช่วยแก้อาการปวดท้อง ช่วย
ั
ขับปัสสาวะ และช่วยแก้อหิวาตกโรค หรื อเราอาจนามาทาเป็ นยาทานวดก็ได้นะ และยังสามารถ
ใช้รวม กับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่นามาช่วยรักษาโรคต่างๆได้ เช่น ช่วยในการบารุ งธาตุ ช่วยให้
เจริ ญอาหาร และช่วยในการขับเหงื่อ
ส่ วนหัวตะไคร้ : ใช้เป็ นยาช่วยรักษาเกลื้อน ช่วยแก้ทองอืด แก้ทองเฟ้ อ ช่วยแก้ปัสสาวะ
้ ้
พิการ แก้นิ่ว ช่วยบารุ งไฟธาตุ ช่วยแก้อาการขัดเบา ถ้าเรานามาใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ก็
จะเป็ นยาที่ช่วยในการแก้อาเจียน ช่วยแก้ทราง ตะไคร้ยงเป็ นยานอนหลับ และยังช่วยลดความ
ั
ดันสู ง ช่วยแก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ โดยนาใบสด ๆ มาใช้จะช่วยลดความดัน
โลหิตสู ง แก้ไข้ ได้อีกด้วยนะ
ส่ วนรากตะไคร้ : นามาใช้เป็ นยา ช่วยแก้ไข้เหนือ ช่วยลดอาการปวดท้อง และอาการ
ท้องเสี ยได้
ลาต้ นตะไคร้ : นามาใช้เป็ นยาช่วยแก้ขบลม แก้อาการเบื่ออาหาร ช่วยลดผมแตก ช่วยแก้
ั
โรคทางเดินปัสสาวะ เป็ นนิ่ว เป็ นยาบารุ งไฟธาตุช่วยให้เจริ ญ แต่ถาเราเอาผสมกับสมุนไพรชนิด
้
อื่นๆ ก็จะช่วยแก้โรคหนองใน และตะไคร้ยงช่วยดับกลิ่นในการทาอาหารได้ดีอีกด้วยนะ
ั
- 13. ประโยชน์ ของตะไคร้
ถ้าหากว่าเรามีอาการท้องอืด ท้องเฟ้ อ หรื อว่าแน่นจุกเสี ยด เพียงเรานาเอาตะไคร้ที่มีลา
ต้นแก่และสด ๆ มา ประมาณ 1 กามือ นามาทุบให้แหลกพอดี แล้วนาไปต้ม นาน้ าตะไคร้มาดื่ม
หรื ออีกวิธีหนึ่ง เราเอาตะไคร้ท้ ง ต้นทั้งรากด้วยมาสัก 5 ต้น แล้วนามาสับเป็ นท่อนๆ นามาต้ม
ั
กับเกลือ จากน้ า 3 ส่ วน ให้เหลือเพียง 1 ส่ วน แล้วนามาทานสัก 3 วัน ๆ ละ 1 ถ้วย ก็จะช่วยให้
อาการนั้นหายไปได้
- 14. ประโยชน์ ของกระเจียบ
๊
สารพัดประโยชน์ ของกระเจี๊ยบแดง
หนึ่งในสมุนไพรที่คนทัวไปรู ้จกกันดีคงหนีไม่พน "กระเจี๊ยบแดง" ว่ามีคุณสมบัติช่วย
่ ั ้
ลดความดันโลหิตสู ง แต่สมุนไพรดี ๆ จะมีคุณสมบัติแค่เพียงอย่างเดียวล่ะหรื อ โรงพยาบาล
เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการใช้กระเจี๊ยบแดงได้อีกมาก ลอง
ั
มาไล่ดูกนทีละส่ วนเลยดีกว่า
1. ใบอ่อนและยอด ใช้แต่งรสเปรี้ ยว ใส่ ตมหรื อแกง
้
2. ผลอ่อน ต้มรับประทานติดต่อกัน 5 - 8 วัน ช่วยขับพยาธิตวจี๊ด
ั
3.ผลแห้ง ป่ นเป็ นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มน้ าตามวันละ 3 - 4 ครั้ง ช่วยรักษาโรค
กระเพาะ และลาไส้อกเสบ
ั
4.เมล็ด บดเพื่อเป็ นยาระบาย ขับปัสสาวะ และยาบารุ ง
5.กลีบเลี้ยงสี แดง ใช้ทาเครื่ องดื่ม ช่วย ลดความหนืดของเลือด ป้ องกันต่อมลูกหมากโต
- 15. พืช สรรพคุณสมุนไพรขิง
สรรพคุณสมุนไพรขิง
- ไอระคายคอจากเสมหะ
วิธีที่ 1 เหง้าขิงแก่ 2 หัวแม่มือ หรื อ 5 กรัม ฝนกับน้ ามะนาว กวาดคอ ถ้าจะใช้จิบบ่อย ๆ ให้เติม
น้ าพอควร
วิธีที่ 2 เหง้าขิงแก่ 2 หัวแม่มือ หรื อ 5 กรัม ตาเติมน้ า คั้นเอาแต่น้ าแทรกเกลือ ใช้กวาดคอ ถ้าจะ
ใช้จิบบ่อย ๆ ให้เติมน้ าพอควร
- แก้ปากเหม็น คั้นผสมน้ าอุ่นและเกลือเล็กน้อย อมบ้วนปาก ฆ่าเชื้อโรคในปาก
- แก้ท้องอืด ท้ องเฟอ แน่ นจุกเสี ยด ท้ องผูก ขับลม คลืนไส้ อาเจียน และอาการเมารถเมาเรือ นา
้ ่
เหง้าขิงแก่สด 50 กรัม ทุบให้แตก นาไปต้มกับน้ า 2 แก้ว ริ นดื่มแต่น้ า วันละ 3 ครั้ง
- ปวดกระเพาะอาหาร ใช้เหง้าขิง น้ าตาลทรายแดง และพุทราแห้ง ต้มดื่มวันละครั้ง
- ผมร่ วง หัวเริ่มล้าน ใช้เหง้าสดนามาผิงไฟให้อุ่น ตาพอกบริ เวณที่ผมร่ วง วันละ 2 ครั้ง
ประมาณ 3 วัน ถ้ายังไม่ดีข้ ึนให้พอกต่อไปสักระยะ
- 16. - แก้สะอึก ใช้ขิงสดตาให้ละเอียด คั้นเอาน้ ามาผสมกับน้ าผึ้ง คนให้เข้ากัน ทาเป็ นน้ าขิงสด
รับประทาน
- ขับเหงื่อ นาขิงแก่มาปอกเปลือกฝานเป็ นชิ้นบาง ๆ นาไปตากในที่ร่มจนแห้ง (2 วัน) เอาขิงแห้ง
3 กรัม ไปต้มกับน้ า 1 แก้วจนเดือด เป็ นเวลา 3 นาที เอาเฉพาะส่ วนน้ ามาเติมน้ าตาลทรายขาว
- แก้ตานขโมย นาขิง พริ กไทย ใบกะเพรา ไพล มาบดผสมกันรับประทาน
- แก้ไข้ ร้ อนใน ใช้ลาต้นที่แก่สดทุบแตกประมาณ 1 กามือ ต้มน้ าดื่ม
- ถูกแมงมุมกัด แผลที่บีบน้ าเหลืองออก ใช้ขิงฝานเป็ นแผ่นบางๆ นามาวางทับบริ เวณที่เป็ น
- แก้ไอ ขิงแก่ยาว 2 นิ้ว ทุบพอแหลก เทน้ าเดือดลงไป ครึ่ งแก้ว ปิ ดฝาตั้งไว้ 5 นาที ริ นเอาแต่น้ า
ดื่ม ระหว่างอาหารแต่ละมื้อ หรื อนาเหง้าขิงมาฝานเป็ นแผ่นจิ้มเกลือรับประทาน
- กาจัดกลินรักแร้ ใช้เหง้าขิงแก่มาทุบ คั้นเอาแต่น้ าขิงทารักแร้เป็ นประจาจะช่วยกาจัดกลิ่นที่ไม่
่
พึงปรารถนา
- แผลเริมบริเวณหลัง ใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาจนผิวนอกเป็ นถ่านคอยปาดถ่านที่ผวนอกออก เผา
ิ
และปาดไปเรื่ อย ๆ นาผงถ่านที่ได้ผสมกับน้ าดีหมูใช้ทาบริ เวณที่เป็ น
- ฟกช้าจากการหกล้ม หรือกระทบกระแทก ให้ใช้เหง้าสดมาตากับเหล้าพอกหรื อใช้น้ าคั้นจาก
ใบสด 1 ถ้วย ตังกุย 100 กรัม บดเป็ นผงผสมกับเหล้ากินติดต่อกันประมาณ 3 วัน
- หนังมือลอกเป็ นขุย ให้ใช้เหง้าสดมาหันเป็ นแผ่น นามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งไว้นาน 24 ชัวโมง
่ ่
่
เอาแผ่นขิงที่ผานการแช่มาถูกทาตามบริ เวณที่เป็ น วันละ 2 ครั้ง
- แก้หวัด นาขิงแก่ขนาดประมาณหัวแม่มือทุบให้แตกหันเป็ นแว่นต้มน้ า 1 แก้ว ใช้ไฟอ่อน ๆ
่
ต้มน้ าให้เดือดนาน 5 นาที เสร็จแล้วตักขิงออกเติมน้ าเพิ่มเล็กน้อยดื่มขณะยังอุ่น ทาอย่างนี้ 3
เวลา เช้า - กลางวัน - เย็น
- พยาธิตัวกลมจุกลาไส้ ใช้น้ าขิงผสมน้ าผึ้งดื่ม
ข้ อควรระวัง : การใช้น้ าสกัดจากขิงที่เข้มข้นมาก ๆ จะให้ผลตรงข้ามคือ จะไประงับการบีบ
ตัวของลาไส้จนทาให้ลาไส้หยุดบีบตัว ดังนั้น การดื่มน้ าที่สกัดจากขิงไม่ควรใช้น้ าเข้มข้นมาก
เกินไปเพราะจะไม่ให้ผลในการรักษาตามที่ตองการ
้
- 17. สรรพคุณของใบเตย
่
"กลินใบเตย หอมชื่นใจ" ...ก็แหมเวลาเราได้กลิ่นหอม ๆ ของใบเตย หรื อ "เตยหอม" ผสมอยูใน
่
็ ่
ขนมไทยทีไร ก็ชวนให้เราอยากคว้าขนมไทยชิ้นนั้นขึ้นมาหม่าไปซะที (ปกติกชอบหม่าอยูแล้ว
อิอิ)
สาหรับ "เตยหอม" นั้น ทุกคนน่าจะรู ้จกกันดีใช่ไหมล่ะจ๊ะ โดยเฉพาะ "ใบเตย" ที่มกถูก
ั ั
ั
นามาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน แถมยังช่วยแต่งสี เขียวให้กบขนม
่
ไทยด้วย ซึ่งคนทัวไปอาจจะรู ้วาประโยชน์ของ "เตยหอม" มีเพียงเท่านี้ แต่จริ ง ๆ แล้ว
่
นอกจาก "เตยหอม" จะมีดีที่ความหอมแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุ ขภาพแฝงอยูดวยนะ
่ ้
โดย "ใบเตยหอม" 100 กรัม จะให้ พลังงานถึง 35 กิโลแคลอรี และยังมีคุณค่ าทางโภชนาการอีก
มากมาย ไม่ ว่าจะเป็ น
น้ า 85.3 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 4.6 กรัม
โปรตีน 1.9 กรัม
ไขมัน 0.8 กรัม
กาก 5.2 กรัม
แคลเซียม 124 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม
- 18. เหล็ก 0.1 มิลลิกรัม
เบต้า-แคโรทีน 2.987 ไมโครกรัม
วิตามินบี 2 0.20 มิลลิกรัม
ไนอะซีน 1.2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
มาที่สรรพคุณสุ ดแสนจะน่าอัศจรรย์ของเตยหอมกันบ้าง นอกจากจะนา "ใบ" มาใช้ผสม
อาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแล้ว ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสั ชวิทยา ยังพบว่ า "เตยหอม" มีฤทธิ์
ทางยาด้ วย ดังนี้
ใบ
ใช้เป็ นยาบารุ งหัวใจ เพราะใบเตยมีฤทธิ์ลดอัตราการเต้นของหัวใจ จึงช่วยบารุ งหัวใจได้
อย่างดี วิธีรับประทานคือ ใช้ใบสดผสมในอาหาร แล้วรับประทาน หรื อนาใบสดมาคั้นน้ า
รับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง
ช่วยดับกระหาย เนื่องจากใบเตยมีกลิ่นหอมเย็น หากนามาผสมน้ ารับประทาน จะช่วยดับ
กระหาย คลายร้อน ทานแล้วรู ้สึกชื่นใจ และชุ่มคอได้เป็ นอย่างดี วิธีรับประทานคือ นาใบเตยสด
มาล้างให้สะอาด นามาตาหรื อปั่นให้ละเอียด แล้วเติมน้ าเล็กน้อย คั้นเอาแต่น้ าดื่ม
รักษาโรคหัด หรื อ โรคผิวหนัง โดยนาใบเตยมาตาแล้วมาพอกบนผิว
- 19. รากและลาต้ น
ใช้รักษาโรคเบาหวาน เพราะรากและลาต้นของเตยหอมนั้น มีฤทธิ์ลดระดับน้ าตาลใน
เลือด วิธีรับประทานก็คือ ใช้ราก 1 กามือนาไปต้มเป็ นน้ าดื่ม ทุกเช้า-เย็น
ใช้เป็ นยาขับปัสสาวะ โดยการนาต้นเตยหอม 1 ต้น หรื อราก ครึ่ งกามือ ไปต้มกับน้ าดื่ม
นอกจากนี้ เตยหอม ยังช่วยแก้อ่อนเพลีย ดับพิษไข้ และชูกาลังได้อีกด้วย เห็นสรรพคุณ
มากมายขนาดนี้แล้ว ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริ ง ๆ สาหรับเจ้าพืชสี เขียวใบเรี ยวชนิดนี้
- 20. บทที่ 3 วิธีการดาเนินงาน
1. ร่ วมกันวางแผนการทางาน
2. ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพืชสมุนไพรและวิธีทาน้ าสมุนไพร
3.เ ตรี ยมวัสดุ อุปกรณ์
4. ทาน้ าสมุนไพร
5. สารวจความคิดเห็นและการดาเนินงาน
6. สรุ ปผลการดาเนินงาน
- 21. เครื่องมือ และ อุปกรณ์
1. เว็บไซด์สื่อออนไลน์โครงงาน เรื่ อง มหัศจรรย์พืชสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพ คือ
http://Knpproject255560102.wordpress.com
2. ใบบัวบก 3. ตะไคร้
4. กระเจี๊ยบ 5. ขิง
6. ใบเตย 7. น้ า
8. น้ าตาลทราย 9. เกลือไอโอดีน
10. มีด 11. เขียง
12. ถาด 13. แก้ว
14. สมุดบันทึก 15. ปากกา
16. ดินสอ 17. คอมพิวเตอร์
- 22. งบประมาณ
น้ าตาล 3 กิโลกรัม 90 บาท
เกลือ 1 ถุง 5 บาท
เติมน้ ามัน 50 บาท
ค่าปริ้ นงาน 155 บาท
รวมเป็ นเงิน 300 บาท
- 23. ตารางการปฏิบัตงาน
ิ
ภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศึกษาที่ 2556
ระยะเวลาการดาเนินการ
ที่ กิจกรรม/รายการปฏิบติ
ั (เดือน) ผูรับผิดชอบ
้ หมายเหตุ
พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ.
