การทำนา
- 1. การทานา
หน้า 1
การทานาหมายถึงการปลูกข้าวและการดูแลรักษาต้นข้าวในนาตั้งแต่ปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว
การปลูกข้าวในแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันไปตามสภาพของดินฟ้ าอากาศและสังคมของท้องถิ่นนั้นๆ
ในแหล่งที่ต้องอาศัยน้าจากฝนเพียงอย่างเดียว ก็ต้องกะระยะเวลาการปลูกข้าวให้เหมาะสมกับช่วงที่มีฝนตกสม่าเสมอ
และเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฤดูฝนหมดพอดีเนื่องจากแต่ละท้องถิ่นมีสภาพดินฟ้ าอากาศที่แตกต่างกัน
สาหรับการทานาในประเทศไทยมีปัจจัยหลัก 2ประการเป็นพื้นฐานของการทานาและเป็นตัวกาหนดวิธีการปลูกข้าว
และพันธุ์ข้าวที่จะใช้ในการทานาด้วยหลัก2ประการคือ
1. สภาพพื้นที่( ลักษณะเป็นพื้นที่สูงหรือต่า) และภูมิอากาศ
2. สภาพน้าสาหรับการทานา
ฤดูทานาปีในประเทศไทยปกติจะเริ่มราวเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคมของทุกปี ขึ้นอยู่กับปริมาณน้าฝนเมื่อ 3
เดือนผ่านไปข้าวที่ปักดาหรือหว่านเอาไว้จะสุกงอมเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยวส่วนนาปรังสามารถทาได้ตลอดปี
เพราะพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกเป็นพันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสงเมื่อข้าวเจริญเติบโตครบกาหนดอายุก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้
การทานามีหลักสาคัญคือ
1. การเตรียมดินก่อนการทานาจะมีการเตรียมดินอยู่3ขั้นตอน
การไถดะเป็นการไถครั้งแรกตามแนวยาวของพื้นที่กระทงนา(กรณีที่แปลงนาเป็นกระทงย่อยๆ
หลายกระทงในหนึ่งแปลงนา)เมื่อไถดะจะช่วยพลิกดินเพื่อให้ดินชั้นล่างได้ขึ้นมาสัมผัสอากาศออกซิเจน
- 2. และเป็นการตากดินเพื่อทาลายวัชพืชโรคพืชบางชนิดการไถดะจะเริ่มทาเมื่อฝนตกครั้งแรกในปีฤดูกาลใหม่
หลังจากไถดะจะตากดินเอาไว้ประมาณ 1- 2 สัปดาห์
การไถแปรหลังจากที่ตากดินเอาไว้พอสมควรแล้วการไถแปรจะช่วยพลิกดินที่กลบเอาขึ้นการอีกครั้ง
เพื่อทาลายวัชพืชที่ขึ้นใหม่และเป็นการย่อยดินให้มีขนาดเล็กลง
จานวนครั้งของการไถแปรจึงขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของวัชพืชลักษณะดินและระดับน้า
ในพื้นที่ขึ้นอยู่กับปริมาณน้าฝนด้วยแต่โดยทั่วไปแล้วจะไถแปรเพียงครั้งเดียว
การคราดเพื่อเอาเศษวัชพืชออกจากกระทงนาและย่อยดินให้มีขนาดเล็กลงอีกจนเหมาะแก่การเจริญของข้าว
ทั้งยังเป็นการปรับระดับพื้นที่ให้มีความสม่าเสมอเพื่อสะดวกในการควบคุมดูแลการให้น้า
ไถคราดด้วยควาย
หน้า 2
2. การปลูกการปลูกข้าวสามารถแบ่งได้เป็น2 วิธีคือ การปลูกด้วยเมล็ดโดยตรงได้แก่ การทานาหยอดและนาหว่าน
และ การเพาะเมล็ดในที่หนึ่งก่อนแล้วนาต้นอ่อนไปปลูกในที่อื่นๆได้แก่ การทานาดา
การทานาหยอดใช้กับการปลูกข้าวไร่ตามเชิงเขาหรือในที่สูง
วิธีการปลูกหลังการเตรียมดินให้ขุดหลุมหรือทาร่องแล้วจึงหยอดเมล็ดลงในหลุมหรือร่องจากนั้นกลบหลุมหรือร่อง
เมื่อต้นข้าวงอกแล้วต้องดูแลกาจัดวัชพืชและศัตรูพืช
การทานาหว่านทาในพื้นที่ควบคุมน้าได้ลาบากวิธีหว่านทาได้ 2 วิธีคือ การหว่านข้าวแห้งและการหว่านข้าวงอก
การหว่านข้าวแห้งแบ่งตามช่วงระยะเวลาของการหว่านได้ 3วิธี คือ
- 4. ปักดา
หน้า 3
3. การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวหลังจากที่ข้าวออกดอกหรือออกรวงประมาณ 20วันชาวนาจะเร่งระบายน้าออก
เพื่อเป็นการเร่งให้ข้าวสุกพร้อมๆกันและทาให้เมล็ดมีความชื้นไม่สูงเกินไป
จะสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากระบายน้าออกประมาณ 10วันระยะเวลาที่เหมาะสมสาหรับการเก็บเกี่ยวเรียกว่า
ระยะพลับพลึงคือสังเกตที่ปลายรวงจะมีสีเหลืองกลางรวงเป็นสีตองอ่อน
การเก็บเกี่ยวในระยะนี้จะได้เมล็ดข้าวที่มีความแข็งแกร่งมีน้าหนักและมีคุณภาพในการสี
ลงแขกเกี่ยวข้าว
มัดข้าวด้วยตอกหลังเกี่ยว
4. การนวดข้าวหลังจากตากข้าวชาวนาจะขนเข้ามาในลานนวดจากนั้นก็นวดเอาเมล็ดข้าวออกจากรวง
บางแห่งใช้แรงงานคนบางแห่งใช้ควายหรือวัวย่า แต่ปัจจุบันมีการใช้เครื่องนวดข้าวมาช่วยในการนวด
ฟาดข้าวกับม้ารองนวดข้าว
- 5. พัดแยกเมล็ดข้าว
5. การเก็บรักษาเมล็ดข้าวที่นวดฝัดทาความสะอาดแล้วควรตากให้มีความชื้นประมาณ 14% จึงนาเข้าเก็บในยุ้งฉาง
ยุ้งฉางที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
อยู่ในสภาพที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
การใช้ลวดตาข่ายกั้นให้มีร่องระบายอากาศกลางยุ้งฉางจะช่วยให้การถ่ายเทอากาศดียิ่งขึ้น
คุณภาพเมล็ดข้าวจะคงสภาพดีอยู่นาน
อยู่ใกล้บริเวณบ้านและติดถนนสามารถขนส่งได้สะดวก
เมล็ดข้าวที่จะเก็บไว้ทาพันธุ์ต้องแยกจากเมล็ดข้าวบริโภคโดยอาจบรรจุกระสอบมีป้ ายบอกวันบรรจุ
และชื่อพันธุ์แยกไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งในยุ้งฉางเพื่อสะดวกในการขนย้ายไปปลูก
ก่อนนาข้าวเข้าเก็บรักษาควรตรวจสภาพยุ้งฉางทุกครั้งทั้งเรื่องความะอาดและสภาพของยุ้งฉาง
ซึ่งอาจมีร่องรอยของหนูกัดแทะจนทาให้นกสามารถรอดเข้าไปจิกกินข้าวได้ รูหรือร่องต่างๆ
ที่ปิดไม่สนิทเหล่านี้ต้องได้รับการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน
ยุ้งฉางข้าว