Contenu connexe
Similaire à ภัสสร กาญจนา (9)
ภัสสร กาญจนา
- 1. โรคทางพันธุกรรม
จัดทําโดย
ด.ญ.ภัสสร ทองรัก
ด.ญ.กาจนา ศีรฉํ่า
โรงเรี ยนเขาดินวิทยาคาร
ชัมมัธยมศึษาปี ที่ 3
้
เสนอ
คุณคูร ศุภรรณ ทักษิณ
- 2. โรคตาบอดสี
ตาบอดสีเป็ นโรคทางกรรมพันธุ์ sex linked ทําให้ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 10 ต่อ1ส่วนใหญ่จะบอดสี แดง-เขียว พบ
รองลงมาได้ แก่ นํ ้าเงิน-เหลือง คนที่บอดสี แดง-เขียวมักจะบอดสี นํ ้าเงิน-เหลืองด้ วย
โรคตาบอดสี เป็ นความผิดปกติในการจําแนกสีทําให้ คนที่ป่วยเป็ นโรคตาบอดสีรับรู้หรื อแปรภาพสีผิดไปจากความเป็ น
จริ ง คําว่า “ตาบอดสี” ไม่ได้ หมายความว่ามองไม่เห็นสี เพียงแต่เห็นสีไม่ตรงกับความเป็ นจริ งเท่านันเอง อย่างไรก็ตามการมีอาการตา
้
บอดสีจะทําให้ ได้ รับผลกระทบต่อการใช้ ชีวิตประจําวันพอสมควร
หรื อที่เรี ยกว่า colour blindness เป็ นอาการที่ตาของผู้ป่วยแปรผลแปรภาพสีผิดไปจากผู้อื่นที่เป็ นตาปกติ ตาเป็ นอวัยวะ
จําเป็ นต่อการดําเนินชีวิตอย่างปกติสขในสังคม หากเกิดความผิดปกติไม่ว่าจะเป็ นเรื่ องใดที่มีผลกระทบต่อการมองเห็น บุคคล
ุ
นันๆ ย่อมได้ รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ภาวะตาบอดสีเป็ นปั ญหาที่สงผลกระทบต่อการใช้ ชีวิตในสังคมมากพอสมควร
้ ่
- 3. อาการของโรคตาบอดสี ในที่นี ้จะพูดถึงอาการตาบอดสีที่พบได้ มากที่สดคือ Red‐Green
ุ
Colour Blindness (ตาบอดสีเขียว-แดง) โดยจะจําแนกสีแดงและสีเขียวได้ คอนข้ างลําบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
่
สถานที่ที่มีแสงสว่างน้ อย นอกจากนี ้บางคนก็บอดสีนํ ้าเงิน-เหลืองหรื อเป็ นโรคตาบอดสีทกสีเลย(มีเป็ นส่วนน้ อย) คนที่
ุ
เป็ นโรคตาบอดสีจะมีการมองเห็น(การรับภาพ)ที่เป็ นปกติเพียงแต่สงที่ผิดเพี ้ยนไปจากคนทัวไปคือความสามารถในการ
ิ่ ่
แยกสีเท่านันเอง
้
ตาบอดสีมีหลายชนิด ชนิดที่พบบ่อยที่สด เรี ยกว่า red/green colour blindness โดยจะแยกสีแดงและสีเขียวค่อนข้ าง
ุ
ลําบาก โดยเฉพาะเวลาที่แสงไม่สว่างนัก ส่วนน้ อยลงมาของคนที่มีตาบอดสี คือพวกที่ไม่สามารถแยกสีนํ ้าเงินกับสีเหลือง จะมีบ้าง
เหมือนกันที่เป็ นโรคตาบอดสีทกสีเลย แต่เป็ นส่วนน้ อยมาก คนที่บอดสี แดง-เขียวมักจะบอดสี นํ ้าเงิน-เหลืองด้ วย ทังนี ้ไม่วาจะเป็ นตา
ุ ้ ่
บอดสีชนิดใด ล้ วนจะมีสายตาหรื อการมองเห็น (vision) ที่เป็ นปกติ เพียงแต่ความสามารถในการแยกสีไม่ปกติเท่านันเอง ้
กลุมที่มีความผิดปกติที่เกิดขึ ้นมาภายหลัง มักเกิดจากการถูกทําลายของจอประสาทตา เส้ นประสาทตา หรื อส่วนรับรู้ใน
่
สมอง จากสาเหตุตาง ๆ เช่น การอักเสบ ภาวะขาดเลือด อุบติเหตุ เนื ้องอก การเสื่อมลงของจอประสาทตา หรื อผลข้ างเคียง
่ ั
จากยาหรื อสารเคมี
ผู้ป่วยมักจะมีอาการเรี ยกชื่อสีหรื อเห็นสีผิดไปจากเดิม โดยมากพบความผิดปกติของการมองสีนํ ้าเงินเหลืองมากกว่าแดง
เขียว ความผิดปกติของตาทัง้ 2 ข้ างไม่เท่ากัน อาจเป็ นตาเดียวหรื อทัง้ 2 ตา มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ ้นหรื อลดลงได้ รวมทัง้
มีความผิดปกติของสายตาด้ านอื่น ๆ เช่น การมองเห็นและลานสายตาลดลงได้ ขึ ้นอยูกบสาเหตุและความรุนแรงของโรค
่ ั
- 4. สาเหตุของตาบอดสี
สาเหตุของตาบอดสีที่เป็ นมาแต่กําเนิด มีเรื่ องของกรรมพันธุ์เข้ ามาเกี่ยวข้ อง ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยโครโมโซม X
ทําให้ เพศชายถ้ ามีหน่วยพันธุกรรม X ที่ทําให้ เกิดตาบอดสี ก็จะแสดงอาการของตาบอดสีออกมา ในขณะที่เพศหญิงถ้ า
หน่วย X นี ้ผิดปกติเพียงหนึงหน่วย ก็ยงสามารถมองเห็นได้ ปกติเห็นปกติได้ ถ้ าหน่วย X อีกตัวหนึ่งไม่ทําให้ เกิดตาบอดสี
่ ั
ความผิดปกติของเม็ดสีและเซลล์รับแสงสีเขียวหรื อแดง ถูกควบคุมด้ วยยีนบนโครโมโซม x และมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
แบบ x‐linked recessive จากแม่ไปสูบตรชาย เพราะเหตุนี ้ตาบอดสีสวนใหญ่มกจะเกิดกับเด็กผู้ชาย ซึงได้ รับการ
่ ุ ่ ั ่
ถ่ายทอดมาจากมารดา ในเพศหญิงพบน้ อยกว่าเพศชายประมาณ 16 เท่า หรื อคืดเป็ นประมาณร้ อยละ 0.4 ของประชากร
ขณะที่ตาบอดสีทงหมด จะพบได้ ประมาณร้ อยละ 10 ของประชากร และเป็ นการมองเห็นสีเขียวบกพร่องเสียประมาณร้ อยละ 5
ั้
ของประชากร
กลุมที่มีความผิดปกติมาตังแต่กําเนิด ตาทัง้ 2 ข้ างจะมีอาการมองเห็นสีผิดปกติเหมือนกัน คงที่ไม่
่ ้
เปลี่ยนแปลง ผู้ที่สามารถเห็นสีได้ ปกติ จะต้ องมีเซลล์รับแสงสีที่จอประสาทตาครบทัง้ 3 สี คือ แดง เขียว และ
นํ ้าเงิน และมีปริมาณเม็ดสีในเซลล์ที่ปกติ รวมทังระบบประสาทตาและการแปลผลที่เป็ นปกติด้วย
้
ส่วนความผิดปกติของเม็ดสี และเซลล์รับแสงสีนํ ้าเงินนัน ถูกควบคุมด้ วยยีนบนโครโมโซม 7 จึงมีการถ่ายทอด
้
แบบ autosomal dominant ซึงจะพบผู้ป่วยกลุมนี ้ได้ น้อย
่ ่
ตาบอดสีอีกกลุมหนึ่ง คือ ตาบอดสีที่เป็ นภายหลัง มักเกิดจากโรคทางจอประสาทตาหรื อโรคของเส้ นประสาท
่
ตาอักเสบ มักจะเสียสีแดงมากกว่าสีอื่น และอาจเสียเพียงเล็กน้ อย คือดูสีที่ควรจะเป็ นนันดูมืดกว่าปกติ หรื อ
้
อาจจะแยกสีนนไม่ได้ เลยก็ได้
ั้
- 5. คําแนะนําบางประการ
ในผู้ป่วยที่มีภาวะตาบอดสีแต่กําเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคําแนะนําถึงโอกาสการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และโอกาสหลีกเลี่ยงที่
จะทําให้ เกิดภาวะตาบอดสีในหมูญาติ ่
ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีภายหลัง ควรรับการตรวจวินิจฉัยถึงสาเหตุ เพื่อแพทย์จะได้ วางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การที่คนใดคนหนึงเกิดตาบอดสีขึ ้น คนๆ นี ้ก็ยงสามารถดํารงชีวิตได้ อย่างปกติเหมือนคนปกติทวๆ ไปได้ เพียงแต่การแปรผลผิดไป
่ ั ั่
จากความจริ งเท่านัน ถ้ าตาบอดสีไม่มากนักสามารถแก้ ไขได้ ด้วยการใช้ แว่นตา ทังนี ้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ ซึงจะตรวจเช็คสายตาและ
้ ้ ่
ให้ คําแนะนําในการปรับตัว ตลอดจนแนวทางในการรักษาต่อไป
บางครังคนตาบอดสี อาจถูกกีดกันจากสถาบัน หรื ออาชีพบางประเภท ซึงจริ งๆ แล้ ว คนที่ตาบอดสีเพียงแต่เห็นสีผิดไปจากสีที่เป็ นจริ ง
้ ่
ไม่ใช่มองไม่เห็นสีเลย
คนที่ตาบอดสีสวนใหญ่เรี ยกสีถก บอกความแตกต่างของไฟจราจรได้ และก็ทํางานส่วนใหญ่ได้ เหมือนคนปกติ เว้ นเสียแต่จะมีสใน
่ ู ี
บางแถบสีที่ทําให้ เขาสับสน
ในแบบทดสอบอาจจะมีการออกแบบสีในช่วงของแถบสีที่ทําให้ คนตาบอดสีดสบสน ซึงโดยโดยปกติในชีวิตประจําวันคนตาบอดสีจะ
ู ั ่
พบสีดงกล่าวน้ อยมาก
ั
อาชีพที่คนตาบอดสีไม่ควรทํา ได้ แก่ นักเคมีที่ต้องทํางานกับสี จิตรกร อาชีพที่ต้องมีการใช้ สีเป็ นตัวแสดงถึงสิงต่าง ๆ เช่น ในอุปกรณ์
่
อิเลคโทรนิค ห้ องนักบิน เป็ นต้ น
พบว่าคนตาบอดสีมีความสามารถในการแยกสีเฉดเดียวกันที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้ อยได้ ดีกว่าคนปกติ เช่น คนตาบอดสีเขียว
จะแยกสีที่คล้ ายกัน เช่น เขียวอ่อน เขียวอมเหลือง