9. ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยฉุกเฉิน ได้รับการบำบัดความเจ็บปวดอย่างไม่เหมาะสม และไม่เพียงพอ Hogan S. Patient satisfaction with pain management in the emergency department. Topics in Emergency Medicine. 2005; 27(4) : 284–294.
14. The American College of Emergency Physicians ได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมงานวิจัย เรื่องการบำบัดความเจ็บปวดในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่กระตุ้นให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอาทิ หน่วยบำบัดฉุกเฉินในสถานบริการสุขภาพเกือบทุกระดับ โดยเฉพาะสถานบริการสุขภาพขนาดใหญ่สังกัดมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา เช่น มหาวิทยาลัยยูท่า (The University of Utah) ได้ริเริ่มโครงการจัดการ กับความเจ็บปวดสำหรับผู้ป่วยในหน่วยบำบัดฉุกเฉิน เมื่อปี ค . ศ . 1999 โดยเริ่มโครงการสำรวจเบื้องต้นว่า การปฏิบัติของแพทย์และพยาบาลเพื่อจัดการกับ ความเจ็บปวดสำหรับผู้ป่วยที่มารับบริการในหน่วยบำบัดฉุกเฉินเป็นอย่างไร
20. 3.1 การสั่งยาระงับปวดน้อยกว่าความต้องการของผู้ป่วย Oligoanalgesia หรือการสั่งยาระงับปวดน้อยกว่าความต้องการของผู้ป่วย มีผลให้ไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอสำหรับผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน Duignan, M. & Dunn, V. (2008) Congruence of pain assessment between nurses and emergency department patients: A replication . International Emergency Nursing 16,pp. 23–28
21. สาเหตุสำคัญของ Oligoanalgesia คือการเกิดความไม่สอดคล้องกันของการประเมินระดับความเจ็บปวดระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย โดยที่การศึกษาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยเดี่ยว หรืองานทบทวนวรรณกรรม พบว่าแพทย์และพยาบาลมักประเมินระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยต่ำกว่าที่ผู้ป่วยประเมินเสมอ Duignan, M. & Dunn, V. (2008) Congruence of pain assessment between nurses and emergency department patients: A replication . International Emergency Nursing 16,pp. 23–28 Garbez, R. Puntillo, K. Acute musculoskeletal pain in the emergency department: A review of the literature and implications for the advanced practice nurse. AACN Clinical Issues . 2005; 16 : 310–319. Puntillo K, Neighbor M, O’Neil N, Nixon R, Accuracy of emergency nurses in assessment of patients’ pain. Pain Management Nursing . 2003; 4 (4) :171–175.
25. การศึกษานี้สอดคล้องกับการศึกษาที่ผ่านมาซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ป่วย กลุ่มนี้มีโอกาสได้รับการบำบัดความเจ็บปวดอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากได้รับ การประเมินจากพยาบาลว่ามีระดับ ความเจ็บปวดต่ำกว่าความเป็นจริง Garbez, R. Puntillo, K. Acute musculoskeletal pain in the emergency department: A review of the literature and implications for the advanced practice nurse. AACN Clinical Issues . 2005; 16 : 310–319. Puntillo K, Neighbor M, O’Neil N, Nixon R, Accuracy of emergency nurses in assessment of patients’ pain. Pain Management Nursing . 2003; 4 (4) :171–175.
27. 3.4 การรายงานระดับความเจ็บปวดที่ต่ำกว่า ความเป็นจริง ปัจจัยสำคัญที่มีผลให้ผู้ป่วยรายงานความเจ็บปวด ต่ำกว่าความเป็นจริง เช่นการสื่อสาร โดยพบว่า ผู้ป่วยเพศชาย สูงอายุ หรือมีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมไม่ดี มักมีปัญหาด้านการสื่อสารความเจ็บปวด และเป็นกลุ่มที่ได้รับการบำบัดความเจ็บปวดต่ำกว่าความต้องการ Garbez, R. Puntillo, K. Acute musculoskeletal pain in the emergency department: A review of the literature and implications for the advanced practice nurse. AACN Clinical Issues . 2005; 16 : 310–319.
28. ดังนั้นผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร จึงควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง มีการประเมินความเจ็บปวดอย่างใกล้ชิด โดยประเมินซ้ำ และส่งต่อยังผู้เกี่ยวข้องเพื่อการประเมินความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง Duignan, M. & Dunn, V. (2008) Congruence of pain assessment between nurses and emergency department patients: A replication . International Emergency Nursing 16,pp. 23–28 Garbez, R. Puntillo, K. Acute musculoskeletal pain in the emergency department: A review of the literature and implications for the advanced practice nurse. AACN Clinical Issues . 2005; 16 : 310–319. Puntillo K, Neighbor M, O’Neil N, Nixon R, Accuracy of emergency nurses in assessment of patients’ pain. Pain Management Nursing . 2003; 4 (4) :171–175.
31. 5. พัฒนาระบบบันทึกทางการพยาบาลและเน้นการบันทึกการประเมินความเจ็บปวด กระบวนการและผลลัพธ์ของการบำบัดความเจ็บปวดที่เกิดจากพยาบาล 6. วางระบบ software เพื่อส่งเสริมการบันทึกระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยและเชื่อมต่อให้เป็นส่วนหนึ่งของ medical record systems 7. พัฒนาระบบการประเมินและจัดการกับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่หน่วยบำบัดฉุกเฉินจนกระทั่งผู้ป่วยจำหน่ายจากโรงพยาบาล
33. Tracy และ คณะได้พัฒนาโครงการใช้ผลการวิจัย เพื่อบูรณาการความรู้และสมรรถนะของทีมสหสาขาวิชาชีพในการร่วมกันจัดการความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัด (The Collaborative research Utilization Model) โดยมุ่งเน้นวิธีการจัดการแบบไม่ใช้ยาเพื่อเน้นกระบวนการนำไปใช้สำหรับพยาบาลและเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถจัดการความเจ็บปวดหลังผ่าตัดด้วยตนเอง ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน Tracy S, Dufault M, Kogut S, Martin V, Rossi S, Willey-Temkin C. Translating best practices in non drug postoperative pain management . Nursing Research . 2006; 55 : S57–S67
52. แม้การจัดการความเจ็บปวดสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยบาดเจ็บจะมีการพัฒนามากขึ้น แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ จึงควรพัฒนาสมรรถนะให้กับพยาบาล ห้องฉุกเฉินให้สามารถประเมิน และคัดเลือก evidence based protocol เพื่อการประเมิน บำบัดและวัดผลลัพธ์ของการบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยบาดเจ็บควรมีการจัดการทั้งในระยะ pre-hospital phase, early hospital phase และ operative -postoperative rehabilitation phases ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดเรื้อรังต้องไม่ถูกละเลยในการจัดการความเจ็บปวด Davidson E, Ginosar Y, Avidan A. Pain management and regional anaesthesia in the trauma patient. Current Opinion in Anaesthesiology . 2005; 18:169–174.