SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  25
Télécharger pour lire hors ligne
ระบบประสาท
       ระบบประสาท (nervous system) คือ ระบบการตอบสนองต่อสิ่ งเร้าของสัตว์ทาให้สตว์
                                                                               ั
สามารถตอบสนองต่อสิ่ งต่างๆ รอบตัวอย่างรวดเร็ ว ช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อให้สามารถตอบ
สนองได้ สัตว์ช้ นต่าบางชนิด เช่น ฟองน้ า ไม่มีระบบประสาท สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบาง
                ั
ชนิดเริ่ มมีระบบประสาท สัตว์ช้ นสู งขึ้นมาจะมีโครงสร้างของระบบประสาทซับซ้อนยิงขึ้น
                               ั                                             ่

       ระบบประสาท มีหน้าที่ในการออกคาสั่งการทางานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการทางาน
ของอวัยวะต่างๆ ในร่ างกาย และประมวลข้อมูลที่รับมาจากประสาทสัมผัสต่างๆ และสร้างคาสั่ง
ต่าง ๆ (action) ให้อวัยวะต่างๆ ทางาน ระบบประสาทของสัตว์ที่มีสมองจะมีความคิดและ
อารมณ์ ระบบประสาทจึงเป็ นส่ วนของร่ างกายที่ทาให้สัตว์มีการเคลื่อนไหว (ยกเว้นสัตว์ช้ นต่าที่
                                                                                     ั
ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น ฟองน้ า) สารเคมีที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทหรื อเส้นประสาท
เรี ยกว่า สารที่มีพิษต่อระบบประสาท (neurotoxin) ซึ่งมักจะมีผลทาให้เป็ นอัมพาต หรื อตายได้



เซลล์ประสาท ประกอบด้ วยส่ วนทีสาคัญ 2 ส่ วน คือ
                              ่

ตัวเซลล์ (cell body) และ ใยประสาท (nerve fiber)

       - ตัวเซลล์ เป็ นส่ วนของไซโทพลาซึมและนิวเคลียส ตัวเซลล์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ4 - 25 ไมโครเมตร ภายในมีออร์แกเนลล์ที่สาคัญ คือ ไมโทคอนเดรี ย เอนโดพ
ลาสมิกเรติคูลมและกอลจิคอมเพล็กซ์ จานวนมาก
             ั

       - ใยประสาท ที่นากระแสประสาทเข้าสู่ ตวเซลล์ เรี ยกว่า เดนไดรต์ (dendrite) ใย
                                           ั
ประสาทนากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ เรี ยกว่า แอกซอน (axon) เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์
จะมีเดนไดรต์แยกจากตัวเซลล์หนึ่งใยหรื อหลายใย ส่ วนแอกซอนมีเพียงใยเดียวเท่านั้น
กรณี ใยประสาทยาวซึ่งมักเป็ นใยประสาทของแอกซอนจะมี เยือไมอีลิน (myelin sheath)
                                                            ่

มาหุมใยประสาท เยือไมอีลินมีสารจาพวกลิพิดเป็ นองค์ประกอบเมื่อตรวจดูภาพตัดขวางของเยือ
    ้            ่                                                                ่
ไมอีลินด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่าเยือไมอีลินติดต่อกับเซลล์ชวันน์ (schwann cell)
                                            ่

ซึ่งเป็ นเซลล์ค้ าจุนชนิดหนึ่งแสดงว่าเยือไมอีลินเป็ นส่ วนหนึ่งของเยือหุมของเซลล์ชวันน์
                                        ่                            ่ ้

       ส่ วนของแอกซอนตรงบริ เวณร่ อยต่อระหว่างเซลล์ชวันน์แต่ละเซลล์เป็ นบริ เวณที่ไม่มี

เยือไมอีลินหุมเรี ยกว่า โนดออฟแรนเวียร์ (node of Ranvier)
   ่         ้
เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้ าทีได้ 3 ชนิด ได้ แก่
                          ่

1. เซลล์ประสาทรับความรู ้สึก (sensory neuron)

       คือ เซลล์ประสาทที่รับกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู ้สึก แล้วถ่ายทอดกระแส
                                                                  ่
ประสาทไปยังเซลล์ประสาทสั่งการ อาจผ่านเซลล์ประสาทประสานงานหรื อไม่ผานก็ได้

                         ่
เซลล์เหล่านี้มีตวเซลล์อยูที่ปมประสาทรากบนของไขสันหลัง
                ั

2. เซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron)

       มักมีใยประสาทแอกซอนยาวกว่าเดนไดรต์ อาจยาวถึง 1 เมตร เพราะ เซลล์ประสาทสัง
                                                                              ่
         ่
การที่อยูในไขสันหลังต้องส่ งกระแสประสาทออกจากไขสันหลัง เพื่อนากระแสประสาทไปยัง

หน่วยปฏิบติงาน เช่น กล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งอยูห่างไกลจากไขสันหลังมาก
         ั                                 ่

3. เซลล์ประสาทประสานงาน (association neuron )

                            ่
       เซลล์ประสาทชนิดนี้อยูภายในสมองและไขสันหลัง จะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท

รับความรู ้สึก กับเซลล์ประสาทสังการใยประสาทของเซลล์ประสาทประสานงานอาจมีความยาว
                               ่
เพียง 4 - 5 ไมโครเมตรเท่านั้น
เซลล์ประสาทแบ่ งตามจานวนแขนงทีแยกออกจากตัวเซลล์ แบ่ งได้ เป็ น 3 ชนิด คือ
                              ่

1. เซลล์ประสาทขั้วเดียว (unipolar neuron)

       เซลล์ประสาทประเภทนี้ส่วนของแอกซอนและเดนไดรต์ที่ใกล ้้ๆ ตัวเซลล์จะรวมเป็ น
เส้นเดียวกัน ทาให้มีแขนงแยกออกจากตัวเซลล์เพียงแขนงเดียว เดนไดรต์มกจะยาวกว่าแอก
                                                                 ั
ซอนมากพบที่ปมประสาทรากบน (dorsal root ganglion) ของไขสันหลัง

2. เซลล์ประสาทสองขั้ว (bipolar neuron)

       เซลล์ประสาทมีแขนงแยกออกมาเป็ น 2 แขนง โดยแขนงหนึ่งเป็ นแอกซอน และอีก
แขนงหนึ่งเป็ นเดนไดรต์ ความยาวของแขนงทั้งสองนี้ใกล้เคียงกัน พบได้ที่เรตินาของลูกตา คอ
เคลียของหูและเยือดมกลิ่นของจมูก เซลล์ประสาทขั้วเดียวและเซลล์ประสาทสองขั้ว มักจะทา
                ่
หน้าที่เป็ นเซลล์ประสาทรับความรู ้สึก

3. เซลล์ประสาทหลายขั้ว (multipolar neuron)

       เซล์ประสาทจะมีหลายแขนงโดยเป็ นแอกซอน 1 แขนง และเป็ นเดนไดรต์ 2 หรื อ
มากกว่าเซลล์ประสาทส่ วนใหญ่ของร่ างกายเป็ นเซลล์ประสาทหลายขั้ว พบได้ในสมอง และไข
สันหลัง มีแอกซอนยาว และเดนไดรต์ส้ ัน ทาหน้าที่นาคาสั่งไปยังอวัยวะตอบสนอง
การทางานของระบบประสาท จาแนกได้ 3 ประเภท คือ

1. การทางานของระบบประสาทสังการ
                          ่

การทางานของเส้นประสาทในระบบประสาทรอบนอกแบ่งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ

- ส่ วนที่รับความรู ้สึก (sensory division) จะรับความรู ้สึกจากภายในหรื อภายนอกร่ างกาย

- ส่ วนที่สั่งการ (motor division)



       ถ้าการสั่งการเกิดขึ้นกับหน่วยปฏิบติงานที่บงคับได้ เช่น กล้ามเนื้อยึดกระดูก ก็จดเป็ น
                                        ั        ั                                   ั

ระบบประสาทโซมาติก (somatic nervous system : SNS)

       ถ้าการสั่งการเกิดกับหน่วยปฏิบติงานที่บงคับไม่ได้ เช่น อวัยวะภายในและต่อมต่าง ๆ
                                    ั        ั

ก็จดเป็ น ระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system : ANS)
   ั
2. ระบบประสาทโซมาติก (somaticnervous system : SNS)

        ระบบประสาทโซมาติก ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อยึดกระดูก โดยเซลล์ประสาท
รับความรู ้สึกจะรับกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู ้สึกผ่านเส้นประสาทไขสันหลังหรื อ
เส้นประสาทสมองเข้าสู่ ไขสันหลังหรื อสมอง และกระแสประสาทจะถูกส่ งผ่านเส้นประสาทไข
สันหลังหรื อเส้นประสาทสมองไปยังหน่วยปฏิบติงาน ซึ่งเป็ นกล้ามเนื้อยึดกระดูก บางครั้งอาจ
                                        ั
ทางานโดยผ่านไขสันหลังเท่านั้น เช่น การกระตุกขาเมื่อเคาะหัวเข่าเบา ๆ

        ระบบประสาทโซมาติก เป็ นระบบที่ประสาทที่ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อลายหรื อ

ระบบประสาทในอานาจจิตใจ (voluntary nervous system) ได้แก่ เส้นประสาทสมองและ
เส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่ งมีใยประสาทนาคาสั่งไปควบคุมกล้ามเนื้อลาย

        การตอบสนองสิ่ งเร้าที่มากระตุน เช่น การกระตุกขาเมื่อเคาะหัวเข่าจะเกิดขึ้นเองโดยอัต
                                     ้
โนวัติ เรี ยกว่า รี เฟล็กซ์ (reflex) กิริยาอาการที่แสดงออกมาเมื่อมีสี่งเร้ามากระตุนในระยะเวลา
                                                                                  ้
สั้น ๆ เรี ยกว่า รี เฟล็กซ์แอกชัน (reflex action)

เป็ นการตอบสนองของหน่วยปฏิบติงานที่เกิดขึ้น
                           ั

ในทันทีทนใด โดยไม่มีการเตรี ยมตัวไว้ล่วงหน้า
        ั

เป็ นการสั่งการของไขสันหลัง โดยไม่ตองอาศัย
                                   ้

คาสั่งจากสมอง
3. ระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system : ANS )

       เป็ นระบบประสาทที่ทางานนอกอานาจจิตใจ (involuntary nervous system) เป็ นระบบ
                           ่
ประสาทที่ควบคุมอวัยวะที่อยูนอกอานาจจิตใจ เช่น กล้ามเนื้อเรี ยบและอวัยวะต่าง ๆ กล้ามเนื้อ
หัวใจที่หวใจ และต่อมต่าง ๆ ให้ทางานโดยอัตโนวัติ ทาให้ร่างกายดาเนินชีวิตได้อย่างปกติ การ
         ั
ทางานของระบบประสาทอัตโนวัติประกอบด้วย



เส้ นประสาทของระบบประสาทอัตโนวัติ มี 2 ตอน คือ

       ตอนที่ 1 คือ เส้นประสาทหน้าปมประสาทหรื อเซลล์ประสาทก่อนแกลงเกลีย มีเยือ
                                                                             ่

ไมอีลินห่อหุม เชื่อมระหว่างระบบประสาทส่ วนกลางกับปมประสาทอัตโนวัติ
            ้

       ตอนที่ 2 คือ เส้นประสาทหลังปมประสาทหรื อเซลล์ประสาทหลังแกงเกลีย เป็ น
                                            ั
เส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างปมประสาทอัตโนวัติกบอวัยวะตอบสนอง



ปมประสาทอัตโนวัติ

                                                                ่
       เป็ นส่ วนที่มีตวเซลล์ประสาทของระบบประสาทอัตโนวัติ ที่อยูนอกระบบประสาทกลาง
                       ั
   ่
อยูและเป็ นตาแหน่งที่มีการไซแนปส์ของเซลล์ประสาทหน้าปมประสาทกับเซลล์ประสาท

หลังปมประสาท
เซลล์ประสาทอัตโนวัติ มี 2 เซลล์ ได้ แก่

                                               ่
       1.) เซลล์ประสาทหน้าปมประสาท มีตวเซลล์อยูในไขสันหลังและมีแอกซอนไปสิ้ นสุ ด
                                      ั
ที่ปมประสาทอัตโนวัติซ่ ึงเป็ นจุดที่ไซแนปส์

                                                     ่
       2.) เซลล์ประสาทหลังปมประสาท มีตวเซลล์ประสาทอยูในปมประสาทอัตโนวัติและมี
                                      ั

         ่
แอกซอนอยูที่อวัยวะตอบสนอง



ระบบประสาทอัตโนวัติ แบ่ งออกเป็ น 2 ระบบ

โดยมีลกษณะในการทางานตรงกันข้าม คือ
      ั

       1.) ระบบประสาทซิมพาเทติก (symoathetic nerve)

       2.) ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasymoathetic nerve)



ระบบประสาทของมนุษย์ แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ

       1.) ระบบประสาทส่ วนกลาง (Central nervous system - CNS)

       2.) ระบบประสาทส่ วนปลาย หรื อ ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral nervous system - PNS)
ระบบประสาทส่ วนกลาง
              (Central nervous system - CNS)




การทางานของระบบประสาทส่ วนกลาง

       สิ่ งเร้าหรื อการกระตุนจัดเป็ นข้อมูลหรื อเส้นประสาทส่ วนกลางเรี ยกว่า “ กระแส
                             ้
ประสาท ” เป็ นสัญญาณไฟฟ้ าที่นาไปสู่ เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์ และเดินทางออกอย่าง
รวดเร็วทางด้านแอกซอน แอกซอนส่ วนใหญ่ ้่มีแผ่นไขมันหุมไว้เป็ นช่วงๆ แผ่นไขมันนี้ทา
                                                    ้
หน้าที่เป็ นฉนวนและทาให้กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจทาให้
กระแสประสาทช้าลงทาให้สูญเสี ยความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ เนื่องจากการรับคาสั่งจาก
ระบบประสาทส่ วนกลางได้ไม่ดี

       เป็ นศูนย์กลางควบคุมการทางานของร่ างกาย ซึ่งทางานพร้อมกันทั้งในด้านกลไกและ
ทางเคมีภายใต้อานาจจิตใจ ซึ่งประกอบด้วย สมอง (brain) และไขสันหลัง (spinal cord) ซึ่งมี
หน้าที่หลักในการควบคุมพฤติกรรม โดยเส้นประสาทหลายล้านเส้นจากทัวร่ างกายจะส่ งข้อมูล
                                                             ่
ในรู ปกระแสประสาทออกจากบริ เวณศูนย์กลางมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. สมอง (brain)
                                                      ่
       สมองของคนมีน้ าหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม บรรจุอยูภายในกะโหลกศีรษะ ซึ่งป้ องกัน
สมองไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากกว่าร้อยละ 90
ของเซลล์ประสาททั้งหมดในร่ างกาย โดยมีเซลล์ประสาทประสานงานเป็ นส่ วน ทาหน้าที่
ควบคุมการทากิจกรรมทั้งหมดของร่ างกาย เป็ นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถด้าน
สติปัญญาการทากิจกรรมหรื อการแสดงออกต่างๆ และยังมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการ
เคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่ างกาย (homeostasis)



สมองประกอบด้ วยเซลล์ 2 ชนิด คือ

       1.) เซลล์ประสาท (nerve cell) หรื อ นิวรอน (neuron) เป็ นเซลล์ที่เป็ นส่ วนประกอบหลัก
ของระบบประสาท

       2.) เซลล์เกลีย (glia) เป็ นเซลล์สาคัญรองจากนิวรอน มีหน้าที่ในการลาเลียงอาหารมาให้
เซลล์ประสาท คอยดูแลและปกป้ องนิวรอนหรื อเซลล์ประสาท เป็ นเซลล์หลักที่ทาหน้าที่ส่ง
ข้อมูลในรู ปแบบของสัญญาณไฟฟ้ าที่เรี ยกว่า ศักยะทางาน (action potential)



การส่ งสั ญญาณภายในระบบประสาทเกิดขึนได้ ด้วยกลไก 2 อย่ าง คือ
                                   ้

       1.) การส่ งสัญญาณภายในเส้นใยประสาท (nerve fiber) โดยวิธีของศักยะงาน

       2.) การส่ งสัญญาณระหว่างนิวรอนโดยอาศัยสารสื่ อประสาท (neurotransmitter) บริ เวณ
จุดประสานประสาท (synapse)
สมองของสั ตว์ มกระดูกสั นหลังทีสาคัญแบ่ งออกเป็ น 3 ส่ วน ดังนี้
               ี               ่




       1.) เซรี บรัมเฮมิสเฟี ยร์ (Cerebrum Hemisphrer) คือ สมองส่ วนหน้า ทาหน้าที่ควบคุม
พฤติกรรรมที่ซบซ้อนเกี่ยวกับ ความรู ้สึกและอารมณ์ ควบคุมความคิด ความจา และความเฉลียว
             ั
ฉลาด เชื่อมโยงความรู ้สึกต่างๆ เช่น การได้ยน การมองเห็น การรับกลิ่น รส สัมผัส เป็ นต้น
                                           ิ

                                                                ่
       2.) เมดัลลาออบลองกาตา (Medulla Oblongata) คือ ส่ วนที่อยูติดกับไขสันหลัง ควบคุม
การทางานของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น การหายใจการเต้นของหัวใจ การไอ การจาม การ
กะพริ บตา ความดันเลือด เป็ นต้น

       3.) เซรี เบลลัม (Cerebellum) คือ สมองส่ วนท้าย เป็ นส่ วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ
กล้ามเนื้อและการทรงตัวช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยาเช่น การเดิน การวิง การขี่รถจักรยาน
                                                                       ่
สมอง มี 2 ชั้น (ตรงข้ ามกับไขสั นหลัง)

                           ่
1.) Gray matter เป็ นที่อยูของกระแสประสาทและ axon ที่ไม่มีเยือไมอิลินหุ ม
                                                             ่          ้

                            ่
2.) White matter เป็ นที่อยูของ axon ที่มีเยือไมอิลินหุม เยือหุมสมอง (Menirges) 3 ชั้น คือ
                                             ่         ้ ่ ้

        - ชั้นนอก (Pura mater) เหนียว แข็งแรงมากโดยมีหน้าที่ป้องกันการกระทบกระเทือน

        - ชั้นกลาง (Arachoid mater) เป็ นเยือบางๆ
                                            ่

        - ชั้นใน (Pia mater) มีเส้นเลือดแทรกมากมายทาหน้าที่ส่งอาหารไปเลี้ยงสมอง ใน
ระหว่างชั้นกลางกับชั้นในจะมีการบรรจุของเหลวที่เรี ยกว่า น้ าเลี้ยงสมองไขสันหลัง โดยจาทา
หน้าที่ให้สมองแลไขสันหลังเปี ยกชื้ออยูเ่ สมอ ประกอบด้วยเนื้อเยือ 2 ส่ วน คือ
                                                               ่

                1. White matter เป็ นส่ วนที่มีสีขาวรอบนอก ไม่มีเซลล์ประสาทจะมีเฉพาะใย
        ประสาทที่มีเยือไมอิลินหุ ม
                      ่          ้

                2. Gray matter เป็ นส่ วนสี เทา ประกอบด้วยใยประสาทที่ไม่มีเยือไมอิลินหุม
                                                                             ่         ้
        และตัวเซลล์ประสาทซึ่งมีท้ งประเภทประสานงานและนาคาสัง
                                  ั                        ่

ศู นย์ ควบคุมระบบประสาทสมองแบ่ งออกเป็ น 3 ส่ วน คือ

        1.) สมองส่ วนหน้า (forebrain หรื อ prosencepphalon) ประกอบด้วยเทเลนเซฟาลอน
(telencephalo) และไดเอนเซฟาลอน (diencephalon) เทเลนเซฟาลอนคือสมองใหญ่ (cerebrum)
ส่ วนไดเอนเซฟาลอนประกอบด้วยไฮโพทาลามัส (hypothalamus) ทาลามัส (thalamus)

        2.) สมองส่ วนกลาง (midbrain หรื อ mesencephalon) ทาหน้าที่เป็ นส่ วนหนึ่งของก้าน
สมองและเป็ นจุดศูนย์กลางของรี เฟลกซ์เกี่ยวกับการมองเห็น (visual reflex) และรี เฟลกซ์
เกี่ยวกับการได้ยน
                ิ

        3.) สมองส่ วนท้าย (hindbrain หรื อ rhombencephalon) ประกอบด้วยเมดัลลาออบลอง
กาตา (medulla oblongate) เซรี เบลลัม (cerebellum) และ พอนส์ (pons)
สมองประกอบด้ วยส่ วนสาคัญ 9 ส่ วนใหญ่ ๆ ได้ แก่




       1.) ซีรีบรัม (Cerebrum)

                              ่
       เป็ นส่ วนของสมองที่อยูบนสุ ดของศีรษะ มีรูปร่ างเป็ นพูยอย ตั้งแต่หน้าผากไปตามรู ป
                                                               ้
ของกะโหลกศีรษะจนถึงบริ เวณท้ายทอย มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 80% ของสมองทั้งหมด
บริ เวณเปลือกนอกจะมีลกษณะเป็ นรอยหยัก ยับย่นจีบ เป็ นร่ องลึก เรี ยกว่า คอร์เทกซ์ (Cortex)
                     ั
สมองแท้จะเป็ นส่ วนที่มีความสาคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็ นศูนย์กลางในการควบคุมพฤติกรรม
การเรี ยนรู ้ ความจา การวิเคราะห์ การใช้เหตุผล เป็ นต้น ในส่ วนของสมองแท้เองยังแบ่งออกได้
อีก 4 ส่ วนย่อย ซึ่งในแต่ละส่ วนจะมีหน้าที่การทางานแตกต่างกัน ดังนี้

       - พูสมองส่ วนหน้า (frontal lobe) ในบริ เวณนี้จะแบ่งออกได้อีก 2 ซีก คือ ซีกซ้าย (left
themisphere) และซีกขวา (right themisphere) โดยมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะ
                                       ่
ต่าง ๆ ทัวร่ างกาย หรื อเรี ยกส่ วนนี้วาเขตมอเตอร์ (motor area) แต่การสั่งงานจะกลับด้านกัน คือ
         ่
สมองซีกซ้ายจะควบคุมการทางานของอวัยวะด้านขวาของร่ างกาย ส่ วนสมองซีกขวาจะควบคุม
การทางานของอวัยวะด้านซ้ายของร่ างกาย นอกจากนี้ยงเป็ นศูนย์กลางของอารมณ์ การพูด
                                               ั
ความคิด การจา การเรี ยนรู ้ และการใช้ภาษาอีกด้วย
- พูสมองส่ วนกลาง (Parietal lobe) เป็ นส่ วนที่ค่อนมาทางด้านหลังส่ วนบนใกล้กบเขต
                                                                                   ั
มอเตอร์ ทาหน้าที่รับความรู ้สึกต่าง ๆ ทัวไปของร่ างกาย หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตรับสัมผัส
                                        ่

                                                         ่
       - พูสมองส่ วนข้าง (temporal lobe) เป็ นส่ วนที่อยูบริ เวณด้านข้างของสมองตรงขมับ มี
หน้าที่เป็ นศูนย์กลางในการรับรู ้ในด้านรส กลิ่น เสี ยง และความเข้าใจด้านภาษา หรื ออาจเรี ยก
ส่ วนนี้อีกอย่างหนึ่งว่าเขตการฟัง (auditory)

                                                            ่ ้
       - พูสมองส่ วนหลัง (occipital lobe) เป็ นบริ เวณที่อยูทายสุ ดของสมองแท้ตรงท้ายทอย มี
หน้าที่ควบคุมการรับรู ้ทางสายตาให้เกิดการมองเห็นภาพต่าง ๆ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน หรื อ
                         ่
อาจเรี ยกบริ เวณส่ วนนี้วา เขตการเห็น (visual area)

       2.) สมองเล็ก (cerebellum)

                           ่
       เป็ นสมองส่ วนที่อยูบริ เวณท้ายทอยใต้สมองแท้ลงมา รู ปร่ างเหมือนใบไม้มีลกษณะเป็ น
                                                                               ั
รอยหยักย่นเช่นกัน แต่นอยกว่าสมองแท้ ชั้นนอกเป็ นสี เทา (gray matter) ส่ วนชั้นในเป็ นสี ขาว
                      ้
                                                          ่
(white matter) มีหน้าที่สาคัญคือช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ที่อยูภายใต้การควบคุมของสมองสามารถ
ทางานประสานกันได้เป็ นจังหวะเดียวกันเพื่อทากิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง หน้าที่อีกประการหนึ่ง
คือควบคุมการทรงตัวของร่ างกาย เนื่องจากสมองเล็กเป็ นตัวรับกระแสประสาทจากอวัยวะรับ
สัมผัสที่ใช้ควบคุมการทรงตัวซึ่งอยูบริ เวณหูช้ นใน ทาให้เกิดความสมดุลในขณะที่ร่างกายกาลัง
                                  ่           ั
   ่
อยูในอิริยาบถต่าง ๆ

       3.) ทาลามัส (thalamus)

       เป็ นส่ วนที่อยูต่อจากสมองแท้ลงมา ทาหน้าที่เป็ นศูนย์รับกระแสประสาทความรู ้สึกที่ถูก
                       ่
ส่ งมาจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่ างกายเข้าสู่ ไขสันหลัง ผ่านก้านสมอง (medulla oblongata) พอนส์
และสมองส่ วนกลาง (midbrain) ตามลาดับ จนถึงทาลามัส จากนั้นทาลามัสจะจัดการแยกกระแส
ประสาทเหล่านั้นเพื่อเข้าสู่ สมองเขตต่าง ๆ อีกทอดหนึ่ง และเมื่อสมองสั่งการเช่นใด ทาลามัสจะ
รับคาสั่งนั้นส่ งเข้าสู่ สมองส่ วนกลาง พอนส์ ก้านสมอง และสู่ ไขสันหลัง เพื่อส่ งคาสั่งนั้นให้ไปมี
ผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่ างกาย เท่ากับว่าทาลามัสเป็ นสถานีสุดท้ายในการจ่ายกระแสประสาท
ให้กบสมอง และเป็ นสถานีแรกที่รับคาสั่งจากสมองเพื่อจ่ายไปสู่ อวัยวะต่าง ๆ นอกจากนี้ทา
    ั
ลามัสยังทาหน้าที่ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กแรกเกิดในขณะที่สมองแท้ยงทางานได้
                                                                      ั
ไม่เต็มที่อีกด้วย

        4.) ไฮโปทาลามัส (hypothalamus)

        อยูใต้ทาลามัสลงมาใกล้กบต่อมไร้ท่อพิทูอิทารี (pituitary gland) เป็ นกลุ่มของเซลล์
           ่                  ั
สมองที่มีขนาดเท่าเมล็ดถัวลันเตา ไฮโปทาลามัสถือว่าเป็ นส่ วนประกอบสาคัญของระบบลิมบิก
                        ่
                                                        ั
(limbic system) และมีหน้าที่สาคัญในการสร้างความสมดุลให้กบระบบการทางานของร่ างกาย
เช่น ควบคุมการทางานของต่อมพิทูอิทารี รักษาระดับความสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย การ
หายใจ การหลับ การตื่น อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ปริ มาณน้ าตาลในกระแสเลือด
ควบคุมความสมดุลในการทางานของระบบประสาทอัตโนมัติ นอกจากนี้ยงทาหน้าที่ควบคุม
                                                          ั
แรงขับ (drive) ต่าง ๆ เช่น ความหิว ความกระหายความต้องการทางเพศ เป็ นต้น ความสาคัญ
ของไฮโปทาลามัสนี้เองบางครั้งจึงได้รับสมญาว่าผูพิทกษ์ร่างกาย (guardian of body)
                                              ้ ั

        5.) ระบบลิมบิก (limbic system)

                                    ่
        เป็ นเซลล์ประสาทที่กระจายอยูโดยรอบทาลามัสและไฮโปทาลามัส ระบบนี้ ประกอบ
ด้วย ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) และอะมิกดาลา (amygdala) ทาหน้าที่ควบคุมความโกรธ
และพฤติกรรมก้าวร้าวของมนุษย์และสัตว์

        6.) สมองส่ วนกลาง (midbrain)

                                                   ่
        เป็ นส่ วนที่มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ตั้งอยูใต้ทาลามัส โดยมีเซลล์ประสาทเป็ นตัว
เชื่อมต่อกัน
7.) พอนส์ (pons)

                       ่ ั                                        ่
       เป็ นส่ วนที่อยูถดลงมาจากสมองส่ วนกลาง ด้านขวาของพอนส์จะอยูติดกับสมองเล็ก
(cerebellum) โดยมีใยประสาทเป็ นตัวเชื่อม จึงทาให้พอนส์เป็ นทางผ่านของกระแสประสาท
ที่มาจากส่ วนล่างเข้าสู่ สมองแท้และสมองเล็ก เพื่อให้เกิดการประสานงานกันระหว่างสมองทั้ง
สองชนิด เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้พร้อมกับการทรงตัวที่ดี เป็ นต้น

       8.) ก้านสมอง (medulla oblongata)

       เป็ นส่ วนที่อยูต่อจากพอนส์ลงมา และเป็ นส่ วนสุ ดท้ายของสมอง โดยก้านสมองจะทา
                       ่
หน้าที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง ภายในก้านสมองหรื อ เมดูลลาประกอบด้วย
เส้นประสาทเป็ นมัด เพื่อส่ งกระแสประสาทที่ได้รับจากสมองผ่านส่ วนต่าง ๆ ลงมาตามลาดับ
เพื่อส่ งเข้าสู่ ไขสันหลังและรับกระแสประสาทที่ส่งขึ้นมาจากไขสันหลังส่ งต่อไปสู่ ส่วนต่าง ๆ
ของสมองตามลาดับเช่นกัน เท่ากับว่าก้านสมองเป็ นสถานีรับส่ งกระแสประสาทสุ ดท้ายที่
                                                                   ่
เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง แต่เนื่องจากมัดของเส้นประสาทที่อยูภายในก้านสมองนั้น
            ั
มีลกษณะไขว้กนเป็ นรู ปกากบาท จึงทาให้เส้นประสาทชุดที่มาจากร่ างกายซี กขวาจะไปเชื่อมต่อ
   ั
กับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่ สมองซีกซ้าย และเส้นประสาทชุดที่มาจากร่ างกายซีกซ้ายจะไป
เชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่ สมองซีกขวา จึงมีผลทาให้สมองซีกขวาควบคุมการทางาน
                                                                         ้
ของอวัยวะซีกซ้ายและสมองซีกซ้ายจึงควบคุมการทางานของอวัยวะซีกขวา นอกจากนี้กาน
สมองยังทาหน้าที่ควบคุมการทางานของอวัยวะภายในบางชนิดอีกด้วย เช่น การเต้นของหัวใจ
การขยายและหดตัวของปอด การย่อยอาหาร การยืดและหดตัวของเส้นเลือด เป็ นต้น

       9.) เรติคิวลาร์ ฟอร์เมชัน (reticular formation)
                               ่

       เป็ นกลุ่มของเซลล์ประสาทบริ เวณก้านสมอง ทาหน้าที่ควบคุมสภาวะตื่นตัวของร่ างกาย
การแสดงอาการงุนงง เป็ นต้น
2. ไขสันหลัง (spinal cord)
       เป็ นส่ วนที่ต่อเนื่องมาจากสมองส่ วนปลายมีจุดตั้งต้นมาจากบริ เวณ base of skull ลงมา
ตามกระดูกสันหลัง (vertebral column) มีความยาวประมาณ 42-45 ซม. มีเส้นประสาทไขสัน
หลัง (spinal nerve) จานวน 31 คู่ออกจากไขสันหลัง แต่ละ spinal nerve ประกอบไปด้วย dorsal
root และ ventral root ส่ วนที่เป็ น dorsal root จะประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทที่ทาหน้าที่รับ
ข้อมูลจาก sensory neurons ส่ วน ventral root ประกอบไปด้วย axon ของ motor neuron ซึ่งนา
คาสั่งไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ (effector)

       เป็ นส่ วนของระบบประสาทที่ต่อออกมาจากเมดัลลาออบลองกาตา อยูภายในกระดูกสัน
                                                                 ่
หลัง ตั้งแต่กระดูกสันหลังข้อแรกจนถึงกระดูกสันหลังบริ เวณบั้นเอวข้อที่ 2 และมีเยือหุม
                                                                                ่ ้
เช่นเดียวกับสมอง

       ไขสันหลังบริ เวณอกและเอวขยายกว้างกว่าส่ วนอื่น ๆ เมื่อเลยกระเบนเหน็บลงไปแล้ว

จะเรี ยวเล็กจนมีลกษณะเป็ นเส้นไม่มีเยือหุม ดังนั้นการฉีดยาเข้าที่บริ เวณไขสันหลังและเจาะน้ า
                 ั                    ่ ้
บริ เวณไขสันหลังจึงทากันต่ากว่ากระดูกสันหลังเอวข้อที่สองลงมา

       เส้นประสาทที่แยกออกจากไขสันหลังมีท้ งหมด 31 คู่ เป็ นเส้นประสาทประสม
                                           ั

(mixed never)แบ่งออกเป็ นทั้งหมด 5 บริ เวณดังนี้

       - เส้นประสาทบริ เวณคอ (cervical never)                  8 คู่

       - เส้นประสาทบริ เวณอก (thoracal never)                12 คู่

       - เส้นประสาทบริ เวณอว (lumbar never)                   5 คู่

       - เส้นประสาทบริ เวณกระเบนเหน็บ (sacral never)          5 คู่

       - เส้นประสาทบริ เวณก้นกบ (coccygeal never)             1 คู่
ปล้องของไขสั นหลัง

       ไขสันหลังของมนุษย์แบ่งออกเป็ น 31 ปล้อง (segments) ในแต่ละปล้องจะมีคู่ของ
เส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerve) ออกมาจากด้านซ้าย-ขวา ซึ่งเส้นประสาทเหล่านี้เป็ น
เส้นประสาทที่มีเส้นใยประสาทแบบผสม คือมีท้ งส่ วนที่รับความรู ้สึกและสังการ รากเล็กๆ ของ
                                          ั                           ่
ประสาทสังการ (motor nerve rootlets) 6–8 เส้น จะงอกออกมาอย่างสม่าเสมอจากแต่ละข้างของ
        ่
                                                                         ่ ้
ร่ องด้านท้องร่ วมด้านข้าง (ventro lateral sulci; ร่ องของไขสันหลังที่อยูดานท้องและค่อนมา
ด้านข้าง ทั้งสองข้างของไขสันหลัง) รากประสาทเส้นเล็กๆจะรวมตัวกันเป็ นรากอันใหญ่เรี ยกว่า
รากประสาท ซึ่งในส่ วนของเส้นประสาทรับความรู ้สึกเองก็เช่นกัน ที่จะมีเส้นรากประสาทเล็กๆ
งอกออกมาจากบริ เวณร่ องด้านหลังร่ วมด้านข้าง (dorsal lateral sulci; ร่ องของไขสันหลังที่อยู่
ด้านหลังและค่อนมาด้านข้าง) และรวมกันเป็ นเส้นรากขนาดใหญ่ ทั้งรากประสาทส่ วนรับ
ความรู ้สึกและสังการนั้นจะรวมกันอีกทีเป็ นเส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerves) ซึ่ง
                ่
ประกอบด้วยเส้นใยประสาทแบบผสม คือมีท้ งส่ วนที่รับความรู ้สึกและสังการ เส้นประสาทไข
                                     ั                           ่
สันหลังจะก่อตัวขึ้นภายในช่องระหว่างกระดูกสันหลัง (intervertebral foramen; IVF) ยกเว้น
เส้นประสาทในระดับ C1 and C2

       เนื่องจากกระดูกสันหลังมีความยาวมากกว่าไขสันหลัง ดังนั้นในผูใหญ่ ปล้องไขสันหลัง
                                                                  ้
จะมีหมายเลขระดับไม่ตรงกับระดับของชิ้นกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะในส่ วนล่างๆของไขสัน
หลัง ซึ่งต่างจากในทารกในครรภ์ที่จะมีชื่อระดับตรงกัน ในผูใหญ่ไขสันหลังจะสิ้ นสุ ดที่ระดับ
                                                        ้
กระดูกสันหลังที่ L1/L2 และกลายตัวเป็ นโครงสร้างที่เรี ยกว่า โคนัส เมดัลลาริ ส (conus
medullaris)
หน้ าทีของไขสั นหลัง
       ่

1. เป็ นศูนย์กลางของ spinal reflex

2. ตาแหน่งแรกที่รับสัญญาณประสาทจากระบบรับความรู ้สึกเพื่อที่จะนาส่ งต่อไปยังสมอง

3. เป็ นตาแหน่งที่สิ้นสุ ดของสัญญาณประสาทที่มาจากระบบประสาท motor เนื่องจากมี
anterior motor neurons ที่จะเป็ นเซลล์ประสาทที่รับคาสังจาก corticospinal tract และสังการไป
                                                     ่                              ่
ยังเซลล์กล้ามเนื้อ

4. เป็ นทางเดินของกระแสประสาททที่ติดต่อระหว่างไขสันหลังและสมอง

5. เป็ นศูนย์กลางของระบบประสาทออโตโนมิก (autonomic nervous system)




                                            spinal cord




       Reflex เป็ นกลไกการตอบสนองที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากถูกกระตุน เกิดได้เนื่องจากมี
                                                                ้
synapse ของ sensory และ motor neuron โดยตรง spinal reflex ได้แก่
1. spinal somatic reflex เช่น

       - stretch reflex เป็ น reflex ที่เกิดเมื่อมีการยืดกล้ามเนื้อแล้วมีการหดตัวของกล้ามเนื้อ
ทันที มีประโยชน์ในการทาให้กล้ามเนื้อมีความตึง และทาให้การเคลื่อนไหวของร่ างกายเป็ นไป
ได้อย่างราบเรี ยบ

       - flexor reflex เป็ น reflex ที่เกิดเมื่อมีสิ่งกระตุนความรู ้สึกต่อแขนขาแล้วทาให้กล้ามเนื้อ
                                                           ้
flexor ของแขนขาหดตัวอย่างรุ นแรงเพื่อดึงแขนขาออกจากสิ่ งกระตุน
                                                             ้

2. spinal autonomic reflex

       มีระบบประสาทออโตโนมิกเป็ น motor pathway และ effector organs เป็ นกล้ามเนื้อ
เรี ยบ กล้ามเนื้อหัวใจและต่อมต่างๆเช่น มีการกระตุนให้มีการหลังเหงื่อจากการที่ผวหนังสัมผัส
                                                 ้           ่                ิ
กับความร้อน
ระบบประสาทส่ วนปลาย หรือ ระบบประสาทรอบนอก
             (Peripheral nervous system - PNS)




ระบบประสาทส่ วนปลาย หรือ ระบบประสาทรอบนอก ประกอบไปด้ วย 2 ส่ วน คือ

1. sensory division (afferent) ประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่ทาหน้าที่ในการรับสัญญาณ
ประสาทจากทั้งภายในและภายนอกร่ างกายและนาส่ งไปยังสมองส่ วนกลาง

2. motor division (efferent) ประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่รับคาสั่งการปฏิบติงานจากระบบ
                                                                     ั
ประสาทส่ วนกลางไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ
ระบบประสาทส่ วนปลายประกอบด้ วย

1. sensory-somatic nervous system ประกอบไปด้วย เส้นประสาทสมอง 12 คู่ และเส้นประสาท
สันหลัง 31 คู่

        - cranial nerve เส้นประสาทสมองทั้ง 12 คู่น้ นมีหน้าที่ในการรับความรู ้สึกและการ
                                                    ั
เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริ เวณใบหน้า ในปากและคอ เส้นประสาทสมองบางคู่มีเฉพาะส่ วนที่
เป็ น sensory บางคู่กเ็ ป็ น motor อย่างเดียว และมีบางคู่เป็ นแบบผสม

        - spinal nerves เส้นประสาทสันหลังทุกเส้นประกอบไปด้วยส่ วนที่เป็ น sensory และ
motor ซึ่งจะทางานภายใต้อานาจจิตใจ

                                                                   ่
2. autonomic nervous system เป็ นการควบคุมการทางานของร่ างกายที่อยูภายนอกจิตใจ
ประกอบไปด้วยทั้งส่ วนที่เป็ น sensory และ motor ซึ่งวิงระหว่าสมองส่ วนกลาง (บริ เวณ
                                                      ่
hypothalamus และ meduula oblongata) และอวัยวะภายในต่างๆเช่น หัวใจ ปอด กระเพาะ เป็ น
ต้น แบ่งเป็ น 2 ระบบคือ sympathetic และ parasympathetic nervous system ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้จะ
สั่งงานตรงข้ามกันในแต่ละอวัยวะ

        - sympathetic nervous system จะถูกกระตุนในกรณี ฉุกเฉิน ผลจากการกระตุนเช่น หัว
                                               ้                            ้
ใจเต้นเร็วขึ้น เลือดไปเลี้ยงหัวใจมากขึ้น การย่อยอาหารลดลง

        - parasympathetic nervous system ผลจากการกระตุนระบบนี้ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับการ
                                                      ้
กระตุน sympathetic ผลการออกฤทธิ์ เช่น หัวใจเต้นช้าลง ลาไส้ทางานมากขึ้น
     ้
อาการทีบ่งชี้ว่ามีความผิดปรกติของระบบประสาท
       ่

                       ่ ั
อาการที่ผป่วยมีข้ ึนอยูกบตาแหน่งของรอยโรค เช่น
         ู้

1. ปวดศีรษะ

2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง

3. ชา

4. ซึม หรื อหมดสติ

5. ชัก



โรคหรือภาวะผิดปรกติของระบบประสาท

         การบาดเจ็บของระบบประสาท เช่นได้รับอุบติเหตุทาให้เกิดอันตรายต่อสมองไขสันหลัง
                                              ั
                                       ่ ั
และเส้นประสาท ผลกระทบที่เกิดขึ้นขึ้นอยูกบตาแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บและความรุ นแรง ผูป่วย
                                                                                 ้
อาจเกิดอัมพาต หรื อไม่รู้สติเป็ นเจ้าหญิงนิทรา

         โรคหลอดเลือดสมอง อาจเป็ นโรคหลอดเลือดสมองตีบทาให้เกิดการตายของเนื้อสมอง
                               ้                                  ่ ั
หรื อหลอดเลือดในสมองแตกทาให้มีกอนเลือดในสมอง อาการของผูป่วยขึ้นอยูกบตาแหน่งของ
                                                       ้
รอยโรค ผูป่วยมักจะเกิดอัมพาตครึ่ งซีก ภาวะนี้เกิดในผูที่มีปัจจัยเสี่ ยงเช่นความดันโลหิตสู ง
         ้                                           ้
เบาหวาน

         โรคติดเชื้อของระบบประสาทกลาง เช่นโรคสมองอักเสบ การติดเชื้อของเยือหุมสมอง ฝี
                                                                         ่ ้
ในสมอง ผูป่วยอาจมีความผิดปรกติของการรู ้สติ ชัก โรคสมองเสื่ อม พบในคนชรา ผูป่วยมี
         ้                                                                 ้
อาการหลงลืม ความจาเสื่ อม
ความผิดปรกติทางเมตาโบลิก เช่นการขาดวิตามินหรื อสารอาหาร ผูป่วยที่ขาดวิตามิน B
                                                                 ้
ทาให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ผูป่วยโรคเบาหวานก็อาจมีอาการที่
                                                     ้
เกิดจากเส้นประสาทอักเสบได้เช่นกัน

       มะเร็งของระบบประสาท เช่นมะเร็งของสมอง หรื อมะเร็งของอวัยวะอื่นที่แพร่ กระจาย
มาที่สมอง ผูป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้ อรัง หรื อมีอาการอ่อนแรง หรื ออาการผิดปรกติอื่น
            ้
       ่ ั
ขึ้นอยูกบตาแหน่งของรอยโรคอื่นๆ เช่น โรคลมชัก (epilepsy) ไมเกรน

       ทาหน้าที่รับและนาความรู ้สึกเข้าสู่ ระบบประสาทส่ วนกลางได้แก่ สมองและไขสัน
หลังจากนั้นนากระแสประสาทสั่งการจากระบบประสาทส่ วนกลางไปยังหน่วยปฎิบติงาน ซึ่ง
                                                                   ั
ประกอบด้วยหน่วยรับความรู ้สึกและอวัยวะรับสัมผัส รวมทั้งเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่
   ่
อยูนอกระบบประสาทส่ วนกลาง ระบบประสาทรอบนอกจาแนกตามลักษณะการทางานได้ 2
แบบ ดังนี้

       1. ระบบประสาทภายใต้อานาจจิตใจ เป็ นระบบควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อที่บงคับ
                                                                             ั
ได้ รวมทั้งการตอบสนองต่อสิ่ งเร้าภายนอก

       2. ระบบประสาทนอกอานาจจิตใจ เป็ นระบบประสาทที่ทางานโดยอัตโนมัติ มี
                  ่
ศูนย์กลางควบคุมอยูในสมองและไขสันหลัง ได้แก่

       - การเกิดรี เฟลกซ์แอกชัน (Reflex Action) และเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุนที่อวัยวะรับสัมผัส
                                                                         ้
เช่น ผิวหนัง กระแสประสาทจะส่ งไปยังไขสันหลัง และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนองไปยัง
                  ่
กล้ามเนื้อ โดยไม่ผานไปที่สมอง เมื่อมีเปลวไฟมาสัมผัสที่ปลายนิ้วกระแสประสาทจะส่ งไปยัง
             ่
ไขสันหลังไม่ผานไปที่สมอง ไขสันหลังทาหน้าที่ส่ังการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว เพื่อ
ดึงมือออกจากเปลวไฟทันที
บรรณานุกรม
http://www.thaigoodview.com/node/44658

http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/human/lesson/lesson5.php#n1

http://www.vcharkarn.com/lesson/view.php?id=1174

http://office.bangkok.go.th/doh/daptd/Web_LEC/Knowleage/01/knowleage01.htm

http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080210215322AArqfzk

http://www.hibalanz.com/articleshow.php?id_art=185&CID=9

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E
0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97

http://www.baanjomyut.com/library_2/nervous_system/index.html

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B
8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87#.E0.B9.82.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.87.E0.B8.AA.E0.B8.
A3.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87

Contenu connexe

Tendances

ไขสันหลัง
ไขสันหลังไขสันหลัง
ไขสันหลังWan Ngamwongwan
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกThitaree Samphao
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาทkunatip
 
บทท 8 ระบบประสาท (1)
บทท   8 ระบบประสาท (1)บทท   8 ระบบประสาท (1)
บทท 8 ระบบประสาท (1)Natthaya Khaothong
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท Thitaree Samphao
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกbosston Duangtip
 
ระบบประสาทPart1blank
ระบบประสาทPart1blankระบบประสาทPart1blank
ระบบประสาทPart1blankThanyamon Chat.
 
การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012Namthip Theangtrong
 
Nervous system
Nervous systemNervous system
Nervous systemBios Logos
 
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองการรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองaungdora57
 
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกThanyamon Chat.
 
การทำงานระบบประสาท
การทำงานระบบประสาทการทำงานระบบประสาท
การทำงานระบบประสาทDew Thamita
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทThitaree Samphao
 

Tendances (18)

ไขสันหลัง
ไขสันหลังไขสันหลัง
ไขสันหลัง
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึก
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาท
 
บทท 8 ระบบประสาท (1)
บทท   8 ระบบประสาท (1)บทท   8 ระบบประสาท (1)
บทท 8 ระบบประสาท (1)
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาทศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
 
Doc8
Doc8Doc8
Doc8
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
 
ระบบประสาทPart1blank
ระบบประสาทPart1blankระบบประสาทPart1blank
ระบบประสาทPart1blank
 
การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012
 
Nervous system
Nervous systemNervous system
Nervous system
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาท
 
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองการรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนอง
 
ืnervous system
ืnervous systemืnervous system
ืnervous system
 
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
 
การทำงานระบบประสาท
การทำงานระบบประสาทการทำงานระบบประสาท
การทำงานระบบประสาท
 
1
11
1
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
 

En vedette

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศyangclang22
 
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6yangclang22
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพyangclang22
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnflimgold
 
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพSirintip Arunmuang
 
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6Nattapong Boonpong
 
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซมชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซมMoukung'z Cazino
 
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยา
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยาเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยา
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยาbenzikq
 

En vedette (8)

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
ส่วนประกอบทางเคมีของDna ม.6
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
 
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบก่อนเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ
 
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
 
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซมชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
ชีววิทยา เรื่อง ยีนและโครโมโซม
 
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยา
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยาเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยา
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 19 ชีววิทยา
 

Similaire à ระบบประสาท

ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาทikaen2520
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemsupreechafkk
 
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการการทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการWan Ngamwongwan
 
ชุดการสอนที่2
ชุดการสอนที่2ชุดการสอนที่2
ชุดการสอนที่2juriyaporn
 
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)Natthaya Khaothong
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาทPok Tanti
 
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้Nichakorn Sengsui
 
ชุดการสอนที่1
ชุดการสอนที่1ชุดการสอนที่1
ชุดการสอนที่1juriyaporn
 
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptx
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptxระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptx
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptxKunchayaPitayawongro1
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกไผ่ไผ่ อยากเด่น
 
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับ
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับ
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับNichakorn Sengsui
 

Similaire à ระบบประสาท (20)

ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาท
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
 
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
 
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
 
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
 
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการการทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
 
ชุดการสอนที่2
ชุดการสอนที่2ชุดการสอนที่2
ชุดการสอนที่2
 
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาท
 
Biology m6
Biology m6Biology m6
Biology m6
 
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการรับรู้
 
ชุดการสอนที่1
ชุดการสอนที่1ชุดการสอนที่1
ชุดการสอนที่1
 
ประสาท
ประสาทประสาท
ประสาท
 
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptx
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptxระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptx
ระบบประสาท สอนพิเศษ ม.2.pptx
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
 
Nervous
NervousNervous
Nervous
 
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับ
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับ
พื้นฐานทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับ
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 

ระบบประสาท

  • 1. ระบบประสาท ระบบประสาท (nervous system) คือ ระบบการตอบสนองต่อสิ่ งเร้าของสัตว์ทาให้สตว์ ั สามารถตอบสนองต่อสิ่ งต่างๆ รอบตัวอย่างรวดเร็ ว ช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อให้สามารถตอบ สนองได้ สัตว์ช้ นต่าบางชนิด เช่น ฟองน้ า ไม่มีระบบประสาท สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบาง ั ชนิดเริ่ มมีระบบประสาท สัตว์ช้ นสู งขึ้นมาจะมีโครงสร้างของระบบประสาทซับซ้อนยิงขึ้น ั ่ ระบบประสาท มีหน้าที่ในการออกคาสั่งการทางานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการทางาน ของอวัยวะต่างๆ ในร่ างกาย และประมวลข้อมูลที่รับมาจากประสาทสัมผัสต่างๆ และสร้างคาสั่ง ต่าง ๆ (action) ให้อวัยวะต่างๆ ทางาน ระบบประสาทของสัตว์ที่มีสมองจะมีความคิดและ อารมณ์ ระบบประสาทจึงเป็ นส่ วนของร่ างกายที่ทาให้สัตว์มีการเคลื่อนไหว (ยกเว้นสัตว์ช้ นต่าที่ ั ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น ฟองน้ า) สารเคมีที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทหรื อเส้นประสาท เรี ยกว่า สารที่มีพิษต่อระบบประสาท (neurotoxin) ซึ่งมักจะมีผลทาให้เป็ นอัมพาต หรื อตายได้ เซลล์ประสาท ประกอบด้ วยส่ วนทีสาคัญ 2 ส่ วน คือ ่ ตัวเซลล์ (cell body) และ ใยประสาท (nerve fiber) - ตัวเซลล์ เป็ นส่ วนของไซโทพลาซึมและนิวเคลียส ตัวเซลล์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ4 - 25 ไมโครเมตร ภายในมีออร์แกเนลล์ที่สาคัญ คือ ไมโทคอนเดรี ย เอนโดพ ลาสมิกเรติคูลมและกอลจิคอมเพล็กซ์ จานวนมาก ั - ใยประสาท ที่นากระแสประสาทเข้าสู่ ตวเซลล์ เรี ยกว่า เดนไดรต์ (dendrite) ใย ั ประสาทนากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ เรี ยกว่า แอกซอน (axon) เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ จะมีเดนไดรต์แยกจากตัวเซลล์หนึ่งใยหรื อหลายใย ส่ วนแอกซอนมีเพียงใยเดียวเท่านั้น
  • 2. กรณี ใยประสาทยาวซึ่งมักเป็ นใยประสาทของแอกซอนจะมี เยือไมอีลิน (myelin sheath) ่ มาหุมใยประสาท เยือไมอีลินมีสารจาพวกลิพิดเป็ นองค์ประกอบเมื่อตรวจดูภาพตัดขวางของเยือ ้ ่ ่ ไมอีลินด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่าเยือไมอีลินติดต่อกับเซลล์ชวันน์ (schwann cell) ่ ซึ่งเป็ นเซลล์ค้ าจุนชนิดหนึ่งแสดงว่าเยือไมอีลินเป็ นส่ วนหนึ่งของเยือหุมของเซลล์ชวันน์ ่ ่ ้ ส่ วนของแอกซอนตรงบริ เวณร่ อยต่อระหว่างเซลล์ชวันน์แต่ละเซลล์เป็ นบริ เวณที่ไม่มี เยือไมอีลินหุมเรี ยกว่า โนดออฟแรนเวียร์ (node of Ranvier) ่ ้
  • 3. เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้ าทีได้ 3 ชนิด ได้ แก่ ่ 1. เซลล์ประสาทรับความรู ้สึก (sensory neuron) คือ เซลล์ประสาทที่รับกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู ้สึก แล้วถ่ายทอดกระแส ่ ประสาทไปยังเซลล์ประสาทสั่งการ อาจผ่านเซลล์ประสาทประสานงานหรื อไม่ผานก็ได้ ่ เซลล์เหล่านี้มีตวเซลล์อยูที่ปมประสาทรากบนของไขสันหลัง ั 2. เซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron) มักมีใยประสาทแอกซอนยาวกว่าเดนไดรต์ อาจยาวถึง 1 เมตร เพราะ เซลล์ประสาทสัง ่ ่ การที่อยูในไขสันหลังต้องส่ งกระแสประสาทออกจากไขสันหลัง เพื่อนากระแสประสาทไปยัง หน่วยปฏิบติงาน เช่น กล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งอยูห่างไกลจากไขสันหลังมาก ั ่ 3. เซลล์ประสาทประสานงาน (association neuron ) ่ เซลล์ประสาทชนิดนี้อยูภายในสมองและไขสันหลัง จะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท รับความรู ้สึก กับเซลล์ประสาทสังการใยประสาทของเซลล์ประสาทประสานงานอาจมีความยาว ่ เพียง 4 - 5 ไมโครเมตรเท่านั้น
  • 4. เซลล์ประสาทแบ่ งตามจานวนแขนงทีแยกออกจากตัวเซลล์ แบ่ งได้ เป็ น 3 ชนิด คือ ่ 1. เซลล์ประสาทขั้วเดียว (unipolar neuron) เซลล์ประสาทประเภทนี้ส่วนของแอกซอนและเดนไดรต์ที่ใกล ้้ๆ ตัวเซลล์จะรวมเป็ น เส้นเดียวกัน ทาให้มีแขนงแยกออกจากตัวเซลล์เพียงแขนงเดียว เดนไดรต์มกจะยาวกว่าแอก ั ซอนมากพบที่ปมประสาทรากบน (dorsal root ganglion) ของไขสันหลัง 2. เซลล์ประสาทสองขั้ว (bipolar neuron) เซลล์ประสาทมีแขนงแยกออกมาเป็ น 2 แขนง โดยแขนงหนึ่งเป็ นแอกซอน และอีก แขนงหนึ่งเป็ นเดนไดรต์ ความยาวของแขนงทั้งสองนี้ใกล้เคียงกัน พบได้ที่เรตินาของลูกตา คอ เคลียของหูและเยือดมกลิ่นของจมูก เซลล์ประสาทขั้วเดียวและเซลล์ประสาทสองขั้ว มักจะทา ่ หน้าที่เป็ นเซลล์ประสาทรับความรู ้สึก 3. เซลล์ประสาทหลายขั้ว (multipolar neuron) เซล์ประสาทจะมีหลายแขนงโดยเป็ นแอกซอน 1 แขนง และเป็ นเดนไดรต์ 2 หรื อ มากกว่าเซลล์ประสาทส่ วนใหญ่ของร่ างกายเป็ นเซลล์ประสาทหลายขั้ว พบได้ในสมอง และไข สันหลัง มีแอกซอนยาว และเดนไดรต์ส้ ัน ทาหน้าที่นาคาสั่งไปยังอวัยวะตอบสนอง
  • 5. การทางานของระบบประสาท จาแนกได้ 3 ประเภท คือ 1. การทางานของระบบประสาทสังการ ่ การทางานของเส้นประสาทในระบบประสาทรอบนอกแบ่งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ - ส่ วนที่รับความรู ้สึก (sensory division) จะรับความรู ้สึกจากภายในหรื อภายนอกร่ างกาย - ส่ วนที่สั่งการ (motor division) ถ้าการสั่งการเกิดขึ้นกับหน่วยปฏิบติงานที่บงคับได้ เช่น กล้ามเนื้อยึดกระดูก ก็จดเป็ น ั ั ั ระบบประสาทโซมาติก (somatic nervous system : SNS) ถ้าการสั่งการเกิดกับหน่วยปฏิบติงานที่บงคับไม่ได้ เช่น อวัยวะภายในและต่อมต่าง ๆ ั ั ก็จดเป็ น ระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system : ANS) ั
  • 6. 2. ระบบประสาทโซมาติก (somaticnervous system : SNS) ระบบประสาทโซมาติก ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อยึดกระดูก โดยเซลล์ประสาท รับความรู ้สึกจะรับกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู ้สึกผ่านเส้นประสาทไขสันหลังหรื อ เส้นประสาทสมองเข้าสู่ ไขสันหลังหรื อสมอง และกระแสประสาทจะถูกส่ งผ่านเส้นประสาทไข สันหลังหรื อเส้นประสาทสมองไปยังหน่วยปฏิบติงาน ซึ่งเป็ นกล้ามเนื้อยึดกระดูก บางครั้งอาจ ั ทางานโดยผ่านไขสันหลังเท่านั้น เช่น การกระตุกขาเมื่อเคาะหัวเข่าเบา ๆ ระบบประสาทโซมาติก เป็ นระบบที่ประสาทที่ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อลายหรื อ ระบบประสาทในอานาจจิตใจ (voluntary nervous system) ได้แก่ เส้นประสาทสมองและ เส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่ งมีใยประสาทนาคาสั่งไปควบคุมกล้ามเนื้อลาย การตอบสนองสิ่ งเร้าที่มากระตุน เช่น การกระตุกขาเมื่อเคาะหัวเข่าจะเกิดขึ้นเองโดยอัต ้ โนวัติ เรี ยกว่า รี เฟล็กซ์ (reflex) กิริยาอาการที่แสดงออกมาเมื่อมีสี่งเร้ามากระตุนในระยะเวลา ้ สั้น ๆ เรี ยกว่า รี เฟล็กซ์แอกชัน (reflex action) เป็ นการตอบสนองของหน่วยปฏิบติงานที่เกิดขึ้น ั ในทันทีทนใด โดยไม่มีการเตรี ยมตัวไว้ล่วงหน้า ั เป็ นการสั่งการของไขสันหลัง โดยไม่ตองอาศัย ้ คาสั่งจากสมอง
  • 7. 3. ระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system : ANS ) เป็ นระบบประสาทที่ทางานนอกอานาจจิตใจ (involuntary nervous system) เป็ นระบบ ่ ประสาทที่ควบคุมอวัยวะที่อยูนอกอานาจจิตใจ เช่น กล้ามเนื้อเรี ยบและอวัยวะต่าง ๆ กล้ามเนื้อ หัวใจที่หวใจ และต่อมต่าง ๆ ให้ทางานโดยอัตโนวัติ ทาให้ร่างกายดาเนินชีวิตได้อย่างปกติ การ ั ทางานของระบบประสาทอัตโนวัติประกอบด้วย เส้ นประสาทของระบบประสาทอัตโนวัติ มี 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 คือ เส้นประสาทหน้าปมประสาทหรื อเซลล์ประสาทก่อนแกลงเกลีย มีเยือ ่ ไมอีลินห่อหุม เชื่อมระหว่างระบบประสาทส่ วนกลางกับปมประสาทอัตโนวัติ ้ ตอนที่ 2 คือ เส้นประสาทหลังปมประสาทหรื อเซลล์ประสาทหลังแกงเกลีย เป็ น ั เส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างปมประสาทอัตโนวัติกบอวัยวะตอบสนอง ปมประสาทอัตโนวัติ ่ เป็ นส่ วนที่มีตวเซลล์ประสาทของระบบประสาทอัตโนวัติ ที่อยูนอกระบบประสาทกลาง ั ่ อยูและเป็ นตาแหน่งที่มีการไซแนปส์ของเซลล์ประสาทหน้าปมประสาทกับเซลล์ประสาท หลังปมประสาท
  • 8. เซลล์ประสาทอัตโนวัติ มี 2 เซลล์ ได้ แก่ ่ 1.) เซลล์ประสาทหน้าปมประสาท มีตวเซลล์อยูในไขสันหลังและมีแอกซอนไปสิ้ นสุ ด ั ที่ปมประสาทอัตโนวัติซ่ ึงเป็ นจุดที่ไซแนปส์ ่ 2.) เซลล์ประสาทหลังปมประสาท มีตวเซลล์ประสาทอยูในปมประสาทอัตโนวัติและมี ั ่ แอกซอนอยูที่อวัยวะตอบสนอง ระบบประสาทอัตโนวัติ แบ่ งออกเป็ น 2 ระบบ โดยมีลกษณะในการทางานตรงกันข้าม คือ ั 1.) ระบบประสาทซิมพาเทติก (symoathetic nerve) 2.) ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasymoathetic nerve) ระบบประสาทของมนุษย์ แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ 1.) ระบบประสาทส่ วนกลาง (Central nervous system - CNS) 2.) ระบบประสาทส่ วนปลาย หรื อ ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral nervous system - PNS)
  • 9. ระบบประสาทส่ วนกลาง (Central nervous system - CNS) การทางานของระบบประสาทส่ วนกลาง สิ่ งเร้าหรื อการกระตุนจัดเป็ นข้อมูลหรื อเส้นประสาทส่ วนกลางเรี ยกว่า “ กระแส ้ ประสาท ” เป็ นสัญญาณไฟฟ้ าที่นาไปสู่ เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์ และเดินทางออกอย่าง รวดเร็วทางด้านแอกซอน แอกซอนส่ วนใหญ่ ้่มีแผ่นไขมันหุมไว้เป็ นช่วงๆ แผ่นไขมันนี้ทา ้ หน้าที่เป็ นฉนวนและทาให้กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจทาให้ กระแสประสาทช้าลงทาให้สูญเสี ยความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ เนื่องจากการรับคาสั่งจาก ระบบประสาทส่ วนกลางได้ไม่ดี เป็ นศูนย์กลางควบคุมการทางานของร่ างกาย ซึ่งทางานพร้อมกันทั้งในด้านกลไกและ ทางเคมีภายใต้อานาจจิตใจ ซึ่งประกอบด้วย สมอง (brain) และไขสันหลัง (spinal cord) ซึ่งมี หน้าที่หลักในการควบคุมพฤติกรรม โดยเส้นประสาทหลายล้านเส้นจากทัวร่ างกายจะส่ งข้อมูล ่ ในรู ปกระแสประสาทออกจากบริ เวณศูนย์กลางมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องดังนี้
  • 10. 1. สมอง (brain) ่ สมองของคนมีน้ าหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม บรรจุอยูภายในกะโหลกศีรษะ ซึ่งป้ องกัน สมองไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากกว่าร้อยละ 90 ของเซลล์ประสาททั้งหมดในร่ างกาย โดยมีเซลล์ประสาทประสานงานเป็ นส่ วน ทาหน้าที่ ควบคุมการทากิจกรรมทั้งหมดของร่ างกาย เป็ นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถด้าน สติปัญญาการทากิจกรรมหรื อการแสดงออกต่างๆ และยังมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการ เคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่ างกาย (homeostasis) สมองประกอบด้ วยเซลล์ 2 ชนิด คือ 1.) เซลล์ประสาท (nerve cell) หรื อ นิวรอน (neuron) เป็ นเซลล์ที่เป็ นส่ วนประกอบหลัก ของระบบประสาท 2.) เซลล์เกลีย (glia) เป็ นเซลล์สาคัญรองจากนิวรอน มีหน้าที่ในการลาเลียงอาหารมาให้ เซลล์ประสาท คอยดูแลและปกป้ องนิวรอนหรื อเซลล์ประสาท เป็ นเซลล์หลักที่ทาหน้าที่ส่ง ข้อมูลในรู ปแบบของสัญญาณไฟฟ้ าที่เรี ยกว่า ศักยะทางาน (action potential) การส่ งสั ญญาณภายในระบบประสาทเกิดขึนได้ ด้วยกลไก 2 อย่ าง คือ ้ 1.) การส่ งสัญญาณภายในเส้นใยประสาท (nerve fiber) โดยวิธีของศักยะงาน 2.) การส่ งสัญญาณระหว่างนิวรอนโดยอาศัยสารสื่ อประสาท (neurotransmitter) บริ เวณ จุดประสานประสาท (synapse)
  • 11. สมองของสั ตว์ มกระดูกสั นหลังทีสาคัญแบ่ งออกเป็ น 3 ส่ วน ดังนี้ ี ่ 1.) เซรี บรัมเฮมิสเฟี ยร์ (Cerebrum Hemisphrer) คือ สมองส่ วนหน้า ทาหน้าที่ควบคุม พฤติกรรรมที่ซบซ้อนเกี่ยวกับ ความรู ้สึกและอารมณ์ ควบคุมความคิด ความจา และความเฉลียว ั ฉลาด เชื่อมโยงความรู ้สึกต่างๆ เช่น การได้ยน การมองเห็น การรับกลิ่น รส สัมผัส เป็ นต้น ิ ่ 2.) เมดัลลาออบลองกาตา (Medulla Oblongata) คือ ส่ วนที่อยูติดกับไขสันหลัง ควบคุม การทางานของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น การหายใจการเต้นของหัวใจ การไอ การจาม การ กะพริ บตา ความดันเลือด เป็ นต้น 3.) เซรี เบลลัม (Cerebellum) คือ สมองส่ วนท้าย เป็ นส่ วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ กล้ามเนื้อและการทรงตัวช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยาเช่น การเดิน การวิง การขี่รถจักรยาน ่
  • 12. สมอง มี 2 ชั้น (ตรงข้ ามกับไขสั นหลัง) ่ 1.) Gray matter เป็ นที่อยูของกระแสประสาทและ axon ที่ไม่มีเยือไมอิลินหุ ม ่ ้ ่ 2.) White matter เป็ นที่อยูของ axon ที่มีเยือไมอิลินหุม เยือหุมสมอง (Menirges) 3 ชั้น คือ ่ ้ ่ ้ - ชั้นนอก (Pura mater) เหนียว แข็งแรงมากโดยมีหน้าที่ป้องกันการกระทบกระเทือน - ชั้นกลาง (Arachoid mater) เป็ นเยือบางๆ ่ - ชั้นใน (Pia mater) มีเส้นเลือดแทรกมากมายทาหน้าที่ส่งอาหารไปเลี้ยงสมอง ใน ระหว่างชั้นกลางกับชั้นในจะมีการบรรจุของเหลวที่เรี ยกว่า น้ าเลี้ยงสมองไขสันหลัง โดยจาทา หน้าที่ให้สมองแลไขสันหลังเปี ยกชื้ออยูเ่ สมอ ประกอบด้วยเนื้อเยือ 2 ส่ วน คือ ่ 1. White matter เป็ นส่ วนที่มีสีขาวรอบนอก ไม่มีเซลล์ประสาทจะมีเฉพาะใย ประสาทที่มีเยือไมอิลินหุ ม ่ ้ 2. Gray matter เป็ นส่ วนสี เทา ประกอบด้วยใยประสาทที่ไม่มีเยือไมอิลินหุม ่ ้ และตัวเซลล์ประสาทซึ่งมีท้ งประเภทประสานงานและนาคาสัง ั ่ ศู นย์ ควบคุมระบบประสาทสมองแบ่ งออกเป็ น 3 ส่ วน คือ 1.) สมองส่ วนหน้า (forebrain หรื อ prosencepphalon) ประกอบด้วยเทเลนเซฟาลอน (telencephalo) และไดเอนเซฟาลอน (diencephalon) เทเลนเซฟาลอนคือสมองใหญ่ (cerebrum) ส่ วนไดเอนเซฟาลอนประกอบด้วยไฮโพทาลามัส (hypothalamus) ทาลามัส (thalamus) 2.) สมองส่ วนกลาง (midbrain หรื อ mesencephalon) ทาหน้าที่เป็ นส่ วนหนึ่งของก้าน สมองและเป็ นจุดศูนย์กลางของรี เฟลกซ์เกี่ยวกับการมองเห็น (visual reflex) และรี เฟลกซ์ เกี่ยวกับการได้ยน ิ 3.) สมองส่ วนท้าย (hindbrain หรื อ rhombencephalon) ประกอบด้วยเมดัลลาออบลอง กาตา (medulla oblongate) เซรี เบลลัม (cerebellum) และ พอนส์ (pons)
  • 13. สมองประกอบด้ วยส่ วนสาคัญ 9 ส่ วนใหญ่ ๆ ได้ แก่ 1.) ซีรีบรัม (Cerebrum) ่ เป็ นส่ วนของสมองที่อยูบนสุ ดของศีรษะ มีรูปร่ างเป็ นพูยอย ตั้งแต่หน้าผากไปตามรู ป ้ ของกะโหลกศีรษะจนถึงบริ เวณท้ายทอย มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 80% ของสมองทั้งหมด บริ เวณเปลือกนอกจะมีลกษณะเป็ นรอยหยัก ยับย่นจีบ เป็ นร่ องลึก เรี ยกว่า คอร์เทกซ์ (Cortex) ั สมองแท้จะเป็ นส่ วนที่มีความสาคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็ นศูนย์กลางในการควบคุมพฤติกรรม การเรี ยนรู ้ ความจา การวิเคราะห์ การใช้เหตุผล เป็ นต้น ในส่ วนของสมองแท้เองยังแบ่งออกได้ อีก 4 ส่ วนย่อย ซึ่งในแต่ละส่ วนจะมีหน้าที่การทางานแตกต่างกัน ดังนี้ - พูสมองส่ วนหน้า (frontal lobe) ในบริ เวณนี้จะแบ่งออกได้อีก 2 ซีก คือ ซีกซ้าย (left themisphere) และซีกขวา (right themisphere) โดยมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะ ่ ต่าง ๆ ทัวร่ างกาย หรื อเรี ยกส่ วนนี้วาเขตมอเตอร์ (motor area) แต่การสั่งงานจะกลับด้านกัน คือ ่ สมองซีกซ้ายจะควบคุมการทางานของอวัยวะด้านขวาของร่ างกาย ส่ วนสมองซีกขวาจะควบคุม การทางานของอวัยวะด้านซ้ายของร่ างกาย นอกจากนี้ยงเป็ นศูนย์กลางของอารมณ์ การพูด ั ความคิด การจา การเรี ยนรู ้ และการใช้ภาษาอีกด้วย
  • 14. - พูสมองส่ วนกลาง (Parietal lobe) เป็ นส่ วนที่ค่อนมาทางด้านหลังส่ วนบนใกล้กบเขต ั มอเตอร์ ทาหน้าที่รับความรู ้สึกต่าง ๆ ทัวไปของร่ างกาย หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตรับสัมผัส ่ ่ - พูสมองส่ วนข้าง (temporal lobe) เป็ นส่ วนที่อยูบริ เวณด้านข้างของสมองตรงขมับ มี หน้าที่เป็ นศูนย์กลางในการรับรู ้ในด้านรส กลิ่น เสี ยง และความเข้าใจด้านภาษา หรื ออาจเรี ยก ส่ วนนี้อีกอย่างหนึ่งว่าเขตการฟัง (auditory) ่ ้ - พูสมองส่ วนหลัง (occipital lobe) เป็ นบริ เวณที่อยูทายสุ ดของสมองแท้ตรงท้ายทอย มี หน้าที่ควบคุมการรับรู ้ทางสายตาให้เกิดการมองเห็นภาพต่าง ๆ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน หรื อ ่ อาจเรี ยกบริ เวณส่ วนนี้วา เขตการเห็น (visual area) 2.) สมองเล็ก (cerebellum) ่ เป็ นสมองส่ วนที่อยูบริ เวณท้ายทอยใต้สมองแท้ลงมา รู ปร่ างเหมือนใบไม้มีลกษณะเป็ น ั รอยหยักย่นเช่นกัน แต่นอยกว่าสมองแท้ ชั้นนอกเป็ นสี เทา (gray matter) ส่ วนชั้นในเป็ นสี ขาว ้ ่ (white matter) มีหน้าที่สาคัญคือช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ที่อยูภายใต้การควบคุมของสมองสามารถ ทางานประสานกันได้เป็ นจังหวะเดียวกันเพื่อทากิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง หน้าที่อีกประการหนึ่ง คือควบคุมการทรงตัวของร่ างกาย เนื่องจากสมองเล็กเป็ นตัวรับกระแสประสาทจากอวัยวะรับ สัมผัสที่ใช้ควบคุมการทรงตัวซึ่งอยูบริ เวณหูช้ นใน ทาให้เกิดความสมดุลในขณะที่ร่างกายกาลัง ่ ั ่ อยูในอิริยาบถต่าง ๆ 3.) ทาลามัส (thalamus) เป็ นส่ วนที่อยูต่อจากสมองแท้ลงมา ทาหน้าที่เป็ นศูนย์รับกระแสประสาทความรู ้สึกที่ถูก ่ ส่ งมาจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่ างกายเข้าสู่ ไขสันหลัง ผ่านก้านสมอง (medulla oblongata) พอนส์ และสมองส่ วนกลาง (midbrain) ตามลาดับ จนถึงทาลามัส จากนั้นทาลามัสจะจัดการแยกกระแส ประสาทเหล่านั้นเพื่อเข้าสู่ สมองเขตต่าง ๆ อีกทอดหนึ่ง และเมื่อสมองสั่งการเช่นใด ทาลามัสจะ รับคาสั่งนั้นส่ งเข้าสู่ สมองส่ วนกลาง พอนส์ ก้านสมอง และสู่ ไขสันหลัง เพื่อส่ งคาสั่งนั้นให้ไปมี
  • 15. ผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่ างกาย เท่ากับว่าทาลามัสเป็ นสถานีสุดท้ายในการจ่ายกระแสประสาท ให้กบสมอง และเป็ นสถานีแรกที่รับคาสั่งจากสมองเพื่อจ่ายไปสู่ อวัยวะต่าง ๆ นอกจากนี้ทา ั ลามัสยังทาหน้าที่ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กแรกเกิดในขณะที่สมองแท้ยงทางานได้ ั ไม่เต็มที่อีกด้วย 4.) ไฮโปทาลามัส (hypothalamus) อยูใต้ทาลามัสลงมาใกล้กบต่อมไร้ท่อพิทูอิทารี (pituitary gland) เป็ นกลุ่มของเซลล์ ่ ั สมองที่มีขนาดเท่าเมล็ดถัวลันเตา ไฮโปทาลามัสถือว่าเป็ นส่ วนประกอบสาคัญของระบบลิมบิก ่ ั (limbic system) และมีหน้าที่สาคัญในการสร้างความสมดุลให้กบระบบการทางานของร่ างกาย เช่น ควบคุมการทางานของต่อมพิทูอิทารี รักษาระดับความสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย การ หายใจ การหลับ การตื่น อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ปริ มาณน้ าตาลในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลในการทางานของระบบประสาทอัตโนมัติ นอกจากนี้ยงทาหน้าที่ควบคุม ั แรงขับ (drive) ต่าง ๆ เช่น ความหิว ความกระหายความต้องการทางเพศ เป็ นต้น ความสาคัญ ของไฮโปทาลามัสนี้เองบางครั้งจึงได้รับสมญาว่าผูพิทกษ์ร่างกาย (guardian of body) ้ ั 5.) ระบบลิมบิก (limbic system) ่ เป็ นเซลล์ประสาทที่กระจายอยูโดยรอบทาลามัสและไฮโปทาลามัส ระบบนี้ ประกอบ ด้วย ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) และอะมิกดาลา (amygdala) ทาหน้าที่ควบคุมความโกรธ และพฤติกรรมก้าวร้าวของมนุษย์และสัตว์ 6.) สมองส่ วนกลาง (midbrain) ่ เป็ นส่ วนที่มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ตั้งอยูใต้ทาลามัส โดยมีเซลล์ประสาทเป็ นตัว เชื่อมต่อกัน
  • 16. 7.) พอนส์ (pons) ่ ั ่ เป็ นส่ วนที่อยูถดลงมาจากสมองส่ วนกลาง ด้านขวาของพอนส์จะอยูติดกับสมองเล็ก (cerebellum) โดยมีใยประสาทเป็ นตัวเชื่อม จึงทาให้พอนส์เป็ นทางผ่านของกระแสประสาท ที่มาจากส่ วนล่างเข้าสู่ สมองแท้และสมองเล็ก เพื่อให้เกิดการประสานงานกันระหว่างสมองทั้ง สองชนิด เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้พร้อมกับการทรงตัวที่ดี เป็ นต้น 8.) ก้านสมอง (medulla oblongata) เป็ นส่ วนที่อยูต่อจากพอนส์ลงมา และเป็ นส่ วนสุ ดท้ายของสมอง โดยก้านสมองจะทา ่ หน้าที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง ภายในก้านสมองหรื อ เมดูลลาประกอบด้วย เส้นประสาทเป็ นมัด เพื่อส่ งกระแสประสาทที่ได้รับจากสมองผ่านส่ วนต่าง ๆ ลงมาตามลาดับ เพื่อส่ งเข้าสู่ ไขสันหลังและรับกระแสประสาทที่ส่งขึ้นมาจากไขสันหลังส่ งต่อไปสู่ ส่วนต่าง ๆ ของสมองตามลาดับเช่นกัน เท่ากับว่าก้านสมองเป็ นสถานีรับส่ งกระแสประสาทสุ ดท้ายที่ ่ เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง แต่เนื่องจากมัดของเส้นประสาทที่อยูภายในก้านสมองนั้น ั มีลกษณะไขว้กนเป็ นรู ปกากบาท จึงทาให้เส้นประสาทชุดที่มาจากร่ างกายซี กขวาจะไปเชื่อมต่อ ั กับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่ สมองซีกซ้าย และเส้นประสาทชุดที่มาจากร่ างกายซีกซ้ายจะไป เชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่ สมองซีกขวา จึงมีผลทาให้สมองซีกขวาควบคุมการทางาน ้ ของอวัยวะซีกซ้ายและสมองซีกซ้ายจึงควบคุมการทางานของอวัยวะซีกขวา นอกจากนี้กาน สมองยังทาหน้าที่ควบคุมการทางานของอวัยวะภายในบางชนิดอีกด้วย เช่น การเต้นของหัวใจ การขยายและหดตัวของปอด การย่อยอาหาร การยืดและหดตัวของเส้นเลือด เป็ นต้น 9.) เรติคิวลาร์ ฟอร์เมชัน (reticular formation) ่ เป็ นกลุ่มของเซลล์ประสาทบริ เวณก้านสมอง ทาหน้าที่ควบคุมสภาวะตื่นตัวของร่ างกาย การแสดงอาการงุนงง เป็ นต้น
  • 17. 2. ไขสันหลัง (spinal cord) เป็ นส่ วนที่ต่อเนื่องมาจากสมองส่ วนปลายมีจุดตั้งต้นมาจากบริ เวณ base of skull ลงมา ตามกระดูกสันหลัง (vertebral column) มีความยาวประมาณ 42-45 ซม. มีเส้นประสาทไขสัน หลัง (spinal nerve) จานวน 31 คู่ออกจากไขสันหลัง แต่ละ spinal nerve ประกอบไปด้วย dorsal root และ ventral root ส่ วนที่เป็ น dorsal root จะประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทที่ทาหน้าที่รับ ข้อมูลจาก sensory neurons ส่ วน ventral root ประกอบไปด้วย axon ของ motor neuron ซึ่งนา คาสั่งไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ (effector) เป็ นส่ วนของระบบประสาทที่ต่อออกมาจากเมดัลลาออบลองกาตา อยูภายในกระดูกสัน ่ หลัง ตั้งแต่กระดูกสันหลังข้อแรกจนถึงกระดูกสันหลังบริ เวณบั้นเอวข้อที่ 2 และมีเยือหุม ่ ้ เช่นเดียวกับสมอง ไขสันหลังบริ เวณอกและเอวขยายกว้างกว่าส่ วนอื่น ๆ เมื่อเลยกระเบนเหน็บลงไปแล้ว จะเรี ยวเล็กจนมีลกษณะเป็ นเส้นไม่มีเยือหุม ดังนั้นการฉีดยาเข้าที่บริ เวณไขสันหลังและเจาะน้ า ั ่ ้ บริ เวณไขสันหลังจึงทากันต่ากว่ากระดูกสันหลังเอวข้อที่สองลงมา เส้นประสาทที่แยกออกจากไขสันหลังมีท้ งหมด 31 คู่ เป็ นเส้นประสาทประสม ั (mixed never)แบ่งออกเป็ นทั้งหมด 5 บริ เวณดังนี้ - เส้นประสาทบริ เวณคอ (cervical never) 8 คู่ - เส้นประสาทบริ เวณอก (thoracal never) 12 คู่ - เส้นประสาทบริ เวณอว (lumbar never) 5 คู่ - เส้นประสาทบริ เวณกระเบนเหน็บ (sacral never) 5 คู่ - เส้นประสาทบริ เวณก้นกบ (coccygeal never) 1 คู่
  • 18. ปล้องของไขสั นหลัง ไขสันหลังของมนุษย์แบ่งออกเป็ น 31 ปล้อง (segments) ในแต่ละปล้องจะมีคู่ของ เส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerve) ออกมาจากด้านซ้าย-ขวา ซึ่งเส้นประสาทเหล่านี้เป็ น เส้นประสาทที่มีเส้นใยประสาทแบบผสม คือมีท้ งส่ วนที่รับความรู ้สึกและสังการ รากเล็กๆ ของ ั ่ ประสาทสังการ (motor nerve rootlets) 6–8 เส้น จะงอกออกมาอย่างสม่าเสมอจากแต่ละข้างของ ่ ่ ้ ร่ องด้านท้องร่ วมด้านข้าง (ventro lateral sulci; ร่ องของไขสันหลังที่อยูดานท้องและค่อนมา ด้านข้าง ทั้งสองข้างของไขสันหลัง) รากประสาทเส้นเล็กๆจะรวมตัวกันเป็ นรากอันใหญ่เรี ยกว่า รากประสาท ซึ่งในส่ วนของเส้นประสาทรับความรู ้สึกเองก็เช่นกัน ที่จะมีเส้นรากประสาทเล็กๆ งอกออกมาจากบริ เวณร่ องด้านหลังร่ วมด้านข้าง (dorsal lateral sulci; ร่ องของไขสันหลังที่อยู่ ด้านหลังและค่อนมาด้านข้าง) และรวมกันเป็ นเส้นรากขนาดใหญ่ ทั้งรากประสาทส่ วนรับ ความรู ้สึกและสังการนั้นจะรวมกันอีกทีเป็ นเส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerves) ซึ่ง ่ ประกอบด้วยเส้นใยประสาทแบบผสม คือมีท้ งส่ วนที่รับความรู ้สึกและสังการ เส้นประสาทไข ั ่ สันหลังจะก่อตัวขึ้นภายในช่องระหว่างกระดูกสันหลัง (intervertebral foramen; IVF) ยกเว้น เส้นประสาทในระดับ C1 and C2 เนื่องจากกระดูกสันหลังมีความยาวมากกว่าไขสันหลัง ดังนั้นในผูใหญ่ ปล้องไขสันหลัง ้ จะมีหมายเลขระดับไม่ตรงกับระดับของชิ้นกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะในส่ วนล่างๆของไขสัน หลัง ซึ่งต่างจากในทารกในครรภ์ที่จะมีชื่อระดับตรงกัน ในผูใหญ่ไขสันหลังจะสิ้ นสุ ดที่ระดับ ้ กระดูกสันหลังที่ L1/L2 และกลายตัวเป็ นโครงสร้างที่เรี ยกว่า โคนัส เมดัลลาริ ส (conus medullaris)
  • 19. หน้ าทีของไขสั นหลัง ่ 1. เป็ นศูนย์กลางของ spinal reflex 2. ตาแหน่งแรกที่รับสัญญาณประสาทจากระบบรับความรู ้สึกเพื่อที่จะนาส่ งต่อไปยังสมอง 3. เป็ นตาแหน่งที่สิ้นสุ ดของสัญญาณประสาทที่มาจากระบบประสาท motor เนื่องจากมี anterior motor neurons ที่จะเป็ นเซลล์ประสาทที่รับคาสังจาก corticospinal tract และสังการไป ่ ่ ยังเซลล์กล้ามเนื้อ 4. เป็ นทางเดินของกระแสประสาททที่ติดต่อระหว่างไขสันหลังและสมอง 5. เป็ นศูนย์กลางของระบบประสาทออโตโนมิก (autonomic nervous system) spinal cord Reflex เป็ นกลไกการตอบสนองที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากถูกกระตุน เกิดได้เนื่องจากมี ้ synapse ของ sensory และ motor neuron โดยตรง spinal reflex ได้แก่
  • 20. 1. spinal somatic reflex เช่น - stretch reflex เป็ น reflex ที่เกิดเมื่อมีการยืดกล้ามเนื้อแล้วมีการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทันที มีประโยชน์ในการทาให้กล้ามเนื้อมีความตึง และทาให้การเคลื่อนไหวของร่ างกายเป็ นไป ได้อย่างราบเรี ยบ - flexor reflex เป็ น reflex ที่เกิดเมื่อมีสิ่งกระตุนความรู ้สึกต่อแขนขาแล้วทาให้กล้ามเนื้อ ้ flexor ของแขนขาหดตัวอย่างรุ นแรงเพื่อดึงแขนขาออกจากสิ่ งกระตุน ้ 2. spinal autonomic reflex มีระบบประสาทออโตโนมิกเป็ น motor pathway และ effector organs เป็ นกล้ามเนื้อ เรี ยบ กล้ามเนื้อหัวใจและต่อมต่างๆเช่น มีการกระตุนให้มีการหลังเหงื่อจากการที่ผวหนังสัมผัส ้ ่ ิ กับความร้อน
  • 21. ระบบประสาทส่ วนปลาย หรือ ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral nervous system - PNS) ระบบประสาทส่ วนปลาย หรือ ระบบประสาทรอบนอก ประกอบไปด้ วย 2 ส่ วน คือ 1. sensory division (afferent) ประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่ทาหน้าที่ในการรับสัญญาณ ประสาทจากทั้งภายในและภายนอกร่ างกายและนาส่ งไปยังสมองส่ วนกลาง 2. motor division (efferent) ประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่รับคาสั่งการปฏิบติงานจากระบบ ั ประสาทส่ วนกลางไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ
  • 22. ระบบประสาทส่ วนปลายประกอบด้ วย 1. sensory-somatic nervous system ประกอบไปด้วย เส้นประสาทสมอง 12 คู่ และเส้นประสาท สันหลัง 31 คู่ - cranial nerve เส้นประสาทสมองทั้ง 12 คู่น้ นมีหน้าที่ในการรับความรู ้สึกและการ ั เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริ เวณใบหน้า ในปากและคอ เส้นประสาทสมองบางคู่มีเฉพาะส่ วนที่ เป็ น sensory บางคู่กเ็ ป็ น motor อย่างเดียว และมีบางคู่เป็ นแบบผสม - spinal nerves เส้นประสาทสันหลังทุกเส้นประกอบไปด้วยส่ วนที่เป็ น sensory และ motor ซึ่งจะทางานภายใต้อานาจจิตใจ ่ 2. autonomic nervous system เป็ นการควบคุมการทางานของร่ างกายที่อยูภายนอกจิตใจ ประกอบไปด้วยทั้งส่ วนที่เป็ น sensory และ motor ซึ่งวิงระหว่าสมองส่ วนกลาง (บริ เวณ ่ hypothalamus และ meduula oblongata) และอวัยวะภายในต่างๆเช่น หัวใจ ปอด กระเพาะ เป็ น ต้น แบ่งเป็ น 2 ระบบคือ sympathetic และ parasympathetic nervous system ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้จะ สั่งงานตรงข้ามกันในแต่ละอวัยวะ - sympathetic nervous system จะถูกกระตุนในกรณี ฉุกเฉิน ผลจากการกระตุนเช่น หัว ้ ้ ใจเต้นเร็วขึ้น เลือดไปเลี้ยงหัวใจมากขึ้น การย่อยอาหารลดลง - parasympathetic nervous system ผลจากการกระตุนระบบนี้ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับการ ้ กระตุน sympathetic ผลการออกฤทธิ์ เช่น หัวใจเต้นช้าลง ลาไส้ทางานมากขึ้น ้
  • 23. อาการทีบ่งชี้ว่ามีความผิดปรกติของระบบประสาท ่ ่ ั อาการที่ผป่วยมีข้ ึนอยูกบตาแหน่งของรอยโรค เช่น ู้ 1. ปวดศีรษะ 2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง 3. ชา 4. ซึม หรื อหมดสติ 5. ชัก โรคหรือภาวะผิดปรกติของระบบประสาท การบาดเจ็บของระบบประสาท เช่นได้รับอุบติเหตุทาให้เกิดอันตรายต่อสมองไขสันหลัง ั ่ ั และเส้นประสาท ผลกระทบที่เกิดขึ้นขึ้นอยูกบตาแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บและความรุ นแรง ผูป่วย ้ อาจเกิดอัมพาต หรื อไม่รู้สติเป็ นเจ้าหญิงนิทรา โรคหลอดเลือดสมอง อาจเป็ นโรคหลอดเลือดสมองตีบทาให้เกิดการตายของเนื้อสมอง ้ ่ ั หรื อหลอดเลือดในสมองแตกทาให้มีกอนเลือดในสมอง อาการของผูป่วยขึ้นอยูกบตาแหน่งของ ้ รอยโรค ผูป่วยมักจะเกิดอัมพาตครึ่ งซีก ภาวะนี้เกิดในผูที่มีปัจจัยเสี่ ยงเช่นความดันโลหิตสู ง ้ ้ เบาหวาน โรคติดเชื้อของระบบประสาทกลาง เช่นโรคสมองอักเสบ การติดเชื้อของเยือหุมสมอง ฝี ่ ้ ในสมอง ผูป่วยอาจมีความผิดปรกติของการรู ้สติ ชัก โรคสมองเสื่ อม พบในคนชรา ผูป่วยมี ้ ้ อาการหลงลืม ความจาเสื่ อม
  • 24. ความผิดปรกติทางเมตาโบลิก เช่นการขาดวิตามินหรื อสารอาหาร ผูป่วยที่ขาดวิตามิน B ้ ทาให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ผูป่วยโรคเบาหวานก็อาจมีอาการที่ ้ เกิดจากเส้นประสาทอักเสบได้เช่นกัน มะเร็งของระบบประสาท เช่นมะเร็งของสมอง หรื อมะเร็งของอวัยวะอื่นที่แพร่ กระจาย มาที่สมอง ผูป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้ อรัง หรื อมีอาการอ่อนแรง หรื ออาการผิดปรกติอื่น ้ ่ ั ขึ้นอยูกบตาแหน่งของรอยโรคอื่นๆ เช่น โรคลมชัก (epilepsy) ไมเกรน ทาหน้าที่รับและนาความรู ้สึกเข้าสู่ ระบบประสาทส่ วนกลางได้แก่ สมองและไขสัน หลังจากนั้นนากระแสประสาทสั่งการจากระบบประสาทส่ วนกลางไปยังหน่วยปฎิบติงาน ซึ่ง ั ประกอบด้วยหน่วยรับความรู ้สึกและอวัยวะรับสัมผัส รวมทั้งเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ ่ อยูนอกระบบประสาทส่ วนกลาง ระบบประสาทรอบนอกจาแนกตามลักษณะการทางานได้ 2 แบบ ดังนี้ 1. ระบบประสาทภายใต้อานาจจิตใจ เป็ นระบบควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อที่บงคับ ั ได้ รวมทั้งการตอบสนองต่อสิ่ งเร้าภายนอก 2. ระบบประสาทนอกอานาจจิตใจ เป็ นระบบประสาทที่ทางานโดยอัตโนมัติ มี ่ ศูนย์กลางควบคุมอยูในสมองและไขสันหลัง ได้แก่ - การเกิดรี เฟลกซ์แอกชัน (Reflex Action) และเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุนที่อวัยวะรับสัมผัส ้ เช่น ผิวหนัง กระแสประสาทจะส่ งไปยังไขสันหลัง และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนองไปยัง ่ กล้ามเนื้อ โดยไม่ผานไปที่สมอง เมื่อมีเปลวไฟมาสัมผัสที่ปลายนิ้วกระแสประสาทจะส่ งไปยัง ่ ไขสันหลังไม่ผานไปที่สมอง ไขสันหลังทาหน้าที่ส่ังการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว เพื่อ ดึงมือออกจากเปลวไฟทันที