Contenu connexe
Plus de SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
Plus de SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
โบราณสถานหอบวงสรวงสวรรค์
- 1. หอบวงสรวงสวรรค์
"หอเทียนถาน" หรือ "หอบวงสรวงสวรรค์" ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่งนั้น เริ่มสร้างเมื่อปี
ค.ศ.1420เป็นสถานที่ประกอบพิธีสักการบูชาฟ้าและดินของ กษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) และ
ชิง (ค.ศ.1644-1911) ของจีนซึ่งเป็นพระราชพิธีที่กระทาขึ้นเพื่อบวงสรวงฟ้าขอฝนให้พืชผลใน ไร่นาอุดม
สมบูรณ์และ พสกนิกรอยู่ร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง บนพื้นที่กว่า 2.7 ล้านตารางเมตรของเทียนถาน ซึ่งมีขนาด
ใหญ่กว่า "กู้กง" หรือ "พระราชวังโบราณ" ถึง 4 เท่านั้น ประกอบด้วยกาแพงโอบล้อม 2 ชั้น ซึ่งแบ่งเรียกเป็น
"เขตชั้นนอก" คือ พื้นที่ในส่วนระหว่างกาแพงชั้นในกับชั้นนอก และ "เขตชั้นใน" คือ พื้นที่ใจกลางที่
ล้อมรอบอยู่ด้านในของกาแพงชั้นในและจากความเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องของฟ้าและดินของชาวจีนในสมัย
โบราณที่ว่า “แผ่นฟ้าโค้ง ผืนดินเหลี่ยม” และ “ฟ้าสูง แผ่นดินต่า” จึงได้มีการออกแบบก่อสร้าง "เทียนถาน"
ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมพิเศษที่ เน้นความเชื่อดังกล่าว คือ ให้กาแพงด้านทิศเหนือสูงกว่าด้านใต้และมี
ลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมส่วนด้านใต้จะต่ากว่าและเป็นรูปเหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งถูกเรียกว่า "กาแพงฟ้าดิน"
สาหรับสิ่งปลูกสร้างสาคัญต่าง ๆ ในเทียนถาน เช่น "หยวนชิว" หรือ "แท่นบวงสรวงฟ้า" "ฉี่เหนียนเตี้ยน"
หรือ "ตาหนักสักการะ" และ "ตาหนักหวงฉุงยูว์" หรือ "หอเทพสถิต" เป็นต้น ต่างก็เป็นทรงกลมเป็น
สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นปรากฏการณ์แห่งดวงดาว "ฉีเหนียนเตี้ยน" หรือ "ตาหนักสักการะ" เป็นสิ่งปลูก
สร้างที่มีเอกลักษณ์ของจีนและก็เป็นสิ่ง ปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่สวยงามและโดดเด่นที่สุดในเทียนถาน เป็น
สถานที่สาหรับบวงสรวงฟ้า เพื่อขอให้พืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ตาหนักนี้มี
เส้นผ่าศูนย์กลาง32เมตรและมีความสูงราว 40 เมตร เป็นตาหนักทรงกลมโครงไม้โดยมีหลังคาลักษณะพิเศษ
ที่ไม่มีคานไม้เลย ส่วนเสาใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางห้องโถงทั้ง 4 เสานั้นต่างมี ความสูงราว 20 เมตร เป็น
สัญลักษณ์แห่งความหมายของ 4 ฤดูกาลในรอบหนึ่งปีนั่นเอง อีก 12 เสาที่เล็กกว่าซึ่งก็ตั้งอยู่ในห้องโถงใหญ่
ของฉีเหนียนเตี้ยนเช่นกันนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเดือนทั้ง 12 เดือนในรอบหนึ่งปีนั่นเอง นอกจากนั้น
- 2. ยังมีอีก12เสาที่รวมเข้าอยู่กับกาแพงของ "ฉีเหนียนเตี้ยน" ด้วยกันซึ่งมีความหมายว่า วันหนึ่งมี 12 ช่วงและ
แต่ละ ช่วงในอดีตนั้นตรงกับเวลา 2 ชั่วโมงในสมัยปัจจุบัน ส่วนฝ้าเพดานในห้องโถง ที่เป็นรูปปั้นมังกร 9
ตัวนั้นมีสีสันหลากหลาย มีความประณีตและมีความโอ่อ่างดงามยิ่ง ส่วนยอดหลังคาที่หุ้มทองนั้นมีความงาม
สอดคล้องกับหลังคา กระเบื้องเคลือบสีน้าเงินอย่างกลมกลืน อีกทั้งตาหนักนี้ได้สร้างบนแท่นหินอ่อนสีขาว
สามชั้นที่มีความใหญ่โต ยิ่งทาให้ลักษณะ ของ "ฉีเหนียนเตี้ยน" มองดูแล้วช่างยิ่งใหญ่และงดงามตระการตา
ยิ่ง
"หยวนชิว" หรือ "แท่นบวงสรวงฟ้า" มีลักษณะทรงกลม เป็นสถานที่สาหรับประกอบพิธีเซ่นไหว้ฟ้าในช่วง
ฤดูหนาวของแต่ละปีและ ขอฝนในช่วงฤดูร้อน โดยเมื่อย่างเข้าสู่เหมันฤดู จักรพรรดิจะต้องเสด็จมา ณ
สถานที่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอบคุณสวรรค์ที่ ช่วยบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแห่งพืชผลมาตลอดปี รวมถึง
ขอให้ไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดินอยู่ร่มเย็นเป็นสุขในปีต่อ ๆ ไป "แท่นบวงสรวงฟ้า" มีฐานทั้ง 3 ชั้น สร้างขึ้นจากหิน
อ่อนสีขาว ซึ่งมีความสูงกว่า 5 เมตร เมื่อยืนอยู่จากจุดของ "แท่นบวงสรวงฟ้า"แล้ว มองไปทั้งสี่ทิศจะ
สามารถเห็นท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ส่วนจุดของพื้นที่เท้ากาลังสัมผัสอยู่นั้นเป็นฐาน
หินสีขาวอมเทา ทาให้รู้สึกประดุจยืนอยู่ท่ามกลางมวลหมอกในท้องทะเลกว้างหรือเหมือนอยู่บนชั้นอวกาศ
สถาปัตยกรรมของ "หยวนชิว" ก็มีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เช่นกัน จานวนก้อนหินที่ใช้ในการ ก่อสร้าง
นั้นต่างผูกพันกับหมายเลข "9" เพื่อแสดงให้เห็นปรากฏการณ์ของดวงดาว อย่างเช่น พื้นหินส่วนใจกลาง
แท่นบูชาฟ้าชั้นบนสุด โดยแผ่นหินลักษณะคล้ายรูปพัด จะเรียงกระจายตัวออกไปเป็นรัศมีวงกลม เพิ่มขึ้นที
ละ 9 แผ่น ทบไปเรื่อยๆ รวมทั้งสิ้น 3,402 แผ่น หินแต่ละก้อนจะมีขนาด และการจัดวางที่ประณีตยิ่ง แม้ได้
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นเวลานับร้อย ๆ ปี ก็ยังสามารถคงสภาพ สมบูรณ์และเป็นระเบียบเหมือนเมื่อแรก
สร้างจนถึงปัจจุบันอย่างน่าอัศจรรย์ ตามความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ เรียกที่นี่ว่า "สวรรค์ 9 ชั้น" เป็น
จุดสูงสุดและเชื่อว่า เป็นที่ประทับของเทพเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ การคานวณ การใช้วัสดุก่อสร้างและการ
ก่อสร้างเป็นต้นของสิ่งปลูกสร้างวงกลมต่างมี ความสลับซับซ้อนมากกว่าสิ่งปลูกสร้างทรงสี่เหลี่ยม หากยืน
อยู่ ณ ตาแหน่งหินใจกลางแท่นบูชาฟ้าแห่งนี้ แล้วตะโกนออกไปเพียงเบาๆเท่านั้น ก็จะมีเสียงสะท้อนก้อง
ตอบกลับมาให้ได้ยินในทันท่วงทีอีกด้วย โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของ "เทียนถาน" ที่มีความ
สลับซับซ้อนและมีความเป็นวิทยาศาสตร์นี้ต่างสะท้อนให้เห็นระดับของวิทยาการสมัยใหม่ด้าน
สถาปัตยกรรม ในยุคกลางของศตวรรษที่ 16 ของจีนได้อย่างน่าทึ่ง
สาหรับสีสันที่ใช้ในการตกแต่งสิ่งปลูกสร้างของ "หอเทียนถาน" นั้นก็มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ในสมัยนั้น เนื่องจากว่า ในสมัยโบราณของจีน มักจะใช้สีเหลืองอร่ามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอานาจแห่งพระ
จักรพรรดิที่ล่วงละเมิดไม่ได้นามาตกแต่งพระราชวังแต่ในการตกแต่ง "หอเทียน ถาน" นั้นกลับใช้สีน้าเงิน
ซึ่งเป็นสีของฟ้ามาเป็นสีสันสาคัญ สิ่งปลูกสร้าง สาคัญอื่น ๆ ใน "เทียนถาน" ต่างก็มุงด้วยหลังคากระเบื้อง
เคลือบที่เป็นสีน้าเงินเช่นกัน พอเดินเข้าสู่"เทียนถาน" ก็จะเห็นสีน้าเงินเป็นส่วนใหญ่ซึ่งช่วย เพิ่มสีสันและ
- 3. เสริมความหมายอันทรงพลังให้แก่"เทียนถาน"ที่เป็นสถานที่ สาหรับประกอบพระราชพิธีสักการบูชาฟ้า ยิ่ง
ทาให้ผู้คนตระหนักถึงความหมายอันลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ของ "เทียนถาน" แห่งนี้ นอกจากนี"เทียนถาน"ยังมี
้
สิ่งปลูกสร้างที่สาคัญและโดดเด่นอื่น ๆ อีก ได้แก่ "เทียนซินสือ" หรือ "หินใจกลางสวรรค์" หินแผ่นนี้มี
ความสาคัญ คือ หากยืนอยู่ ณ หินก้อนนี้แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ก็จะทาให้มีเสียงสะท้อนก้องตอบ กลับมาให้
ได้ยินในทันทีอีกด้วย นับเป็นหินสัญลักษณ์ที่ต้องการสะท้อนความหมายว่า เมื่อจักรพรรดิได้พระราชทาน
พระดาริในกิจการใดก็ตาม ประชาชนทั่วไปทุกคนต่างก็จะต้องรีบตอบสนองพระราชประสงค์ทันที มิฉะนั้น
ก็จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนเจตนาแห่งสวรรค์ เพราะเชื่อกันว่า จักรพรรดิเป็นโอรสสวรรค์นั่นเอง "สะพานตัน
ปี้" ที่มีความยาว 360 เมตรและมีความกว้าง 30 เมตรนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างตาหนัก "ฉีเหนือนเตี้ยน" กับ
"แท่นบวงสรวงฟ้า" โดยทางเดินที่เหยียดยาวจากด้านใต้ที่สูงเพียง 1 เมตรนั้น จะค่อยๆเพิ่มความสูงขึ้นจนไป
สูงสุดที่จุดหมายปลายทางด้านเหนือที่มี ความสูงถึง3เมตรได้แฝงความหมายสาคัญเอาไว้ว่าในแต่ละก้าวที่
องค์จักรพรรดิ์เสด็จย่าพระบาทผ่านมาบนเส้นทางสายนี้ จะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งถูก
เรียกว่า"เสินเต้า"หรือ"ทางศักดิ์สิทธิ์"เป็นทางเดินของสวรรค์และเทพเทวดาองค์ต่าง ๆ โดยถนนฝั่งซ้าย
สาหรับองค์จักรพรรดิเสด็จผ่าน ส่วนถนนฝั่งขวาสาหรับขุน นางชั้นผู้ใหญ่
"ตาหนักหวงฉุงยูว์" หรือ"หอเทพสถิต" เป็นสถานที่ประดิษฐานแผ่นป้ายองค์เทพเทวาทั้งหลายโดย
เป็นอาคารสูง 19.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐาน 15.6 เมตร สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง สาหรับกาแพงสะท้อนเสียง
ที่มีชื่อเสียงเรืองนามไปทั่วโลกนั้นก็เป็นกาแพงทรงกลมรอบนอกของหอเทพสถิต มีความยาว 193.2 เมตร
สูง 3.7 เมตร และหนา 0.9 เมตร สามารถส่งผ่านเสียงผ่านไปถึงผู้ยืนอยู่ที่กาแพงฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
แม้เสียงนั้นจะเบาราวกับเสียงกระซิบระหว่างคู่รักกันก็ตาม
"ไจกง" หรือตาหนักรักษาศีล ซึ่งเป็นสถานที่ประทับในช่วงถือศีลกินเจก่อนถึงวันจัดพระราชพิธี
ต่าง ๆ ของจักรพรรดินั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ "ตาหนักฉีเหนียน เตี้ยน" ส่วนฐานสร้างด้วยหิน
อ่อนสีขาว เดิมทีเรียกตาหนักนี้ว่า "ตาหนักไร้คาน"เนื่องจากส่วนหลังคาของอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นโดยไม่
ต้องใช้คานไม้นั่นเอง นอกจากนั้น "หอเทียนถาน" ยังได้สร้างระบบภาวะนิเวศที่ส่งเสริมให้มนุษย์อยู่กับ
ธรรมชาติได้อย่างประสานกลมกลืนกันด้วยการปลูกต้นไม้ร่มรื่นจานวนมากและยังปลูกพืชคลุมดินอย่าง
สมบูรณ์ไว้อีกส่วนหนึ่ง เมื่อท่าน เดินเข้าสู่"หอเทียนถาน"ก็จะเห็นต้นไม้สูงใหญ่เขียวชอุ่มให้ความร่มเย็นอยู่
ทั่วไปโดยเฉพาะต้นไป๋ ที่มีอายุหลายร้อยปีแผ่กิ่งก้านโน้มเข้าหากันจานวนมาก ซึ่งได้สร้างบรรยากาศที่เคร่ง
ขรึมสง่างามน่าเกรงขามให้กับ "หอเทียนถาน" ยิ่งขึ้น ตามสถิติที่มีผู้ศึกษาไว้ เฉพาะต้นไป๋ภายใน "เทียน
ถาน" ก็มีจานวนมาก กว่า 4,000 ต้นแล้ว เพราะตามความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ สีเขียวเป็นสัญลักษณ์
แสดงถึง "ความเคารพระลึกถึงและความปรารถนา" ทั้งนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทาให้คนจีนมักจะปลูกต้นสน และ
ต้นไป๋ไว้ตามหอสักการะวัดวาอารามและสุสานต่างๆซึ่งมีให้เห็นทั่วประเทศนั่นเอง "เทียนถาน" นับเป็น
กลุ่มสิ่งปลูกสร้างสาคัญที่ยังคงสภาพความสวยงาม ขนาดใหญ่โตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนใน