More Related Content
Similar to การเขียน 1 (20)
การเขียน 1
- 1. การเขียนสะกดคา
1 ความหมายของการเขียน
กรมวิชาการ ( 2544: 133 ) ได้ให้แนวคิดว่า การเขียน เป็ นทักษะพื้นฐานที่มีความสัมพันธ์กน เป็ น ั
ทักษะพื้นฐานที่สาคัญของการเรี ยนรู ้ภาษาทุกภาษา ทั้งในการเรี ยนระดับพื้นฐานและในระดับสู ง การเรี ยน
ในระดับพื้นฐานจะเน้นในด้านการอ่านการเขียนได้ถูกต้อง มีความแม่นยาในหลักเกณฑ์ทางภาษา ซึ่ งเป็ น
เรื่ องสาคัญและเป็ นความจาเป็ นของนักเรี ยนทุกคน ครู ผสอนระดับพื้นฐานจาเป็ นต้องมีความรู ้ในเรื่ องของ
ู้
หลักและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย ได้แก่ หลักการสะกดคา คาควบกล้ าไตรยางศ์ การผันเสี ยงวรรณยุกต์
อักษรนา เป็ นต้น
ครู ผสอนในระดับพื้นฐานจะต้องสามารถจัดกระบวนการเรี ยนการสอนได้อย่างมีลาดับขั้นตอน
ู้
จากเรื่ องง่ายไปสู่ เรื่ องยาก ทาให้นกเรี ยนเรี ยนรู ้ตามลาดับอย่างต่อเนื่ องและไม่รู้สึกว่าการเรี ยน ภาษาไทยเป็ น
ั
เรื่ องยาก การสอนหลักเกณฑ์ทางภาษาไทยให้แก่นกเรี ยนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู ตองใช้เทคนิค
ั ้
การสอนที่หลากหลาย สอดแทรกหลักภาษาเข้าไปในกระบวนการสอนอ่านสอนเขียนอย่างผสมกลมกลืน
และสอนให้สนุกโดยการให้นกเรี ยนสังเกตการใช้ภาษาและสรุ ปเป็ นกฎเกณฑ์ดวยตนเอง จะไม่ทาให้เบื่อ
ั ้
หน่ายวิชาภาษาไทย หากนักเรี ยนรักและเห็นคุณค่าของภาษาไทยก็จะเป็ นคนรักการอ่าน ซึ่ งนับว่าเป็ น
คุณลักษณะที่พึงประสงค์สาคัญยิง อันจะเป็ นประโยชน์ต่อการเรี ยนรู ้เนื้ อหาสาระวิชาอื่นๆของนักเรี ยน
่
ต่อไป
่
สรุ ปได้วา การสอนทักษะการเขียนควรเริ่ มจากการทดสอบพื้นฐานการเขียนของผูเ้ รี ยน แจ้ง
จุดประสงค์การสอนเขียนและฝึ กให้ผเู ้ รี ยนตั้งจุดประสงค์ในการเขียน ให้แนวการเรี ยนรู ้และฝึ กปฏิบติใน ั
เรื่ องหลักการเขียน เช่นการฝึ กคิด ฝึ กวางโครงเรื่ อง การถ่ายทอดความคิด ทั้งนี้ จะต้องเป็ นกิจกรรมที่ฝึก
เขียนจากระดับที่ง่ายไปสู่ ระดับที่ยาก จัดเนื้ อหาให้เหมาะสมกับวัยและสอนตามลาดับพัฒนาการ โดยการ
สอนที่ใช้ทกษะสัมพันธ์ นอกจากนี้ตองมีการประเมินผลการเขียนเป็ นระยะๆให้ผเู ้ รี ยนมีส่วนร่ วมในการ
ั ้
ประเมินพร้อมทั้งการติชมผลงานและแจ้งให้ผเู ้ รี ยนทราบหรื อจัดแสดงผลงานตามโอกาส
2 ความหมายของการเขียนสะกดคา
การเขียนสะกดคาเป็ นสิ่ งที่จาเป็ นอย่างมาก นักการศึกษาได้ให้ความหมายการเขียนสะกด
คา ไว้ ดังนี้
เซอร์ เบอร์ริช และคณะ (Cerberich และคณะ.1962 : 357) ให้ความหมายของการเขียน
สะกดคาว่าหมายถึง ความสามารถในการเขียนสะกดคาต่าง ๆ โดยเรี ยงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ได้
อย่างถูกต้อง
เวบสเตอร์ (Webster. 1981 : 2190) ให้ความหมายของการเขียนสะกดคาว่า “การเขียน
สะกดคาเป็ นศิลปะหรื อกลวิธีในการจัดเรี ยงอักษรให้เป็ นคาตามแบบที่คนยอมรับ ” ซึ่ งสอดคล้องกับ
- 2. ความเห็นของ บันลือ พฤกษะวัน (2522 : 30) ที่กล่าวว่า การสะกดคาเป็ นการสอนให้เด็กนักเรี ยนรู ้จก ั
หลักเกณฑ์ของการเรี ยงลาดับตัวอักษรภายในคาหนึ่ง ๆ เพื่อจะได้ออกเสี ยงชัดเจนและเขียนคาได้อย่าง
ถูกต้อง ลักษณะการเขียนคาที่ถูกต้องตามแบบนั้น ๆ ส่ วนวรรณี โสมประยูร (2529 : 542) กล่าวว่า “การ
เขียนสะกดคาเป็ นวิธีเรี ยงลาดับอักษรภายในคาหนึ่ง ๆ เพื่อออกเสี ยงให้ชดเจนและสื่ อ ความหมายได้ถูกต้อง
ั
ตามที่ผเู้ ขียนต้องการ” อดุลย์ ไทรเล็กทิม (2528: 36) ชิน โพธิ์ อ่อน (2526 : 25) อรพรรณ ภิญโญภาพ (2529 :
11) พธู ทังแดง (2534 : 11) และสลักจิต ตั้งสุ จริ ตวงศ์ (2534 : 10) มีแนวคิดเกี่ยวกับความหมายของการเขียน
่
่
สะกดคาสอดคล้องกันสรุ ปได้วาการสะกดคาเป็ นการสอนให้นกเรี ยนเขียนได้ถูกต้อง โดยเรี ยงพยัญชนะ
ั
สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดการันต์ ตามหลักเกณฑ์ของหลักภาษาและพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พุทธศักราช 2525 และต้องสื่ อความหมายกันได้
่
จากความหมายของการเขียนสะกดคาดังกล่าว สรุ ปได้วา การเขียนสะกดคาเป็ นศิลปะการ
เขียนที่สาคัญมาก มีกลวิธีในการเขียนโดยเรี ยงลาดับพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ไว้ดวยกันให้เป็ นคาที่
้
ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ของหลักภาษา สามารถสื่ อความหมายเข้าใจกันได้และมีความหมายตรงตาม
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525
3 ความสาคัญของการเขียนสะกดคา
การเขียนสะกดคาเป็ นพื้นฐานการเขียนของทุกรู ปแบบ การเขียนสะกดคาได้ถูกต้องเป็ นสิ่ ง
สาคัญมากและมีคุณค่ามากที่สุด เพราะสามารถสื่ อความหมายให้เข้าใจตรงกันได้ อย่างชัดเจนและถูกต้อง
ช่วยอนุรักษ์ภาษาของชาติและเป็ นประโยชน์ต่อผูเ้ ขียน ซึ่ งสอดคล้องกับคากล่าวของ รองรัตน์ อิศรภักดี
(2516 : 64) และเทือก กุสุมา ณ อยุธยา (2518 : 12) ได้ กล่าวถึงความสาคัญของการเขียนสะกดคาว่า การ
เขียนสะกดคาเป็ นสิ่ งที่สาคัญและเป็ นรากฐานในการเขียนงานอย่างอื่นได้
บันลือ พฤกษะวัน (2527 : 65) กล่าวว่า การเขียนสะกดคาให้ถูกต้องเป็ นสิ่ งสาคัญ หากเขียนผิด
จะสื่ อความหมายกันไม่ได้ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความไม่รู้ของผูเ้ ขียน เป็ นการลดความศรัทธาของผูอ่าน ้
ที่มีต่อผูเ้ ขียน ในทานองเดียวกัน อาไพ กิมแหลม (2528 : 2) และศิวพร พิลาแดง (2529 : 1) ให้ความเห็น
เกี่ยวกับความสาคัญของการเขียนสะกดคาที่สอดคล้องกันสรุ ปได้วา การเขียนสะกดคาให้ถูกต้องเป็ น
่
พื้นฐานสาคัญในการเขียน ถ้าเขียนผิดความหมายก็จะเปลี่ยนไป แต่ถาเขียนถูกจะช่วยให้ผอ่านเข้าใจสารได้
้ ู้
ถูกต้องรวดเร็ ว และมีความรู ้สึกดีต่อผูเ้ ขียนและงานเขียน ส่ วนผอบ โปษะกฤษณะ (2532 : 116) ชี้ให้เห็น
ความสาคัญของการเขียนสะกดคาและผลเสี ยที่เกิดจากการเขียนสะกดคาผิดว่า
“การเขียนสะกดคาการันต์ผด นอกจากจะมีผลทาให้ความหมายเดิมผิดไป ยังทาให้ขาดความ
ิ
งามทางภาษา ในภาษาไทยตัวสะกดเป็ นเรื่ องสาคัญที่ตองระวังที่สุด เพราะนอกจากทาให้การสื่ อความหมาย
้
ไม่เข้าใจแล้ว ยังแสดงถึงความรู ้ของผูเ้ ขียนอีกด้วยและยังทาให้หลักภาษาที่ดีเสี ยไป...”
่
จากความคิดเห็นของนักการศึกษาที่กล่าวมา สรุ ปได้วา การเขียนสะกดคามีความสาคัญ ต่อ
การใช้ภาษา และในการดารงชีวตประจาวัน การเขียนสะกดคาได้ถูกต้องจะทาให้ภาษาเกิดความงดงาม หาก
ิ
- 3. การเขียนสะกดผิด จะทาให้การสื่ อความหมายผิดไป ส่ งผลเสี ยหายทั้งผูรับสารและผูส่งสาร นอกจากนั้นยัง
้ ้
ทาให้ขาดความศรัทธาและความเชื่อมันต่องานเขียนอีกด้วย
่
.4 สาเหตุและผลเสี ยของการเขียนสะกดผิด
สาเหตุของการเขียนสะกดคาผิด เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ งจะพบว่านักเรี ยนเกือบทุกระดับชั้น
ส่ วนใหญ่เขียนสะกดคาผิดพลาด และบกพร่ องอยูเ่ สมอ นักการศึกษาหลายท่านได้ศึกษาสาเหตุและผลเสี ย
การเขียนสะกดได้ดงนี้ ั
Blair (1956 อ้างใน พธู ทังแดง. 2534 : 15) ได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการที่
่
นักเรี ยนเขียนสะกดผิดสรุ ปได้วา ่
4.1 ความไม่พร้อมหรื อบกพร่ องในด้านสุ ขภาพร่ างกายและอารมณ์
4.2 การออกเสี ยงและการฟังเสี ยงไม่ถูกต้องชัดเจน
4.3 การจาคาไปใช้อย่างผิด ๆ
4.4 จาการเรี ยงอักษรไม่ได้
4.5 ได้รับการฝึ กอย่างไม่ถูกต้อง
Woodburn (1980 : 32) ได้กล่าวว่า “การออกเสี ยงบกพร่ อง ทาให้การเขียนสะกดคาบกพร่ อง
ตามไปด้วย รวมทั้งการขาดความเอาใจใส่ ในการเรี ยน” ส่ วน Petty (1980 : 40) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบใน
ด้านต่าง ๆ ที่มีต่อความสามารถในการเขียนสะกดคา เช่น ความสามารถในการอ่าน การฟังและการพูด เจต
คติที่มีต่อการสะกดคา ความเอาใจใส่ ในการเรี ยน สุ ขภาพทัวไปและความสามารถพิเศษของแต่ละคน สิ่ ง
่
เหล่านี้จะมีผลกระทบต่อความสามารถทางการเขียนสะกดคาของนักเรี ยนทั้งสิ้ น
ประเทิน มหาขันธ์ (2519 : 25) ได้กล่าวเกี่ยวกับสาเหตุของการเขียนสะกดผิด สรุ ปได้วา ่
นักเรี ยนมองไม่เห็นว่าการสะกดคาเป็ นส่ วนหนึ่งของการดาเนินชีวิต และครู ไม่ได้แนะนาให้นกเรี ยน ั
สามารถเขียนสะกดได้ดวยตนเอง ต้องพึ่งเพื่อน ๆ อยูเ่ สมอ นอกจากนั้น ศรี ยา นิยมธรรม และประภัสสร
้
นิยมธรรม (2526 : 13) กล่าวถึงสาเหตุการเขียนสะกดคาผิด สรุ ปได้ดงนี้ ั
1) เขียนสะกดผิดเพราะความเลินเล่อ ซึ่ งอาจเกิดจากนักเรี ยนอ่านไม่เก่ง ครู
ควรฝึ กด้านการอ่านให้นกเรี ยนก่อนแล้วค่อยฝึ กการเรี ยน โดยให้สมพันธ์กบเรื่ องที่อ่าน ส่ วน
ั ั ั
นักเรี ยนที่อ่านเก่งแต่เลินเล่อนั้น ครู ตองทาให้นกเรี ยนเข้าใจว่าการสื่ อความหมายจะมี
้ ั
่ ั
ประสิ ทธิ ภาพดีเพียงใดขึ้นอยูกบการเขียนให้ถูกต้อง
2) เขียนสะกดผิดเพราะไม่ชอบการอ่าน การไม่ชอบการอ่านหนังสื อทาให้
นักเรี ยนขาดความสังเกต ขาดประสบการณ์ ควรแก้ไขโดยการหาหนังสื อดี ๆ ที่นอกเหนือจาก
่
ตาราเรี ยนมาให้อานหรื อฝึ กการใช้พจนานุกรมบ่อย ๆ
3) เขียนสะกดผิดเพราะแยกเสี ยงไม่ได้ อาจมีขอบกพร่ องด้านการฟัง ควร
้
เน้นฝึ กทักษะด้านการฟังด้วย
- 4. 4) เขียนสะกดผิดเพราะสายตาไม่ดี ควรฝึ กจาแนกคา ฝึ กการสังเกตตัวสะกด
การันต์อย่างละเอียด
5) สะกดผิดเพราะขาดหลักเกณฑ์ แก้ไขโดยการเน้นให้เข้าใจหลักการเขียน
เช่น หลักการใช้ ไ – ใ เป็ นต้น
ส่ วน ศรี สุดา จริ ยากุล (2529 : 6) ได้กล่าวถึงสาเหตุการเขียนสะกดคาผิด และข้อเสนอแนะ
วิธีการป้ องกันการเขียนสะกดคาผิดไว้วา ่
“การเขียนสะกดคาผิดเกิดจากสาเหตุสองประการ คือ ประการแรกสะกดคาผิดเพราะใช้
พยัญชนะ วรรณยุกต์ และตัวการันต์ผิด ประการที่สองเกิดจากการสะกดลักลัน คือ คาบางคามีวธีการเขียนได้
่ ิ
สองแบบ ผูเ้ ขียนใช้สองแบบที่ใกล้ ๆ กัน และในการป้ องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดการสะกดผิดนั้น ทาได้
โดยการจดจา และการสังเกตคาที่มกสะกดผิดว่า สะกดอย่างไรจึงจะถูกต้อง ถ้าไม่แน่ใจคาใดควรยึด
ั
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525 เป็ นบรรทัดฐาน”
ส่ วน ผลเสี ยของการเขียนสะกดคาผิดนั้น สุ ทธิ วงศ์ พงศ์ไพบูลย์ (2531 : 4) กล่าวว่า“การสะกด
คาผิดเป็ นโทษทั้งผูอ่านและผูเ้ ขียน กล่าวคือ ผูอ่านจาคาที่เขียนสะกดผิดไปใช้ ส่ วนผูที่รู้หลักเกณฑ์การเขียน
้ ้ ้
่
สะกดคาดีแล้วจะขาดความศรัทธาต่อผูเ้ ขียน แม้วาหลักเกณฑ์ในการเขียนสะกดคามีการปรับปรุ ง
เปลี่ยนแปลงช้า ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบตามให้ทน และมีพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เป็ นบรรทัด
ั
ฐาน”
ประเทือง คล้ายสุ บรรณ์ (2537 : 41) ได้กล่าวถึงผลเสี ยอันเกิดจากการใช้ภาษาเขียนไม่ถูกต้อง
่
สรุ ปได้วา คาที่เขียนผิดอาจทาให้ความหมายในการสื่ อสารผิดไป เสี ยความไปหรื ออย่างน้อยก็แสดงให้เห็น
ว่าความอ่อนด้อยสติปัญญาของผูใช้ภาษา ้
่
จากความคิดเห็นของนักวิชาการ สรุ ปได้วา สาเหตุการเขียนสะกดคาผิด เกิดจากการที่นกเรี ยน ั
มีพ้ืนฐานไม่แม่นยา ขาดความสังเกต ความเอาใจใส่ การฝึ กฝน ขาดหลักการที่ถูกต้อง ออกเสี ยงบกพร่ อง ไม่
เห็นความสาคัญของการเขียน จนกลายเป็ นความเคยชิน ตลอดจนการสอนของครู ไม่ได้พฒนาเทคนิควิธีการ ั
สอนแบบแปลกใหม่ เพื่อเร้าความสนใจของผูเ้ รี ยนรวมทั้งอิทธิ พลจากสิ่ งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สุ ขภาพ
อารมณ์ ความคิด เจตคติ เพศ วัยของผูเ้ รี ยน เป็ นต้น สิ่ งเหล่านี้เป็ นผลเสี ยทาให้การสื่ อสารบกพร่ องไม่ชดเจน
ั
ทาลายความศรัทธาของผูอ่าน จึงเป็ นสาคัญที่ควรได้รับการแก้ไข เพื่อให้การเขียนได้ถูกต้องและมี
้
ประสิ ทธิ ภาพมากขึ้น
5 จุดมุ่งหมายการเขียนสะกดคา
การสอนเขียนสะกดคาเป็ นสิ่ งที่จาเป็ น และมีความสาคัญในการวางรากฐานการเขียนการเขียน
สะกดคาได้ถูกต้อง ผูเ้ ขียนต้องรู ้ความหมายของคานั้นด้วย มีผกล่าวถึงจุดมุ่งหมายการเขียนสะกดคาไว้ดงนี้
ู้ ั
รองรัตน์ อิศรภักดี (2516 : 132) กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการเขียนสะกดคา สรุ ปได้วา่
4.5.1 เพื่อให้นกเรี ยนได้รู้จกคาต่าง ๆ ที่จาเป็ นในชีวิตประจาวัน
ั ั
- 5. 4.5.2 เพื่อให้นกเรี ยนได้การเขียนเรื่ องราวต่าง ๆ ได้
ั
4.5.3 เพื่อให้นกเรี ยนได้รู้จกการเขียนสะกดคาได้ถูกต้อง
ั ั
4.5.4 เพือให้นกเรี ยนได้ใช้คาต่าง ๆ ได้กว้างขวางยิงขึ้น
่ ั ่
4.5.5 เพื่อให้นกเรี ยนได้รู้จกค้นคว้าและคิดคาใหม่ ๆ ตามที่ตองการได้
ั ั ้
อดุลย์ ไทรเล็กทิม (2528 : 12) เสนอจุดมุ่งหมายการเขียนสะกดคาว่า ต้องการให้นกเรี ยนรู ้จก
ั ั
กฎเกณฑ์การเรี ยงลาดับอักษรให้ถูกต้องตามหลักภาและพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช
2525 เพื่อให้เขียนสะกดคาให้ถูกต้องและใช้ภาษาสื่ อสารในสังคมได้ และกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ
(2546: 2) ได้กาหนดจุดมุ่งหมายไว้ในหลักสู ตรว่า “เพื่อให้นกเรี ยนเขียนตามคาบอกได้ถูกต้อง ระมัดระวังใน
ั
การใช้คา สะกดคาให้ถูกต้องเพื่อให้สื่อความหมายได้ชดเจน” ั
จากแนวคิดของนักวิชาการดังกล่าวสรุ ปได้วา การสอนเขียนสะกดคามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้
่
นักเรี ยนได้รู้จกกฎเกณฑ์การเขียนคาให้ถูกต้องตามหลักภาษา และพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ั
พุทธศักราช 2525 รวมทั้งสามารถนาไปใช้เรี ยบเรี ยง เขียนเรื่ องราวและใช้ในการสื่ อสารได้ถูกต้องตาม
หลักเกณฑ์ภาษาไทย
6 หลักการสอนเขียนสะกดคา
การสอนเขียนสะกดคา ในสมัยก่อนใช้การสอนแบบแจกลูกและผันอักษรแก่เด็กเริ่ มเรี ยน คือ
ให้รู้จกพยัญชนะและสระต่าง ๆ เสี ยก่อน แล้วจึงให้แจกลูกและผันอักษรต่อมาระยะหลังได้มีการสอนเป็ นคา
ั
และเป็ นประโยค ซึ่ งเป็ นวิธีสอนแบบเดียวกับวิธีสอนภาษาต่างประเทศ โดยคิดว่าวิธีสอนแบบใหม่น้ ีจะแทน
การสอนแบบแจกลูกและผันอักษรได้ แต่เนื่ องจากภาษาไทยมีลกษณะที่แตกต่างจากภาษาต่างประเทศ ในแง่
ั
ที่ภาษาไทยเป็ นคาโดด มีการผันเสี ยงตามวรรณยุกต์ การสอนเป็ นคาและเป็ นประโยคจึงไม่ได้ผล
กระทรวงศึกษาธิการ (2534 : 1 – 4 ) ได้เสนอแนะวิธีการสอนเขียนสะกดคาไว้ดงนี้ ั
่
6.1 สอนคาที่อยูใกล้ตวเด็กและสิ่ งที่เด็กได้พบเห็นในชี วตประจาวัน
ั ิ
6.2 สอนคาที่เด็กสนใจและเข้าใจความหมาย
6.3 ช่วยเด็กที่เรี ยนอ่อนเป็ นพิเศษ เด็กบางคนยังจาสระและพยัญชนะไม่ได้ ย่อมจะเขียน
สะกดคาไม่ได้ ดังนั้นครู จาเป็ นต้องเอาใจใส่ ให้เด็กจาสระ และพยัญชนะให้ได้เสี ยก่อน
6.4 ทุกครั้งที่จะสอนคาใหม่ตองมีการทบทวนคาเก่าที่เรี ยนมาแล้ว
้
6.5 การทดสอบต้องทาอย่างสม่าเสมอ เพื่อจะทราบว่าเด็กมีความสามารถในการเขียน
สะกดคามากน้อยเพียงใด
6.6 มีการบันทึกผลงานของเด็กแต่ละคนว่าตั้งแต่เริ่ มแรกเด็กสะกดคาได้มากน้อย
เพียงใด เด็กพัฒนาขึ้นหรื อไม่
7 ดาเนินการสอนที่ถูกต้องให้แก่เด็ก โดยช่วยเหลือเด็กเป็ นขั้น ๆ ดังนี้
1) ให้เด็กได้ยนคาที่สะกดคาอย่างชัดเจน
ิ
- 6. 2) ให้เด็กเขียนสะกดคาอย่างระมัดระวัง
3) ให้เด็กอ่านคาที่สะกด
4) ทบทวนคาที่สะกดนั้นว่าถูกต้องหรื อไม่
8 เรี ยงคาใหม่ลงบนกระดานดาแล้วให้นกเรี ยนลอกตาม ครู ตองเขียนให้ชดเจน อ่านง่าย
ั ้ ั
เพื่อป้ องกันไม่ได้ลอกผิดเมื่อสอนสะกดคาไปแล้ว เด็กคนใดสะกดคาผิดครู ตองแก้บนกระดานดาอย่าง
้
ชัดเจน หรื อเรี ยกเด็กนั้นออกแก้เป็ นรายบุคคลก็ได้ (รองรัตน์ อิศรภักดี และ เทือก กุสุมา ณ อยุธยา 2516
: 126)
7 ลาดับขั้นการสอนเขียนสะกดคา
ในการสอนเขียนสะกดคา ครู จาเป็ นต้องสอนให้เด็กรู ้จกฝึ กฝนสะกดคาอยูเ่ สมอ โดยเฉพาะใน
ั
ระดับประถมศึกษาควรเน้นให้นกเรี ยนรู้จกความหมายของคาและสะกดคาได้ถูกต้อง การสอนสะกดคาที่ดี
ั ั
นั้นจะต้องเป็ นขั้นตอน ประเทิน มหาขันธ์ (2519 : 25) ได้เสนอแนะไว้ดงนี้ ั
ขั้นที่ 1 ความหมายและการออกเสี ยง
ขั้นนี้ครู ตองสอนให้นกเรี ยนเข้าใจความหมายของคา มองเห็นคาพร้อมทั้งการออกเสี ยงคานั้น
้ ั
และสามารถที่จะพูดเป็ นประโยคได้ โดยใช้คาเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง
ขั้นที่ 2 การมองเห็นรู ปคา
ขั้นนี้ครู จะต้องให้นกเรี ยนได้มองเห็นรู ปคาและส่ วนประกอบต่าง ๆ ของคา แยกคาออกเป็ น
ั
พยางค์ ออกเสี ยงคานั้นเป็ นพยางค์แล้วสะกดเป็ นคาอีกครั้ง
ขั้นที่ 3 การระลึกคา
ขั้นนี้ครู ตองให้นกเรี ยนมองคานั้นแล้วให้สะกดคาโดยไม่ตองมองดู ตรวจทานวา การสะกดคา
้ ั ้
นั้นถูกต้องหรื อไม่ ถ้าสะกดคาผิดก็ให้นกเรี ยนย้อนกลับไปเริ่ มต้นในขั้นที่ 1
ั
ขั้นที่ 4 การเขียนคา
้ ั ้ ่
ขั้นนี้ตองให้นกเรี ยน ใส่ วรรณยุกต์ สระได้ถูกที่ดวยการจา แล้วตรวจดูวาการเขียนคาเหล่านั้น
ได้ถูกต้องชัดเจนหรื อไม่
ขั้นที่ 5 การทบทวน
ให้นกเรี ยนเขียนคาโดยไม่ตองดูแบบ ถ้าเขียนถูกต้อง 3 ครั้ง แสดงว่านักเรี ยนรู ้จกคานั้นดีแล้ว
ั ้ ั
และถ้าจะให้นกเรี ยนจดจาได้ดีข้ ึนควรให้นกเรี ยนนาคานั้นไปเขียนเป็ นประโยคทันที อาจเป็ นการเขียน
ั ั
เรี ยงความ หรื อจดหมายก็ได้
ฟิ ทซ์เจอรัลด์ (Fitzgerrald. 1967 : 38) ได้เสนอแนะลาดับขั้นการเขียนสะกดคาไว้ดงนี้ ควรให้
ั
นักเรี ยนรู ้ความหมายของคานั้นก่อน โดยครู เป็ นผูบอกหรื อให้คนคว้า ความหมายจากพจนานุกรม แล้วให้
้ ้
นักเรี ยนอภิปราย สิ่ งที่สาคัญคือต้องเป็ นคางาย ไม่สลับซับซ้อน
- 7. 1) ต้องให้นกเรี ยนอ่านออกเสี ยงคาได้ถูกต้อง ชัดเจน จะช่วยให้นกเรี ยน
ั ั
จดจาคานั้นได้แม่นยายิงขึ้นทั้งรู ปคาและการออกเสี ยง
่
2) ต้องให้นกเรี ยนเป็ นรู ปคานั้น ว่าประกอบด้วยสระ พยัญชนะอะไรบ้าง ถ้า
ั
เป็ นคาหลายพยางค์ควรแยกให้เด็กดูถาทาได้
้
3) ต้องให้นกเรี ยนทดลองเขียนคานั้น ทั้งดูแบบและไม่ดูแบบ
ั
4) ต้องสร้างสถานการณ์ให้นกเรี ยน เรี ยนคานั้น ๆ ไปใช้ ซึ่ งอาจใช้ในการ
ั
เขียน บรรยายเรื่ องราว หรื อเขียนกิจกรรมการเรี ยนที่เหมาะกับวัย