1 แบ่งกลุ่มในการเลือกหัวข้อเพื่อ 19-20 สมาชิกใน
เสนอต่ออาจารย์ กลุ่มและ
อาจารย์ที่
ปรึ กษา
2 ค้นคว้าหาข้อมูลจากเครื อข่าย 3-12 สมาชิกใน
อินเตอร์ เน็ตตามหัวข้อที่กาหนด กลุ่ม
ไว้ เริ่ มพิมพ์งานในบทที่ 1
3 จัดเตรี ยมหาข้อมูลเอกสารที่ 27-25
เกี่ยวข้องกับโครงงาน จัดพิมพ์ สมาชิกใน
บทที่ 2 บทที่ 3 และปรึ กษา กลุ่ม
สมาชิกภายในกลุ่มเพื่อเตรี ยมผล
การศึกษา
4 สรุ ปผลและเสนอแนะข้อมูล 4-10 สมาชิกใน
พร้อมจัดพิมพ์ กลุ่ม
5 ศึกษาข้อมูลและจัดพิมพ์ 15-21
บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สมาชิกใน
ทาสารบัญ การพิมพ์อางอิงเพื่อ
้ กลุ่ม
จัดทาเป็ นรู ปเล่มฉบับสมบูรณ์
- 25. บทที่ 4 ผลการศึกษา
น้ าสมุนไพร จานวน (คน)
ใบบัวบก 24
ตะไคร้ 6
กระเจี๊ยบ 41
ขิง 5
ใบเตย 24
รวม 100
จานวนนักเรียนทีชอบดื่มนาสมุนไพรแต่ ละชนิด
่ ้
ชุดข้ อมูล 1
50
40
30
20
10 ชุดข้ อมูล 1
0
- 26. บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาและข้ อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาและสารวจน้ าสมุนไพรเพื่อสุ ขภาพของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6
พบว่าน้ า กระเจี๊ยบ มีผชอบมากกว่าน้ าสมุนไพรชนิดอื่นรองลงมาคือ ใบบัวบก ใบเตย ตะไคร้
ู้
และ ขิง ตามลาดับ จากการทาโครงงานนี้ในกลุ่มผูจดทาทราบว่าจานวนนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษา
้ั
ปี ที่ 4-6 ปี การศึกษา 2555 ว่ามีประมาณเท่าใดมีผชอบน้ าสมุนไพรชนิดใดมากที่สุดนอกจากนี้
ู้
สามารถประยุกต์ใช้ในชีวตประจาวันได้
ิ
ประโยชน์ ที่ได้ รับ
1. ได้รู้จานวนผูชอบน้ าสมุนไพรแต่ละชนิด
้
่
2. ได้รู้วาน้ าสมุนไพรชนิดใดเป็ นที่นิยมของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4-6
3. ได้รู้สรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด
4. ได้ความสามัคคีของสมาชิกในกลุ่ม
ข้ อเสนอแนะ
1. ควรศึกษาพืชสมุนไพรที่หลากหลายชนิดกว่านี้
2. ควรศึกษาจากนักเรี ยนที่มีท้ งหมดในโรงเรี ยน
ั
3. สามารถนาความรู ้ที่ได้น้ ีไปทาเกี่ยวกับการสารวจโครงงานอื่นได้