SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  120
Télécharger pour lire hors ligne
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์



1
     สานักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( COMPUTER NETWORK )
    หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป
    เข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใน
    เครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้อุปกรณ์ต่างๆ
    ในเครือข่ายร่วมกันได้



2
ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ระบบเครือข่าย
 การแบ่งกันใช้ข้อมูล

 เพื่อให้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ใช้

 เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบประมวลผล      มีการสารองข้อมูลตลอดเวลา
 เพื่อให้สามารถประมวลผลแบบกระจาย

 เพื่อให้สามารถควบคุมและจัดสรรทรัพยากร

 เพื่อใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้




                                                                           3
ประเภทของระบบเครือข่าย
    1. LAN (Local Area Network)
    2. MAN (Metropolitan Area Network)
    3.WAN (Wide Area Network)




4
LAN (Local Area Network)
 การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายที่เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เช่น การ
 เชื่อมต่อในตึกเดียวกัน หรือห้องเดียวกัน การเชื่อมต่อในมหาวิทยาลัย การ
 เชื่อมต่อในหน่วยงานต่างๆ โดยส่วนมากจะใช้สายเคเบิ้ลในการติดต่อสื่อสาร
 กัน โดยคอมพิวเตอร์ที่ต่อกันอยู่นั้นสามารถที่จะแบ่งกันใช้ข้อมูล สามารถ
 โอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องได้ รวมทั้งยังสามารถใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันได้




                                                                               5
MAN (Metropolitan Area Network)
 เป็นการนาระบบ LAN หลายๆ LAN ทีมพนทีอยูใกล้เคียงกันอาจตังอยู่
                                     ่ ี ้ื ่ ่                ้
 ห่างไกลกันในช่วง 5 ถึง 50 กิโลเมตร มาเชื่อมต่อกัน มักจะเป็นบริษัทหรือ
 หน่วยงานขนาดใหญ่ที่จาเป็นจะต้องติดต่อสื่อสารข้อมูลผ่านระบบ
 คอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วสูงมาก โดยที่การสื่อสารนั้นจากัดอยู่ภายในบริเวณ
 เมือง หรือในจังหวัด เป็นต้น




                                                                          6
WAN (Wide Area Network)
 เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันแบบกว้างขวาง อาจจะเป็น
 ภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ เป็นการใช้หลายๆ LAN หรือหลายๆ
 MAN ซึ่งอยู่คนละพื้นที่เชื่อมต่อเข้าหากัน เช่น สานักงานที่ New York
 เชื่อมต่อกับที่ Tokyo โดยการเชื่อมต่อสามารถทาได้โดยการใช้ ATM, DSL,
 ISDN หรือ อื่นๆ แต่การเชื่อมต่อจะมีความเร็วในการเชื่อมต่อต่ากว่าการ
 เชื่อมต่อแบบ LAN




                                                                       7
อาจจะมีอีกประเภทหนึ่ง คือ SAN (Small Area Network)
เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่ขนาดเล็กมาก อาจจะ
เป็นในบ้านหรือสานักงานขนาดเล็กที่มีจานวนของคอมพิวเตอร์ไม่ควร
จะเกิน 10 เครื่อง




                                                                   8
ลักษณะการทางาน การทาหน้าที่ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องของ
ระบบเน็ตเวิร์คเป็นสาคัญ อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
   1. Peer to Peer Network
   เป็นลักษณะของกลุ่มคอมพิวเตอร์
   ที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องมีสิทธิ์เท่าเทียม
   กันหมด (Peer) ไม่มีเครื่องไหนทาหน้าที่
   เป็นศูนย์กลางของเน็ตเวิร์คเครื่องทุกเครื่องเป็นทั้งผู้ใช้ และผู้ถูกใช้ สามารถเป็นได้
   ทั้ง Client และ Server ไม่มีเครื่องไหนมีหน้าที่ดูแลจัดการระบบทั้งหมด เป็นต้น
   ว่าการแชร์ทรัพยากรจะทาอย่างไร ใครเป็นผู้ดูแล ผู้ใช้งานแต่ละเครื่องจะเป็นผู้ดูแล
   ข้อมูลและทรัพยากรของตัวเอง

                                                                                          9
2. Client-Server
ในกรณีที่องค์กรของเรามีผู้ใช้เครื่อง มากกว่า 15-20 เครื่อง ระบบเน็ตเวิร์คแบบ
peer to peer จะไม่เหมาะสม เราควรเลือกใช้ระบบ client-server จะเหมาสมกว่า
เพราะมีความสามารถในการดูแลควบคุมการใช้งานของระบบเน็ตเวิร์คที่มีผู้ใช้จานวน
มากได้ดีกว่า ระบบเน็ตเวิร์คแบบนี้จะเป็นระบบที่มีศูนย์กลาง มีคอมพิวเตอร์ที่ทา
หน้าที่ดูแลระบบ อานวยความสะดวก จัดเก็บข้อมูล รักษาความปลอดภัยให้กับ
คอมพิวเตอร์ทั้งระบบ มีหน้าที่คล้ายๆเป็นหัวหน้ากลุ่ม เราจะเรียกคอมพิวเตอร์ที่ทา
หน้าที่นี้ ว่า server ส่วนเครื่องที่เหลือในระบบที่ไม่ได้ทาหน้าที่นี้เราเรียกว่าclient
หรือ workstation เป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์ในระบบ ที่ทาหน้าที่รับบริการจากเครื่อง
server ซึ่งจะทาหน้าที่ควบคุมการใช้งานทุกอย่างของเน็ตเวิร์ค เช่นของมูลเครื่องพิมพ์
จะถูกดูแล และ แชร์โดยเครื่อง server อุปกรณ์ทุกอย่างจะถูกเชื่อมต่อโดยตรง เครื่อง
client ทุกเครื่องจะใช้งานทรัพยากรต่างๆ ผ่านทาง server
                                                                                  10
การเชื่อมต่อเครือข่ายแบ่งตามสื่อได้ 2 ประเภทคือ
  Ethernet / Fast Ethernet / Gigabit Ethernet LAN
  Wireless LAN




                                                     11
Ethernet / Fast Ethernet / Gigabit Ethernet LAN
การเชื่อมต่อที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบ LAN ในปัจจุบน โดยมีอัตรารับส่งข้อมูล
                                                 ั
สูงสุดถึง 10 Gbps โดยเชื่อมต่อผ่านสาย UTP หรือ สาย Fiber optic
 ระยะทางและความเร็วในการเชื่อมต่อแบบ           Ethernet

      ชนิด                ระยะทางสูงสุด            ชนิดของสาย         ความเร็ว
   10BaseT                  100 m                     UTP            10 Mbps

  100BaseTX                 100 m                     UTP           100 Mbps
  100BaseFX          400 m (half duplex)          Fiber Optic       100 Mbps
                     2000 m (full duplex)
 1000BaseSX                 220 m                 Fiber Optic       1000 Mbps
                                                    (MMF)
 1000BaseLX                3-10 Km                Fiber Optic       1000 Mbps
                                                     (SMF)
                                                                                 12
 ตัวอย่างอุปกรณ์   Ethernet




      UTP                  Ethernet Card   Fiber Optic




                                                    13
Wireless LAN
  รูปแบบการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่านคลื่นวิทยุ โดยใช้คลื่นความถี่ที่จัดไว้

  มาตรฐานการใช้งาน Wireless ในประเทศไทย
       IEEE 802.11 ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 2Mbps
       IEEE 802.11b ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 11Mbps /
        22Mbps
       IEEE 802.11a ความถี่ 5.15~5.35GHz, 5.47~5.725GHz ความเร็ว
        โดยรวม มากที่สุด 54Mbps
       IEEE 802.11g ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 54Mbps
       IEEE 802.11n ความถี่ 2.4GHz / 5GHz ความเร็วโดยรวม 300Mbps
                                                                              14
วิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบ่งได้ดังนี้
      การเชื่อมต่อแบบแอดฮอค (Ad-Hoc) คือ การเชื่อมต่อ
           ระหว่างอุปกรณ์สองตัวขึ้นไปโดยไม่จาเป็นต้องใช้ Access
           Point




                                                             15
 การเชื่อมต่อแบบเป็นโครงสร้าง คือ การติดต่อสื่อสารโดยมี
  สถานีฐาน (Access Point) เป็นศูนย์กลาง โดยแต่ละเครื่อง
  สามารถเชื่อมต่อสู่เครือข่ายภายนอกได้ผ่านทาง Access Point




                                                             16
รูปแบบของระบบเครือข่าย
     หมายถึงรูปแบบในการจัดวางตาแหน่งของคอมพิวเตอร์ สาย
     เคเบิ้ล และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อที่จะให้ข้อมูลได้ทางานตามทิศทางที่
     เราได้กาหนดไว้ โครงสร้างเน็ตเวิร์คที่ต่างกันมีความต้องการด้าน
     อุปกรณ์ต่างๆ เช่นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ แตกต่างกันไปด้วย
     โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้ดังนี้


17
รูปแบบของระบบเครือข่าย
   Mesh
   Bus
   Star
   Tree
   Ring




                         18
ระบบเครือข่ายรูปแบบ MESH




                           (Full Mesh)   19
ระบบเครือข่ายรูปแบบ MESH
 ข้อดี
   ในกรณีสายเคเบิ้ลบางสายชารุด เครือข่ายทั้งหมดยังสามารถใช้ได้ ทาให้
    ระบบมีเสถียรภาพสูง นิยมใช้กับเครือข่ายที่ต้องการเสถียรภาพสูง และ
    เครือข่ายที่มีความสาคัญ
 ข้อเสีย
   สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบอื่นๆ
   ยากต่อการติดตั้ง เดินสาย เคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน และบารุงรักษาระบบ

    เครือข่าย
                                                                        20
ระบบเครือข่ายรูปแบบ BUS




                          21
ระบบเครือข่ายรูปแบบ BUS
     เป็นเน็ตเวิร์คที่ง่ายที่สุด และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
      ด้วยการใช้สายเคเบิ้ลเป็นสายหลัก เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องโดยมีเน็ตเวิร์คการ์ดเป็น
      ตัวเชื่อมระหว่างสายเคเบิ้ลกับคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจะถูกส่งออกไปตามสาย ไปยังคอมพิวเตอร์
      ทุกๆเครื่อง ไม่สนใจว่าเครื่องไหนคือผู้รับ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะตรวจสอบเอง ว่าข้อมูลที่
      ส่งออกมานั้นเป็นของเครื่องตนเองหรือไม่ ถ้าไม่ จะปล่อยข้อมูลผ่านไป แต่ถ้าใช่ ก็จะนาข้อมูล
      เหล่านั้นไปใช้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ ในระบบ
      นี้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถส่งข้อมูลได้พร้อมกันหลายเครื่องในเวลาเดียวกันเป็นสาเหตุให้
      ประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์คจะน้อยลงเมื่อมีจานวนคอมพิวเตอร์มากขึ้น สายเคเบิ้ลที่เป็นสายกลาง
      ที่ต้องใช้รับและส่งข้อมูล เรียกว่า backbone สายที่ใช้ส่วนมากจะเป็นสาย coaxial มีลักษณะ
      คล้ายๆกับสายเคเบิ้ลทีวี การใช้จะต้องมีอุปกรณ์ที่ปิดหัวและท้ายของสายเคเบิ้ลด้วย เรียกว่า
      terminatorคอยรับสัญญาณไม่ให้สะท้อนกลับไป ซึ่งอาจจะเป็นการรบกวนสัญญาณได้ บัส เป็น
      วิธีที่ง่าย และสะดวกที่สุดในการติดตั้งเน็ตเวิร์ค ไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์มากมาย มีเพียงแค่สายเคเบิ้ล
      เน็ตเวิร์ค-การ์ด และเทอร์มิเนเตอร์ ก็พอแล้ว มักใช้กับเน็ตเวิร์คขนาดเล็กที่มีจานวนเครื่องไม่22 มาก
      นัก
ระบบเครือข่ายรูปแบบ BUS
       ข้อดี
         ประหยัด สะดวก ง่ายต่อการนาอุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย
         ใช้สายเคเบิลน้อยกว่าการต่อแบบ Star

       ข้อเสีย
         ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถใช้การได้ ถ้าสายหลักชารุด
         จาเป็นต้องมี Terminator ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของสายหลัก เพื่อป้องกัน
          สัญญาณสะท้อนกลับไปมาภายในสาย
         ค้นหาจุดที่เกิดปัญหาได้ยาก ถ้าระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้

         จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ มีผลกับประสิทธิภาพของเน็ตเวิรค ์
         มีการชนกันของข้อมูลทีส่งออกไปมากจนทาให้เกิดปัญหา
                                 ่
                                                                                 23
ระบบเครือข่ายรูปแบบ STAR




                           24
ระบบเครือข่ายรูปแบบ STAR
เป็นลักษณะการเชื่อมต่อโดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าสู่อุปกรณ์ส่วนกลางที่
เรียกว่า ฮับ (HUB) ข้อมูลหรือสัญญาณจะเดินทางจากเครื่องส่งไปสู่ผู้รับโดยผ่านฮับ
 ข้อดี
   ง่ายต่อการต่ออุปกรณ์และการเดินสาย
   สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ หรือถอดอุปกรณ์ออกได้ง่าย และไม่รบกวนส่วนอื่น

   ง่ายต่อการตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา และการแยกอุปกรณ์บางส่วนออกจากระบบ

 ข้อเสีย
   เปลืองสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบ Bus
   ถ้า hub หรือ switch ที่เชื่อมอยู่ตรงกลางมีปัญหา จะทาให้ระบบเครือข่ายทั้งหมด
    มีปัญหาไปด้วย
   ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการต่อแบบ Bus เนื่องจากจาเป็นต้องมี Hub หรือ Switch เชื่อม
                                                                             25


    ตรงกลาง
ระบบเครือข่ายรูปแบบ TREE




                           26
ระบบเครือข่ายรูปแบบ TREE
เป็นการผสมผสานกันระหว่างการต่อแบบ Bus และ Star หรือเป็นการต่อ Star ซ้อน
   กันหลายชั้น
 ข้อดี
    ในแต่ละส่วนย่อยๆ จะต่อถึงกันแบบ Star ทาได้รับข้อดีของการต่อแบบ Star
     มาด้วย
 ข้อเสีย
   ระยะทางในแต่ละส่วนย่อยๆ จะถูกจากัดโดยชนิดของสาย
   ถ้าสายหลักหรือ Hub ตัวกลางหลักเสีย ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถ

    ใช้การได้
   ยากต่อการติดตั้งและเดินสาย                                             27
ระบบเครือข่ายรูปแบบ RING




                           28
ระบบเครือข่ายรูปแบบ RING
  เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ในลักษณะของรูปวงแหวนโดยใช้สาย
  เคเบิ้ล การต่อลักษณะนี้จะไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสุดท้าย การส่งข้อมูลจะวิ่งผ่าน
  คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเป็นรูปวงแหวนในทิศทางเดียวกัน เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่อง
  หนึ่งต้องการส่งข้อมูล มันจะทาการใส่ข้อมูลตาแหน่งของเครื่องที่มันต้องการจะ
  ส่งไปให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะนาสัญญาณมาเช็คว่าเป็นของตนเองหรือเปล่า ถ้า
  ไม่ใช่ ก็จะส่งไปให้เครื่องต่อไป สัญญาณจะวิ่งไปจนกระทั่งเจอคอมพิวเตอร์เครื่อง
  นั้น และรับข้อมูลนาไปใช้เนื่องจากสัญญาณจะวิ่งไปเรื่อยๆ เป็นวงกลม จึงไม่
  ต้องการอุปกรณ์ปิดหัวท้าย มักจะใช้กับเน็ตเวิร์คที่มีคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ไกลกันมาก
  นัก ใช้โทเค็นเป็นสือในการส่งสัญญาณ โทเค็นจะถูกวิ่งผ่านไปทุกเครื่องเรื่อยๆ
  จนกว่าเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลจะดึงโทเค็นไปใช้และส่งสัญญาณออกมา เครื่องที่มี
  โทเค็นเท่านั้นที่จะส่งข้อมูลได้                                                29
ระบบเครือข่ายรูปแบบ RING
 ข้อดีของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
   การเพิ่มเติมขนาดของระบบเครือข่าย ส่งผลต่อประสิทธิภาพไม่มาก

   ลดจานวนตัวรับและส่งสัญญาณลงครึ่งหนึ่ง (ในกรณี Ring ทางเดียว)

   ทุกๆ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะช่วยขยายสัญญาณ ทาให้สามารถต่อเป็นวงใหญ่
     ได้
 ข้อเสียของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
   ประสิทธิภาพต่ากว่าแบบอื่น เนื่องจากต้องผ่านอุปกรณ์หลายตัว

   ถ้าอุปกรณ์บางตัวหรือสายเคเบิ้ลชารุด จะทาให้เครือข่ายทั้งหมดไม่

     สามารถใช้การได้ (ในกรณี Ring ทางเดียว)
                                                                        30
ระบบเครือข่ายรูปแบบผสม (HYBRID NETWORK)
   เป็นการผสมความสามารถของเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลาย ๆ แบบโดย
    พิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทางานสูงสุด




                                                                    31
ประสิทธิภาพของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขึ้นอยูกับองค์ประกอบดังนี้
                                         ่
    • จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่าย
    • สื่อนาข้อมูล (Transmission Media)
    • เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (Hardware)
    • โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล (Software)




                                                              32
โปรโตคอล         (PROTOCOL)
 โปรโตคอล (Protocol) คือ มาตรฐานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการ
สื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่าย ซึ่งครอบคลุมถึงวิธีการและรูปแบบ
การส่งข้อมูล จังหวะเวลาในการส่งข้อมูล ลาดับการรับส่งข้อมูล
และวิธีจัดการป้องกันความผิดพลาดต่าง ๆ โปรโตคอล
เปรียบเสมือนภาษาที่ใช้สื่อสารในระบบเครือข่าย ดังนั้นถ้าใช้
โปรโตคอลที่ต่างกันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง

                ๑ภ฿ @& g)                  นายพูด
                                          อะไร ไม่รู้
                                            เรื่อง
                                                               33
NETBEUI (NETWORK BASIC END USE INTERFACE)

เป็น Protocol ที่เหมาะสมสาหรับเครือข่ายขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับเครือข่ายขนาด
ใหญ่ เนื่องจาก Protocol นี้ไม่สามารถค้นหาเส้นทางการส่งข้อมูล (Routable) ที่
เหมาะสมได้ ข้อดีของ Protocol นี้คือใช้งานง่ายไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก

TCP/IP (TRANSMISSION CONTROL PROTOCOL/INTERNET PROTOCOL)
เป็นที่นิยมใช้กับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ เช่น ถูกใช้ในอินเทอร์เน็ต เพราะสามารถ
ค้นหาเส้นทางการส่งข้อมูล และสามารถใช้กับระบบปฏิบัติการได้อย่างกว้างขวาง
แต่การติดตั้งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร


                                                                               34
อุปกรณ์เครือข่าย
 คาศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่าย
     - Bit (บิต) หน่วยทางไฟฟ้า มีค่าเท่ากับ 0 หรือ 1
     - Bandwidth (แบนด์วิทช์) คือ ความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านระบบ
     เครือข่าย มีหน่วยเป็น bps (บิตต่อวินาที)



35
 Router




           • ใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
           ที่มีการเชื่อมต่อภายในแตกต่างกัน
           หรือเชื่อมระหว่าง LAN และ WAN




                                          36
 Switch


           •ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เข้า
           เป็นระบบเครือข่ายเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้
           • Bandwidth 10/100/1000 Mbps
           • แต่ละพอร์ตไม่มีการใช้งานร่วมกัน




                                                         37
 Hub


        • ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์
        ให้เป็นระบบเครือข่ายเดียวกัน
        • Bandwidth 10/100/1000 Mbps
        • แต่ละพอร์ตใช้งานร่วมกัน(เชื่อมกันหมด)




                                                   38
 ความแตกต่างระหว่าง     Hub และ Switch
   Hub จะส่งข้อมูลที่เข้ามาไปยังทุกๆ พอร์ตของ Hub ยกเว้นพอร์ตที่ข้อมูล
    ดังกล่าวเข้ามายัง Hub ในขณะที่ Switch จะทาการเรียนรู้อุปกรณ์ที่ต่อกับ
    พอร์ตต่างๆ ทาให้ Switch ส่งข้อมูลไปยังพอร์ตที่มีเครื่องปลายทางอยู่
    เท่านั้น ไม่ส่งไปทุกๆ พอร์ตเหมือนกับ Hub ซึ่งส่งผลให้ปริมาณข้อมูลภายใน
    ระบบเครือข่ายไม่มากเกินความจาเป็น
   Hub เป็นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมูล (Repeater) เท่านั้น ในขณะที่
    Switch จะมีการทางานที่ซับซ้อนกว่า, มีการเรียนรู้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การ
    ตัดสินใจส่งข้อมูลออกไปพอร์ตใด



                                                                               39
 Ethernet   Card

                    • ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้
                    สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย
                    ผ่านทาง Switch หรือ Hub
                    • Bandwidth 10/100/1000 Mbps




                                                            40
 ไฟสถานะของEthernet   Card




                              41
 ไฟสถานะของEthernet          Card
      LINK ถ้าสว่างแสดงว่า มีการเสียบ
       สายแลนเข้ากับการ์ด และสามารถ
       ใช้งานได้


       10 ถ้าสว่างแสดงว่า อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อด้วยความเร็ว 10 MB/s เช่นเดียวกับไฟ
        100 ถ้าสว่างแสดงว่าเชื่อมด้วยความเร็ว 100 MB/s
       ACT (Activity) ถ้ากระพริบแสดงว่ามีการส่งข้อมูลเข้า-ออกการ์ด (เนื่องมาจาก
        กิจกรรมการใช้เครือข่ายต่างๆ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ต, การแชร์ไฟล์ ฯลฯ ถ้ามี
        การส่งข้อมูลจานวนมากจะเปลี่ยนจากกระพริบมาเป็นสว่างค้างตลอดเวลา

                                                                                 42
 Modem


                    • ใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่าน
                    ทางสายโทรศัพท์
                    • Bandwidth 56 Kbps
   Internal Modem



   External Modem


                                                           43
 Access   Point


                   • ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์กับ
                   ระบบเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless)
                   • Bandwidth 11/54 Mbps




                                                         44
 Wireless   Card


                                   • ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อ
                                   เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายแบบไร้สาย
             PCMCIA                • Bandwidth 11/54 Mbps




     USB              PCI for PC

                                                                        45
 สาย   UTP (Unshielded Twisted Pair)

                                 • ใช้ในการเชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
                                 และ Ethernet Switch หรือ Hub
                                 • Bandwidth 10/100/1000 Mbps
                                 • ความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นอยู่กับการเข้าหัว
                                 สาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ
                                 •ระยะทางในการเชื่อมต่อ < 100m




                                                                           46
 สาย   UTP และหัว RJ-45
   สาย UTP ที่ใช้ใน Ethernet Lan จะเข้าหัวแบบ RJ-45
   ภายในสาย UTP จะมีสายทองแดงย่อยอีก 8 เส้น โดยถูกจัดกลุ่มเป็นคู่ๆ
    ทั้งหมด 4 คู่




                   UTP                                   RJ-45
                                                                      47
 การเข้าหัว   RJ-45 มีได้ 2 แบบ คือ
      แบบ A (Standard 568A) มีการเรียงสายจากซ้ายไปขวา ดังนี้
        ขาว/เขียว

        เขียว
        ขาว/ส้ม

        น้าเงิน

        ขาว/น้าเงิน
        ส้ม

        ขาว/น้าตาล

        น้าตาล




                                                                48
   แบบ B (Standard 568B) เป็นแบบที่นิยมใช้กันมาก มีการเรียงสายจากซ้าย
    ไปขวา ดังนี้
     ขาว/ส้ม

     ส้ม
     ขาวเขียว

     น้าเงิน

     ขาว/น้าเงิน
     เขียว
     ขาว/น้าตาล

     น้าตาล




                                                                         49
 สาย   UTP มี 2 แบบ ตามการเข้าหัว RJ-45 ดังนี้
   สายตรง (UTP Straight Cable) เป็นสายที่ใช้ทั่วไป และพบมาก โดยใช้ในการ
    เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์เครือข่ายจาพวก Hub และ Switch
    โดยการเข้าหัวทั้ง 2 ปลายจะเป็นแบบเดียวกัน (A หรือ B ก็ได้)
   สายครอส (UTP Cross-over Cable) ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง
    คอมพิวเตอร์ 2 เครื่องโดยตรง ไม่ผ่านอุปกรณ์ประเภท Hub และ Switch
    นอกจากนี้ยังใช้เชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และ Router (ซึ่งถือว่าเป็น
    คอมพิว เตอร์อี กรู ปแบบหนึ่ง ) โดยการเข้า หัว ที่ป ลายทั้ง 2 จะไม่ เหมือ นกั น
    กล่าวคือ ปลายข้างหนึ่งเข้าหัวแบบ A อีกปลายจะเข้าหัวแบบ B


                                                                                 50
51
 สายตรง (UTP   Straight Cable)




                                  52
 สายครอส   (UTP Cross-over Cable)




                                     53
   สาย STP (Shielded Twisted Pair)
                               • คล้ายกับสาย UTP แต่มีชนวน และ
                               ตัวนาหุ้ม จึงป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี
                               นิยมใช้แทนสาย UTP ในที่ๆ มีสัญญาณ
                               รบกวนมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
                               • มีราคาแพงกว่าสาย UTP




                                                                 54
   สาย Fiber Optic
                      • ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เครือข่าย
                      • Bandwidth 10/100/1000 Mbps
                      • ระยะทางในการเชื่อมต่อ 500m – 2Km
                      แล้วแต่ชนิดของสาย




                                                             55
 รูปแบบการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย
         Duplex หมายความถึง ความสามารถรับและส่งข้อมูลด้วยอุปกรณ์ชิ้น
  เดียวกัน ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ
    Half Duplex จะรับและส่งข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถทาพร้อมกันได้ กล่าวคือ
      ถ้าฝ่ายหนึ่งส่งข้อมูล อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่สามารถส่งได้จนกว่า
      อีกฝ่ายจะเลิกส่งข้อมูล และเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรับ เหมือนการใช้วิทยุสื่อสาร
      ได้แก่ Ethernet ประเภท 10 BaseT (10Mbps) เป็นต้น
    Full Duplex สามารถรับและส่งข้อมูลไปพร้อมๆ กันได้ เหมือนกันการ
      พูดคุยผ่านโทรศัพท์ ได้แก่ Fast Ethernet (100Mbps) หรือ Gigabit
      Ethernet (1000Mbps) เป็นต้น

                                                                              56
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย




57
58
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารไร้สาย
 การสื่อสารข้อมูลในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีในการรับส่งที่มีความซับซ้อน
  เพิ่มขึ้น
 ข้อมูลทุกชนิดถูกปรับเปลี่ยนและดัดแปลงให้อยู่ในรูป digital

 สามารถสื่อสารและส่งถ่ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยความถูกต้อง
  และรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
 ผ่านตัวกลางหลายชนิด โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

    การสื่อสารข้อมูลทางสาย
    การสื่อสารข้อมูลไร้สาย

                                                                            59
การสื่อสารข้อมูลไร้สาย
 ตัวกลางที่ถูกนามาทดแทนสายสัญญาณที่นิยมใช้กันชนิดแรกก็คือ       แสงอินฟราเรด
 การส่งผ่านข้อมูลผ่านแสงอินฟราเรดถูกนามาใช้งานอย่างแพร่หลาย เพราะ
  สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วค่อนข้างสูง มีความสะดวกในการใช้งาน เช่น รีโมท
  คอนโทรล
 ข้อด้อยของการใช้งานอินฟาเรด คือ ความจากัดด้านระยะทาง และตาแหน่ง
  ระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองต้องเป็นเส้นตรงอยู่ในแนวเดียวกัน และจะต้องไม่มีอะไรมา
  ตัดขวางลาแสง
 จากข้อด้อยทาให้เกิดความคิดที่จะนาคลื่นวิทยุมาใช้ส่งข้อมูลแทน เพราะสามารถ
  รับส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง สามารถทะลุวัสดุต่างๆ ได้ และไม่จาเป็นต้องให้ตัวส่ง
  และตัวรับอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน                                               60
การสื่อสารข้อมูลไร้สาย
 ปัจจุบันการนาคลื่นวิทยุมาใช้รับส่งข้อมูลสาหรับอุปกรณ์ระยะใกล้   มี 3 ระบบ
  คือ
  - โฮมอาร์เอฟ (HomeRF)
  - บลูทูธ (Bluetooth)
  - ไวไฟ (Wireless Fidelity : wi-fi)




                                                                              61
โฮมอาร์เอฟ (HOMERF)
 HomeRF      = Home Radio Frequency
 คือ เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อใช้ควบคุม สั่งการ และเชื่อมต่อ
  เครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ทุกชนิดที่อยู่ภายในบ้าน
 ใช้คลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz ในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราเร็ว 1.6 Mbps ระยะ
  ทาการ 150 เมตร
 เช่น ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน ระบบตรวจสอบและแจ้งการ
  ซ่อมแซมบ้านโดยอัตโนมัติ ระบบสุขอนามัย ฯลฯ
 สามารถใช้คอมฯ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ตู้เย็น โทรทัศน์
  เครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ชุดสุขภัณฑ์
  อัจฉริยะ โทรทัศน์วงจรปิด ฯลฯ ภายในบ้านเพื่อควบคุม สั่งการและใช้ข้อมูล     62
  ต่างๆ ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องเดินสายสัญญาณ
บลูทูธ (BLUETOOTH)

 เป็นมาตรฐานที่กาหนดขึ้นเพื่อทดแทนการใช้สายเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ใน
  ระยะใกล้
 ใช้คลื่นความถี่ในย่าน ISM(Industrail, Scientific, Medical) 2.4 กิกะเฮิรตซ์
  พื้นที่การใช้งานไม่เกิน 10 เมตร
 บลูทูธสามารถจัดการให้อุปกรณ์หลายชนิดสามารถติดต่อสื่อสารได้พร้อมกัน

 ใช้พลังงานต่า เชื่อมต่อสะดวก

 เช่น เชื่อมต่อ Notebook เข้าอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ, แบ่งข้อมูลกันระหว่าง
  มือถือกับ Notebook, Headset
 ปัญหา : อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีบลูทูธมีราคาสูงกว่าแบบใช้สาย
                                                                               63
แนวคิดที่นาไปใช้งาน
  - คอมพิวเตอร์ไร้สาย
  - คอมพิวเตอร์สวมใส่ (BWC : Body Wearable Computer) คือเป็นคอมฯ
        ขนาดเล็ก น้าหนักเบา ทางานด้วยแบตเตอร์รี่ สามารถประกบหรือสวมใส่
        ติดร่างกาย
  - ชุดหูฟัง
  - เมาส์ คีย์บอร์ด
  - อินเตอร์เน็ตบริดจ์



                                                                         64
ไวไฟ (WIRELESS FIDELITY : WI-FI)
 เป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมคอมฯ
                           เข้ากับเครือข่ายแลน (LAN : Local
  Area Network) มักถูกเรียกว่า Wireless LAN
 ครอบคลุมพื้นที่ทาการ 50-100 เมตร




                                                              65
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย (WIRELESS LAN)




 ปัจจุบันการใช้งานคอมพิวเตอร์เปลี่ยนรูปมาเป็นงานที่ต้องเชื่อมโดยกับ
  เครือข่าย ทั้งเครือข่ายภายในองค์กร ระหว่างองค์กร และอินเตอร์เน็ต
 ระบบแลนไร้สาย (Wireless LAN หรือ WLAN) เป็นการนาเอาคอมพิวเตอร์
  หลายเครื่องมาเชื่อมเข้าด้วยกัน ให้รับส่งข้อมูลถึงกันได้โดยไม่ต้องใช้สาย   66
จุดเด่นของแลนไร้สาย
1)   ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
2)   การนาติดตัว (Mobility)
3)   การขยายเครือข่ายได้ง่าย
4)   ให้ผลคุ้มค่า
5)   การมีมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วไป




                                      67
พัฒนาการของแลนไร้สาย
 ความต้องการใช้ระบบแลนไร้สายมีลักษณะเช่นเดียวกับระบบเซลลูลาร์โฟน
  หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่
 ค.ศ. 1997 สถาบัน IEEE ได้กาหนดมาตรฐานแลนไร้สาย โดยให้ชื่อว่า IEEE
  802.11 รับส่งสัญญาณด้วยขนาดความเร็ว 2 เมกะบิต/วินาที
 ค.ศ. 1999 IEEE ได้พัฒนามาตรฐานใหม่ ให้ชื่อว่า IEEE 802.11b ความเร็ว
  ในการรับส่ง 11 เมกะบิต/วินาที บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายขนาดใหญ่ให้
  ความสนใจและเร่งการพัฒนาเป็นอย่างมาก
 การพัฒนาแลนไร้สายมิได้หยุดอยู่เฉพาะการทาให้เชื่อมต่อถึงกันได้ ยังมี
  ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของสัญญาณข้อมูลที่แพร่กระจายใน
  อากาศด้วย                                                                68
อุปกรณ์ของเครือข่ายแลนไร้สาย
1)   เครื่องคอมพิวเตอร์ : เครื่อง PC หรือ Notebook หรือ Pocket PC
     และมีสล็อต PCMCIA
2)   ไวร์เลสการ์ด : มาตรฐาน 802.11 ซึ่งมีผู้ผลิต ได้แก่ Cisco, Orinoco,
     Toshiba, 3Com, Linksys เป็นต้น
3)   แอกเซสพอยต์ (Access Point) : เป็นอุปกรณ์รับส่งไร้สาย สาหรับระบบ
     LAN ทาหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางของระบบเครือข่ายไร้สาย หรือเป็นจุด
     เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายมีสาย
4)   ไดรฟ์เวอร์ : ซอฟต์แวร์สาหรับความคุมการทางาน

                                                                          69
การเชื่อมต่อเครือข่ายแลนไร้สาย
 แบ่งเป็น  2 ประเภท
1)   การรวมตัวแบบแอดฮอค (Ad-Hoc) คือ การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานี
     เคลื่อนที่ (โน๊ตบุ๊ค พีดีเอ) ตั้งแต่ 2 สถานีขึ้นไป โดยไม่ต้องใช้สถานีฐาน
     (Access point)
2)   การรวมตัวแบบเป็นโครงสร้าง (Infrastructure) คือ การติดต่อสื่อสาร
     โดยมีสถานีฐาน (Access point) เป็นศูนย์กลาง ทุกสถานีต้องอยู่ภายใน
     รัศมีการใช้งานของแอกเซสพอยต์


                                                                                70
ประเภทของเครือข่ายแลนไร้สาย
1)   WPAN (Wireless Personal Area Network) เป็นระบบเครือข่ายไร้สายส่วน
     บุคคล ปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบ คือ IR (Infra-Red) และ Bluetooth การ
     ทางานจะครอบคลุมบริเวณการสื่อสารที่ค่อนข้างจากัด เช่น อินฟาเรด ระยะ
     ประมาณไม่เกิน 3 เมตร และบลูทูธ ระยะประมาณไม่เกิน 10 เมตร
2)   WLAN (Wireless Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายท้องถิ่นที่ใช้งาน
     ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในระยะใกล้ ภายในหน่วยงานหรืออาคารเดียวกัน เช่น
     สานักงาน สถานที่จัดนิทรรศการ
3)   WMAN (Wireless Metropolitan Area Network) เป็นระบบเครือข่าย
     สาหรับเมืองใหญ่ๆ เชื่อมติดต่อกันระหว่างอาคารต่างๆ ภายในเมือง
4)   WWAN (Wireless Wide Area Network) เป็นระบบเครือข่ายไร้สายขนาด           71

     ใหญ่สาหรับเมืองหรือประเทศซึ่งมักมีการใช้งานผ่านดาวเทียมข้ามประเทศ
ความปลอดภัยของเครือข่ายแลนไร้สาย
1)   การใช้กาแพงไฟ (FireWall) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สาหรับป้องกันผู้อื่นรุกล้าเข้ามาใน
     ระบบ นิยมใช้ในบริษัท ธนาคาร หน่วยงานต่างๆ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง
2)   การแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ ควรจากัดการแชร์ไว้เฉพาะข้อมูลที่ต้องการใช้ร่วมกัน
     เท่านั้น
3)   การกาหนดบัญชีสมาชิกและรหัสผ่าน (User Name and Password) นิยมใช้
     ป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาในระบบ ผู้ใช้ต้องป้อนชื่อที่ได้รับอนุญาตและ
     รหัสผ่านที่ถูกต้องจึงจะสามารถเข้าสู่ระบบได้
4)   การใช้โพรโทคอล WEP (wired equivalency privacy key) เป็นการเข้ารหัส
     ข้อมูลที่มีความปลอดภัยระดับกลางและระดับสูง
5)   Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นโพรโทคอลรักษาความปลอดภัยสูงกว่า
     WEP โดยอุปกรณ์ต่างๆ สามารถตรวจจับ Network Adapter เถื่อน และ 72
     ปรับเปลี่ยนกุญแจเพื่อเข้ารหัสข้อมูลแก่ทุกอุปกรณ์เป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ
การตรวจสอบระบบเครือข่ายเบื้องต้น

     การตรวจสอบการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย




      มีการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย    ไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย

73
   การตรวจสอบ IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์
    ดับเบิลคลิ๊กที่   จะเกิดหน้าต่างดังรูป




                                                  74
   การตรวจสอบ IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์
    คลิ๊กที่ “Support”




                                                  75
 กรณีที่ไม่ได้   IP Address




                               76
 การตรวจสอบระบบเครือข่ายด้วยคาสั่งต่างๆ

•   ipconfig ->ใช้ตรวจสอบหมายเลขไอพีแอรดเดรสของเครื่อง
•   Ping -> ใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่างโฮสต์
•   Nslookup -> ใช้ในการตรวจสอบชื่อโดเมน
•   Traceroute -> ใช้ในการตรวจสอบเส้นทางในการเชื่อมต่อ




                                                         77
 ขั้นตอนในการใช้คาสั่ง

      Start Menu -> Run




                           78
 ขั้นตอนในการใช้คาสั่ง

      พิมพ์ cmd




                          79
 ขั้นตอนในการใช้คาสั่ง




                          80
 Ping

      Ping IP address ที่ต้องการทดสอบ Ex ping 158.108.1.1




                                                             81
 Traceroute

      Tracert IP Address ที่ต้องการ Ex tracert 158.108.50.5




                                                               82
 Nslookup

     Nslookup ชื่อที่ต้องการตรวจสอบ Ex nslookup www.google.com




                                                        83
การตรวจสอบ BANDWIDTH ของเครือข่าย INTERNET
 การตรวจสอบ  Bandwidth จาก Website
    http://speedtest.adslthailand.com/
 การตรวจสอบจากเครื่องโปรแกรม




                                             84
การตั้งค่าไอพีแอดเดรส
   การแชร์ปรินส์เตอร์
    และการแชร์ไฟล์
         ระหว่าง
Windows 7 กับเครื่องอื่นๆ
การตั้งค่า IP ADDRESS
 IP Address คือ หมายเลขประจาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย
  ตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุด เช่น 192.168.100.1
  หรือ 172.16.10.1 เป็นต้น มาตรฐานของ IP Address ปัจจุบันเป็น
  มาตรฐาน version 4 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า IPv4 วึ่งกาหนดให้ ip
  address มีทั้งหมด 32 bit หรือ 4 byte แต่ล่ะ byte จะถูกคั่นด้วย
  จุด (.)



                                                                     86
ขั้นตอนวิธีการตั้งค่า IP ADDRESS
   ไปที่ Control panel แล้วคลิกลิ้ง View network status and tasks หรือจะคลิก
    Open Network and Sharing Center ที่การ์ดแลนมุมขวาล่าง




                                                                                87
 เลือกไปที่   Change Adapter Settings > Local area connection




                                                                 88
 คลิกปุ่ม   Properties > ดับเบิ้ลคลิก Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4)




                                                                                89
 หากเลือก Obtain an IP address automatically แสดงว่ารับจาก DHCP
 แต่ถ้าเลือก Use the following IP address ตัวอย่างเช่น 192.168.1.22 เป็นการตั้งค่า IP แบบ
  Static
 หรือ เป็นการตั้งค่าแบบกาหนดเอง




                                                                                             90
ขั้นตอนในการแชร์ไฟล์
    1. Windows 7 Start > Control Panel >
เลือก Choose homegroup and sharing options
2. ให้เลือก Change advaced sharing setting
ให้เลือก Public (Current profile)
หัวข้อ File and Printer sharing ให้เป็น Turn on
และในส่วนของ Password protected sharing ก็ให้ปรับเป็น
Turn Off และทาการกด Save ในการปิดนี้เป็นการปิด Password
ในการแชร์ ซึ่งตัว Defualt ของ Windows 7 จะมี Security เพื่อ
ป้องกันการเข้ามา Access ในไฟล์หรือ Folder นั้น
1. ให้คลิกขวา ที่ Folder Share windows7 แล้วเลือก Properties
2. ให้เลือก Tab Sharing
3. เลือก Advanced Setting
4. ให้เลือก (√) Share this folder
   จากนั้นให้ใส่ Share
   name ขอใส่ share
   windows7
5. กด Permissions
   เพื่อกาหนดสิทธิ์
6. ให้สิทธิ์ Everyone
   เป็น Full Control
ให้ไปที่ Drive ที่เราต้องการ Share file จากนั้นให้คลิกขวา
     ที่ Drive เช่น Drive D จากนั้นเลือก Propreties
สังเกตุว่าตรง Share กดไม่ได้ แต่ให้มากด Advanced Sharing แทน
จากนั้นให้เราเลือกถูก Share this folder จากนั้นใส่ชื่อ Share name
 ใส่ชื่อที่ต้องการลงไป
เมื่อตั้งชื่อ Drive ที่จะแชร์เสร็จแล้วให้เลือกคลิกที่ Permission
และกาหนดสิทธิ์ของ คนๆนั้นที่สามารถเข้ามาใน Folder นี้ได้
 ในที่นี้ใส่เป็น Everyone และสามารถทาได้ทุกอย่างให้ เลือก Full Control
หลังจากนั้นจะมี Network Path ขึ้นมาแล้ว
มันจะปรากฎตามนีครับ ชื่อคอมของคุณชือDrive ที่แชร์
                 ้                      ่
หลังจากเรากด Share ก็ให้ให้เราพิมพ์
Everyone ลงไปแล้วกด Add
จากนั้นให้เลือกตรงลูกศรสีฟ้าครับ ว่าจะปรับให้ได้แค่ อ่านได้อย่างเดียว
หรือ ทั้งอ่านและเขียน ลงได้ด้วย เมื่อปรับแล้วให้กด Share
จากนั้นมาที่เครื่อง Windows Xp My Computer ขึ้นมา
         พิมพ์ Ip address : 192.168.100.1
REMOTE DESKTOP
การกาหนด ยกเลิก และเปลี่ยนรหัสผ่านยูสเซอร์ใน WINDOWS 7




                                                   105
การเปลี่ยนรหัสผ่านของยูสเซอร์แอคเคานต์
   คลิกเมาส์ CHANGE YOUR PASSWORD




                                         106
การเปลี่ยนรหัสผ่านของยูสเซอร์แอคเคานต์

                        - กรอกรหัสผ่านเดิมที่ใช้อยู่
                        - ตั้งรหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ
                        และยืนยันรหัสผ่านใหม่ที่
                        กาหนดอีกครั้ง
                        - คลิก Change
                        password เพื่อเปลี่ยน
                        รหัสผ่าน

                                           107
ทาการคลิกขวาที่ COMPUTER จากนั้นเลือก PROPERTISE




                                              108
ให้เราเลือกเมนู REMOTE SETTING




                                 109
ในหน้า SYSTEM PROPERTISE ให้เราเลือกแทบ REMOTE
ในส่วนของ REMOTE DESKTOP ให้เราเลือก ALLOW CONNECTIONS
FOR COMPUTERS RUNNING ANY VERSION OF REMOTE DESKTOP
และให้เราเลือก SELECT USER




                                              110
จากนั้นให้เราเลือก USER ที่สามารถเข้ามา REMOTE DESKTOP ใน
เครื่องของเราได้




                                                111
คลิกที่ START MENU > ALL PROGRAMS > ACCESSORIES >
REMOTE DESKTOP CONNECTION




                                            112
การติดตั้ง และใช้งานโปรแกรม
 TEAMVIEWER REMOTE DESKTOP




www.nrru.ac.th/dl/tw.exe

                               113
- เลือก INSTALL
หากมี TEAMVIEWER รุ่นเก่าอยู่แล้วก็ให้คลิกเลือก UNINSTALL OLD
VERSION




                                                   114
- PERSONAL / NON-COMMERCIAL USE ตามภาพด้านล่าง




                                             115
- คลิกเลือก I ACCEPT THE TERMS IN THE LICENSE AGREEMENT
- คลิกเลือก I AGREE THAT I WILL ONLY USE TEAMVIEWER FOR
NON-COMMERCIAL AND PRIVATE USE
จากนั้นคลิกปุ่ม NEXT




                                                116
- เลือก NO (DEFAULT)




                       117
จากนั้นโปรแกรมจะทาการเรียกโปรแกรมขึ้นมาอัตโนมัติ
ถ้าปรากฎหน้าจอ PROXY SETTINGS ดังภาพ




                                              118
เปิดโปรแกรมขึ้นมา




                    119
- การเข้าใช้งานของฝั่งผู้ควบคุม ต้องมี USER ID กับ PASSWORD ของเครื่อง
ที่เราต้องการคุมด้วย
- กาหนดรหัสผ่านเข้าไปที่ EXTRAS > OPTIONS > SECURITY จะเป็นการ
ตั้ง PASSWORD ไว้เพื่อไม่ให้ PASSWORD เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เข้าใช้งาน
เหมาะสาหรับเข้าใช้งานเครื่องตัวเองจากที่บ้านมาที่ทางาน




                                                          120

Contenu connexe

Tendances

หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือ
หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือหุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือ
หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือssuser5adb53
 
Chapter13ผลกระทบ4G
Chapter13ผลกระทบ4GChapter13ผลกระทบ4G
Chapter13ผลกระทบ4Gntc thailand
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ดุลยวัต วิไลพันธุ์
 
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์Nitiwat First
 
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศบทคัดย่อ กิติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศAtsada Pasee
 
รายงานอาเซียน
รายงานอาเซียนรายงานอาเซียน
รายงานอาเซียนChucshwal's MK
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจKrunicky Rattanapachai
 
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
แบบทดสอบ Powerpoint
แบบทดสอบ Powerpointแบบทดสอบ Powerpoint
แบบทดสอบ Powerpointpoomarin
 
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SE
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SEเริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SE
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SEInnovative Experiment Co.,Ltd.
 
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันChaiwit Khempanya
 
โครงงานโปรเจ็คเวิร์ค
โครงงานโปรเจ็คเวิร์คโครงงานโปรเจ็คเวิร์ค
โครงงานโปรเจ็คเวิร์คNichakarnkvc
 
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpoint
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpointอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpoint
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpointChonlamas Supsomboon
 
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์Tang Pruedsapol
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 

Tendances (20)

iBIT CIRCLE Programming Robot with microbit
iBIT CIRCLE Programming Robot with microbitiBIT CIRCLE Programming Robot with microbit
iBIT CIRCLE Programming Robot with microbit
 
หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือ
หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือหุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือ
หุ่นยนต์ควบคุมด้วยมือ
 
ไวนิล 2
ไวนิล 2ไวนิล 2
ไวนิล 2
 
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
 
Chapter13ผลกระทบ4G
Chapter13ผลกระทบ4GChapter13ผลกระทบ4G
Chapter13ผลกระทบ4G
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
Powerpointองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
 
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศบทคัดย่อ กิติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ กิติกรรมประกาศ
 
รายงานอาเซียน
รายงานอาเซียนรายงานอาเซียน
รายงานอาเซียน
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจ
 
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
แบบทดสอบ Powerpoint
แบบทดสอบ Powerpointแบบทดสอบ Powerpoint
แบบทดสอบ Powerpoint
 
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SE
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SEเริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SE
เริ่มต้นใช้งานชุดกล่องสมองกล IPST-SE
 
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)
การถ่ายภาพเร่งเวลา (Time-Lapse)
 
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)
การเล่าเรื่องสินค้าผ่านภาพถ่าย (Digital Storytelling in Photography)
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
 
โครงงานโปรเจ็คเวิร์ค
โครงงานโปรเจ็คเวิร์คโครงงานโปรเจ็คเวิร์ค
โครงงานโปรเจ็คเวิร์ค
 
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpoint
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpointอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpoint
อุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ powerpoint
 
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต (Internet Fundamental)
 

En vedette

เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45
เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45
เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45Mrpopovic Popovic
 
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switch
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switchการจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switch
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switchNattawut Pornonsung
 
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน IT
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน ITศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน IT
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน ITPongsa Pongsathorn
 
Tv news archive cni
Tv news archive cniTv news archive cni
Tv news archive cniuclalibrary
 
ท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นไทยท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นไทยARAM Narapol
 
The super scientist
The super scientistThe super scientist
The super scientistpizza2001
 
20141229 majalah detik_161
20141229 majalah detik_16120141229 majalah detik_161
20141229 majalah detik_161Juli Rokhmad
 
Finalpowerpoint
FinalpowerpointFinalpowerpoint
Finalpowerpointriedys
 
My favorite tv show is
My favorite tv show  isMy favorite tv show  is
My favorite tv show ispizza2001
 
UN VIAJE EN EL TIEMPO
UN VIAJE EN EL TIEMPOUN VIAJE EN EL TIEMPO
UN VIAJE EN EL TIEMPOseandrepino
 
淘宝移动端Web开发最佳实践
淘宝移动端Web开发最佳实践淘宝移动端Web开发最佳实践
淘宝移动端Web开发最佳实践Du Yamin
 
Comm 201 Presentation
Comm 201 PresentationComm 201 Presentation
Comm 201 Presentationctpowel
 
Langdurig problematische gezinssituaties
Langdurig problematische gezinssituatiesLangdurig problematische gezinssituaties
Langdurig problematische gezinssituatiesCaroline Sprenkeling
 
Riedy finalpres
Riedy finalpresRiedy finalpres
Riedy finalpresriedys
 

En vedette (20)

วิธีการเข้าสายLan
วิธีการเข้าสายLanวิธีการเข้าสายLan
วิธีการเข้าสายLan
 
เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45
เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45
เทอม 1 คาบ 9.1วิธีการเข้าสาย utp กับขั้วต่อ rj45
 
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switch
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switchการจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switch
การจัดการระบบเครือข่ายด้วย Management switch
 
ออกแบบระบบเครือข่ายคอมเตอร์อาคาร3ชั้น
ออกแบบระบบเครือข่ายคอมเตอร์อาคาร3ชั้นออกแบบระบบเครือข่ายคอมเตอร์อาคาร3ชั้น
ออกแบบระบบเครือข่ายคอมเตอร์อาคาร3ชั้น
 
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน IT
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน ITศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน IT
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ กระทรวงสาธารณสุข ดูระบบงาน IT
 
Tv news archive cni
Tv news archive cniTv news archive cni
Tv news archive cni
 
ท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นไทยท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นไทย
 
The super scientist
The super scientistThe super scientist
The super scientist
 
20141229 majalah detik_161
20141229 majalah detik_16120141229 majalah detik_161
20141229 majalah detik_161
 
Finalpowerpoint
FinalpowerpointFinalpowerpoint
Finalpowerpoint
 
My favorite tv show is
My favorite tv show  isMy favorite tv show  is
My favorite tv show is
 
UN VIAJE EN EL TIEMPO
UN VIAJE EN EL TIEMPOUN VIAJE EN EL TIEMPO
UN VIAJE EN EL TIEMPO
 
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียนการจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
 
Obesity powerpoint
Obesity powerpointObesity powerpoint
Obesity powerpoint
 
UCLA OR12
UCLA OR12UCLA OR12
UCLA OR12
 
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียนการจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
การจัดอาหารให้ลูกก่อนวัยเรียน
 
淘宝移动端Web开发最佳实践
淘宝移动端Web开发最佳实践淘宝移动端Web开发最佳实践
淘宝移动端Web开发最佳实践
 
Comm 201 Presentation
Comm 201 PresentationComm 201 Presentation
Comm 201 Presentation
 
Langdurig problematische gezinssituaties
Langdurig problematische gezinssituatiesLangdurig problematische gezinssituaties
Langdurig problematische gezinssituaties
 
Riedy finalpres
Riedy finalpresRiedy finalpres
Riedy finalpres
 

Similaire à ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์Sujit Chuajine
 
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77Tophit Sampootong
 
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77Tophit Sampootong
 
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์nuchanad
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์Kalib Karn
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์Nattawut Pornonsung
 
Basic network
Basic networkBasic network
Basic networkkruniid
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์Meaw Sukee
 
บทที่5.1
บทที่5.1บทที่5.1
บทที่5.1chu1991
 
บทที่5.1
บทที่5.1บทที่5.1
บทที่5.1chushi1991
 
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNET
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNETระบบเครือข่าย LAN - ETHERNET
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNETAdisak Kammungkun
 
คู่มือระบบเครือข่าย
คู่มือระบบเครือข่ายคู่มือระบบเครือข่าย
คู่มือระบบเครือข่ายssrithai
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตapisak smutpha
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตapisak smutpha
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตapisak smutpha
 
Fast ethernet(word)
Fast ethernet(word)Fast ethernet(word)
Fast ethernet(word)strang
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์Tanawat Rengtian
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์Nipat Deenan
 

Similaire à ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (20)

ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
ความหมายและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
 
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
 
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
%B7อข่ายคอมพิวเตอร์77
 
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมผิวเตอร์
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Network
NetworkNetwork
Network
 
Basic network
Basic networkBasic network
Basic network
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทที่5.1
บทที่5.1บทที่5.1
บทที่5.1
 
บทที่5.1
บทที่5.1บทที่5.1
บทที่5.1
 
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNET
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNETระบบเครือข่าย LAN - ETHERNET
ระบบเครือข่าย LAN - ETHERNET
 
คู่มือระบบเครือข่าย
คู่มือระบบเครือข่ายคู่มือระบบเครือข่าย
คู่มือระบบเครือข่าย
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Fast ethernet(word)
Fast ethernet(word)Fast ethernet(word)
Fast ethernet(word)
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  • 1. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1 สานักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
  • 2. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( COMPUTER NETWORK ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใน เครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้ 2
  • 3. ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ระบบเครือข่าย  การแบ่งกันใช้ข้อมูล  เพื่อให้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ใช้  เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบประมวลผล มีการสารองข้อมูลตลอดเวลา  เพื่อให้สามารถประมวลผลแบบกระจาย  เพื่อให้สามารถควบคุมและจัดสรรทรัพยากร  เพื่อใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ 3
  • 4. ประเภทของระบบเครือข่าย 1. LAN (Local Area Network) 2. MAN (Metropolitan Area Network) 3.WAN (Wide Area Network) 4
  • 5. LAN (Local Area Network) การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายที่เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เช่น การ เชื่อมต่อในตึกเดียวกัน หรือห้องเดียวกัน การเชื่อมต่อในมหาวิทยาลัย การ เชื่อมต่อในหน่วยงานต่างๆ โดยส่วนมากจะใช้สายเคเบิ้ลในการติดต่อสื่อสาร กัน โดยคอมพิวเตอร์ที่ต่อกันอยู่นั้นสามารถที่จะแบ่งกันใช้ข้อมูล สามารถ โอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องได้ รวมทั้งยังสามารถใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันได้ 5
  • 6. MAN (Metropolitan Area Network) เป็นการนาระบบ LAN หลายๆ LAN ทีมพนทีอยูใกล้เคียงกันอาจตังอยู่ ่ ี ้ื ่ ่ ้ ห่างไกลกันในช่วง 5 ถึง 50 กิโลเมตร มาเชื่อมต่อกัน มักจะเป็นบริษัทหรือ หน่วยงานขนาดใหญ่ที่จาเป็นจะต้องติดต่อสื่อสารข้อมูลผ่านระบบ คอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วสูงมาก โดยที่การสื่อสารนั้นจากัดอยู่ภายในบริเวณ เมือง หรือในจังหวัด เป็นต้น 6
  • 7. WAN (Wide Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันแบบกว้างขวาง อาจจะเป็น ภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ เป็นการใช้หลายๆ LAN หรือหลายๆ MAN ซึ่งอยู่คนละพื้นที่เชื่อมต่อเข้าหากัน เช่น สานักงานที่ New York เชื่อมต่อกับที่ Tokyo โดยการเชื่อมต่อสามารถทาได้โดยการใช้ ATM, DSL, ISDN หรือ อื่นๆ แต่การเชื่อมต่อจะมีความเร็วในการเชื่อมต่อต่ากว่าการ เชื่อมต่อแบบ LAN 7
  • 8. อาจจะมีอีกประเภทหนึ่ง คือ SAN (Small Area Network) เป็นกลุ่มของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่ขนาดเล็กมาก อาจจะ เป็นในบ้านหรือสานักงานขนาดเล็กที่มีจานวนของคอมพิวเตอร์ไม่ควร จะเกิน 10 เครื่อง 8
  • 9. ลักษณะการทางาน การทาหน้าที่ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องของ ระบบเน็ตเวิร์คเป็นสาคัญ อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. Peer to Peer Network เป็นลักษณะของกลุ่มคอมพิวเตอร์ ที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องมีสิทธิ์เท่าเทียม กันหมด (Peer) ไม่มีเครื่องไหนทาหน้าที่ เป็นศูนย์กลางของเน็ตเวิร์คเครื่องทุกเครื่องเป็นทั้งผู้ใช้ และผู้ถูกใช้ สามารถเป็นได้ ทั้ง Client และ Server ไม่มีเครื่องไหนมีหน้าที่ดูแลจัดการระบบทั้งหมด เป็นต้น ว่าการแชร์ทรัพยากรจะทาอย่างไร ใครเป็นผู้ดูแล ผู้ใช้งานแต่ละเครื่องจะเป็นผู้ดูแล ข้อมูลและทรัพยากรของตัวเอง 9
  • 10. 2. Client-Server ในกรณีที่องค์กรของเรามีผู้ใช้เครื่อง มากกว่า 15-20 เครื่อง ระบบเน็ตเวิร์คแบบ peer to peer จะไม่เหมาะสม เราควรเลือกใช้ระบบ client-server จะเหมาสมกว่า เพราะมีความสามารถในการดูแลควบคุมการใช้งานของระบบเน็ตเวิร์คที่มีผู้ใช้จานวน มากได้ดีกว่า ระบบเน็ตเวิร์คแบบนี้จะเป็นระบบที่มีศูนย์กลาง มีคอมพิวเตอร์ที่ทา หน้าที่ดูแลระบบ อานวยความสะดวก จัดเก็บข้อมูล รักษาความปลอดภัยให้กับ คอมพิวเตอร์ทั้งระบบ มีหน้าที่คล้ายๆเป็นหัวหน้ากลุ่ม เราจะเรียกคอมพิวเตอร์ที่ทา หน้าที่นี้ ว่า server ส่วนเครื่องที่เหลือในระบบที่ไม่ได้ทาหน้าที่นี้เราเรียกว่าclient หรือ workstation เป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์ในระบบ ที่ทาหน้าที่รับบริการจากเครื่อง server ซึ่งจะทาหน้าที่ควบคุมการใช้งานทุกอย่างของเน็ตเวิร์ค เช่นของมูลเครื่องพิมพ์ จะถูกดูแล และ แชร์โดยเครื่อง server อุปกรณ์ทุกอย่างจะถูกเชื่อมต่อโดยตรง เครื่อง client ทุกเครื่องจะใช้งานทรัพยากรต่างๆ ผ่านทาง server 10
  • 12. Ethernet / Fast Ethernet / Gigabit Ethernet LAN การเชื่อมต่อที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบ LAN ในปัจจุบน โดยมีอัตรารับส่งข้อมูล ั สูงสุดถึง 10 Gbps โดยเชื่อมต่อผ่านสาย UTP หรือ สาย Fiber optic  ระยะทางและความเร็วในการเชื่อมต่อแบบ Ethernet ชนิด ระยะทางสูงสุด ชนิดของสาย ความเร็ว 10BaseT 100 m UTP 10 Mbps 100BaseTX 100 m UTP 100 Mbps 100BaseFX 400 m (half duplex) Fiber Optic 100 Mbps 2000 m (full duplex) 1000BaseSX 220 m Fiber Optic 1000 Mbps (MMF) 1000BaseLX 3-10 Km Fiber Optic 1000 Mbps (SMF) 12
  • 13.  ตัวอย่างอุปกรณ์ Ethernet UTP Ethernet Card Fiber Optic 13
  • 14. Wireless LAN รูปแบบการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่านคลื่นวิทยุ โดยใช้คลื่นความถี่ที่จัดไว้ มาตรฐานการใช้งาน Wireless ในประเทศไทย  IEEE 802.11 ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 2Mbps  IEEE 802.11b ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 11Mbps / 22Mbps  IEEE 802.11a ความถี่ 5.15~5.35GHz, 5.47~5.725GHz ความเร็ว โดยรวม มากที่สุด 54Mbps  IEEE 802.11g ความถี่ 2.4~2.5GHz ความเร็วโดยรวม 54Mbps  IEEE 802.11n ความถี่ 2.4GHz / 5GHz ความเร็วโดยรวม 300Mbps 14
  • 15. วิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบ่งได้ดังนี้  การเชื่อมต่อแบบแอดฮอค (Ad-Hoc) คือ การเชื่อมต่อ ระหว่างอุปกรณ์สองตัวขึ้นไปโดยไม่จาเป็นต้องใช้ Access Point 15
  • 16.  การเชื่อมต่อแบบเป็นโครงสร้าง คือ การติดต่อสื่อสารโดยมี สถานีฐาน (Access Point) เป็นศูนย์กลาง โดยแต่ละเครื่อง สามารถเชื่อมต่อสู่เครือข่ายภายนอกได้ผ่านทาง Access Point 16
  • 17. รูปแบบของระบบเครือข่าย หมายถึงรูปแบบในการจัดวางตาแหน่งของคอมพิวเตอร์ สาย เคเบิ้ล และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อที่จะให้ข้อมูลได้ทางานตามทิศทางที่ เราได้กาหนดไว้ โครงสร้างเน็ตเวิร์คที่ต่างกันมีความต้องการด้าน อุปกรณ์ต่างๆ เช่นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ แตกต่างกันไปด้วย โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 17
  • 20. ระบบเครือข่ายรูปแบบ MESH  ข้อดี ในกรณีสายเคเบิ้ลบางสายชารุด เครือข่ายทั้งหมดยังสามารถใช้ได้ ทาให้ ระบบมีเสถียรภาพสูง นิยมใช้กับเครือข่ายที่ต้องการเสถียรภาพสูง และ เครือข่ายที่มีความสาคัญ  ข้อเสีย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบอื่นๆ ยากต่อการติดตั้ง เดินสาย เคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน และบารุงรักษาระบบ เครือข่าย 20
  • 22. ระบบเครือข่ายรูปแบบ BUS  เป็นเน็ตเวิร์คที่ง่ายที่สุด และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ด้วยการใช้สายเคเบิ้ลเป็นสายหลัก เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องโดยมีเน็ตเวิร์คการ์ดเป็น ตัวเชื่อมระหว่างสายเคเบิ้ลกับคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจะถูกส่งออกไปตามสาย ไปยังคอมพิวเตอร์ ทุกๆเครื่อง ไม่สนใจว่าเครื่องไหนคือผู้รับ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะตรวจสอบเอง ว่าข้อมูลที่ ส่งออกมานั้นเป็นของเครื่องตนเองหรือไม่ ถ้าไม่ จะปล่อยข้อมูลผ่านไป แต่ถ้าใช่ ก็จะนาข้อมูล เหล่านั้นไปใช้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ ในระบบ นี้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถส่งข้อมูลได้พร้อมกันหลายเครื่องในเวลาเดียวกันเป็นสาเหตุให้ ประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์คจะน้อยลงเมื่อมีจานวนคอมพิวเตอร์มากขึ้น สายเคเบิ้ลที่เป็นสายกลาง ที่ต้องใช้รับและส่งข้อมูล เรียกว่า backbone สายที่ใช้ส่วนมากจะเป็นสาย coaxial มีลักษณะ คล้ายๆกับสายเคเบิ้ลทีวี การใช้จะต้องมีอุปกรณ์ที่ปิดหัวและท้ายของสายเคเบิ้ลด้วย เรียกว่า terminatorคอยรับสัญญาณไม่ให้สะท้อนกลับไป ซึ่งอาจจะเป็นการรบกวนสัญญาณได้ บัส เป็น วิธีที่ง่าย และสะดวกที่สุดในการติดตั้งเน็ตเวิร์ค ไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์มากมาย มีเพียงแค่สายเคเบิ้ล เน็ตเวิร์ค-การ์ด และเทอร์มิเนเตอร์ ก็พอแล้ว มักใช้กับเน็ตเวิร์คขนาดเล็กที่มีจานวนเครื่องไม่22 มาก นัก
  • 23. ระบบเครือข่ายรูปแบบ BUS  ข้อดี  ประหยัด สะดวก ง่ายต่อการนาอุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย  ใช้สายเคเบิลน้อยกว่าการต่อแบบ Star  ข้อเสีย  ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถใช้การได้ ถ้าสายหลักชารุด  จาเป็นต้องมี Terminator ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของสายหลัก เพื่อป้องกัน สัญญาณสะท้อนกลับไปมาภายในสาย  ค้นหาจุดที่เกิดปัญหาได้ยาก ถ้าระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้  จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ มีผลกับประสิทธิภาพของเน็ตเวิรค ์  มีการชนกันของข้อมูลทีส่งออกไปมากจนทาให้เกิดปัญหา ่ 23
  • 25. ระบบเครือข่ายรูปแบบ STAR เป็นลักษณะการเชื่อมต่อโดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าสู่อุปกรณ์ส่วนกลางที่ เรียกว่า ฮับ (HUB) ข้อมูลหรือสัญญาณจะเดินทางจากเครื่องส่งไปสู่ผู้รับโดยผ่านฮับ  ข้อดี ง่ายต่อการต่ออุปกรณ์และการเดินสาย สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ หรือถอดอุปกรณ์ออกได้ง่าย และไม่รบกวนส่วนอื่น ง่ายต่อการตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา และการแยกอุปกรณ์บางส่วนออกจากระบบ  ข้อเสีย เปลืองสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบ Bus ถ้า hub หรือ switch ที่เชื่อมอยู่ตรงกลางมีปัญหา จะทาให้ระบบเครือข่ายทั้งหมด มีปัญหาไปด้วย ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการต่อแบบ Bus เนื่องจากจาเป็นต้องมี Hub หรือ Switch เชื่อม 25 ตรงกลาง
  • 27. ระบบเครือข่ายรูปแบบ TREE เป็นการผสมผสานกันระหว่างการต่อแบบ Bus และ Star หรือเป็นการต่อ Star ซ้อน กันหลายชั้น  ข้อดี  ในแต่ละส่วนย่อยๆ จะต่อถึงกันแบบ Star ทาได้รับข้อดีของการต่อแบบ Star มาด้วย  ข้อเสีย ระยะทางในแต่ละส่วนย่อยๆ จะถูกจากัดโดยชนิดของสาย ถ้าสายหลักหรือ Hub ตัวกลางหลักเสีย ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถ ใช้การได้ ยากต่อการติดตั้งและเดินสาย 27
  • 29. ระบบเครือข่ายรูปแบบ RING เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ในลักษณะของรูปวงแหวนโดยใช้สาย เคเบิ้ล การต่อลักษณะนี้จะไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสุดท้าย การส่งข้อมูลจะวิ่งผ่าน คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเป็นรูปวงแหวนในทิศทางเดียวกัน เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่อง หนึ่งต้องการส่งข้อมูล มันจะทาการใส่ข้อมูลตาแหน่งของเครื่องที่มันต้องการจะ ส่งไปให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะนาสัญญาณมาเช็คว่าเป็นของตนเองหรือเปล่า ถ้า ไม่ใช่ ก็จะส่งไปให้เครื่องต่อไป สัญญาณจะวิ่งไปจนกระทั่งเจอคอมพิวเตอร์เครื่อง นั้น และรับข้อมูลนาไปใช้เนื่องจากสัญญาณจะวิ่งไปเรื่อยๆ เป็นวงกลม จึงไม่ ต้องการอุปกรณ์ปิดหัวท้าย มักจะใช้กับเน็ตเวิร์คที่มีคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ไกลกันมาก นัก ใช้โทเค็นเป็นสือในการส่งสัญญาณ โทเค็นจะถูกวิ่งผ่านไปทุกเครื่องเรื่อยๆ จนกว่าเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลจะดึงโทเค็นไปใช้และส่งสัญญาณออกมา เครื่องที่มี โทเค็นเท่านั้นที่จะส่งข้อมูลได้ 29
  • 30. ระบบเครือข่ายรูปแบบ RING  ข้อดีของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring การเพิ่มเติมขนาดของระบบเครือข่าย ส่งผลต่อประสิทธิภาพไม่มาก ลดจานวนตัวรับและส่งสัญญาณลงครึ่งหนึ่ง (ในกรณี Ring ทางเดียว) ทุกๆ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะช่วยขยายสัญญาณ ทาให้สามารถต่อเป็นวงใหญ่ ได้  ข้อเสียของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring ประสิทธิภาพต่ากว่าแบบอื่น เนื่องจากต้องผ่านอุปกรณ์หลายตัว ถ้าอุปกรณ์บางตัวหรือสายเคเบิ้ลชารุด จะทาให้เครือข่ายทั้งหมดไม่ สามารถใช้การได้ (ในกรณี Ring ทางเดียว) 30
  • 31. ระบบเครือข่ายรูปแบบผสม (HYBRID NETWORK)  เป็นการผสมความสามารถของเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลาย ๆ แบบโดย พิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทางานสูงสุด 31
  • 32. ประสิทธิภาพของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขึ้นอยูกับองค์ประกอบดังนี้ ่ • จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่าย • สื่อนาข้อมูล (Transmission Media) • เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (Hardware) • โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล (Software) 32
  • 33. โปรโตคอล (PROTOCOL) โปรโตคอล (Protocol) คือ มาตรฐานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการ สื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่าย ซึ่งครอบคลุมถึงวิธีการและรูปแบบ การส่งข้อมูล จังหวะเวลาในการส่งข้อมูล ลาดับการรับส่งข้อมูล และวิธีจัดการป้องกันความผิดพลาดต่าง ๆ โปรโตคอล เปรียบเสมือนภาษาที่ใช้สื่อสารในระบบเครือข่าย ดังนั้นถ้าใช้ โปรโตคอลที่ต่างกันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง ๑ภ฿ @& g) นายพูด อะไร ไม่รู้ เรื่อง 33
  • 34. NETBEUI (NETWORK BASIC END USE INTERFACE) เป็น Protocol ที่เหมาะสมสาหรับเครือข่ายขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับเครือข่ายขนาด ใหญ่ เนื่องจาก Protocol นี้ไม่สามารถค้นหาเส้นทางการส่งข้อมูล (Routable) ที่ เหมาะสมได้ ข้อดีของ Protocol นี้คือใช้งานง่ายไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก TCP/IP (TRANSMISSION CONTROL PROTOCOL/INTERNET PROTOCOL) เป็นที่นิยมใช้กับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ เช่น ถูกใช้ในอินเทอร์เน็ต เพราะสามารถ ค้นหาเส้นทางการส่งข้อมูล และสามารถใช้กับระบบปฏิบัติการได้อย่างกว้างขวาง แต่การติดตั้งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร 34
  • 35. อุปกรณ์เครือข่าย คาศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่าย - Bit (บิต) หน่วยทางไฟฟ้า มีค่าเท่ากับ 0 หรือ 1 - Bandwidth (แบนด์วิทช์) คือ ความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านระบบ เครือข่าย มีหน่วยเป็น bps (บิตต่อวินาที) 35
  • 36.  Router • ใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ที่มีการเชื่อมต่อภายในแตกต่างกัน หรือเชื่อมระหว่าง LAN และ WAN 36
  • 37.  Switch •ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เข้า เป็นระบบเครือข่ายเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้ • Bandwidth 10/100/1000 Mbps • แต่ละพอร์ตไม่มีการใช้งานร่วมกัน 37
  • 38.  Hub • ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้เป็นระบบเครือข่ายเดียวกัน • Bandwidth 10/100/1000 Mbps • แต่ละพอร์ตใช้งานร่วมกัน(เชื่อมกันหมด) 38
  • 39.  ความแตกต่างระหว่าง Hub และ Switch  Hub จะส่งข้อมูลที่เข้ามาไปยังทุกๆ พอร์ตของ Hub ยกเว้นพอร์ตที่ข้อมูล ดังกล่าวเข้ามายัง Hub ในขณะที่ Switch จะทาการเรียนรู้อุปกรณ์ที่ต่อกับ พอร์ตต่างๆ ทาให้ Switch ส่งข้อมูลไปยังพอร์ตที่มีเครื่องปลายทางอยู่ เท่านั้น ไม่ส่งไปทุกๆ พอร์ตเหมือนกับ Hub ซึ่งส่งผลให้ปริมาณข้อมูลภายใน ระบบเครือข่ายไม่มากเกินความจาเป็น  Hub เป็นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมูล (Repeater) เท่านั้น ในขณะที่ Switch จะมีการทางานที่ซับซ้อนกว่า, มีการเรียนรู้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การ ตัดสินใจส่งข้อมูลออกไปพอร์ตใด 39
  • 40.  Ethernet Card • ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ผ่านทาง Switch หรือ Hub • Bandwidth 10/100/1000 Mbps 40
  • 42.  ไฟสถานะของEthernet Card  LINK ถ้าสว่างแสดงว่า มีการเสียบ สายแลนเข้ากับการ์ด และสามารถ ใช้งานได้  10 ถ้าสว่างแสดงว่า อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อด้วยความเร็ว 10 MB/s เช่นเดียวกับไฟ 100 ถ้าสว่างแสดงว่าเชื่อมด้วยความเร็ว 100 MB/s  ACT (Activity) ถ้ากระพริบแสดงว่ามีการส่งข้อมูลเข้า-ออกการ์ด (เนื่องมาจาก กิจกรรมการใช้เครือข่ายต่างๆ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ต, การแชร์ไฟล์ ฯลฯ ถ้ามี การส่งข้อมูลจานวนมากจะเปลี่ยนจากกระพริบมาเป็นสว่างค้างตลอดเวลา 42
  • 43.  Modem • ใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายผ่าน ทางสายโทรศัพท์ • Bandwidth 56 Kbps Internal Modem External Modem 43
  • 44.  Access Point • ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์กับ ระบบเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless) • Bandwidth 11/54 Mbps 44
  • 45.  Wireless Card • ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อ เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายแบบไร้สาย PCMCIA • Bandwidth 11/54 Mbps USB PCI for PC 45
  • 46.  สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) • ใช้ในการเชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และ Ethernet Switch หรือ Hub • Bandwidth 10/100/1000 Mbps • ความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นอยู่กับการเข้าหัว สาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ •ระยะทางในการเชื่อมต่อ < 100m 46
  • 47.  สาย UTP และหัว RJ-45  สาย UTP ที่ใช้ใน Ethernet Lan จะเข้าหัวแบบ RJ-45  ภายในสาย UTP จะมีสายทองแดงย่อยอีก 8 เส้น โดยถูกจัดกลุ่มเป็นคู่ๆ ทั้งหมด 4 คู่ UTP RJ-45 47
  • 48.  การเข้าหัว RJ-45 มีได้ 2 แบบ คือ  แบบ A (Standard 568A) มีการเรียงสายจากซ้ายไปขวา ดังนี้ ขาว/เขียว เขียว ขาว/ส้ม น้าเงิน ขาว/น้าเงิน ส้ม ขาว/น้าตาล น้าตาล 48
  • 49. แบบ B (Standard 568B) เป็นแบบที่นิยมใช้กันมาก มีการเรียงสายจากซ้าย ไปขวา ดังนี้ ขาว/ส้ม ส้ม ขาวเขียว น้าเงิน ขาว/น้าเงิน เขียว ขาว/น้าตาล น้าตาล 49
  • 50.  สาย UTP มี 2 แบบ ตามการเข้าหัว RJ-45 ดังนี้  สายตรง (UTP Straight Cable) เป็นสายที่ใช้ทั่วไป และพบมาก โดยใช้ในการ เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์เครือข่ายจาพวก Hub และ Switch โดยการเข้าหัวทั้ง 2 ปลายจะเป็นแบบเดียวกัน (A หรือ B ก็ได้)  สายครอส (UTP Cross-over Cable) ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง คอมพิวเตอร์ 2 เครื่องโดยตรง ไม่ผ่านอุปกรณ์ประเภท Hub และ Switch นอกจากนี้ยังใช้เชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และ Router (ซึ่งถือว่าเป็น คอมพิว เตอร์อี กรู ปแบบหนึ่ง ) โดยการเข้า หัว ที่ป ลายทั้ง 2 จะไม่ เหมือ นกั น กล่าวคือ ปลายข้างหนึ่งเข้าหัวแบบ A อีกปลายจะเข้าหัวแบบ B 50
  • 51. 51
  • 52.  สายตรง (UTP Straight Cable) 52
  • 53.  สายครอส (UTP Cross-over Cable) 53
  • 54. สาย STP (Shielded Twisted Pair) • คล้ายกับสาย UTP แต่มีชนวน และ ตัวนาหุ้ม จึงป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี นิยมใช้แทนสาย UTP ในที่ๆ มีสัญญาณ รบกวนมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ • มีราคาแพงกว่าสาย UTP 54
  • 55. สาย Fiber Optic • ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เครือข่าย • Bandwidth 10/100/1000 Mbps • ระยะทางในการเชื่อมต่อ 500m – 2Km แล้วแต่ชนิดของสาย 55
  • 56.  รูปแบบการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย Duplex หมายความถึง ความสามารถรับและส่งข้อมูลด้วยอุปกรณ์ชิ้น เดียวกัน ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ  Half Duplex จะรับและส่งข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถทาพร้อมกันได้ กล่าวคือ ถ้าฝ่ายหนึ่งส่งข้อมูล อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่สามารถส่งได้จนกว่า อีกฝ่ายจะเลิกส่งข้อมูล และเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรับ เหมือนการใช้วิทยุสื่อสาร ได้แก่ Ethernet ประเภท 10 BaseT (10Mbps) เป็นต้น  Full Duplex สามารถรับและส่งข้อมูลไปพร้อมๆ กันได้ เหมือนกันการ พูดคุยผ่านโทรศัพท์ ได้แก่ Fast Ethernet (100Mbps) หรือ Gigabit Ethernet (1000Mbps) เป็นต้น 56
  • 58. 58
  • 59. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารไร้สาย  การสื่อสารข้อมูลในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีในการรับส่งที่มีความซับซ้อน เพิ่มขึ้น  ข้อมูลทุกชนิดถูกปรับเปลี่ยนและดัดแปลงให้อยู่ในรูป digital  สามารถสื่อสารและส่งถ่ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยความถูกต้อง และรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง  ผ่านตัวกลางหลายชนิด โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ  การสื่อสารข้อมูลทางสาย  การสื่อสารข้อมูลไร้สาย 59
  • 60. การสื่อสารข้อมูลไร้สาย  ตัวกลางที่ถูกนามาทดแทนสายสัญญาณที่นิยมใช้กันชนิดแรกก็คือ แสงอินฟราเรด  การส่งผ่านข้อมูลผ่านแสงอินฟราเรดถูกนามาใช้งานอย่างแพร่หลาย เพราะ สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วค่อนข้างสูง มีความสะดวกในการใช้งาน เช่น รีโมท คอนโทรล  ข้อด้อยของการใช้งานอินฟาเรด คือ ความจากัดด้านระยะทาง และตาแหน่ง ระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองต้องเป็นเส้นตรงอยู่ในแนวเดียวกัน และจะต้องไม่มีอะไรมา ตัดขวางลาแสง  จากข้อด้อยทาให้เกิดความคิดที่จะนาคลื่นวิทยุมาใช้ส่งข้อมูลแทน เพราะสามารถ รับส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง สามารถทะลุวัสดุต่างๆ ได้ และไม่จาเป็นต้องให้ตัวส่ง และตัวรับอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน 60
  • 62. โฮมอาร์เอฟ (HOMERF)  HomeRF = Home Radio Frequency  คือ เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อใช้ควบคุม สั่งการ และเชื่อมต่อ เครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ทุกชนิดที่อยู่ภายในบ้าน  ใช้คลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz ในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราเร็ว 1.6 Mbps ระยะ ทาการ 150 เมตร  เช่น ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน ระบบตรวจสอบและแจ้งการ ซ่อมแซมบ้านโดยอัตโนมัติ ระบบสุขอนามัย ฯลฯ  สามารถใช้คอมฯ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ชุดสุขภัณฑ์ อัจฉริยะ โทรทัศน์วงจรปิด ฯลฯ ภายในบ้านเพื่อควบคุม สั่งการและใช้ข้อมูล 62 ต่างๆ ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องเดินสายสัญญาณ
  • 63. บลูทูธ (BLUETOOTH)  เป็นมาตรฐานที่กาหนดขึ้นเพื่อทดแทนการใช้สายเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ใน ระยะใกล้  ใช้คลื่นความถี่ในย่าน ISM(Industrail, Scientific, Medical) 2.4 กิกะเฮิรตซ์ พื้นที่การใช้งานไม่เกิน 10 เมตร  บลูทูธสามารถจัดการให้อุปกรณ์หลายชนิดสามารถติดต่อสื่อสารได้พร้อมกัน  ใช้พลังงานต่า เชื่อมต่อสะดวก  เช่น เชื่อมต่อ Notebook เข้าอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ, แบ่งข้อมูลกันระหว่าง มือถือกับ Notebook, Headset  ปัญหา : อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีบลูทูธมีราคาสูงกว่าแบบใช้สาย 63
  • 64. แนวคิดที่นาไปใช้งาน - คอมพิวเตอร์ไร้สาย - คอมพิวเตอร์สวมใส่ (BWC : Body Wearable Computer) คือเป็นคอมฯ ขนาดเล็ก น้าหนักเบา ทางานด้วยแบตเตอร์รี่ สามารถประกบหรือสวมใส่ ติดร่างกาย - ชุดหูฟัง - เมาส์ คีย์บอร์ด - อินเตอร์เน็ตบริดจ์ 64
  • 65. ไวไฟ (WIRELESS FIDELITY : WI-FI)  เป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมคอมฯ เข้ากับเครือข่ายแลน (LAN : Local Area Network) มักถูกเรียกว่า Wireless LAN  ครอบคลุมพื้นที่ทาการ 50-100 เมตร 65
  • 66. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย (WIRELESS LAN)  ปัจจุบันการใช้งานคอมพิวเตอร์เปลี่ยนรูปมาเป็นงานที่ต้องเชื่อมโดยกับ เครือข่าย ทั้งเครือข่ายภายในองค์กร ระหว่างองค์กร และอินเตอร์เน็ต  ระบบแลนไร้สาย (Wireless LAN หรือ WLAN) เป็นการนาเอาคอมพิวเตอร์ หลายเครื่องมาเชื่อมเข้าด้วยกัน ให้รับส่งข้อมูลถึงกันได้โดยไม่ต้องใช้สาย 66
  • 67. จุดเด่นของแลนไร้สาย 1) ความยืดหยุ่นในการใช้งาน 2) การนาติดตัว (Mobility) 3) การขยายเครือข่ายได้ง่าย 4) ให้ผลคุ้มค่า 5) การมีมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วไป 67
  • 68. พัฒนาการของแลนไร้สาย  ความต้องการใช้ระบบแลนไร้สายมีลักษณะเช่นเดียวกับระบบเซลลูลาร์โฟน หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่  ค.ศ. 1997 สถาบัน IEEE ได้กาหนดมาตรฐานแลนไร้สาย โดยให้ชื่อว่า IEEE 802.11 รับส่งสัญญาณด้วยขนาดความเร็ว 2 เมกะบิต/วินาที  ค.ศ. 1999 IEEE ได้พัฒนามาตรฐานใหม่ ให้ชื่อว่า IEEE 802.11b ความเร็ว ในการรับส่ง 11 เมกะบิต/วินาที บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายขนาดใหญ่ให้ ความสนใจและเร่งการพัฒนาเป็นอย่างมาก  การพัฒนาแลนไร้สายมิได้หยุดอยู่เฉพาะการทาให้เชื่อมต่อถึงกันได้ ยังมี ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของสัญญาณข้อมูลที่แพร่กระจายใน อากาศด้วย 68
  • 69. อุปกรณ์ของเครือข่ายแลนไร้สาย 1) เครื่องคอมพิวเตอร์ : เครื่อง PC หรือ Notebook หรือ Pocket PC และมีสล็อต PCMCIA 2) ไวร์เลสการ์ด : มาตรฐาน 802.11 ซึ่งมีผู้ผลิต ได้แก่ Cisco, Orinoco, Toshiba, 3Com, Linksys เป็นต้น 3) แอกเซสพอยต์ (Access Point) : เป็นอุปกรณ์รับส่งไร้สาย สาหรับระบบ LAN ทาหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางของระบบเครือข่ายไร้สาย หรือเป็นจุด เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายมีสาย 4) ไดรฟ์เวอร์ : ซอฟต์แวร์สาหรับความคุมการทางาน 69
  • 70. การเชื่อมต่อเครือข่ายแลนไร้สาย  แบ่งเป็น 2 ประเภท 1) การรวมตัวแบบแอดฮอค (Ad-Hoc) คือ การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานี เคลื่อนที่ (โน๊ตบุ๊ค พีดีเอ) ตั้งแต่ 2 สถานีขึ้นไป โดยไม่ต้องใช้สถานีฐาน (Access point) 2) การรวมตัวแบบเป็นโครงสร้าง (Infrastructure) คือ การติดต่อสื่อสาร โดยมีสถานีฐาน (Access point) เป็นศูนย์กลาง ทุกสถานีต้องอยู่ภายใน รัศมีการใช้งานของแอกเซสพอยต์ 70
  • 71. ประเภทของเครือข่ายแลนไร้สาย 1) WPAN (Wireless Personal Area Network) เป็นระบบเครือข่ายไร้สายส่วน บุคคล ปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบ คือ IR (Infra-Red) และ Bluetooth การ ทางานจะครอบคลุมบริเวณการสื่อสารที่ค่อนข้างจากัด เช่น อินฟาเรด ระยะ ประมาณไม่เกิน 3 เมตร และบลูทูธ ระยะประมาณไม่เกิน 10 เมตร 2) WLAN (Wireless Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายท้องถิ่นที่ใช้งาน ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในระยะใกล้ ภายในหน่วยงานหรืออาคารเดียวกัน เช่น สานักงาน สถานที่จัดนิทรรศการ 3) WMAN (Wireless Metropolitan Area Network) เป็นระบบเครือข่าย สาหรับเมืองใหญ่ๆ เชื่อมติดต่อกันระหว่างอาคารต่างๆ ภายในเมือง 4) WWAN (Wireless Wide Area Network) เป็นระบบเครือข่ายไร้สายขนาด 71 ใหญ่สาหรับเมืองหรือประเทศซึ่งมักมีการใช้งานผ่านดาวเทียมข้ามประเทศ
  • 72. ความปลอดภัยของเครือข่ายแลนไร้สาย 1) การใช้กาแพงไฟ (FireWall) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สาหรับป้องกันผู้อื่นรุกล้าเข้ามาใน ระบบ นิยมใช้ในบริษัท ธนาคาร หน่วยงานต่างๆ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง 2) การแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ ควรจากัดการแชร์ไว้เฉพาะข้อมูลที่ต้องการใช้ร่วมกัน เท่านั้น 3) การกาหนดบัญชีสมาชิกและรหัสผ่าน (User Name and Password) นิยมใช้ ป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาในระบบ ผู้ใช้ต้องป้อนชื่อที่ได้รับอนุญาตและ รหัสผ่านที่ถูกต้องจึงจะสามารถเข้าสู่ระบบได้ 4) การใช้โพรโทคอล WEP (wired equivalency privacy key) เป็นการเข้ารหัส ข้อมูลที่มีความปลอดภัยระดับกลางและระดับสูง 5) Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นโพรโทคอลรักษาความปลอดภัยสูงกว่า WEP โดยอุปกรณ์ต่างๆ สามารถตรวจจับ Network Adapter เถื่อน และ 72 ปรับเปลี่ยนกุญแจเพื่อเข้ารหัสข้อมูลแก่ทุกอุปกรณ์เป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ
  • 73. การตรวจสอบระบบเครือข่ายเบื้องต้น การตรวจสอบการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย มีการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย 73
  • 74. การตรวจสอบ IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ดับเบิลคลิ๊กที่ จะเกิดหน้าต่างดังรูป 74
  • 75. การตรวจสอบ IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์ คลิ๊กที่ “Support” 75
  • 77.  การตรวจสอบระบบเครือข่ายด้วยคาสั่งต่างๆ • ipconfig ->ใช้ตรวจสอบหมายเลขไอพีแอรดเดรสของเครื่อง • Ping -> ใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่างโฮสต์ • Nslookup -> ใช้ในการตรวจสอบชื่อโดเมน • Traceroute -> ใช้ในการตรวจสอบเส้นทางในการเชื่อมต่อ 77
  • 81.  Ping  Ping IP address ที่ต้องการทดสอบ Ex ping 158.108.1.1 81
  • 82.  Traceroute  Tracert IP Address ที่ต้องการ Ex tracert 158.108.50.5 82
  • 83.  Nslookup  Nslookup ชื่อที่ต้องการตรวจสอบ Ex nslookup www.google.com 83
  • 84. การตรวจสอบ BANDWIDTH ของเครือข่าย INTERNET  การตรวจสอบ Bandwidth จาก Website  http://speedtest.adslthailand.com/  การตรวจสอบจากเครื่องโปรแกรม 84
  • 85. การตั้งค่าไอพีแอดเดรส การแชร์ปรินส์เตอร์ และการแชร์ไฟล์ ระหว่าง Windows 7 กับเครื่องอื่นๆ
  • 86. การตั้งค่า IP ADDRESS  IP Address คือ หมายเลขประจาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย ตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุด เช่น 192.168.100.1 หรือ 172.16.10.1 เป็นต้น มาตรฐานของ IP Address ปัจจุบันเป็น มาตรฐาน version 4 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า IPv4 วึ่งกาหนดให้ ip address มีทั้งหมด 32 bit หรือ 4 byte แต่ล่ะ byte จะถูกคั่นด้วย จุด (.) 86
  • 87. ขั้นตอนวิธีการตั้งค่า IP ADDRESS  ไปที่ Control panel แล้วคลิกลิ้ง View network status and tasks หรือจะคลิก Open Network and Sharing Center ที่การ์ดแลนมุมขวาล่าง 87
  • 88.  เลือกไปที่ Change Adapter Settings > Local area connection 88
  • 89.  คลิกปุ่ม Properties > ดับเบิ้ลคลิก Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4) 89
  • 90.  หากเลือก Obtain an IP address automatically แสดงว่ารับจาก DHCP  แต่ถ้าเลือก Use the following IP address ตัวอย่างเช่น 192.168.1.22 เป็นการตั้งค่า IP แบบ Static  หรือ เป็นการตั้งค่าแบบกาหนดเอง 90
  • 91. ขั้นตอนในการแชร์ไฟล์ 1. Windows 7 Start > Control Panel > เลือก Choose homegroup and sharing options
  • 92. 2. ให้เลือก Change advaced sharing setting
  • 94. หัวข้อ File and Printer sharing ให้เป็น Turn on
  • 95. และในส่วนของ Password protected sharing ก็ให้ปรับเป็น Turn Off และทาการกด Save ในการปิดนี้เป็นการปิด Password ในการแชร์ ซึ่งตัว Defualt ของ Windows 7 จะมี Security เพื่อ ป้องกันการเข้ามา Access ในไฟล์หรือ Folder นั้น
  • 96. 1. ให้คลิกขวา ที่ Folder Share windows7 แล้วเลือก Properties 2. ให้เลือก Tab Sharing 3. เลือก Advanced Setting 4. ให้เลือก (√) Share this folder จากนั้นให้ใส่ Share name ขอใส่ share windows7 5. กด Permissions เพื่อกาหนดสิทธิ์ 6. ให้สิทธิ์ Everyone เป็น Full Control
  • 97. ให้ไปที่ Drive ที่เราต้องการ Share file จากนั้นให้คลิกขวา ที่ Drive เช่น Drive D จากนั้นเลือก Propreties
  • 98. สังเกตุว่าตรง Share กดไม่ได้ แต่ให้มากด Advanced Sharing แทน
  • 99. จากนั้นให้เราเลือกถูก Share this folder จากนั้นใส่ชื่อ Share name ใส่ชื่อที่ต้องการลงไป
  • 100. เมื่อตั้งชื่อ Drive ที่จะแชร์เสร็จแล้วให้เลือกคลิกที่ Permission และกาหนดสิทธิ์ของ คนๆนั้นที่สามารถเข้ามาใน Folder นี้ได้ ในที่นี้ใส่เป็น Everyone และสามารถทาได้ทุกอย่างให้ เลือก Full Control
  • 101. หลังจากนั้นจะมี Network Path ขึ้นมาแล้ว มันจะปรากฎตามนีครับ ชื่อคอมของคุณชือDrive ที่แชร์ ้ ่
  • 104. จากนั้นมาที่เครื่อง Windows Xp My Computer ขึ้นมา พิมพ์ Ip address : 192.168.100.1
  • 105. REMOTE DESKTOP การกาหนด ยกเลิก และเปลี่ยนรหัสผ่านยูสเซอร์ใน WINDOWS 7 105
  • 107. การเปลี่ยนรหัสผ่านของยูสเซอร์แอคเคานต์ - กรอกรหัสผ่านเดิมที่ใช้อยู่ - ตั้งรหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ และยืนยันรหัสผ่านใหม่ที่ กาหนดอีกครั้ง - คลิก Change password เพื่อเปลี่ยน รหัสผ่าน 107
  • 110. ในหน้า SYSTEM PROPERTISE ให้เราเลือกแทบ REMOTE ในส่วนของ REMOTE DESKTOP ให้เราเลือก ALLOW CONNECTIONS FOR COMPUTERS RUNNING ANY VERSION OF REMOTE DESKTOP และให้เราเลือก SELECT USER 110
  • 111. จากนั้นให้เราเลือก USER ที่สามารถเข้ามา REMOTE DESKTOP ใน เครื่องของเราได้ 111
  • 112. คลิกที่ START MENU > ALL PROGRAMS > ACCESSORIES > REMOTE DESKTOP CONNECTION 112
  • 114. - เลือก INSTALL หากมี TEAMVIEWER รุ่นเก่าอยู่แล้วก็ให้คลิกเลือก UNINSTALL OLD VERSION 114
  • 115. - PERSONAL / NON-COMMERCIAL USE ตามภาพด้านล่าง 115
  • 116. - คลิกเลือก I ACCEPT THE TERMS IN THE LICENSE AGREEMENT - คลิกเลือก I AGREE THAT I WILL ONLY USE TEAMVIEWER FOR NON-COMMERCIAL AND PRIVATE USE จากนั้นคลิกปุ่ม NEXT 116
  • 117. - เลือก NO (DEFAULT) 117
  • 120. - การเข้าใช้งานของฝั่งผู้ควบคุม ต้องมี USER ID กับ PASSWORD ของเครื่อง ที่เราต้องการคุมด้วย - กาหนดรหัสผ่านเข้าไปที่ EXTRAS > OPTIONS > SECURITY จะเป็นการ ตั้ง PASSWORD ไว้เพื่อไม่ให้ PASSWORD เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เข้าใช้งาน เหมาะสาหรับเข้าใช้งานเครื่องตัวเองจากที่บ้านมาที่ทางาน 120