Contenu connexe
Similaire à การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา (20)
Plus de วัดดอนทอง กาฬสินธุ์ (20)
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
- 1. การบริ หารงานตามหลักอธิ ปไตยในพระพุทธศาสนา
๑. บทนํา
ั ั ี ั้
ระบอบ การบริหารประเทศที่ใช้กนอยู่ในปจจุบนนี้มทงระบอบประชาธิปไตย และ
ั
ระบอบคอมมิวนิ ส ต์ หรือ ระบอบเผด็จการ ยังไม่ม ีก ารตัดสินที่ช ดเจนว่า ระบอบไหนดีก ว่า
ั
กัน แต่การบริหารด้วยระบอบประชาธิปไตย เป็ นระบอบที่ยอมรับกันทั ่วไปว่าเป็ นระบอบที่ดี
ั ั
ที่สุดในปจจุ บนนี้ ในขณะที่ประเทศคอมมิว นิสต์ก็ยกให้ระบอบคอมมิวนิส ต์เป็ น ระบอบการ
บริหารดีท่ี สุด เช่น ประเทศสหภาพโซเวีย ต ในอดีต ประเทศจีน ประเทศเกาหลีเหนื อ ใน
ั ั
ปจจุบน เป็นต้น การทีจะตัดสินว่าระบอบไหนดีกว่ากันคงตัดสินยากเพราะแต่ละระบอบก็มทงข้อ
่ ี ั้
ดีและข้อเสีย ถ้าจะเอาความรํ่ารวยของประเทศ หรือว่า เอา ความสุขของประชาชนในประเทศ
เป็นเกณฑ์ตดสิน ก็ตดสินไม่ได้เด็ดขาด เพราะแต่ละประเทศที่บริหารด้วยระบอบเดียวกันก็ไม่
ั ั
เหมือนกัน กล่าวคือ ฐานะของประเทศชาติและความเป็นอยู่ของประชาชนต่างกัน เช่น ประเทศ
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีเหนือ บริหารประเทศด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ผูนํา ้
ประเทศได้รบการยกย่องเชิดชูเป็นทีเกรงขามของต่างประเทศ ข้าราชการมีฐานะอยู่ดกนดี แต่
ั ่ ี ิ
ประชาชนในประเทศอดอยาก ยากแค้น อยู่อย่างลําบากยากจน ประชาชนอยากจะย้ายหนีจาก
ประเทศตัวเอง ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ บริหารประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตย ประเทศ
เจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีฐานะดี อยู่ดมสุขทังรัฐบาลและเอกชน ประชาชนไม่อยากย้ายหนีไป
ี ี ้
ไหน ในขณะเดียวกันมีแต่ประชาชนต่างประเทศอยากจะเข้าไปอยู่ประกอบอาชีพในเกาหลีใต้
ในกรณีข องประเทศจีนที่บริหารประเทศด้วยระบอบคอมมิวนิส ต์ ในอดีตชาวจีน
อพยพไปอยู่ต่างประเทศแล้วสร้างฐานะรํ่ารวยในประเทศที่ไปอยู่ใหม่ท ั ่วโลกโดยเฉพาะประเทศ
แถบเอเชียด้วยกัน เช่น ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น แต่
ั ั
ในปจจุบนประเทศจีนกลับเจริญรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน ทั ่วโลกต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของ
จีน แสดงให้เห็นว่า การบริหารประเทศด้วยระบอบคอมมิวนิสต์กมขอดีอยู่เหมือนกัน ในขณะที่
็ ี ้
ประเทศอื่นๆ ทีบริหารประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตย ประเทศชาติยงยากจนอยู่ ประชาชนก็
่ ั
ยากจน ต้องไปทํางานประกอบอาชีพต่างประเทศก็มเี ยอะเหมือนกัน อย่างนี้กทําให้ตดสินยากว่า
็ ั
ระบอบการบริหารไหนดีทสุดและเหมาะทีสุดสําหรับการบริหารประเทศในปจจุบน
่ี ่ ั ั
ในทางพระพุทธศาสนามีหลักการบริหารประเทศที่พระพุทธองค์ได้วางหลักไว้ คือ
หลักอธิปไตย ๓ ได้แก่ อัตตาธิปไตย โลกาธิปไตย ธัมมาธิปไตย ซึ่งหลักการเหล่านี้ยงคงใช้อยู่
ั
ั ั
จนถึงปจจุบน ในบทความนี้ผเขียนจะได้ศกษาวิเคราะห์หลักการทัง ๓ นี้ว่า พระพุทธองค์วาง
ู้ ึ ้
- 2. ๒
หลักการแต่ละอย่างไว้เพื่อเป้าหมายอะไร หลักการไหนควรใช้เมื่อไหร่ และใช้อย่างไร เพราะ
เหตุไรพระองค์จงวางหลักเหล่านี้ไว้ หลักทัง ๓ นี้ ถ้าปฏิบตตามแล้วจะได้ผลอย่างไร
ึ ้ ั ิ
๒. ความหมายของอธิ ปไตย
อธิปไตย หมายถึง ความเป็นใหญ่ มี ๓ อย่างคือ อัตตาธิปไตย ความมีตนเป็ นใหญ่
โลกาธิปไตย ความมีโลกเป็นใหญ่ ธัมมาธิปไตย ความมีธรรมเป็นใหญ่ ๑ 0
อธิปไตย หมายถึง อํานาจที่ม ีผลต่อ การตัดสิน คือ อัตตาธิปไตย หมายถึงการ
ตัดสินใจที่ถอความคิดของตนเองเป็ นที่ตง โลกาธิปไตย การถือตามความคิดของคนส่วนมาก
ื ั้
เป็นทีตง ธัมมาธิปไตย การถือตามความถูกต้องโดยถือหลักเหตุผลทีเหมาะสม ไม่ถอตามความ
่ ั้ ่ ื
๒
เชืออย่างสุดโต่ง
่ 1
๓. วิ เคราะห์การบริ หารตามหลักอธิ ปไตย ๓ ในพระพุทธศาสนา
อธิปไตย คือความเป็ นใหญ่ในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการปกครอง การที่
ครอบครัวและองค์กรจะประสบความสําเร็จเจริญรุ่งเรือง จําต้องมีคณะผูบริหารเป็ นผูขบเคลื่อน
้ ้ ั
กิจการของครอบครัวหรือองค์กร หลักการบริหารก็มหลายรูปแบบ บางคนก็ถนัดการทํางานแบบ
ี
เอาตัวเป็ นศูนย์ก ลาง คือ ตัวเองเป็ นใหญ่ หรือ ภาษาสมัยใหม่เรียกว่า ซีอ ีโ อ CEO (Chief
Executive Officer) หมายถึง บุคคลทีมอํานาจและความรับผิดชอบสูงสุดในองค์การหรือบริษท
่ ี ั
๓
2 บางคนก็ถ นั ด การทํ า งานเป็ น ทีม เอาความคิด เห็ น ของคนส่ ว นใหญ่ เ ป็ น หลัก หรื อ
ประชาธิปไตย บางคนก็ถนัดยึดเอาหลักการเป็ นใหญ่ ไม่คํานึงเสียงส่วนมากแต่คํานึงถึงความ
ถูก ต้อ งเป็ นใหญ่ ในพระพุทธศาสนามีหลักอธิปไตย ๓ อย่าง คือ อัตตาธิปไตย โลกาธิปไตย
และธัมมาธิปไตย ต่อไปนี้จะได้ศกษาวิเคราะห์อธิปไตยแต่ละหัวข้อตามลําดับ
ึ
๓.๑ อัตตาธิ ปไตย
การบริหารตามหลักอัตตาธิปไตยก็คอการบริหารตามรูปแบบของ ซี อี โอ แนวคิดนี้
ื
่ ่
มีหลักทีสําคัญคือ ประธานหรือหัวหน้าฝายบริหารสูงสุดของบริษทได้รบมอบอํานาจหน้าที่จาก
ั ั
คณะกรรมการอํานวยการ หรือบอร์ดของบริษทให้มอํานาจในการจัดการ ซึ่งรวมถึงการกําหนด
ั ี
นโยบาย การตัดสินใจ และการใช้อํานาจจัดการบริษทอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ๔ หน้าที่สําคัญอีก
ั 3
๑
ท.ี ปา. (ไทย) ๑๑/๓๐๕/๒๗๔, องฺ. ติก. (ไทย) ๒๐/๔๐/๒๐๑, ดูเพมเติมใน พระพระพรหม-
ิ่
คุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบบประมวลศพท์, พมพ์ครงท่ี ๑๖, (กรุงเทพมหานคร :
ั ั ิ ั้
โรงพมพ์ บรษท สหธรรมก จากด, ๒๕๕๔), หน้า ๔๘๔.
ิ ิ ั ิ ํ ั
๒
http://th.wikipedia.org/wiki/อธปไตย (๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕).
ิ
๓
http://blog.eduzones.com/jipatar/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
๔
http://blog.eduzones.com/jipatar/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
- 3. ๓
อย่างของ ซีอ ีโอ ก็คอ ควรต้อ งบริหารทรัพยากรบุคคลให้เป็ น สื่อ สารให้เป็ น ไม่เช่นนัน ไม่
ื ้
เพียงแต่จะไม่ประสบความสําเร็จ แต่ยงอาจเกิดแรงสะท้อ นกลับมาในทางลบ เพียงเพราะ
ั
ประสานงาน และสื่อสารกับคนในองค์กรได้ไม่ชดเจน ๕ ั4
การบริห ารระบบนี้ เ หมาะกับ การบริห ารครอบครัว และองค์ ก รขนาดเล็ก เช่ น
บริษทเอกชน หรือการนํ าระบบนี้ไปบริหารองค์การใหญ่ๆ ที่เป็ นของเอกชนก็สามารถประสบ
ั
ความสําเร็จได้ถ้าผูนําเป็ นคนฉลาด รอบคอบ มีวสยทัศน์ม องการณ์ไกล เช่น ตัวอย่างที่นาย
้ ิ ั
ประสิทธิ ์ กาญจนวัฒน์ กล่าวถึงการบริหารงานขององค์การโทรศัพ ท์ว่า องค์การโทรศัพท์ใช้
เวลาติดตังโทรศัพท์ ๔๐ ปี ได้ ๒.๔ ล้านเลขหมาย พอบริษทในเครือ ซี พี คือบริษทเทเลคอม
้ ั ั
เอเซีย เข้าไปสัมปทานจากรัฐบาลใช้เวลา ๕ ปี ติดตังโทรศัพท์ให้ประชาชน ได้ ๒ ล้านเลขหมาย
้
๖
เท่ากันกับทีองค์การโทรศัพท์ทํา ๔๐ ปี
่ 5
จาก ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า การบริหารงานแบบอัตตาธิปไตย หรือแบบเอาผูนํา
้
เป็นทีตงทําให้ประสบความสําเร็จ และมีคุณภาพเหมือนกัน ทังนี้ขนอยู่กบความรู้ ความสามารถ
่ ั้ ้ ้ึ ั
ของผูนําด้วย
้
ในทางพระพุทธศาสนาการบริหารแบบอัตตาธิปไตย พระพุทธองค์ทรงใช้เมื่อสมัย
ตรัสรูใหม่ๆ สาวกยังมีจํานวนน้อยสามารถดูแลทัวถึงตัวอย่างที่พระองค์ใช้อตตาธิปไตยในการ
้ ่ ั
บริห ารคณะสงฆ์ เช่น การที่พ ระองค์อ นุ ญ าตให้กุ ล บุ ตรผู้ม ีค วามประสงค์จะบวชเป็ น ภิก ษุ
พระองค์ทรงอนุญาตให้อุปสมบทด้วยการเปล่งพระวาจาว่า เธอจงเป็ นภิกษุมาเถิด หรือเรียกว่า
เอหิอุปสัมปทา ๗ อาทิ การประทานการอุปสมบทให้แก่พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็ นต้น การ
6
บริหารแบบอัตตาธิปไตยนี้กทําให้การบริหารคณะสงฆ์ของพระองค์เป็ นไปด้วย ความเรียบร้อย
็
ทําให้การเผยแผ่พระธรรมวินยเจริญรุ่งเรืองขึนตามลําดับ แต่พระองค์กไม่ได้ยดเอาหลักการนี้ใช้
ั ้ ็ ึ
ในการบริหารตลอดไป เมื่อหมู่สาวกมีจํานวนเพิมมากขึนพระองค์จงเปลียนเป็ นการบริหารแบบ
่ ้ ึ ่
โลกาธิปไตย และธัมมาธิปไตย
๓.๒ การบริ หารงานตามหลักโลกาธิ ปไตย
การ บริหารงานตามหลักโลกาธิปไตย คือการบริหารยึดเอาเสียงข้างมากเป็ นเกณฑ์
ั ั
ในการตัดสินใจ ในปจจุบนเรียกว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็ นระบอบที่ได้รบการยอมรับทั ่วโลก
ั
เพราะอํานาจบริหารเป็ นของประชาชน แต่เนื่องจากประชาชนมีเป็ นจํานวนมากจึงต้อ งเลือ ก
ตัว แทนเข้า ไปบริห าร ระบอบนี้ จึง จัด ให้ ม ีก ารเลือ กตัง ตัว แทนหรือ ผู้แ ทน เช่ น เลือ กตัง
้ ้
ประธานาธิบดี เลือ กตังสมาชิกวุฒสภา เลือ กตังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็ นต้น ข้อ ดีข อง
้ ิ ้
๕
http://www.classifiedthai.com/content.(๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
๖
อภิวฒน์ วรรณกร, ประสิทธ์ ิ กาญจนวฒน์ คิด พด เขียน, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์
ั ั ู
สุขภาพใจ, ๒๕๔๐), หน้า ๑๓๘.
๗
ดรายละเอยดใน ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๑๘/๒๕.
ู ี
- 4. ๔
ระบอบนี้ค ือ ประชาชนมีสทธิเ์ ลือ กตัวแทนของตนเองด้วยตนเอง ผูแทนเข้าไปบริหารต้องฟ ง
ิ ้ ั
เสียงของประชาชนด้วย เพราะถ้าบริหารไม่ดีสมัยต่อไป ประชาชนก็ไ ม่เลือ ก ระบอบนี้มการ ี
แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนู ญ ข้อเสียคือ ทําให้ล่าช้า เพราะต้อ ง
้ ้ ี ั
ผ่านกระบวนการหลายขันตอน การเลือ กตังก็มการซื้อสิทธิ ์ขายเสียงกันซึ่งเป็ นปญหาใหญ่ไ ม่
้ ่
สามารถแก้ไข ได้อย่างถาวรหรือเด็ดขาด เพราะยินยอมกันทังสองฝาย เช่นตัวอย่างที่เกิดขึนใน ้
ประเทศไทย
จากเหตุการณ์ทเี กิดขึนกับประเทศไทยนี้แสดงให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยทีใช้กน
้ ่ ั
อยู่น้ีไม่เหมาะกับประเทศไทย สอดคล้อ งกับข้อ มูลที่ สิริอญญา ได้นําเสนอในบทความเรื่อ ง
ั
“พุทธทาสกับธรรมาธิปไตย” ตอนหนึ่งว่า สํานักวิจยสําคัญของสหรัฐอเมริกาได้แฉโพยกันเอง
ั
แล้วว่า ระบอบประชาธิปไตย ไม่เหมาะสมกับประเทศในเอเซียและในประเทศไทย เพราะมิได้
คํานึงถึงความแตกต่างระหว่างเมือ งกับชนบท มิไ ด้คํานึงถึงการซื้อ เสียงและการใช้อํานาจ
อิทธิพล ตลอดจนการคอร์รปชันซึ่งเป็นด้านหลักทีปกคลุมประเทศในเอเชียอยู่ สํานักวิจยนี้จงได้
ั ่ ่ ั ึ
ชีวาประเทศในเอเซียจึงพากันปฏิเสธประชาธิปไตยแบบที่สหรัฐต้องการให้เป็ นแทบจะ สิ้นเชิง
้่
แล้ว แม้กระทังคนซึ่งต่อต้านคอมมิวนิสต์ชนิดหัวเด็ดตีนขาดก็ปฏิเสธประชาธิปไตย แบบ
่
ตะวันตกนันแล้ว ๘
้ 7
สิริอญญา ได้อ้างถึง พุทธทาสภิก ขุว่า ท่านเจ้าคุณได้อ รรถาธิบายนากาลต่อมาว่า
ั
สิทธิเสรีภ าพก็มีทงดีและไม่ดี คือมีทงฝ่ายสัม มาและฝ่ายมิจฉา นันคือสิทธิเสรีภ าพที่รบใช้
ั้ ั้ ่ ั
ประเทศชาติ รับใช้ประชาชนเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็ นสิทธิเสรีภาพที่เป็ นสัมมา แต่สทธิ ิ
เสรีภ าพในการทําลายชาติบ้านเมือ งเป็ นสิทธิเสรีภาพแบบมิจฉา การปกครองไม่ว่าในระบบ
ไหนๆ หากไม่ถอธรรมเป็ นใหญ่ ไม่เคารพธรรมและไม่เป็ นธรรมแล้ว การปกครองนันๆ ก็ใช้
ื ้
ไม่ได้ทงสิน เช่นเดียวกับความสามัคคีหรือความสมานฉันท์หรือการปรองดอง หากไม่ตงอยู่ใน
ั้ ้ ั้
๙
ธรรม ไม่เป็นไปโดยธรรมแล้ว ล้วนใช้ไม่ได้ทงสิน ั้ ้
8
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ได้แสดงทัศนะว่า โลกาธิปไตย เป็นดาบสองคม
มีทงคุณและโทษ กล่าวคือหากเสียงส่วนใหญ่ประกอบด้วยธรรม มาจากผูมคุณธรรม ย่อมให้คุณ
ั้ ้ ี
แต่หากไม่ประกอบด้วยธรรม มาจากผูขาดธรรมย่อมให้โทษมากกว่าให้คุณ ๑๐ สอดคล้องกับ
้ 9
ทัศนะที่ว่า พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนเกี่ยวกับการกระทําของมนุ ษย์ว่าเกิดขึนด้วยอํานาจ แห่ง
้
อธิปไตย ๓ ประการนี้ ประการใดประการหนึ่ง ทังในส่วนที่เป็ นกุศลกรรม และอกุศลกรรม เช่น
้
๘
สิร ิอ ัญ ญา บทความเรื่อ ง “พุ ท ธทาสกับ ธรรมาธิ ป ไตย, [ออนไลน์ ] แหล่ ง ท่ีม า :
http://www.paisalvision.com (๓๑ สงหาคม ๒๕๕๕).
ิ
๙
http://www.paisalvision.com/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
๑๐
พระธรรมกิต ติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบณฑต), คาวด, [ออนไลน์ ] แหล่งท่มา :
ั ิ ํ ั ี
http://www.kalyanamitra.org (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
- 5. ๕
คนทําดีเพราะเห็นตามคนส่วนใหญ่ หรือในทางกลับกัน คนทําชัวเพราะเห็นตามคนส่วนใหญ่
่
๑๑
โดยไม่พนิจพิจารณาว่าทีคนส่วนใหญ่ทํานันถูกหรือผิด
ิ ่ ้ 10
ในพระพุ ท ธศาสนาพระพุ ท ธองค์ ท รงอนุ ญ าตให้ ใ ช้ ก ารบริ ห ารแบบระบอบ
โลกาธิปไตยเหมือนกัน เช่น ต่อมามีสาวกเพิมมากขึนพระองค์จงมอบอํานาจการบริหารให้เป็ น
่ ้ ึ
หน้ าที่ของคณะสงฆ์ ให้ค ณะสงฆ์เป็ นใหญ่ อาทิ ทรงอนุ ญาตให้ม ีการอุปสมบทด้วยวิธีญัตติ
จตุตถกรรมวาจา ๑๒ คือทรงอนุ ญาตให้มพระภิกษุเข้าร่วมสังฆกรรมอย่างน้อย ๕ รูปเป็ นอย่าง
11 ี
น้อย เฉพาะในชนบทที่ห่างไกล ส่วนในมัชฌิมประเทศ ทรงอนุ ญาตให้มพระภิกษุเข้าร่วมสังฆ
ี
๑๓ ่
กรรมตังแต่ ๑๐ ขึนไป คณะสงฆ์ฝายเถรวาทจึงได้ยดเอาหลักนี้ปฏิบตมาจนถึงทุกวันนี้
้ ้ 12 ึ ั ิ
จากหลักฐานที่ปรากฏในพระไตรปิ ฎกจะเห็นว่าพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญระบอบ
การบริหารแบบโลกาธิปไตยมาก เช่น การทีพระองค์แนะนํ าให้พระนางปชาบดีโคตมีผเป็ นพระ
่ ู้
มาตุ จ ฉา (น้ า ) ผู้ต้อ งการจะถวายผ้า ไหมเนื้อ ดีท่ีพ ระนางทอเองแก่ พ ระพุ ท ธเจ้าเพื่อ จะได้
อานิสงส์มาก แต่พระองค์แนะนําให้พระนางถวายแก่สงฆ์จะได้อานิสงส์มากกว่า เรื่องนี้ปรากฏใน
พระไตรปิ ฎกเล่ม ที่ ๑๒ ชื่อว่า ทัก ขิณ าวิภ ัง คสูต ร ในมัช ฌิม นิก าย อุ ปริปณ ณาสก์ ๑๔ แต่
ั 1 3
โลกาธิปไตยในความหมายนี้พระพุทธองค์หมายถึงเสียงส่วนมากหรือ สงฆ์ท่ทําตามธรรมตาม ี
วินย ถ้าผิดธรรมผิดวินยพระองค์กตเิ ตียน ดังพระพุทธพจน์วา “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ติเตียนคน
ั ั ็ ่
ทีควรติเตียน” “ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ ยกย่องคนทีควรยกย่อง” ๑๕
่ ่
๓.๓ การบริ หารงานตามหลักธัมมาธิ ปไตย
การบริหารงานตามหลักธัมมาธิปไตย คือ การบริหารแบบยึดเอาความถูกต้องเป็ น
เกณฑ์ไม่ได้คํานึงเสียงส่วนใหญ่ท่ไ ม่ถูกต้องชอบธรรม มีนักปราชญ์ทางด้านพระพุทธศาสนา
ี
หลายท่านได้แสดงทัศนะเกียวกับการบริหารงานตามหลักการนี้ไว้ เช่น
่
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ได้แสดงทัศนะไว้ในหนังสือเรื่อง “ธรรมาธิปไตย
ไม่มา จึงหาประชาธิปไตยไม่เจอ” สรุปใจความได้ว่า ธรรมาธิปไตยไม่ใช่ระบบแยกต่างหาก อีก
ระบบจากประชาธิปไตย แต่เป็ นคุณภาพ “เป็ นหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจของบุคคลที่อยู่หรือ
ร่วมอยู่ในระบบการปกครองนัน” ถ้าการตัดสินใจโดยตรวจสอบเรื่องราว สืบค้นความจริง หา
้
ั
ข้อมูลให้ชดเจนถ่องแท้ ใช้ปญญาพิจารณาในการตัดสินใจต่างๆ เช่น ถ้าในระบอบประชาธิปไตย
ั
ก็เป็ นการตัดสินใจเลือกตัง โดยพิจารณาว่าผูสมัครคนไหนเป็ นคนดี มีความสามารถ มุ่งทํา
้ ้
ประโยชน์ ให้ส่วนรวมจริงๆ ก็ตดสินใจไปตามความดีงามความถูกต้อ งนัน นี้เรียกว่าเป็ น
ั ้
๑๑
http://www.br.ac.th (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
๑๒
คอการสวดตงญตตประกาศใหสงฆทราบ ๑ ครง แลวสวดประกาศรบเขาหมู่ ๓ ครง.
ื ั้ ั ิ ้ ์ ั้ ้ ั ้ ั้
๑๓
ดรายละเอยดใน ว.ิ ม. (ไทย) ๕/๒๕๙/๓๙, ๓๘๘/๒๗๖, ๔๕๐/๓๒๘.
ู ี
๑๔
ดรายละเอยดใน ม.อุ. (ไทย) ๑๔/๓๗๖/๔๒๔-๔๓๒.
ู ี
๑๕
ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/๒๔๔๒/๕๓๑.
- 6. ๖
ธรรมาธิปไตย แต่ถาเลือกโดยเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็ นหลัก นี้เรียกว่าอัตตาธิปไตย หรือ
้
ตัดสินใจเลือกโดยว่าไปตามกระแส ลงคะแนนแบบเฮตามพวกไป นี้เรียกว่าโลกาธิปไตย ๑๖ 15
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ได้แสดงทัศนะไว้ในหนังสือเรื่อง “พุทธวิธี
บริหาร” ตอนว่าด้วยการบริหารตามหลักธัมมาธิปไตยสรุปใจความได้ว่า การบริหารตามหลัก
้ ั
ธัมมาธิปไตย ผูบริหารต้องประกอบด้วยพละ ๔ คือ ปญญาพละ วิรยพละ อนวัชชพละ สังคหพละิ
ั ั
ปั ญญาพละ กําลังคือปญญา หมายถึง ผูบริหารต้อ งมีปญญา คือ ต้อ งเป็ นผู้ขวนขวายเพื่อให้
้
ั ั ั
เกิดปญญา ๓ ด้าน อาทิ สุตมยปญญา ปญญาเกิดจากการฟง จินตามยปญญา ปญญาเกิดจาก ั ั ั
ั ั
การคิด ภาวนามยปญญา ปญญาเกิดจากการปฏิบติ หรือการเจริญภาวนา ในที่น้ีท่านอธิบาย
ั
การรอบรู้ ๓ อย่าง คือ รูจกตน รูคน รู้งาน รู้จกตนเองคือรู้ความสามารถของตน อุปนิสยของ
้ั ้ ั ั
ตน รูจกคน คือรูจกคนทีทํางานร่วมกัน หมายความว่า มอบงานให้ถูกกับคน และรู้งาน คือรู้จก
้ั ้ั ่ ั
งานที่ร ับผิดชอบ วิ ริ ย พละ พลัง ของความเพีย ร ผู้บ ริห ารต้อ งเป็ นคนขยัน อดทน ต่อ สู้ก ับ
อุปสรรคต่างๆ ทีเกิดขึน ไม่ทอดทิ้งธุระกลางครัน ในที่น้ีท่านอธิบายเกี่ยวกับสสังขาริกะ คือ มี
่ ้
ความขยันสูงานเพราะคนอื่นชักชวนแนะนํ า อสังขาริกะ มีความขยันสู้งานด้วยความเพียรของ
้
ตนเอง อนวัชชพละ พลังแห่งการงานทีไม่มโทษ คือประกอบการงานสุจริต ไม่ผดกฎหมายและ
่ ี ิ
ศีลธรรม ท่านอธิบายว่า ผูบริหารต้องเว้นอบายมุข อันเป็ นทางแห่งความเสื่อม เช่น ไม่ตดการ
้ ิ
พนัน ไม่ตดสุรายาเสพติด ไม่เกียจคร้าน ไม่คบมิตรชัว จากนันให้รกษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ ์ สังคหพละ
ิ ่ ้ ั
คือให้มพรหมวิหาร ๔ ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทตา อุเบกขา และสังคหพละ พลังแห่งการ
ี ิ
สงเคราะห์ หมายถึงผูบริหารต้องเป็นคนสงเคราะห์เพื่อนร่วมงานตามสมควรแก่ตําแหน่ งหน้าที่
้
การสงเคราะห์มหลายวิธี เช่น การให้สงของ การพูดจาด้วยถ้อยคําไพเราะ สุภาพอ่อนโยน การ
ี ิ่
ช่วยเหลือการงานบางครังบางคราว และการวางตัวเสมอต้นเสมอปลายหรือการเอาใจเขามาใส่
้
๑๗
ใจเรา16
ั
จากทัศนะของพระธรรมโกศาจารย์ทนําเอาปญญาพละมาเป็นเครื่องมือในการบริหาร
่ี
ตามหลักธัมมาธิปไตยนี้ ผูเ้ ขียนมีความเห็นสอดคล้องกับทัศนะดังกล่าวนี้เพราะพระพุทธองค์ได้
ั
ตรัสสรรเสริญปญญาไว้หลายแห่งต่างกาลต่างวาระกัน เช่น ตรัสว่า “ป�ฺญา โลกสฺม ิ ปชฺโชโต
ปญญาเป็ นแสงสว่างในโลก” ๑๘ “ป�ฺญา นรานํ รตนํ ปญญา เป็ นรัตนะของนรชน” ๑๙ เป็ นต้น
ั ั
๑๖
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต), ธรรมาธิ ปไตยไม่มา จึงหาประชาธิ ปไตยไม่เจอ, ปี
๒๕๔๙), หน้า ๑๓, [ออนไลน์] แหล่งทมา : http://www.nidambe11.net (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
่ี
๑๗
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจตฺโต), พุทธวิ ธีบริ หาร, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมพ์
ิ ิ
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๙), หน้า ๕๓-๗๘.
๑๘
สํ.ส. (บาลี) ๑๕/๘๐/๓๓. สํ.ส. (ไทย) ๑๕/๘๐/๘๕.
๑๙
สํ.ส. (บาลี) ๑๕/๕๑-๕๒/๒๖, สํ.ส. (ไทย) ๑๕/๕๑/๖๗.
- 7. ๗
ั ั
ตามหลักพระพุทธศาสนา มีปจจัยเป็นเครื่องพัฒนาปญญาอยู่ ๒ อย่าง คือ ปรโตโฆสะและโยนิโส
มนสิการ ๒๐19
ปรโตโฆสะ แยกออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่เป็ นบุคคลโดยตรง เช่น บิดามารดา ครู
อาจารย์ ผูเ้ ป็นกัลยาณมิตร คอยแนะนําตักเตือน ในสิงทีดงามก่อให้เกิดความรูหรือปญญา เรียก
่ ่ ี ้ ั
ั
อีก อย่างหนึ่งว่า ปจจัยภายนอก ส่วนที่สองได้แก่ คัม ภีร์ต่าง ๆ ที่บนทึก คําสอนของท่านผู้รู้
ั
ทังหลาย เช่น ตํารับตํารา หรือหนังสือเรียน เป็ นต้น เป็ นแหล่งความรู้ท่เป็ นประโยชน์เมื่อได้
้ ี
อ่านแล้วจะทําให้เกิดปญญา ั
ั
โยนิโสมนสิการ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปจจัยภายใน ได้แก่การพิจารณาไตร่ตรอง
ใคร่ ค รวญสิ่ ง ที่ ไ ด้ ร ับ ฟ ัง มาจากบิ ด ามารดา ครู อ าจารย์ นั ้น หรื อ ที่ ไ ด้ อ่ า นมานั ้น ตาม
ั ั
กําลังสติปญญา ก็จะทําให้เกิดปญญาเพิ่มขึ้น เช่น ได้ยนบิดามารดาบอกว่า การดื่มสุราไม่ดี
ิ
เพราะจะทํ า ให้สูญ เสีย การทรงตัว สติจะอ่อ นกํา ลัง ไม่ ส ามารถควบคุ ม ความคิด หรือ อวัย วะ
ั ั
ร่างกายของตนให้อยู่ในสภาวะปกติได้ เมื่อได้รบฟงมาอย่างนี้แล้ว ก็นําไปคิดไตร่ตรองต่อว่า
เพราะเหตุไร สุราจึงมีฤทธิ ์ทําให้คนทีด่มเป็นอย่างนัน ก็ตองไปศึกษาต่อว่า สุราประกอบด้วยสาร
่ ื ้ ้
อะไรบ้าง หรือว่า สุราทํามาจากอะไร เมื่อคิดพิจารณาอย่างนี้แล้วก็จะทราบข้อเท็จจริงของสุรา
ความรูทได้กกลายเป็นปญญา ทีเกิดขึนด้วยโยนิโสมนสิการ ๒๑
้ ่ี ็ ั ่ ้ 20
จากข้อความทีได้ทําการศึกษามานี้แสดงให้เห็นว่าการบริหารตามหลักธัมมาธิปไตย
่
้ ั
ผูบริหารต้องประกอบด้วยพละ ๔ ประการ คือ ปญญาพละ วิรยพละ อนวัชชพละ และสังคหพละ
ิ
ดังกล่าวนันจึงจะประสบความสําเร็จในการบริหารตามเป้าหมายทีตงไว้
้ ่ ั้
เรื่องการรื้อฟื้ นคดีข้นมาตัดสินใหม่ข องเจ้าชายพันธุละมหาอํามาตย์ของพระเจ้า
ึ
ปเสนทิโกศล เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งทีแสดงให้เห็นว่า เจ้าพันธุละ ได้บริหารตามหลักธัมมาธิปไตย
่
ความย่อว่า เจ้าชายพันธุละ ได้รอฟื้ นคดีความทีคณะผูพพากษาชุดเดิมตัดสินไม่เป็นธรรมขึนมา
้ื ่ ้ ิ ้
พิจารณา ใหม่ แล้วตัดสินให้ผถูก เป็ นฝ่ายชนะ ให้ผผดเป็ นฝ่ายแพ้ ทําให้ประชาชนพอใจการ
ู้ ู้ ิ
ตัดสินของเจ้าชายพันธุละ พากันส่งเสียงสาธุการ ดังไปถึงพระตําหนักของพระเจ้าปเสนทิโกศล
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทราบเรื่องจึงแต่งตังให้เสนาบดีพนธุละ เป็นผูพพากษาอีกตําแหน่งหนึ่ง
้ ั ้ ิ
๒๒
21
๒๐
องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๗/๑๑๕, องฺ.ทุก.อ. (ไทย) ๒/๑๒๗/๕๓.
๒๑
พระมหาธานินทร์ อาทตวโร, “การพัฒนาสังขารเพื่อการบรรลธรรมในพระพุทธศาสนาเถร
ิ
วาท”, วิ ทยานิ พนธ์ พทธศาสตรดษฎีบณฑิต, (บณฑตวทยาลย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,
ุ ุ ั ั ิ ิ ั
๒๕๕๕), หน้า ๗๐.
๒๒
ดรายละเอยดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๓/๑๙๗.
ู ี
- 8. ๘
การทีพระพุทธเจ้าทรงแต่งตังอัครสาวกทังสอง คือพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
่ ้ ้
ก็ทําตามธัมมาธิปไตย กล่าวคือ พระเถระทังสองรูปนี้เคยได้บําเพ็ญบารมีมาตังแต่อดีตชาติเพื่อ
้ ้
ได้ตําแหน่ งอัครสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ถึงแม้ว่าการแต่งตังครังนันจะมีเสียง
้ ้ ้
คัดค้านจากพระภิกษุเป็นจํานวนมากว่า พระองค์เห็นแก่หน้า เห็นแก่พวกพ้อง เพราะพระเถระ
ทังสองรูปนันเพิ่ง จะบวชไม่น าน มีพระเถระที่ม ีพ รรษามากกว่าและเหมาะสมกว่าหลายรู ป
้ ้
ั
พระองค์นํ าเรื่องราวในอดีตชาติข องแต่ละรูป มาแสดงให้พ วกภิก ษุ ฟ ง เสียงคัดค้า นจึงเงีย บ
หายไปทุกรูปจึงยอมรับการตัดสินพระทัยของพระองค์ ๒๓ 22
ในบรรดาอธิปไตยทัง ๓ นัน ธัมมาธิปไตยนี้พระองค์ให้ความสําคัญมากเห็นได้จาก
้ ้
พระพุทธพจน์ทปรากฏในพระ ไตรปิฎกหลายแห่งทีพระองค์ทรงเตือนให้ภิกษุ ยึดเอาธรรมเป็ น
่ี ่
ใหญ่ ทรงแนะนําให้ภกษุยดเอาพระธรรมเป็นทีพง เช่น พระพุทธพจน์ในมหาปรินิพานสูตร ทีฆ
ิ ึ ่ ่ึ
นิกาย มหาวรรค ในจักกวัตติสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ในโคปกโมคคัลลานสูตร ในอัตตทีป
สูตร สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ในคิลานสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรคว่า
“ภิกษุทงหลาย เธอทังหลาย จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นทีพง ไม่มสงอื่นเป็นทีพง จงมี
ั้ ้ ่ ่ึ ี ิ่ ่ ่ึ
๒๔
ธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นทีพงไม่มสงอืนเป็นทีพงอยู่เถิด”
่ ่ึ ี ิ่ ่ ่ ่ึ
๔. บทสรุป
การบริหารงานตามหลักอธิปไตย ๓ คือการบริหารแบบเอาตัวเป็ นใหญ่ในการตัดสิน
สังการโดยไม่ต้องขอความเห็นจากคนอื่น เมื่อสั ่งการไปแล้วผูส ั ่งรับผิดชอบแต่ผเดียว เรียกว่า
่ ้ ู้
อัตตาธิไตย ข้อดีของการบริหารแบบนี้ คือ ทําให้รวดเร็วทันใจ ได้งานมาก ข้อเสีย คือ โอกาสที่
จะผิดพลาดมีสูง และเป็นการปิดกันการแสดงความคิดเห็นของคนอื่น การบริหารแบบเอาเสียง
้
ั ั ้
ส่วนมากเป็ นเกณฑ์ตดสิน หรือการบริหารแบบประชาธิปไตยในปจจุบน ผูเป็ นหัวหน้าต้องฟ ง
ั ั
เสียงคนอื่นด้วย เมื่อเสียงส่วนมากว่าอย่างไรก็เอาตามนัน เรียกว่า โลกาธิปไตย ข้อดีของการ
้
บริหารแบบนี้ คือ ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารหรือ แสดงความคิดเห็น การบริหารโปร่งใส
เพราะมีระบบการตรวจสอบ ข้อเสียคือ ทําให้ล่าช้าเพราะต้อ งผ่านกระบวนการหลายขันตอน ้
การบริหารแบบเอาความถูกต้องเป็ นหลักโดยไม่คํานึงถึงเสียงส่วนมาก เรียกว่า ธัมมาธิปไตย
แต่ถาเสียงส่วนมากถูกก็ถอว่าเป็นธัมมาธิปไตยเหมือนกัน พระพุทธองค์ได้วางหลักการบริหาร
้ ื
ทัง ๓ นี้ไว้เพื่อเป็นแนวทางให้สาวกนําไปประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน ตามความเหมาะสมแก่
้
สถานการณ์ดงทีพระองค์ได้ใช้เป็นแบบอย่างมานัน ในบรรดาหลักการบริหารทัง ๓ นี้ พระองค์
ั ่ ้ ้
๒๓
ดรายละเอยดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๑/๕๕.
ู ี
๒๔
ที.ม. (ไทย) ๑๐/๑๖๕/๑๑๑, ท.ี ปา. (ไทย) ๑๑/๘๐/๕๙, ม.อุ . (ไทย) ๑๔/๘๐/๘๗, สํ. ขนฺธ.
(ไทย) ๑๗/๔๓/๕๙, สํ.ม. (ไทย) ๑๙/๒๗๕/๒๒๔.
- 10. ๑๐
มหาจุ ฬ าลงกรณราชวิ ท ยาลั ย . พระไตรปิ ฎกภาษาบาลี ฉบับ มหาจุ ฬ าเตปิ ฏกํ .
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๐๐.
__________. พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบับ มหาจุ ฬ าลงกรณราชวิ ทยาลั ย .
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
__________. อรรถกถาบาลี ฉบับมหาจุฬาอฏฺฐกถา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์วญญาณ
ิ
, ๒๔๙๙,๒๕๓๓-๒๕๓๔.
มหามกุฏราชวิทยาลัย. พระไตรปิ ฎกพร้อมอรรถกถาแปล. ชุด ๙๑ เล่ม. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์มหา มกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๔.
ข. ข้อมูลทุติยภูมิ
(๑) หนังสือ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครังที่ ้
๑๖. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ บริษท สหธรรมิก จํากัด, ๒๕๕๔.
ั
พระธรรมปิ ฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุ กรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิม พ์ค รังที่ ้
๑๒. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖.
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). พุทธวิ ธีบริ หาร. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหา
จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๙.
อภิวฒน์ วรรณกร. ประสิ ทธิ์ กาญจนวัฒน์ คิ ด พูด เขียน. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์
ั
สุขภาพใจ, ๒๕๔๐.
(๒) วิ ทยานิ พนธ์
พระมหาธานินทร์ อาทิตวโร. “การพัฒนาสังขารเพื่อการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาท”.
วิ ทยานิ พนธ์ พุทธศาสตรดุษฎีบณฑิ ต. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
ั
กรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๕.
(๓) สื่ออิ เล็กทรอนิ กส์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต). ธรรมาธิ ปไตยไม่มา จึงหาประชาธิ ปไตยไม่เจอ.
(ออนไลน์) แหล่งทีมา : http://www.nidambe11.net (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
่
สิ ริ อ ั ญ ญ า บท ค วา ม เรื่ อ ง “พุ ทธ ท า ส กั บ ธรรม า ธิ ป ไต ย , [อ อน ไ ลน์ ] แหล่ ง ที่ ม า :
http://www.paisalvision.com (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://www.paisalvision.com/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
- 11. ๑๑
พระธรรมกิต ติว งศ์ (ทองดี สุร เตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต ). คํา วัด. [ออนไลน์ ] แหล่ง ที่ม า :
http://www.kalyanamitra.org (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://www.br.ac.th (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://www.classifiedthai.com/content.(๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://th.wikipedia.org/wiki/อธิปไตย (๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://blog.eduzones.com/jipatar/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).
http://blog.eduzones.com/jipatar/ (๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕).