SlideShare a Scribd company logo
1 of 571
Download to read offline
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 1             พระสุตตันตปฎก           มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก               เลมที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนน                                                        ั้               สีหนาทวรรค                  ๑. จูฬสีหนาทสูตร       [๑๕๓] ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ :-       สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ พระวิหารเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผูมีพระ-ภาคเจาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแลว. ภิกษุเหลานั้นไดทูลรับสนองพระพุทธพจนแลว.                        สมณะ ๔ จําพวก       [๑๕๔] พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธพจนนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวาง
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 2เปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงบันลือสีหนาทโดยชอบอยางนี้ ดวยประการฉะนี้ทีเดียว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เปนฐานะที่จะมีไดแล ที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถียในโลกนี้ พึงกลาวอยางนี้วา อะไรเปนความมั่นใจของพวกทาน อะไรเปนกําลังของพวกทาน พวกทานพิจารณาเห็นในตนดวยประการไร จึงกลาวอยางนี้วา สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียผูมวาทะอยางนี้ อันพวกเธอพึงกลาวตอบอยางนี้วา ทาน                         ีผูมีอายุทั้งหลายธรรม ๔ ประการ อันพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็นเปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ตรัสแลว มีอยู ที่พวกเราเห็นธรรมเหลานี้ในตนจึงกลาวอยางนี้วา สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ธรรม ๔ อยางเปนไฉน ๔ อยาง คือ ความเลื่อมใสในพระศาสดาของพวกเรา มีอยู ความเลื่อมใสในพระธรรมมีอยู ความกระทําใหบริบูรณในศีล มีอยู ทั้งคฤหัสถและบรรพชิต ผูประพฤติธรรม                                                             รวมกัน เปนที่นารัก นาพอใจ มีอยู ดูกอนทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ประการเหลานั้นแล อันพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็น เปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาตรัสแลว ที่พวกเราเล็งเห็นธรรมเหลานี้ในตนจึงกลาวอยางนี้ สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่น                                           ีวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เปนฐานะที่จะมีไดแล                                     ที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถียพึงกลาวอยางนี้วา ผูมีอายุ ผูใดเปนศาสดาของพวกเรา ความเลื่อมใสในศาสดาแมของพวกเราก็มีอยู คําสอนใดเปนธรรมของ
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 3พวกเรา ความเลื่อมใสในธรรมแมของพวกเราก็มีอยู ศีลเหลาใดเปนศีลของพวกเรา แมพวกเราก็กระทําใหบริบูรณในศีลทั้งหลาย ทั้งคฤหัสถและบรรพชิตผูประพฤติธรรมรวมกัน แมของพวกเราก็เปนที่นารัก นาพอใจ. ผูมีอายุในขอเหลานี้อะไรเปนขอที่แปลกกัน อะไรเปนขอประสงค อะไรเปนขอที่การทําใหตางกัน ในระหวางของทานและของเราดังนี้. ดูกอนภิกษุทั้งหลายพวกปริพาชกอัญญเดียรถียผูมวาทะอยางนี้ อันพวกเธอพึงกลาวตอบอยางนี้วา                                ีผูมีอายุ ความสําเร็จมีอยางเดียวหรือมีมากอยาง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จมีอยางเดียวเทานั้น ไมมีมากอยาง. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ผูมีอายุก็ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีราคะหรือของผูปราศจากราคะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลายพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วาความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากราคะมิใชของผูมีราคะ. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้น เปนของผูมีโทสะหรือของผูปราศจากโทสะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยา-กรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากโทสะ มิใชของผูมีโทสะ.พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีโมหะหรือของผูปราศจากโมหะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากโมหะ มิใชของผูมีโมหะ. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีตัณหาหรือของผูปราศจากตัณหา. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากตัณหา มิใชของผูมีตัณหา. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีอุปาทาน หรือของผูไมมีอุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวก
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 4ปริพาชกอัญญเดียรถียเมือจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความ-                          ่สําเร็จนั้นเปนของผูไมมีอุปาทาน มิใชของผูมีอุปาทาน. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูรูแจงหรือของผูไมรูแจง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูรูแจง มิใชของผูไมรูแจง. พวกเธอพึง-กลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดียินรายหรือของผูไมยินดียินราย.ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ปริพาชกอัญญเดียรถีย เมือจะพยากรณโดยชอบ พึง                                                   ่พยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูไมยินดียินราย มิใชของผูยินดียินราย. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี หรือของผูยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี มิใชของผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี.                                  ทิฐิ ๒        [๑๕๕] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ คือ ภวทิฐิ และวิภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณเลาใดเหลาหนึ่งเปนผูแอบอิงภวทิฐิเขาถึงภวทิฐิ หยั่งลงสูภวทิฐิ สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ชื่อวาเปนผูยินรายตอวิภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่ง เปนผูแอบอิงวิภวทิฐิเขาถึงวิภวทิฐิ หยั่งลงสูวิภวทิฐิ สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ชื่อวาเปนผูยินรายตอภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่ง ยอมไมรูทั่วถึงความเกิด ความดับ คุณ โทษ
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 5และการถายถอนแหงทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ตามความเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ยังมีราคะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ ยังมีตัณหา ยังมีอุปาทาน ไมใชผูรูแจง ยังยินดีและยินราย เปนผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี พวกเขายอมไมหลุดพนจากชาติ ชรา มรณะ ความโศก ความร่ําไรทุกขกาย ทุกขใจ และความคับแคนทั้งหลาย เรากลาววา ยอมไมหลุดพนไปจากทุกข สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่งยอมรูทั่วถึงความเกิดความ-ดับ คุณ โทษ และการถายถอนแหงทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ ตามความเปนจริงสมณะหรือพราหมณเหลานั้น เปนผูปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากตัณหา ปราศจากอุปาทาน เปนผูรูแจง เปนผูไมยินดีและยินราย มีความยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี พวกเขายอมหลุดพนจากชาติ ชรา มรณะ ความโศก ความร่ําไร ทุกขกายทุกขใจ และความคับแคนทั้งหลาย เรากลาววา ยอนหลุดพนไปจากทุกข.                               อุปาทาน ๔         [๑๕๖] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อุปาทาน ๔ อยางเหลานี้ ๔ อยางเปนไฉน คือ กามุปาทาน ทิฏุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน. ดูกอน    ภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่งปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยางแตพวกเขายอมไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ ยอมบัญญัติความรอบรูกามุปาทานไมบัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน ขอนั้นเพราะเหตุอะไรเพราะสมณพราหมณเหลานั้นรูไมทั่วถึงฐานะ ๓ ประการเหลานี้ ตามความเปนจริง เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงมีลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน ไม
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 6บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่งปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทานไมบัญญัติความรอบรูสีลพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน                        ัขอนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะสมณพราหมณเหลานั้นไมรูทั่วถึงฐานะ ๒ ประการเหลานี้ ตามความเปนจริง เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบคือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอน   ภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่ง ปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยางแตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน. บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน บัญญัตดวามรอบรูสีลัพ-                                                         ิพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน ขอนั้นเพราะเหตุอะไรเพราะสมณพราหมณเหลานั้นไมรูทั่วถึงฐานะอยางหนึ่งนี้ เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน บัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในศาสดาใด ความเลื่อมใสนั้น เราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความเลื่อมใสในธรรมใด ความเลื่อมใสนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความกระทําใหบริบูรณในศีลใด ขอนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความเปนที่รักและนาพอใจในหมูสหธรรมิกใดขอนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ในธรรมวินัยเห็นปานนี้แล ขอนั้นเพราะ
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 7เหตุอะไร ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เพราะขอนั้นเปนความเลื่อมใสในธรรมวินัยที่ศาสดากลาวชั่วแลว ประกาศชั่วแลว มิใชสภาพนําออกจากทุกข ไมเปนไปเพื่อความสงบ มิใชอันผูรูเองโดยชอบประกาศไว.        [๑๕๗] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาเทานั้นแล เปนผูมีวาทะรอบรูอุปาทานทุกอยาง ปฏิญาณอยู ยอมบัญญัตความ                                                                   ิรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ ยอมบัญญัติความรอบรูกามุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในศาสดาใด ความเลื่อมใสนั้น เรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความเลื่อมใสในธรรมใด ความเลื่อมใสนั้น เรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความกระทําใหบริบูรณในศีลใด ขอนั้นเรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความเปนที่รักและนาพอใจในหมูสหธรรมิกใด ขอนั้นเรากลาววาไปแลวโดยชอบ ในพระธรรมวินัยเห็นปานนี้แล ขอนั้นเพราะเหตุอะไร ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เพราะขอนั้นเปนความเลื่อมใสในธรรมวินัยอันศาสดากลาวดีแลว ประกาศดีแลว เปนสภาพนําออกจากทุกข เปนไปเพื่อความสงบ อันทานผูรูเองโดยชอบ ประกาศแลว.                     ตัณหาเปนเหตุเกิดอุปาทาน       [๑๕๘] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุปาทาน ๔ เหลานี้ มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. อุปาทาน๔ เหลานี้ มีตัณหาเปนตนเหตุ มีตัณหาเปนเหตุเกิด มีตัณหาเปนกําเนิด มีตัณหาเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ตัณหานี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มี                       อะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. ตัณหามีเวทนาเปนตนเหตุ มีเวทนาเปนเหตุเกิด มีเวทนาเปนกําเนิด มีเวทนาเปนแดนเกิด.
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 8ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เวทนานี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิดมีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. เวทนามีผัสสะเปนตนเหตุ มีผัสสะเปนเหตุเกิด มีผัสสะเปนกําเนิด มีผัสสะเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลายผัสสะนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. ผัสสะมีสฬายตนะเปนตนเหตุ มีสฬายตนะเปนเหตุเกิด มีสฬายตนะเปนกําเนิด มีสฬายตนะเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สฬาย-ตนะนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. สฬายตนะมีนามรูปเปนตนเหตุ มีนามรูปเปนเหตุเกิดมีนามรูปเปนกําเนิด มีนามรูปเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลายนามรูปนี้เลา                                                มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. นามรูปมีวิญญาณเปนตนเหตุ มีวิญญาณเปนเหตุเกิดมีวิญญาณเปนกําเนิด มีวิญญาณเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ                                                  นี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. วิญญาณมีสังขารเปนตนเหตุ มีสังขารเปนเหตุเกิด มีสังขารเปนกําเนิด มีสังขารเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สังขารนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิดสังขารมีอวิชชาเปนตนเหตุ มีอวิชชาเปนเหตุเกิด มีอวิชชาเปนกําเนิด มีอวิชชาเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ภิกษุละอวิชชาไดแลว                           วิชชาเกิดขึ้นแลว เมื่อนั้น ภิกษุนั้น เพราะสํารอกอวิชชาเสียได เพราะวิชชาบังเกิดขึ้น ยอมไมถือมั่นกามุปาทาน ยอมไมถือมั่นทิฏุปาทาน. ยอมไมถือมั่นสีลัพพตุปาทาน ยอมไมถอมั่นอัตตวาทุปาทาน เมื่อไมถือมั่น ยอมไมสะดุง                             ืเมื่อไมสะดุง ยอมปรินิพพานเฉพาะตนนั่นเทียว เธอยอมรูชัดวา ชาติสิ้นแลว
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 9พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ควรทํา ทําเสร็จแลว กิจอื่นเพื่อความเปนอยางนี้มิไดมี ดังนี้        พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธพจนนี้แลว ภิกษุเหลานั้นมีใจชื่นชมยินดี ภาษิตของพระผูมีพระภาคเจา แลวแล.                   จบ จูฬสีหนาทสูตร ที่ ๑
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10       อรรถกถามัชฌิมนิกาย ชื่อ ปปญจสูทนี                        พรรณนามูลปณณาสก                                  ภาคที่ ๒                        พรรณนาสีหนาทวรรค                 อรรกถาจุลลสีหนาทสูตร    ๑        จุลลสีหนาทสูตร มีคําเริ่มตนวา ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ :-        ก็เพราะจุลลสีหนาทสูตรนั้น มีการสรุปถึงความอุบัติของเรื่อง เพราะฉะนั้น ขาพเจาแสดงการสรุปนั้นแลว จักทําการพรรณนาบทโดยไมตามลําดับแหงจุลลสีหนาทสูตรนั้น. ก็เรื่องนี้ไดยกขึ้นกลาวในความอุบัติของเรื่องอะไร.ในเรื่องที่เดียรถียคร่ําครวญ เพราะลาภสักการะเปนปจจัย. ไดยินวา ลาภ-สักการะใหญไดบังเกิดขึ้นแลวแกพระผูมีพระภาคเจา โดยนัยที่กลาวแลวในธัม-มทายาทสูตร.        ก็โลกสันนิวาสนี้มีประมาณ ๔ ดํารงอยูแลวโดย ๔ อยาง ดวยอํานาจแหงบุคคลเหลานี้คือ บุคคลผูมีประมาณในรูป เลื่อมใสในรูป มีประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง มีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศรา-หมอง มีประมาณในธรรม เสื่อมใสในธรรม. ขอการทําใหตางกันของบุคคลเหลานั้นดังนี้. ก็บุคคลผูมีประมาณในรูป เลื่อมใสในรูปเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เห็นความเจริญขึ้น หรือเห็นความเจริญเต็มที่ เห็นความบริบูรณหรือเห็นทรวดทรง ถือประมาณในรูปนั้นแลว ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้นบาลี. จูฬสีหนาทสุตฺต
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 11นี้เรียกวาบุคคลผูมีประมาณในรูป เลือมใสในรูป. ก็บุคคลผูมประมาณในเสียง                                      ่                    ีเลื่อมใสในเสียงเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนีถือประมาณในเสียงนั้น ดวย                                                ้การพรรณนาของคนอื่น ดวยการชมเชยของคนอื่น ดวยการสรรเสริญของคนอื่น ดวยคนผูนําคุณของคนอื่นแลวยังความเสื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวาบุคคลผูมีประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง. ก็บุคคลผูมีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศราหมองเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เห็นความเศราหมองในจีวร หรือเห็นความเศราหมองในบาตร หรือเห็นความเศราหมองในเสนาสนะ หรือเห็นการบําเพ็ญทุกกรกิริยาตาง ๆ แลว ถือประ-มาณในความเศราหมองนั้น ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวา บุคคลผูมีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศราหมอง. ก็บุคคลผูมีประมาณในธรรม เลื่อมใสในธรรมเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เห็นศีล หรือเห็นสมาธิ หรือเห็นปญญาแลว ถือประมาณในธรรมนั้น ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวา บุคคลผูมีประมาณในธรรม เลือมใสในธรรม.                                                  ่         ในบุคคล ๔ พวกนี้ ฝายบุคคลมีประมาณในรูปเห็นความเจริญขึ้นและความเจริญเต็มที่ ทรวดทรง ความบริบูรณของพระผูมีพระภาคเจา ทรงมีพระฉวีวรรณสวยงาม ดุจวิจิตรดวยรัตนะตาง ๆ เพราะประดับประดาดวยอนุ-พยัญชนะ ๘๐ อยาง ดุจแผนใหญแหงทองคําอันรุงเรืองดวยหมูดาว เพราะเกลื่อนกลนดวยมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และดุจทองฟาอันแจมจํารัสโดยประการทั้งปวงฉะนั้น มีพระสรีระหาที่เปรียบมิได มีปาริฉัตรสูงรอยโยชนมีพระสิริแวดลอมดวยรัศมีประมาณหนึ่งวา สูงสิบแปดศอกแลว เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว.         ฝายบุคคลมีประมาณในเสียง ไดฟงเสียงที่เปนไปแลวแหงพระผูมีพระ-ภาคเจา โดยนัยเปนตนวา ตลอดสีอสงไขย ยิงดวยแสนกัป พระองคทรง                                    ่         ่
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 12บําเพ็ญบารมีสิบ อุปปารมีสิบ ปรมัตถปารมีสิบ ทรงกระทําอังคบริจาค บุตรทารบริจาค รัชชบริจาค ธนบริจาค และนัยนบริจาคแลวเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว.         ฝายบุคคลมีประมาณในความเศราหมอง เห็นความเศราหมองในจีวรของพระผูมีพระภาคเจาแลว คิดวา ถาพระผูมีพระภาคเจาอยูครองสมบัติ ก็จักทรงแตผาที่ทําจากเมืองกาลีเทานั้น แตพระองคครั้นทรงผนวชแลว ทรงยินดีดวยจีวรบังสุกุลอันทําดวยปาน ทรงกระทําการหนัก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. เห็นแมความเศราหมองในบาตรแลว คิดวาพระผูมีพระภาคเจาพระองคนี้ เมื่อทรงครองเรือนไดเสวยโภชนะแหงขาวสาลีอันมีกลิ่นหอม สมควรแกโภชนะของพระเจาจักรพรรดิ ในภาชนะทองคําอันประเสริฐสีแดง แตครั้นทรงผนวชแลวทรงถือบาตรหิน เสด็จบิณฑบาตตามตรอกในประตูของตระกูลสูง ทรงยินดีดวยกอนขาวที่ไดแลว กระทํากิจหนักดังนี้ ยอมเลือมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. แมไดเห็นความเศราหมอง              ่ในเสนาสนะแลว คิดวา พระผูมีพระภาคเจาพระองคนี้ เมื่อทรงครองเรือนมีนางฟอน ๓ พวกเปนบริวาร เสวยราชสิริ ดุจสมบัติทิพในปราสาททั้ง ๓อันสมควรแกฤดูทั้ง ๓ บัดนี้ ทรงผนวชแลว ทรงยินดีดวยวัตถุ มีกระดานไมแผนศิลาและเตียงไมไผ เปนตน ในรุกขมูลและเสนาสนะเปนตน ทรงกระทําการหนัก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. แมไดเห็นการบําเพ็ญทุกกรกิริยาของพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้นแลว คิดวา พระผูมีพระ-ภาคเจาทรงยังชีพใหเปนไปดวยวัตถุ มี น้ําตมถั่วเขียว น้ําตมถั่วพู และน้ํา-ตมหเรณุ เปนตน เพียงฟายมือ ๆ จักเจริญฌานอันไมมีประมาณ ไมทรงหวงใยในสรีระและชีวิตอยูตลอดหกป โอ พระผูมีพระภาคเจาทรงกระทํากิจที่ทําไดยาก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว.
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 13        ฝายบุคคลมีประมาณในธรรม เห็นศีลคุณ สมาธิคุณ ปญญาคุณฌานวิโมกข สมาธิสมบัติ สัมปทา ความบริบูรณแหงอภิญญา ยมกปาฏิหาริยเทโวโรหณะ และความอัศจรรยหลายประการ มีการทรมานปาฏิกบุตรเปนตนของพระผูมีพระภาคเจาแลว ยอมเลือมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว.                                    ่        บุคคลเหลานั้น เลื่อมใสอยางนี้แลว ยอมนําลาภสักการะใหญถวายแดพระผูมีพระภาคเจา แตลาภสักการะของเดียรถียทั้งหลายก็เสื่อมไป ดุจกาในพาเวรุชาดก. เหมือนอยางทานกลาววา             นางนกยูงรองเสียงไพเราะ เพราะ        ไมเห็นนกยูง จึงบูชากาในพาเวรุนั้น         ดวยเนื้อและผลไม ก็ในกาลใด นกยูงที่          ถึงพรอมดวยเสียงสูพาเวรุ ในกาลนั้น         ลาภและสักการะของกาก็เสื่อมไป ในกาล         ใด พระพุทธเจาผูธรรมราชา ทรงกระทํา         แสงสวางยังไมอุบัติขึ้น ในกาลนั้น ชนอืน่          เปนอันมาก ไดบูชาสมณพราหมณทั้ง       หลาย แตในกาลใด พระพุทธเจาทรงถึง          พรอมดวยเสียง ทรงแสดงธรรม ในกาล         นั้น ลาภและสักการะของเดียรถียทั้งหลาย          ก็เสื่อมไป.        เดียรถียเหลานั้น เสื่อมจากลาภและสักการะอยางนี้แลว แมจะยังราตรีใหสวางเพียงหนึ่งนิ้ว สองนิ้ว ก็เปนผูเสื่อมจากรัศมี ดุจหิงหอยทั้งหลายในเวลาพระอาทิตยขึ้นฉะนั้น.
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 14               หิงหอยทั้งหลายยอมแสดงออกซึ่ง           แสงในราตรีขางแรม ก็นนเปนนิสัยของ                                      ั้           หิงหอยเหลานัน ในเวลาใด พระอาทิตย                           ้           ที่ถงพรอมดวยรัศมีขึ้นอยู ในเวลานั้น               ึ          แสงของหมูหิงหอยทั้งหลายก็หายไปฉันใด                              แมเดียรถียทั้งหลายในโลกนี้ สวนมาก          เปนเชนกับหิงหอยฉันนั้น ยอมแสดงคุณ        ตนในโลกที่เปรียบเหมือนขางแรม แตใน          เวลาใด พระพุทธเจามีรัศมีหาที่เปรียบ          มิได อุบัติขึ้นในโลก ในเวลานั้น เดียรถีย           ทั้งหลายก็หมดรัศมี ดุจหิงหอยทั้งหลาย          ในพระอาทิตย ฉะนั้น.เดียรถียเหลานั้น เปนผูปราศจากรัศมีอยางนี้ สรีระเกลื่อนกลนดวยหิด และตอมเล็ก ๆ เปนตน ถึงความเสื่อมอยางยิ่ง ไปหาพระพุทธเจา พระธรรมพระสงฆ และที่ประชุมของมหาชนแลว ยืนคร่ําครวญในระหวางถนนบางในตรอกบาง ในทางสี่แพรงบาง ในสภาบาง รองประการตาง ๆ อยางนี้วาดูกอนผูเจริญ สมณโคดมเทานั้นหรือเปนสมณะ พวกเราไมเปนสมณะ สาวกของพระสมณโคดมเทานั้นเปนสมณะ สาวกแมของพวกเราก็ไมเปนสมณะ ทานที่ใหสมณโคดมและสาวกของสมณโคดมนั้น มีผลมาก ทานที่ใหแกพวกเราไมมีผลมาก สมณโคดมก็เปนสมณะดวย พวกเราก็เปนสมณะดวย สาวกของสมโคดมก็เปนสมณะดวย สาวกของพวกเราก็เปนสมณะดวย ทานที่ใหแกสมโคดมและแกสาวกของสมณโคดมนั้นก็มีผลมากดวย ทานที่ใหแกพวกเราและแกสาวกของพวกเรา ก็มีผลมากดวย มิใชหรือ ทานทั้งหลายจงใหจงทํา
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 15แกสมณโคดมแกสาวกของสมณโคดมนั้นดวย จงใหจงทําแกพวกเราและแกสาวกของพวกเราดวย สมณโคดมอุบัติแลวตลอดวันกอน ๆ มิใชหรือ แตพวกเราเมื่อเกิดขึ้นในโลกเทียว ก็ไดเกิดแลวดังนี้. ลําดับนั้น บริษัทสี่ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไดฟงเสียงของเดียรถียเหลานันแลว กราบ                                                              ้ทูลแดพระผูมีพระภาคเจาวา ขาแตพระองคผูเจริญ เดียรถียทั้งหลาย กลาวคํา                                                            นี้และคํานี้ ดังนี้. พระผูมีพระภาคเจาทรงสดับคํานั้นแลว ตรัสวา ดูกอนภิกษุ                           ทั้งหลาย พวกเธออยาสําคัญวา สมณะมีในที่อื่น ตามคําพวกเดียรถีย เมื่อจะทรงปฏิเสธความเปนสมณะในอัญญเดียรถียทั้งหลาย และเมื่อจะทรงอนุญาตความเปนสมณะในศาสนานี้เทานั้น จึงตรัสพระสูตรแหงความเกิดขึ้นของเรื่องนี้อยางนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น.         ในบทนั้น บทวา อิเธว คือ ในศาสนานี้เทานั้น. ก็ความจํากัดนี้พึงทราบแมในบทที่เหลือ. ก็สมณะทั้งหลายแมมีสมณะที่ ๒ เปนตน ก็มีในศาสนานี้เทานั้น ไมมีในที่อื่น. บทวา สมโณ ไดแก พระโสดาบัน. ดวยเหตุนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะเปนไฉนดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ เพราะสิ้นไปแหงสังโยชนสาม เปนโสดาบัน มีอันไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผูเที่ยง มีการตรัสรูเปนเบื้องหนาดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะ. สกทาคามี ชื่อวา สมณะที่ ๒. ดวยเหตุนั้นแลพระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๒เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้เปนสกทาคามี เพราะสังโยชนสามสิ้นไปเพราะความที่ราคะ โทสะ และโมหะ เบาบางกลับมาสูโลกนี้ ครั้งเดียวเทานั้นก็จะทําที่สุคแหงทุกขได ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะที่ ๒ ดังนี้. พระอนาคามีชื่อวา สมณะที่ ๓. ดวยเหตุนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๓ เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ เพราะ
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16ความสิ้นไปแหงสังโยชนเบื้องต่ํา ๕ อยาง เปนอุปปาติกะ ปรินิพพานในภพนั้น ไมเวียนกลับมาจากโลกนั้น ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะที่ ๓. พระอรหันตชื่อวา สมณะที่ ๔ ดวยเหตุนั้นเเล พระผูมีพระภาคเจา จึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๔ เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ กระทําใหแจงซึ่งเจโตวิมุตติ ปญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลายดวยอภิญญาของตนเอง เขาถึงอยูในทิฏฐธรรมเทียว ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นีสมณะที่ ๔. ทานประสงคเอาสมณะที่ตั้งอยูในผลสี่ในที่นี้เทียว              ้ดวยประการฉะนี้. บทวา สุฺา ไดเเก วาง คือ เปลา. บทวา ปรปฺปวาทาความวา วาทะวาเที่ยง ๔ วาทะ.วาเที่ยงเปนบางสวน ๔ วาทะวามีที่สุดและไมมีที่สุด ๔ วาทะที่หามความไมตาย ๔ วาทะที่เกิดขึ้นเฉพาะ ๒ สัญญีวาทะ ๑๖อสัญญีวาทะ ๘ เนวสญัญีนาสัญญีวาทะ ๘ อุจเฉทวาทะ ๗ ทิฏฐธัมนนิพพานวาทะ ๕ แมทั้งหมดดังกลาวมานี้ มาแลวในพรหมชาลสูตร วาทะของเหลาพาเหียรอื่นจากนี้ ๖๒ ชือวา ปรัปปวาทะ. วาทะเหลานั้น แมทั้งหมด วางเปลา                         ่จากสมณะผูตั้งอยูในผลสี่เหลานี้. ก็วาทะเหลานั้น ไมมีในสมณะนั้น. ก็วาทะเหลานั้นไมมีอยางเดียวก็หาไม แตสูญจากสมณะเหลานั้นนั่นเทียว. อนึง สูญ                                                                     ่จากสมณะแมสิบสองนั่นเทียว คือ จากสมณผูตั้งอยูในมรรคสีบาง จากสมณะ                                                             ่ผูวิปสสกซึ่งปรารภเพื่อประโยชนแกมรรคสี่บาง.         พระผูมีพระภาคเจาทรงหมายถึงเนื้อความนี้นั้นเอง จึงตรัสไวในมหาปรินิพพานสูตรวา             ดูกอนสุภัททะเรามีวัยได ๒๙ ป บวช         แลวตามแสวงหาอะไรเปนกุศล ดูกอน           สุภททะตั้งแตเราบวชแลวได ๕๐ ปเศษ                ั          แมสมณะผูเปนไปในประเทศแหงธรรม
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 17         เปนเครื่องนําออก ไมมในภายนอกแต                                   ี      ธรรมวินัยนี้.สมณะแมที่ ๒ ก็ไมมี สมณะแมที่ ๔ ก็ไมมี ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากสมณะผูรูทั่วถึง. ก็ทานประสงคเอาผูปรารภวิปสสนาวา ปเทสวตฺตี ในมหาปรินิพพานสูตรนั้น. เพราะฉะนั้น พระองคทรงกระทําผูปรารภวิปสสนาเพื่อโสดาปตติมรรคผูตั้งอยูในมรรค ผูตั้งอยูในผล แมทั้ง ๓ ดังกลาวเขาดวยกันแลว ตรัสวา แมสมณะก็ไมมีดังนี้. ทรงกระทําผูปรารภวิปสสนาเพื่อสกทา-คามิมรรคผูตั้งอยูในมรรค ผูตั้งอยูในผล แมทั้ง ๓ ดังกลาวเขาดวยกันตรัสวา สมณะแมที่ ๒ ก็ไมมี. ในบททัง ๒ แมนี้ ก็นัยนี้เชนเดียวกัน. ก็สมณะ                                       ้เหลานั้น ไมมีในลัทธิอื่น เพราะเหตุไร. เพราะลัทธิอื่นนั้นไมมีเขต.ก็เมล็ดผักกาดยอมไมตั้งอยูในปลายเหล็กแหลม ไฟไมลุกโพลงในหลังน้ํา พืชทั้งหลายยอมไมงอกในแผนหิน ฉันใด สมณะเหลานี้ยอมไมเกิดในลัทธิเดียรถียภายนอก ฉันนั้นเหมือนกัน. ในศาสนานี้เทานั้น. เพราะเหตุไร. เพราะศาสนานี้มีเขตดี. ก็ความที่ลัทธิเดียรถียไมมีเขต และความที่ศาสนานี้มีเขตนี้นั้นพึงทราบโดยความไมมี และความมีอริยมรรค. ดวยเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนสุภัททะ มรรคมีองคแปดอันประเสริฐอันบุคคลไมไดในธรรมวินัยใดแล แมสมณะก็ไมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๒ ก็ไมไดในธรรมวินัยนัน สมณะแมที่ ๓ ก็ไมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๔ ก็ไมไดใน             ้ธรรมวินัยนัน ดูกอนสุภัททะ มรรคมีองคแปดอันประเสริฐยอมไดในธรรม               ้วินัยใดแล แมสมณะยอมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๒ ก็ยอมไดในธรรมวินัยนัน ฯลฯ สมณะแมที่ ๔ ก็ยอมไดในธรรมวินัยนัน ดูกอนสุภัททะ                 ้                                           ้มรรคมีองคแปดอันประเสริฐยอมไดในธรรมวินัยนั้นแล ดูกอนสุภัททะ  สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น สมณะที่ ๒ ก็มในศาสนานี้ สมณะที่ ๓ ก็มีใน                                               ี
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 18ศาสนานี้ สมณะที่ ๔ ก็มีในศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่น สูญจากสมณะผูรูทั่วถึง ดังนี้. เพราะลัทธิเดียรถียไมมีเขต ศาสนามีเขตอยางนี้ เพราะฉะนั้นไกสรสีหะมีแสงสวางพราวแพรว เปนพระยาเนื้อ ซึ่งมีเทาหนาและเทาหลังแดงจัด ยอมไมอาศัยอยูในปาชา หรือกองหยากเยื่อ แตเขาไปสูหิมวันตซึ่งกวางสามพันโยชน อยูในถ้ําแกวมณีฉันใด. พระยาชางฉัททันต ยอมไมเกิดในตระกูลชาง ๙ มีตระกูลชางโคจริยะเปนตน แตเกิดในตระกูลชางฉัททันตเทานั้นฉันใด. พระยามาวลาหกไมเกิดในตระกูลลา หรือในตระกูลอูฐ แตเกิดในตระกูลมาสินธพที่ฝงแมน้ําสินธุเทานั้น ฉันใด. มณีรัตนะอันนําความพอใจใหสิ่งของที่ประสงคทุกอยาง ยอมไมเกิดในกองหยากเยื่อ หรือในภูเขา มีภูเขาดินเปนตน ยอมเกิดในระหวางภูเขาวิบุลบรรพตเทานั้นฉันใด. พระยาปลาติมิรมิงคละ ยอมไมเกิดในบอและสระโบกขรณีเล็ก ๆ ยอมเกิดในมหา-สมุทรที่ลึกได ๘๔,๐๐๐ โยชนเทานั้นฉันใด. พระยาครุฑใหญ ๑๕๐ โยชนยอมไมอาศัยอยูในปามีปาละหุงเปนตน ที่ใกลประตูบาน แตบินขามมหาสมุทรแลว อาศัยอยูในสิมพลิทหวันเทานั้นฉันใด. พระยาหงสทองธตรัฏฐะ ไมอาศัยอยูในที่ทั้งหลาย มีบอน้ําเปนตนที่ใกลประตูบาน แตมีหงส ๙๐,๐๐๐ ตัวเปนบริวาร อาศัยอยูในภูเขาจิตตกูฏบรรพตเทานั้นฉันใด. และพระเจาจักร-พรรดิผูเปนใหญในทวีปทั้งสี่ ยอมไมเกิดในตระกูลต่ํา แตยอมเกิดในตระกูลกษัตริยที่ไมเจือปนเทานั้นฉันใด. ในสมณะเหลานี้ แมสมณะหนึ่ง ก็ไมเกิดในลัทธิของอัญญเดียรถีย แตยอมเกิดในพระพุทธศาสนา ซึ่งแวดลอมดวยอริยมรรคเทานั้น ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจาจึง                                                               ตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น ฯลฯ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลา จากสมณะทั้งหลาย ผูรูทวถึง ดังนี้.                                          ั่
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 19         บทวา สมฺมา ในบทวา สมฺมา สีหนาท นทถ นั้น ไดแกโดยเหตุ โดยนัย โดยการณ. บทวา สีหนาท คือ การบันลือที่ประเสริฐที่สุด คือ การบันลือที่ไมนากลัว การบันลือที่ไมติดขัด. ก็เพราะความที่สมณะสี่เหลานี้มีอยูในศาสนานี้เทานั้น การบันลือนี้เปนการบันลือสูงสุด ชื่อวาการบันลือที่ประเสริฐที่สุด. การบันลือของภิกษุผูกลาววา สมณะเหลานี้มีในศาสนานี้เทานั้น ชื่อวา การบันลือที่ไมนากลัว เพราะภัยหรือความหวาดระแวงจากที่อื่นไมมี. การบันลือนี้วาสมณะเหลานี้มีอยูในศาสนาแมของพวกเรา ชื่อวาการบันลือไมติดขัด เพราะความที่บรรดาเจาลัทธิทั้งหลายมีปูรณะเปนตน แมคนหนึ่งก็ไมสามารถเพื่อจะลุกขึ้นกลาวได. ดวยเหตุนั้นทานจึงกลาววา บทวาสีหนาท คือ การบันลือทีประเสริฐที่สุด คือ การบันลือที่ไมนากลัว การ                               ่บันลือที่ไมติดขัด ดังนี้. บทวา าน โข ปเนต วิชฺชติ ความวา ก็การณนี้แลมีอยู. บทวา ย อฺติตฺถิยา คือ พวกอัญญเดียรถีย โดยการณใด. อนึ่ง. พึงทราบติดถะ พึงทราบติตถกร พึงทราบเดียรถีย พึงทราบติดถิยสาวกในที่นี้. ทิฏฐิ ๖๒ อยาง ชื่อวา ติตถะ. ก็สัตวทั้งหลายยอมขามยอมลอยไป ยอมกระทําการผุดขึ้น ดําลงในทานั้น เพราะฉะนั้น จึงเรียกวาติตถะ แปลวา เปนที่ขามของสัตวทั้งหลาย. ความที่ใหทิฏฐิเหลานั้น เกิดขึ้นชื่อวา ติตถกร แปลวา เจาลัทธิ. ผูถือลัทธิของเจาลัทธินั้นแลว บวช ชื่อวาเดียรถีย. ผูใหปจจัยแกเดียรถียเหลานั้น พึงทราบวา ติตถิยสาวก แปลวาสาวกของเดียรถีย. ผูที่ละความผูกพันทางฆราวาสแลว ถึงการบวชชือวา                                                                         ่ปริพาชก. ทีพึ่ง การดํารง การบํารุง ชื่อวา อัสสาสะ เรี่ยวแรง ชื่อวา              ่พละ. บทวา เยน ตุมเฺ ห ความวา พวกเธอจงกลาวอยางนี้ดวยอัสสาสะหรือพละใด. ในบทนี้วา ทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการ อันพระ-                             ผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็น เปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 20ตรัสแลวมีอยู ดังนี้ มีเนื้อความโดยยอดังนี้. พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้นใด บําเพ็ญบารมี ๓๐ ทัด กําจัดกิเลสทั้งปวง ตรัสรูโดยชอบยิ่ง ซึ่งสัมมา-สัมโพธิอันยวดยิ่ง พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรูอาสยานุสัยของสัตวเหลานั้น ๆ ผูเห็นธรรมที่ควรรูทั้งหมด เหมือนมะขามปอมที่วางไวบนฝามือฉะนั้น. อนึง ทรงรูดวยญาณทั้งหลายมีปุพเพนิวาสญาณเปนตน ทรงเห็น              ่ดวยทิพยจักษุ. อนึ่ง ทรงรูดวยวิชชา ๓ หรือ อภิญญา ๖ ทรงเห็นดวยสมันต-จักษุ อันไมติดขัดในที่ทั้งปวง. ทรงรูดวยปญญาอันสามารถที่จะรูธรรมทั้งปวง                                       ทรงเห็นรูปทั้งหลายที่ลวงจักษุวิสัยของสัตวทั้งปวง หรือที่อยูในกําแพงเปนตนดวยมังสจักษุอันหมดจดยิ่ง ทรงรูดวยปฏิเวธปญญาอันเปนปทัฏฐานแหงสมาธิ                                     อันยิ่งประโยชนตนใหสําเร็จ ทรงเห็นดวยเทศนาปญญา อันเปนปทัฏฐานแหงกรุณา อันยังประโยชนคนอื่นใหสําเร็จ. ชื่อวา เปนพระอรหันต เพราะความที่กิเลสอันเปนขาศึกทั้งหลายทรงละไดแลว และเพราะความที่พระองคเปนผูสมควรแกปจจัยเปนตน. ชื่อวา สัมมาสัมพุทธะ เพราะความที่สัจจะทั้งหลายอันพระองคตรัสรูแลวโดยชอบ และดวยพระองคเอง. อนึ่ง ทรงรูธรรมอันประกอบดวยอันตรายทั้งหลาย ทรงเห็นธรรมอันเปนเครื่องนําสัตวออกจากทุกขทั้งหลาย ชื่อวา เปนพระอรหันต เพราะความที่ขาศึกคือกิเลศทั้งหลายอันพระองคละไดแลว ชื่อวา สัมมาสัมพุทธะ เพราะความที่ธรรมทั้งปวงอันพระองคตรัสรูแลว ดวยพระองคเอง อันมหาชนชมเชยแลวดวยอาการ ๔ดวยสามารถแหงเวสารัชชะ ๔ ไดตรัสธรรม ๔ ดวยประการฉะนี้. พวกเราใด เห็นธรรมเหลานี้ในตน จงกลาวอยางนี้ จงอยากลาวถึงการบํารุงชวยเหลือหรือกําลังกายของพระราชาและราชมหาอํามาตยเปนตน. บทวา สตฺถริปสาโท ไดแกความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นแกผูระลึกถึงพุทธคุณโดยนัยมีอาทิวาแมเพราะเหตุนี้ พระผูมพระภาคเจาพระองคนั้น. บทวา ธมฺเม ปสาโท                          ี
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 21ไดแก ความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นแกผูระลึกถึง โดยนัยมีอาทิวา พระธรรมอันพระผูมีพระภาคเจาตรัสไวดีแลว. บทวา สีเลสุ ปริปูรการิตา คือ ความเปนผูกระทําบริบูรณในศีลทังหลายอันพระอริยเจาใครแลว. ศีลหา ชื่อวา อริย-                          ้กันตศีล จริงอยู พระอริยสาวก แมอยูในระหวางภพ แมเมื่อไมรูความที่ตนเปนพระอริยเจา ก็ไมลวงละเมิดศีลหาเหลานั้น ถาจะมีใครพึงกลาวกะอริยสาวกนั้นวา ขอใหทานรับเอาราชสมบัติของพระเจาจักรพรรดิ ทังสิ้นนี้แลว จง                                                               ้ปลงแมลงวันตัวเล็กจากชีวิต ดังนี้. ขอที่พระอริยสาวกจะพึงทําตามคําของผูนั้นนั้นไมเปนฐานะจะมีได. ศีลทั้งหลาย เปนที่ใคร คือ เปนที่รัก เปนที่ชอบใจของพระอริยเจาทั้งหลายดวยประการฉะนี้. ทรงหมายถึงศีลเหลานั้น จึงตรัสวาความเปนผูทําบริบูรณในศีลทั้งหลาย ดังนี้. บทวา สหธมฺมิกา โข ปนไดแก ผูมปกติประพฤติธรรมรวมกัน ๗ พวก นัน คือ ภิกษุ ภิกษุณี             ี                                    ่สิกขมานา สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา. จริงอยู ในสหธรรมจารีเหลานั้น ภิกษุ ชื่อวา ประพฤติธรรมรวมกับภิกษุทั้งหลาย เพราะความเปนผูมีสิกขาเสมอกัน ภิกษุณี ก็ประพฤติธรรมรวมกับภิกษุณีทั้งหลายเชนเดียวกันฯลฯ อุบาสิกา ก็ประพฤติธรรมรวมกับอุบาสิกาทั้งหลาย พระโสดาบันก็ประพฤติธรรมรวมกับพระโสดาบันทั้งหลาย พระสกทาคามีฯลฯ พระอนาคามีก็พระพฤติธรรมรวมกับพระอนาคามีทั้งหลาย เพราะฉะนั้น สหธรรมจารีเหลานั้นทั้งหมดแล เรียกวา สหธัมมิก. อนึ่ง ในที่นี้ ทานประสงคพระ-อริยสาวกอยางเดียว. เพราะพระอริยสาวกเหลานั้น ไมมีความวิวาทในการเห็นมรรคแมในระหวางแหงภพ เพราะฉะนั้น พระอริยสาวกเหลานั้น จึงชื่อวาสหธัมมิก. เพราะมีปกติพระพฤติธรรมอันเดียวกันโดยแท. ทานแสดงความเลื่อมใสที่เกิดแกผูระลึกถึงพระสงฆโดยนัยมีอาทิวา พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา เปนผูปฏิบัติดี ดวยบทนี้. องคทั้งหลายแหงพระโสดาบันสี่เปน
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 22อันทานแสดงแลว ดวยประการเพียงนี้. บทวา อิเม โข โน อาวุโสความวา ดูกอนผูมีอายุ ธรรมสี่เหลานี้อันพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้นตรัสวา เปนความมั่นใจ และเปนกําลังของพวกเรา. พวกเราใด เล็งเห็นธรรมเหลานี้ในตน จงกลาวอยางนี้. ปริพาชกแสดงอางศาสดาทั้งหก มีปูรณกัสสป เปนตน ดวยบทนี้วา ผูใด เปนศาสดาของพวกเรา. ก็บัดนี้มีความรักอันอาศัยเรือนวา อาจารยของพวกเรา อุปชฌายของพวกเรา ในบุคคลทั้งหลายมีอาจารยและอุปชฌายเปนตนในศาสนา โดยประการใด ปริพาชกกลาววา ความเลื่อมใสในศาสดา หมายถึงความรัก เห็นปานนั้น. ก็พระเถระกลาววา เพราะพระศาสดาไมใชเปนของคนเดียว ไมใชเปนของสองคน แตเปนพระศาสดาพระองคเดียวเทานั้น ของโลก พรอมกับเทวโลก เพราะฉะนั้นเดียรถียทั้งหลายไดแบงศาสดาออกเปนแผนก ดวยบทเดียวเทานั้นวา ศาสดาของพวกเรา เปนอันพลาดแลว แพแลวดวยบทนี้เทียว ดังนี้. ก็ในบทวาธมฺเม ปสาโท นี้ ปริพาชกทั้งหลายสําคัญวา ทีฆนิกายของพวกเรามัชฌิมนิกายของพวกเราในศาสนาในบัดนี้ ฉันใด ยอมกลาวหมายถึงความรักอันอาศัยเรือนในปริยัติธรรมของตน ๆ ฉันนั้น. บทวา สีเลสุ คือ ในศีลทั้งหลาย มีศลแพะ ศีลโค ศีลแกะ และศีลสุนัขเปนตน. ปริพาชกทั้งหลาย              ีกลาวหมายถึงความเลื่อมใสวา อิธ ในบทนี้วา อิธ โน อาวุโส ดังนี้.บทวา โก อธิปฺปาโย ไดแก การประกอบขอประสงคอะไร. บทวา ยทิทความวา ปริพาชกทั้งหลายเปนผูมีธุระเสมอกันดํารงอยูดวยถอยคําวา ทานพึงกลาวขอที่กระทําใหตางกันระหวางของพวกทานและของพวกเรานี้ใด ขอนั้นเปนความเลื่อมใสในฐานสี่แมของพวกทาน ชื่อไร ก็เปนความเลื่อมใสในฐานเดียวกันกับของพวกเราดวยมิใชหรือ พวกทานและพวกเราเปนเชนกับพวกเดียวกัน ดุจทองคําที่แตกออกเปน ๒ สวนแลว ฉะนั้น. ลําดับนั้น พระผูมี
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23พระภาคเจา เมื่อจะทรงทําลายความเปนผูมีธุระเสมอกันนั้นของปริพาชกเหลานั้น จึงตรัสวา เอว วาทิโน ดังนี้เปนตน. บรรดาบทเหลานั้น บทวาเอกา นิฏา ความวา พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา พวกเธอจงถามอยางนี้วาความสําเร็จอันเปนที่สุดแหงความเลื่อมใสนั้นใด ความสําเร็จนั้นมีอยางเดียวหรือมีมากอยาง. ก็เพราะชื่อผูบัญญัติความสําเร็จในลัทธินั้น ๆไมมี อสัญญีภพจึงถูกกําหนดอยางนี้วา ก็พรหมโลกเปนของพวกพราหมณ ความสําเร็จ คือความดับมีอยางเดียว อาภัสสราเปนของพวกดาบส สุภกิณหาเปนของพวกปริ-พาชก โดยที่สุดเปนของพวกอาชีวก. ก็อรหัต คือ ความสําเร็จในศาสนานี้.ก็พวกปริพาชกเหลานั้นทั้งหมดยอมกลาววา อรหัตเทานั้น คือความสําเร็จ.อนึ่ง ยอมบัญญัติโลกทั้งหลายมีพรหมโลกเปนตน ดวยอํานาจทิฏฐิ เพราะฉะนั้น จึงบัญญัติความสําเร็จมีอยางเดียวเทานั้นดวยอํานาจแหงลัทธิของตน ๆ.พระผูมีพระภาคเจาเพื่อทรงแสดงความสําเร็จนั้น จึงตรัสวา เมื่อจะพยากรณโดยชอบ ดังนี้เปนตน.        บัดนี้ ครั้นเมื่อความสําเร็จ ๒ อยาง คือ ความสําเร็จมีอยางเดียวในศาสนานี้สําหรับภิกษุทั้งหลายดวย ความสําเร็จมีอยางเดียวสําหรับเดียรถียทั้งหลายดวย ดํารงอยูเหมือนลูกความทั้งหลายฉะนั้น พระผูมีพระภาคเจาเมื่อทรงแสดงวัตรแหงการประกอบเนืองๆ จึงตรัสวา ดูกอนผูมีอายุทั้งหลาย ก็ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีราคะ หรือของผูปราศจากราคะ ดังนี้เปนตน. ในทีนี้  ่เพราะธรรมดาความสําเร็จของผูมีกิเลสทั้งหลายมีผูอันราคะยอมเปนตนไมมีเพราะฉะนั้น จึงทรงแสดงพยากรณโดยนัยมีอาทิวา ดูกอนผูมีอายุทั้งหลาย ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากราคะแกเดียรถียทั้งหลาย ผูเห็นโทษนี้วา ผิวาแมสุนัขบานและสุนัขจิ้งจอกเปนตนจะพึงมีไซร ก็จะพึงมี ดังนี้. บรรดาบทเหลานั้น บทวา วิทฺทสุโน ไดแก บัณฑิต. บทวา อนุรุทฺธปฏิวิรทฺธสฺส ได                                                            ุ
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)

More Related Content

What's hot

Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติEbook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติPanda Jing
 
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายคู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายPanda Jing
 
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑Tongsamut vorasan
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์Sarod Paichayonrittha
 
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑Tongsamut vorasan
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมTongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์Tongsamut vorasan
 
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์Wes Yod
 
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยมังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยTongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒Tongsamut vorasan
 
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑Tongsamut vorasan
 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) Chor Chang
 

What's hot (20)

Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติEbook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
 
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สายคู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย
 
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 32+อังคุตรนิกาย+เอกนิบาต+เล่ม+๑+ภาค+๑
 
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
Tri91 42++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๓
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๔ วินัยปิฎกที่ ๐๔ มหาวรรค ภาค ๑
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
 
ติวOne tsocial
ติวOne tsocialติวOne tsocial
ติวOne tsocial
 
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
Tri91 39+ขุททกนิกาย+ขุททกปาฐะ+เล่ม+๑+ภาค+๑
 
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
Tri91 01+มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๑ (1)
 
Community
CommunityCommunity
Community
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๑ วินัยปิฎกที่ ๐๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๒ วินัยปิฎกที่ ๐๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๓ วินัยปิฎกที่ ๐๓ ภิกขุนีวิภังค์
 
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
อนุสรณ์ ประวัตินายเลิศ ยงยันต์
 
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยมังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
มังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๗ วินัยปิฎกที่ ๐๗ จุลวรรค ภาค ๒
 
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
Tri91 40+ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๑
 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
 

More from Tongsamut vorasan

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒Tongsamut vorasan
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติTongsamut vorasan
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตTongsamut vorasan
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมTongsamut vorasan
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔Tongsamut vorasan
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)Tongsamut vorasan
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯTongsamut vorasan
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018Tongsamut vorasan
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖Tongsamut vorasan
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจTongsamut vorasan
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นTongsamut vorasan
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทTongsamut vorasan
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2Tongsamut vorasan
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 

More from Tongsamut vorasan (20)

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
 

Tri91 18+มัชฌิมนิกาย+มูลปัณณาสก์+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)

  • 1. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 1 พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลมที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนน ั้ สีหนาทวรรค ๑. จูฬสีหนาทสูตร [๑๕๓] ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ พระวิหารเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผูมีพระ-ภาคเจาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแลว. ภิกษุเหลานั้นไดทูลรับสนองพระพุทธพจนแลว. สมณะ ๔ จําพวก [๑๕๔] พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธพจนนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวาง
  • 2. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 2เปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงบันลือสีหนาทโดยชอบอยางนี้ ดวยประการฉะนี้ทีเดียว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เปนฐานะที่จะมีไดแล ที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถียในโลกนี้ พึงกลาวอยางนี้วา อะไรเปนความมั่นใจของพวกทาน อะไรเปนกําลังของพวกทาน พวกทานพิจารณาเห็นในตนดวยประการไร จึงกลาวอยางนี้วา สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียผูมวาทะอยางนี้ อันพวกเธอพึงกลาวตอบอยางนี้วา ทาน ีผูมีอายุทั้งหลายธรรม ๔ ประการ อันพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็นเปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา ตรัสแลว มีอยู ที่พวกเราเห็นธรรมเหลานี้ในตนจึงกลาวอยางนี้วา สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มีในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง ธรรม ๔ อยางเปนไฉน ๔ อยาง คือ ความเลื่อมใสในพระศาสดาของพวกเรา มีอยู ความเลื่อมใสในพระธรรมมีอยู ความกระทําใหบริบูรณในศีล มีอยู ทั้งคฤหัสถและบรรพชิต ผูประพฤติธรรม รวมกัน เปนที่นารัก นาพอใจ มีอยู ดูกอนทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ประการเหลานั้นแล อันพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็น เปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาตรัสแลว ที่พวกเราเล็งเห็นธรรมเหลานี้ในตนจึงกลาวอยางนี้ สมณะมีในพระศาสนานี้เทานั้น สมณะที่สองมีในพระศาสนานี้สมณะที่สามมีในพระศาสนานี้ สมณะที่สี่มในพระศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่น ีวางเปลาจากพระสมณะผูรูทั่วถึง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เปนฐานะที่จะมีไดแล ที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถียพึงกลาวอยางนี้วา ผูมีอายุ ผูใดเปนศาสดาของพวกเรา ความเลื่อมใสในศาสดาแมของพวกเราก็มีอยู คําสอนใดเปนธรรมของ
  • 3. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 3พวกเรา ความเลื่อมใสในธรรมแมของพวกเราก็มีอยู ศีลเหลาใดเปนศีลของพวกเรา แมพวกเราก็กระทําใหบริบูรณในศีลทั้งหลาย ทั้งคฤหัสถและบรรพชิตผูประพฤติธรรมรวมกัน แมของพวกเราก็เปนที่นารัก นาพอใจ. ผูมีอายุในขอเหลานี้อะไรเปนขอที่แปลกกัน อะไรเปนขอประสงค อะไรเปนขอที่การทําใหตางกัน ในระหวางของทานและของเราดังนี้. ดูกอนภิกษุทั้งหลายพวกปริพาชกอัญญเดียรถียผูมวาทะอยางนี้ อันพวกเธอพึงกลาวตอบอยางนี้วา ีผูมีอายุ ความสําเร็จมีอยางเดียวหรือมีมากอยาง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จมีอยางเดียวเทานั้น ไมมีมากอยาง. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ผูมีอายุก็ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีราคะหรือของผูปราศจากราคะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลายพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วาความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากราคะมิใชของผูมีราคะ. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้น เปนของผูมีโทสะหรือของผูปราศจากโทสะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยา-กรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากโทสะ มิใชของผูมีโทสะ.พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีโมหะหรือของผูปราศจากโมหะ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย เมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากโมหะ มิใชของผูมีโมหะ. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีตัณหาหรือของผูปราศจากตัณหา. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากตัณหา มิใชของผูมีตัณหา. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีอุปาทาน หรือของผูไมมีอุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวก
  • 4. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 4ปริพาชกอัญญเดียรถียเมือจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความ- ่สําเร็จนั้นเปนของผูไมมีอุปาทาน มิใชของผูมีอุปาทาน. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูรูแจงหรือของผูไมรูแจง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูรูแจง มิใชของผูไมรูแจง. พวกเธอพึง-กลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดียินรายหรือของผูไมยินดียินราย.ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ปริพาชกอัญญเดียรถีย เมือจะพยากรณโดยชอบ พึง ่พยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูไมยินดียินราย มิใชของผูยินดียินราย. พวกเธอพึงกลาวอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี หรือของผูยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกปริพาชกอัญญเดียรถียเมื่อจะพยากรณโดยชอบ พึงพยากรณอยางนี้วา ความสําเร็จนั้นเปนของผูยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี มิใชของผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี. ทิฐิ ๒ [๑๕๕] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ คือ ภวทิฐิ และวิภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณเลาใดเหลาหนึ่งเปนผูแอบอิงภวทิฐิเขาถึงภวทิฐิ หยั่งลงสูภวทิฐิ สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ชื่อวาเปนผูยินรายตอวิภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่ง เปนผูแอบอิงวิภวทิฐิเขาถึงวิภวทิฐิ หยั่งลงสูวิภวทิฐิ สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ชื่อวาเปนผูยินรายตอภวทิฐิ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่ง ยอมไมรูทั่วถึงความเกิด ความดับ คุณ โทษ
  • 5. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 5และการถายถอนแหงทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ตามความเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ยังมีราคะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ ยังมีตัณหา ยังมีอุปาทาน ไมใชผูรูแจง ยังยินดีและยินราย เปนผูยินดีในความเนิ่นชา มีความเนิ่นชาเปนที่มายินดี พวกเขายอมไมหลุดพนจากชาติ ชรา มรณะ ความโศก ความร่ําไรทุกขกาย ทุกขใจ และความคับแคนทั้งหลาย เรากลาววา ยอมไมหลุดพนไปจากทุกข สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหนึ่งยอมรูทั่วถึงความเกิดความ-ดับ คุณ โทษ และการถายถอนแหงทิฐิ ๒ อยางเหลานี้ ตามความเปนจริงสมณะหรือพราหมณเหลานั้น เปนผูปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากตัณหา ปราศจากอุปาทาน เปนผูรูแจง เปนผูไมยินดีและยินราย มีความยินดีในความไมเนิ่นชา มีความไมเนิ่นชาเปนที่มายินดี พวกเขายอมหลุดพนจากชาติ ชรา มรณะ ความโศก ความร่ําไร ทุกขกายทุกขใจ และความคับแคนทั้งหลาย เรากลาววา ยอนหลุดพนไปจากทุกข. อุปาทาน ๔ [๑๕๖] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อุปาทาน ๔ อยางเหลานี้ ๔ อยางเปนไฉน คือ กามุปาทาน ทิฏุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน. ดูกอน ภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่งปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยางแตพวกเขายอมไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ ยอมบัญญัติความรอบรูกามุปาทานไมบัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน ขอนั้นเพราะเหตุอะไรเพราะสมณพราหมณเหลานั้นรูไมทั่วถึงฐานะ ๓ ประการเหลานี้ ตามความเปนจริง เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงมีลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน ไม
  • 6. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 6บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่งปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทานไมบัญญัติความรอบรูสีลพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน ัขอนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะสมณพราหมณเหลานั้นไมรูทั่วถึงฐานะ ๒ ประการเหลานี้ ตามความเปนจริง เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบคือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอน ภิกษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่ง ปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยางแตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน. บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน บัญญัตดวามรอบรูสีลัพ- ิพตุปาทาน ไมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน ขอนั้นเพราะเหตุอะไรเพราะสมณพราหมณเหลานั้นไมรูทั่วถึงฐานะอยางหนึ่งนี้ เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงปฏิญาณลัทธิวารอบรูอุปาทานทุกอยาง แตพวกเขาไมบัญญัติความรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ บัญญัติความรอบรูกามุปาทาน บัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน บัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ไมบัญญัติความรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในศาสดาใด ความเลื่อมใสนั้น เราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความเลื่อมใสในธรรมใด ความเลื่อมใสนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความกระทําใหบริบูรณในศีลใด ขอนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ความเปนที่รักและนาพอใจในหมูสหธรรมิกใดขอนั้นเราไมกลาววาไปแลวโดยชอบ ในธรรมวินัยเห็นปานนี้แล ขอนั้นเพราะ
  • 7. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 7เหตุอะไร ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เพราะขอนั้นเปนความเลื่อมใสในธรรมวินัยที่ศาสดากลาวชั่วแลว ประกาศชั่วแลว มิใชสภาพนําออกจากทุกข ไมเปนไปเพื่อความสงบ มิใชอันผูรูเองโดยชอบประกาศไว. [๑๕๗] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาเทานั้นแล เปนผูมีวาทะรอบรูอุปาทานทุกอยาง ปฏิญาณอยู ยอมบัญญัตความ ิรอบรูอุปาทานทุกอยางโดยชอบ คือ ยอมบัญญัติความรอบรูกามุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูทิฏุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูสีลัพพตุปาทาน ยอมบัญญัติความรอบรูอัตตวาทุปาทาน. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในศาสดาใด ความเลื่อมใสนั้น เรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความเลื่อมใสในธรรมใด ความเลื่อมใสนั้น เรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความกระทําใหบริบูรณในศีลใด ขอนั้นเรากลาววาไปแลวโดยชอบ ความเปนที่รักและนาพอใจในหมูสหธรรมิกใด ขอนั้นเรากลาววาไปแลวโดยชอบ ในพระธรรมวินัยเห็นปานนี้แล ขอนั้นเพราะเหตุอะไร ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เพราะขอนั้นเปนความเลื่อมใสในธรรมวินัยอันศาสดากลาวดีแลว ประกาศดีแลว เปนสภาพนําออกจากทุกข เปนไปเพื่อความสงบ อันทานผูรูเองโดยชอบ ประกาศแลว. ตัณหาเปนเหตุเกิดอุปาทาน [๑๕๘] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุปาทาน ๔ เหลานี้ มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. อุปาทาน๔ เหลานี้ มีตัณหาเปนตนเหตุ มีตัณหาเปนเหตุเกิด มีตัณหาเปนกําเนิด มีตัณหาเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ตัณหานี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มี อะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. ตัณหามีเวทนาเปนตนเหตุ มีเวทนาเปนเหตุเกิด มีเวทนาเปนกําเนิด มีเวทนาเปนแดนเกิด.
  • 8. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 8ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เวทนานี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิดมีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. เวทนามีผัสสะเปนตนเหตุ มีผัสสะเปนเหตุเกิด มีผัสสะเปนกําเนิด มีผัสสะเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลายผัสสะนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. ผัสสะมีสฬายตนะเปนตนเหตุ มีสฬายตนะเปนเหตุเกิด มีสฬายตนะเปนกําเนิด มีสฬายตนะเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สฬาย-ตนะนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. สฬายตนะมีนามรูปเปนตนเหตุ มีนามรูปเปนเหตุเกิดมีนามรูปเปนกําเนิด มีนามรูปเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลายนามรูปนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. นามรูปมีวิญญาณเปนตนเหตุ มีวิญญาณเปนเหตุเกิดมีวิญญาณเปนกําเนิด มีวิญญาณเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ นี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิด. วิญญาณมีสังขารเปนตนเหตุ มีสังขารเปนเหตุเกิด มีสังขารเปนกําเนิด มีสังขารเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สังขารนี้เลา มีอะไรเปนตนเหตุ มีอะไรเปนเหตุเกิด มีอะไรเปนกําเนิด มีอะไรเปนแดนเกิดสังขารมีอวิชชาเปนตนเหตุ มีอวิชชาเปนเหตุเกิด มีอวิชชาเปนกําเนิด มีอวิชชาเปนแดนเกิด. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ภิกษุละอวิชชาไดแลว วิชชาเกิดขึ้นแลว เมื่อนั้น ภิกษุนั้น เพราะสํารอกอวิชชาเสียได เพราะวิชชาบังเกิดขึ้น ยอมไมถือมั่นกามุปาทาน ยอมไมถือมั่นทิฏุปาทาน. ยอมไมถือมั่นสีลัพพตุปาทาน ยอมไมถอมั่นอัตตวาทุปาทาน เมื่อไมถือมั่น ยอมไมสะดุง ืเมื่อไมสะดุง ยอมปรินิพพานเฉพาะตนนั่นเทียว เธอยอมรูชัดวา ชาติสิ้นแลว
  • 9. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 9พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ควรทํา ทําเสร็จแลว กิจอื่นเพื่อความเปนอยางนี้มิไดมี ดังนี้ พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธพจนนี้แลว ภิกษุเหลานั้นมีใจชื่นชมยินดี ภาษิตของพระผูมีพระภาคเจา แลวแล. จบ จูฬสีหนาทสูตร ที่ ๑
  • 10. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10 อรรถกถามัชฌิมนิกาย ชื่อ ปปญจสูทนี พรรณนามูลปณณาสก ภาคที่ ๒ พรรณนาสีหนาทวรรค อรรกถาจุลลสีหนาทสูตร ๑ จุลลสีหนาทสูตร มีคําเริ่มตนวา ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ :- ก็เพราะจุลลสีหนาทสูตรนั้น มีการสรุปถึงความอุบัติของเรื่อง เพราะฉะนั้น ขาพเจาแสดงการสรุปนั้นแลว จักทําการพรรณนาบทโดยไมตามลําดับแหงจุลลสีหนาทสูตรนั้น. ก็เรื่องนี้ไดยกขึ้นกลาวในความอุบัติของเรื่องอะไร.ในเรื่องที่เดียรถียคร่ําครวญ เพราะลาภสักการะเปนปจจัย. ไดยินวา ลาภ-สักการะใหญไดบังเกิดขึ้นแลวแกพระผูมีพระภาคเจา โดยนัยที่กลาวแลวในธัม-มทายาทสูตร. ก็โลกสันนิวาสนี้มีประมาณ ๔ ดํารงอยูแลวโดย ๔ อยาง ดวยอํานาจแหงบุคคลเหลานี้คือ บุคคลผูมีประมาณในรูป เลื่อมใสในรูป มีประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง มีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศรา-หมอง มีประมาณในธรรม เสื่อมใสในธรรม. ขอการทําใหตางกันของบุคคลเหลานั้นดังนี้. ก็บุคคลผูมีประมาณในรูป เลื่อมใสในรูปเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เห็นความเจริญขึ้น หรือเห็นความเจริญเต็มที่ เห็นความบริบูรณหรือเห็นทรวดทรง ถือประมาณในรูปนั้นแลว ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้นบาลี. จูฬสีหนาทสุตฺต
  • 11. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 11นี้เรียกวาบุคคลผูมีประมาณในรูป เลือมใสในรูป. ก็บุคคลผูมประมาณในเสียง ่ ีเลื่อมใสในเสียงเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนีถือประมาณในเสียงนั้น ดวย ้การพรรณนาของคนอื่น ดวยการชมเชยของคนอื่น ดวยการสรรเสริญของคนอื่น ดวยคนผูนําคุณของคนอื่นแลวยังความเสื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวาบุคคลผูมีประมาณในเสียง เลื่อมใสในเสียง. ก็บุคคลผูมีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศราหมองเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เห็นความเศราหมองในจีวร หรือเห็นความเศราหมองในบาตร หรือเห็นความเศราหมองในเสนาสนะ หรือเห็นการบําเพ็ญทุกกรกิริยาตาง ๆ แลว ถือประ-มาณในความเศราหมองนั้น ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวา บุคคลผูมีประมาณในความเศราหมอง เลื่อมใสในความเศราหมอง. ก็บุคคลผูมีประมาณในธรรม เลื่อมใสในธรรมเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เห็นศีล หรือเห็นสมาธิ หรือเห็นปญญาแลว ถือประมาณในธรรมนั้น ยังความเลื่อมใสใหเกิดขึ้น นี้เรียกวา บุคคลผูมีประมาณในธรรม เลือมใสในธรรม. ่ ในบุคคล ๔ พวกนี้ ฝายบุคคลมีประมาณในรูปเห็นความเจริญขึ้นและความเจริญเต็มที่ ทรวดทรง ความบริบูรณของพระผูมีพระภาคเจา ทรงมีพระฉวีวรรณสวยงาม ดุจวิจิตรดวยรัตนะตาง ๆ เพราะประดับประดาดวยอนุ-พยัญชนะ ๘๐ อยาง ดุจแผนใหญแหงทองคําอันรุงเรืองดวยหมูดาว เพราะเกลื่อนกลนดวยมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และดุจทองฟาอันแจมจํารัสโดยประการทั้งปวงฉะนั้น มีพระสรีระหาที่เปรียบมิได มีปาริฉัตรสูงรอยโยชนมีพระสิริแวดลอมดวยรัศมีประมาณหนึ่งวา สูงสิบแปดศอกแลว เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. ฝายบุคคลมีประมาณในเสียง ไดฟงเสียงที่เปนไปแลวแหงพระผูมีพระ-ภาคเจา โดยนัยเปนตนวา ตลอดสีอสงไขย ยิงดวยแสนกัป พระองคทรง ่ ่
  • 12. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 12บําเพ็ญบารมีสิบ อุปปารมีสิบ ปรมัตถปารมีสิบ ทรงกระทําอังคบริจาค บุตรทารบริจาค รัชชบริจาค ธนบริจาค และนัยนบริจาคแลวเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. ฝายบุคคลมีประมาณในความเศราหมอง เห็นความเศราหมองในจีวรของพระผูมีพระภาคเจาแลว คิดวา ถาพระผูมีพระภาคเจาอยูครองสมบัติ ก็จักทรงแตผาที่ทําจากเมืองกาลีเทานั้น แตพระองคครั้นทรงผนวชแลว ทรงยินดีดวยจีวรบังสุกุลอันทําดวยปาน ทรงกระทําการหนัก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. เห็นแมความเศราหมองในบาตรแลว คิดวาพระผูมีพระภาคเจาพระองคนี้ เมื่อทรงครองเรือนไดเสวยโภชนะแหงขาวสาลีอันมีกลิ่นหอม สมควรแกโภชนะของพระเจาจักรพรรดิ ในภาชนะทองคําอันประเสริฐสีแดง แตครั้นทรงผนวชแลวทรงถือบาตรหิน เสด็จบิณฑบาตตามตรอกในประตูของตระกูลสูง ทรงยินดีดวยกอนขาวที่ไดแลว กระทํากิจหนักดังนี้ ยอมเลือมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. แมไดเห็นความเศราหมอง ่ในเสนาสนะแลว คิดวา พระผูมีพระภาคเจาพระองคนี้ เมื่อทรงครองเรือนมีนางฟอน ๓ พวกเปนบริวาร เสวยราชสิริ ดุจสมบัติทิพในปราสาททั้ง ๓อันสมควรแกฤดูทั้ง ๓ บัดนี้ ทรงผนวชแลว ทรงยินดีดวยวัตถุ มีกระดานไมแผนศิลาและเตียงไมไผ เปนตน ในรุกขมูลและเสนาสนะเปนตน ทรงกระทําการหนัก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. แมไดเห็นการบําเพ็ญทุกกรกิริยาของพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้นแลว คิดวา พระผูมีพระ-ภาคเจาทรงยังชีพใหเปนไปดวยวัตถุ มี น้ําตมถั่วเขียว น้ําตมถั่วพู และน้ํา-ตมหเรณุ เปนตน เพียงฟายมือ ๆ จักเจริญฌานอันไมมีประมาณ ไมทรงหวงใยในสรีระและชีวิตอยูตลอดหกป โอ พระผูมีพระภาคเจาทรงกระทํากิจที่ทําไดยาก ดังนี้ ยอมเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว.
  • 13. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 13 ฝายบุคคลมีประมาณในธรรม เห็นศีลคุณ สมาธิคุณ ปญญาคุณฌานวิโมกข สมาธิสมบัติ สัมปทา ความบริบูรณแหงอภิญญา ยมกปาฏิหาริยเทโวโรหณะ และความอัศจรรยหลายประการ มีการทรมานปาฏิกบุตรเปนตนของพระผูมีพระภาคเจาแลว ยอมเลือมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจานั้นเทียว. ่ บุคคลเหลานั้น เลื่อมใสอยางนี้แลว ยอมนําลาภสักการะใหญถวายแดพระผูมีพระภาคเจา แตลาภสักการะของเดียรถียทั้งหลายก็เสื่อมไป ดุจกาในพาเวรุชาดก. เหมือนอยางทานกลาววา นางนกยูงรองเสียงไพเราะ เพราะ ไมเห็นนกยูง จึงบูชากาในพาเวรุนั้น ดวยเนื้อและผลไม ก็ในกาลใด นกยูงที่ ถึงพรอมดวยเสียงสูพาเวรุ ในกาลนั้น ลาภและสักการะของกาก็เสื่อมไป ในกาล ใด พระพุทธเจาผูธรรมราชา ทรงกระทํา แสงสวางยังไมอุบัติขึ้น ในกาลนั้น ชนอืน่ เปนอันมาก ไดบูชาสมณพราหมณทั้ง หลาย แตในกาลใด พระพุทธเจาทรงถึง พรอมดวยเสียง ทรงแสดงธรรม ในกาล นั้น ลาภและสักการะของเดียรถียทั้งหลาย ก็เสื่อมไป. เดียรถียเหลานั้น เสื่อมจากลาภและสักการะอยางนี้แลว แมจะยังราตรีใหสวางเพียงหนึ่งนิ้ว สองนิ้ว ก็เปนผูเสื่อมจากรัศมี ดุจหิงหอยทั้งหลายในเวลาพระอาทิตยขึ้นฉะนั้น.
  • 14. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 14 หิงหอยทั้งหลายยอมแสดงออกซึ่ง แสงในราตรีขางแรม ก็นนเปนนิสัยของ ั้ หิงหอยเหลานัน ในเวลาใด พระอาทิตย ้ ที่ถงพรอมดวยรัศมีขึ้นอยู ในเวลานั้น ึ แสงของหมูหิงหอยทั้งหลายก็หายไปฉันใด  แมเดียรถียทั้งหลายในโลกนี้ สวนมาก เปนเชนกับหิงหอยฉันนั้น ยอมแสดงคุณ ตนในโลกที่เปรียบเหมือนขางแรม แตใน เวลาใด พระพุทธเจามีรัศมีหาที่เปรียบ มิได อุบัติขึ้นในโลก ในเวลานั้น เดียรถีย ทั้งหลายก็หมดรัศมี ดุจหิงหอยทั้งหลาย ในพระอาทิตย ฉะนั้น.เดียรถียเหลานั้น เปนผูปราศจากรัศมีอยางนี้ สรีระเกลื่อนกลนดวยหิด และตอมเล็ก ๆ เปนตน ถึงความเสื่อมอยางยิ่ง ไปหาพระพุทธเจา พระธรรมพระสงฆ และที่ประชุมของมหาชนแลว ยืนคร่ําครวญในระหวางถนนบางในตรอกบาง ในทางสี่แพรงบาง ในสภาบาง รองประการตาง ๆ อยางนี้วาดูกอนผูเจริญ สมณโคดมเทานั้นหรือเปนสมณะ พวกเราไมเปนสมณะ สาวกของพระสมณโคดมเทานั้นเปนสมณะ สาวกแมของพวกเราก็ไมเปนสมณะ ทานที่ใหสมณโคดมและสาวกของสมณโคดมนั้น มีผลมาก ทานที่ใหแกพวกเราไมมีผลมาก สมณโคดมก็เปนสมณะดวย พวกเราก็เปนสมณะดวย สาวกของสมโคดมก็เปนสมณะดวย สาวกของพวกเราก็เปนสมณะดวย ทานที่ใหแกสมโคดมและแกสาวกของสมณโคดมนั้นก็มีผลมากดวย ทานที่ใหแกพวกเราและแกสาวกของพวกเรา ก็มีผลมากดวย มิใชหรือ ทานทั้งหลายจงใหจงทํา
  • 15. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 15แกสมณโคดมแกสาวกของสมณโคดมนั้นดวย จงใหจงทําแกพวกเราและแกสาวกของพวกเราดวย สมณโคดมอุบัติแลวตลอดวันกอน ๆ มิใชหรือ แตพวกเราเมื่อเกิดขึ้นในโลกเทียว ก็ไดเกิดแลวดังนี้. ลําดับนั้น บริษัทสี่ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไดฟงเสียงของเดียรถียเหลานันแลว กราบ ้ทูลแดพระผูมีพระภาคเจาวา ขาแตพระองคผูเจริญ เดียรถียทั้งหลาย กลาวคํา นี้และคํานี้ ดังนี้. พระผูมีพระภาคเจาทรงสดับคํานั้นแลว ตรัสวา ดูกอนภิกษุ ทั้งหลาย พวกเธออยาสําคัญวา สมณะมีในที่อื่น ตามคําพวกเดียรถีย เมื่อจะทรงปฏิเสธความเปนสมณะในอัญญเดียรถียทั้งหลาย และเมื่อจะทรงอนุญาตความเปนสมณะในศาสนานี้เทานั้น จึงตรัสพระสูตรแหงความเกิดขึ้นของเรื่องนี้อยางนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น. ในบทนั้น บทวา อิเธว คือ ในศาสนานี้เทานั้น. ก็ความจํากัดนี้พึงทราบแมในบทที่เหลือ. ก็สมณะทั้งหลายแมมีสมณะที่ ๒ เปนตน ก็มีในศาสนานี้เทานั้น ไมมีในที่อื่น. บทวา สมโณ ไดแก พระโสดาบัน. ดวยเหตุนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะเปนไฉนดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ เพราะสิ้นไปแหงสังโยชนสาม เปนโสดาบัน มีอันไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผูเที่ยง มีการตรัสรูเปนเบื้องหนาดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะ. สกทาคามี ชื่อวา สมณะที่ ๒. ดวยเหตุนั้นแลพระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๒เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้เปนสกทาคามี เพราะสังโยชนสามสิ้นไปเพราะความที่ราคะ โทสะ และโมหะ เบาบางกลับมาสูโลกนี้ ครั้งเดียวเทานั้นก็จะทําที่สุคแหงทุกขได ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะที่ ๒ ดังนี้. พระอนาคามีชื่อวา สมณะที่ ๓. ดวยเหตุนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๓ เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ เพราะ
  • 16. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16ความสิ้นไปแหงสังโยชนเบื้องต่ํา ๕ อยาง เปนอุปปาติกะ ปรินิพพานในภพนั้น ไมเวียนกลับมาจากโลกนั้น ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นี้สมณะที่ ๓. พระอรหันตชื่อวา สมณะที่ ๔ ดวยเหตุนั้นเเล พระผูมีพระภาคเจา จึงตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๔ เปนไฉน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ กระทําใหแจงซึ่งเจโตวิมุตติ ปญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลายดวยอภิญญาของตนเอง เขาถึงอยูในทิฏฐธรรมเทียว ดูกอนภิกษุทั้งหลาย นีสมณะที่ ๔. ทานประสงคเอาสมณะที่ตั้งอยูในผลสี่ในที่นี้เทียว ้ดวยประการฉะนี้. บทวา สุฺา ไดเเก วาง คือ เปลา. บทวา ปรปฺปวาทาความวา วาทะวาเที่ยง ๔ วาทะ.วาเที่ยงเปนบางสวน ๔ วาทะวามีที่สุดและไมมีที่สุด ๔ วาทะที่หามความไมตาย ๔ วาทะที่เกิดขึ้นเฉพาะ ๒ สัญญีวาทะ ๑๖อสัญญีวาทะ ๘ เนวสญัญีนาสัญญีวาทะ ๘ อุจเฉทวาทะ ๗ ทิฏฐธัมนนิพพานวาทะ ๕ แมทั้งหมดดังกลาวมานี้ มาแลวในพรหมชาลสูตร วาทะของเหลาพาเหียรอื่นจากนี้ ๖๒ ชือวา ปรัปปวาทะ. วาทะเหลานั้น แมทั้งหมด วางเปลา ่จากสมณะผูตั้งอยูในผลสี่เหลานี้. ก็วาทะเหลานั้น ไมมีในสมณะนั้น. ก็วาทะเหลานั้นไมมีอยางเดียวก็หาไม แตสูญจากสมณะเหลานั้นนั่นเทียว. อนึง สูญ ่จากสมณะแมสิบสองนั่นเทียว คือ จากสมณผูตั้งอยูในมรรคสีบาง จากสมณะ ่ผูวิปสสกซึ่งปรารภเพื่อประโยชนแกมรรคสี่บาง. พระผูมีพระภาคเจาทรงหมายถึงเนื้อความนี้นั้นเอง จึงตรัสไวในมหาปรินิพพานสูตรวา ดูกอนสุภัททะเรามีวัยได ๒๙ ป บวช แลวตามแสวงหาอะไรเปนกุศล ดูกอน สุภททะตั้งแตเราบวชแลวได ๕๐ ปเศษ ั แมสมณะผูเปนไปในประเทศแหงธรรม
  • 17. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 17 เปนเครื่องนําออก ไมมในภายนอกแต ี ธรรมวินัยนี้.สมณะแมที่ ๒ ก็ไมมี สมณะแมที่ ๔ ก็ไมมี ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลาจากสมณะผูรูทั่วถึง. ก็ทานประสงคเอาผูปรารภวิปสสนาวา ปเทสวตฺตี ในมหาปรินิพพานสูตรนั้น. เพราะฉะนั้น พระองคทรงกระทําผูปรารภวิปสสนาเพื่อโสดาปตติมรรคผูตั้งอยูในมรรค ผูตั้งอยูในผล แมทั้ง ๓ ดังกลาวเขาดวยกันแลว ตรัสวา แมสมณะก็ไมมีดังนี้. ทรงกระทําผูปรารภวิปสสนาเพื่อสกทา-คามิมรรคผูตั้งอยูในมรรค ผูตั้งอยูในผล แมทั้ง ๓ ดังกลาวเขาดวยกันตรัสวา สมณะแมที่ ๒ ก็ไมมี. ในบททัง ๒ แมนี้ ก็นัยนี้เชนเดียวกัน. ก็สมณะ ้เหลานั้น ไมมีในลัทธิอื่น เพราะเหตุไร. เพราะลัทธิอื่นนั้นไมมีเขต.ก็เมล็ดผักกาดยอมไมตั้งอยูในปลายเหล็กแหลม ไฟไมลุกโพลงในหลังน้ํา พืชทั้งหลายยอมไมงอกในแผนหิน ฉันใด สมณะเหลานี้ยอมไมเกิดในลัทธิเดียรถียภายนอก ฉันนั้นเหมือนกัน. ในศาสนานี้เทานั้น. เพราะเหตุไร. เพราะศาสนานี้มีเขตดี. ก็ความที่ลัทธิเดียรถียไมมีเขต และความที่ศาสนานี้มีเขตนี้นั้นพึงทราบโดยความไมมี และความมีอริยมรรค. ดวยเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ดูกอนสุภัททะ มรรคมีองคแปดอันประเสริฐอันบุคคลไมไดในธรรมวินัยใดแล แมสมณะก็ไมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๒ ก็ไมไดในธรรมวินัยนัน สมณะแมที่ ๓ ก็ไมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๔ ก็ไมไดใน ้ธรรมวินัยนัน ดูกอนสุภัททะ มรรคมีองคแปดอันประเสริฐยอมไดในธรรม ้วินัยใดแล แมสมณะยอมไดในธรรมวินัยนั้น สมณะแมที่ ๒ ก็ยอมไดในธรรมวินัยนัน ฯลฯ สมณะแมที่ ๔ ก็ยอมไดในธรรมวินัยนัน ดูกอนสุภัททะ ้ ้มรรคมีองคแปดอันประเสริฐยอมไดในธรรมวินัยนั้นแล ดูกอนสุภัททะ สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น สมณะที่ ๒ ก็มในศาสนานี้ สมณะที่ ๓ ก็มีใน ี
  • 18. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 18ศาสนานี้ สมณะที่ ๔ ก็มีในศาสนานี้ ลัทธิของศาสดาอื่น สูญจากสมณะผูรูทั่วถึง ดังนี้. เพราะลัทธิเดียรถียไมมีเขต ศาสนามีเขตอยางนี้ เพราะฉะนั้นไกสรสีหะมีแสงสวางพราวแพรว เปนพระยาเนื้อ ซึ่งมีเทาหนาและเทาหลังแดงจัด ยอมไมอาศัยอยูในปาชา หรือกองหยากเยื่อ แตเขาไปสูหิมวันตซึ่งกวางสามพันโยชน อยูในถ้ําแกวมณีฉันใด. พระยาชางฉัททันต ยอมไมเกิดในตระกูลชาง ๙ มีตระกูลชางโคจริยะเปนตน แตเกิดในตระกูลชางฉัททันตเทานั้นฉันใด. พระยามาวลาหกไมเกิดในตระกูลลา หรือในตระกูลอูฐ แตเกิดในตระกูลมาสินธพที่ฝงแมน้ําสินธุเทานั้น ฉันใด. มณีรัตนะอันนําความพอใจใหสิ่งของที่ประสงคทุกอยาง ยอมไมเกิดในกองหยากเยื่อ หรือในภูเขา มีภูเขาดินเปนตน ยอมเกิดในระหวางภูเขาวิบุลบรรพตเทานั้นฉันใด. พระยาปลาติมิรมิงคละ ยอมไมเกิดในบอและสระโบกขรณีเล็ก ๆ ยอมเกิดในมหา-สมุทรที่ลึกได ๘๔,๐๐๐ โยชนเทานั้นฉันใด. พระยาครุฑใหญ ๑๕๐ โยชนยอมไมอาศัยอยูในปามีปาละหุงเปนตน ที่ใกลประตูบาน แตบินขามมหาสมุทรแลว อาศัยอยูในสิมพลิทหวันเทานั้นฉันใด. พระยาหงสทองธตรัฏฐะ ไมอาศัยอยูในที่ทั้งหลาย มีบอน้ําเปนตนที่ใกลประตูบาน แตมีหงส ๙๐,๐๐๐ ตัวเปนบริวาร อาศัยอยูในภูเขาจิตตกูฏบรรพตเทานั้นฉันใด. และพระเจาจักร-พรรดิผูเปนใหญในทวีปทั้งสี่ ยอมไมเกิดในตระกูลต่ํา แตยอมเกิดในตระกูลกษัตริยที่ไมเจือปนเทานั้นฉันใด. ในสมณะเหลานี้ แมสมณะหนึ่ง ก็ไมเกิดในลัทธิของอัญญเดียรถีย แตยอมเกิดในพระพุทธศาสนา ซึ่งแวดลอมดวยอริยมรรคเทานั้น ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจาจึง ตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในศาสนานี้เทานั้น ฯลฯ ลัทธิของศาสดาอื่นวางเปลา จากสมณะทั้งหลาย ผูรูทวถึง ดังนี้. ั่
  • 19. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 19 บทวา สมฺมา ในบทวา สมฺมา สีหนาท นทถ นั้น ไดแกโดยเหตุ โดยนัย โดยการณ. บทวา สีหนาท คือ การบันลือที่ประเสริฐที่สุด คือ การบันลือที่ไมนากลัว การบันลือที่ไมติดขัด. ก็เพราะความที่สมณะสี่เหลานี้มีอยูในศาสนานี้เทานั้น การบันลือนี้เปนการบันลือสูงสุด ชื่อวาการบันลือที่ประเสริฐที่สุด. การบันลือของภิกษุผูกลาววา สมณะเหลานี้มีในศาสนานี้เทานั้น ชื่อวา การบันลือที่ไมนากลัว เพราะภัยหรือความหวาดระแวงจากที่อื่นไมมี. การบันลือนี้วาสมณะเหลานี้มีอยูในศาสนาแมของพวกเรา ชื่อวาการบันลือไมติดขัด เพราะความที่บรรดาเจาลัทธิทั้งหลายมีปูรณะเปนตน แมคนหนึ่งก็ไมสามารถเพื่อจะลุกขึ้นกลาวได. ดวยเหตุนั้นทานจึงกลาววา บทวาสีหนาท คือ การบันลือทีประเสริฐที่สุด คือ การบันลือที่ไมนากลัว การ ่บันลือที่ไมติดขัด ดังนี้. บทวา าน โข ปเนต วิชฺชติ ความวา ก็การณนี้แลมีอยู. บทวา ย อฺติตฺถิยา คือ พวกอัญญเดียรถีย โดยการณใด. อนึ่ง. พึงทราบติดถะ พึงทราบติตถกร พึงทราบเดียรถีย พึงทราบติดถิยสาวกในที่นี้. ทิฏฐิ ๖๒ อยาง ชื่อวา ติตถะ. ก็สัตวทั้งหลายยอมขามยอมลอยไป ยอมกระทําการผุดขึ้น ดําลงในทานั้น เพราะฉะนั้น จึงเรียกวาติตถะ แปลวา เปนที่ขามของสัตวทั้งหลาย. ความที่ใหทิฏฐิเหลานั้น เกิดขึ้นชื่อวา ติตถกร แปลวา เจาลัทธิ. ผูถือลัทธิของเจาลัทธินั้นแลว บวช ชื่อวาเดียรถีย. ผูใหปจจัยแกเดียรถียเหลานั้น พึงทราบวา ติตถิยสาวก แปลวาสาวกของเดียรถีย. ผูที่ละความผูกพันทางฆราวาสแลว ถึงการบวชชือวา  ่ปริพาชก. ทีพึ่ง การดํารง การบํารุง ชื่อวา อัสสาสะ เรี่ยวแรง ชื่อวา ่พละ. บทวา เยน ตุมเฺ ห ความวา พวกเธอจงกลาวอยางนี้ดวยอัสสาสะหรือพละใด. ในบทนี้วา ทานผูมีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการ อันพระ- ผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรู ผูเห็น เปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา
  • 20. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 20ตรัสแลวมีอยู ดังนี้ มีเนื้อความโดยยอดังนี้. พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้นใด บําเพ็ญบารมี ๓๐ ทัด กําจัดกิเลสทั้งปวง ตรัสรูโดยชอบยิ่ง ซึ่งสัมมา-สัมโพธิอันยวดยิ่ง พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ผูรูอาสยานุสัยของสัตวเหลานั้น ๆ ผูเห็นธรรมที่ควรรูทั้งหมด เหมือนมะขามปอมที่วางไวบนฝามือฉะนั้น. อนึง ทรงรูดวยญาณทั้งหลายมีปุพเพนิวาสญาณเปนตน ทรงเห็น ่ดวยทิพยจักษุ. อนึ่ง ทรงรูดวยวิชชา ๓ หรือ อภิญญา ๖ ทรงเห็นดวยสมันต-จักษุ อันไมติดขัดในที่ทั้งปวง. ทรงรูดวยปญญาอันสามารถที่จะรูธรรมทั้งปวง ทรงเห็นรูปทั้งหลายที่ลวงจักษุวิสัยของสัตวทั้งปวง หรือที่อยูในกําแพงเปนตนดวยมังสจักษุอันหมดจดยิ่ง ทรงรูดวยปฏิเวธปญญาอันเปนปทัฏฐานแหงสมาธิ อันยิ่งประโยชนตนใหสําเร็จ ทรงเห็นดวยเทศนาปญญา อันเปนปทัฏฐานแหงกรุณา อันยังประโยชนคนอื่นใหสําเร็จ. ชื่อวา เปนพระอรหันต เพราะความที่กิเลสอันเปนขาศึกทั้งหลายทรงละไดแลว และเพราะความที่พระองคเปนผูสมควรแกปจจัยเปนตน. ชื่อวา สัมมาสัมพุทธะ เพราะความที่สัจจะทั้งหลายอันพระองคตรัสรูแลวโดยชอบ และดวยพระองคเอง. อนึ่ง ทรงรูธรรมอันประกอบดวยอันตรายทั้งหลาย ทรงเห็นธรรมอันเปนเครื่องนําสัตวออกจากทุกขทั้งหลาย ชื่อวา เปนพระอรหันต เพราะความที่ขาศึกคือกิเลศทั้งหลายอันพระองคละไดแลว ชื่อวา สัมมาสัมพุทธะ เพราะความที่ธรรมทั้งปวงอันพระองคตรัสรูแลว ดวยพระองคเอง อันมหาชนชมเชยแลวดวยอาการ ๔ดวยสามารถแหงเวสารัชชะ ๔ ไดตรัสธรรม ๔ ดวยประการฉะนี้. พวกเราใด เห็นธรรมเหลานี้ในตน จงกลาวอยางนี้ จงอยากลาวถึงการบํารุงชวยเหลือหรือกําลังกายของพระราชาและราชมหาอํามาตยเปนตน. บทวา สตฺถริปสาโท ไดแกความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นแกผูระลึกถึงพุทธคุณโดยนัยมีอาทิวาแมเพราะเหตุนี้ พระผูมพระภาคเจาพระองคนั้น. บทวา ธมฺเม ปสาโท ี
  • 21. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 21ไดแก ความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นแกผูระลึกถึง โดยนัยมีอาทิวา พระธรรมอันพระผูมีพระภาคเจาตรัสไวดีแลว. บทวา สีเลสุ ปริปูรการิตา คือ ความเปนผูกระทําบริบูรณในศีลทังหลายอันพระอริยเจาใครแลว. ศีลหา ชื่อวา อริย- ้กันตศีล จริงอยู พระอริยสาวก แมอยูในระหวางภพ แมเมื่อไมรูความที่ตนเปนพระอริยเจา ก็ไมลวงละเมิดศีลหาเหลานั้น ถาจะมีใครพึงกลาวกะอริยสาวกนั้นวา ขอใหทานรับเอาราชสมบัติของพระเจาจักรพรรดิ ทังสิ้นนี้แลว จง ้ปลงแมลงวันตัวเล็กจากชีวิต ดังนี้. ขอที่พระอริยสาวกจะพึงทําตามคําของผูนั้นนั้นไมเปนฐานะจะมีได. ศีลทั้งหลาย เปนที่ใคร คือ เปนที่รัก เปนที่ชอบใจของพระอริยเจาทั้งหลายดวยประการฉะนี้. ทรงหมายถึงศีลเหลานั้น จึงตรัสวาความเปนผูทําบริบูรณในศีลทั้งหลาย ดังนี้. บทวา สหธมฺมิกา โข ปนไดแก ผูมปกติประพฤติธรรมรวมกัน ๗ พวก นัน คือ ภิกษุ ภิกษุณี ี ่สิกขมานา สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา. จริงอยู ในสหธรรมจารีเหลานั้น ภิกษุ ชื่อวา ประพฤติธรรมรวมกับภิกษุทั้งหลาย เพราะความเปนผูมีสิกขาเสมอกัน ภิกษุณี ก็ประพฤติธรรมรวมกับภิกษุณีทั้งหลายเชนเดียวกันฯลฯ อุบาสิกา ก็ประพฤติธรรมรวมกับอุบาสิกาทั้งหลาย พระโสดาบันก็ประพฤติธรรมรวมกับพระโสดาบันทั้งหลาย พระสกทาคามีฯลฯ พระอนาคามีก็พระพฤติธรรมรวมกับพระอนาคามีทั้งหลาย เพราะฉะนั้น สหธรรมจารีเหลานั้นทั้งหมดแล เรียกวา สหธัมมิก. อนึ่ง ในที่นี้ ทานประสงคพระ-อริยสาวกอยางเดียว. เพราะพระอริยสาวกเหลานั้น ไมมีความวิวาทในการเห็นมรรคแมในระหวางแหงภพ เพราะฉะนั้น พระอริยสาวกเหลานั้น จึงชื่อวาสหธัมมิก. เพราะมีปกติพระพฤติธรรมอันเดียวกันโดยแท. ทานแสดงความเลื่อมใสที่เกิดแกผูระลึกถึงพระสงฆโดยนัยมีอาทิวา พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา เปนผูปฏิบัติดี ดวยบทนี้. องคทั้งหลายแหงพระโสดาบันสี่เปน
  • 22. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 22อันทานแสดงแลว ดวยประการเพียงนี้. บทวา อิเม โข โน อาวุโสความวา ดูกอนผูมีอายุ ธรรมสี่เหลานี้อันพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้นตรัสวา เปนความมั่นใจ และเปนกําลังของพวกเรา. พวกเราใด เล็งเห็นธรรมเหลานี้ในตน จงกลาวอยางนี้. ปริพาชกแสดงอางศาสดาทั้งหก มีปูรณกัสสป เปนตน ดวยบทนี้วา ผูใด เปนศาสดาของพวกเรา. ก็บัดนี้มีความรักอันอาศัยเรือนวา อาจารยของพวกเรา อุปชฌายของพวกเรา ในบุคคลทั้งหลายมีอาจารยและอุปชฌายเปนตนในศาสนา โดยประการใด ปริพาชกกลาววา ความเลื่อมใสในศาสดา หมายถึงความรัก เห็นปานนั้น. ก็พระเถระกลาววา เพราะพระศาสดาไมใชเปนของคนเดียว ไมใชเปนของสองคน แตเปนพระศาสดาพระองคเดียวเทานั้น ของโลก พรอมกับเทวโลก เพราะฉะนั้นเดียรถียทั้งหลายไดแบงศาสดาออกเปนแผนก ดวยบทเดียวเทานั้นวา ศาสดาของพวกเรา เปนอันพลาดแลว แพแลวดวยบทนี้เทียว ดังนี้. ก็ในบทวาธมฺเม ปสาโท นี้ ปริพาชกทั้งหลายสําคัญวา ทีฆนิกายของพวกเรามัชฌิมนิกายของพวกเราในศาสนาในบัดนี้ ฉันใด ยอมกลาวหมายถึงความรักอันอาศัยเรือนในปริยัติธรรมของตน ๆ ฉันนั้น. บทวา สีเลสุ คือ ในศีลทั้งหลาย มีศลแพะ ศีลโค ศีลแกะ และศีลสุนัขเปนตน. ปริพาชกทั้งหลาย ีกลาวหมายถึงความเลื่อมใสวา อิธ ในบทนี้วา อิธ โน อาวุโส ดังนี้.บทวา โก อธิปฺปาโย ไดแก การประกอบขอประสงคอะไร. บทวา ยทิทความวา ปริพาชกทั้งหลายเปนผูมีธุระเสมอกันดํารงอยูดวยถอยคําวา ทานพึงกลาวขอที่กระทําใหตางกันระหวางของพวกทานและของพวกเรานี้ใด ขอนั้นเปนความเลื่อมใสในฐานสี่แมของพวกทาน ชื่อไร ก็เปนความเลื่อมใสในฐานเดียวกันกับของพวกเราดวยมิใชหรือ พวกทานและพวกเราเปนเชนกับพวกเดียวกัน ดุจทองคําที่แตกออกเปน ๒ สวนแลว ฉะนั้น. ลําดับนั้น พระผูมี
  • 23. พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23พระภาคเจา เมื่อจะทรงทําลายความเปนผูมีธุระเสมอกันนั้นของปริพาชกเหลานั้น จึงตรัสวา เอว วาทิโน ดังนี้เปนตน. บรรดาบทเหลานั้น บทวาเอกา นิฏา ความวา พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา พวกเธอจงถามอยางนี้วาความสําเร็จอันเปนที่สุดแหงความเลื่อมใสนั้นใด ความสําเร็จนั้นมีอยางเดียวหรือมีมากอยาง. ก็เพราะชื่อผูบัญญัติความสําเร็จในลัทธินั้น ๆไมมี อสัญญีภพจึงถูกกําหนดอยางนี้วา ก็พรหมโลกเปนของพวกพราหมณ ความสําเร็จ คือความดับมีอยางเดียว อาภัสสราเปนของพวกดาบส สุภกิณหาเปนของพวกปริ-พาชก โดยที่สุดเปนของพวกอาชีวก. ก็อรหัต คือ ความสําเร็จในศาสนานี้.ก็พวกปริพาชกเหลานั้นทั้งหมดยอมกลาววา อรหัตเทานั้น คือความสําเร็จ.อนึ่ง ยอมบัญญัติโลกทั้งหลายมีพรหมโลกเปนตน ดวยอํานาจทิฏฐิ เพราะฉะนั้น จึงบัญญัติความสําเร็จมีอยางเดียวเทานั้นดวยอํานาจแหงลัทธิของตน ๆ.พระผูมีพระภาคเจาเพื่อทรงแสดงความสําเร็จนั้น จึงตรัสวา เมื่อจะพยากรณโดยชอบ ดังนี้เปนตน. บัดนี้ ครั้นเมื่อความสําเร็จ ๒ อยาง คือ ความสําเร็จมีอยางเดียวในศาสนานี้สําหรับภิกษุทั้งหลายดวย ความสําเร็จมีอยางเดียวสําหรับเดียรถียทั้งหลายดวย ดํารงอยูเหมือนลูกความทั้งหลายฉะนั้น พระผูมีพระภาคเจาเมื่อทรงแสดงวัตรแหงการประกอบเนืองๆ จึงตรัสวา ดูกอนผูมีอายุทั้งหลาย ก็ความสําเร็จนั้นเปนของผูมีราคะ หรือของผูปราศจากราคะ ดังนี้เปนตน. ในทีนี้ ่เพราะธรรมดาความสําเร็จของผูมีกิเลสทั้งหลายมีผูอันราคะยอมเปนตนไมมีเพราะฉะนั้น จึงทรงแสดงพยากรณโดยนัยมีอาทิวา ดูกอนผูมีอายุทั้งหลาย ความสําเร็จนั้นเปนของผูปราศจากราคะแกเดียรถียทั้งหลาย ผูเห็นโทษนี้วา ผิวาแมสุนัขบานและสุนัขจิ้งจอกเปนตนจะพึงมีไซร ก็จะพึงมี ดังนี้. บรรดาบทเหลานั้น บทวา วิทฺทสุโน ไดแก บัณฑิต. บทวา อนุรุทฺธปฏิวิรทฺธสฺส ได ุ