1. หลักการเขียนโปรแกรม

2. ความหมายของโปรแกรม
• โปรแกรม หมายถึง ชุดของคาสั่งที่ใช้สาหรับาสั่งให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทางาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

3. ความหมายของภาษาคอมพิวเตอร์
• ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง โปรแกรม หรือชุดคาสั่งที่
โปรแกรมเมอร์เขียนเพื่อใช้สั่งงาน ตามรูปแบบและโครงสร้างของ
ภาษา

4. ระดับของภาษาคอมพิวเตอร์
• ภาษาระดับต่า (Low Level Language)
• เป็นภาษาที่มนุษย์ทาความเข้าใจได้ยาก ส่วนใหญ่ต้องมีความเข้าใจ
เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดแวร์เป็นอย่างดี ไม่
เหมาะที่จะใช้ในการพัฒนาโปรแกรม
• ได้แก่ ภาษาเครื่อง และภาษาแอสเซมบลี้

5. ระดับของภาษาคอมพิวเตอร์
• ภาษาระดับกลาง (Medium Level Language)
มีลักษณะเป็นภาษาแบบโครงสร้าง ทาความเข้าใจได้ เหมือนกับ
ภาษาระดับสูง
• แต่ทางานได้รวดเร็วเหมือนกับภาษาระดับต่า
• นิยมใช้กันแพร่หลาย
• ได้แก่ ภาษาซี

6. ระดับของภาษาคอมพิวเตอร์
• ภาษาระดับสูง (High Level Language)
• เป็นภาษาที่ทาความเข้าใจได้ง่าย มีลักษณะ ของการใช้คาสั่งเป็น
ภาษาอังกฤษ
• เช่น ภาษา BASIC ภาษา Pascal ภาษา JAVA

7. ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
• 1. การวิเคราะห์ปัญหา
• 2. การออกแบบโปรแกรม
• 3. การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
• 4. การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
• 5. การบารุงรักษาโปรแกรม

8. การวิเคราะห์ปัญหา
• - ข้อมูลที่จะนาเข้าสู่คอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง
- วิธีการประมวลผลข้อมูลที่นาเข้าและผลลัพธ์ที่ต้องการ
- การแสดงผลที่ได้ ต้องการแสดงผลลัพธ์อะไรและมีหน้าตาเป็น
อย่างไร
• สิ่งที่ต้องพิจารณา
Input Process Output

9. การออกแบบโปรแกรม
• ตัวอย่าง ถ้าต้องการสร้างโปรแกรมที่มีการนาตัวเลขเข้ามา สมมุติให้
เป็นเลข 1-5 และให้แสดงผลเป็นค่าเฉลี่ยบนหน้าจอภาพ
ข้อมูลนาเข้า คือ ตัวเลข 5 ตัว เช่น 2,5,3,4,1
การประมวลผล คือ คานวณหาค่าเฉลี่ย เช่น
(2+5+3+4+1) / 5
การแสดงผล คือ แสดงค่าเฉลี่ยผ่านทางจอภาพ คือ 3

10. การออกแบบโปรแกรม
• อัลกอริทึม (Algorithms)
• วิธีการหรือกระบวนการทางานใดงานหนึ่งที่สามารถแบ่งขั้นตอน
ออกเป็นย่อยๆ ที่ แน่นอน ซึ่งเมื่อเราทราบขั้นตอนการทางานที่
แน่นอนแล้วเราจะนา Algorithm ที่ได้ นั้นมาวาดเป็น Flow
Chart หรือ แผนภาพการทางานของโปรแกรม

11. การออกแบบโปรแกรม
• รหัสเทียม หรือ ซูโดโค้ด (Pseudo Code)
• เป็นการแสดงขั้นตอนวิธีการที่ใช้ภาษาเขียนที่เข้าใจได้ง่าย
• อาจใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของ
ผู้เขียนและ กิจกรรมที่จะนาเสนอ

12. การออกแบบโปรแกรม
• ผังงาน (Flowchart)
• เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้รูปภาพแสดงถึงขั้นตอนการเขียน
โปรแกรม และมีลูกศรแสดงทิศทางการไหลของข้อมูลจากจุดเริ่มต้น
จนถึงจุดสิ้นสุด

13. สัญลักษณ์ ชื่อเรียก ควาหมาย
เริ่มต้นและจบ แทนจุดเริ่มต้นและจบของ
โปรแกรมหลักและโปรแกรมย่อย
การรับและแสดงผลข้อมูล แทนจุดที่จะนาข้อมูลเข้าหรือออก
จากคอมพิวเตอร์โดยไม่ระบุ
อุปกรณ์
การตัดสินใจ แทนจุดที่ต้องเลือกปฏิบัติอย่างใด
อย่างหนึ่ง
การปฏิบัติงาน แทนจุดที่มีการปฏิบัติงานอย่างใด
อย่างหนึ่ง

14. สัญลักษณ์ ชื่อเรียก ความหมาย
จุดเชื่อมต่อ แทนจุดเชื่อมของผังงานเมื่อใช้
สัญลักษณ์เพื่อให้ดูง่ายขึ้น
จุดเชื่อมต่อหน้ากระดาษ แทนจุดเชื่อมของผังงานเมื่อใช้
สัญลักษณ์เพื่อให้ดูง่ายขึ้น
ทิศทาง แทนจุดเชื่อมต่อผังงานที่อยู่คนละ
หน้ากระดาษ

15. ขั้นตอนวิธีและโปรแกรม
• โครงสร้างควบคุมการทางาน 3 อย่าง คือ
1. โครงสร้างแบบตามลาดับ (sequential structure)
เป็นขั้นตอนการทางานที่เป็นไปตามลาดับก่อนหลัง และแต่ละขั้นตอน
จะถูกประมวลผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

16. ตัวอย่าง
• เป็นการเขียนแบบไล่ทาไปทีละ
ลาดับ ไม่มีแยก

17. การออกแบบโปรแกรม
• 2. โครงสร้างแบบมีทางเลือก (selection structure)
เป็นขั้นตอนการทางานที่บางขั้นตอนจะได้รับหรือไม่ได้รับการ
ประมวลผล ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการ

18. ตัวอย่าง
• เป็นรูปแบบมีเงื่อนไข หรือ
ทางเลือก ถ้านั่งรถไปมีนบุรี
แล้ว รถตู้เต็ม คนต่อแถวเยอะ
มากเลยไปเรียนไม่ทันแน่ๆ ก็
ให้นั่ง Taxi

19. การออกแบบโปรแกรม
• 3. โครงสร้างแบบทาซ้า (repetition structure)
เป็นขั้นตอนการทางานที่บางขั้นตอนจะถูกประมวลผลซ้ามากกว่า 1
ครั้ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการ

20. ตัวอย่าง
• การทาซ้าๆ เช่น
เราอยากกินข้าว กินไปเรื่อยๆ ถ้า
อิ่มก็กลับบ้าน ถ้าไม่อิ่มก็กินต่อ

21. การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมฯ
• การนาอัลกอริทึมมาเขียนเป็นชุดคาสั่งด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ โดย
การเขียน โปรแกรมสามารถเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงตาม
ความเหมาะสม เช่น Pascal, C, C++ เป็นต้น

22. การทดสอบโปรแกรม
• การทดสอบโปรแกรม หรือการดีบั๊กโปรแกรม (Debugging)
คือ การนาโปรแกรมมาแปลโดยตัวแปรภาษาคอมพิวเตอร์
อาจเป็นตัวแปรชนิด 1. คอมไพเลอร์
2. อินเตอร์พรีเตอร์ก็ได้

23. การทดสอบโปรแกรม
• คอมไพเลอร์ (Complier) จะทาการแปลทั้งโปรแกรม หาก
โปรแกรมมีข้อผิดพลาด ต้องแก้ไขให้ถูกต้องก่อน แล้วแปลใหม่จนไม่
พบข้อผิดพลาด โปรแกรมจึงจะสามารถใช้งานได้ เช่น C, C++,
Pascal

24. การทดสอบโปรแกรม
• อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) จะแปลชุดคาสั่งที่ละคาสั่งในแต่
ละบรรทัด โดยโปรแกรมยังสามารถทางานต่อไปได้ ถึงจะมี
ข้อผิดพลาดในโปรแกรม ตราบใดที่ตัวแปรภาษายังไม่ผ่านการแปลใน
บรรทัดที่เขียนชุดคาสั่งผิด เช่น Java, Perl, Pytho

25. การบารุงรักษาโปรแกรม
• หลังจากทีมีการใช้งานโปรแกรมไปนานๆแล้วอาจต้องมีการปรับปรุง
แก้โปรแกรมให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป